แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอ่อ, ขอปรารภ บรรดาพุทธบริษัท ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ในบัดนี้ พรุ่งนี้เป็นวันที่เรียกว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือเป็นวัน ถ้าเรียกตามธรรมดา ก็เรียกว่า วันเกิด เรียกเป็นศัพท์เป็นแสงก็เรียกว่า วันพระราชสมภพ ปีนี้เขาจัดกันเป็นพิเศษ รัฐบาลเป็นเจ้ามือใหญ่จัดเป็นพิเศษ สำหรับวันเฉลิมพระชนมพรรษา ธรรมดาก็ทำกันทุกปี คราวนี้เราพุทธบริษัทนี้ ควรจะทำในลักษณะที่เหมาะสม สำหรับพุทธบริษัท เรียกว่า ความสำนึกในบุญคุณ เป็นเหตุให้ทำ เราจะไม่รู้ไม่ชี้ ก็มันเป็นอกตัญญู เราก็รู้ชี้อยู่ดี ควรจะรู้ชี้ให้มันชัดเจน จะได้เป็นคนกตัญญูเพราะว่ารู้ ก็จะได้กตเวที คือแสดงออกมาให้ปรากฏว่าเรารู้
สำหรับพุทธบริษัท ในหลวงเป็นพุทธศาสนูปถัมภก เป็นสำหรับพุทธบริษัท เรียกว่าพุทธศาสนูปถัมภก คือ ผู้อุปถัมถ์ศาสนา ถ้าเราจำเป็นจะต้องมีศาสนา อยู่ได้ด้วยศาสนา ควรจะเห็นความสำคัญของผู้ที่ช่วยอุปถัมภ์ศาสนา เพราะศาสนามันเป็นสิ่งที่มีเหตุ มีปัจจัย ถ้าเหตุปัจจัยไม่พอ มันก็ล้มละลายเหมือนกัน คือ สูญหายไปได้เหมือนกัน จึงต้องมีพุทธศาสนูปถัมภ์ ช่วยให้ศาสนายังอยู่ ไอ้เราก็ได้รับประโยชน์จากศาสนา ก็เลยต้องรู้สึกบุญคุณ บุญคุณของผู้ที่ทำให้ศาสนาตั้งอยู่ได้ เจริญอยู่ได้
ลำพังศาสนามีแต่วินัย ไม่มีใครใคร่เกรงใจ ก็มีคนเหยียบย่ำศาสนา หรือข่มเหง หรือบุกรุก รุกราน มาจากภายนอกก็ได้ หรือว่าภิกษุอลัชชีในศาสนานี่เอง เกะกะระรานขึ้นมา พระก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องไปพึ่งอำนาจของพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินจึงได้ออกกฎหมายบ้าง อะไรบ้าง สำหรับช่วยเหลือควบคุมให้ ให้ปราบอลัชชีได้ ศาสนาจึงอยู่ได้ เรียกว่า พุทธศาสนูปถัมภก
คราวนี้พระสงฆ์ที่เป็นเถระชั้นผู้ใหญ่ ได้นามว่า พระราชาคณะ ที่เขาเรียกกันว่า เจ้าคุณ คำนี้ปรากฏอยู่ในเรื่องราวว่า เนื่องมาแต่พระเจ้าแผ่นดินจะเป็นรัชกาลที่ 2 หรือที่ไหนก็จำไม่แม่นเสียแล้ว ได้ขอร้องให้พระมหาเถระ มาช่วยกัน ร่วมมือกับพระเจ้าแผ่นดินในการปราบอลัชชี หมายความว่า พระเจ้าแผ่นดินก็รู้สึกเหมือนกันว่า ถ้าตามลำพังพระเจ้าแผ่นดินล้วน ๆ มันก็ยากที่จะปราบอลัชชี อลัชชีอยู่ในวัด จึงขอให้พระมหาเถระนั้น ช่วยเป็นราชาคณะ คือคณะของพระราชา ในการปราบอลัชชี