แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านผู้ฟังทั้งหลาย การบรรยายธรรมในวันนี้จะพูดกันถึงเรื่องของ แม่ เรื่อง พระคุณของแม่ เรื่องแม่ของเรา เรื่อง บทบาทของคุณแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้รู้เรื่องพระคุณของแม่โดยแท้จริง พระคุณของแม่กล่าวกันโดยใจความแล้วก็คือเรื่อง การก้าวไปของคุณแม่ คุณแม่มีการก้าวไป โดยประสงค์แล้ว คุณแม่มีการก้าวไป มีการก้าวไป ก้าวไปของคุณแม่นี่ มันมีเรื่องขององค์ประกอบของคุณแม่ และคุณแม่ก้าวไปอย่างไร และจะได้ลุถึงสิ่งใดๆ จะกล่าวโดยหัวข้อธรรมะที่ค่อนข้างละเอียดหรือพิสดารสักหน่อย อาจจะฟังไม่ถูก แต่ถ้าพยายามกันจริงๆ จะต้องฟังถูก แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน หรือ ๓ ย่าง หรือ ๓ ก้าว พระคุณของแม่มี ๓ ก้าวย่าง คือ ๑โดยทางปริยัติ ๒โดยทางปฏิบัติ และ ๓โดยทาง ปฏิเวธ
ก้าวที่ ๑ โดยทางปริยัตินั้นจะแสดงเรื่อง นวังคสัตถุสาสน์ ๙ ประการ การปฏิบัติของคุณแม่นั้นจะแสดงด้วยเรื่องพระคุณของพระพุทธเจ้า ๙ ประการอีกเช่นเดียวกัน ปฏิเวธ การรู้แจ้งแทงตลอดของคุณแม่นั้นจะแสดงโดยบทธรรมะ ๙ ประการเช่นเดียวกัน คือ โลกุตรธรรม ๙ ในชั้นนี้ขอให้รู้เรื่อง นวังคสัตถุสาสน์ ๙ กันเสียทีก่อน ว่าเป็นเรื่องของปริยัติล้วนๆ ปริยัติอย่างยิ่ง ปริยัติอย่างสมบูรณ์ เรียกว่า นวังคสัตถุสาสน์ คือองค์แห่งคำสอนของพระศาสดา ๙ ประการ ปริยัติโดยส่วนใหญ่เต็มที่ที่สุดแล้วก็มีอยู่ ๙ ประการ เรียกโดยหัวข้อว่า สุตตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ นวังคสัตถุสาสน์ ๙ ประการอย่างแรกนั้นเรียกว่า สุตตะ คือ ปริยัติซึ่งเป็นเรื่องคำสอน คำสอนที่เป็นตัวสูตร เป็นสูตร เป็นสูตรไป นี่เรียกว่า สุตตะ ถ้าคำสอนนั้นประกอบอยู่ด้วยคำเป็นคาถาบ้าง เจืออยู่ด้วยคาถาบ้าง ก็เรียกว่า เคยยะ ที่เจือด้วยคาถา หรือเจือด้วยเรขะ(นาทีที่ 4.08) ปริยัติที่เป็นไวยากรณ์ล้วนๆ เป็นคำร้อยแก้วล้วนๆ เรียกว่า ไวยากรณ์ เป็นเรื่องคำสอนที่เป็นความร้อยแก้ว แล้วถ้าแต่งเป็นบทประพันธ์เรียกว่า คาถา คาถาคือ ร้อยกรองกันเป็นบทประพันธ์ ถ้าเป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงอุทาน คือท้นออกมาสมตามจังหวะแห่งเรื่องราว ล้นออกมา ท้นออกมาเป็นคำอุทานนี้เรียกว่า อุทาน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ชื่อว่า อิติวุตตกะ คือกล่าวเป็นหลักสำคัญ กล่าวไว้อย่างเป็นหลักสำคัญโดยยืนยันว่าพระพุทธองค์ได้ประกอบไว้ด้วยข้อความเหล่านี้จริงๆ นี้เรียกว่า เป็นหลักสำคัญ เรียกว่า อิติวุตตกะ แปลว่าพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้อย่างนี้ ถ้าเป็นเรื่องหนหลัง เป็นตัวอย่างหรือบทธรรมเป็นตัวอย่าง หรือตัวอย่างของคนที่ประพฤติมาแล้วเรียกว่า ชาดก เรียกว่า ชาดก ปริยัติส่วนนี้เรียกว่า ชาดก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นเป็นน่าอัศจรรย์ เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ มีเหตุผล มีปาฏิหาริย์ และเป็นอัศจรรย์ด้วยจะเรียก อัพภูตธรรม เรื่องน่าอัศจรรย์ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่พระองค์ทรงถามเองตอบเอง ถามเองตอบเอง ถามเองตอบเองเป็นเรื่องๆไปเรียกว่า เวทัลละ เป็นการสนทนาอย่างการตอบเองถามเอง นี่นวังคสัตถุสาสน์ประกอบอยู่ด้วยองค์ ๙ ประการอย่างนี้
