แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
สติปัญญาความรู้ที่มันมาจากการได้ยินได้ฟังแล้วก็เอาไปคิดไปนึกอีกทีหนึ่ง ได้ยินได้ฟังน่ะเป็นขั้นต้น ได้ยินได้ฟังว่าอย่างไร นี่ก็ฉลาดขึ้นเท่านั้นแหละ ครั้นจะฉลาดต่อไปอีกก็ด้วยการไปคิดไปนึกอย่างละเอียด ไตร่ตรองนี่ฉลาดขึ้นอีก แล้วไปลองปฏิบัติดูเลย ปฏิบัติได้ผลอย่างไร รู้ นี้ฉลาดที่สุดแหละ ฉลาดถึงที่สุดเมื่อได้ปฏิบัติ เมื่อได้รับผลการปฏิบัติ
การได้ยินได้ฟังน่ะเป็นความจำเป็นในขั้นแรก เราอุตส่าห์เถอะจะได้เกิดสัมมาทิฐิ แม่มีสัมมาทิฐิ และลูกมีโอกาสที่จะมีสัมมาทิฐิ ถ้าแม่เป็นมิจฉาทิฐิแล้วยากแหละ ยากที่จะ พ่อแม่เป็นมิจฉาทิฐิแล้วยากแหละที่จะลูกเป็นสัมมาทิฐิได้ จึงขอให้แม่สนใจ ให้เป็นสัมมาทิฐิ ให้เดินให้ถูกต้องเสียก่อน แล้วมันจะง่ายแหละในการที่ทำให้ลูกเป็นสัมมาทิฐิตาม ถึงที่อยู่ให้ดู เป็นให้ดูมันก็ตามกันมากแล้ว ถ้ายิ่งไปทำสอนเข้าอีกแล้วมันก็ยิ่งเป็นได้มาก นี่แหละประโยชน์ของการที่ว่าได้ยินได้ฟัง
ทีนี้ในวันนี้เป็นวันแม่ เป็นวันที่เขาให้เกียรติกับแม่ว่าแม่น่ะเป็นบุคคลที่สำคัญในโลก ซึ่งแม่ได้ทำหน้าที่ของแม่ คือ ทำหน้าที่สำคัญในโลก ก็เลยได้ยกให้เป็นผู้มีความสำคัญ มีเกียรติที่ต้องเอามาพูดมาจา มาแสดงความเคารพ นี้เรียกว่าให้เกียรติแก่แม่ ให้แม่มาประชุมกันแล้วพูดจาให้เป็นประโยชน์ นี้เขาจัดเป็นวันๆไป วันแม่นี้ได้จัดแล้ว วันพ่อยังไม่เคยมี มีแต่วันแม่ กับวันเด็ก หรือวันลูก นี้แหละเป็นความสำคัญก่อน เข้าใจว่าอีกไม่เท่าไรคงจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีจัดวันพ่ออีก มันก็ความ มีความสำคัญไม่แพ้แม่ แต่ว่าคนละอย่าง จึงเอามาจัดรวมกันไม่ค่อยจะได้ พูดฝ่ายพ่อ พูดอย่างพ่อ พูดเพื่อประโยชน์กับพ่อ พูดไปอย่าง พูดเพื่อแม่ ประโยชน์แก่แม่ ก็ไปอีกอย่าง ก็เลยจัดกันคนละวัน
แม่นั้นมัน มันไม่ใช่ว่าเพียงแต่ว่าเกิดลูกมา เกิดลูกมาแล้วก็เป็นแม่นี่ ไอ้ หมู หมา กา ไก่ก็เป็นแม่ได้ถ้าเพียงเท่านี้นะ ถ้าเพียงเกิดออกมาแล้วเป็นแม่นี่ หมู หมา กา ไก่ ก็เป็นแม่ได้ แต่แม่ในภาษาบาลีที่พระพุทธเจ้าสอนไว้นั้นน่ะ ว่าแม่นี่ รวมทั้งพ่อด้วยก็ได้ เป็นครูคนแรกของลูกนะ ไม่ใช่ว่าเกิดเสร็จแล้วเลิกกัน ไม่ใช่ ครูกับแม่นี้จะต้องเป็นครูคนแรก สอนอะไรคนแรกแก่ลูกนะ แล้วเป็นพรหม แม่ พ่อนี่เป็นพระพรหมของลูก ไม่ใช่แค่ว่าเกิดมาเฉยๆ เป็นเทวดาประจำบ้านเรือนของลูก และในที่สุดเป็นอาคุณนัยบุคคล(นาทีที่ ๔.๓๑ ไม่แน่ใจ) คือเป็นพระอรหันต์ประจำบ้านเรือน
นี่แหละเป็นครูคนแรกของลูก เป็นพระพรหมของลูก และเป็นเทวดาประจำบ้านเรือน และเป็นพระอรหันต์ประจำบ้านเรือน นี่แหละจึงว่า แม่นี้ ไม่ใช่แค่ว่าเกิดลูกแล้วก็เป็นแม่ มันยังต้องเป็นอีก ๔-๕ อย่างนี้แหละจึงจะเป็นแม่ที่สมบูรณ์ ฉะนั้นเราอย่า อย่าไม่รู้ไม่ชี้นะ เกิดมาแล้ว แล้วกัน ใหญ่เอง อันนี้มันก็เป็นเหมือนกับสัตว์ มันก็เกิดมาเป็นแม่แล้วลูกมันใหญ่เอง แต่ถ้าลูกของคน คนจะต้องสอนให้ลูกนั่นแหละมันคือลูกของมนุษย์ ให้มันรู้อะไรต่ออะไรที่ควรจะรู้
พ่อแม่เป็นอาจารย์คนแรก คิดดูสิ มัน มันสอนมาตั้งแต่แรกเกิด พอลืมตาก็เห็นแม่เห็นพ่อ เอาอย่างแม่ เอาอย่างพ่อ แล้วแม่พ่อก็สอนตั้งแต่ว่าให้กินนมอย่างไร ให้ขี้เยี่ยวอย่างไร จนกระทั่งว่าให้ลุกขึ้น ยืน เดินได้อย่างไร นี้ก็สอนให้รู้ว่า อย่างนั้นสกปรก อย่างนี้สะอาด อย่างนี้อันตราย อย่างนี้ไม่อันตราย ให้สอนตั้งแต่แรก แรกคลอดทีเดียวนี่ เป็นอาจารย์คนแรกที่สุด ถ้าสอนดีแล้วลูกมันก็ดี สอนไม่ดีลูกมันก็ไม่ดี ครูที่โรงเรียนนี้มันสอนทีหลังนะ อายุ ๖ ปี ๘ ปีแล้วจึงมาอยู่โรงเรียน ก่อนนั้น แม่นั่นแหละสอน
ฉะนั้นแม่ทำให้ดีเถอะ ทำตัวอย่างให้ดีเถอะ
แม่พูดจาดีๆ ลูกมันจะเป็นคนพูดจาดีๆ
แม่มันนุ่งห่มแต่งตัวให้เรียบร้อย ลูกมันจะเรียบร้อย
แม่กิริยามารยาทดี อย่าพูดหยาบอย่าอะไร ลูกมันก็จะมีกิริยามารยาทดี
พ่อแม่มันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักเพื่อนบ้านดี ลูกก็รักเพื่อนบ้านดี
พ่อแม่มันกลัวบาป ไอ้ลูกมันก็กลัวบาป
ถ้าพ่อแม่มันไม่กลัวบาป เป็นอันธพาล ลูกมันก็เป็นอันธพาลแหละ ไม่ต้องสงสัย
ฉะนั้นขอให้แม่และพ่อด้วยแหละสนใจจะเป็นอาจารย์ที่ดีคนแรกของลูก
เป็นพระพรหมของลูกนะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาต่อลูก เมตตาคือรักลูก แต่ว่ารักให้ รักให้มากกว่าหมามันรักลูก คนรักลูกนี่รัก รักให้มากกว่าหมามันรักลูก หมามันก็รักลูกเป็นแต่ไม่ถึงขนาด ไอ้คนรักลูกต้องรักมากกว่านั้น ต้องทำดีกว่านั้น คือ รักชนิดที่ไม่ทำให้เสียและไม่ใช่ที่เรียกว่าปล่อยตามบุญตามกรรม
เมตตาคือความรัก
กรุณาคือสงสาร ช่วย
มุทิตาคือสบายใจเมื่อลูกมันสบาย
อุเบกขาน่ะ เมื่อมันช่วยอะไรไม่ได้ก็คอยจ้องอยู่เรื่อย คอยจ้องจะช่วยอยู่เรื่อย ไม่ใช่ว่าไม่รู้ไม่ชี้
อุเบกขาน่ะไม่ใช่ไม่รู้ไม่ชี้นะ อุเบกขาน่ะคือคอยดูอยู่นั่นแหละ คอยดูอยู่นั่นแหละ คอยดูเฉยๆอยู่ก็จริงแต่มันคิดอยู่ว่าจะช่วยกันอย่างไร จะทำอย่างไร อุเบกขาน่ะไม่ใช่ว่าเฉยตลอดไป ไม่ใช่ มันคอยดู เพ่งดู เพ่งดู เพ่งดูอยู่ เมื่อไรจะมีโอกาสที่จะช่วยได้ ก็ช่วยอีกแหละ
พ่อแม่มีกรุณา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงเป็นพระพรหมของลูก มีบุญคุณเหนือลูก เหมือนกับพระพรหมที่เราเรียกกัน (นาทีที่๘.๓๗-๘.๔๘ เสียงหาย)
เป็นเทวดา พ่อแม่เป็นเทวดาของลูก เทวดาประจำบ้านเรือน เราจะต้องการอะไร ต้องการ ไอ้ลูกมันจะต้องการอะไร วันไหนก็ เทวดามันจะบันดาลให้ เป็นผู้ที่ให้ความสุข (นาทีที่๙.๐๙-๙.๕๘ ไม่มีเสียง) (มันขลุกขลักทุกวัน ทุกคราวๆเลย) พ่อแม่เป็นเทวดา ที่เขาเรียกว่าเทวดาที่ว่าจริงน่ะ เทวดาบนต้นไม้ เทวดาบนฟ้า เทวดาประจำบ้านอะไรก็ พ่อแม่เป็นกว่า เป็น กว่าเทวดาชนิดไหนหมด ถ้าจะไหว้เทวดาก็ไม่ต้องไปไหว้ที่ไหน ก็ไหว้พ่อแม่ จะช่วยให้เกิดความเจริญ แม่หรือพ่อเป็นพระอรหันต์นะ ให้เกิดบุญ พระอรหันต์น่ะให้เกิดบุญ เมื่อจะต้องการบุญล่ะ ก็จัดเอาไปจากพ่อแม่แหละ ประพฤติความดีที่พ่อแม่ พ่อแม่จะเป็นพระอรหันต์ของลูก ให้เกิดบุญ ให้เกิดกุศล ให้เกิดทางจิตใจยิ่งๆขึ้นไป นี่แหละฟังดูให้ดี นี้แหละไม่ใช่ว่าเป็นแม่เพราะเกิดลูกมา ไม่ใช่ (นาทีที่ ๑๑.๐๖-๑๑.๔๕ ไม่มีเสียง)...แล้วไม่ทำหน้าที่ ลูกเป็นลิงเป็นค่าง อันธพาล เป็นอะไรต่ออะไรวินาศไปแล้วก็มี ให้แล้วไปเถอะ แต่ต่อไปนี่ขอให้ตั้งต้นกันใหม่เลย พ่อแม่เอาใจใส่ต่อลูกให้ดี ให้ลูกเป็นลูกของมนุษย์ ให้เป็นบุตรของมนุษย์ ดีกว่าเป็นบุตรของคนหรือเป็นบุตรของสัตว์นะ ให้เป็นบุตรของมนุษย์ มนุษย์มันมีจิตใจสูง ขอให้ลูกของเราเป็นลูกของมนุษย์ นี้แหละเลี้ยงลูกให้ดีนี่ เป็นบุญสูงสุดของพ่อแม่แหละ ว่าถ้าเลี้ยงลูกไม่ดีลูกเป็นอันธพาลก็จะเป็นบาปกันทั้งหมดเลย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูก ทั้งหลาน ทั้งวงศ์ตระกูลนะ เลี้ยงลูกมาไม่ดีเป็นบาปกันหมดเลย ถ้าเลี้ยงได้ดีก็เป็นบุญกันหมดเลย
