แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พนมมือฟังอีกทีนึง ให้โอวาท ให้ศีล ให้พร
การให้ศีลให้พรนั้นเป็นธรรมเนียม มักจะมีในโอกาส เป็นคราวๆแล้วแต่เหตุการณ์ เวลาลาสิกขานี่ก็มีธรรมเนียมมีโอกาสให้ศีลให้พรนะ (นาทีที่ 5:51….)ผู้ที่เขาทำเป็นปีๆ..เมื่อเราเห็นว่ามัน...... อยากจะให้ศีลให้พรตามแบบของพระพุทธเจ้าบ้าง เรียกว่ารดน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ตามแบบของพระพุทธเจ้าบ้าง น้ำมนต์เป็นเรื่องธรรมดาไอ้เรื่องรดน้ำมนต์ตามธรรมดานี่จะเป็นเรื่องของพราหมณ์ ของอะไรอะไรก็ไม่รู้ ตามแบบของพระพุทธเจ้าก็มารดกันด้วย ธรรมะ รดกันด้วยจิตใจ ที่จิตใจ ชำระจิตแบบดี เวลานี้ก็เป็นเวลาแต่ให้ถือว่า เรามาตั้งต้นใหม่ ถ้ามีการทำพิธี ก็เรียกว่าพิธีตั้งต้นใหม่ เราสึก มี มีความหมายพิเศษ เมื่อก่อนเราไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเรามีทางพูดว่าเราไม่รู้ (นาทีที่ 7:17.... ) ...มักจะเป็นในลักษณะ...แต่ทีนี้ไม่ให้ปฎิเสธ ไม่ให้บิดพริ้วไม่ให้แก้ตัวว่า เราไม่รู้ เพราะเราได้บวชแล้ว เราได้ฝึก .. (นาทีที่ 7:29 )ได้ยะทุกอย่างแล้ว.. เราควรจะรู้ อย่าทำผิด ไอ้เรื่องที่เค้าถือว่ามันผิด หมายถึงเกี่ยวกับตัวเอง ภายในก็อย่าผิด ให้ทำดี และภายนอกสังคม ก็อย่าผิด มันจะเดือดร้อน จะมีโทษ เสียหาย จะเสียชื่อเสียง (นาทีที่ 7.48)แล้วลงก็เลยไม่สบายใจ ไม่เป็นที่ยินดีแก่ตัวเอง จึงให้โอกาสราวกับว่า เกิดใหม่ทีนึง เกิดใหม่ได้เป็นฆราวาส สะสมบุญอีกทีนึง เรื่องราวมาแต่หนหลังก็ยกเลิก ตั้งต้นใหม่ให้ดีว่า จิตจะได้ตั้งต้นให้มันมีแต่(นาทีที่8.16)โชค อย่างเดียว คิดให้มันมีได้ ให้มันมีแต่บวก อย่าให้มีลบ ให้เป็นการให้ (นาทีที่ 8:22 ) แน่แล้ว ให้มันมีแต่บวก บวก บวก บวก บวก เลยขึ้นไป เสร็จแล้ว มันเห็นแต่บวก (นาทีที่ 8:28 ) ขณะ...ใจ ถ้าเราอธิษฐานจิตแบบนี้มันคงจะดีมาก มันจะตั้งต้นแต่การดีเลยไป มากขึ้นมากขึ้น ดีแต่ทุกฝ่ายเลย นี่ก็เรียกว่าได้อานิสงส์ของการบวช นี่มันก็ได้กันตรงนี้แหล่ะ นี่ก็ให้ทำให้มันดีที่สุด ให้มันได้ (นาทีที่ 8:56)การใช้...