แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ต้องตั้งใจฟังให้สำเร็จประโยชน์ เรื่องการลาสิกขา ต้องทำในใจให้ถูกต้องว่าลาเฉพาะสิกขา อย่างภิกษุ สิกขาอื่นๆ ไม่ได้ลา มีสิกขาของความเป็นพุทธบริษัท เป็นศีล สมาธิ ปัญญา นี้ไม่ได้ลา อย่างที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะนั้นไม่ได้ลา แต่ว่าลาเล็กๆ เฉพาะสิกขาอย่างภิกษุ นี้เราต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องและเป็นความรู้ด้วยและเป็นการกระทำที่ต้องไม่ผิดพลาดเสียหายเลย เพราะว่าการลาสิกขานี้ กระทำด้วยจิตใจ ผู้มาลาสิกขาต้องมาทำจิตใจ ถ้าจิตใจไม่ลาก็ไม่เป็นการลา มีปัญหาเฉพาะบุคคลที่ไม่อยากจะลาแต่ถูกบังคับให้ลา นี้มีปัญหา แต่เราไม่มีปัญหา เพราะเรากำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะบวชเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ พอถึงเวลาลาสิกขาเลยจิตใจย่อมเป็นไปเอง
การจะได้บวชนี้เป็นการถือโอกาสฝึกฝนการบังคับตนเอง บังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นพิเศษอีกสักคร่านึง หากไม่เคยบวช ย่อมไม่เคยรับบทเรียนอันนี้ ไม่เคยรับบทเรียนอันนี้ ไม่เคยฝึกบทเรียนอันนี้ เป็นคนที่ทำอะไรไปตามความ พลุ่นพลั่น ไม่ค่อยมีสติสัมปชัญญะ ทำด้วยอำนาจกิเลส จึงมีเรื่องผิดพลาดมากเป็นทุกข์มากอาจจะถึงเสียหายมาก นั้นจึงควรมีโอกาส ฝึกฝนตน ในความควบคุมตน ให้อยู่ในความควบคุมไว้ ทำอะไรถูกต้องมาก คือมันไม่พลาด มันผิดน้อย ลุอำนาจแห่งกิเลส คือ ความพินาศของคน ลุอำนาจแห่งความโลภ ลุอำนาจแห่งความโกรธ ลุอำนาจแห่งความหลงบ้าง ก็มีแต่เสียหาย
หัดบังคับควบคุมอำนาจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้สุดความสามารถของตน มันก็จะควบคุมได้ เราจะไม่ทำอะไรไปตามอำนาจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง อย่างเต็มที่ มันทำด้วยความควบคุมได้ มันดีที่สุดอยู่ตรงนั้นตั้งแต่บวชมา ไม่มีอะไรดีกว่านั้น นี้เราจะได้ประพฤติปฏิบัติ ศีล สิกขา สุดความสามารถของเรา มันจะกลายเป็นคุณค่า ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง กาย วาจา ใจ นิสัย ความเห็น ความคิด ให้มันดีขึ้นบ้างตามสมควร แล้วแต่ว่าในระหว่างที่บวช เรานั้นได้พยายามที่มากน้อย เราได้พยายามมากในเวลาบวช ก็มีผลมาก อย่าลืมเสียมันได้ปฏิบัติอย่างไร มันได้เคยควบคุม ความรู้สึก คิดนึก อะไรได้อย่างไร มันต้องเอาไปใช้ตลอดไป อย่างน้อยที่สุด ให้เราเป็นผู้ที่บังคับตัวเองได้มากกว่าก่อน