เด็กๆ นั้นแหละคือผู้สร้างโลก เด็กๆวันนี้คือผู้สร้างโลกต่อไป โลกต่อไปจะเป็นอย่างไรมันก็แล้วแต่เด็กๆเวลานี้ มันเล่าเรียนดีหรือไม่ดี เป็นเด็กที่ดีหรือไม่ดี ถ้ามันเป็นเด็กดี โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วมันก็ให้โลกมันก็ดีนะ เพราะว่าโลกน่ะมันประกอบขึ้นด้วยมนุษย์ ถ้าทุกคนเป็นมนุษย์ก็เป็นโลกมนุษย์ ถ้าทุกคนเป็นสัตว์ก็เป็นโลกของสัตว์ ถ้าเป็นคนเลวก็เป็นโลกของคนเลว ถ้าเป็นคนดีก็มันเป็นโลกของคนดี
คนน่ะมันสร้างโลก คนนั่นแหละเป็นพระเจ้าสร้างโลก ถ้าทุกคนดีมันก็สร้างโลกดีขึ้นมาแหละ มันจะเลวได้อย่างไร ทุกคนในโลกมันดีแล้วมันจะเป็นโลกที่ดี ฉะนั้นเราจึงสร้างเด็กให้เป็นเด็กที่ดี โตขึ้นก็เป็นคนที่ดี เป็นมนุษย์ที่ดี โลกนี้ก็คือโลกที่ดี
แม่ช่วยสร้างโลกโดยทางลูก แม่สร้างลูก ลูกมันสร้างโลก แม่สร้างลูกให้ดีๆนะแล้วไอ้ลูกมันดี เป็นคนดีไปสร้างโลกที่ดี เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่วันหน้า มันไม่มีความหมายอะไร หมามันก็เป็น ที่ว่าเด็กวันนี้คือผู้ใหญ่วันหน้า หมามันก็เป็น ลูกหมาวันนี้ก็เป็นหมาใหญ่วันหน้า ไม่มีความหมายอะไร แต่ถ้าเด็กวันนี้คือผู้สร้างโลกในวันหน้า นั่นแหละมันมีความหมาย เพราะโลกในวันหน้าจะดีจะเลวก็อยู่ที่เด็ก ถ้าเด็กดี โตขึ้น โตขึ้น แล้วโลกก็เต็มไปด้วยคนดี ก็เป็นโลกที่ดีมีความสงบสุข ก็ลองคิดดู
ถ้าทุกๆคนในโลกมันดี มันก็ไม่มีเรื่องร้าย ไอ้เรื่องร้ายที่มีอยู่ทุกวัน ทุกวัน ที่โลกมันแย่ก็เพราะคนมันไม่ดี ถ้าคนมันดีหมดแล้วโลกมันก็ดี ช่วยกันสร้างโลกให้ดีมันได้บุญนะ จะสร้างโลกให้ดีก็สร้างลูกนั่นแหละให้ดี ถ้าเราจะสร้างโลกให้ดีจงสร้างลูกให้ดี เพราะลูกดีแล้วโลกในอนาคตก็ดี เพราะว่าโลกประกอบอยู่ด้วยคน ทุกคนในโลกนั่นแหละก็คือโลก ถ้าทุกๆคนดีโลกมันก็ดี เอาบุญในข้อนี้กันเถอะ เป็นบุญอย่างใหญ่หลวงแหละ
สร้างโลกให้ดีมีความสุขได้บุญที่สุด ตรงตามพระพุทธประสงค์ พระพุทธเจ้าท่านอธิษ อธิษฐานให้เป็นพระพุทธเจ้านี้ก็เพื่อจะทำให้มนุษย์มีความสุข โลกมนุษย์ โลกเทวดา โลกพรหมโลกอะไรก็มีความสุข ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อเหตุนั้นน่ะ ทีนี้เราร่วมมือกับท่านเถอะ ช่วยกันสร้างโลกที่ดีมีความสุขแล้วเราก็ได้บุญแหละ พ่อแม่มีหน้าที่ทำให้ลูกดี ลูกดีก็จะประกอบให้ไปเป็นโลกที่ดี เมื่อโลกมันดีมีความสุข ปัญหามันก็หมด ถ้าโลกมันไม่ดีก็เพราะคนมันไม่ดี คนมันไม่ดีก็เพราะเด็กๆ ไม่ได้รับการศึกษาอบรมอย่างถูกต้อง ฉะนั้นขอให้สนใจแต่ในการเลี้ยงลูกให้ดีนั่นแหละคือทำบุญกุศลสูงสุดแหละ
ลูกก็เหมือนกันแหละ ถ้าเอาดีอะไรก็บูชา เคารพ บูชาบิดามารดาในฐานะเป็นอาจารย์ เป็นพระพรหม เป็นเทวดา เป็นพระอรหันต์ของลูก ถ้าลูกทำได้ชนิดนี้นะในบ้านเรือนนั้นน่ะมีพระอรหันต์มี มีเทวดา มีพระพรหมอยู่บ้านเรือนนั้น ถ้าบ้านเรือนไหนทำไม่ดี ลูกไม่เคารพพ่อแม่ บ้านนั้นมีแต่ผี ผีเลวร้าย เขาเรียกว่าไม่มีพระอรหันต์ ไม่มีเทวดา ไม่มีพระพรหม ไม่มีครูบาอาจารย์คนแรกในโลก แล้วเราจะทำบ้านของเราให้เต็มไปด้วยผีที่เลวร้ายก็ได้ ก็ทำกันไปส่งๆแบบนั้น ทั้งแม่ทั้งลูก บ้านนั้นก็จะเต็มไปด้วยผีที่จะสร้างความวินาศ แต่ถ้าเราทำให้ดี ไม่ให้ผิดได้ตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่ลูกเกิดมาก็เป็นลูกที่ดี เคารพพ่อแม่อย่างครูบาอาจารย์ เคารพพ่อแม่อย่างพระพรหม ก็มีพระพรหมประจำบ้าน เคารพพ่อแม่อย่างเทวดาก็มีเทวดาประจำบ้าน ปฏิบัติต่อพ่อแม่เหมือนปฏิบัติต่อพระอรหันต์ก็มีพระอรหันต์ประจำบ้าน บ้านนี้ไม่มีผี มีแต่พระพรหม เทวดา พระอรหันต์อยู่ในบ้านนั้น และบ้านนั้นมันก็จะ มันจะอะไรล่ะ คิดดูสิ มันก็จะมีแต่ความสงบอยู่เย็นเป็นสุข มีแต่ความเจริญ