ชีวิต มัน..หลายขึ้นมา ทีละขั้นละขั้นละขั้น ถึงสำคัญที่สุด สำคัญที่สุด เบื้องปลายมันถ่ายสรุปแล้วมันจะสมบูรณ์ เป็นมนุษย์ได้เกิดมาทีนึง ไปถึงที่สุดยอดแล้วก็(นาทีที่ 9:15)มืด..ระวังนะ ไอ้เรื่องเล่นหัวเล่น ไม่จำเป็น อย่าไปยุ่ง ไม่จำเป็น อยู่นิ่งๆ ติดหนึบ ให้ทำสิ่งที่จำเป็นได้ดีที่สุด ให้เจริญ ด้วยการสังคม แต่มันเป็นเรื่องเล่นหัวทั้งเพ หรือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั้งเพ ไม่น่าดูเลย ไม่เล่นได้เป็นดีกว่า ....ไม่เละ (นาทีที่ 9:43)แต่ไปจับส่วนเข้ากลับไปหาเรื่องที่มันดี อย่าไปอยู่กับสังคมมันจะได้ดี ก็ทำได้ทำดี ไอ้การบวชนี่ก็จะมีประโยชน์มาก จะช่วยแก้ไขสังคมให้ดี เกิดเป็นมนุษย์(นาทีที่10:01)..???..อยู่เสมอ ถ้าเราไปวัด(นาทีที่10:06)สำโรง สรวลเสเฮฮา กินเหล้า เมายา เล่นการพนันหมด ก็ไม่มีทางจะดีขึ้น กิเลส สมมติก็ไม่มี นี่เป็นอานิสงส์ มันทำชั่วไม่ได้ นี่แหล่ะว่าให้ตั้งต้นใหม่ ดีที่สุดให้(นาทีที่10:25) ชำระจิตใจให้มีแต่บวก ให้สมกับที่ว่าบวชแล้วนี่ก็เรียกว่าบัณฑิต เค้าจะออกเสียงเป็นว่า (นาทีที่10:36) บัณผิด นี่ก็ไม่ บัณผิด ไม่ลบ ได้บวชเรียนรู้เรื่องชีวิตแล้ว ดำเนินชีวิตให้เสมอประโยชน์ด้วยปัญญา ธรรมเนียมโบราณวางไว้ดี ให้คนประพฤติ ก็เป็นคนไม่ใช่ว่า ทำชั่วทำอะไรแล้วก็ไหลไป มันควรจะมาศึกษาเล่าเรียนฝึกฝนให้ถึงที่สุด ฝึกเอาไปเผชิญหน้าที่การงานในโลกด้วยดี อย่างเรียกว่าเป็นบัณฑิต ธรรมเนียมนี้มาตั้งแต่อินเดีย มาเข้าไปร้อย สองพันปีสองพันปีแล้ว ใช้คำว่าบัณฑิต ตรงกันข้ามกับคนพาล นี่โดยประเพณีหรือโดยอะไรก็แล้วแต่ ถือว่าเราได้รับปริญญาบัณฑิตของความเป็นมนุษย์ตามหลักของพุทธศาสนา ออกไปนี่พยายามทำให้ดี ให้มันสมกัน เรื่องต่างๆได้พูดไว้ นี่พูดได้แต่เพียงว่า ต่อไปนี้ทำให้ดี เป็นพิเศษถึงใจให้มันเป็นความถูกต้องสูงขึ้นอีกหลายๆ(นาทีที่12:06).ระดับ ปริญญามีหลายๆ .....รับได้..
