แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตอนนี้ขอได้โปรดคุกเข่าพร้อมกันเพื่อที่จะได้กราบหลวงพ่อพร้อมกันนะครับ (กราบ) ที่มีสักการะก็โปรดถือไว้ในมือ อันดับต่อไปขอเราทุกรูปได้แสดงความเคารพต่อท่านอาจารย์ ความเคารพเป็นคุณธรรมขั้นสูงสุด โดยจะขอพระพุทธดำรัสซึ่งได้ตรัสไว้ในที่หลายแห่งด้วยกัน พระพุทธองค์ไม่เคารพสิ่งใดในโลก แต่ธรรมะต้องเคารพ ท่านอาจารย์ของเราท่านทรงหวังกับธรรมะมากมาย ดังนั้น กลัยาณศิษย์ของเราได้พยายามมาสู่สถานที่นี่ โอกาสนี้ก็พร้อมกันให้ดี ผมจะได้นำแสดงความเคารพเป็นส่วนหนึ่งต่อการทำวัตร ดังต่อไปนี้ (บทสวด)
วจีกรรม มโนกรรม มีโทษน่าติเตียนอันใด ถ้ามีอยู่ระหว่างเราสองฝ่าย ก็ให้เป็นอโหสิกรรม ด้วยอำนาจการทำสามีจิกรรมในวันนี้ ตั้งแต่วันนั้เป็นต้นไปตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ (สาธุ) เสร็จแล้วโปรดนั่งราบลงก่อนนะครับ ฟังโอวาทหลวงพ่อ
กระผมขอโอกาสตามธรรมเนียม เพื่อทำปฏิสันฐาน ส่วนเรื่องโอวาทไว้ที่หลัง โดยธรรมวินัย ขออนุโมทนาอย่างสูงสุด ในการที่กระทำสามีจิกรรมในวันนี้ เพื่อรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี อริยะวังสะปฏิปทาไว้ ให้ยังคงมีอยู่ให้ตลอดกาลนาน
พระอริยะเจ้าถือเป็นระเบียบเรียกว่า อริยะวังสะปฏิปทา เป็นการแสดงความเครารพ ขอโทษ และแบ่งส่วนบุญ เป็นอริยะวังสะปฏิปทา ได้ทำกันมาเป็นเวลากว่าพันปี เข้าใจว่าพันปี ไม่ใช่หลายร้อยปี เพราะเป็นธรรมเนียมตามพระธรรมวินัยของสมเด็จพระบรมศาสดา ที่ทำกันมาตั้งแต่พุทธกาล แม้ว่าถ้อยคำที่กล่าวจะไม่เหมือนกันทีเดียว แต่ก็มีความหมายอย่างเดียวกัน โดยเฉพาะประเทศไทยเราได้ใช้บททำวัตรอันนี้มานมนานแล้ว และยังเชื่อได้ กล่าวได้ว่ามอบหมายเป็นแบบแก่ลังกา ในเมื่อคราวศาสนาทรุดโทรมเหลือแต่เณร ต้องขอพระสงฆ์จากเมืองไทยไปช่วยกู้ขึ้นใหม่ ระเบียบวินัยของพระสงฆ์ไทยหลายอย่างด้วยกันที่ไปมอบให้ลังกา รวมทั้งระเบียบที่เรียกว่าทำวัตรนี้ด้วย นี้ก็มีความหมายตรงกับทำวัตรนั่นเอง ว่าแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง ขอโทษซึ่งกันและกันอย่างหนึ่ง และแบ่งปันส่วนบุญแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกันอย่างหนึ่ง หวังว่าทุกๆ ท่าน ทุกๆ องค์ก็คงจะเข้าใจความหมายได้ดี และจะเห็นได้ด้วยตัวเองอย่างหนึ่งว่า ธรรมะสามประการนี้จะรักษาสันติภาพ สันติสุข ในหมู่สงฆ์เราไว้ได้ ตลอดถึงการสืบอายุให้ยืนยาวออกไปให้แน่นแฟ้นๆ มั่นคง เคารพในที่ที่ควรเคารพนั่นเป็นหลักธรรมะอยู่แล้ว ขอโทษนี่ก็เป็นหลักธรรมะอีกข้อหนึ่ง ให้อภัย ขอโทษให้อภัย ขอโทษให้อภัย ขอโทษให้อภัย นี่ก็อยู่กันด้วยความรัก แลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน ให้มันป้องกันความอิจฉาริษยาไม่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ ให้เกิดแต่ความรักความสามัคคี เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย คุณธรรมสามประการนี้จะทำให้พระศาสนาของเรามั่นคง มั่นคง ยืนยาวตลอดไม่มีที่สิ้นสุด และให้มีความสุขในภายในด้วย เพราะอยู่กันอย่างเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ที่มีความรักสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างยิ่ง