แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
สามเณรทั้งหลาย เราขอแสดงความยินดี ในการกระทำของเธอทั้งหลาย คือ การบวชในระหว่างปิดภาคเรียน เพื่อแสวงหาความรู้ อีกส่วนหนึ่ง เพื่อประกอบการจัดการเรียนพื้นฐานทั่วไป ให้สำเร็จประโยชน์เต็มที่ ธรรมะนี้ประหลาด ช่วยให้ทำงานไม่เหนื่อย ช่วยให้ทำงานสนุก ส่วนหนึ่ง มีความรู้ทางธรรมะแล้วไอ้การเล่าเรียนทั่ว ๆ ไป มันก็เกิดสนุก มันจะไม่เหนื่อย เพราะว่าไอ้การบวชนี้มันฝึกอย่างยิ่ง ในการอดกลั้น อดทน มีความเสียสละ เพราะว่าเป็นสามเณรที่ถูกต้อง ที่ดี ก็จะต้องผ่านการฝึกฝน ฝึกร่างกาย ฝึกจิตใจ ให้มีความอดกลั้นอดทน นี่มันดีอย่างนี้ มันก็เข็มแข็ง ไม่เหลวไหล ไม่โลเล แม้ว่าเราจะไม่บวชตลอดไป ไอ้ความรู้หรือการอบรมที่ได้รับในระหว่างบวชนี้ก็ยังมีประโยชน์อีกนั่นแหละ เพราะว่ามันบวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง มันก็จะได้รับประโยชน์ ฝึกฝนให้เข้มแข็งน่ะ ประโยชน์ที่สุดเลย และก็รู้อะไรอีกมากมาย ในการที่เราจะต้องเรียน โดยเฉพาะ ...(2.58)สะเพร่า นี้ก็เกิดกิเลส เมื่อเกิดกิเลสก็เกิดความทุกข์ จึงสอนไม่ให้สะเพร่า แต่ละวัน แต่ละวันนี้ ไม่มีการสะเพร่า ในการรู้สึกตัว ตั้งใจระวัง สังวร ตลอดเวลา ทั้งวันและก็ทั้งคืนด้วย จะนอนจะตื่นนอน จะไปบิณฑบาต จะฉันอาหาร จะมีวัตรปฏิบัติทั้งหลายอีก จนกว่าจะสวดมนต์ไหว้พระ จนกว่าจะนอนอีก ก็เริ่มจะมีสติสัมปชัญญะ ฝึกจิตต่อกัน ไม่ใช่ทำตามสบาย สบาย เหมือนที่แล้ว ๆ มา ในตอนนั้น เราปล่อยไปตามเรื่อง มันก็กระจัดกระจายหมด เดี๋ยวนี้เราไม่ปล่อยไปตามเรื่อง เราควบคุมเป็นระเบียบ ทำให้จำได้ดี จำได้แม่นยำ สามารถจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ สามารถจะมีสติท่องจำ ท่องจำ ไม่ใช่สะเพร่า โลเลเหลวไหล ทำให้เกิดกิเลส และก็ให้เกิดความทุกข์ ให้เกิดความทุกข์ ถ้าปล่อยไปทางสะเพร่าเหลวไหล มันก็มีเรื่องที่จะต้องเกิดกิเลส และมันต้องเกิดความทุกข์เป็นธรรมดา มาเรียนกันเสียแต่เล็ก ๆ อย่างนี้จะได้รู้ ถ้าถึงเวลาใหญ่โตไปข้างหน้า ไม่ให้ปล่อยไปตามความรู้สึกของกิเลส คือ ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวมัน ก็ไม่ทำอะไรถูกต้อง ก็ขอให้มันเป็นเรื่องไม่เห็นแก่ตัว ถ้าไม่เห็นแก่ตัว จะเห็นแก่อะไร จะมีปัญหา ถ้าไม่เห็นแก่ตัว ก็เห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่ผู้อื่น เห็นแก่ธรรมะ ถ้าเห็นแก่ตัว ก็เห็นแก่กิเลส เห็นแก่ตัว จะเห็นแก่กิเลส ถ้าไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ธรรมะ เห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่ผู้อื่น เห็นแก่ประเทศชาติ เห็นแก่โลก เห็นแก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าไม่เห็นแก่ตัว ถ้าเห็นแก่ตัว มันเห็นแก่กิเลสของตัว เห็นแก่ความสนุกสนาน เอร็ดอร่อยของตัวเท่านั้น มันสะสมมามาก ติดร่างมานานนักแรง มาแกะออกกันเสียที มาละลายความเห็นแก่ตัวนี้ออกไปเสียที คนเห็นแก่ตัว ก็ขี้เกียจ อยากจะนอน อยากจะเอาตามสบาย ตามความเห็นแก่ตัว มันก็ขี้เกียจ มันก็ไม่ทำงาน มันก็จะกิน มันก็ยึดติด คนเห็นแก่ตัวนี้ก็ขี้เกียจ ขี้เกียจมันก็จะกิน คนเห็นแก่ตัว มันคดโกง มันหลอกลวง จะเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ฟุ่มเฟือย ใช้อะไรฟุ่มเฟือย นี่ขอให้ทบทวนดูว่าเคยมีหรือเปล่าพวกเรา เคยมีหรือ ความขี้เกียจ ความไม่สามัคคี ความเห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา เอาเปรียบคดโกง กระทั่งว่าเป็นอันธพาล ในที่สุด ขโมย เป็นขโมย และยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความถูกต้อง ไม่เห็นแก่ธรรมะ ไม่เห็นแก่ผู้อื่น เพราะฉะนั้น ในระหว่างที่บวชอยู่นี้ ขอให้ฝึกเต็มที่ ถึงที่สุด เห็นแก่ความถูกต้อง รักษาความถูกต้องไว้ตลอดเวลา จะลำบากบ้าง ก็อดกลั้น อดทน อย่าไปทำให้เสียความถูกต้อง หรือเสียธรรมะ รักษาธรรมะ ยอมลำบาก ยอมอะไรทุกๆ อย่าง เพื่อเอาธรรมะไว้ ทำอย่างนี้แหละ ก็จะเรียกว่า บวชจริง บวชจริง บวชจริง ถือว่ามีการเรียนจริง ปฏิบัติจริง ตั้งใจที่จะบรรลุธรรมะที่สูงขึ้นไปจริง ๆ ทำตนให้เป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ มันก็ต้องควบคุมมาก ควบคุม ควบคุมความรู้สึก ควบคุมสติสัมปชัญญะ ละอายบาป เกลียดกลัวความชั่ว ความทุกข์ อีกด้านก็มีประโยชน์เหลือแสน อย่าให้มันเป็นเรื่องละเมอ ละเมอ บวชเข้ามาอย่างละเมอ ถ้าอย่างนั้นนะมันไม่ได้บุญคุ้มค่า คนจัดให้บวชก็เหนื่อยเปล่า ถ้ามันไม่ได้ ไม่ได้ผลคุ้มค่า ทุ่มเทพยายามให้มันสำเร็จตามวัตถุประสงค์ มุ่งหมายให้มันคุ้มค่ากัน เจริญก้าวหน้า ก้าวหน้า ดีขึ้นกว่าเดิม ดีขึ้นกว่าเดิม ทุกๆ อย่างทุกประการ ทุกอย่างทุกประการ เห็นได้ชัดว่าดีขึ้นกว่าเดิม สติสัมปชัญญะจะมากกว่าเดิม ปัญญาจะมากกว่าเดิม บังคับจิตใจให้มันได้มากกว่าเดิม อดกลั้นอดทนจนมากกว่าเดิม รวมความแล้วมันมีความถูกต้อง ถูกต้องมากกว่าเดิม ก็เลยได้ผลคุ้มค่า คุ้มค่าในการที่บวช คุ้มค่าผ้าเหลือง คุ้มค่าความลำบาก ที่ต้องจับต้องทำคุ้มค่าเหนื่อย คุ้มค่าอะไรหมด เพราะว่าได้ธรรมะ มันเป็นความรู้แห่งจิตใจ เป็นความงามความเจริญ ในเรื่องร่างกาย