ประวัติคนของฆราวาส ด้วยการมีทรัพย์สินพอตัว ตามแต่ควรจะมี ให้มีเกียรติยศชื่อเสียงพอตัว ตามแต่ควรจะมี ให้มีไมตรีให้คนรักใคร่นับถือบูชา ยินดีที่จะเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนตาย เค้าเรียกว่าไมตรีนี้มันมีพอตัว คนโบราณเขาพูด สัตว์อย่างนึง เกียรติยศอย่างนึง ไมตรีอย่างนึง สามอย่างนี้ใครมี ตามแต่ควรจะมี เค้าว่าคนนั้นมันเป็นผู้ถึงริม ถึงฝั่งของความเป็นฆราวาส (นาทีที่13:02). อัตภาพโลกนี้ .......จะมีเวรกรรมต่อโลกหน้า โลกอื่นพัลวันกันวุ่น.. เรื่องบุญเรื่องกุศลกัน.... ต้องทำ ทำไป ทำไปจนกว่าจะถึงอันสูงสุด เรื่องมรรค ผล นิพพาน ในบั้นปลายชีวิตเค้าหวังมรรค ผล นิพพาน (นาทีที่13:26). ตามหลักของ สัปปุริสธรรม9
เรื่องของการให้ทานไว้ ดี ทานไปเร็ว ให้ทานเป็นเรื่องเป็นเรื่องๆไม่งั้นมันไปไม่ได้ มันไม่หลุดจากอะไร ทั้งเคยมีทรัพย์สมบัติ ทั้งเรื่องจะรักษาสมบัติ ทั้งเคยเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง สิ่งที่เรียกว่าจะหลุดจากสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศชื่อเสียง ถึงจะหลุดจากมิตรสหาย สังคมก็ดี ถึงจะเรียกว่าหลุดสังคม มันถึงจะข้ามไปได้ เชื่อมรรคผล นิพพาน ทำไมเป็นเรื่องเชื่อได้ถึงขนาดนี้ ทำไงถึงผ่านไปได้ ไม่ผ่านไปก่อนก็ไม่รู้ว่ามี อะไร อย่างไร รู้แต่ปาก เกิดมาที(นาทีที่14:15)ได้เป็นแดกเป็นดี เรือน ได้เป็นนายคน ได้เป็นพ่อบ้านแม่เรือนก็ดี ได้เป็นคนเฒ่าคนแก่ก็ดี สุดท้าย ดีที่สุดได้เป็นคู่แก่ศาสนาแล้วมันมีความสุข มีจิตใจหลุดพ้น(นาทีที่14:30) เด็ดเดี่ยว/โดดเดี่ยวรอดไปถึง....???.......
สำหรับเธอนี้แหล่ะจะต้อง คิดให้ดี ทำให้ดี ให้เป็น(นาทีที่14:51) ทาน/การ ให้เป็นพระสมกับสมบัติ ให้มันมีสะดวก สบาย ยอมรับที่จะบำเพ็ญประโยชน์ อย่างเงินเดือนหัว(นาทีที่15:02)เดือน... อย่าให้มันเกินไป อย่าให้มัน...ขาด .... เมื่อไรมันจะได้ ..มันจะได้มีทรัพย์สมบัติ มันจะได้ทำ มันจะได้ใช้ทรัพย์สมบัติให้เป็นประโยชน์ ได้สร้างให้เป็นประโยชน์ ชื่อเสียงนะมันมีมันจะค่อยๆมีมาเอง เราทำกันไปพร้อมๆน่ะ ไอ้ทรัพย์สมบัติจะมีกับพระนั้น ไม่ได้ ถ้ามี(นาทีที่15:29) ก็ตัดขาด......ลอตเตอรี่.......ไม่ถือว่าเป็น??? ทาน..........มันจะเอามาอ้างได้ ว่าเป็นคนอาสามา แม้แต่รับมรดก เค้าก็ไม่ถือว่าเป็น คนอาสา(นาทีที่15:47)มา ....