ขออนุโมทนาอย่างสูงสุดในการจะได้แสดงสามีจิกรรมในวันนี้ เพื่ออนุวัตรตามอริยะวังสะปฏิปทาอันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมาแล้ว และขอร้องเป็นพิเศษว่าจงกระทำแก่กันและกันๆ ไม่ใช่กระทำเฉพาะองค์ใดองค์หนึ่ง จงจัดแจงให้กระทำแก่กันและกันตามลำดับๆ ให้ได้อยู่ด้วยความหมายแห่งอริยะวังสะปฏิปทาสามประการนี้ เชื่อได้ว่าพระศาสนาของเราจะมั่นคง และเราจะอยู่กันด้วยความผาสุกอย่างยิ่งเลยตลอดกาลนาน ย่อมเป็นการสนองพระพุทธประสงค์อยู่ในตัว คือพระองค์ทรงหวังว่าพระสาวกทั้งหลายจะช่วยกันสืบอายุพระศาสนาให้ยืนยาวตลอดไปๆ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลก เพื่อประโยชน์และความสุข แก่โลกนี้ โลกอื่น เทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ ทั้งเทวดา และมนุษย์ ไม่ว่าคนจนหรือคนมั่งมี หรือคนศรีสุข คนไหนก็ต้องอาศัยร่มเงาของพระศาสนา เพราะว่าจะมีเงินร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ก็ยังถูกเบียดเบียนด้วยมีกิเลส ฆ่าตัวตายแม้ว่าจะมีเงินร้อยล้าน พันล้าน เมื่อมีธรรมะเข้ามาคุ้มครองไม่ต้องทำอย่างนั้น แต่จะมีความสุข
เวลานี้โลกกำลังจะเข้าตาจนๆ คือ มันเจริญ เจริญ เจริญ เจริญจนเข้าตาจน คือไม่รู้จะไปไหน เจริญจนเต็มไปด้วยอะไรต่ออะไรหมด ก็ยังไม่มีความสุข เงินก็มาก ของก็มาก อะไรก็มาก ก็ยังไม่มีความสุข เพราะว่าความอยาก และความต้องการมันไกลออกไปอีก มันวิ่งออกไปหน้าเรื่อยๆ มันยังไม่มีความสุข ยังมีความกลัว อยู่ด้วยความกลัว วิตกกังวล อาลัยอาวรณ์ แถมอิจฉาริษยากันยิ่งขึ้น ยิ่งรวยยิ่งอิจฉาริษยา สันติภาพไม่มีได้เพราะการเจริญทางวัตถุ แต่ว่าโลกเวลานี้ก็หลงใหลในความเจริญทางวัตถุ ก้มหน้าก้มตา หลับหูหลับตา เอาแต่ความเจริญทางวัตถุ ยิ่งเจริญทางวัตถุก็ยิ่งมีปัญหาทางวัตถุ ที่จะต้องเกิดการ...หลายอย่างหลายประการซึ่งเป็นการร้าย จะต้องแย่งชิงกัน จะต้องต่อสู้กัน จะต้องเกลียดกัน จะต้องมุ่งหมายทำลายล้างกัน ที่จะทำให้ยุ่งยากลำบากไปหมดเพราะความเจริญชนิดนี้ และยังจะทำให้หมดเปลืองทรัพย์สมบัติของธรรมชาติในแผ่นดิน ขุดกันมา ใช้ทำลายฆ่าฟันกันไม่ใช่ใช้เพื่อความสุข ขอมองดูว่าความเจริญมันเป็นอย่างไร อย่าไปหลงความเจริญอย่างวัตถุ อย่างสมัยใหม่ เหมือนอย่างที่เค้าหลงกันนัก อย่าลืมว่าเราเป็นพุทธบริษัท เราจะต้องมีชีวิตสงบเย็น และเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ไม่ใช่ว่าเต็มไปด้วยความยุ่งยาก ลำบาก มีแต่ความกลัว มีแต่ความระแวง มีแต่ความอิจฉาริษยา คอยคิดทำลายล้างซึ่งกันและกัน เรื่องปัญหานานาประการ โรคภัยไข้เจ็บก็ดี มลภาวะหนาแน่นขึ้นมาในโลกก็ดี ยิ่งจะเป็นปัญหาความทุกข์ ยิ่งเจริญยิ่งยุ่ง ถ้าไม่มีธรรมะ ถ้าไม่อยู่กันอย่างเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย รักษาสามัคคีกันแล้ว จะอยู่กันด้วยความยากลำบากที่สุด จะอยู่กันด้วยความแข่งขัน แย่งชิง เกลียดชัง อิจฉาริษยา เป็นที่แน่นอนว่าเพราะเหตุแห่งเจริญสูงสุดในทางความเจริญอย่างไม่ดี ยิ่งฆ่าตัวตายกันมากขึ้นๆ ยิ่งเจริญไปไกลยิ่งเพิ่มการฆ่าตัวตายกันมากขึ้น ประเทศล้าหลังป่าเถื่อนกลับไม่ฆ่าตัวตายเป็นแบบนี้ ยิ่งเจริญเท่าไรก็ต้องยิ่งเพิ่มคุกตะราง เรือนจำ ตำรวจ ศาล โรงพยาบาลบ้า เพิ่มเพราะความเจริญแผนใหม่ เพิ่มมากกว่าการเพิ่มจำนวนของคนเสียอีก ความเจริญแผนใหม่ระวังให้ดี ยิ่งเจริญยิ่งยุ่ง ถ้าไม่มีธรรมะเข้าไปประคับประคองอยู่ในนั้น เค้าไม่สนใจ เค้าสนใจที่จะทำให้เจริญๆๆๆ สนใจจะให้การศึกษาๆๆ ให้ฉลาดๆๆๆ ฉลาดเหลือประมาณ ฉลาดที่สุด แล้วไม่มีการควบคุมความฉลาด ความฉลาดไม่ได้รับการควบคุม คนก็ใช้ความฉลาด เพื่อเห็นแก่ตัว เพื่อกิเลศทั้งนั้น ยิ่งฉลาดยิ่งเห็นแก่ตัว ยิ่งฉลาดยิ่งมีกิเลศลึก ปัญหาในโลกมันอยู่อย่างนี้ ต้องมีธรรมะ ธรรมะเข้าไปควบคุมความฉลาด ให้ความฉลาดอยู่ในร่องรอยของความถูกต้อง และความฉลาดจะไม่เป็นพิษเป็นภัย ถ้ามิฉะนั้นความฉลาดนั่นเองมันจะฆ่ามนุษย์ให้วอดวายไปหมด ความฉลาดที่สุดจะฆ่ามนุษย์ให้วอดวายไปหมด เพราะมันฉลาดในทางเห็นแก่ตัวไม่มีธรรมะ ขอให้พอใจ ดีใจ ยินดี เรามีธรรมะมีพระพุทธศาสนา สงวนไว้ซึ่งธรรมะให้ยังคงมีอยู่ในโลก เพื่อช่วยควบคุมความฉลาดในโลก เพื่อช่วยควบคุมความเจริญในโลกให้มันเป็นอย่างถูกต้อง ฉลาดอย่างถูกต้อง ฉลาดเพื่อมีความสุขสงบ เรียกว่าเราได้ทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นคุณ เป็นประโยชน์มหาศาล ขอวิงวอนอ้อนวอนทุกองค์ๆ แม้แต่สามเณรก็เถอะ ขอให้ช่วยกระทำในลักษณะสืบอายุศาสนาไว้ให้มีอยู่ในโลก ช่วยเรียนจริง ปฏิบัติจริง บวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง สอนสืบๆกันไปจริง ให้มันจริงๆ ช่วย บวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง สอนสืบๆกันไปจริง ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานแบบนี้ตั้งแต่ยังเป็นเณรตัวน้อยๆ นั่นจะเป็นประโยชน์ที่สุดแก่พระศาสนา และจะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งที่เราได้เกิดมา ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ดำเนินถูกต้อง เพื่อความถูกต้อง เป็นไปเพื่อความสุขเพื่อประโยชน์อันแท้จริงแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง อย่าไปหลงความเจริญหรูหราสวยงามเลย มันไม่ดับทุกข์ มันเพิ่มปัญหา เค้าเรียกกันว่ายุคอุตสาหกรรมเวลานี้ ทะเยอทะยานเห่อกันนักว่าจะเจริญด้วยอุตสาหกรรม ประเทศไทยจะเจริญด้วยอุตสาหกรรม จะเป็นนิกส์ ประเทศอุตสาหกรรมแผนใหม่ เจริญด้วยอุตสาหกรรม นั้นแหละคือมันบ้า มีอุตสาหกรรม เครื่องจักรเข้ามาทำงานแทน คนจะว่างงานมากขึ้นๆ แก้ไขไม่ได้ ยิ่งเครื่องจักรเข้ามาเท่าไร คนก็ว่างงานกันมากเท่านั้น ก็เดือดร้อนเพราะว่างงานแหละ แต่ว่าเครื่องจักรผลิตขึ้นมาๆ มากๆๆ มันหยุดไม่ได้ มันต้องผลิต มันมีมันต้องผลิต ผลิตมากๆๆ ทำให้ยั่วใจให้คนหลงใหล มากๆๆๆ มันก็มากๆๆๆๆ จนไม่รู้จะเอาไปไหน สิ่งที่ผลิตขึ้นมาได้ต้องเอาไปทิ้งทะเล คอยดูเถอะ ผลิตขึ้นมามากจนเกินความต้องการของคนในโลก พอผลิตของใหม่ขึ้นมาดีกว่าของเก่า ของเก่าก็ต้องเอาไปทิ้งทะเล คนผลิตมันต้องเอาไปทิ้งทะเลมันถึงจะสมดุล จะยุ่งตาย อย่าบูชาความเจริญชนิดที่เรียกว่ายุคอุตสาหกรรมแผนใหม่นี้เลย พอดีพอร้ายอย่าไปเอาเข้ามาเลยเรื่องแผนใหม่เรื่องสวยงามหรูหราๆ ขอร้องว่าอย่าให้กล้องถ่ายรูปกลายเป็นบริขารที่ 9 ของภิกษุเลย กล้องถ่ายรูปอย่าได้กลายเป็นบริขารที่ 9 ของภิกษุเลย ยับยั้งกันเสียบ้างอย่ามากนัก เวลานี้มันเลื่อนไปถึงยายชีแล้ว ยายชีถือกล้องถ่ายรูปมากเหลือเกิน