มีการกระทำ หุ่นหัน พลุ่นพลั่น ให้น้อยกว่าก่อน เป็นผู้ที่มีสติสัมปชัญญะ หนักแน่น นี้ก็จะได้ผลของการบวช และมันก็จะเป็นพร แปลว่าความดี พร แปลว่าความดี อยู่ในตัวตลอดเวลา บวชแล้วแต่ว่าลืมหมด นี่ก็เท่ากับว่าไม่ได้บวช มันต้องไม่ลืม การที่เราได้ประพฤติ ปฏิบัติ ควบคุมตัวเอง เล่นงานตนเอง กิเลสนั้น ได้เท่าไหร่ อย่างไร เราต้องเอาให้ได้ รักษาไว้ให้ได้
แนะนำให้เอาจีวร บาต ทั้งจีวร ทั้งบาตร ให้เอาไว้ เก็บไว้ในตู้ ในห้องสมุด หรือห้องพระ เพราะเหลือบเห็นผ้าเหลืองนี้มันสะกิตใจได้มาก มันตักเตือนได้มาก มันจะทำให้เกิดหิริโอตัปปะ คือความละอายในความผิดพลาดมากขึ้น หลายคนว่าได้ผลได้ดีกว่าถ่ายรูป บางคนถ่ายรูปเป็นพระไว้สำหรับเตือนตัวเอง ยังไม่ดีเท่าผ้าเหลือง เท่าบาตร เอาไปตั้งไว้สำหรับตักเตือนตัวเองในห้องส่วนตัว ในห้องที่เหมาะสม บางทีเด็กๆ ได้เห็นมันเกิดอยากบวชขึ้นมาบ้าง เป็นตัวอย่างเป็นอะไรที่ดี นี้รวมความว่าขอให้การบวชนี้มีผลประทับใจติดไปตลอดกาล
น่าจะพูดว่ายังบวชได้อีกหากเราพอใจ 1 เดือน ครึ่งเดือนหากจะปฏิบัติ หาความสงบ ฝึกฝนการบังคับตัวใหม่ให้พอ ยังบวชได้อีก โดยไม่ต้องบวชพระเหลืองๆ บวชของเราเอง ตัดธุระการงาน เหมือนว่าเราอยากบวชอีกสัก 1 เดือน เราบวชได้ เราก็ตัดธุรการงานไปตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน ปฏิบัติเหมือนกับเป็นพระนะ บางครั้งมันยังได้ผลมาก ดีกว่ามาบวชพระเหลืองๆ อีก นี้มันผิดธรรมเนียมเขาจะว่าคนหลายบวช เราก็บวชไม่ไห้ใครรู้ ทำไรไม่ให้ใครรู้ ถือบวช 1 เดือน ครึ่งเดือนบ้าง มันคงจะดี ดีแน่ๆ เพราะว่ามันๆ ยังไม่ถึงที่สุดที่เคยทำมาแล้ว นี้มันยัง มันยังไม่ได้เท่าไหร่ มันได้เพราะ (ฟังไม่ชัด เวลา 17:06) นี้ก็หัดบวช หัดไรเสียใหม่ โดยไม่ต้องให้ใครรู้ มันก็ยังทำได้
ดังนั้น ต่อไปนี้คงจะมีสติสัมปชัญญะมากขึ้น บังคับตัวได้มากขึ้น มีความหุนหันน้อยลง แม้แต่ว่าพูดน้อยลง ก็ไม่ค่อยพูดไม่ต้องพูด คิดมาก มีสติสัมปชัญญะมากก็ดี ได้ประโยชน์ได้อานิสงค์ของการบวช เมื่อเราผู้บวชก็ได้ บิดามารดาก็ได้ เพื่อนมนุษย์ ศาสนา ส่วนรวมก็ได้ เพราะว่าเราออกมาไปเป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ถ้าจะถือกันสักอย่าง ถ้าให้ดีต่อไปนี้จะมีอะไรก็ไม่ผิดพลาด ถ้าเราเคยผิดพลาด สึกไปจากที่นี้จะไม่มีความผิดพลาดชนิดนั้นอีกต่อไป ไปคิดนึก ไปแยกเอาเองว่าอะไรเป็นความผิดพลาด ไม่ควรจะผิดพลาดอีกต่อไป ถือโอกาสแก้เป็นจุดเบื้องต้น