นั่นแหละพ่อแม่ช่วยกันทำ อบรมลูกให้ดี ปฏิบัติต่อกันให้ถูกต้อง แล้วบ้านนี้จะมีครูบาอาจารย์ที่ดี มีพระพรหม มีเทวดา มีพระอรหันต์สูงสุด และก็พระพุทธเจ้าก็รวมอยู่ในนั้นแหละรวมอยู่ในพระอรหันต์ เพราะมันมีการปฏิบัติดีนี่ มีศีล สมาธิ ปัญญา แล้วก็บรรลุธรรมะหลายๆชั้นอยู่ในนั้นแหละ นี้แหละพ่อแม่ควบคุมลูกให้ดี บ้านเรือนนั้นจะมีพระอรหันต์ จะมีเทวดา มีพระพรหม นี่แหละป้องกันได้จริง ป้องกันได้จริง เครื่องรางอื่นไม่สำคัญ ไม่สำเร็จ เครื่องรางนี้แหละสำคัญป้องกันได้สำเร็จ บ้านเรามีพระพรหม มีเทวดา มีพระอรหันต์แล้วมันจะไม่สำเร็จได้อย่างไร มันจะป้องกันถึงที่สุดเลย คุณพระ คุณพระนั้น นี้แหละๆจะป้องกันคุ้มครองเราถึงที่สุด จะไม่มีการทำผิดเลย พ่อแม่ก็ไม่ทำผิด ลูกก็ไม่ทำผิด หลานก็ไม่ทำผิด ใครๆก็ไม่ทำผิด ก็อยู่ในความถูก มีธรรมะ รอดตัว ไม่ต้องเป็นทุกข์ มีแต่ความสุขยิ่งๆขึ้นไป
พูดถึงหน้าที่ของแม่ วันนี้เป็นวันแม่ จึงพูดถึงหน้าที่ของแม่ ขอให้แม่สร้างลูกให้ดี สร้างลูกให้ดี สร้างลูกดีก็ไปสร้างโลกให้ดี สร้างโลกให้ดีก็ต้องสร้างทางลูก ทำให้ลูกมันดี ให้เป็นเด็กที่ดี ทั้งเด็กหญิงเด็กชาย สอนให้เด็กๆ มันรู้นะ เด็กๆตัวเล็กๆ แบบนี้แหละสอนให้เขารู้ว่า แม่น่ะคืออะไร พ่อคืออะไร ตัวเราคืออะไร เป็นลูกเป็นทำไม ให้เด็กตัวเล็กๆนี้ รู้ว่าเป็นลูกนี้เป็นเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ เป็นลูกน่ะเป็นเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ ถ้าไม่ได้ทำให้พ่อแม่สบายใจ ไม่ใช่ลูก เป็นก้อนขี้อันหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าลูกที่ทำให้พ่อแม่สบายใจจึงเรียกว่าเป็นลูก เป็นบุตรที่ดี เด็กตัวนิดๆนี้ พอเกิดมาก็น่ารักดีอยู่พ่อแม่ก็สบายใจ เด็กตัวเล็กๆ มันเจริญขึ้นด้วยความดี ด้วยความรู้ พ่อแม่ก็สบายใจ เมื่อลูกมันเรียนสำเร็จ พ่อแม่ก็สบายใจ เมื่อลูกมันประกอบอาชีพเป็นหลักเป็นฐานสืบวงศ์สกุลได้ พ่อแม่มันก็สบายใจ ก็เลยเรียกว่าลูกนี้คือผู้ที่เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจเท่านี้เอง ให้รู้ ให้ลูกมันรู้ว่ามันเกิดมาเพื่อทำให้พ่อแม่สบายใจ เด็กตัวเล็กๆ สอนเถอะ มันพูดได้จำได้แหละ แล้วมันก็ถือเป็นหลักเรื่อยไปจนตลอดชีวิตแหละ ว่าลูกที่เกิดมาเพื่อทำให้พ่อแม่สบายใจ ถ้าได้ใหญ่ได้โตก็ได้บวช บวชเณรบวชแม่ บวชพระ บวชพ่อแล้วก็สบายใจที่สุดแหละ
พ่อแม่นั้นคืออะไร เด็กๆมันควรจะคิดได้แหละ เพราะอย่างน้อยมันได้อาศัยตลอดเวลา พ่อแม่มีความรักเรา นี้ถามดูสิว่า เสื้อมาจากไหน ก็แม่ให้ กางเกงมาจากไหน ก็แม่ให้ รองเท้ามาจากไหน ก็แม่ให้ หมวกมาจากไหน ก็แม่ให้ เข็มขัดมาจากไหนก็แม่ให้ อะไรก็แม่ให้พ่อให้ ให้มันรู้อย่างนั้นก่อนเถอะ เขาจะได้รู้สึกว่าพ่อแม่มีพระคุณ มีความดีกับเรา พ่อแม่นี้เราขอสตางค์ได้ตลอดเวลาเหมือนกับว่าธนาคารหรือออมสินที่เราเบิกเงินได้เรื่อยไม่ต้องฝากเลย ธนาคารนี้เราไม่ต้องเอาเงินไปฝากเลย แต่เบิกอย่างเดียว นี้แหละพ่อแม่ ให้เด็กเข้าใจข้อนี้ มองเห็นข้อนี้ แล้วเด็กก็จะรัก และเคารพ จะซื่อสัตย์ จะกตัญญูต่อบิดามารดา กูตายเองจะดีกว่า จะไม่ทำให้พ่อแม่น้ำตาตก ลูกชนิดนี้ ไอ้ลูกชนิดนี้มันจะถือหลักว่า กูตายเองจะดีกว่า ไม่ทำให้พ่อแม่น้ำตาตก ก็หมายความว่ามันไม่ทำอะไรให้ผิดพลาดให้พ่อแม่ต้องเป็นทุกข์เดือดร้อน เพราะพ่อแม่มีบุญคุณอย่างนี้
