แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
นั่งไปเถิด นั่งพนมมือฟัง จำไว้ด้วย ตลอดเวลานะ มันต้องพนมมือฟัง อย่าใจลอย ตั้งใจฟังให้ดีนะ ถ้าใจลอยแล้วมันก็ไม่มี ผลสวัสดีมงคล มันจะมีแต่โชคร้าย ดังนั้นอย่าใจลอยนะ ฝึกอะไรฝึกไปเถอะ อย่าใจลอย ลุกลี้ลุกลน นี่จิตใจก็เศร้าสร้อยนะ นี่ก็จะทำวัตร ควรจะศึกษาให้รู้มันทำทำไมอย่างไร ทำไมอย่างไรนะ แล้วฝึกนี่ ก็ต้องแสดงความเคารพอย่างสูง เหมือนกับคราวอื่น ๆ ก็สำคัญแหละ เช่นว่า วันทามิ ภันเต นั้นแสดง ความเคารพ สัพพัง อะปะราธัง นี่ขอโทษ อดโทษ แล้วก็ มะยากะตัง นี่แลกเปล่ียนผลบุญ ภันเต นั้นแสดงความเคารพ สัพพัง อะปะราธัง ขอโทษ อดโทษ นี่แล้วก็ มะยากะตัง นี่ แลกเปลี่ยนผลบุญซึ่งกัน และกัน ทำด้วยจิตใจนะ จิตใจคงที่นะ อย่าเผลอนั่นนี่ไปนะ
มันจะไหวเหรอ บวชครั้งหนึ่ง ให้รู้นะว่าคิดแล้วนี่มันได้ ทำวัตร คิดขอโทษ ถ้ามีก็ต้องขอ แลกเปลี่ยน ส่วนบุญกัน ระหว่างเรากับเธอนะ บุญที่เธอทำเรามีส่วน บุญเราทำก็เธอมีส่วนทั้งนั้นนะ แสดงความผูกพัน อย่างยิ่งนะ จะเรียกว่า ลูกศิษย์กับอาจารย์ก็ได้ อะไรก็ได้ เรียกว่า ให้มันมีความผูกพัน ไอ้โดยมากถ้ามันเลวมาก ถึงขนาดที่ว่ามันสึกแล้ว ก็มันไม่มีการผูกพัน มันไม่ไป มันไม่มา มันไม่ยินดีจะเชื่อฟัง อะไรอีกต่อไปนี่นะ มันไม่คิดที่ว่า นี่นะเขาเรียก ความเคารพ ขอโทษ และผูกพันด้วยความเป็น เป็น เป็นเหมือนกับ เหมือนกับ ไม่แยกกันนี่ เหมือนหุ้นส่วนกันไม่แยกกันนะ แล้วมันทำโดยไม่มีความรู้สึก และมันก็ไม่รู้สึก และมันก็ไม่รู้ ตลอดไป มันจึงหายไปหมดเลย ไอ้ใครบวชมันละเมอ ๆ เสร็จแล้วพอสึก มันก็หายไปหมด มันไม่มีความ ผูกพันกัน ระหว่างความเป็นอาจารย์หรือเป็นศิษย์ หรือเป็นไรก็ตาม เรียกว่า ไม่เจริญ
นี่เราก็รู้เสียให้ดี ให้ใจคอมันปกติสักนิดนะ พอจะสึก นี่ใจคอมันยังไม่ปกตินี่ รีบทำใจคอให้ปกตินะ แล้วก็จะได้สึกให้มัน เป็นคนดีนะ นี่นั่งกระสับกระส่าย สับสน วุ่นวายทำไม มันก็ได้สึกแน่ สึกให้ใจคอ เป็นปกตินะทำให้เป็นวินัยนะ เป็นสวัสดิมงคลนะ มันไม่ซวย มันไม่ซวย มันก็ทำอย่างนี้ เป็นธรรม เป็นวินัย มีใจคอปกติ ให้เป็นปกติ นี่เรามัน จะสึกจะลาสิกขานะ ทำใจคอให้เป็นปกติสักนิด การลาสิกขานี่ก็ทำด้วยใจ เหมือนกันนะ ถ้าใจมันไม่ลา ไม่อะไร ก็ไม่เป็นลาสิกขา ถึงแม้จะเปลื้องผ้าไปนุ่งฆราวาสแล้วนะ ก็รู้นี่นะ มันไม่ มันไม่ถูกต้อง ไม่เรียบร้อย แล้วมันก็มีบาป ทำใจคอปกติให้ถูกต้องให้เรียบร้อยนะ
สำหรับเธอนี่คงจะไม่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะมันอยากสึกอยู่แล้ว แล้วถ้าคนเขาที่ไม่อยากสึก ถูกบังคับให้สึก นี่มีปัญหา นี่รู้เรื่องสึกให้ถูกต้อง ให้สำเร็จประโยชน์ แล้วเราลาสิกขาอย่างภิกษุเท่านั้น แล้วเป็นไปมีสิกขา ใหม่อย่างฆราวาส ศีล ทาน ธรรม อะไรก็ ศีลธรรม อะไรก็อย่างฆราวาส ก็สมาทานอย่าง เคร่งครัดต่อไป นี่ก็ลาอย่าง ภิกษุเท่านั้น ไม่อยากจะลาหมด ลา ศาสนานั่นมันจะบ้าเลย ลาศาสนา ลาพระพุทธ ลาพระธรรม ลาพระสงฆ์นี่ก็บ้าเลย กระทั่งลาวัด ลาวา ลาอะไรหมด นี่เราลาแต่เฉพาะสิกขาอย่างที่เป็นพระนะ นอกนั้นไม่ได้ลานี่ ไม่ได้คืน ไม่ได้คืน ไอ้สิกขาอย่างเป็นพระนี่ บอกคืน ขอคืน พระสงฆ์ไว้แล้ว จะขอไปเป็น คฤหัสถ์