เรื่องวาจา เรื่องการเป็นอยู่ทั่วๆ ไป เรียกว่าพัฒนาทั้งทางกาย พัฒนาทั้งทางจิตใจ นี่ก็ขอให้จดจำเอาไว้ให้ดีตลอดชีวิตเลย ไม่ใช่ว่าลาสิกขาออก ก็เลิกกัน เลิกกัน ทำอย่างนี้นี่มันถึงไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มค่าค่าเลี้ยง ไม่คุ้มค่าที่ได้เสียสละ ที่ตั้งใจให้มันคุ้มค่า คุ้มค่า ให้ทุกๆ อย่างมันคุ้มค่า
สามเณระ สามเณร นี่แปลว่า เหล่ากอของสมณะ คือ ผู้ที่จะเป็นสมณะในอนาคต ท่านก็เหมือนกับลูกอ่อน ยังอ่อนอยู่ ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนแก่ เรียกว่าเหล่ากอของสมณะ สามเณรยังเล็กอยู่ ยังเป็นสมณะเพียงเด็ก ๆ เพื่อได้เป็นสมณะถึงที่สุดในโอกาสข้างหน้า จึงเตรียมตัวให้ถูกต้อง ให้ดีให้เหมาะสม ที่ว่าจะเป็นสมณะที่ถูกต้อง สมบูรณ์ ในโอกาสข้างหน้า เป็นสมณะ ก็มีความสงบสุข กระจายออกไป ก็เป็นความสะอาด บริสุทธิ์ เป็นความสว่างแจ่มแจ้ง ไม่โง่เขลา เป็นความสงบเย็น สงบเย็น ไม่เร่าร้อน มันก็เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายเลย เราเองก็สงบเย็น นี่ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น นี่คือประโยชน์ ที่จะได้รับจากการบรรพชา จึงขอให้ฝึกให้มาก ๆ ให้มีความสะอาดที่ไม่ผิด ไม่ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรผิด ความสว่างที่ไม่โง่ ไม่โง่ คือรู้ว่า จะต้องทำอะไร จะต้องทำอย่างไร ทำทำไม ทำให้มันเกิดที่เรียกว่า สว่าง ไม่โง่ สงบเย็น สงบเย็น ไม่มีเร่าร้อน ราคะหรือโทสะหรือโมหะอย่างนี้ ก็เป็นเหล่ากอของสมณะ หรือเป็นสามเณร คือถ้าผิดจากนี้ก็เป็นสามลิง สามลิง เป็นสามลิง ลิงกัง ไม่ใช่สามเณร จงระวังให้ดี ระวังให้ดี ถ้าไม่ระวังให้ดีก็เป็นสามลิง โดยไม่ทันรู้ตัว ก็คอยสำรวมระวังอยู่เสมอ ก็จะเป็นสามเณร สามเณระ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ยิ่งๆ ขึ้นไป และก็เป็นสมณะในโอกาสข้างหน้า เป็นประโยชน์สูงสุด ในการที่ได้เกิดมาชาติหนึ่ง ได้ประโยชน์เต็มที่ ไม่เสียชาติเกิด เมื่อได้สิ่งที่ไม่เสียชาติเกิด นับว่าได้สูงสุดแล้ว คงจะพอใจแล้ว แต่ถ้าทำไม่ดี ไม่มีใครรับประกัน และบางทีก็เสียชาติเกิด ก็จริงๆ ด้วย คือดูแล้วไม่เห็นมีประโยชน์อะไร ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร มีแต่ความหมดเปลืองของผู้อื่น ของคนที่จะต้องช่วยเหลือ และบางทีก็ทำให้พ่อแม่นั่นแหละเดือดร้อน พ่อแม่ไม่สมหวังที่หวังว่าจะให้ได้ลูกเป็นที่พึ่ง เมื่อเป็นที่พึ่งไม่ได้มันก็ไม่สมหวัง ไม่ได้เกิดมาเพื่อโปรดบิดามารดา เพราะว่ามันเป็นคนที่ทำผิดเสียหมด