อย่าให้มีความผิดพลาดในข้อนั้นที่นั้นอีกต่อไป ก็จะดีมาก ทุกอย่างจะดีมากทีเดียว นี้ว่าได้บวชได้เรียน ไห้ศีลให้พร อย่าทำพอสักว่าพิธี ได้บวชพอเป็นพิธี อะไรก็เป็นพิธี นั้นมันจะเลือนหายไปหมดจะไม่ได้อะไร เราต้องได้การเปลี่ยนแปลง ต้องรู้สึกตัว ต้องจำให้ดีว่าเราต้องได้การเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในตัวเรา การทำ การพูด การคิด การตัดสินใจ ทิฐิ ความเห็น ต้องเปลี่ยนทั้งหมดในทางที่ถูกต้องยิ่งกว่าเดิม จนเป็นที่พอใจ
บางคนบวชแล้วก็แล้วไป มันเสร็จเรื่องที่นี้ก็ไม่เอาใจใส่ ควบคุมตัวเองยิ่งแรงกว่าเดิมก็มี มันถือว่าบวชแล้วคุ้มได้แล้วนี้ไม่จริง ถึงได้บวชแล้วก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ รักษาตัวให้ได้ ทำความมุ่งหมายของการได้บวช ของการเป็นพุทธบริษัทที่ดี ถ้าสิ่งไหนยังไม่เข้ารูป ยังไม่ตั้งต้น รีบทำให้เข้ารูป ให้มันตั้งต้น
คือว่าเป็นฆราวาสนี้อย่างน้อยอย่างเลวที่สุดมันต้องมีทรัพย์สมบัติพอตัว เกียรติยศชื่อเสียงพอตัว พอตัว พอสมกับอัตภาพ มันต้องมีทางสังคม ผู้ดี คนดี สัตตบุรุษ สุภาพบุรุษ พอตัว ในเมื่อรู้สึกว่าเราจะต้องมีทรัพย์สมบัติสักเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าพอดี พอตัว ก็ต้องหาให้ได้ สะสมให้ได้หลักทรัพย์พอตัว ให้มีเกียติยศชื่อเสียง แสดงความดีของเรา ของวงศ์ตระกูลของเราพอตัว ให้เขานับถือให้ได้
ถ้าที่แล้วมาไม่ประสบความสำเร็จ ก็ทำให้ประสบความสำเร็จ ให้มีสมบัติพอตัว ให้มีเกียติยศชื่อเสียงพอตัว ให้มีสัตตบุรุษคือคนดี คนดีนะไม่ใช่คนชั่ว รักเรา เอ็นดูเรา คอยช่วยเรามากๆ พอสมควร มีมากพอสมควร ให้มีคนดี รักเรา เอ็นดูเรา ช่วยเหลือเรามากๆ ถ้ายังไม่มีต้องทำให้มันมี ต้องมีเป้าหมายว่าคนนี้มันดี คนดีเป็นสัทธบุรุษเราต้องทำให้เขารักเรา เอ็นดูเรา ช่วยเหลือเราอยู่ตลอดเวลา นี้เขาเรียกว่ามีไมตรีหรือมนุษยธรรมพอตัว เป็นฆราวาสได้ 3 อย่างนี้ มีทรัพย์ มีเกียรติ มีความรักของสัตตบุรุษ มันต้องอดทน มันต้องสร้างขึ้นมาให้ได้ ถ้าเมื่อก่อนไม่ได้คิดสร้าง ไม่ได้คิดตั้งเป้าหมายไว้ มันก็ต้องตั้งเป้าหมายขึ้นมา ถ้ามีเป้าหมายอยู่แล้วก็ต้องส่งเสริมขึ้นไปให้ถึงที่สุด ในเวลาอันสมควรเราจะมีทรัพย์สมบัติอย่างพอตัว มีเกียรติยศพอตัว มีคนรักใคร่เอ็นดูพอตัว จะไม่เสียทีได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นฆราวาส