ที่อยู่ฝ่ายพระราชาในการปราบอลัชชี หมายความว่า คณะสงฆ์เราก็ต้องอาศัยพระเจ้าแผ่นดินในการปราบอลัชชี พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องอาศัยพระราชาคณะพระสงฆ์ มีกำลังในการปราบอลัชชี มันจึงทำกันมาได้ ในการปราบอลัชชีได้สำเร็จ คือว่าจะให้ไม่มีเลยมันไม่ได้ แต่ว่าอย่าให้มันเป็นโทษ อย่าให้มันเป็นอันตราย ทำได้ นี่เรื่องฝ่ายปราบปราม ต้องร่วมมือกัน ระหว่างพระสงฆ์กับพระเจ้าแผ่นดิน ที่นี้ฝ่ายที่จะทำให้เจริญรุ่งเรือง ในทางปริยัติการศึกษา นี่พระเจ้าแผ่นดิน สนับสนุนช่วยเหลือ
สมัยก่อน ก่อนเปลี่ยนการปกครอง คือสมัยแรก แรก ๆ ตอนโน้น เขาไปเรียนกันในวัง เรียนบาลี เรียนอะไรนี่ เขาเรียกว่า หอราชมณเฑียร หรืออะไรนี่ อยู่ที่ในวัง ในพระราชวัง พระไปเรียน พระเจ้าแผ่นดินสนับสนุนส่งเสริมลงทุนให้เต็มที่ นักปราชญ์ราชบัณฑิตกินเงินเดือนของพระเจ้าแผ่นดิน แล้วสอนให้พระรู้บาลี รู้อะไรก็ทำกันในวัง เพิ่งย้ายออกมาจากนอกวัง เพิ่งย้ายออกมานอกวัง เมื่อก่อนเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินช่วยเต็มที่ นี่เรื่องการปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก็พระเจ้าแผ่นดิน ก็สนับสนุน พุทธศาสนาในประเทศไทย มันก็เนื่องกับพระเจ้าแผ่นดินมากที่สุด มันจึงอยู่มาได้
เราจึงถือว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือพระเจ้าแผ่นดิน นี่เป็นพุทธศาสนูปถัมภกอย่างยิ่ง ศาสนาจึงยืนยาวมาได้ถึงเราในชั้นหลัง เราจึงรับรู้ รับรู้ จะพยายามสนองตอบแทน ตามที่จะมีจะได้
วันนี้จึง วันที่เรียกว่าวันเริ่มต้นของ ของงานเฉลิม ที่จะมีพรุ่งนี้ เราจะแสดงมุทิตาจิต หรือว่ากตัญญูจิต อะไรก็สุดแท้ ออกมาให้ปรากฏ อุทิศส่วนกุศลถวายแก่ในหลวง ก็จะคิดว่าเราใช้หนี้รับรู้ในบุญคุณ นี่ก็ได้เหมือนกัน เรามันก็ควรทำ เพราะจะเฉยเสีย มันก็รู้สึกอยู่ในใจว่ามันผิด ผู้มีบุญคุณ เราได้อาศัยบุญคุณอยู่ เราก็ต้องรับรู้สนองคุณ
นี่ว่าในทางการเมืองกันบ้าง การบ้านการเมือง ในหลวงทุกองค์เป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่อย่างเข้มแข็งเพื่อประเทศชาติอยู่ได้ จนกระทั่งเขาเปลี่ยนการปกครอง ให้ในหลวงอยู่ใต้กฎหมาย เขาเรียกว่าประชาธิปไตย ในหลวงก็ยังมีโอกาส มีความสามารถ จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับศาสนา แล้วก็ประชาชนนั่นแหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหลวงองค์ปัจจุบันนี่แหละ ทำประโยชน์อย่างยิ่งแก่ศาสนา แก่ประชาชน แก่บ้านแก่เมือง เป็นสิ่งที่สำคัญ คือจำเป็น ที่เห็นได้ง่าย ๆ ที่สุด เวลานี้ในปัจจุบันนี้ ในหลวงเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งจิตใจของประชาชนคนไทยทุกคน มันมีจุดศูนย์รวมอยู่ที่ในหลวง มันจึงเหนียวแน่นมั่นคง ในการเป็นประเทศชาติ
ยกตัวอย่างให้เห็นเช่นว่า ถ้าว่ารัฐบาลกับสภาผู้แทน แตกแยกกัน เป็นข้าศึกกัน ทั้งสองฝ่าย ก็ยังเห็นแก่ในหลวง ดีที่มีจุดรวมอยู่ที่ในหลวง แล้วประเทศมันฉีกออกไปไม่ได้ หรือว่าในสภาผู้แทนราษฎร หลาย ๆ พรรคการเมือง พรรคการเมืองแต่ละพรรค บางพรรคมันแตกกัน มันทำลายกัน แต่ว่าทุกพรรคมันยังเห็นแก่ในหลวงนั่นแหละ มันก็ฉีกไม่ออก หรือว่าในคณะรัฐบาลหลาย ๆ คนถ้ามันเกิดแตกแยกกัน เอา ทุกคนมันก็ยังเห็นแก่ในหลวงอีก มันก็ฉีกไม่ออก แยกไม่ออก คือ ถ้าว่าประชาชนแตกแยกกันกับรัฐบาล มันก็ยังเห็นแก่ในหลวงอีก มันแยกออกไป ขาดไม่ได้ หรือว่าประชาชนแบ่งแยกเป็นพรรค เป็นพวก จะทะเลาะวิวาทกันเอง เป็นเหนือ เป็นใต้ เป็นอะไรก็ตาม ในที่สุดมันก็ยังเห็นแก่ในหลวง มันเป็นจุดศูนย์กลางที่เหนียวแน่นอยู่อย่างนี้ นี่เขาเรียกว่า มีประโยชน์ที่สุดนะ นี้เป็นความมั่นคงของชนชาติไทย ของประเทศไทย นี่เหมือนเราพลอยได้รับประโยชน์กันทุกคน ความที่มันไม่แตกแยกกัน มีความสำคัญมากแหละ คือจะต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว อย่าให้มันแตกแยกออกไปจากกันได้ เวลานี้เรามีในหลวง
ทีนี้มีข้อพิเศษที่จะต้องสังเกต โดยเฉพาะในหลวงองค์ปัจจุบันนั้น พยายามสร้างความเจริญให้ประชาชน ที่ล้าหลัง ที่ไม่ก้าวหน้า ให้ก้าวหน้า ถึงบางอย่างรัฐบาลก็ยังทำไม่ได้ แต่ในหลวงทำได้ แบบนี้ก็ยังมี คือมีเวลามาก มีเวลาว่างมาก ไปช่วยพัฒนาบ้านเมืองที่นั่น ที่นี่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำตลอดเวลา แล้วก็มากมาย ถ้าประมวลออกมาแล้ว ก็มากมาย ความเจริญ บ้านเมืองเกิดขึ้น เพราะความขวนขวายของในหลวงมีมาก นี่เขาเรียกว่า เราต้องรับรู้ ต้องเห็นใจในบุคคลผู้ประกอบกรรมดี เป็นประโยชน์สูงสุด และกว้างขวาง เราจึงนิ่งอยู่ไม่ได้ เรียกว่าทนอยู่ไม่ได้ เพราะความรับรู้ในบุญคุณก็ดี ในประโยชน์ก็ตาม