คำว่า ลา คำลาสิกขานั้น เธอรู้ความหมายแล้วหรือ หืม (ตอบว่า รู้ครับ) ว่าสิว่าอะไร เธอบอก บอกหลวงพ่อดูสิ สิกขัง ปัจจักขามิ ว่าอะไร (ตอบ : ข้าพเจ้าขอลาสิกขา) คิหีติ มังธาเรถะ ว่าอะไร (ตอบ : ท่านทั้งหลายจงจำข้าพเจ้าไว้ ว่าข้าพเจ้าเป็นคฤหัสถ์ ข้าพเจ้าเข้าใจหมด) อ่ะ, ถูก อ่ะ, ถูก ในใจก็ทำอย่างนั้นนะ เหมือนที่ว่านะ แล้วว่าสัก ๓ ครั้งนะ อย่างน้อย ๆ คิดในใจว่า ลาสิกขาอย่างภิกษุเท่านั้น คุกเข่า คุกเข่า ตั้งนะโม (ตอบ : นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ สิกขัง ปัจจักขามิ คิหีติ มัง ธาเรถะ สิกขัง ปัจจักขามิ คิหีติ มัง ธาเรถะ สิกขัง ปัจจักขามิ คิหีติ มัง ธาเรถะ ) กราบ
เอ้า, เข้ามานิดนะ เราได้กล่าวคำบอกคืนสิกขาแล้ว ไม่มีสิทธ์ิที่จะนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อีกต่อไป ให้ไปเปลี่ยน เปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มเสีย (ตอบ : ติสะระเณ นะสะหะ ปัญจะสีเลนิยากามิ ตะติยัมปิ อะหังภัณเต ติสะระเณ นะสะหะ ปัญจะสีเลนิยากามิ) อาราธนาศีลคนเดียวนั่น ไม่ต้องว่า วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ไอ้เรามันคนเดียวให้ว่า อะหัง แล้วก็ ยาจามิ แล้วจำไว้ด้วย ต่อไปอาจจะมีอีก
ท่านพุทธทาส : นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ตอบ : นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ) ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ) สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ)
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ) ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ) ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ)
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ) ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ) ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ (ตอบ : ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ)
ติสะระ ฆะมะนัง นิธิตัง (ตอบ : อามะภันเต)
ปาณาติปาตา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : ปาณาติปาตา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาธิยามิ) อะทินนาทานา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : อะทินนาทานา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ) อะพรัมมะจริยา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : อะพรัมมะจริยา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ) มุสาวาทา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : มุสาวาทา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ) สุราเมระยะ มัชชะปะมาธัตถานา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : สุราเมระยะ มัชชะปะมาธัตถานา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ) ปิตาละโภชนา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : ปิตาละโภชนา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ)