มันหลงใหลในอุตสาหกรรมแผนใหม่ มันไม่เป็นไปเพื่อความสงบสุข ถ้าชอบกล้องถ่ายรูปเกินไป ก็ตัดทอนเวลาศึกษาเล่าเรียนลงไปมากเท่านั้นแหละ ระวังให้ดีๆ ของใช้ของสอยของกินของอยู่อย่าไปหลงใหลกับเค้าเลย ขอให้ถูกต้องตามธรรมตามวินัยเป็นอาหาร แค่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชีวิตก็เอาเถอะ อย่าไปบัญญัติว่ากินผัก อย่าไปบัญญัติว่ากินเนื้อเลย มันจะมีปัญหาเกิดขึ้นมา พระอรหันต์ทั้งหลายไม่ทำความรู้สึกว่าเนื้อ ไม่ทำความรู้สึกว่าผัก ทำความรู้สึกแต่ว่าเป็นธาตุตามธรรมชาติ ธาตุไหนควรกินควรบริโภคก็กิน ไม่ทำการบัญญัติยึดมั่นถือมั่นว่าเนื้อหรือผัก เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องเนื้อเรื่องผักจึงไม่มีแก่พระอรหันต์ น่าบูชาอย่างยิ่ง ปัญหาว่ากินเนื้อหรือกินผักไม่มีแก่พระอรหันต์ เพราะท่านไม่ทำความสำคัญอันใดว่าเป็นผักอันใดว่าเป็นเนื้อ เป็นแต่ธาตุตามธรรมชาติ เป็นอาหารที่ควรบริโภคก็แล้วกัน ไม่มีความคิดว่าเพราะเหตุนั้น ขอให้เราเดินตามรอยของพระอรหันต์ยึดถือความถูกต้อง เป็นหลักไม่ไปหลงเรื่องสมมติ เรืองบัญญัติ เรื่องสวยเรื่องงาม เรื่องเอร็ดอร่อยกัน เวลานั้นกำลังหลง ธรรมะช่วยชะลอความหลงอย่าให้วิ่งเร็วนัก ให้หยุดลงบ้าง ให้พอดี อย่าได้หลง
เอาหนังสือพิมพ์มาเปิดขึ้นสักฉบับพลิกดูทุกหน้า โฆษณาสินค้านั้นเหลือเกิน มากกว่าครึ่งก็มีแปลกๆๆๆ ยุให้ซื้อ ยุให้กิน ยุให้เล่น คนจะไปหลง เพราะมันยั่วๆๆ เกินไป แม้แต่น้ำซอส น้ำปลา ไม่รู้กี่ชนิดต่อกี่ชนิดก็แพงขึ้นๆ คนโง่ก็ยังซื้อก็ยังขายได้ ไม่ใช่แกล้งพูด ก็ไปดูเถอะ หนังสือพิมพ์ฉบับที่ขายดีมีชื่อเสียง โฆษณาสินค้ามันเหลือประมาณจะเวียนหัว ไม่รู้จะซื้ออะไร มันก็ทำกันอยู่ได้ ยุคอุตสาหกรรม มันจะจบลงด้วยการฆ่าตัวตายมากขึ้น โรคภัยประหลาดๆ เกิดขึ้น มีปัญหายุ่งยากเป็นอาณาจักรแห่งความกลัว กลัวตาย กลัวจน แต่ว่ากลัวที่สุดกลัวจะไม่ได้อย่าใจ กลัวกันที่สุด กลัวจะไม่ได้อย่างใจ ความกลัวอย่างนั้นทรมาน เป็นโรคประสาท โรงพยาบาลบ้าต้องเพิ่มๆ ไม่ใช่ว่าคนมาก โรคภัยไข้เจ็บเพิ่มมากกว่าจำนวนคนเพิ่ม ทั่วโลกต้องเพิ่มโรงพยาบาลประสาท โรงพยาบาลวิกลจริต โรงพยาบาลบ้ามากขึ้น โลกจะวินาศก็ข้อนี้ เราช่วยกันเถอะช่วยกันรักษาธรรมะไว้ เรียนจริง ปฏิบัติจริง บวชจริง ทั้งสอนจริง และช่วยแก้ไขสิ่งเลวร้ายนี้ในโลก นี่เป็นการสนองพระคุณ สนองพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างยิ่ง อย่างสูงสุด ไม่มีอะไรเสมอเหมือน พระองค์ทรงหวังไว้ว่าพวกเราจะสืบอายุพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ ขอให้ทำเถอะๆ เป็นความประสงค์ เป็นพระพุทธประสงค์ อย่าเรียนเพียงเพราะตัวเราเอง ประโยชน์ขอตัวเราเองแคบๆ เล็กๆ น้อยๆ เลย ขอให้ตั้งใจให้กว้าง ช่วยโลกตามพุทธประสงค์ ตามที่พระองค์เคยตรัสไว้ว่า ตถาคตเกิดขึ้นมาในโลกเกิดขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์แก่มหาชนในโลก ทั้งเทวดาและมนุษย์ ช่วยหมดเลย เทวดาและมนุษย์นี่แปลกฟังกันง่ายๆว่า ถ้าเป็นมนุษย์ตนเองลำบาก อาบเหงื่อต่างน้ำ ถ้าเป็นเทวดาก็จะสบายไม่รู้จักเหงื่อนั่นแหละคือเทวดา ในโลกมันมีอยู่จริงมีคนสองพวก พวกหนึ่งรู้จักเหงื่อ พวกหนึ่งไม่รู้จักเหงื่อ ก็ทะเลาะวิวาทกันในระหว่างสองพวกนี้ เรียกว่าชนกรรมาชีพกับพวกนายทุน พวกนายทุนเป็นพวกไม่รู้จักเหงื่อ พวกชนกรรมาชีพเป็นพวกอาบเหงื่อ ต่อสู้กันเรื่อยไปตลอด จนวันนี้เวลานี้ปัญหายังไม่สิ้นสุดแต่ยังรุนแรง ประเทศบางประเทศก็ยึดหลักชนกรรมาชีพ ประเทศบางประเทศก็ยึดหลักนายทุน ต่อสู้กันแย่งกันจะครองโลก แย่งกันจะครองโลกความวินาศจะมา ถ้ามันใช้อาวุธกันก็จะวินาศทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะ แพ้ทั้งสองฝ่าย