นี่เป็นธรรม การแสดงออกมาให้ปรากฏ ตามแบบ ตามขนบธรรมประเพณี หรือตามทางธรรม เป็นเรื่องทางจิตใจ อย่าไป อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรมากนัก ขอให้ตั้งใจ โดยจิตใจถวายบุญกุศล ที่เราได้กระทำนี้ ให้แก่บุคคลผู้เป็นพุทธศาสนูปถัมภก เป็นพระ เป็นบรรพชิตก็ดี เป็นชาวบ้าน เป็นอุบาสก อุบาสิกาก็ดี อุทิศส่วนกุศลที่ได้ทำมาตลอดเวลา หรือ ในวันนี้ก็ตาม ให้เป็นประโยชน์สุขแก่ในหลวง เขาเรียกว่า เป็นพลวปัจจัย คือเป็นปัจจัยที่มีกำลัง ในทางจิตใจในทางนามธรรม เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข แก่บุคคลผู้ประกอบคุณงามความดี เพื่อประเทศชาติ
เรื่องการเป็นพระราชา หรือเป็นพระเจ้าแผ่นดินนี่ มันมีเรื่องมาก แต่ว่าคนเขาไม่ค่อยสนใจกัน เรียกว่า ทศพิธราชธรรม 10 ประการ ใครประกอบด้วยธรรม 10 ประการ แล้วก็เป็นพระราชาสูงสุด สมบูรณ์ ในสมัยพุทธกาลคงจะมี พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสข้อนี้ ที่เรียกว่า ทศพิธราชธรรมสำหรับพระราชาที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์ พิจารณาแล้วเห็นได้ว่า เมืองไทยมันโชคดี ที่ได้มีในหลวงองค์ปัจจุบัน ที่มีทศพิธราชธรรม จะสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ เราจะไม่วินิจฉัย คือ มันเป็นการยาก วินิจฉัยยาก แต่เอาที่ปรากฏชัด ๆ แล้วก็มี มีทศพิธราชธรรม 10 ประการ เป็นบาลีว่า ทานัง สีลัง ปริจจาคัง อาชชวัง มัททวัง ตปัง อักโกธัง อวิหิงสัญจะ ขันติญจะ อวิโรธนัง นี่ 10 ประการนี้ เขาเรียกว่า ทศพิธราชธรรม ข้อที่หนึ่ง มีทาน การให้ ให้ปัน ให้อะไรก็ตามใจ ช่วยเหลืออะไรก็ตามใจ ในหลวงองค์นี้มีมากที่สุด ข้อที่สอง สีลัง คือ ประพฤติชอบ มีศีล ก็มี เรียกว่า มีศีล เป็นที่น่าพอใจ ปริจจาคัง บริจาค หมายถึงบริจาค ในทางฝ่ายนามธรรม เช่น บริจาคความตระหนี่ บริจาคกิเลสใดๆ ที่ไม่ควรจะมีอยู่ในจิตใจ บริจาคไป เสร็จแล้วพยายามที่สุด ที่จะบริจาคความรู้สึกที่เป็นกิเลส นี่ก็มี อาชชวัง แปลว่า ความตรง มัททวัง ความอ่อนโยน อันนี้เป็นคู่กัน อาชชวัง มัททวัง เป็นผู้ตรง ผู้ซื่อตรงและตรง ในหลวงองค์ก็ได้รับการรับรองจากประชาชน ว่าเป็นผู้ตรง และอ่อนโยน มัททวังแปลว่า อ่อนโยน นิ่มนวล อ่อนโยน ไม่กระด้าง แล้วตปัง แปลว่า ตบะ ภาษาไทยหมายถึง อำนาจวาสนา แต่บาลีหมายถึง กำลังจิต สำหรับทำจิตให้สำเร็จประโยชน์ เขาเรียกว่า ความเพียร ถ้าดูในด้านตบะ ที่มีอำนาจ ในหลวงนี้ก็มี มีมาก มีคนรักมีคนกลัวมาก ถ้าพูดตบะในทางความเพียรก็มีมาก อ่านข่าวต่าง ๆ แล้วรู้สึกเหนื่อยแทน แต่ความพากเพียรอย่างยิ่ง