แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
สามเณรทั้งหลาย เราขอแสดงความยินดี ที่ได้มีการกระทำอย่างนี้ ที่ให้พวกเธอได้บวช และมีความยินดีที่จะช่วยเหลือ ให้ความรู้ ความเข้าใจตามที่มี ตามที่ควรจะมี เพื่อให้การบวชของเธอสำเร็จประโยชน์ เป็นการบวชที่สำเร็จประโยชน์ ไม่ใช่บวช บ้าๆ เห่อๆ ซึ่งก็มีอยู่เหมือนกัน การบวช บ้าๆ เห่อๆ โฆษณา ขอให้มันเป็นการบวชที่ถูกต้อง ตามความมุ่งหมาย เรามองดูกันถึงธรรมเนียมของคนไทย ว่าพอครบบวช ก็ต้องบวช บวชแล้วค่อยไปแต่งงาน ไปสมรส เป็นพ่อบ้าน แม่เรือน อย่างนี้มันดี คือมันมีความรู้ เรื่องความเป็นคนที่ดีกว่าความเป็นหมา มันรู้เรื่องความเป็นคน ว่าจะต้องเป็นกันอย่างไรให้ถูกต้อง มันจะได้เป็นพ่อบ้านที่ดี และเรื่องมันก็เรียบร้อย โบราณกาลมาแล้วเราก็ได้ยินได้ฟังมาแล้วว่า ในประเทศอินเดีย ที่เป็น
ต้นตอของวัฒนธรรม เขาก็มีการอบรมเด็กหรือคนหนุ่มให้สมบูรณ์ด้วยความรู้ที่จะเป็นผู้ครองเรือนก่อนเหมือนกัน จึงได้แบ่งวัย ที่เรียกว่า อาศรม อาศรม ออกเป็น ๔ ขั้นตอน อาศรมแรก เรียกว่า พรหมจารีย์ ประพฤติพรหมจรรย์ พอแล้วก็ไปเป็นคฤหัสถ์ครองเรือน เสร็จแล้ว ถ้าพอแล้วก็เป็นวรรณะปลัด (นาทีที่ 03:28) อยู่ป่าหาความสงบ ถ้าเก่งกล้าสามารถกว่านั้นก็เที่ยวสั่งสอน มันเลยเป็นมนุษย์ที่เต็ม มนุษย์เกิดมาคนหนึ่งเป็นมนุษย์ที่เต็ม ได้ปฏิบัติหน้าที่ ทุกขั้นตอนทุกอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ มันเป็นมนุษย์ที่เต็ม มันได้เป็นพรมจารีย์ ศึกษาบังคับจิต บังคับให้อยุ่ในอำนาจสมควรแก่ผู้ที่จะเป็นผู้ครองเรือน และก็ครองเรือนเสร็จแล้วก็หาความสงบ เสร็จแล้วก็เที่ยวสั่งสอน มันเป็นมนุษย์ที่เต็ม หน้าเลื่อมใส คนสมัยนี้มันโง่ มันไม่เข้าใจ มันไม่พอใจที่จะทำอย่างนั้น ฉะนั้นขอให้เธอรู้ไว้เถอะว่าเป็นการดี เราจะได้ฝึกฝนให้ครบถ้วน เรียนอย่างในโรงเรียนมันก็เรื่องหนึ่ง หากบวชเป็นเณร เป็นพระนั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่งต่างหาก มันต้องได้ครบทั้งสองเรื่อง ทีนี้เมื่อมีโอกาสจะบวชเณร เราก็บวชกันเสียทีก็ดีเหมือนกัน จะได้ฝึกฝนส่วนที่มันเป็นเณร ฝึกฝนส่วนที่มันสูงกว่าความเป็นเด็กหรือความเป็นคฤหัสถ์ที่ไม่ได้บวช ขอให้สนใจปฏิบัติตามระเบียบ ตามกติกา ที่ครูบาอาจารย์เขาวางไว้ให้ว่าจะปฏิบัติอย่างไร การปฏิบัติทั้งหมดนั้นมันช่วยให้เกิดความเข็มแข็ง เกิดความอดกลั้น อดทน เป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย เป็นคนบังคับจิตได้ มีน้ำใจนักกีฬา ให้มันสมบูรณ์ที่มันเป็นคนที่ดีกว่าหมา ขอยืนยันอย่างนี้ ให้มันมีความรู้สำหรับมนุษย์ให้มันเป็นคนซื่อตรงต่อความเป็นมนุษย์ รับผิดชอบในหน้าที่ ไม่หลบหลีก และก็มีน้ำใจนักกีฬาอดทน อดกลั้น ไม่ใช่มีอะไรหน่อยก็ชก เป็นสามลิง มีบ่อยๆมันชกต่อยกัน บางทีมันเอากับพระด้วยพระไม่รู้จักอาย เป็นสามลิงมันเป็นอย่างนี้ ฉะนั้นขอให้มีความพยายามอยู่ในระเบียบ อยู่ในวินัย และในอะไรต่างๆให้มันพอเป็น สามเณร กว่าจะจบสามเณรมันก็พอละ มันก็พอที่จะเป็นพ่อบ้าน แม่เรือนที่ดีต่อไปได้
เราได้การอบรมอย่างนี้มา ทั้งที่ไม่เคยบวชเป็นเณร บวชเป็นพระเลย แต่ว่าเราได้เข้ามหาวิทยาลัยของเด็กวัด เราเป็นเด็กวัดอยู่เป็นปีเศษ เป็นเด็กวัดซึ่งมีความรู้ที่วิเศษที่พวกเธอไม่ได้พบได้เห็น เด็กสมัยนี้ไม่ได้พบได้เห็น มันโง่จนเป็นเณร มันไม่เคยผ่าน มหาวิทยาลัยเด็กวัด จะขอเล่าให้ฟัง เป็นสิ่งมีประโยชน์ เด็กวัดนี่ต้องฝึกความอดกลั้น อดทน น้ำใจนักกีฬา ความเป็นระเบียบ ความเอาใจใส่ ในหน้าที่ เป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อส่วนตัวและเพื่อส่วนรวม และเพื่ออะไรโดยที่ว่าไม่มีใครขอบใจ ทำอะไรโดยที่ไม่ต้องมีใคร ขอบใจ ทำไปเพื่อบูชาคุณ บูชาหน้าที่ บูชาพระพุทธเจ้า อย่าว่าจะได้รางวัลอะไรทั้งนั้น แม้แต่ขอบใจก็ไม่เคยได้รับ