ให้เด็กๆรู้ว่าเกิดมาทำอะไร เด็กๆเกิดมาทำอะไร เกิดมาทำความดี ทำความดีอย่างไร พ่อแม่ทำให้ดู พ่อแม่ทำให้ดู ว่าทำความดีทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้ แล้วเด็กมันก็จะทำความดี เพราะเราเกิดมาเพื่อทำความดี ดี ดี ดีถึงที่สุดแหละ จะให้รู้ทันทีด้วยเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ ต้องค่อยๆรู้ ค่อยๆ รู้ ใหญ่โตค่อยรู้ ดีที่สุดมันคืออะไร อยู่ที่ตรงไหน เราก็ได้ ได้ลูกที่ดี มีลูกที่ดี ไม่ทำให้พ่อแม่ร้อนใจแม้แต่นิดเดียว ไม่ต้องให้ถึงกับน้ำตาตกหรอก ให้โกรธเพียงนิดก็ยังไม่มี
จะโทษใครไม่ได้ ต้องโทษพ่อแม่อบรมทีแรกดีหรือไม่ดี อบรมมาทีแรกๆนั้นอบรมมาดีหรือไม่ดี ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ถ้าอบรมมาทีแรกถูกต้องแล้วก็หวังได้ ฉะนั้นอย่าทอดทิ้งให้มันใหญ่เอง รู้เอง ให้มันใหญ่ขึ้นมาในการควบคุมของเรา อยู่ในคำสั่งสอนของเรา ใหญ่ขึ้นมา ใหญ่ขึ้นมา แล้วลูกมันก็ดี อย่าปล่อยให้ใหญ่ไปตามประสาของมันเอง มันก็เหมือนกับสัตว์แหละ สัตว์มันใหญ่ของมันเองแหละ แต่ลูกมนุษย์ไม่ได้ ลูกของมนุษย์ต้องใหญ่ขึ้นในการควบคุมจัดการดูแลปรับปรุงของพ่อแม่เสมอ เพราะมันต้องการจะใหญ่ขึ้นมาสำหรับเป็นมนุษย์ มีความถูกต้อง ไม่มีความผิดพลาด มีความสุข สำหรับทำบ้านเมืองให้มีความสุข สำหรับทำโลกให้มีความสุข ฉะนั้นการเกิดมาก็เลยได้บุญแหละ ลูกเกิดมามันก็ได้บุญ พ่อแม่เกิดมาก็ได้บุญ ต่างคนต่างทำแต่สิ่งที่ว่าเป็นบุญ ทำหน้าที่พ่อแม่ดีก็เป็นบุญ ทำหน้าที่ลูกดีก็เป็นบุญ เลยทำกันแต่บุญอย่างเดียว
เราจะต้องเริ่มสนใจแล้วแหละ เพราะมันพิสูจน์แรงขึ้น แรงขึ้นนะ ถ้าเด็กๆที่ไม่อยู่ในโอวาท ที่มันไม่ประพฤติให้ถูกต้อง มีมากขึ้น มากขึ้นจนเกิดปรากฎ ไม่น่าดูขึ้นแล้วนะ จึงขอให้ตั้งต้นชำระชะล้างกันเสียใหม่ ที่แล้วก็แล้วไป แต่ต่อไปข้างหน้าต้องถูกต้อง ต้องดี ต้องสะอาด ต้องเอ่อ,มีธรรมะนะ มัน ไม่ไม่สายเกินไปหรอก เวลานี้จัดการปรับปรุงเสีย มันสกปรกมาก็จับมาล้างกันเถอะ มันก็ ของที่มันสกปรกไม่ไหวแล้วก็มา มาตั้งหน้าตั้งตาล้างให้สะอาดและตั้งต้นกันใหม่ ชี้แจงว่าอย่างนี้ไปไม่รอดแน่
ถ้าขืนเอาเอาเอาผิดมาเป็นชอบ เอาดีเอาชั่วมาเป็นดีนี้ไปไม่รอดแน่ต้องวินาศแหละ แล้วก็เห็นอยู่แล้วนี่ว่าวินาศอย่างไรนี่ อย่าไปทดลองเลย อย่าไปทำซ้ำๆกัน แล้วให้เด็กกลัวความชั่ว กลัวความวินาศ ที่เขาเรียกว่า มี หิริ โอตัปปะ เกลียดความชั่ว กลัวความชั่ว เขาเรียกว่า มี หิริ โอตัปปะ พ่อแม่ทำให้เห็นนะ พ่อแม่เกลียดกลัวความชั่วให้ลูกเห็น แล้วลูกก็จะเกลียดกลัวความชั่ว
เหมือนกับพ่อแม่ทำให้ลูกเกลียดของสกปรกก็ ห่าย..จิ๊,ๆ (นาทีที่ 26.53) ชี้ไปที่ขี้ที่เยี่ยว ห่าย..จิ๊, ๆ(นาทีที่ 26.57) เด็กก็ค่อยๆรู้เองค่อยๆนี้เอง เอ้า, นี้สกปรก ไม่เอา ไม่เอา นี้มันก็ชี้ไปว่านี้สกปรกนะ ทำให้เด็กเกลียดของสกปรก ห่าย..จิ๊, (นาทีที่ 27.09) อย่างไร แล้วก็ให้มันเกลียดบาป เกลียดความชั่วในทางจิตใจว่าไอ้นั้นสกปรก ไอ้นั้นสกปรกทำอย่างไร ให้ดูคนที่ว่าไม่กลัวที่ว่าไม่ถือหลักนี้ว่าได้วินาศมาแล้วอย่างไร ในโลกนี้มีวินาศไปแล้วมากมายเหลือเกินที่ไม่กลัวความชั่ว ไม่กลัวความสกปรก และก็เสียเวลาที่เกิดมาไม่ได้ทำอะไรให้ดี เกิดมาตายเปล่าๆ