จึงขอร้องว่าจงพอใจจงยินดีจงชื่นใจในการได้บวช ได้บรรพชา ได้อุปสมบทเข้ามาในลักษณะเช่นนี้ อย่าเพื่อตัวเราคนเดียวเลย จงเพื่อโลกทั้งโลกด้วยเถิด อย่าเพื่อดับทุกข์ของตัวคนเดียวเลย ขอให้เพื่อดับทุกข์ของโลก หมู่สัตว์ทั้งหลายด้วย ถ้ามีธรรมะๆ แล้วหมู่สัตว์จะมีความสุข กระทั่งสัตว์เดรัจฉานไม่ถูกเบียดเบียน กระทั่งต้นไม้ต้นไร่ไม่ถูกเบียดเบียนมันมีความสุข สิ่งมีชีวิตทุกชนิดทุกอย่างอย่างนี้ขอได้มองมันจะดีที่สุด จะได้รู้จักเข้าใจลึกซึ้งแจ่มแจ้งทั่วถึง ว่าควรจะทำอย่างไร
การที่เราได้พบกันนี้ก็ขอได้ถือเป็นโอกาสให้ได้ปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไร ให้ได้มีความถูกต้องยิ่งๆ ขึ้นไป ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปในทางของพระศาสนา ข้อนี้ขออนุโมทนาอย่างยิ่ง ขอแสดงความเคารพในเจตนาดีอย่างยิ่ง ไม่ได้ถือว่าผมเป็นผู้มีความรู้วิเศษวิโสอย่าเข้าใจ ก็มีความรู้เท่าที่มีนี่แหละ ไม่ได้วิเศษวิโส แต่ว่าเนื่องจากต้องคิดต้องนึกอยู่เสมอ มันจึงมีเรื่องจะพูดได้
ผมอายุ 83 ปี เวลาจะคิดนึกอย่างยิ่งไม่น้อยกว่า 60 ปี จึงมีเรื่องที่ควรจะพูดได้จะพูดให้ฟังได้ก็มีประโยชน์ จนเขารู้กันเกือบจะทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ใช่อวดดีว่าทั่วโลกก็ได้ มีหนังสือพิมพ์ขึ้นสรรเสริญเยินยอผมจนผมไม่รู้จะอยู่ไหน มันยอมากเกินไป ลำบากเพราะเขาให้เกียรติสรรเสริญเยินยอมากเกินไป Buddhadasa the thinker a the modern world มีคนพิมพ์ขึ้นฝรั่งพิมพ์ พุทธทาสเป็นนักคิดสูงสุดแห่งโลกปัจจุบัน ดีเกินไป ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นแต่ว่าด้วยเหตุมันพูดกันไป รู้กันไป บางคนมันสมมติให้ มัวแต่ว่าพระคาร์ดินัล พระอาจารย์สมเด็จ มาคุยเรื่องนี้ มาปรึกษาเรื่องนี้ มาสัมภาษณ์เรื่องนี้ เพราะมันรู้ไปถึงไกลขนาดนั้น พระวาติกันชั้นสมเด็จจะได้รับเลือกเป็นโป๊ป ประเทศละองค์ พระวาติกันมีหลายองค์แบ่งหน้าที่กันเป็นหน้าที่ๆ ผมมีหน้าที่จัดการกับบุคคลที่ไม่ใช่คริสเตียนคือคนในชาติอื่นที่ไม่ใช่คริสเตียน เป็นหน้าที่ของคนคนนี้จัดการประสานงาน ทำอะไรทุกๆ อย่างให้มันเป็นประโยชน์ แต่คริสเตียนเค้าทำงานกันจริงๆ เค้าทำงานกันสูงสุดระดับโลก ไม่ใช่ระดับที่อยู่กันในบ้านในเรือน หยิบเอาปัญหาของโลกขึ้นมาเป็นปัญหาของตน เรียกว่าเขาหวังจะครองโลกในทางจิตทางวิญญาณ
ขอให้พวกเราทุกคนรู้ว่าเขาขยับขยายเคลื่อนไหวกันอย่างยิ่งโดยเฉพาะศาสนาคริสเตียน และศาสนาพุทธเราเรียกว่าโชคดีๆ ไม่ได้ขวนขวายต่อสู้ดิ้นรนก็รอดมาได้ แต่กลับเป็นที่พอใจแพร่หลายออกไปๆ ทั่วทวีปโดยไม่ได้ลงทุนซักบาทหนึ่ง การที่พุทธศาสนาจะแพร่ไปทั่วโลกไม่ได้ลงทุนซักบาทหนึ่ง แต่ถ้าศาสนาอื่นจะแพร่มาในเมืองไทยจะต้องลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านมาจ้างให้ถือ คนที่มาถือพุทธศาสนาไม่ต้องจ้าง เรามีดีเค้าก็เอา ขอให้เรารักษาความดีอันนี้ของพุทธศาสนาให้มั่นคงยั่งยืนเหมือนเกลือที่ต้องเค็มอยู่เสมอ ขึ้นชื่อว่าเกลือต้องเค็มอยู่เสมอ ช่วยกันรักษาพุทธศาสนาให้อยู่เพื่อประโยชน์แก่โลก ด้วยความสงสารเมตตากรุณาแก่คนทั้งโลก แต่ว่าดีกว่านั้นเพื่อสนองพุทธประสงค์