จะเล่าให้ฟังจะได้หายโง่ บางอย่างทีเดียว ฟังให้ดีๆ ซึ่งเด็กวัดสมัยนี้ไม่มีให้ดูแล้ว ท้าทั้งหมดนี้ ไม่มีเด็กวัดชนิดนี้ ให้ดู ไม่เหมือนเด็กวัดที่หกสิบ เจ็ดสิบปีมาแล้ว สมัยที่เราเป็นเด็กวัดข้อแรก เด็กวัดจะต้องตื่นก่อนไก่ลงจากเล้านั่นแหละ ก่อนไก่ลงจากเล้าหมด ถ้าว่าไก่ลงจากเล้าหมดแล้ว ยังไม่ตื่น ยังนอนอยู่ เพื่อนก็มีสิทธิที่จะเอาน้ำมาเทรดลงไป ให้มันเปียกตลอดหัว ตลอดหูเลย โกธรไม่ได้ ให้อภัย น้ำใจนักกีฬา ว่าเรานี่มันนอนตื่นสายนี่ มีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งเราเชื่อว่าเณรสมัยนี้คงด่าแม่ไปเลย ให้เอาน้ำมารด มันก็สู้เด็กวัดก็ไม่ได้นา ทีนี้ถ้าว่ามันมีการแกล้งกัน มันมีเด็กวัดอื่น บางคนมันไปไล่ไก่ให้มันลงจากเล้า ก่อนถึงเวลาที่ไก่มันจะลง แต่มันไปไล่ไก่ให้ลง และมันก็อ้างเหตุว่าไก่ลงแล้ว ไอ้นี่ยังนอนอยู่ เอาน้ำมารด ตื่นขึ้นมาก็โกรธไม่ได้ ก็ให้อภัยน้ำใจนักกีฬา ไม่โกรธ ไม่ด่าแม่ ดีมั้ย ดีเท่าไหร่ เธอคิดดู มันรู้อยู่ชัดๆว่ามันแกล้งกัน มันยังไม่โกรธ มันยังให้อภัย นี่เด็กวัด เด็กวัดมันต้องมีน้ำใจนักกีฬาไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่อะไรนิดก็ด่า ก็ต่อยกัน อาจารย์ก็เฆี่ยนตายเลย มันต้องทำงาน มันต้องไปยกปิ่นโต อาหาร หม้อแกง ไปกันหมดเลย ไปไกลๆไปรวบรวมเอามา มาแล้วก็มาจัด มาทำทุกอย่าง จะต้องตั้งเสื่อ อาสนะ ตั้งถ้วย ชาม ตั้งน้ำ ตั้งอะไรทุกอย่างให้พร้อม เสร็จให้พระฉัน และก็คอยอยู่พร้อมหน้า เมื่อพระฉัน เด็กวัดทุกคนอยู่พร้อมหน้า แต่ทว่าเรียกชื่อเด็กบางคนไม่อยู่ก็ต้องให้รางวัลเป็นไม้เรียว เด็กวัดก็จะอยู่พร้อมหน้าเมื่อพระฉันมันจึงเป็นการฝึกให้มีระเบียบที่ดีที่สุด ให้เอาใจใส่ที่ดีที่สุด สมัยนี้เด็กเลวๆโง่ๆ มันไม่ได้สนใจ ครูบาอาจารย์เลย ฉันก็ฉันไปเสร็จเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขอให้รู้ว่ามันเป็นหน้าที่อย่างนั้น โดยเฉพาะระหว่างฉัน เอ่ยอะไรนิดก็ต้องได้ จนกว่าพระจะฉันเสร็จ พระฉันเสร็จก็ถึงคราวที่จะเอามาจัดกินกันเอง ก็ต้องทำอย่างมีระเบียบเรียบร้อย มันต้องจัดมาตามลำดับ ที่มันควรจะจัด และก็ต้องให้แมวกินก่อน แมวหลายตัวถาดใหญ่เลย ให้แมวกิน แมวต้องได้กิน ถูกต้อง ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องหาสิ่งที่แมวกิน ชอบกินให้จนได้ เด็กจะอดก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้แมวได้กินก่อน เพราะแมวมันไม่กินบางอย่าง แต่เด็กมันกินได้ ฉะนั้นสิ่งที่แมวกินได้ก็ต้องให้แมวกิน แมวต้องได้กิน ถ้าแมวกินเสร็จแล้ว เด็กๆจึงจะกิน แล้วมันก็กินกันอย่างที่เรียกว่ามีสมบัติผู้ดีมีน้ำใจนักกีฬา เด็กโตๆมันก็ไม่เอาเปรียบ มันก็ให้เด็กเล็กๆได้โอกาส ได้อะไรเสมอ เท่ากัน ถึงมันจะเกเรบ้าง มันก็ต้องอดทน อดกลั้น เด็กตัวโตที่มันจะกินปลาตัวเดียวคำเดียวได้ มันก็ไม่กินหรอก มันต้องแบ่งให้กินทั่วๆกัน มันต้องแสดงน้ำใจนักกีฬา เด็กใหญ่ก็ไม่แสดงอาการเอาเปรียบเด็กเล็ก ข่มขู่เด็กเล็ก เด็กเล็กก็ไม่ต้องทำให้เกิดเรื่อง บางทีก็ต้องอดกลั้น อดทนอยู่เหมือนกันเสร็จแล้วมันก็ต้องเก็บกวาดอย่างดี เรียบร้อย ไม่มีบกพร่อง ไม่ตกไม่แตก ไม่เสีย ไม่หาย
ทีนี้ก็เรียนหนังสือ อาจารย์สอนหนังสือมือข้างหนึ่งถือไม้เรียว มือข้างหนึ่งถือไม้เรียว ต้องถูกต้องตามที่อาจารย์เขาต้องการ ถ้าไม่ถูกต้องมันก็ได้ไม้เรียว มันจึงเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลาที่เรียน มีเหมือนกัน เณรช่วยสอนให้ เด็กโตช่วยสอนให้ เด็กเล็กเรียนทีหลัง แต่ก็เป็นระเบียบด้วยกันทั้งนั้น จนกว่าจะฉันเพล ก็ต้องปฏิบัติอย่างเดียวกันอีก เรียบร้อยตลอด ฉันเพลเสร็จแล้วก็เรียนต่อตอนบ่าย เรียนตอนบ่าย พอบ่ายจวนจะเย็น ไม่ทันจะเย็น ต้องเลิกเรียน ไปขุดดิน ทำเป็นร่อง ร่อง ร่อง มากๆ ปลูกมัน ปลูกมันเทศ ไว้กินกันเอง หรือไว้แจกชาวบ้านหรือแล้วแต่ แล้วก็ไปทำสวนครัวรอบสระ ปลูกพริก ปลูกมะเขือ โหระพา อะไรก็แล้วแต่ ที่มันจะเป็นสวนครัวประกอบการฉันในวัดได้ก็ต้องทำไป บางอย่างที่ต้องทำเพื่อเสบียงกัง เพื่อความสะดวกสบายความสมบูรณ์ อย่างนี้ก็ต้องทำ ทำจนเย็น จนเย็น จนกว่าจะอานน้ำ จนกว่าเลิกไปกินข้าวเย็นอะไรกัน แล้วมันก็มีหน้าที่ ตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็มอยู่เสมอ เด็กเล็กไม่ต้อง ตักไม่ได้ เพราะบ่อมันไกลแต่ว่าเด็กพอโตพอสมควรแล้ว ต้องตักน้ำมาใส่ตุ่มให้เต็มทุกตุ่ม พอเต็มทุกตุ่มก็หมดเวร คนนั้นหรือคู่นั้น เอาป้ายไม้ส่งให้คู่ถัดไปทำบัญชี ให้มาดูว่าฉันตักน้ำเต็มทุกตุ่มแล้ว ต่อไปนี้แกก็รับผิดชอบให้น้ำมีเต็มตุ่มจนถึงวันรุ่งขึ้น วันต่อไปอีกเป็นอย่างนี้ จะต้องช่วยเหลือพระเณรตามที่จะทำได้ ต้องหาดอก มาเสียบก้านมะพร้าวคอยถวายพระ จะทำวัตรสวดมนต์ก็ต้องทำวัตรสวดมนต์ หรือทำวัตรสวดมนต์เอง วันพฤหัสบดีต้องสวดมนต์ไหว้พระสัสดี ตามพิธีโบราณ ค่ำลงยังต้องช่วยกันบีบนวด เหยียบ อาจารย์ อาจารย์ก็ตอบแทนให้ด้วยการเล่าเรื่องเก่าๆ ฟังนิทานสนุกๆ จะได้ฟังรู้เรื่อง มีประโยชน์เหมือนกัน มีทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ มีทั้งเรื่องตลกขบขัน หยาบโลนก็ยังมี บางทีเรื่องที่ทำให้ฉลาด จนง่วงนอนจึงจะไปนอน แล้วก็ต้องตื่นก่อนไก่ลงจากเล้าทั้งหมดอย่างเดียวกันอีก เป็นวงจรอย่างนี้