สูตตะ นั่นตัวพระสูตร เคยยะ ถ้อยคำเจือด้วยคาถา ไวยากรณ์ คำร้อยแก้วล้วน คาถาเป็นบทร้อยกรองล้วนๆ อุทานเป็นเรื่องที่ล้นออกมาด้วยความรู้สึกรุนแรง อิติวุตตกะ กล่าวยืนยันว่าเป็นอย่างนี้ ชาดก คือเรื่องแต่หนหลัง ที่เป็นเรื่อง เรื่องๆไป สำหรับเป็นทิสานุคติ (นาทีที่ 6.20) อัพภูตธรรม เรื่องน่าอัศจรรย์ เวทัลละ เรื่องทรงถามเองตอบเองตามที่เห็นว่าสมควรจะถามอย่างไร จะตอบอย่างไรในเวลาเช่นนั้น คำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ประกอบอยู่ด้วยองค์ ๙ เรียกว่า นวังคสัตถุสาสน์ คำสอนของพระศาสดา ประกอบอยู่ด้วยองค์ ๙ นี่เป็นหมวดหนึ่ง เรียกว่า หมวดปริยัติ ถ้าศึกษาให้ดีครบทั้ง ๙ องค์จะประเสริฐที่สุดสำหรับ ผู้มีความรู้เรื่องพระศาสนา ท่าน คุณแม่ประกอบอยู่ด้วยคุณอย่างยิ่งโดยปริยัติอย่างยิ่ง ต้องปริยัติถึงอย่างนี้ ถึงจะเรียกว่าคุณแม่อย่างยิ่ง คุณแม่โดยสมบูรณ์ คือ มีความรู้ความเข้าใจ แล้วก็มีการปฏิบัติ แล้วก็มีการเห็นแจ้งแทงตลอด นี่บทบาททั้ง ๓ ของคุณแม่เป็นอย่างนี้ มีความรู้ เข้าใจ แล้วก็มีการปฏิบัติ แล้วก็เห็นแจ้งแทงตลอด พระคุณโดยปริยัติมีอยู่ ๙ ประการอย่างนี้ เรียกว่า ความรู้ หรือปริยัตินี้ เป็นสมบัติของคุณแม่ที่คุณแม่ได้พยายามเพื่อจะให้รู้เป็นอย่างยิ่ง สมแก่ความพากเพียร ความพยายามของคุณแม่นั้นๆ
ทีนี้ก็มาถึง ก้าวแห่งที่ ๒ ของคุณแม่ก็คือ การปฏิบัติ ก้าวที่ ๑ เรียกว่า ปริยัติ ก้าวที่ ๒ เรียกว่าปฏิบัติ ก้าวที่ ๓ เรียกว่า ปฏิเวธ เดี๋ยวนี้เราจะพูดกันเรื่องก้าวที่ ๒ คือ ปฏิบัติ ปฏิบัติ ก็ถือเอา นวหรคุณ คุณของพระอรหันต์ ๙ อย่าง ๙ ประการนั้น เอา ๙ ประการนี้มาเป็นหลักโดยทางปฏิบัติ เอาคำว่า เอาคำที่เรียกกันว่าเป็น พระพุทธคุณ ๙ พระพุทธคุณ ๙ มาเป็นตัวหลักปฏิบัติว่า อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจรณะ สัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสถา มนุสสานัง พุทโธ ภควา เป็น ๙ อย่าง ๙ ประการด้วยกัน เรียกว่า พระพุทธคุณ บางทีก็เรียกว่า นวหรคุณ ประกอบอยู่ด้วยคำสำคัญที่เป็นคำกริยาของศัพท์ก็คือว่า อรหะ นี้เป็นการหักสังสารวัฏ หักสังสารจักร นี่เป็นไป และคำว่า อรหะ แปลว่า เว้นไกล เว้นไกลจากความชั่ว ความทุกข์ หรือความบาปทั้งหลาย อรหะ แปลว่า ผู้ควร ควรๆๆ แก่การบรรลุธรรม ควรแก่การเคารพบูชา อรหะ อีกคำหนึ่งแปลว่า ไม่มีความลับ ไม่มีเรื่องลับ ไม่มีความชั่วที่ต้องปกปิด มีแต่การเปิดเผย ข้อที่ ๑ เรียกว่า อรหะ มีใจความอย่างนี้ แปลว่าหักเสียจากสังสารวัฏก็ได้ ควรแก่การกราบไหว้บูชาก็ได้ เว้นไกลจากสิ่งที่ควรจะเว้น และก็ไม่มีความลับ
พระคุณข้อที่ ๒ ของหมวดนี้ก็คือว่า อรหัง สัมมาสัมพุทธะ ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ขอให้แม่ทุกคนมีการตรัสรู้ หรือมีการรู้ มีความรู้สมควรแก่การดับทุกข์ได้ของตัวเอง วิชชาจรณะ สัมปันนะ มีทั้งความรู้และการปฏิบัติ พูดอย่างเป็นศัพท์เป็นแสง ก็มีทั้งทฤษฎี และมีทั้งปฏิบัติ อย่างภาษาฝรั่งพูดกันหน่อยก็มีทั้งเท็คนิกและเทคนิค ทั้งเท็คนิกกับเทคนิค (นาทีที่ 11.02) นี่เรียกว่า วิชชาจรณะ สัมปันนะ ต่อมา เรียกสุคต แปลว่า ไปดี ไปดี ไปดี ไปตรง ประพฤติดี ประพฤติชอบและก็ไปได้ตรง ต่อมาเรียกว่า โลกวิทู เป็นผู้รู้โลก เป็นผู้รู้เท่าทันโลก ต่อมาเรียกว่า อนุตระ ปุริสทัมสารถิ อนุตร ปุริสทัมสารถิ ยอดเยี่ยมในการฝึกคน ในการฝึกคน แม้แต่ฝึกลูกฝึกหลาน