ผมอ่านข้อความในพระไตรปิฎกพบมากมายหลายสิบแห่งหลายสิบตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสวิงวอนอ้อนวอนว่าช่วยไปช่วยโลกให้ไปทำให้เกิดประโยชน์ ให้เกิดความเกื้อกูลความสุข ช่วยเทวดาทั้งมนุษย์ทั้งโลกมีมากมายหลายแห่งเหลือเกิน คำพูดที่พระสงฆ์สาวกไปประกาศพระศาสนาไม่ใช่มีแค่ตรงนั้น ตรงอื่นก็มีมีอีกเรื่อยๆบ่อยๆ พระพุทธเจ้าจะตรัสขอให้ทำอย่างนี้ เราสนองพระพุทธประสงค์กันเถิด ให้เราเหนื่อยตายซักสิบหนก็ยังดี ยังมีผลคุ้มค่าเหลือเกิน จะไปคิดอะไรกันให้มากจะเหนื่อยมันเป็นเรื่องธรรมดา ชีวิตมีมาให้ประโยชน์มันอยู่นิ่งไม่ได้ ก็ต้องเคลื่อนไหวเป็นประโยชน์ที่สุด สูงสุดเท่าที่มันจะรับได้ จะขอปรารภสิ่งสูงสุดในพระพุทธศาสนา ในโอกาสที่เราได้มาพบกันในลักษณะเช่นนี้ แม้จะเพียงปีละครั้งเดียว มันก็ยังเป็นโอกาสจะพูดกันได้ จำไปได้ ไปคิดไปนึกไปศึกษาได้ ปีๆ ประชุมกันปีละครั้งก็พอแล้ว เพราะมันคิดได้เป็นเดือนเป็นปี ขอแค่พูดขอแค่เสนอขึ้นให้คิดให้นึก เอาไปคิดได้เป็นปีๆ ขอได้โปรดเอาไปคิดไปนึก ไม่ได้ขอร้องให้เชื่อแต่ขอร้องให้เอาไปคิดไปนึก เห็นว่ามีประโยชน์จริงดับทุกข์จริง จึงค่อยเชื่อแล้วปฏิบัติดูยิ่งเชื่อยิ่งขึ้นไปอีก
ประชาธิปไตยในทางความคิดความเห็นสูงสุดอยู่ที่พระพุทธศาสนา ไม่มีศาสนาใดสูงสุด ศาสนาอื่นบางศาสนาบังคับให้เชื่อไม่ให้เสรีภาพเลย แต่พระพุทธศาสนานี่เสรีภาพเกิน เกิน 200% 1000% แม้แต่ว่าผู้พูดเป็นครูของเราก็ยังไม่เชื่อ ขอให้อ่านกาลามสูตรๆ 10 ข้อที่ได้แปลแจกแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ มา สมโณ โน ครูติ อย่าถืออย่าเชื่อสมณะผู้พูดเป็นครูของเรา ก็คือพระพุทธเจ้านั่นเอง เป็นครูของเรา พระพุทธเจ้าให้เสรีภาพขนาดไม่ต้องเชื่อพระองค์ แต่ขอให้เอาไปคิดไปนึกตามที่พูดว่าจริงไม่จริง มันจะดับทุกข์ได้หรือไม่ ถ้ามันจะดับทุกข์ได้ก็จำ เอาไปปฏิบัติ พอปฏิบัติแล้วมันดับทุกได้ก็เชื่อๆๆ
ศาสนาพุทธก็มีเชื่อ ศาสนาอื่นก็มีเชื่อ แต่มันต่างกัน เค้ามันเชื่อก่อนปัญญา ไอ้เราเชื่อทีหลังปัญญา พอมีปัญญาแล้วเชื่อหมด ที่แรกได้ฟังทางหูก็เชื่อแต่เพียงผิวๆ อย่างไรก็ไม่เชื่อโดยใจความโดยแท้จริง ต้องเอาไปใคร่ครวญด้วยปัญญาเห็นแจ้งว่ามันดับทุกข์ได้จริง จึงเชื่อ จึงเรียกว่าเรามีความเชื่อหลังปัญญา ไม่บังคับไม่ผูกขาดให้เชื่อ ศาสนาบางศาสนาไม่ได้ต้องปฏิญาณ ต้องสาบาน ว่าต้องเชื่อตามนี้ต้องถือตามนี้จะบังคับให้เชื่อ สอนว่ารอดด้วยความเชื่อ แต่เราไม่ได้สอนให้รอดด้วยความเชื่อ รอดด้วยปัญญา รอดด้วยสัมมาทิฏฐิ ความเชื่อนี่มันต้องมีแต่ขอให้เป็นความเชื่อที่มาทีหลังปัญญา ความเชื่อเป็นเงื่อนงำสำหรับนำมาคิดมานึก เผื่อจะเชื่อ ไม่เชื่อ แต่ว่าเผื่อจะเชื่อ พิสูจน์ ทดลอง มีประโยชน์จึงค่อยลองๆๆ ได้ผลดีแล้วค่อยเชื่อ