พระเดินไปเค้าจะยกมรดกอะไรให้ ให้มันทำขึ้นมาด้วยความสามารถ ดี มาทีละนิด ทีละนิด เป็นธรรมดา แต่เรามันไม่เคยอดกลั้นอดทน จนก็ขายซะหมด ที่เดียวก็ไม่ได้ อยู่เรียงรายก็ไม่ได้ อยู่ตรงกลางก็ดี เห็นแก่ท่านา ทั้งครอบครัว ทั้งจะต้องมีอนาคต ยังเป็นฆราวาสยังต้องมีครอบครัวเป็นธรรมดา ชื่อเสียงนี่มันต้องสร้างมา ชื่อเสียง เกียรติยศ ว่าเค้าจะ(นาทีที่16:25)หวาดใจ/วางใจ.. ถ้ามันเป็นชื่อเสียงปลอม ชื่อเสียงบังคับ(นาทีที่16:29) ..???... เหตุอย่างอื่นมันก็ ไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดีหกคะเมนกันอยู่บ่อยๆ มันต้องอดทนมันถึงมีทรัพย์เพิ่มขึ้น เหมือนจอมปลวกพอกขึ้นทีละนิด ชื่อเสียงก็เหมือนกันต้องทีละนิดทีละนิด เหมือนกับต้นไม้ ต้นไม้มันจะงอกงามได้ ต้องทำได้ทีละนิด สวยงามได้ในที่สุดนะ
ไอ้เรื่องที่คนรัก คนนับถือ นี่(นาทีที่17:05) มัน.ขยัก..มาอีกอันนึง เพราะว่า บางที รวยก็รวย ชื่อเสียงก็โด่งดัง แต่หามีใครใครรัก ใครนับถือเลย ไม่มีใครไว้ใจ(นาทีที่17:17) ?? เลย ต้องทำให้ได้ด้วย ให้คนรัก คนเลวกว่าเราก็รัก คน(นาทีที่17:22)....กว่ากันก็รัก คนดีกว่าเราสูงกว่าเราก็รักนะ ใช้ได้ นี่มันเป็นข้อพิสูจน์อีกอันต่างหาก นอกจากทรัพย์สมบัตินี่แล้ว เกียรติยศ ชื่อเสียง ดีเกินไปก็ไม่มีใครรักก็มี เราประพฤติ มีปัญหา ก็คนยังไม่เข้าใจ เห็นเป็นบ้าบอ(นาทีที่17:51)ไปแต่.. ต้องทำให้ทั่ว นี่เรื่องของสังคม ยิ่งเป็นฆราวาสยิ่งต้องทำให้เพิ่ม ฆราวาสด้วยกันนี่แหล่ะ(นาทีที่18:06)...พร้อมเพรียงกันแล้วความ......???......เพราะฆราวาสจะเอาเหมือนพระไม่ได้ เราเป็นพระนี่ (นาทีที่18:15).....เรา ??? คลาย.......... ตายไม่มีใครมาเผาหรือว่าไม่ประจบประแจง (นาทีที่18:25).......เอา ถ้าเป็นฆราวาสจะคิดอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ถูก ต้องมีคนรัก มีคนอะไร มันยังมีครอบครัวนะ ถึงจะลำบาก ถ้าเป็นพระตัวคนเดียวไม่มี(นาทีที่18:45)......... ทำไปได้อีกแบบ อีกที่ ไม่ต้องการทรัพย์สมบัติ ไม่ต้องการชื่อเสียงก็ได้ ถ้าเป็นพระ เพราะว่าเรา...นะ แต่ถ้าเป็นฆราวาสนะมันไม่มีทางนะ ต้องไปยุ่งด้วยเรื่องทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง สังคม ไม่ใช่สังคมกินเหล้า ไม่ใช่สังคมเล่นการพนัน นี่เป็นเรื่องที่ว่า จะเจริญรุ่งเรืองหรือไม่มันอยู่ตรงนี้ ถ้าทำถูกต้องในส่วนนี้ก็จะได้รับการให้ศีล ให้พร หรือว่ารดน้ำมนต์ ให้(นาทีที่19:25)ทำ ทานเป็น .. ดีที่สุด (นาทีที่19:36)นี่ก็แค่ว่า เผาไม้ .....ไม้ นี่เป็นเครื่องทดสอบ หมัด.. จะวางวาย เป็นเครื่องทดสอบ นี่ทรัพย์สมบัติ นี่เกียรติยศ ชื่อเสียง นี่สังคม นี่....