ฝึกทุกคนกระทั่งว่าให้เป็นสาวกที่ดี เป็นผู้ดับทุกข์ได้ด้วยการฝึกนั้น ต่อมาเรียกว่า สัตถา เทวมนุสสานัง เป็นครูสั่งสอนได้ทั้งเทวดาและมนุษย์ พูดให้ตรงก็ว่าทั้งคนชั้นต่ำ และคนชั้นสูง มนุษย์เป็นคนชั้นต่ำ เทวดาเป็นคนชั้นสูง ท่านฝึกได้ทั้งคนชั้นต่ำและคนชั้นสูงเพราะเป็นพระศาสดา ทั้งเทวดาและมนุษย์ แล้วก็เป็นพุทธะ ข้อต่อมาเป็นพุทธะ คือเป็นผู้รู้ รู้สิ่งที่ควรรู้ ตื่นจากความหลับคือกิเลส แล้วก็เบิกบาน เบิกบานคือ เป็นสุข บทสุดท้าย ภควา ภควา เป็นผู้แจก แจก แจกๆ คือทำให้ผู้อื่นรู้ แจกธรรมะ แจกความรู้ พูดเป็นธรรมดาหน่อยก็ แจกของ ส่องตะเกียง แจกวัสดุสิ่งของก็แจก ส่องตะเกียง คือแสงสว่างหรือความรู้ก็แจก นี่เรียกว่า พุทธคุณ ๙ อย่าง อรหังเป็นผู้หัก เป็นผู้ควร เป็นผู้ไม่เร้นลับ สัมมา สัมพุทโธ รอบรู้ด้วยตนเอง ตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง วิชชาจรณะ สัมปันโน เป็นผู้สมบูรณ์ทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติ สุคโต ไปดี ไปตรง ไปตรงจุด ไปตรงจุดที่ดับทุกข์ได้ โลกวิทู รู้แจ้งโลก รู้เท่าทันโลก ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้ในบรรดาเรื่องที่เกี่ยวกับโลก สิ่งที่เกี่ยวกับโลกก็คือทุกข์ รู้โลกก็คือรู้ทุกข์ อนุตตโร ปุริสทัมสารถิ เป็นผู้ฝึกคนยอดเยี่ยม เป็นผู้ฝึกคนอย่างยอดเยี่ยม สัตถา เทวมนุสสานัง เป็นครูได้ทั้งของคนชั้นต่ำและคนชั้นสูง พุทโธ พุทโธ เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน ภควา เป็นผู้แจก แจก แจก ซ้ำอีกทีหนึ่ง ขอย้ำซ้ำอีกทีหนึ่ง เพราะว่าถ้าคนไหนจำไม่ได้มันก็โง่เต็มทีที่จำพุทธคุณ ๙ ไม่ได้ อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจรณะ สัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมสารถิ สัตถา อนุตตโร ปุริสทัมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง แล้วก็พุทโธ แล้วก็ภควา แม่ของเราประกอบอยู่ด้วยการปฏิบัติถูกต้องตามพระพุทธคุณถูกต้องตามพระคุณทั้ง ๙ ประการ พระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการ แม่ของเราประพฤติชอบ ประพฤติถูกต้อง ประพฤติปฏิบัติดี อยู่ด้วยคุณ ๙ ประการอย่างนี้ นี่เรียกว่า พระพุทธคุณ ๙ ประการ
ทีนี้ก็มาถึงผลที่ได้บรรลุ เรียกได้ว่า โลกุตรธรรม ๙ โลกุตรธรรม ๙ อย่างเป็นผลแห่งการบรรลุ คือ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ รวมกันเป็น ๙ แม่ของเราประกอบอยู่ด้วยโลกุตรธรรม ๙ ขวนขวายเพื่อบรรลุ โลกุตรธรรม ๙ แล้วก็บรรลุโลกุตรธรรม ๙ ตามสัดส่วนของท่าน นี่เรียกว่า มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ท่านทำให้มีความรู้ในเรื่องมรรค และทางปฏิบัติให้ดับทุกข์เป็นผลออกมา แล้วก็ปรากฏอยู่เป็นพระนิพพาน ปฏิเวธ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ปริยัติก็เป็นเรื่องของปริยัติ ปฏิเวธเป็นเรื่องของการปฏิบัติและเป็นตัวผลของการปฏิบัติ เป็นตัวผลของการปฏิบัติ มันมีทั้งปริยัติ คือความรู้ มีทั้งปฏิบัติ คือการปฏิบัติ มีทั้งปฏิเวธ คือ ความรู้ที่เป็นผลของการปฏิบัติ พูดถึงมรรค ๔ ก็จะรวมเรียกว่า วิราคะ ทำให้กิเลสลดถอยลงไป พูดถึงผล ๔ ก็คือ ผลที่เป็น นิโรธะ ดับทุกข์ได้ ปฏิเวธ เป็นเรื่องของการรู้แจ้งแทงตลอด ดับสิ้นแห่งความทุกข์ เรียกว่าที่สิ้นสุดแห่งความทุกข์ ถ้าเรายกเอาธรรมะหมวดวิราคะทั้งหลายมาเป็นเรื่องปริยัติ ก็เป็นเรื่องของความรู้ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด มีผลเป็นการปฏิบัติ แล้วก็มีผลเป็นพระนิพพาน คือปฏิเวธ นับทางมรรค ๔ ทางผลก็ ๔ ทางนิพพาน ๑ รวมกันเป็น ๙ ๙อย่าง เป็นพระคุณของแม่ เป็นพระคุณของแม่ก็มี ๙ อย่าง นี่มันอยู่ที่ว่า เป็นสิ่งที่มีอยู่ในจิตใจของแม่ จงสังเกตดูให้ดีๆ ว่า อาตมาได้เรียงหมวดธรรมเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง หรือว่าอย่างละเอียดลออที่สุด ๙ อย่าง ทีแรกเรียกว่า นวังคสัตถุสาสน์ ที่เป็นสุตตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก เป็น ๙ ประการนี่ ให้จำกันไว้ดีๆ ว่า ตัวสูตร ตัวสูตรที่เจือกันด้วยคาถา ตัวไวยากรณ์ ร้อยแก้ว ตัวคาถา ตัวอุทาน คือสิ่งที่เปล่งออกมา อิติวุตตกะ หลักที่กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้อย่างนี้ แล้วก็ชาดกคือ เรื่องหนหลัง เรื่องอุทาหรณ์ เรื่องนิทัศน์อุทาหรณ์ต่างๆ อัพภูตธรรมคือ เรื่องน่าอัศจรรย์ เวทัลละ ตอบเองถามเอง เรียกว่า นวังคสัตถุสาสน์ สมบูรณ์อยู่ในพระคุณของแม่ จำไว้นะ ว่า เก้า เก้า เก้า เป็นนวังคสัตถุศาสน์ เก้า เก้า เก้า ที่ปรากฏอยู่โดยพระคุณ เป็นหลักปฏิบัติให้เห็นชัดอยู่ เรียกว่าปฏิบัติ ๙ อย่าง ก็คือ พระพุทธคุณ ๙ อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชา จรณะ สัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควา ก็ ๙ อีกเหมือนกัน
จะพูดให้นึกกันสักหน่อยว่า มันขลังดี มันขลังดี เพราะมัน เก้า เก้า ทั้งนั้น แล้วยังมีโลกุตรธรรม ๙ เก้าเข้ามาอีก มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ เป็น ๙ มันก็กลายเป็น ๓ เก้า ขึ้นมา อะไรๆก็กลายเป็น เก้า เก้า เก้า นี่เป็นสถาบันแท้จริง เป็นสถาบันแท้จริง และก็ของคุณแม่ ของคุณแม่ คุณแม่มีสถาบันอันแท้จริง แต่คุณลูกมันโง่ คุณลูกมันโง่ๆ ร้ายกาจ มันไม่รู้สิ่งที่เรียกว่า สถาบัน มันไปเอาพระเจดีย์บ้าง โบสถ์ วิหารบ้าง ไปเอากระดูกบ้างเป็นสถาบัน เอาก้อนอิฐก้อนหินก้อนปูนเป็นสถาบัน ขอให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า สถาบันๆ แปลว่า ตั้งอยู่ในจิตใจ ถ้าเรียกว่าเป็นสถาบันมันต้องมาตั้งอยู่ในจิตใจ ไม่ใช่มาอยู่ตามกลางดิน อยู่ในเจดีย์ โบสถ์วิหาร สิ่งก่อสร้าง ถาวรวัตถุ รู้จักคำว่าสถาบัน สถาบันเสียให้ถูกต้อง สถาบันแปลว่า ตั้งอยู่ ถ้าตั้งอยู่ มันตั้งอยู่ในจิตใจของคุณแม่ ของมนุษย์ทุกคน ของพ่อแม่หรือของมนุษย์ทุกคน ตั้งอยู่เป็นสถาบัน คือมันตั้งอยู่ในจิตใจ ในความรู้สึก มันรู้สึกอยู่ในจิตใจจึงเรียกว่า สถาบัน พระคุณของแม่เป็นตัวสถาบัน ไม่ใช่ตัวอิฐ ปูน โบสถ์ วิหาร แม้แต่พระพุทธรูปนี่ก็ไม่เรียกว่าสถาบัน ต้องเป็นความตั้งอยู่ในจิตใจของคุณแม่ ระลึกถึงอยู่ในจิตใจของคุณแม่โดยถูกต้อง โดยสมบูรณ์จึงจะเรียกว่า สถาบัน สถาบัน คือสิ่งที่ตั้งอยู่ในจิตใจ สิ่งที่ตั้งอยู่ในจิตใจ สถาบัน คือสิ่งที่ตั้งอยู่ในจิตใจ ไม่ใช่ตั้งอยู่ตามพื้นดิน สถาบันคือสิ่งที่ตั้งอยู่ในจิตใจ คุณแม่มีสถาบันสูงสุด ตั้งใจ ตั้งอยู่ในจิตใจ แต่ทุกคนไอ้คุณลูกก็เหมือนกัน มันต้องมีอะไรที่ตั้งอยู่ในจิตใจ สถาบันต้องตั้งอยู่ในจิตใจ ไม่ใช่ตั้งอยู่ตามพื้นดิน