นี้เรามาปรึกษากันวันนี้ซึ่งเป็นวันแม่ จึงได้พูดกันถึงหน้าที่ของแม่ พูดกันถึงหน้าที่ของแม่ เพราะเป็นวันแม่ พูดกันถึงหน้าที่ของแม่ ถ้าเราได้พูดกันมาตั้งแต่ก่อนๆ หลายๆ สิบปีมาแล้วเรื่อยๆ มา รักษาให้ดีมันคงไม่มีวันนี้หรอก ก็จะไม่อยู่เหมือนทุกวันนี้ มันดีกว่านี้แน่ และนี่ต่อไปมันทนไม่ไหวแล้ว มันต้องแก้ไข ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ต่อไปนี้มันจะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ถูกต้อง มันเลี้ยวเข็มทิศ ต้องเปลี่ยนทิศทาง ไปในทางที่ถูกต้อง อย่ากลัว ยังมีเวลา ถ้าพ่อแม่ศึกษาให้รู้จักผิดชอบชั่วดีและทำตัวให้เป็นอาจารย์ เป็นครูให้ลูกดู ลูกก็ทำตาม แล้วลูกก็ดี ดี ดีตามหลังมาอย่างดี อย่า อย่าโกรธ อย่าเสียใจ อย่ารำคาญว่าเดี๋ยวประชุมๆๆ
ลองไม่ประชุมสิ ก็ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้เรื่องอะไรก็ทำอะไรให้ถูกต้องไม่ได้ เราประชุมกันทุกทีพูดกันแต่เรื่องที่ทำให้ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้องยิ่งๆขึ้นไป ไม่มีที่ประชุมที่ไหนมาประชุมที่นี่เถอะ และก็มีโอกาสที่จะพูดให้ฟังเรื่อยไปแหละ ให้ลืมหูลืมตาสว่างไสวแจ่มแจ้งกันทุกทีแล้วก็จะแก้ปัญหาได้ เมืองบาดาล(นาทีที่ ๒๙.๒๐ ไม่แน่ใจ)นิดเดียวนี้แหละ ถ้าช่วยกันจริงๆ ระมัดระวังลูกหลานของตัวให้ดีจะอยู่สบายเพราะเมืองมันนิดเดียวนี่ อย่าปล่อยให้ลูกหลานมันไปทำชั่ว ทำเลวเพื่อเห็นแก่ประโยชน์เล็กๆน้อยๆ เด็กเข้าใจผิดว่ากูเอาให้ได้ก็แล้วกัน ผิดถูกไม่รู้แบบนี้ พ่อแม่ต้องช่วยดูแลช่วยสอน ไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นต้องเอามาในทางที่ถูกต้อง อย่าลัก อย่าขโมย อย่าเบียดเบียน อย่าข่มเหง อย่าอะไร ถ้าไม่มีใครประพฤติชนิดนั้น แล้วมันไม่เกลียด ไม่ชัง ไม่เป็นศัตรู ไม่ฆ่าไม่แกงกันแหละ มันจะรักกันได้แหละ ถ้ากูจะเอาของมึง มึงก็จะเอาของกู โดยไม่ต้องรู้ว่าผิดชอบชั่วดีมันก็ได้ฆ่าฟันกันวินาศหมดแหละ วินาศหมดเลยแหละ จะไม่เหลือสักคนก็ได้ โมโหมันมาแล้วมันก็จะไม่มองหน้าใครเลย ฉะนั้นป้องกันเสียแต่เนิ่นๆดีกว่า
ทีนี้จะแจกหนังสือเรื่องเณร เรื่องบวชเณร เรื่องคุยกับเณร คนละเล่มนะ เอาไปอ่านนะ ไอ้เณรนั้นมันคือลูกนะ ลูกของพระ นะเณรนะ สำหรับจะเป็นพระ จะเติบโตมาเป็นพระ ถ้าคุณต้องการให้ลูกบวชเณร คุณเองก็ต้องรู้เรื่องบวชเณร บวชเณรให้เณรทำอย่างไร พ่อแม่จะต้องรู้ด้วย จึงจะสนับสนุนให้ลูกบวชเณรแล้วได้ประโยชน์ แต่ถ้าพ่อแม่ก็ไม่รู้ สนับสนุนไม่ถูกหรือไม่สนับสนุน ไอ้ลูกมันก็ไม่ ไม่เป็นเณรหรอก ถึงบวชก็ไม่เป็นเณร เป็นเณรที่ดีไม่ได้ ออกมาแล้วก็แรงกว่าโจร
ฉะนั้นพ่อแม่นี้จะต้องรู้เรื่องเณรกันเสียบ้าง เพราะว่าเรายังจะต้องบวชเณรกันอีก ถ้าพ่อแม่รู้ประโยชน์ของความเป็นเณร ที่จะแก้ปัญหาของมนุษย์เอ่อ,ได้อย่างไร นี้อะไรบวชเณร เพราะว่าจะรอจนบวชพระ บางทีมันก็จะเลวเกินไปเสียแล้ว บวชไม่ไหวแล้ว อยากให้บวช อยากให้มาเป็นพระ ก็มาเป็นเณรนี้แหละ บวชกันเสียทีหนึ่งก่อน ค่อยทำให้ดี ให้ดี ให้ดี แล้วมันจะง่ายในการที่จะบวชเป็นพระให้ดี อย่ารอให้มัน ลูกมันแก่เกินไป ไปแก้ตรงบวชพระมันก็ไม่พอ แก้ไม่ไหวหรอก บวชเณรน่ะให้เป็นเณรที่ดี เป็นเณรที่ว่าอยู่ในความควบคุมดูแล เป็นเณรที่ดี
แจกหนังสือเรื่องเณร บวชเณรที่ดีเป็นอย่างไร เณรคืออะไร เณรคือผู้ที่จะต้องตอบแทนคุณบิดามารดาอย่างไร ให้เด็กมันมีความเข้าใจไปในเบื้องต้นว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร บวชเณรนี้มาสอนเรื่องการตั้งต้นชีวิต