ทีนี้อาตมาถือขันธ์ 5 แต่ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ ก็ต้องปฎิบัติ แค่พูดว่าการอดทน มันต้องปฎิบัติ ต้องศึกษา ในรายละเอียดต่างๆมากมาย สู้กันไม่ไหว แต่โดยรวมความแล้วก็ว่า ต้องปฎิบัติให้ถูกต้อง ในเรื่องของความเป็นฆราวาสนี่เรียกว่า ติดข้อง ดีที่สุด พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เอง (นาทีที่20:22) ติดทั้งนา บิดามารดา ติดทั้งหลังบุตรภรรยา ติดทั้งฝายเ??? ติดทั้งฟากครูบาอาจารย์ ติดทั้ง...ทั้ง... เนืองนอง หลุดยาก ทั้งข้างบนลงมานี่มันมาสะสม ยามปฎิบัติให้ถูกต้องให้ถือหลักให้ดี แล้วความเจริญมันก็มา มันมากับจิต ในการปฎิบัติมันต้องประกอบด้วยธรรมะสำหรับการปฎิบัติของฆราวาสนี่ก็เรียกว่า ฆราวาสธรรม ที่เราพูดกันบ่อยๆเรื่อง สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ เดี๋ยวไปหารายละเอียดอ่านในหนังสือชื่อเรื่อง ฆราวาสธรรม ธรรมดา ธรรมะสำหรับฆราวาส เล่มเดียวนั่นก็พอ อย่างหัวข้ออย่างอย่างที่ดี ให้ศีลให้พร สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ให้มันขึ้นไป ให้มันอยู่แต่ริมฝีปาก ให้มันขึ้นใจ ให้มันแจ่มแจ้งอยู่ในใจ ให้มันอยู่แก่เนื้อแก่ตัว ไปทำจิตสำนึกให้มีความจริงใจในการกระทำ(นาทีที่21:53). ระดับ เผาไม้....จะวางวาย เค้าเรียกว่าสัจจะ ทมะก็คือบังคับตัวเองให้มันทำ ถ้าไม่บังคับก็มีสัจจะไม่ได้ ต้องบังคับต้องทน ถ้าไม่ทนนี่ก็บังคับไม่ได้ ต้องมีขันติ อย่าให้มันเกินไป ก็ต้องให้มีจาคะ ก็ต้องละไอ้สิ่งที่มันทำให้(นาทีที่22:20).ต้องทน...... รากเหง้าของความชั่ว หรือความเคยชินเรื่องของความชั่วที่ทำ นี่ก็พยายามละเอาเลย ด้วยการทำดีทุกอย่างทุกประการ ไม่ประมาท ขยัน ด้วยการนึกถึงไหว้พระสวดมนต์ ด้วยการปรับปรุงอยู่เสมอ สละออกไปเลย ศีลก็ควรจะอยู่ในจิตใจ เกิดเป็นคนต้องมีธรรมะ 4ประการนี้ แก่ฆราวาสธรรม (นาทีที่22:56) ยากใด .....ก็จะได้มา.........ต้องการให้คุณสุดท้ายของความเป็นฆราวาส 4ประการนี้ใครทำได้ ทรัพย์ ยศ ไมตรี จะได้ได้ด้วย สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ นี่เป็นฆราวาสสมบูรณ์
(นาทีที่23:15)....... แล้วจะไปโลกหน้า ไปทางธรรม ทางศาสนา จะเอามรรคผลนิพพาน ก็ต้องทำได้ด้วยใน 4 อย่างนี้เหมือนกัน ยัง ยังใช้ได้ แต่วันนี้เราพูดเรื่องฆราวาส เมื่อทำได้อย่างนี้ ก็เรียกว่าโดยส่วนตัวแล้ว เราทำสมบูรณ์ไม่มีใครติเตียน เค้าเรียกว่าสังคมจะสมบูรณ์ ไม่มีใครติเตียนได้ แม้แต่ความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ต่อบรรพบุรุษ ต่อวงศ์ตระกูล เราก็ทำสมบูรณ์ ไม่มีติเตียนได้ แม้ว่าเป็นอุบาสก สืบอายุพระศาสนาก็สมบูรณ์อยู่ในข้อนี้ การจะเป็นอยู่ให้ดี ให้มีธรรมะ ตราบที่เราประพฤติอยู่ นี่ก็เรียกว่าสืบอายุพระศาสนา บวชพระ บวชเณร มาเรียนแต่ไม่ปฎิบัติ นี่ก็ไม่สืบอายุพระศาสนานะ นี่เป็นฆราวาส ปฎิบัติอย่างอุบาสกที่ดี เป็นศรีนะ สืบอายุพระศาสนา ให้ชื่อว่าการปฎิบัติตะหากเป็นการสืบอายุพระศาสนา รวมความว่าทุกอย่างไม่ขาดไม่บกพร่อง (นาทีที่24:43) ทำอะไรก็มี... เยือกเย็น สูงต่ำ รดน้ำ......???....