พออ่านข่าวหนังสือพิมพ์แล้ว รู้สึกว่าเหนื่อยแทน ซึ่งหมายความว่ามีตบะ อักโกธัง อวิหิงสัญจะ อักโกธังนี่ไม่โกรธ ตามที่เห็นกันอยู่ ปรากฏกันอยู่ ได้ยินได้บอกเล่ากันอยู่ เป็นคนที่บังคับความโกรธได้ดีมาก ในหลวงองค์ปัจจุบันนี้ ยากที่จะแสดงความโกรธให้ปรากฏ เรียกว่า อักโกธัง แล้วอวิหิงสัญ อวิหิงสัญ ไม่เบียดเบียน ไม่แกล้ง ไม่ทำใครให้ลำบาก โดยเจตนาหรือโดยไม่เจตนา อวิหิงสัญ อหิงสา อวิหิงสัญ ความไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้ลำบาก ขันติญ ขันติญจะ คือ มีขันติ อดทนอย่างยิ่ง มีความอดทน เรียกว่า อดทนหลายอย่าง ถ้าใครรู้เรื่องภายใน รู้เรื่องเกี่ยวกับการเมืองการอะไร ในหลวงอดทนกว่าเรา กว่าเรามากแหละ คือถ้าไม่อดทน มันเกิดเรื่อง ต้องอดทนไม่ให้เกิดเรื่อง ข้อสุดท้าย อวิโรธนัง ไม่มีอะไรจะพิรุธ ข้อสุดท้ายว่า อวิโรธนัง คนมักจะแปลว่าไม่โกรธ ซึ่งมันไปซ้ำกับ อักโกธัง หรือว่าไม่เบียดเบียน มันไปซ้ำกับอวิหิงสา ผมถือว่าคำนี้แปลว่า ไม่มีพิรุธ ไม่มีอะไรพิรุธหรือวิปริต ไม่มีความวิปริตพิรุธทางกาย ทางวาจา ทางจิต นี่เรียกว่า อวิโรธนัง หมายความว่าไม่มีอะไรที่เป็นช่องให้เขามาตำหนิได้ ทางกาย วาจา ใจ ก็มันครบ จึงประกอบด้วยทศพิธราชธรรมครบ ไม่ต้องมีใครชวน ไม่ต้องมีใครอะไร เราก็รู้สึกพอใจ เลื่อมใส เข้ารูปกับบาลี อัคคัญญสูตร นี่ก็เรื่องเกิดราชา คือคำว่า ราชา ราชา มาจากปากของประชาชน พอใจ พอใจ พอใจ คำว่า ราชา แปลว่า พอใจ ยินดี ยินดี คือ พอใจ พอใจ พอใจ
เมื่อคุณได้รู้ได้ทราบได้ถึงคุณสมบัติของบุคคลนั่นแล้ว ปากมันพลั้งออกมาเองว่า พอใจโว้ย พอใจ พอใจ คำนั่นแหละ คือว่า ราชา ราชา ผู้ที่ได้ศึกษาถึงการเสียสละ การกระทำอะไรของในหลวงองค์ปัจจุบันแล้วจะต้องออกปากว่า พอใจ พอใจ พอใจกันทุกคน ผมก็รู้สึกแบบนั้น จึงชักชวนกันมาวันนี้ สวดมนต์ ภาวนา ตั้งจิตใจอุทิศส่วนกุศล เป็นเครื่องบูชาคุณก็ได้ หรือเป็นเครื่องถวายพระพรก็ได้ หรือว่าอุทิศให้เป็นประโยชน์ความสุขเกื้อกูลสวัสดีมงคลก็ได้ ผมจึงได้ชี้แจงให้ทุก ๆ คนนี้ เข้าใจและซึมซาบในคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ของท่านเสียก่อน แล้วมันก็จะได้มีจิตใจโดยแท้จริงที่จะสวดมนต์ จะบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลได้จริงด้วยกัน