ถ้าเป็นพระก็ต้องการมากกว่านั้น เป็นพระมันต้องการสูงกว่านั้น ถ้าเป็นฆราวาสขอให้เท่านี้อย่างน้อยให้ได้เท่านี้ ตั้งปณิธานเอาไว้ตั้งแต่วันนี้ ตั้งแต่วันสึก ให้มีบวก ผลบวก คะแนนบวก ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ คนรักใคร่เอ็นดู ให้เป็นคนดี พยายามให้มากด้วยเครื่องมือที่เราได้เล่ามันเป็นบทสรุปของธรรมมะ ฆารวาสธรรม สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ อธิบายในหนังสือทุกเล่มที่พูดถึงการสร้างการอบรม สัจจะ ธรรมะ ขันติ จาคะ เป็นเรื่องจริงในทางถูก ไม่ใช่เรื่องจริงในทางผิด ธรรมะบังคับตัวให้ได้ ถ้าบังคับตัวไม่ได้มันก็จริงไม่ได้
ขันติคืออดทน ต้องอดทนได้มันถึงจะบังคับตัวอยู่ได้ มันทนไม่ได้ก็เลิกการบังคับตัวทันที มันต้องมีขันติมาช่วยธรรมะ มันต้องมีจาคะข้อสุดท้าย คือ เหมือนไขรูรั่ว ให้ความดันเลวๆ นั้น มันหมดไปเป็นรูรั่ว ต้องทำบุญทำกุศลต้องรู้จักใหว้พระสวดมนต์ ต้องรู้จักบังคับจิต เหมือนกับว่าทำภาวนาที่บ้านที่เรือนก็ทำได้ ให้มันเกลียดความชั่ว ให้มันรักความดี มันถึงได้ระบายความไม่ดีออกไป ที่นี่จาคะแปลว่าสละ สัจจะแปลว่าความจริงใจ ตั้งใจให้เคารพตัวเอง ให้บังคับตัวเอง มีขันติ นี่เป็นธรรมะโบราณที่ฝรั่งเอาไปใช้ สมัยที่ฝรั่งยังดีอยู่ ฝรั่งสมัยนี้มันเลวลงไม่เคารพนับถือตัวเอง ไม่ซื่อตรงต่อตัวเอง ไม่เชื่อตัวเอง มันต้องแน่ใจว่าเราดีแน่ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แน่ ให้มีสัจจะ ให้บังคับให้เป็นไปได้ แล้วตกแต่งแก้ไขความดีอยู่ตลอดเวลา
ให้ไปหาอ่านเสียใหม่เรื่อง สัจจะ ธรรมะ ขันติ จาคะ อธิบายในหนังสือเล่มใหนก็ไม่รู้ลืมไปเสียแล้ว แต่ก็มีมากเรื่อง เป็นเครื่องมือให้เกิดความสำเร็จสำหรับฆราวาส ถ้าใช้ 4 อย่างนี้ได้ ทุกสิ่งจะสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะมี ทรัพย์สมบัติพอตัว เกียรติยศพอตัว ดูรักใคร่เอ็นดูพอตัว เรื่องส่วนตัวตลอดรอดฝั่ง เมื่อเราตลอดรอดฝั่งไปได้แล้วให้นึกถึงผู้อื่น รักผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ให้สร้างบุญกุศลให้มาก และในที่สุดนี้ก็เป็นว่าเราได้ลาสิขาเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เป็นฆราวาสที่ดี ยังเป็นพุทธบริษัทอยู่ ยังมีพระพุทธ พระธรรม พระสงค์อยู่ ยังมีศีล สมาธิ ปัญญา ตามแบบของคฤหัสถ์อยู่ เพียงแต่ลาระเบียบปฏิบัติที่ถืออยู่เท่านั้นเอง ให้ทำให้ได้ผล ไม่ให้เสียชื่อที่ได้บวช ให้มีความสุข ความเจริญ ในที่สุดนี้ขออำนวยพรให้เธอ เมื่อเป็นผู้เชื่อฟังและปฏิบัติตาม ให้มีความสุข ความเจริญ ในพระพุทธศาสนา ทุกทิวาราตรีผ่าน