นี่เราเรียกว่า รดน้ำมนต์ ตามแบบของพระพุทธเจ้า เรียกว่าการให้ศีล ให้พร ตามแบบของพระพุทธเจ้า เราใช้คำว่าพุทธบริษัทโดยตรง(นาทีที่25:22) แล้วทีนี้ก็ไม่มี....จะเป็นพวกข้อใหญ่สำคัญมันไม่มีแล้ว..... จะออกไปเป็นฆราวาส พยายามเป็นบัณฑิตให้ได้ ด้วยความหมายอย่างที่ว่า ถึงริมถึงฝั่งของความเป็นฆราวาส
ทีนี้ก็เรื่องเบ็ดเตล็ดนะ ก็จะรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้โดยง่าย เราก็อย่าประมาทนะ ต้องนึกถึงศาสนา ถึงวัด ถึงวา ถึงอุปัชณาย์อาจารย์ บิดามารดา (นาทีที่26:07) สมัย...ไว้นะ พยายามบังคับตัวเอง เตือนตัวเองว่าเราได้บวชแล้วเสมอ บางคนมันคิดว่ามันเลิกกัน ก็คิดว่าทางศาสนา ทำให้มันเลิกกัน สึกมาแล้วมันจะลืม ลืม ลืม ลืม เลิกกันจริงๆน่ะ (นาทีที่26:30)พยายาม/ไม่อยากเกี่ยวข้อง (นาทีที่26:33) ..อย่าหลีกเลี่ยง มันก็จะให้เราไปทำผิดเสีย เล็กๆน้อยๆ(นาทีที่26:38) ......... พยายามทำให้ได้..ว่ายน้ำ ???...... ควรทำให้ได้ นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง มันจะไปทำให้คนอีกจำพวกนึงเคารพนับถือ รักใคร่ ไม่ใช่เพราะคนมีเงินมีทองมี(นาทีที่26:53)...........ไหว้ ชาวบ้านมันจะ......กันนับถือ ไอ้คนนี้นี่มันยังทำได้ อาราธนาศีลก็ได้ นี่ก็ได้ จะวานทำอะไรเกี่ยวกับพิธีทางศาสนามันก็ยังทำได้ ทีนี้ไอ้ความรักความนับถือมันก็เพิ่มขึ้นอีกส่วนนึง นี้ไปอยู่กับสังคม สังคมอย่างชาวพุทธ
การเตือนตนเองให้อยู่ในธรรมเป็นสำคัญ (นาทีที่27:33) ???... ถึงจะถ่ายรูปเมื่อบวช ไปขยายรูปใหญ่ๆแขวนไว้น่ะ ถ้าชินชาเข้ามันก็ลืม มันทุกอย่างที่จะทำให้ไม่ลืมได้นะ ควรจะทำ คนที่เขาเคยทำสำเร็จ อย่างบาตรจีวรนี่ เคยใช้บวชนี่ เอาไปไว้เป็นที่ระลึก ถ้าเหลือบเห็นบาตร เหลือบเห็นจีวรที่เราเก็บไว้เป็นที่ระลึก คงทำอะไรเลวๆชั่วๆไม่ได้ ที่บอกไม่ได้เป็นเพราะ(นาทีที่28:20)........ด้วย ด้วยเหตุนี้หลายคน เป็นใหญ่เป็นโต (นาทีที่28:30)...แรกๆ........ ไม่สนใจ ........อย่างบาตรจีวรเนี่ย ขัดให้สะอาด ขัดให้สวยไว้ในห้อง เก็บกับหนังสือในตู้ หนังสือ ต่อไปถ้าเราจะเป็นคนจริงจัง ก็สมควรจะต้องมีตู้หนังสือ ไปซุกไว้ในตู้หนังสือ เอามา..??..ก็ได้. .........................มาในทางนี้ เราก็ยังจะไม่ลืม มันมีอิทธิพล เมื่อจิตใจมัน(นาทีที่29:05).รู้ภัย...............อย่างบาตรจีวรนี้ ... ถ้าให้จิตมันอยู่ดี กายอยู่ดี...... ราคาไม่กี่สตางค์ แต่ถ้าทำถูกต้องก็มีอิทธิพลทางจิตใจ เรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ เราเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยเสีย คนเราโดยมากมักจะเป็น นี่ก็ให้ไปคิดไปนึกให้รอบคอบ จะเป็นเพียงการสนับสนุนเรื่องฆราวาสธรรม เรื่องขันติ เรื่องความอดกลั้นอดทน... (นาทีที่29:54)เมื่อได้4อย่าง 4ประการ........ไอ้สิ่งที่เราวางไว้เป็นหลักเป็นเกณฑ์นั้นมันก็มี.....