พระคุณของแม่เป็นบรมธรรม คือ สิ่งสูงสุดของลูก ถ้าพยายามกันอย่างยิ่งแล้ว แม้คุณแม่ก็จะเป็นผู้บรรลุธรรมะได้ นี่พระบาลีว่า อิตฺถี จ ปณฺฑิตา โหติ ตติถ ตตฺถ วิจกฺขณา ถ้ามีวิจักษ์ คือประจักษ์โดยประจักษ์แก่จิตใจแล้ว แม้เป็นสตรีก็เป็นบัณฑิตได้เหมือนกัน ไม่ใช่เป็นบัณฑิตได้แต่บุรุษ เดี๋ยวนี้เรายกย่องคุณของแม่ หรือพระคุณของแม่ หรือตัวแม่ว่าเป็นบัณฑิตได้เหมือนกัน คนเขามักจะพูดกันว่า โอ้,เป็นพระได้บวชได้เรียน แล้วก็ลืมคุณของแม่ ไม่นึกถึงคุณของแม่ ไม่ให้ความเหมาะสมหรือถูกต้องแก่พระคุณของแม่ โดยถือว่าผู้หญิงทำอะไรไม่ค่อยจะได้ เดี๋ยวนี้ขอให้ชี้ชัดลงไปว่า แม้แต่สตรีก็เป็นบัณฑิตได้เหมือนกันถ้ามีธรรมะอันประจักษ์อยู่ในใจ กิจกรรมที่เป็นธรรมะมามีอยู่ในจิตใจของคุณแม่ คุณแม่เรียกว่า ธรรมะมาตา มารดาของธรรมะ เป็นมารดาของธรรมะ กระทำจนเป็นมารดาของธรรมะ นี่เราจงคิดดูเถิดว่าถ้าเรามีนวังค-สัตถุสาสน์ มีปริยัติสมบูรณ์ สุตตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อะไร ครบถ้วนสมบูรณ์เหล่านี้แล้ว มันก็เรียกว่าเป็นวรรณคดีอันสูงสุด มีเวลาบรรยายกันได้เต็มที่ คิดดูให้ดี ให้เห็นว่าถ้าคุณแม่รุ่งเรืองอยู่ด้วยปริยัติธรรม แล้วโลกนี้มันจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณแม่รุ่งเรืองอยู่ด้วยปริยัติธรรม โลกนี้มันจะเป็นอย่างไร ปริยัติธรรม คือ สุตตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ อย่างที่พูดมาแล้ว จะจำกันได้หรือไม่ ก็ขอร้องให้จำให้ได้ จำกันให้จนได้ สุตตะ คือตัวพระสูตร ตัวสูตร เคยยะ คือเจืออยู่ด้วยคาถา สูตรที่เจืออยู่ด้วยคาถา แล้วก็คาถา คาถา คาถา ล้วนๆ ถ้าเป็นไวยากรณ์ ไวยากรณ์คือคำร้อยแก้วทั้งสิ้น อุทาน คือคำที่อุทานออกมา อิติวุตตกะ คือคำที่กล่าวยืนยันเป็นหลักอยู่อย่างนั้นๆๆ เท่านั้น เรียกว่า อิติวุตตกะ แล้วก็ชาดก เรื่องแต่หนหลัง ตัวอย่าง ทิฏฐานุสสติใดๆ อัพภูตธรรม เรื่องน่าอัศจรรย์ โดยเรื่องก็น่าอัศจรรย์แล้วก็มีเหตุผลอยู่ในตัว มีปาฏิหาริย์อยู่ในตัว นี่เรียกว่า อัพภูตธรรม เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ แล้วก็เวทัลละ เวทัลละ ท่านสามารถ คิดคำถามขึ้นมา และตอบคำถามได้ด้วยตน เพราะเป็นผู้เฉลียวฉลาด นึกคำถามขึ้นมาได้อย่างเหมาะสม และตอบคำถามอยู่ได้ด้วยตน ใครจะถามเท่าไรก็ไม่รู้จักจน คุณแม่ของเราเป็นอย่างนี้ ซึ่งเป็นความน่าอัศจรรย์ สามารถที่จะตอบคำถามของลูกได้ ลูกกี่คนๆ ก็สามารถตอบคำถามได้ นี่พระคุณของแม่น่าอัศจรรย์ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ปริยัติ
แล้วพระคุณของแม่มีอยู่ในส่วนการปฏิบัติตามคุณของพระพุทธเจ้าซึ่งเรียกว่า พระพุทธคุณ ๙ นี่ก็น่า มันก็ต้องคล่องปากคล่องใจกันอยู่ทุกคน ถ้าใครยังไม่คล่องปากคล่องใจในเรื่องพระคุณของพระพุทธเจ้ามันก็ต้องเรียกว่าแย่เต็มที อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชา จรณะสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควา มันละอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ถ้าไม่รู้จักพระพุทธคุณ ๙ พระพุทธคุณ ๙ เป็นหลักปฏิบัติของพ่อแม่ เป็นหลักปฏิบัติที่ว่าท่านหักเสียซึ่งวัฏฏะ หรือกองแห่งความทุกข์ ท่านปฏิบัติให้รอบรู้ถึงที่สุดได้ด้วยตนเอง ท่านรู้ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติ ท่านไปดีมาดี ไปดีมาดี เป็นผู้รู้แจ้งโลก ฝึกบุรุษได้อย่างสูงสุดเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นภควา คือ ผู้จำแนกสิ่งที่ควรจำแนก พระคุณของแม่ พระคุณของแม่เรียกว่าโดยหลักการแห่งพระพุทธคุณก็มีอยู่ ๙ โดยการรู้แจ้งแทงตลอดคือ การบรรลุพระนิพพานนี่ ก็มีมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ก็เป็น ๙ อีกด้วยเหมือนกัน นี่จะเอากันสักเท่าไร ขอให้คิดค้นให้ได้รู้สึกนึกคิดให้ได้โดยประสงค์ โดยความประสงค์ตามที่ต้องการให้นึกอยู่ในใจไว้เสมอว่าแม่รุ่งเรืองอยู่ด้วยปริยัติ แม่รุ่งเรืองอยู่ด้วยปฏิบัติ แม่รุ่งเรืองอยู่ด้วยปฏิเวธ แม่มีหน้าที่ทั้งโดยปริยัติ โดยปฏิบัติ และโดยปฏิเวธ แล้วท่านก็สามารถ สามารถ สามารถจนสูงสุด และท่านก็รุ่งเรืองอยู่ด้วยสันติภาพหรือความถูกต้อง คุณแม่อย่างนี้รุ่งเรืองอยู่ด้วยความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ๘ สัมมา สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ ๒ รวมเป็น ๑๐ ได้เป็น ๑๐สัมมา นี่ท่านประกอบด้วยพระคุณที่เป็นสัมมา หรือสัมมัตตะ ซึ่งเป็นธรรมะสูงสุดตามพระพุทธศาสนา ตามหลักพระพุทธศาสนา พระธรรมประกอบด้วยสัมมา สัมมา ๑๐ คือความถูกต้อง ๑๐ ประการ ประกอบอยู่ด้วยความถูกต้อง แล้วก็มีความเป็นสุข และเป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ มีสันติภาพคือ ความเป็นสุขและความเป็นประโยชน์
เดี๋ยวนี้คนมันยังลำเอียงมาก เป็นอกตัญญู เป็นสัตว์อกตัญญู ไม่รู้คุณของแม่ ไม่รู้คุณของพ่อแม่ ทั้งที่แม่ประกอบอยู่ด้วยคุณคือ นวังคสัตถุสาสน์ ๙ พระพุทธคุณ ๙ โลกุตรธรรม ๙ เก้า เก้า เก้า นวังคสัตถุสาสน์ องค์คำสอนของศาสดา ๙ แล้วพระพุทธคุณก็ ๙ แล้วมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ก็ ๙ รวมเป็น ๓ เก้า เก้า เก้า เก้า ๓ หนก็ ๒๗ ขอให้จำให้ได้ แม้แต่เป็นความจำขอให้จำให้ได้ แล้วก็ขอให้ปฏิบัติให้ได้ แล้วก็ขอให้บรรลุผลเหล่านั้นให้ได้ โดยนึกถึงพระคุณของแม่ เป็นกิจกรรมที่เรียกด้วยเกียรติยศอันสูงสุดว่า ธรรมมาตา ธรรมมาตาๆมารดาแห่งพระธรรม ธรรมมาตา มารดาแห่งพระธรรม ธรรมมาตา มาดาแห่งพระธรรม อยากจะพูดถึงคำๆ นี้สักล้านครั้ง ธรรมะมาตา มารดาแห่งพระธรรม ทั้งโดยปริยัติ โดยปฏิบัติ และโดยปฏิเวธ ธรรมมาตา มารดาแห่งพระธรรม ขออย่าได้อวดดีไปเลย ถ้าไม่มีคุณแม่ก็ไม่มีอะไรเหลือ ถ้าไม่มีคุณแม่แล้วก็ไม่มีอะไรเหลือ ท่านมีพระคุณโดยชั้นสูงสุด คือโดยปริยัติ โดยปฏิบัติ โดยปฏิเวธ อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า โดยปริยัติเป็น นวังคสัตถุสาสน์ โดยปฏิบัติก็เป็นพระพุทธคุณ โดยปฏิเวธก็เป็นมรรคผลนิพพาน ในที่สุดนี้ก็เรียกว่าได้แสดงคุณของแม่ ในลักษณะแม่ของเรา ประกอบอยู่ด้วยองค์ประกอบ ถ้านับว่าเป็นก้าวย่าง ก็เป็นก้าวย่างด้วยคุณธรรม ด้วยปริยัติ ด้วยปฏิบัติ ด้วยปฏิเวธ ท่านมีการก้าวไป แล้วมีการลุถึง ท่านประกอบอยู่ด้วยคุณที่ควรประกอบ แล้วท่านก็มีการก้าวไปแล้วก็มีการบรรลุถึง แม่ประกอบอยู่ด้วยคุณค่าเหล่านี้เป็นธรรมมาตา ประกอบอยู่ด้วยพุทธคุณ ๙ ประกอบอยู่ด้วยโลกุตรธรรม ๙ ปริยัติอีกอันหนึ่ง ก็รวมเป็น ๓ ส่วน ๓ ภาค
บทบาทของคุณแม่ ฟังให้ดี ถ้าฟังไม่ดีมันจะไม่มีเรื่องของคุณแม่ ถ้ามีเรื่องของคุณแม่ มันจะสมบูรณ์อยู่ด้วยปริยัติ ด้วยปฏิบัติ ด้วยปฏิเวธ ใช้คำว่าแม่เพียงคำเดียวก็ยังสามารถประกอบที่จะประกอบไปด้วยปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ เอาพ่อไปทิ้งเสียทีก็ได้ ขอให้เหลือสูงสุด แต่ว่าแม่ แม่เพียงคำเดียวก็ยังประกอบได้อยู่ด้วยพระคุณ คือปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธอย่างสมบูรณ์ ขอให้ตอบแทนพระคุณของแม่อย่างนี้ อย่าเป็นคนอกตัญญูอย่าเป็นลูกอกตัญญู ขอให้รู้พระคุณของแม่ในฐานะปริยัติ ในฐานะปฏิบัติ ในฐานะปฏิเวธกัน ด้วยกันจงทุกๆ คน