นัจจะ ทีตะ วาทีตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา ทันทะวิเลตะนะ ทาระนะ มันดะนะ วิภูจะนะถานา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : นัจจะ ทีตะ วาทีตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา ทันทะวิเลตะนะ ทาระนะ มันดะนะ วิภูจะนะถานา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ) วิชชาเรนะมหาเสนา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ (ตอบ : วิชชาสะยะนะ มหาสายะนา เวระมะนี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ) อิมานิอัถตะ สิกขาปะทานิ สะมาธิยามิ (ตอบ : อิมานิอัถตะ สิกขาปะทานิ สะมาธิยามิ อิมานิอัถตะ สิกขาปะทานิ สะมาธิยามิ อิมานิอัถตะ สิกขาปะทานิ สะมาธิยามิ) สีเลนะสุขะติงยันติ สีเลนะโพกะสัมปะทา สีเลนะ นิพพุติงยันติ กะสะมะสีลัง วิโส ทะเย
นั่งลงเสียเถิด ให้ศีลให้พร ตามธรรมเนียมนะ ถ้าฟังให้ดีก็มีประโยชน์ นี่ใจคอก็ไม่ปกตินะนี่ ไม่ไหว นี่เธอเป็นคน อารมณ์มันอ่อนไหว เข้าใจหรือยัง? หืม (ตอบ : ครับ) ใจเธอมันอ่อนไหวนั่นแหละ มันจะเสีย ๆๆ เท่าไหร่มาก เขาเรียกว่ามันจะเสียหาย เสียท่า ใจมันอ่อนไหวนี่ นั่งก็นั่งไม่นิ่ง เหลียวทีเหลียวหัน แทนทีหันที เหมือนคนไม่บังคับตัวเอง เราก็เสียใจอยู่นะ ว่าไม่ได้ดูแลเธอให้ถึงที่สุด ไม่ว่างไปอยู่ นี่แค่มาเห็นเป็นบางครั้ง บางคราว แล้วเธอมันต้องหัดบังคับกายใจ ให้มันเข้มแข็งมั่นคง ให้นั่งก็มันนั่งนิ่งนั่งตรง นั่งอย่างเข็มแข็ง นั่งนี่มันนั่ง บิดหัว บิดตา บิดตัว บิดเหลือก มันล่อกแล่ก ๆ นะ เขาเรียก ใจมันไม่เข้มแข็ง มันอ่อนไหวต่อ ความรู้สึก ไปหัดเสียใหม่เถิด ต่อไปยังต้องหัดอีกนะ
ถ้าใจมันไหวมันอ่อนไหวง่าย แล้วมันก็เปลี่ยนง่าย เปลี่ยนง่ายมันก็ถูกชักจูงง่าย ชักจูงให้ไปทำเลว เข้าง่าย ๆ หรือว่าความคิดที่ดี ๆ มันก็เปลี่ยนเสียง่าย ไปหาความคิดที่ชั่ว ๆ โดยไม่มีใครมาชักจูง มันก็ง่าย เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นก็ต้องไปหัด มันให้เข้มแข็ง ทั้งทางกาย ทางจิต เป็นลำดับ นั่งก็นั่งให้มันตรง ให้มันนิ่งเหมือนกับ ก้อนหินได้เลยยิ่งดี มันต้องเป็นการบังคับ บวชก็หัดการบังคับ โดยมากไม่ไม่มีการบังคับ ไม่หัดการบังคับ ไม่รู้เรื่องการบังคับ มันก็เลย มันก็โลเล ๆ นะ ให้หัดนั่งอย่าเกร็งหัว อย่าบิดตัว อย่าหันโน่นนี่ แล้วมันก็ค่อยดีเองแหละ