ถ้าไม่รู้เรื่องอะไร เกณฑ์ให้มาสวดมนต์ มันก็ทำเพ้อ ๆ ไป แล้วก็ชี้แจงให้เห็น ว่ามันมีอยู่จริง มันก็ทำด้วยความรู้สึกที่แท้จริง ที่ภายในใจได้ จึงขอให้ทุกคน ทำด้วยใจ คือเข้าใจถึงเรื่องที่เราจะทำ เหตุผลที่เราจะทำ แล้วหน้าที่ที่เราจะต้องทำ เพื่อจะไม่เป็นคนอกตัญญู มันรู้สึกอยู่ในบุญคุณของบุคคล ผู้ที่มีการกระทำ เราก็ทนกันไม่ได้ เราก็ช่วยกันแสดงความรู้สึกให้ปรากฏนี้ แล้วก็เป็นการตอบแทนด้วยการกระทำอันนี้ เมื่อไม่มีอะไรที่เป็นวัตถุสิ่งของ หรือไม่มีอะไรที่จะทำเป็นการตอบแทนได้ ก็ทำด้วยความรู้สึกแห่งจิตใจ จึงหวังว่าทุกคนจะได้มีจิตใจที่ถูกต้อง เหมาะสมกับเรื่อง แล้วก็ทำ
สำหรับพระสงฆ์นี่ ขอให้สวดพระพุทธมนต์ตามแบบ ตามประเพณี ด้วยจิตใจที่อ้างคุณของพระรัตนตรัย อุทิศเพื่อประโยชน์เกื้อกูล แก่บุคคลที่เป็นพุทธศาสนูปถัมภก อุบาสิกาก็เหมือนกันแหละ จะทำ จะรับศีล จะทำทาน จะทำบุญอะไรก็ วันนี้กลายเป็นทำเพื่ออุทิศส่วนกุศล แก่บุคคลที่เป็นพุทธศาสนูปถัมภก คือ ในหลวง เหมือนกับว่าเราทำบุญตายาย เราทำอะไรในวันนั้น ตามอุทิศตายายล้วนหมดเลย แล้วก็มีวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ สองสามวันนี้ ทำบุญอะไรก็ขอให้ช่วยกันอุทิศส่วนกุศล แก่บุคคลที่เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ศาสนา แล้วมันก็ทั่วโลกแหละ เพราะว่าศาสนานี่มันมีประโยชน์อิทธิพล แพร่ไปทั่วโลก ฉะนั้นใครที่ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ศาสนา มันก็เหมือนทำประโยชน์ทั่วโลกแหละ นั่นเป็นควรสิ่งที่เอามาใส่ใจ รับรู้ แล้วพยายามแสดงความรู้สึกออกมา ให้เหมาะสมกันทีเดียว นี่จึงได้ชวนมา ทำพิธีเรียกว่า ตามประสาคนยาก เรามันกลัวยากจน แล้วก็ทำไปตามประสายาก
ภิกษุทั้งหลายก็ช่วยกันสวดมนต์ อุบาสิกาทั้งหลายก็ช่วยกันสวดมนต์ แล้วก็ในที่สุด แล้วก็ตั้งจิตอุทิศส่วนกุศล เป็นเวลา หนึ่งนาที สองนาที สามนาที ตามที่จะทำได้ สุดความสามารถของเรา ไม่มีข้อติเตียนอันใด เพราะเราทำสุดความสามารถ ไม่ต้องรับผิดชอบอย่างอื่น เพราะเราได้ทำสุดความสามารถ นี่คือเรื่องที่จะพูด ที่จำเป็นจะต้องพูด ให้เข้าใจในเรื่องที่จะทำ เมื่อเข้าใจในเรื่องที่จะทำแล้วก็ทำได้ดี ทำได้สำเร็จประโยชน์ จนกว่าเหมาะสมที่จะทำ ที่ดำเนินการกระทำต่อไป หากจะรับศีลก็รับศีล แล้วอาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตรก็อาราธนา จะรับศีลก็ได้ ไมโครโฟนควรจะมี 2 ตัว ไม่เช่นนั้นเสียงมันขาด ให้ศีล จะนั่งสวดมนต์อยู่บนนี้เลยเหรอ เอาคนที่จำได้แม่น ๆ มานั่งตรงกลาง