ปาฐกถาธรรมในวันนี้พูดด้วยเรื่อง แม่ๆๆๆๆๆๆ เท่านั้นไม่มีอะไร ให้แม่เป็นผู้เตือนจิตสะกิดใจให้รู้สึกถึงพระคุณของแม่ คือมีทั้งปริยัติ มีทั้งปฏิบัติ และมีทั้งปฏิเวธ ทบทวนเรื่อง กลุ่มแรกอีกทีหนึ่งว่า ประกอบ ด้วย นวังคสัตถุสาสน์ มีสุตตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ นี่มันมีอยู่จริงๆ ในคุณของแม่ และมันมีได้จริง มีได้จริง ไม่เหลือวิสัย มีอยู่ได้ในพระคุณของแม่ ในลักษณะที่เป็นนวังคสัตถุสาสน์ และมันมีอยู่ได้จริงๆในการที่เป็นพระพุทธคุณ โดยหลัก โดยหลักแห่งพระพุทธคุณ คุณแม่ มีธรรมะประกอบอยู่ด้วยหลักแห่งพระพุทธคุณว่า อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชา จรณสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควา ก็ ๙ อีกเหมือนกัน ๙ อยู่โดยพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้เป็นหลักสูงสุด นี่แม่ก็มีได้ แม่ก็มีได้โดยพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า มันก็มีโลกุตรธรรม ๙ คือมรรคผล และนิพพาน เอ้า, คนบางคนอาจจะคิดว่าเอ้อ นี่มันมากไปแล้ว มันสูงไปแล้ว มันบ้าแล้วก็ได้ ก็ตามใจ คุณอยากจะว่าบ้าก็ว่าตามเรื่องของคุณ เราไม่บ้าด้วย แต่เราขอให้คุณแม่ประกอบอยู่ด้วยหลักปริยัติ หลักปฏิบัติ หลักปฏิเวธ มีนวังคสัตถุสาสน์ ๙ มีหลักแห่งพระพุทธคุณ ๙ มีหลักแห่ง มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ แล้วก็เป็น ๙ ด้วยกันทั้งนั้น นี่เรียกว่า พระคุณของแม่ปฏิบัติอยู่เป็น ๓ ก้าวย่าง ๓ ก้าวย่าง คือปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ ซึ่งจะต้องศึกษา ๆให้รู้รอบรู้ และให้ปฏิบัติให้ได้ ปฏิบัติให้ได้ และก็บรรลุ ให้ได้ อย่าเข้าใจว่ามันเกินไป มันเกินไป ไม่ต้องรู้ เมื่อมันทอดอาลัยเสียอย่างนี้ มันก็ไม่รู้จริงๆ ด้วยเหมือนกัน มันไม่เหลือวิสัย มันไม่เหลือวิสัยที่จะมีนวังคสัตถุสาสน์ ๙ มันไม่เหลือวิสัย ไม่เหลือวิสัยที่จะมีหลักการแห่งพระพุทธคุณ ๙ และมันก็ไม่เหลือวิสัย ไม่เหลือวิสัยที่จะมีหลักการแห่งโลกุตรธรรม ๙ รวมกันเป็น ๓ เก้า ๓ เก้า โดยนัยยะดังที่กล่าวมา เป็นพระคุณของแม่
พระคุณของแม่ เป็นบรมธรรมของลูก ขอให้นึกถึงอย่างยิ่ง นึกถึงอย่างสมบูรณ์ อย่างถูกต้องที่สุดแล้วว่า ถ้าไม่มีพระคุณของแม่แล้ว ไอ้ลูกนี้มันจะเป็นอย่างไร มันจะเลวยิ่งกว่าหมา มันจะเลวยิ่งกว่าหมา หมาล้านๆ ตัวรวมกันถ้าไม่มีพระพุทธคุณ ไม่มีพระคุณของแม่ มันจึงต้องมีพระคุณของแม่ประกอบอยู่ด้วยอาการ เก้า ๆๆๆ เหล่านี้แล้ว รับประกันได้ว่าถึงที่สุด ถึงที่สุด นี้คือพระคุณของแม่มีอยู่โดยหลักเป็น ๓ อย่างทางปริยัติ ทางปฏิบัติ ทางปฏิเวธ ขอให้มันรุ่งเรืองอยู่ด้วยพระคุณของแม่ แล้วโลกนี้ก็จะเป็นโลกที่ไม่มีปัญหา เดี๋ยวนี้มันไม่มีความถูกต้อง พระคุณของแม่มีแต่ความถูกต้อง ขอให้มีพระคุณของแม่แล้ว จะมีแต่ความถูกต้อง เดี๋ยวนี้มันผิดไปหมดทั้งจักรวาล มันผิดทั้งทางเศรษฐกิจ มันผิดทั้งทางการเมือง มันผิดทั้งการสังคม มันผิดถึงการใช้เวลาสารพัดอย่าง มันผิดไปหมด มันไม่มีสันติสุข ไม่มีสันติภาพ ถ้ามีเรื่องของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธโดยสมบูรณ์ โดยพระคุณของแม่แล้ว