คราวนี้จะพูดเลยต่อไปถึงว่า จะบวชเณรได้ดีนั้น ให้เป็นเด็กที่ดีนั้น ถ้าหวังจะให้ลูกบวชเณรดีน่ะ ต้องสอนเขาให้เด็กเป็นเด็กที่ดี จะได้มาบวชเณรที่ดี ถ้าเป็นเด็กที่เลวแล้วจึงมาบวชเณรแล้วมันก็ดียาก ต้องเคี่ยวเข็ญกันมากเกินไป มันก็ไม่ได้ แล้วเด็กๆที่อยู่ที่บ้านเป็นเด็กที่ดี อบรมมาดี แล้วก็จะบวชเณรที่ดีก็เป็นพระที่ดี ออกไปแล้วเป็นพ่อบ้านแม่เรือนอะไรที่ดี ฉะนั้นขอให้ตั้งต้นมาตั้งแต่เด็ก เณร พระ และก็สึกไป ฉะนั้นพ่อแม่เหล่านี้ควรจะรู้เรื่องเณรกันเสียบ้างนะ ที่ไม่ได้มาดูมาแลไม่ค่อยคิดค่อยนึกจึงไม่ค่อยรู้เรื่องเณร วันนี้จึงแจกหนังสือเรื่องเณร เรื่องเกี่ยวกับการเป็นเณร เกี่ยวกับอบรมเณร จะให้เณรเป็นผู้ เป็นผู้มีประโยชน์ได้อย่างไร พ่อแม่ต้องร่วมมือ
เอา เอาไปอ่านนะ อย่าเอาไปซุกไว้เฉยๆ เอาไปอ่าน จะได้รู้ว่าการบวชเณรแล้วได้ผลจะต้องทำอย่างไร จะเตรียมให้เด็กๆของเราให้ได้บวชเณรหรือว่าได้เรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ต่อไปนี้เขาจะมีโครงการสอนธรรมะ สอนศาสนาวันอาทิตย์ หรือวันที่สมควรจะสอนนะ เพราะว่าแต่ก่อนๆ เด็กมันไม่ได้เล่าเรียนในเรื่องธรรมะเรื่อง ศาสนาแม้แต่วันอาทิตย์ ที่นี่จะทำให้มันอย่างน้อยที่สุดก็วันอาทิตย์สัปดาห์ละ ๑ วัน ให้เรียน มากกว่านั้นก็ได้ และเราก็จะรู้ธรรมะในพุทธศาสนา เป็นเด็กที่เป็นพุทธบริษัทที่ดีนะ
ศาสนาอื่นน่ะ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามนั้นเขาควบคุมเด็กดี เด็กต้องไปทุกวันที่นัดประชุมว่าไปอบรมสั่งสอน ไปที่โบสถ์ ไปที่สุเหร่าไปที่อะไรแล้วแต่จะนัดนะ แล้วเด็กได้รับการอบรมสั่งสอน ในสุเหร่าแขกที่ปัตตานีที่มลายูนี่ ถึงวันเด็กก็เต็มไปหมด เด็กไปรับการสั่งสอนที่สุเหร่า แล้วเขาจึงมีเด็กที่อยู่ในความถูกต้องมั่นคงได้ง่าย อยู่ในระเบียบวินัยได้ง่ายกว่าเด็กที่ปล่อยๆๆ
นั้่นแหละ,ให้เด็กมันอยู่ในวัด ในศีล ในธรรม ในการควบคุมที่ดี ให้เด็กรู้จักไหว้พระสวดมนต์ ให้มันห่าย..จิ๊ (นาทีที่ 35.15)กับบาปนะ ถ้าเป็นเรื่องบาปให้มันห่าย..จิ๊ (นาทีที่ 35.18) ให้มัน มันเกลียด มันกลัว เดี๋ยวนี้มันไม่กลัวบาป ขอให้ได้ก็แล้วกัน กูจะเอาอะไรก็ ขอให้ได้ก็แล้วกันไม่มีบาป จะลักของในวัดก็ได้ จะยิงนกในวัดก็ได้ จะตกปลาในวัดก็ได้ พระไปห้ามมันก็เอาหนังสติ๊กยิงหัวพระเลย ที่นี่เคยมี เด็กมายิงนก พระห้าม เอาหนังสติ๊กยิงพระเลย นี้ทำอะไรก็ไม่รู้ มันเลวถึงขนาดนั้น แต่ถ้ายังเคร่งครัดอยู่ในทางธรรมทางศาสนาจะไม่มีหรอก เห็นพระมันก็ยกมือไหว้ แล้วมันก็ ถ้าทำไปแล้วก็ขอโทษนะ ให้เด็กๆ รู้ว่าทำดีทำอย่างไรนะ แล้วให้มันทำนะ ทำดีทำอย่างไร ให้มันรักผู้อื่นแหละ ข้อแรกให้มันรักผู้อื่น ให้เมตตา กรุณา ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่ประทุษร้ายของรักของผู้อื่น อย่าทำผิด อย่าหุนหันพลันแล่น อย่ารักเร็วโกรธเร็ว อย่าอะไรเร็ว ฉุนเฉียวน่ะอย่าฉุนเฉียว ให้ได้พอตั้งเนื้อตั้งตัวได้ว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ จะทำอะไรให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน
เด็กๆ สมัยก่อน สมัยฉันเป็นเด็กๆ เห็นอยู่ว่าเด็กๆทำอะไรคิดถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน มี เช่นจะขึ้นต้นไม้แบบนี้ ต้องยกมือ พนมมือตรงโคนไม้ ว่าอะไรขมุบขมิบๆเสียก่อนค่อยขึ้น เด็กสมัยก่อนเป็นอย่างนี้ จะขึ้นต้นไม้ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน เด็กสมัยนี้มันไม่นะ เหมือนกับลิง มันกระโดดผลุบผลับๆ เหมือนกับลิง เด็กสมัยนั้นมันจะมายืนนิ่ง ยกมือไหว้ พนม ภาวนา อะไร แล้วค่อยขึ้นไปบนต้นไม้ตามความต้องการ นี่ลักษณะที่ปู่ย่าตายายเขาสอนว่า ทำอะไรนึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน แล้วมันดี มันปลอดภัย มันไม่ผิดพลาด และมันไม่อันตราย คือมันสำรวมสติสัมปชัญญะดีแล้วมันค่อยขึ้นต้นไม้ มันก็จะไม่มีอันตราย ถ้าคิดจะทำอะไรต้องหยุด สะกดจิต นึกให้ถูกเสียก่อนแล้วจึงทำ ถ้าอย่างนี้ก็มันไม่ทำหรอก ทำชั่ว ทำเลวนี่ ถ้ามันหยุดและคิดเสียก่อนมันก็ไม่ทำ พอนึกได้ก็จะไม่ทำ จะทำอะไรนึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน
เราสอนลูกเล็กๆนี้ให้ทำอย่างนั้นแหละ ให้รู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ตามสมควร เช่นว่าจะทำอะไรก็ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน จะตื่นนอน จะนอน จะไปไหนมาไหน จะทำอะไร จะตัดสินใจอะไรให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน เด็กๆของเรามันจะค่อยๆมาอยู่ในทำนองคลองธรรม อยู่ในร่องในรอย แล้วมันดีก็ดี ชั่วก็ชั่ว เด็กก็รู้ว่าชั่วเป็นอย่างนี้ ดีเป็นอย่างนั้น และมันดีเพราะว่าทำดี ไม่ใช่ดีที่ได้ ได้แล้วก็ดี ไม่ได้หรอก ได้เพราะชั่วมันมีมากนัก ถ้าอยากได้น่ะมันเป็นเรื่องกิเลสทั้งนั้น ต้องดูเสียก่อน ว่าต้องได้ดี ต้องอยากด้วยธรรมะ สติปัญญา อยากดีแล้วก็ดี แต่ถ้าอยากด้วยกิเลสแล้วไปเอาของเขาแล้วก็ได้การแหละ มันก็เป็นนรกขึ้นมาทันที ให้เด็กๆมันรู้จักคิดรู้จักนึกว่า อะไรชั่ว อะไรดี และกลัวสิ่งที่ชั่ว รักสิ่งที่ดี กล้าสิ่งที่ดี กลัวสิ่งที่ชั่วเป็นนิสัยมาแต่เดิม
เด็กคนนี้ก็จะดีจะรอดตัวได้ พ่อแม่จะได้พึ่ง ปู่ย่าตายายจะได้พึ่งเด็กคนนี้ เด็กที่รู้จักดีรู้จักชั่ว เกลียดชั่ว แล้วก็รักดีนะ แล้วก็เป็นสุข ตรงนี้แหละเป็นสุขตรงที่ได้ทำดี พอใจที่ตัวเองได้ทำดี ยกมือไหว้ตัวเอง ทำดี ทำดี มีสุขตรงนี้ ไม่ต้องไปกินเหล้าเมายาไปหาความสุขจากกามารมณ์ กินเหล้า เมายา อบายมุข เรียกว่าโง่ ผิด เป็นความสุขที่หลอกลวง อย่าไปเอาเลย เอาความสุขที่ได้ทำดี ทำดี แล้วก็ดีใจและมีความสุข ไม่ต้องเสียสตางค์ ความสุขนี้แท้จริงด้วย และไม่ต้องเสียสตางค์ เราทำดีนี่มีแต่ได้สตางค์และก็มีความสุข ทำดีก็ไม่ต้องเสียสตางค์ ไม่ต้องไปกินเหล้า หรือไปเที่ยวสถานกามารมณ์ และแม้ที่สุดสูบบุหรี่ ต้องให้เด็กรู้ว่าเลวที่สุดเลย ไม่มีประโยชน์ โง่ที่สุดเลย ทำให้ปอดมันเสียนะ ให้ร่างกายมันเสียนะ เอาควันบุหรี่เข้าไปรมปอด ปอดมันเสียเร็ว ให้เด็กมันรู้และยังเสียสตางค์อีก บ้าที่เท่าไร ทำลายตัวเองแล้วยังเสียสตางค์อีก มันก็ไม่ทำแหละ พ่อแม่อย่าทำ พ่อแม่พยายามบังคับตัวอย่าทำ รักลูก หวังให้ลูกดีก็อย่าทำ พ่อแม่อย่าทำตัวอย่างในเรื่องเลว
เอาแหละ, มันก็ดีแหละทีนี้ เรื่องที่เราพูดกันในวันนี้ คือวันแม่ ขอให้แม่เป็นแม่ ขอให้เป็นแม่สร้างลูกที่ดี ลูกที่ดีก็สร้างโลกที่ดี เมื่อโลกดีทุกคนมีความสุข เอาแหละ,ช่วยอธิษฐานจิตนะ ช่วยตั้งจิต อธิษฐานจิตว่าต้องได้อย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องไปอย่างนี้นะ วันแม่มาพูดกันเสียทีหนึ่ง แต่เราพูดสำหรับเผื่อตลอดปีนะ พูดทีเดียวก็เผื่อไว้ตลอดปี ปีหน้าค่อยพูดกันอีก เห็นว่าเวลาที่พูดนี้ก็พอสมควร พูดมากนักเดี๋ยวแม่จะรำคาญ พูดพอสมควรนะ แต่จำให้ได้เท่าที่พูดเท่าที่พูดนี่
เอาหนังสือแจกคนละเล่ม เรื่องที่เคยอบรมสั่งสอนเณร แต่อยากจะให้พ่อแม่ของเณรได้รู้เรื่องด้วย แจกไปทุกคนตั้งแต่ต้น ไม่ลักลั่นกัน ไปทางหัวแถวจะได้ไม่ลักลั่น อย่าให้ลักลั่นกัน ให้ได้ทุกคน