เด็กวัดเราอยู่ต้องไหว้คนแก่ บางทีก็ฝืนความรู้สึกมากเหมือนกัน บางทีคนแก่คนนี้มันเป็นคนบ้าๆบอๆ เด็กๆก็ยังต้องไหว้ เพราะว่าเขาเป็นคนแก่ ระเบียบมันมีอยู่ว่าต้องไหว้คนแก่ ไม่ได้มียกเว้นอะไร มันก็ต้องไหว้ตั้งแต่คนที่รู้สึกว่าเป็นคนบ้าๆบอๆไม่ควรจะไหว้ก็ต้องไหว้ แล้วมันก็ต้องไหว้บ่อยๆเพราะว่าวัดของเรานี่มันเป็นทางผ่านจากตลาดไปทุ่งนา มันมีคนเดินมาก ถ้าคนแก่มาทั้งหญิงทั้งชาย มันต้องนั่งลงไหว้ยกมือไหว้ บางทีมันก็ต้องฝึกซ้อมมวยแต่มันไม่เคยปรากฏเลย มันอาจจะเป็นเพราะอบรมมาดี อย่างอื่นมันมีน้ำใจนักกีฬามันไม่มีมวยเลย ไม่เคยมีมวยวัด หรือมวยหมู่ อย่างที่เขาพูดกัน มันไม่มี มันไม่เคยมี ไม่เคยเห็น พูดใส่ความเปล่าๆ แต่เด็กนี้มันเกรง บางทีมันอาจจะมี หรือมันเป็นธรรมเนียมว่าไอ้คนเมืองนี้
เมืองไชยา นี้มันต้องเป็นมวย มันต้องหัดมวย อย่างน้อยมันก็ทำท่าทางมวยเป็นด้วยกันทั้งนั้น อาจารย์ของเรายังฝึกระเบียบบางอย่างซึ่งจะต้องรู้เอาเอง เช่น เอาดอกไม้ เช่นดอกจำปี จำปา ใส่พาน ให้มันเอาไปให้ บ้านที่เขาเรียกว่า บ้านเจ้า บ้านนาย บ้านผู้พิพากษา บ้านนายอำเภอ มันทำเกะกะ หรือทำสะดวกเรียบร้อยดี เรียบร้อยดี เขาสอบถามเจ้าของบ้าน ถ้ามันทำไม่เป็น มันบ้า มันป่าเถือน อะไร มันก็ต้องรับฟัง จัดการกันตามสมควรทีเดียว นี่ฝึกให้มันรู้ระเบียบให้มันทันสมัย ให้มันดีกว่าหมา ขอให้จำไว้ทุกคนเถอะว่าเด็กวัดนี้ มันต้องดีกว่าหมา สามเณรก็เหมือนกันแหละ พวกเธอได้ฝึกอย่างนี้มั้ย พวกเธอทุกคนได้เคยฝึกอย่างนี้มั้ย รู้จักเปล่านั่น รู้จักเปล่าไม่มีสักอย่างเดียว และมันจะผิดเท่าไหร่กับคนที่เข้ามหาวิทยาลัยเด็กวัด รับใช้สารพัดอย่าง ฉะนั้นถ้าไม่เข้ามหาวิทยาลัยเด็กวัด นี่จะไม่ได้เป็นตัวเป็นตนอย่างเดี๋ยวนี้ จะไม่ได้บวช จะไม่ได้เกิดสวนโมกข์ จะไม่ได้เกิดพุทธทาสขึ้นมาในโลก แต่เพราะฉันได้เข้ามหาวิทยาลัยเด็กวัดอย่างที่ได้เล่าให้ฟัง มีหลักสูตรให้ดีกว่าหมา ช่วยจำไว้เถอะ ใครยังไม่เข้า ไม่ได้ฝึกฝนอย่างนี้มันยังไม่ได้ดีกว่าหมา ให้มันบวชกี่ครั้ง กี่ครั้ง มันก็ยังไม่ได้ดีกว่าหมา ขอให้มันได้เข้ามหาวิทยาลัยให้ครบถ้วน อย่างที่ว่ามานี่ มหาวิทยาลัยเด็กวัด ฝึกฝนการรับใช้โลก รับใช้โลก การรับใช้โลกนะ ไม่ใช่การรับใช้อาจารย์นะ มันต้องคิดนึก ทุกอย่างทุกประการ ที่จะทำหน้าที่สูงสุดของความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันฝึกทำประโยชน์โดยไม่ต้องรับการตอบแทน อาจารย์ไม่เคยขอบใจ ไม่เคยบอกว่าขอบใจ ขอบใจ ถ้าให้ก็ให้ไม้เรียว ถ้าไม่ให้ไม้เรียวก็นิ่งนั่นแหละ ก็ทำ ต้องทำ ทำ ทำ ทำ ให้ถูกต้อง รับผิดชอบตัวเอง ไม่ได้รับคำว่าขอบใจ ไม่ได้รับรางวัลแม้แต่สตางค์เดียวก็ไม่มี นี่แหละดีเท่าไหร่ มันฝึกฝนการทำประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน พวกเธอนี้ยังไม่เคยไม่เคยได้ทำ ยังไม่เคยได้รับบทเรียนอย่างนี้ ยังขี้เกียจสันหลังยาว ยังขี้เกียจกวาดวัด ยังขี้เกียจที่จะช่วยกันจัดความเรียบร้อยอะไร เพราะไม่นิยมว่าทำงานให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับตอบแทนนั่นแหละสูงสุด ฉะนั้นระหว่างที่บวชอยู่นี้ ขอให้ทำทุกคนเถอะทำอย่างยิ่งในการจัดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด การบำเพ็ญประโยชน์ และไม่คิดที่จะรับแม้แต่คำว่า ขอบใจ ขอบใจจากอาจารย์ นี่มันจะน้อมไปหามหาวิทยาลัยเด็กวัดที่ทำให้คนดีกว่าหมา ช่วยจำไปด้วย ว่าจะต้องผ่านการอบรมฝึกฝนจิตใจ ทรมารจิตใจให้อยู่ในความถูกต้อง เป็นมนุษย์ที่ดี มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ด่า ไม่โกรธ ไม่โวยวายอะไร ก้มหน้าก้มตาทำแต่หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ เพราะว่าเป็นสิ่งสูงสุด คนโง่ๆไม่รู้หน้าที่ เบื่อหน้าที่