ทำผิดเสียหมด ไม่ได้มีความดีความงาม ความถูกต้อง ความจริงจังความอะไรสำหรับจะเป็นหลักเกณฑ์ ไม่ได้โปรดบิดามารดา หรือว่าความพออกพอใจ ชื่นชมยินดี เธอศึกษาให้มากที่สุด เมื่อรู้แล้วก็จะได้ช่วยทำบิดามารดาให้มีความพอใจ พอใจ พอใจ ในการที่มีลูกคนนี้มาก พอใจ พอใจ นี่เรียกว่าได้รับ ได้โปรดบิดามารดา ถ้าเก่งกว่านั้น ก็ศึกษาให้มาก ศึกษาจนบรรลุมรรคผล มันก็ไปโปรดบิดามารดาให้บรรลุมรรคผลด้วย นี่สูงสุด สูงสุด เป็นการตอบแทนพระคุณสูงสุด เป็นการทำประโยชน์ให้แก่โลกนี้สูงสุด สูงสุด ถ้าเราบวช เราต้องทำให้ได้อย่างนี้ ไม่อย่างนั้นมันไม่คุ้มค่า เสียประโยชน์ เปล่าๆ เสียเงินเท่าไหร่ก็ดี เสียเวลาเท่าไหร่ เสียข้าวของเท่าไหร่ เหน็ดเหนื่อยกันเท่าไหร่ ตรงไหนที่มันคุ้มค่า ที่มันคุ้มค่าแก่ทุกคน แก่ทุกคน ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เป็นสัญญากัน แต่เธอก็ต้องรับผิดชอบ โดยความยุติธรรมของธรรมชาติ เธอจะต้องทำให้เกิดผลคุ้มค่า คุ้มค่า ในการที่ได้ทำนี้ ก็ไม่มีอะไรอื่นที่จะพูด นอกจากว่าให้ได้เป็นสามเณรที่แท้จริง เป็นประโยชน์แก่พระศาสนา และต่อไปก็เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ แก่ประเทศชาติ หรือแก่โลก ให้โลกนี้มันมีความสงบเย็นอีก ให้อันธพาลมันลดลง ให้อาชญากรรม อาชญากรทั้งหลาย มันลดลง ลดลง ลดลง ก็มีแต่คนที่ถูกต้อง มีความดี มีความงาม มีความถูกต้อง นี่เรียกว่าคนดีมันเพิ่มขึ้น คนไม่ดีมันลดลง เพียงเท่านี้ก็ช่วยโลกเหลือประมาณแล้ว พยายามศึกษาธรรมะ ให้เอาตัวให้รอด ให้ชนะกิเลสและความทุกข์ ก็ต้องไปหาโอกาสสอนกันต่อไป ต่อไป อย่าเป็นเด็กโง่ ๆ เอาผ้าเหลืองมาคลุม แล้วโลด ๆ เต้น ๆ พักหนึ่ง แล้วก็เลิก ก็สึกไปเหมือนเดิม เป็นสามลิง อย่างนี้ไม่ไหว มันต้องฉลาดยิ่งกว่าเดิม ให้รู้ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า มีความถูกต้อง มีความสงบเย็นแห่งจิตใจ สุภาพยิ่งกว่าเดิม
เอาล่ะ เราเห็นว่าเพียงเท่านี้มันก็พอแล้ว ขอให้เธอบวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง มีทุกสิ่งที่เป็นความดีความงามเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น อย่าพูดมากนัก บางคนมันก็โกรธแล้ว มันไม่อยากจะฟังแล้ว เราก็จะยุติ ก็ขอแสดงความหวังว่า ให้เธอเสียสละ เสียสละ เสียสละ ปฏิบัติถูกต้องให้ตามกฎเกณฑ์ของการบวช ด้วยการควบคุมของ ควบคุมของอาจารย์ ของอะไรทุกอย่าง ให้ได้ดีกว่าเก่าขึ้นสิบเท่า ยี่สิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่า ด้วยกันกันทุก ๆ คนเทอญ (สาธุ) ขอยุติการบรรยาย