ก็ให้พร ตามธรรมเนียมนั่น มันก็เห็นแล้วมันดี เขาจึงตั้งธรรมเนียมขึ้นมา แล้วธรรมเนียมประเพณี อะไรต่าง ๆ มันก็ คนสมัยก่อนเขาเห็นว่ามันดี เลยตั้งเป็นธรรมเนียมขึ้นมา ก็เลยทำตามธรรมเนียมได้ง่าย แล้วก็ไม่ ไม่ลืม ไม่ ไม่ขาดไปเสีย เพราะมันมีอยู่เป็นธรรมเนียม มันก็ต้องทำ แล้วก็ได้ทำนะ แล้วก็ได้ผลนะ นี่จะต้อง ถือว่าเป็นเวลาที่สำคัญ เธอต้องถือว่าเป็นเวลาที่สำคัญ เหมือนกับพูดอะไรกันอีกครั้งหนึ่ง สัญญา อะไรกันอีกครั้งหนึ่ง อธิษฐานอะไรกันอีกครั้งหนึ่ง หรือในที่สุดก็ว่า ตั้งต้นกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนี่ เมื่อ ๆๆ เมื่อก่อนหน้านี้เธอนั้นเป็นบรรพชิตนะ แต่ต่อไปนี้เธอนั้นเป็นฆราวาส มันก็เหมือนการตั้งต้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะนี่ก็ดีเหมือนกัน ถ้ามีอะไรที่มันไม่เข้าท่า ก็แล้วมาแต่ครั้งก่อน ได้ยกเลิกทิ้ง เหมือนคราวเมื่อเธอ เป็นฆราวาสครั้งก่อน ถ้ามันมีเหลวไหลโลเลบกพร่องอะไร ยกเลิกกันไปครั้งหนึ่ง หมด ปิด ๆๆ กันไปเลย ลบหมด
ตั้งต้นใหม่ ก็เหมือนดั่งว่าลบกระดานดำ แล้วก็จะตั้งต้นเขียนใหม่ เมื่อก่อนมันเป็นฝ่ายขาด ฝ่ายลบ แล้วฝ่ายไม่ดี ก็ลบ ตั้งต้นลบใหม่ให้มีแต่ดี ตั้งใจให้มีแต่ดี ให้มันมีแต่บวกเพิ่มขึ้นเรื่อย บวกเพิ่มขึ้นเรื่อย จะได้มีจิตใจที่ตั้งใจทำดี แล้วก็ชั่วให้แล้วไปแล้ว ให้เราลืมได้ แต่ไม่ใช่ว่าลืมแล้วกลับไปทำอีกนะ ลืมเพื่อไม่ให้ จิตใจ มันวิตกกังวล ให้มันเศร้าหมองเท่านันนะ แล้วก็ไม่ต้องไปทำอีก จากนี้ไปทำแต่สิ่งถูกเรื่อยไป ให้มันมี แต่ดี มีแต่เจริญ ถ้าเราได้บวชแล้ว ได้ศึกษาแล้ว อย่างไรนั่นแหละ นี่ก็คือจะต้องปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ ตามความมุ่งหมายนั้น ให้ได้เป็น การได้เป็นมนุษย์ที่ดี ได้เกิดดี ได้เป็นมนุษย์ที่ดี
ทีนี้ให้เตรียมตัวสำหรับ คนจะได้เกิดดี ได้เป็นมนุษย์ที่ดี อย่าลืมนะ นี่ก็เรามันกลัวว่าเธอเมื่อไปเข้ากลุ่ม เธอมันก็จะลืม โดนเขายั่วเขาหลอก เรามันโง่ ให้ไปกินเหล้า ให้ไปทำอะไร โดยที่ไม่รู้ทัน ว่าเขายั่ว เขาหลอก เขาลวง นั่นก็จะล้มละลายตรงนั้นนะ และการบวชมันจะไม่ได้ผลตรงนั้นด้วย ระวัง เราไม่เอานะ อย่าไป อย่าไป เอากับเขานะ อย่าไปนะ แม้ว่าเขาจะหลอกจะลวง เราก็ให้รู้ทัน มันจะวอน อ้อนวอนให้กินเหล้า เราไม่เอา บอกไปสิว่า สัญญากับอาจารย์บ้าง บอกว่าไม่สบายบ้าง บอกอะไร ไม่เอาก็แล้วกัน แล้วถ้าเธอมันโง่ มันเลว มันก็เอากับเขาด้วยเหมือนกัน แล้วมันก็ค่อย ๆ ไป ค่อย ๆ ไป แล้วมันก็ต่ำลงไปอีกนั่นเอง เหมือนเดิมอีก นั่นเอง ต้องเตรียมตัวสำหรับจะไม่เข้ารูปเดิม จะไม่ลงรู ลงอะไร อย่างเหมือนเดิม มันต้องขึ้นมาหา ความถูกต้อง แล้วบวชเรียนมาทั้งปี ก็อย่างน้อยคงจะเหลืออยู่บ้างนะ แล้วไปปฏิบัติ จึงจะได้เกิดดี
ถ้าหากว่ามันจำยากนัก ก็ให้จำที่เราสอนไว้ให้จำง่าย ๆ ให้เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ให้เป็นศิษย์ที่ดี ของครูบาอาจารย์ ให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนที่ดี ให้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ให้เป็นสาวกที่ดีของ พระพุทธเจ้า เวลานี้มันไม่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา มันทำให้บิดามารดาเดือดร้อนบ้าง เสียชื่อบ้าง ทำลาย วงศ์สกุลบ้าง มันไม่รู้ว่ามันเป็นคนเลย มันไม่รู้ว่ามันเป็นคน มันไม่รับผิดชอบว่ามันเป็นคน มันไม่รู้ว่ามันมี วงศ์สกุล มันเลยไม่ทำ ไม่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา มันไม่ได้ทำให้บิดามารดาชื่นใจเลยนะ เธอไปสังเกตดูสิ ที่เจอ ส่วนมากนะ เราอย่าเป็นแบบนั้น เราบอกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว เธอก็ไม่ ไม่สนใจ ว่าให้ทำดีเถิด แล้วก็มัน ทำได้มากนะ มีคนช่วยเหลือสนับสนุนเอง