การทำหน้าที่นั้นเป็นสิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ ไอ้หน้าโง่มันไม่รู้จักคำว่าพระพุทธเจ้าท่านเคารพหน้าที่ และมันก็เกลียดหน้าที่ บิดพลิ้วหน้าที่ หลอกลวงหน้าที่ คดโกงหน้าที่ ถ้าไปศึกษาดู เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆท่านฉงนขึ้นมาว่า ต่อไปนี้จะเคารพใคร ทบทวนไปมาว่า ให้เคารพธรรมะคือหน้าที่ ท่านประกาศออกมาว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ต้องเคารพหน้าที่ เพราะท่านก็เคยเคารพ ก็เลยเคารพหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่จนตลอดอายุของท่าน ท่านต้องเดินนะ ไม่มีรถยนต์ มีแต่เกวียน มีแต่รถม้า มันเทียมด้วยสัตว์มีชีวิตท่านไม่นั่ง ไม่นั่งยานพาหนะที่มันเทียมด้วยสัตว์มีชีวิต ท่านก็ต้องเดิน ไม่มีรถยนต์ ต้องเดินเป็นโยชน์ โยชน์ และก็ยังจะด้วยเท้าเปล่าเสียด้วย และก็สอนไป ทำหน้าที่ครบวงจร
จะเล่าให้ฟังว่าครบวงจรอย่างไร ไอ้หน้าที่ ที่ครบวงจรนี่เขาก็เอามาสวดในบทบอก บอกวัตร ก่อนเริ่มทำวัตร ก่อนสวดมนต์ บอกวัตร หรือบอกท้ายสวดมนต์ ท่านอาจารย์กล่าวบทสวดมนต์ (นาทีที่ 23:05)
ว่าไปเรื่อยคือว่าพระพุทธเจ้าจะเล็งญาณส่องโลกทั่วไป ก่อนรุ่ง ก่อนสว่าง ก่อนรุ่ง ก่อนไก่ขัน ว่าวันนี้จะทำอะไรจะไปที่ไหน เพราะท่านก็ได้สังเกตเห็นว่าบ้านเมืองนี้มีอะไรที่ไหน ควรจะไปที่บ้านใคร ควรจะไปที่ไหน พบกับใคร แล้วจะโปรดใครอย่างไร ท่านกะแผนการไว้ตั้งแต่ก่อนสว่าง แล้วท่านก็ไป ไปพบกับคนนั้นน่ะ จะเป็นชาวนาก็ได้ ชาวสวนก็ได้ พ่อค้าก็ได้ ข้าราชการก็ได้ อะไรก็ได้ และท่านก็ได้ทำหน้าที่โปรดเขา โปรดเขาจนกระทั่งว่าเขาได้รับประโยชน์ ตอนเที่ยงก็พักผ่อนหน่อย ตอนบ่ายก็มาที่วัด และก็ได้สอนคนที่ไปหาถึงวัด มีประชาชนไปหาถึงวัด ตอนบ่ายก็สอนพระเณรประจำวัด พอดึกก็สอนเทวดา แก้ปัญหาเทวดา ท่านอาจารย์พูดคำบาลี(นาทีที่ 24:11) เทวดาทั้งหลาย เทวดาพระราชาก็ดี พระมหากษัตรย์ก็ดี เทวดาก็ดี เทวรูปก็ดี จะมาหาพระพุทธเจ้าเวลาดึกท่านก็ต้องสอนเทวดาเวลาดึก และก็ได้พักผ่อนนิดหน่อย แล้วก็หัวรุ่งก็เล็งญาณส่องโลกอีก ทำงานครบวงจรอย่างนี้ พวกเราไม่ได้ทำอย่างนี้นี่ มั่วแต่ปิดพลิ้วไม่ต้องทำหน้าที่กลายเป็นดีไป ขอให้คิดเสียใหม่ บูชาพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้วต้องบูชาสิ่งที่พระพุทธเจ้าบูชาด้วย สิ่งนั่นคือหน้าที่ หน้าที่ มันจึงจะเป็นภิกษุ สามเณรที่ดี คือบูชา เคารพ สิ่งที่พระพุทธเจ้าบูชา โดยจะเห็นว่าสิ่งสูงสุด จนพระพุทธเจ้าก็บูชานั้นคือหน้าที่ หน้าที่ ฉะนั้นอย่าบิดพริ้วหน้าที่ อย่าคดโกงหน้าที่ อย่าหลอกลวงหน้าที่ ต้องสมัครใจ เข้าไปทำหน้าที่ ผมเอง ผมเอง ผมเอง เมื่อเราเป็นเด็กวัดแล้ว แล้วก็ไปโรงเรียน เป็นเด็กโรงเรียน สมัยนั้น โรงเรียนไม่มีภารโรง เด็กนี่ต้องไปแต่เช้า ไปแต่เช้าไปช่วยกันกวาดโรงเรียน เก็บกวาดโรงเรียนให้สะอาด เพราะไม่มีภารโรง ชิงกันกวาดเลย เพราะมันได้รับการอบรมอย่างดี มาจากความเป็นเด็กวัด ชอบหน้าที่ บูชาหน้าที่ มันก็ทำได้อย่างดี เนียะรักหน้าที่ บูชาหน้าที่ ผมเอง ผมเอง ผมเอง แล้วมันก็จะดี ดีกว่าหมา ไม่เสียทีบวชเณร ออกไปมันก็จะมีนิสัยใจคอที่ดี จะได้เป็นมนุษย์ที่ดีต่อไป พระพุทธเจ้าท่านบูชาหน้าที่อย่างนี้ และท่านก็ต้องเดินด้วย เป็นโยชน์ โยชน์ วันที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านยังต้องเดินอยู่เป็นโยชน์ โยชน์ นะวันนั้น จะปรินิพพานวันนี้แล้วยังต้องเดินเป็นโยชน์ โยชน์ ต้องไปอ่านดูในพุทธประวัติ ค่ำลงจะปรินิพพานในอุทยานนี้แล้ว จะปรินิพพานอยู่แล้ว ก็ยังมีปริพาชก ลัทธิอื่นเข้ามาขอให้สั่งสอนอีก พระภิกษุ เห็นว่าไม่สมควร มันเกินไป จะปรินิพพานอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว ก็ไล่ไป อย่ามากวน พระพุทธเจ้าว่าอย่าไล่มัน บอกมันมา ก็มา สอนมันจนปริพาชกคนนี้ จนได้รู้ธรรมะจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในตอนที่สุด ตอนท้าย เป็นสาวกองค์สุดท้าย นี่แหละพระพุทธเจ้าท่านทำงานจนกระทั่งจะดับอยู่แล้ว จนจะตายอยู่แล้ว จะเรียกว่าทำงานจนตายก็ได้ เพราะต่อจากนั้นไม่กี่มากน้อย ก็นิพพาน มันก็เรียกได้ว่าทำงานจนตาย ท่านบูชาหน้าที่ขนาดนี้เห็นมั้ย
ขอให้พวกเณรที่บวชฤดูร้อนฝึกฝนการการบูชาหน้าที่ เคารพหน้าที่ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ จะเป็นหน้าที่การเล่าเรียน การศึกษาก็ดี หน้าที่การปฏิบัติก็ดี หน้าที่การช่วยเหลือ การเป็นอยู่ การบริหารก็ดี เป็นหน้าที่ทั้งนั้น แม้แต่การบริหารร่างกายของตนเองก็เป็นหน้าที่ทั้งนั้น จงทำหน้าที่อย่าให้ขาดตกบกพร่อง จะได้ชื่อว่า บูชาหน้าที่เหมือนพระพุทธเจ้าท่านเป็น ก็ไม่เสียทีที่บวช ได้รับการเปลี่ยนแปลงนิสัย นิสัยเลวๆ นิสัยต่ำๆ นิสัยสกปรกหมดไปเลยแล้วก็มามีนิสัยสะอาด จิตใจสะอาด พร้อมจะเป็นมนุษย์ที่ดี ขอให้สมัครใจกันอย่างนี้ ในระหว่างที่บวชนี้ มันจะได้คุ้มค่า คุ้มค่าเกินค่า เกินค่าที่ลงทุนบวช ได้ประโยชน์คุ้มค่าหลายร้อย หลายพันเท่าทีเดียวล่ะ ที่ต้องเสียจีวรบ้าง ต้องลำบากบ้าง มันถึงจะได้ผลเกินคาด ถ้าว่าเธอได้อบรมนิสัยใจคอให้กลายเป็นผู้ บูชาหน้าที่อย่างนี้ มันจะไม่เป็นคนว่างงาน เห็นว่าเหงื่อนั่นแหละเป็นน้ำมนต์ แต่นี่คนมันเกลียดเหงื่อ พอเหงื่อออกมันก็จะหยุดแล้ว ที่จริงเหงื่อนั่นแหละเป็นน้ำมนต์ รดให้ใจเย็น ใจเย็น ให้ทำหน้าที่ต่อไป ต่อไป อย่างสนุกสนาน ถ้าเหงื่อออกมาก็เป็นเครื่องรับรองว่ามันได้ทำหน้าที่ มันไม่ได้เหลวไหล มันไม่ได้ขี้เกียจ ก็พอใจในเหงื่อ ก็บูชาเหงื่อ ให้เหงื่อมันออกมามากๆยิ่งๆขึ้นไป จนไหลกียิ่งดี แล้วเหงื่อมันก็ล้างความเห็นแก่ตัว กิเลสความเห็นแก่ตัว มันจะถูกเหงื่อล้างออกไปจนหมดจากจิตใจ หมดจากเนื้อจากตัว ให้เหงื่อเป็นน้ำมนต์ ล้างสิ่งสกปรกทางจิตใจให้หมดไปจากตัว จงบูชาเหงื่อว่ามันมาโปรด ล้างของเหลวออกไปจากเนื้อจากตัว จากจิตใจ ขอให้พอใจในการทำหน้าที่ แม้วาเหงื่อมันจะออกมา หน้าที่ หน้าที่ นั่นเป็นสิ่งสูงสุดจนพระพุทธเจ้าต้องเคารพ แต่ไอ้คนโง่มันไม่รู้จัก ก็เรียกว่า ไอ้ชาติโง่ เหลือที่จะโง่แล้ว มันไม่รู้จัก สิ่งที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ คือหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ ต้องบูชาสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ เหงื่อก็คือหน้าที่เหงื่อก็คือหน้าที่ เหงื่อออกมายิ่งดี นี่แสดงว่าได้ทำแล้ว ฉะนั้นขอพอใจในการทำหน้าที่ หน้าที่เล่าเรียนก็ได้ หน้าที่การงานก็ได้ หน้าที่อะไรก็ได้ หน้าที่บริหารร่างกายในประจำวัน ตื่นขึ้นมาจะต้องล้างหน้าจะต้องถูฟันก็ทำให้ดีที่สุด ในฐานะเป็นวัตรปฏิบัติข้อหนึ่ง ข้อหนึ่ง อย่าเป็นไอ้ชาติโง่ ทำส่งๆเดชๆไป บางทีก็ไม่อยากล้างด้วยซ้ำไป ให้ถือว่าการล้างหน้าแปรงฟัน เป็นวัตรปฏิบัติ ฝึกให้คนมันดี ทำให้มันดีที่สุด ทำให้รู้สึกว่า ถูกต้อง ถูกต้อง ที่สุด พอที่จะใจที่สุด ถ้ามันจะถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ มันก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะมันเป็นหน้าที่ อย่าทำอย่างไม่รู้ไม่ชี้ จิตใจอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แม้จะถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ไม่ถูกต้อง หรือไม่ดีที่สุด นั่นมันคนโง่ มันไม่รู้หน้าที่ มันต้องถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ให้ดีที่สุด จะอาบน้ำก็ถือเป็นวัตรปฏิบัติ ที่ต้องประพฤติ กระทำ จะตักน้ำขึ้นอาบ หรือจะเปิดกีอกน้ำ หรือจะถูขี้ไคล หรือจะทำอะไรก็ต้องทำด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยสมาธิ ตลอดเวลาที่อาบน้ำ เป็นการวัตรปฏิบัติ ตลอดเวลาที่อาบน้ำ ทำให้ดีที่สุด จะไปฉันอาหาร ไปกินข้าวกินปลา ก็เป็นวัตรปฏิบัติที่ต้องทำให้ดีที่สุด จะตักข้าวใส่จาน จะตักข้าวใส่ปาก จะเคี้ยวจะกลืน ทำให้ถูกต้องที่สุด ดีที่สุด มีสติสัมปชัญญะที่สุด พอใจ พอใจ ว่าถูกต้องที่สุด กระทั่งว่ามันต้องล้างถ้วย ล้างจาน จะต้องกวาดพื้นจะต้องถูพื้น จะต้องล้างส้วม ทำให้ดีที่สุด ทำให้ดีที่สุด มีสมาธิอยู่ที่นั่น เมื่อล้างถ้วยก็มีสมาธิอยู่ที่ของสกปรก ที่มันติดอยู่ที่ถ้วย และน้ำมันรด ละ ออกไป ละออกไป จะกวาดพื้น สมาธิอยู่ที่ปลายไม้กวาด อารมณ์ ของสมาธิคือฝุ่น ที่อยู่ที่ปลายไม้กวาด ที่มันปัดไปนั่น ด้วยจิตเป็นสมาธิ ให้ฝุ่น ไป ไป ไป ให้หมด นี่ทำสมาธิ ด้วยการกวาดฝุ่นนั่นเอง ล้างส้วมก็เหมือนกัน จะถูพื้นให้สะอาดก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะล้างถ้วย ล้างจาน จะกวาดบ้าน จะถูเรือน จะล้างส้วม จะทำอะไรก็สุดแท้แต่ ทำด้วยสติ สัมปชัญญะ ปัญญา สมาธิ ถ้าไม่หัดไว้เสียแต่เดี๋ยวนี้ มันทำไม่ได้ มันไม่ได้ทำ เพราะมันไม่ได้หัด มันไม่มีโอกาสจะหัด ที่นี้เมื่อมันได้บวชอย่างนี้ มันได้มีโอกาสที่จะหัด ที่จะฝึกหัด ทำอะไร อะไร ด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยปัญญา ด้วยสมาธิ ฝึกเสียแต่เดี๋ยวนี้ ตลอดวันตลอดคืน มีการเคลื่อนไหวอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ ปัญญา สมาธิ ทำหน้าที่ดีที่สุด ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน หรือพูดได้ว่าทุกลมหายใจเข้าออกก็ยิ่งดี คอยฝึกอย่างนี้เถิดจะได้ผลคุ้มค่า ไม่อย่างนั้น มันก็เสียผ้าเหลืองเปล่าๆ ยุ่งปล่าวๆ ไม่คุ้มค่าอะไร พ่อ แม่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ศาสนาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับคนบวชชนิดนี้ ถ้าจะให้มีประโยชน์ก็ต้องทำหน้าที่ ทำวัตรปฏิบัติทั้งหลายให้ครบถ้วน ให้ถูกต้อง ขอให้สนใจมันจะได้พอใจ ถูกต้อง พอใจ ถูกต้อง ไปเสียทุกเรื่อง ทุกหน้าที่ จนกระทั่งนึกถึง แล้วยกมือไหว้ตัวเองได้ พอได้นึกถึงสิ่งที่กระทำมาแล้วก็ยกมือไหว้ตัวเองได้ นี่อยากถามว่า หน้าไหน หน้าไหนที่มันยกมือไหว้ตัวเอง ที่นั่งอยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ทั้งหมดนี้ หน้าไหนที่มันยกมือไหว้ตัวเอง ว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว ถูกต้องที่สุดแล้ว ดูมันจะไม่มี ดูมันจะไม่มีนะ เพราะมันไม่ได้ทำ เพราะมันไม่รู้ เพราะมันโง่ เพราะมันไม่รู้ว่า สิ่งสูงสุดอยู่ที่หน้าที่ ที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ ฉะนั้นขอให้ตั้งความคิด ตั้งแนว ตั้งหลักเกณฑ์กันเสียใหม่ว่าทำให้มันถูกต้อง ถูกต้อง พอใจไปเสียทุกสิ่ง ทุกอย่าง พอค่ำลง ยกมือไหว้ตัวเองได้ พอนึกถึงทีไร ยกมือไหว้ตัวเองได้ อย่างนี้ได้รับประโยชน์ที่สุด สงูสุด เหลือที่จะกล่าวได้ในการที่เข้ามาบวช เข้ามาฝึก แม้สัก ๑ เดือน สัก ๑ เดือนก็เถอะ ถ้าทำจริงตลอดเวลา เหล่านั้นมันก็จะเป็นนิสัย เป็นนิสัยที่ถูกต้อง สำหรับเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง เป็นมนุษย์ที่ดี ขอให้บูชาหน้าที่ สิ่งที่เหนือท่าน คือท่านเคารพ คือหน้าที่ ท่านเคารพธรรมะคือหน้าที่ ฉะนั้นเราจงเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ มันเป็นสิ่งที่ควรเคารพ มันเป็นสิ่งที่มีเหตุผลอย่างยิ่ง ที่ควรเอาใจใส่และเคารพ เพราะว่าถ้าไม่ทำหน้าที่ มันตาย มันได้รับความทุกข์ เจียนตาย ลองไม่ทำหน้าที่ดู ไม่กินข้าว ไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่ถ่ายปัสสาวะ ไม่ทำหน้าที่ มันก็ตาย ทุกๆอวัยวะมันทำหน้าที่ ร่างกายจึงไม่ตาย เซลล์ ถ้าเคยเรียนวิทยาศาสตร์มาบ้าง เซลล์ที่อยู่กันเป็นล้าน ล้าน เซลล์ ที่ประกอบกันเป็นเลือด เป็นเนื้อ เป็นเรานี่ ทุกเซลล์มันทำหน้าที่ ตัวเล็กแทบจะดูด้วยตาไม่เห็น ก็ทำหน้าที่ เพราะถ้ามันไม่ทำหน้าที่ มันก็ตายลูกเดียว ชีวิตมันอยู่ด้วยหน้าที่ ชีวิตมันอยู่ด้วยหน้าที่ ไม่มีหน้าที่มันก็ไม่มีชีวิต จึงต้องทำให้ดีที่สุด พระพุทธเจ้าท่านจึงเคารพหน้าที่ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ หน้าที่แปลว่าธรรมะ ธรรมะคือสิ่งที่ยกขึ้นไว้อย่าไห้พลัดตก หน้าที่ก็เหมือนกับสิ่งที่ยกขึ้นไว้อย่าให้พลัดตกไปในกองทุกข์ มันเป็นคำๆเดียวกัน แต่ว่าภาษามันต่างกัน คำนี้เขารู้จัก ใช้กันมาตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด เขาเรียกว่าหน้าที่ หน้าที่ หรือธรรมะ พูดกันอยู่ก่อนที่พระพุทธเจ้าเกิด ธรรมะคือหน้าที่ พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็ได้สอนหน้าที่สูงสุด หน้าที่ชั้นสูงสุดดับกิเลส ดับทุกข์เป็นพระอรหันต์ หน้าที่สูงสุด ดับทุกข์ได้ ดับทุกข์ได้ ท่านเคารพหน้าที่นี้ ฉะนั้นเราก็ต้องเคารพหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่มันก็คือตาย คนก็ตาย ถ้าไม่ทำหน้าที่ สัตว์เดรัจฉานก็ตาย ต้นไม้ ต้นไร่ นี่ก็จะต้องตายถ้ามันไม่ทำหน้าที่ อย่าโง่ไปว่าต้นไม้มันอยู่นิ่งๆ อย่างนี้นะ มันทำหน้าที่แสงแดดส่องลงมามันก็เปลี่ยน ธาตุต่างๆที่ดูดขึ้นไปจากดิน กลางค่ำ กลางคืนอะไรก็ตาม มันก็ดูดน้ำ ดูดแร่ธาตุ ทางราก ทางลำไส้ของต้น ขึ้นไปเป็น อยู่ที่ใบโน้น รอแสงแดดออกมาเมื่อไหร่ มันก็ปรุงเป็นอาหาร เลี้ยงลำต้นย้อนกลับมาทางเปลือก ทางเปลือก และเลี้ยงกลับไปถึงราก มันทำหน้าที่อย่างนี้ทั้งวันทั้งคืน ต้นไม้มันก็ไม่ตาย เรียกว่าชีวิตมันอยู่ด้วยหน้าที่ ไอ้สัตว์มันเคลื่อนไหวได้ คนมันเคลื่อนไหวได้ หน้าที่มันก็ต่างจากต้นไม้ที่มันเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่มันก็ต้องทำหน้าที่ตลอดเวลามันจึงไม่ตาย ถือว่าสิ่งสูงสุดคือหน้าที่ จนพระพุทธเจ้าก็เคารพ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือหน้าที่ ที่ถูกต้อง หน้าที่ที่ถูกต้อง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใด ถ้าจะอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกก็จงรู้ว่า หน้าที่ที่ถูกต้องในโลก จะได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยได้ แต่ถ้าจะร้องให้ช่วย มันไม่ช่วยหรอก มันต้องทำ พระเจ้าไม่ช่วยคนที่ไม่ทำหน้าที่ ให้พระเจ้ามาสักฝูง ฝูงมันก็ไม่ช่วยได้ ถ้ามันไม่ทำหน้าที่ พอมันทำหน้าที่ หน้าที่มันก็ช่วย หน้าที่มันก็กลายเป็นพระเจ้า ก็ช่วย คนนั้นทันที สิ่งสูงสุดคือหน้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือหน้าที่