มันไม่มีปัญหาอะไรเหลืออยู่เลย เป็นสัมมัตตะ เป็นความถูกต้อง เป็นความถูกต้องโดยหลัก ๑๐ ประการดังที่กล่าวมาแล้ว นี่ขอให้สำนึกในพระคุณของแม่โดยไม่ต้องเป็นสัตว์อกตัญญูอีกต่อไป โดยไม่เป็นลูกอกตัญญูอีกต่อไป เดี๋ยวนี้มันลำเอียงกันนักเสียแล้ว ลำเอียงต่อพระคุณของแม่กันเสียนักแล้ว มันไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่ให้ความถูกต้อง ไม่ให้ความสมบูรณ์ สมดุลโดยพระคุณของแม่ พระคุณของแม่จะต้องสมบูรณ์ สมดุลอยู่โดยหลักปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ขอยุติคำบรรยายเรื่องแม่ เรื่องพระคุณของแม่ เรื่องหน้าที่ของแม่ และทุกๆ อย่างซึ่งเป็นเรื่องของแม่โดยประสงค์ โดยประสงค์ โดยประสงค์ ประสงค์ที่จะให้เป็นอย่างนั้นโดยแท้จริง พระคุณของแม่จะต้องปกเกล้าอยู่เหนือเศียรเกล้าของคนทุกๆ คน ให้สมกับที่เขาเรียกกันโดยหลักของภาษาว่ามาตาปิตา มาตาปิตา ไม่มีใครเคยพูดว่า ปิตามาตา ตามหลักพระบาลีมีแต่มาตาปิตา มาตาปิตาไม่เคยพูดว่าปิตามาตา นี่เพราะเห็นว่าสิ่งที่ควรจะต้องระลึกนึกถึงเป็นหลักสำคัญเป็นส่วนใหญ่ของทั้งสิ้นทั้งหมด นั้นคือคำว่ามาตาปิตา คุณแม่ พระคุณของแม่ หน้าที่ของแม่ คุณค่าของแม่โดยทุกอย่าง ทุกๆ ประการ ฉะนั้นขอให้เจริญด้วยความถูกต้อง เจริญอยู่ด้วยความถูกต้อง ความถูกต้องๆ ในพระคุณของแม่ ในพระคุณของแม่แล้วจะไม่มีปัญหาใดๆ เหลืออยู่ ขอให้ความประสงค์อันนี้จงประสบความสำเร็จในการที่จะมีพระคุณของแม่ พระคุณของแม่ โดยหลักแห่งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธด้วยกันจงทุกๆ คน และทุกๆ ประการ ทุกๆ ระดับชั้น ทุกๆ หน้าที่ชนิดแห่งการงาน ขอยุติบรรยายไว้ในเรื่องแม่ เรื่องแม่ เรื่องพระคุณของแม่แต่เพียงเท่านี้
ขอให้มีสิ่งสูงสุด สิ่งสูงสุด สิ่งสูงสุด คือความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง ไม่มีอะไรสูงยิ่งไปกว่าสิ่งนี้ คือความถูกต้อง พระเป็นเจ้า ผีสางเทวดารวมกันทั้งหมดทั้งสิ้น ก็ไม่สูงสุดเท่ากับความถูกต้อง ขอให้มีความถูกต้อง ความถูกต้องก็ไม่มีปัญหาอะไรเหลือ ถ้าไม่มีความถูกต้องแล้วจะเต็มไปด้วยปัญหา เต็มไปด้วยสิ่งเลวร้าย เสนียด อุบาทว์ จัญไร ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ามันไม่มีความถูกต้อง จึงขอให้มันมีความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้องแต่อย่างเดียว ความถูกต้องเป็นพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ รวมอยู่ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือความถูกต้อง เรียกว่า สัมมัตตะ สัมมัตตะ คือความถูกต้อง ความถูกต้องไปจาระไนเอาเองว่ามีกี่อย่าง ถูกต้องทางกาย ถูกต้องทางจิต ถูกต้องทางตัวตน ถูกต้องทางความว่าง ถูกต้องทางสัมมาทิฐิ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาวิมุติ สัมมาๆ แปลว่า ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง ไม่มีอะไรสูงสุดยิ่งไปกว่าสิ่งที่เรียกว่า ความถูกต้อง สูงสุด จบสิ้นสุดที่ความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง
ความถูกต้อง ซึ่งยังแปลเป็นภาษาฝรั่งหรือภาษาอะไรก็ไม่ได้ คำว่า ความถูกต้อง ความถูกต้อง มันยังมีแต่ความลำเอียง ที่ถูกต้องทางการเมือง ถูกต้องทางสังคมแล้วจะหมดปัญหา เชิญไปเที่ยวให้ทั่ว มีอะไรดูให้ฟังที่ไหน ก็ขอให้ได้รับประโยชน์จากการฟัง การดู การเข้าใจ การศึกษา