แต่ธรรมชาติเป็นสิ่งสนับสนุนมันก็เป็นไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้น่ะมันจะสนับสนุน คอยกระตุ้นเตือนให้เรามี หิริ โอตตัปปะ ให้เป็นธรรมะรากฐานสำคัญที่สุด สำหรับมนุษย์อย่างเรา ถ้าเราเผลอขาดหิริ โอตตัปปะ มันก็ มันจะต้องละอายแล้ว แต่ถ้าใครสังเกตุให้รู้สึกกันใหม่ นี่แหล่ะความกลัวบาป ความละอายบาป มันมีได้ และก็คนนั้น ต้องมีความเจริญ ชวนกันไปกินเหล้านี่มันคนหน้าด้านต่อบาปไม่ละอายบาป มันไม่กลัวบาป และเป็นทั้งอบายมุข (นาทีที่31:00).???.ใดๆ.. มันก็ไม่มี หิริ โอตตัปปะ มันก็ฉิบหาย ถ้าไม่มีใครสนใจในความดี มันจะต้องเชื่อพระพุทธเจ้า สอนให้มีหิริ มีโอตตัปปะ เป็นรากฐานของศีลธรรมทั้งปวง
(นาทีที่31:25)...เราเรียนกันมาเป็นโลกบาล เปลี่ยนโลก คุ้มครองโลก ก็คือบุคคลนั้นด้วย คุ้มครองบุคคลไว้ให้รอดตัวนะมีหิริ โอตตัปปะ คล้ายๆกับเรามีหางเรือมีอะไรคอยเตือนสติไว้นะ คือเตือนให้มีหิริ โอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาป (นาทีที่31:53)....ยิ่งมารู้.... อ้าว บวชแล้ว ได้บวชแล้ว นี่ก็จะดีชั่วจะเรียกหิริ โอตตัปปะกลับมา ..???.เป็นห่วง ห่วงกันมา สึกๆกันไปนี้ ไม่เท่าไรก็ลืม ลืม ก็ลืม (นาทีที่32:12)ลืม เลือน... ถึงไม่มีทางที่จะเกิดหิริ โอตตัปปะแล้วมันก็ ก็ไม่มีอะไรที่ดีเป็นพิเศษได้ คือไม่ดีธรรมดาได้ หรือนี่ก็อาจจะวินาศฉิบหายไปเลยก็ได้ ไอ้คนเราถ้ามันขาดหิริ โอตตัปปะ นี่ก็ไปศึกษากันให้ดีๆ ไม่เสียทีนะ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา นี่พูดกันแล้วพูดกันอีก นี่ บวชจริง เรียนจริง ปฎิบัติจริง ได้ผลจริง มีโอกาสก็สอนสืบๆกันไปจริง มันถึงจะไม่เสียทีได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา ถ้าเราเป็นชาวไทย เป็นอย่างนี้เค้าเรียกว่าเป็นอุบาสก เป็นมนุษย์และอุบาสกมีความหมาย ไม่เสียทีที่ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ใกล้ชิดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยจิตใจมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในใจ มันใกล้ชิด มันมีความสุข มรรค ผล นิพพาน นี่ก็มี เจริญเรียกว่าเป็นมนุษย์อย่างพุทธบริษัทนะ ไม่เสียทีเกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา ได้เป็นอุบาสก(นาทีที่33:55)..ทั้งหมดนี่ก็..............ส่ายทั้งนั้น ควบคุมตัวเองให้ตลอดรอดฝั่ง ไปจนถึงวาระสุดท้าย รายละเอียดมีหนังสือธรรมะทั้งหลายแหล่จึงไม่พูด พูดแต่หัวข้อ แล้วก็จำง่ายแล้วก็ ตักเตือน(นาทีที่34:17)...... เชื่อฟังอย่างเคารพนับถือ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เราจึงขอตั้งจิตอธิษฐานให้เธอมีความเจริญงอกงามก้าวหน้า(นาทีที่33:31)ได้พานพ้อง/...พระศาสนา อยู่ทุกทิพาราตรีกาล เทอญ