จำไว้ด้วยนะ วัดนี้เราสร้างโดยไม่มีเงินสักบาทเดียว เงินส่วนตัวของเราไม่มีสักบาท แต่เราก็สร้างวัด นี้ได้ เพราะเราตั้งใจทำให้เขาเห็นว่า เรานั้นทำดี ตั้งใจดี ไม่มีคนช่วยเราก็ไม่ต้องไปหยุด สำหรับเธอก็เหมือนกัน นะ ไม่มีเงินสักบาทแต่ถ้าเธอทำให้ดีนะ เธอทำอะไรได้ทั้งหมด และนี่ถ้าไม่คิดทำทางนี้ ไปคิดทำทางโลกก็ได้ พยายามให้มันดี แล้วจะมีคนช่วย มีคนเขารัก มีคนเขาเอ็นดู แล้วก็ มันมาเอง แล้วความช่วยเหลือมันมาเอง อยากให้เขารัก อยากให้เขาเอ็นดู แล้วต้องทำดี ทำให้น่าเห็นใจว่าเรามันตั้งใจทำดี ทำให้เขารักแล้วอย่ากลัว ไม่มีใครห้ามได้หรอกนะ เขาจะช่วย แล้วเราก็จะรอดตัวเอง ถ้าทำเลวไม่มีใครช่วย ไม่มีใครคิดช่วย ถ้าทำดี มีคนอาจจะยกลูกสาวให้ โดยไม่ต้องเสียเงินก็ได้
มันต้องทำให้เป็นบุตรที่ดีของพ่อแม่ เธอคิดน้อยนักเรื่องนี้ ไม่เห็นแก่พ่อแม่ ไม่เห็นแก่พ่อแม่มากพอ พ่อแม่ยังไม่อยากให้สึก เราไม่สึกนะ แต่ว่านั่นแหละ อยู่ไม่ได้ ทำเรื่อง คิดไม่เป็น แต่นี่ออกไปแล้วต้องทำให้ดี เหมือนอย่างฆราวาสที่ดี ให้เป็นบุตรที่ดี เป็นตามความหมายตั้งแต่วันที่ได้ สึกกลับออกไปนี้ ไปเป็นบุตรที่ดี ของบิดามารดา เราต้องเสียสละ ไอ้เรื่องสนุก เรื่องเฮฮาของเราให้เสียสละ พ่อแม่เขาไม่ ต้องการนะ ให้พ่อแม่เขาสบายใจ ดีใจเรื่อยๆ ไปนะ เรายอมอดยอมอ่อน
ได้เห็นคนที่ดีหลาย ๆ คน ไม่ยอมมีเมียจนบัดนี้ คนที่ร่ำรวยเหลือเกิน มีหน้ามีตา มีเกียรติ์ ก็เพราะกลัว ว่าไอ้ ไอ้เมียมันเข้ากันกับแม่ไม่ได้ จนแม่ตายไป แล้วก็มันแก่เสียแล้ว ไม่ต้องมีเมียแล้วก็เลิกกัน มันเกิดมา ชาติหนึ่งมันไม่มีเมีย เพราะกลัวว่าเข้ากับแม่ไม่ได้ มันรู้ ๆ อยู่ว่าผู้หญิงที่เราชอบ เป็นแบบไหน และก็ไอ้แม่ของ เราเป็นคนแบบไหน จะแก้ไขแม่ นะมันไม่มีทางหรอก คนเป็นแม่ด้วย............(นาทีที่ 23.22) ก็ไม่เอาดีกว่า ขอลูกขอหลานเขามาเลี้ยง อะไรไปตามเรื่อง นี่ตัวอย่างเท่านั้น ว่าเราจะต้องเสียสละ ส่วนของเราให้พ่อแม่ สบายใจไปเถิดนะ ตามใจ
แม้ว่าเธอจะ นาทีนี้เรื่องศิษย์ที่ดีนะ แม้เธอจะใหญ่โตแบบนี้แล้ว มันก็ยังมีอาจารย์อยู่นั่นเอง เธอก็ยังมี อาจารย์มา อย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้นอีกหลายอย่าง ทำแล้วเสียชื่ออาจารย์ เธอเป็นคนเลวจะเสียชื่อถึงอาจารย์ มันไม่ ไม่เชื่อว่าเป็นศิษย์ที่ดีได้ ทำอะไร จะทำอะไรนึกถึงอาจารย์บ้าง เรานี่เวลานี้มันเคร่งครัดนัก จะทำอะไร นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ จะพูดจะทำจะคิดให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ ก็เหมือนกันนั่นเอง เธอจะทำอะไรให้นึกถึงอาจารย์ก่อน ว่าอาจารย์จะคิดอย่างไร
เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ให้เอาแต่เพื่อนที่ดี แล้วเราเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนที่ดี นี่ก็สำคัญนะ ต่อไปนี่ จะสำคัญสำหรับเธอ ต่อไปจากนี้จะออกไปหาเพื่อน คบเพื่อน มีเพื่อน มีแต่เพื่อนทำมาหากิน ให้มันดีด้วยกัน ทั้ง ๒ ฝ่ายนะ ให้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาตินี่ก็ หายาก มีแต่คนเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประเทศชาติ ทำลายสมบัติของประเทศชาติ เช่น โค่นไม้ ถางป่า จนหมด จนไม่มีน้ำจะไหล นี่เขาเรียกว่า ไม่เป็นพลเมืองที่ดี ของประเทศชาติ ทำลายของมีค่าของส่วนรวม ไม่ช่วยกันบำรุง ถนนหนทาง ห้วย หนอง คลอง บึง บาง นี่เป็นพลเมืองเลว ของประเทศชาติ ไปคิดเอาเอง แล้วนี่แทนที่จะชวนกันตั้งสหกรณ์ ทำอะไรให้เจริญก้าวหน้า ทำไม่ได้เพราะ มันมีแต่พลเมืองเลวของประเทศชาติ มันพร้อมที่คิด จะคด จะโกงกันเรื่อยไป
เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้านั่นอย่างไร บรรลุมรรค ผล นิพพานในที่สุด แต่ว่าเป็นพลเมืองดีของ ประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้าด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเราปฏิบัติตามคำสอน ฆราวาสธรรมมีกี่ข้อ หืม? เรียนนักธรรม ๔ แล้ว ฆราวาสธรรมมีกี่ข้อ (ตอบ : ๑๓ ครับ) หืม? ๑๓ ข้อ อะไรบ้างล่ะ อะไรบ้าง ลองบอกมาดูสักข้อ ๒ ข้อ (ตอบ : มีสัจจะ มี) ๑๓ ข้อ นั่นแหละอยากสึกเร็วนัก เห็นไหม มันไม่อยู่กับ จิตใจไม่อยู่กับตัว เรียนนักธรรมมันต้องเรียนแบบ จิตใจมันไม่อยู่กับตัว ไม่รู้อะไร นี่ ๔ ข้อเท่านั้นนะ มี ๔ ข้อ ที่ว่าด้วย........ (นาทีที่ 26:48) สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ไปเรียนเสียใหม่ แล้วก็พยายามด้วย
สัจจะนี่ให้มันจริง แล้วให้มันจริง นี่ไม่ใช่ได้เพราะใจมันอ่อน มันเหลาะแหละ ๆๆ มันไม่มีจริง มันไม่มี สัจจะ ธรรมะบังคับไว้ให้มันจริง เราก็ไม่ชอบบังคับ แล้วก็ไม่มีกำลังพอจะบังคับ ขันติ นี่อดทน เหมือนมีน้อย เราฝึกเธอได้ ๒-๓ เดือนเท่านั้น เธอก็ไม่รู้ เธอมันอดทนน้อย อดทนได้ ๒-๓ เดือน ยังไม่ ยังไม่สึกนะ ๒-๓ เดือนก็ต้องสึก ถ้าอดทนได้อีก อีกกี่ปีก็ได้ จาคะ นี่สำคัญ ทีนี้ต้องสละ สละ สละให้เลว ๆ นี่ ความไม่อดทน ความไม่บังคับตัว ความไม่จริงนี่ ต้องสละ ๆๆๆ อีกนะ แล้วมันกลายมาเป็นคนดีก็จริง ความชั่วทุกอย่าง ต้องสละ การกระทำที่ชั่วต้องสละ การพูดชั่วต้องสละ ความคิดชั่วต้องสละ เขาเรียก จาคะ ๔ ข้อเท่านั้นนะ นึกออกเแล้วหรือ หืม? หรือว่าต้อง ๑๓ ไม่ไหวแล้วนะ เรื่องมีสาระได้มาไม่กี่วัน แล้วก็ไม่มีอะไรเหลือเลย สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ อุตส่าห์ท่องไว้นะ หาหนังสือไปอ่านแล้วเจอบ่อยนะที่เราพูด เราก็พูดแต่เรื่องนี้ ที่เราบอก นั่นน่าจะช่วยเธอได้
ให้เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี เพราะเหตุนี้แหละ ให้เรามี ๔ อย่างนี้ ให้จริงเถิด แล้วมันดีได้เอง จะมีทรัพย์สมบัติพอสมควรที่จะมี จะมีเกียรติยศ ชื่อเสียง ตามที่สมควรจะมี แล้วก็จะมีอำนาจวาสนา มีเพื่อน มีมิตรนี่เอง มีมิตรสหายเป็นกำลังนั่นเอง ตามสมควรที่จะมี เพื่อนที่ดี มิตรที่ดี นี่เป็นกำลังอย่างยิ่ง หากเธอไม่มี เธอก็ไร้กำลัง ไม่มีกำลัง ถึงเรามีเงิน ถ้าไม่มีเพื่อนที่ดี ก็ไม่ไหว มีเกียรติยศ มีชื่อเสียง แต่คนเกลียดก็ไม่ไหว มันต้องมีคนรักพร้อมที่จะช่วยเหลือ ความเป็นฆราวาส ก็ต้องมีทรัพย์สมบัติ มีเกียรต์ิ มีเกีจรติยศชื่อเสียง แล้วต้องมีเพื่อนที่ดี ร่วม ๆ ร่วมแรงร่วมงานกันตลอดไป แล้วเรามีแต่เพื่อนบ้า ๆ ไม่ใช่หรือ หืม? (ตอบ : ครับ) เอาเลย ถ้าอยากบ้าอีก ได้ลงนรกกันเลย เลิกเถิดเพื่อนที่บ้า ๆ อย่างนั้น บอกไปว่า เรามันไม่สบายแล้วนะ เราทำอย่างนั้นไม่ได้แล้วนะ เหล้ากินไม่ได้ ไม่สบายแล้วนะ ไม่ไปลัก ไม่ไปขโมย เราอ่อนแอ เราขี้ขลาดอะไรอย่างนั้น แล้วมันก็ดีเท่านั้นแหละ
ให้อุตส่าห์สะสม อย่าใช้สิ่งที่ไม่ต้องใช้ พระ เณรโดยมาก ยัง สุรุ่ยสุร่ายมาก ไม่รู้จักค่าของเงิน ตัวอย่าง เช่น เณรชูนี่ไม่รู้จักค่าของเงิน แล้วไม่รู้ ไม่รู้จักค่าของสิ่งของ ที่มันยังต้องซ่อมได้ ต้องอะไรได้ มันก็ใช้อย่างกับ มันไม่มีความหมายอะไร แต่ถ้าหากว่าขี้เหนียวเกินไป ก็มัน ก็ไม่ได้เหมือนกัน ต้องให้พอเหมาะ พอถูก ถูกต้อง ดีที่เป็นพระ มีคนถวาย ถ้าเป็นฆราวาสก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ (ตอบ : ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้) ถ้าจะสุรุ่ยสุร่ายแบบนั้น จะเอามาจากไหนสุรุ่ยสุร่าย ก็ต้องอด ต้องขาดทุนนั่นเอง จะกินจะอยู่จะใช้จะสอย ต้องต้องเก็บไว้เสมอ เอาไป สะสมไว้เสมอ มันจะได้เป็นทุน สำหรับลงทุน อีกอย่างหนึ่งเป็นหลักประกัน เวลามันเกิดเจ็บไข้ เวลาเกิดวิบัติ อะไรอย่างนั้น จะมีทรัพย์สมบัติได้ในเวลาสมควร ไอ้ชื่อเสียงมันไม่ อ่า, ไม่ ไม่ ไม่ยากที่จะทำ อุตส่าห์ทำให้ดี เลยเถิด หาทรัพย์สมบัติ ทำให้ดีแล้วมันมีเองนะชื่อเสียง ตั้งใจ ตั้งหน้าตั้งตาทำดีไปเถิด ลืมไปก็ได้ เรื่องชื่อเสียง เราลืมไปก็ได้ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำดีให้มาก ๆ เรื่องเพื่อน มันจะมีก็ค่อยมี แล้วค่อยมีเองเพื่อนที่ดีนะ ถ้าเราทำตัวดี ๆ เพื่อนที่มีก็ดีเอง
ฆราวาสก็มีเพียงแค่นั้น มีทรัพย์พอสมควร มีชื่อเสียงพอสมควร มีเพื่อนพอสมควร ก็อยู่กันได้ นี่เรียกว่า ที่บวชครั้งหนึ่งไม่เสียผ้าเหลือง บวชไม่เสียผ้าเหลืองก็ไปทำอย่างนั้นได้ เกิดมาครั้งหนึ่งไม่เสียชาติเกิด ก็มันได้ทำสิ่งที่มนุษย์ควรจะทำ และทำได้ เราได้ยินแม่เขาพูดตรง ๆ หลายคนเกิดมาครั้งหนึ่งเจ็บ เราพูดชัดตรง ๆ ครั้งหนึ่งนะ เจ็บอะไรนะ กูเกิดมึงมาครั้งหนึ่งเจ็บนะ เจ็บเปล่า ๆ นะ เจ็บนะที่เกิด อย่างนั้นก็ไม่ไหว นึกไว้บ้าง อย่าให้แม่รู้สึกอย่างนั้น พ่อแม่มีบุญคุณ ให้ชีวิตให้ทุกอย่าง ที่เธอจะต้องรับรู้ความมีบุญคุณ ของพ่อแม่ แล้วจะตั้งต้นดีเอง ถ้าไม่รู้บุญคุณของพ่อแม่ และจะไม่มีอะไรตั้งต้นนะคนเรา มันไม่มีจุดตั้งต้น ที่จะทำดี แล้วจะไม่ทำดีอย่างอื่น ๆ หมดทุกอย่างเลย