กาลามสูตรทั้ง 10 ประการ ผมเปิดเผยขึ้น มีคนด่าว่าเอามาทำให้ยุ่งยากให้ลำบาก ทำให้คนไม่เชื่อ ลูกศิษย์ไม่เชื่อครูอาจารย์ บุตรไม่เชื่อบิดามารดา ไม่ใช่แบบนั้นเข้าใจผิด กาลามสูตรไม่ได้สอนแบบนั้น สอนว่าไม่ต้องเชื่อทันที เอามาใคร่ครวญรู้ด้วยสติปัญญาของตนเห็นว่ามันเป็นไปได้จึงค่อยลองดูแล้วค่อยเชื่อ เรียกว่าเชื่อตัวเอง ฟังผู้อื่นมาแต่มาเชื่อตัวเอง ในการศึกษาค้นคว้าทดลองปฏิบัติดู อย่าเชื่องมงาย ขอให้เชื่ออย่างลืมหูลืมตามีสติปัญญา ก็จะเป็นพุทธบริษัทผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่หลับตาเชื่อด้วยความงมงาย
ผมรู้สึกว่าหลายสิบปี คิดนึกค้นคว้าศึกษามา มีใจความแบบนี้ ได้รักษากำหนดจดจำไว้ ใคร่ครวญไว้เอามาได้พูด ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นเพื่อนสหธรรมมิตร แม้ที่สุดแต่เณรตัวน้อยๆ ก็เป็นสหธรรมมิตร ได้มาฝึกพรหมจรรย์ร่วมกันให้พระพุทธศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดา เพราะฉะนั้นขอให้เพื่อสหธรรมมิตรทั้งหลาย ร่วมกันนอกจากร่วมความรู้ ร่วมแรง ร่วมการปฏิบัติ ร่วมสติปัญญา ร่วมการกระทำให้มันเป็นที่สุดให้มันเป็นประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น พระพุทธเจ้าทรงเน้นถึงประโยชน์ทั้ง 3 ประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกัน มี 3 ประโยชน์ ทำให้สำเร็จประโยชน์ด้วยความไม่ประมาท ทุกแห่งเมื่อพูดถึงประโยชน์ พระพุทธเจ้าตรัสถึงประโยชน์ด้วยความไม่ประมาท ขอให้ยึดเอาความไม่ประมาทความมีสติสัมปชัญญะ ป้องกันไม่เกิดความประมาท ไม่เกิดกิเลส
ธรรมะข้อสุดท้ายเหมือนกับเพชรเม็ดสุดท้ายค้างอยู่ในพระไตรปิฎก เอามาพูดกันเรื่องนี้เรียกว่าเป็นภาษาบาลีฟังยากว่าเป็น อัตมยตา (นาทีที่ 36.45) ๆ คือ มีสติปัญญา ป้องกันไม่ให้ปัจจัยใดๆ ทั้งภายในและภายนอกมาปรุงแต่งจิตให้เกิดกิเลส มีสติมีปัญญามันอยู่ด้วยกัน มันป้องกันไม่ให้ปัจจัยภายนอกรูปเสียงกลิ่นรส หรือปัจจัยภายใน ตัณหา มาปรุงแต่งจิตให้เกิดกิเลสไมได้รับอารมณ์ ไม่ว่าอารมณ์อย่างไหน ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไร มันป้องกันได้หมด นี่สติมหาศาลๆ สติสูงสุด มีสติทันท่วงทีป้องกันอะไรได้ กูไม่เอากะมึงๆ สิ่งที่จะมาปรุงแต่ให้เกิดกิเลส กูไม่เอากะมึงๆ คือความมีสติที่ประกอบอยู่ด้วยปัญญา ปัญญาไม่มีสติ ก็เหมือนปืนเก็บไว้เฉยๆ ไม่เอามายิงทันเวลา สติไม่มีก็เหมือนไม่มีปืนมายิง ก็ทำอะไรไม่ได้ไม่รู้จะเอาอะไรมายิง มันมีสติเอาปัญญามาใช้ทันท่วงทีที่กิเลสมันเกิดขึ้น เผชิญหน้ากับกิเลสด้วยสติปัญญาทันเวลา อันนี้เรียกว่าอัตมยตา สังเกตว่าไม่มีธรรมะข้อไหนที่สำคัญที่เหลืออยู่ในพระไตรปิฎก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ว่าแล้ว ธรรมกิจตา ธรรมนิยามตา (38.20) อิทัปปัจจยตา สุญญตา ตถตา ก็ว่าแล้ว เรื่องอัตมยตาก็เป็นธรรมสุดท้าย เพชรเม็ดสุดท้ายสอนอยู่ในพระไตรปิฎก บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่อัตมยตาจะออกมาช่วยโลกที ถึงเวลาแล้วแต่ครั้งที่จะออกมาช่วยโลกได้ เราต้องเอามาประพฤติปฏิบัติเอามาใช้ทันกับเหตุการณ์อย่าไปหลงใหลในความเจริญทางโลก อย่าให้ความเจริญทางโลกมาดึงหัวใจออกไป จับเชิดออกไปมันผิดหมด ไม่มีความรู้อัตมยตา รู้เท่าเล่าทัน มึงจะมาปรุงแต่งจิตใจของกูมาเป็นบวกเป็นลบไม่ได้ ไม่ว่าอวิชชาหรือโทมนัส สองอย่างนี้คือบวกและลบ ยินดียินร้าย ยินดีก็บวก ยินร้ายก็ลบ ให้มันปรุงแต่งจนเกิดอวิชชาและโทมนัส ก็เกิดกิเลส เอากันใหญ่ ไม่ให้มันมาปรุงแต่งเกิดเป็นบวกและลบ ปกติอยู่เสมอโดยอาศัยธรรมะจะสมบูรณ์ที่สุด คือ อัตมยตาๆไม่มีในศาสนาอื่น เมื่อยังไม่เกิดอตัมยาตาก็ไม่เกิดพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไปศึกษากับอาฬารดาบสที่สูงสุดเท่าที่มีในสมัยนั้น ก็ยังไม่ถึงพุทธศาสนา ก็ยังไม่มีอัตมยตา เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงละเสียจากดาบสทั้งสอง จนสุดท้ายทั้งสองสอนไว้สูงสุด เนวสัญญานาสัญญายตนะ (นาทีที่ 40.04) ยังติดอยู่ในภพประเภทอรูปภพ อัสาทะ(นาทีที่ 40.09) ความเอร็ดอร่อยแห่งอรูปภพ ก็ยังปรุงจิตใจๆๆ หลงใหลอยู่ในอรูปภพ พระพุทธเจ้าก็ไม่เอา ก็ลาอาจารย์ชวนเท่าไรๆก็ไม่อยู่ ไปค้นคว้าศึกษาจนพบอัตมยตา ไม่เอาแม้อันสุดท้ายคือเนวสัญญานาสัญญายตนะ จึงพ้นจากภพทุกๆภพ ทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ ค้นพบหมดเป็นอัตมยตา โดยอัตมยตาเป็นพระพุทธศาสนาขึ้นมา ถ้าขาดอัตมยตาก็ไม่มีพุทธศาสนา เหมือนศาสนาอื่น ถ้ามีอัตมยตาจึงแปลกไปจากศาสนาอื่น คืออยู่เหนือภพทุกๆภพ ประเทศอินเดียสมัยนั้นมีความรู้สูงสุดเพียง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ภพสุดท้ายภพสูงสุดของพรหม พระพุทธเจ้าพบต่อไปจากนั้น เหนือภพค้นพบเป็นอัตมยตา โดยอัตมยตา ก็คือคำสอนที่สอนอยู่เป็นพื้นฐาน คือมีสติๆ อย่าให้กิเลสเกิดขึ้นมาได้อย่าให้มาปรุงแต่งจิตได้ จะทำให้เด็ดขาดเฉียบขาด เรียกชื่อ อัตมยตา ไม่สำเร็จขึ้นมาจากสิ่งนั้น คือสิ่งนั้นปรุงแต่งไม่ได้ อัตมยตา ไม่สำเร็จมาจากสิ่งนั้น สิ่งนั้นจะปรุงแต่งเราไม่ได้ จับเชิดไม่ได้ ยุให้หลงไม่ได้ อะไรไม่ได้ ถ้าถือหลักอัตมยตา พวกเราจะพ้นภัยหลอกลวงคนจากภัย หลอกลวงของความเจริญแผนใหม่ๆ ที่กำลังหลงใหลกันทั้งโลก ถ้ามีอัตมยตามาป้องกันได้ จะไม่ไปหลงใหลในของหลอกลวงปรุงแต่งเหล่านั้น ขอให้เตรียมตัวไว้เถอะ
ขอแสดงความขอบพระคุณอย่างยิ่งในการมารักษาประเพณี อริยะวังสะปฏิปทา ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งด้วย ในการที่จะให้ความสำคัญแก่ความสำคัญการพบกันประจำปีในสถานที่นี้ ในลักษณะนี้ ก็ขอขอบพระคุณ ขออนุโมทนา เพราะว่าจะได้โอกาสพูดจาในสิ่งที่เป็นหน้าที่สูงสุดทั้งหมด ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงมอบหมายไว้ให้ ได้ทรงหวังไว้ให้ ถ้าใครจะพูดก็พูดได้ไม่ใช่ให้ผมพูดแต่คนเดียว ถ้ามีโอกาสก็จะพูดจะคุยกันก็ได้ ขอให้สนใจว่าหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ และพร้อมเพรียงกันทำการประชุมให้เป็นประโยชน์ ปฏิบัติตามข้อตกลงในที่ประชุมโดยตลอด พระพุทธเจ้าตรัสว่าด้วยสาราณียธรรมเป็นดี นี่ก็เป็นสารณียธรรมพิเศษชนิดหนึ่งอย่างหนึ่งเลย เรามาประชุมมากๆ ด้วยความยากๆ ด้วยความลำบาก ขอขอบพระคุณ ขออนุโมทนา หวังว่าผมจะมีความแน่ใจอธิษฐานใจในการที่จะดำเนินจิตในชีวิตนี้ให้เป็นไปให้อย่างถูกต้องแห่งคลองแห่งพระศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดา คือช่วยตัวเองให้รอด และช่วยเพื่อนมนุษย์มีชีวิตทั้งหลายให้รอด มีความผาสุกร่มเย็นอยู่ด้วยกันตลอดทุกทิวาราตรีกาลเทอญ (สาธุ)