เพราะฉะนั้นนึกบุญคุณของพ่อแม่ล่วงหน้า เป็นจุดตั้งต้นนะ แล้วจะได้เป็นบุตรที่ดี ได้เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี ๕ ดีนี่เธอจำได้ไหม หืม? จำได้หรือไม่ได้ที่เราบอก ๕ ดีนี้ (ตอบ : ได้ครับ) อะไรบ้าง? (ตอบ : เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นที่รักของครูบาอาจารย์ เป็นพลเมืองดีของ ประเทศชาติ) อืม, ผิดแล้วนะ ข้ามไปแล้วนี่ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน พูดต่อไปนะ (ตอบ : เป็นเพื่อนที่ดีของ เพื่อน) เป็นอะไรอีก (ตอบ : เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ) อืม, (ตอบ : เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า) อืม, นึกถึงคืนละครั้ง วันละครั้ง คืนละครั้ง ท่องให้เป็นบทมนต์ แล้วคุ้มครองได้เอง ถ้าเธอท่องบทนี้แล้ว คืนละครั้ง วันละครั้ง เป็นบทมนต์ จะคุ้มครองเธอได้ ไม่เช่นนั้นเธอจะค่อย ๆ ลืม ค่อย ๆ ลืม ตัวค่อย ๆ เลือน ค่อย ๆ ลืม ไปอยู่ในนรกแล้วก็ยังไม่รู้
เอ้า, ทีนี้ก็ ก็สุดท้ายก็จะพูดเป็นเหมือนกับว่า อย่า อย่าลืมวัดนะ อย่าลืมวัด อย่าเกลียดวัด ถ้าเราเห็น อะไรเยอะ ก็ค่อย ๆ ลืม ค่อย ๆ ลืมวัด ในที่สุดมันก็เกลียดวัดนะ มันเกลียดวัด เกลียดอาจารย์ เกลียดศาสนา เกลียดอะไรหมด หลายเรื่อง เธอต้องพยายามเกี่ยวข้องกับวัดนะ ทุกโอกาสที่จะเกี่ยวข้องได้ เธออย่าลืม ถ้ามีการทำบุญกุศล เธอช่วยวัดสิ ให้มันได้บุญได้กุศลนะ ถ้า ๆๆ เกี่ยวข้องกับวัด มันก็ไม่ลืมไอ้เรื่องเหล่านี้ มันก็ไปทำชั่วไม่ได้ มีวัดเป็นเครื่องยึดถือ แล้วมันก็ แล้วมันก็ทำชั่วไม่ได้ นั่นที่เราให้พรเธอ คือสิ่งที่เรียกว่า พรจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแต่ว่า ไม่ใช่เพียงแต่ว่า ปากพูดออกมาเป็นเสียง เป็นลมออก ว่าสวัสดีมีชัยอะไรนั่น พูดแต่ปาก ชยันโต ก็ชยันโต บ้า ๆ นั่นแหละ ถ้าหากว่าไม่รู้ความหมายทั้ง ๒ ฝ่าย ก็ ชยันโต บ้า ๆ หลับหูหลับตา นี่ถ้าเธอทำตามเรา แล้วเธอก็ชนะ ชนะทุกอย่างนั่นเอง เรียกได้ว่า ชยันโต ชยันโตจริง ชยันโตนะ ถ้าได้ชนะ
นี่อุตส่าห์ไปประพฤติให้สำเร็จ ให้ได้ชนะ ให้เหมือนกับชยันโต โดยพระพุทธเจ้าให้ศีลให้พร จะให้พรให้ศีล นี่เรื่องของพระพุทธเจ้าทั้งนั้นนะ พรนี่แปลว่าดีนะ เราบอกให้ทำดี แล้วเธอไปทำ ทำได้ดี จะได้พรที่แท้จริง พร แปลว่า ดี ทำดีดีกว่าขอพรนะ ขอพรมันขอแต่บ้า ๆ ที่ไปรดน้ำมนต์ มาให้เป่าหัวที เรามันเกลียดที่สุดนะ เขาบอกให้ทำดีไม่ทำ แล้วไม่สนใจจะฟัง ไม่สนใจจะทำ แล้วจะให้มีพรไม่ได้ นี่ถ้าเธอเข้าใจ พอสมควรแล้ว มีสติสัมปะชัญญะ ลาสิกขา ทีเดียวไม่ ไม่ไปลง (นาทีที่ 37:09) เป็นฆราวาส อยู่ครึ่งหนึ่ง คือ ถือศีล ๘ นะ ถือให้หลายวันเท่าที่เธอจะถือได้ แล้วปฏิบัติตัวให้เหมาะสม กับเป็นผู้ถือศีล ๘ หลังจากกลับไปอยู่บ้าน นี่ก็ให้พรตามธรรมเนียมพิธีอีกทีแล้วนะ ขอให้เธอมีความสุขความเจริญ งอกงาม ก้าวหน้า ในการเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ยึดถือ