ฉะนั้นเธอจงบูชาหน้าที่ เคารพหน้าที่ พอใจหน้าที่ ฝึกฝนหน้าที่ ให้สูงสุดตลอดเวลาที่เป็นเณร ๑ เดือน หรือจะกี่เดือนก็สุดแล้วแต่ จะได้เข้ารูปเข้ารอย กับพระพุทธเจ้าผู้เคารพหน้าที่ ถ้าเราบวชอุทิศพระพุทธเจ้า บวชตามบัญญัติของพระพุทธเจ้าเราต้องเข้ารูปเข้ารอยกับพระพุทธเจ้าคือบูชาหน้าที่นั่นเอง บูชาหน้าที่นั่นเอง ที่ไหนมีหน้าที่ ที่นั่นมีธรรมะ ที่ไหนมีธรรมะที่นั่นมีหน้าที่ เพราะว่ามันเป็นสิ่งเดียวกัน ภาษาไทยว่าหน้าที่ ภาษาบาลีว่าธรรมะ นั่นหมายถึงสิ่งที่จะยกบุคคลขึ้นไว้ อย่าพลัดตกลงไปสู่ความตายหรือความทุกข์ ขอให้เคารพหน้าที่อย่างนี้ก็จะเข้ารูปเข้ารอยพระพุทธเจ้า ผู้ที่เคารพหน้าที่ เป็นผู้เคารพหน้าที่ ที่แล้วมาไม่มีใครควบคุมบังคับก็หลบหลีก ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆมา เอาความขี้เกียจมาเป็นเครื่องอ้างและก็หลีกเลี่ยงหน้าที่ เห็นแก่ตัวอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ต้องทำหน้าที่ แล้วก็ว่ามันดี แต่ว่ามันดีสำหรับคนโง่ มันดีสำหรับคนบ้า ที่ว่ามันดี เพราะมันไม่ต้องทำหน้าที่ เพราะมันได้นอนสบาย นั่นมันอันธพาล มันเห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัว มันไม่ทำหน้าที่ มันเกลียดหน้าที่ มันเกลียดเหงื่อ อย่างนี้มันก็เป็นคนอันธพาล ช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วก็ต้องคดโกง ปล้นจี้ผู้อื่น มาเลี้ยงชีวิตของตัว มันก็หมดไม่มีอะไรเหลือ
ฉะนั้นขอให้เธอแน่ใจทั้งหมด ทั้งจิต ทั้งใจ ทั้งหมด เช่นว่า จะฝึกฝนการทำหน้าที่ ทุกอย่าง ทุกประการ หน้าที่หาเลี้ยงชีวิต หน้าที่บริหารชีวิต หน้าที่สมาคมกันกับเพื่อนมนุษย์ เราจะต้องทำหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้ถูกต้องและก็มีธรรมะอยู่ในเนื้อในตัว อยู่ที่จิต อยู่ที่ใจ จำไว้ง่ายๆว่า ถ้าไม่มีหน้าที่ มันก็ไม่มีธรรมะ ในโบสถ์บางโบสถ์ เราไปเห็นเอง มันได้แต่นั่งสั่น เสี่ยงเซียมซี ทั้งวัน ทั้งคืน คนเข้าออก โบสถ์นั้นไม่มีธรรมะเลย เพราะมีแต่นั่งสั่นเซียมซี ธรรมะไปอยู่กลางนา ที่ชาวนาไถ่นาอยู่ เหงื่อไหลไคลย้อยน่ะ ธรรมะไปอยู่ที่กลางนา ธรรมะไปอยู่กลางทุ่งนา เพราะว่าเขาทำหน้าที่ ที่ไหนมีการทำหน้าที่ที่นั่นมีธรรมะ อยากจะมีธรรมะก็ต้องทำหน้าที่ ทำหน้าที่ แม้แต่จะล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้าน ถูเรือน ล้างส้วม กวาดถนน อะไรก็ตามเถอะ มันจะเกิดการขูดเกลาความเห็นแก่ตัวขึ้นมาทันที ความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด มันทำให้เกิดโลภะ โทสะ โมหะ ความเห็นแก่ตัวมันได้สิ่งที่ชอบใจก็เกิดโลภะ ราคะ ความเห็นแก่ตัวไม่ได้สิ่งที่ชอบใจก็เกิดโทสะ โลภะ ความเห็นแก่ตัวมันได้สิ่งที่มาไม่เป็นกลาง ไม่น่ารัก ไม่น่าพอใจมันก็ได้ความโง่ ได้ความสงสัย ได้ความวนเวียนอยู่นั่น โมหะ ความเห็นแก่ตัวมันทำให้เกิด โลภะ โทสะ โมหะ กำจัดมันเสียโดยหน้าที่ ทำหน้าที่ ฝึกฝนหน้าที่ เอาเหงื่อล้างออกมันไปเสียจากร่างกาย เอาธรรมะล้างออกไปเสียจากจิตใจ ไอ้ความเห็นแก่ตัวนี้ เอาไว้ไม่ได้ ขืนเอาไว้เป็นอันธพาล ทำลายประโยชน์ ทั้งสองฝ่าย โลกกำลังจะวินาศ เพราะความเห็นแก่ตัวของคนในโลกเวลานี้ มันจะล้างโลกกันอยู่แล้ว มันจะครองโลกเพราะความเห็นแก่ตัว จงประกาศสงครามกับความเห็นแก่ตัวว่าเป็นศัตรูร่วมกันกับของมนุษย์ทุกคน จะต้องช่วยกันกำจัดให้หมดไปเสียจากโลก
เดี๋ยวนี้มาบวชหนึ่งเดือนก็ศึกษาเรื่องนี้ว่าจะกำจัดความเห็นแก่ตัวได้อย่างไร จงทำทุกสิ่งทุกอย่าง ประพฤติปฏิบัติตามระเบียบวินัย กฎ กติกา ที่มีอยู่ให้ดีที่สุด และมันจะกวาดล้างความเห็นแก่ตัวออกไป ขอให้รู้ความจริงในข้อนี้ว่ามันเป็นอย่างนี้ อยากมีธรรมะจงปฏิบัติหน้าที่ ที่มีสมุดเขียนให้เขียนไปว่า อยากมีธรรมะจงปฏิบัติหน้าที่ เพราะธรรมะคือหน้าที่ ขอให้ทุกคนบูชาสิ่งที่พระพุทธเจ้าบูชาท่านคือหน้าที่ มิฉะนั้นก็อย่าประกาศว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าให้ป่วยการ มันหลอกลวงมันโกหก มันไม่เคารพบูชา สิ่งที่พระพุทธเจ้าบูชาแล้วจะเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร มันไม่มีเหตุผล เดี๋ยวนี้เราประกาศตัวเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สามเณร สามเณรี อะไรก็สุดแล้วแต่ จะต้องทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนแนะนำ และทรงกระทำให้เป็นตัวอย่าง ท่านทำหน้าที่ตลอดชีวิต ท่านทำจนวาระสุดท้าย จงเอาเป็นตัวอย่าง จงหมายมั่นปั้นมือว่าจะทำหน้าที่ที่มีประโยชน์จนตลอดชีวิต เหมือนกับพระพุทธเจ้า ฟังดูให้ดีๆ ที่มันพูดหยาบคายไปบ้างให้มันเป็นประโยชน์ว่า ให้มันลืมไม่ได้ ถ้าพูดง่ายเพราะๆมันลืมกันเสียหมด ฉะนั้นขอโอกาสพูดดำหยาบ พูดคำที่ลืมไม่ได้ว่าอย่าให้เลวกว่าหมา จงประพฤติตัวยกฐานะแห่งจิต แห่งชีวิต แห่งวิญญาณ ให้ดีกว่าหมา จะต้องมีหน้าที่ของมนุษย์ ให้ทำถูกต้องทุกอย่างทุกประการ ว่าเราจะเป็นบุตรที่ดี ของบิดามารดา ให้บิดามารดา ได้รับความชื่นอก ชื่นใจ บุตรที่ดีของบิดามารดา คือมันเป็นอย่างนั้น จะบวชหรือจะไม่บวชก็สุดแท้ เราจะต้องทำให้บิดามารดาได้รับความชื่นใจ และเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา และเราจะต้องเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ คือให้ครูบาอาจารย์นำไปได้ ตามที่ต้องการจะนำ คือนำไปในทางที่สูง ทางที่จะรอด ถ้าดื้อด้าน ทำให้ครูบาอาจารย์นำไม่ได้ เท่าที่ต้องการจะนำ คือนำไปในทางสูง ทางที่จะรอด ถ้าดื้อด้านทำให้ครูบาอาจารย์นำไม่ได้ มันไม่ใช่ศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ มันเป็นศิษย์จอมปลอม ศิษย์โกหก ศิษย์หลอกลวง มันเรียกอาจารย์แต่ปาก มีคนหลายคนเรียกเราว่า อาจารย์ เรียกฉันว่าอาจารย์ แต่มันโกหก มันไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนเลย มันเรียกแต่ปากว่าอาจารย์ นี่ก็มีอยู่มาก เธออย่าเป็นอย่างนั้นเลย ถ้าเรียกว่า อาจารย์ อาจารย์ จงปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านอาจารย์นั้นให้ดีที่สุด ให้มันสมกับที่เรียกว่าท่านอาจารย์ จงเป็นศิษย์ที่ดี ของครูบาอาจารย์คือให้ครูบาอาจารย์นำไปได้ ให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน
เราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ เราต้องมีเพื่อน ถ้าเขาจะให้เราอยู่คนเดียวในโลก ยกโลกทั้งหมดให้เราอยู่คนเดียว เราก็อยู่ไม่ได้ มันอยู่ไม่ได้ มันอยู่ไม่ได้ มันต้องมีหลายคน ช่วยกันทำนั้นทำนี้ ถึงจะอยู่ได้ เราอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้ เพราะว่าธรรมชาติมันไม่ได้สร้างให้คนมาอยู่คนเดียว มันสร้างมาสำหรับให้อยู่กันเป็นหมู่ เป็นหมู่เป็นคณะ แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน มันยังทำเป็น มันจับกันเป็นหมู่ เป็นหมู่ ช่วยกันหาความปลอดภัย หาความสะดวกสบาย สัญชาติญาณแห่งการอยู่กันเป็นหมู่นี้เป็นความต้องการของธรรมชาติ แม้มนุษย์นี้ธรรมชาติก็สร้างมาสำหรับอยู่กันเป็นหมู่ จึงมีสัญชาติญาณแสวงหาการอยู่รวมกันเป็นหมู่ ภิกษุสงฆ์เรียกว่า สังคะ สังคะก็แปลว่าหมู่ อยู่รวมกันเป็นหมู่นั้นก็ถูกแล้ว อยู่คนคนเดียวมันก็ไปไม่รอด เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ช่วยกันทำ ฉะนั้นเราจงนิยมการอยู่รวมกันเป็นหมู่ เรียกว่าสังคมนิยม อย่าพอใจเสรีนิยม อยู่คนเดียว เสรีคนเดียว อวดเก่งคนเดียว เอาตามประสงค์คนๆเดียวนั้นมันเป็นไปไม่ได้ มันผิดธรรมชาติ มันต้องนึกถึงผู้อื่น เป็นสังคมนิยมที่ถูกต้อง เป็นสังคมนิยมที่ไม่เห็นแก่ตัว ถ้าเป็นสังคมนิยมที่มันเห็นแก่ตัว มันก็เลวร้าย มันก็คุมพวกทำลาย มันใช้ไม่ได้ สังคมนิยมแบบนั้นมันใช้ไม่ได้ มันใช้ไม่ได้ มันต้องเป็นสังคมนิยมที่ถูกต้องที่เรียกว่าธรรมิกะสังคมนิยม ธรรมิกะสังคมนิยม ธรรมิกะสังคมนิยมจะจำไว้ให้แม่นๆว่าเขาร้องอย่างนี้ สังคมนิยมที่ประกอบอยู่ด้วยธรรมะ ฉะนั้นเราก็จะเป็นหมู่สงฆ์ที่ดี หมู่สงฆ์ที่ดี เพราะว่าประกอบด้วยธรรมะ มีพระพุทธเจ้าอยู่กับเราตลอดเวลา พระพุทธเจ้าไม่ได้นิพพาน ไม่ได้ไปไหนเสีย คนโง่เท่านั้นที่พูดว่า พระพุทธเจ้านิพพานแล้ว หมดแล้ว นั่นคนโง่มันพูด อย่าไปพูดตามมัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมะที่แสดงแล้ว วินัยที่บัญญติแล้ว จะอยู่เป็นศาสดาของพวกเธอ หลังจากเราล่วงลับไปแล้วโดยร่างกาย อยู่กับพวกเธอ หลังจากที่เราล่วงลับไปแล้วโดยร่างกาย เดี๋ยวนี้มีธรรมะ มีวินัย เป็นพระพุทธเจ้าที่อยู่กับเรา ในที่แห่งอื่น พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นเห็นธรรม ตัวธรรมนั้นเป็นตัวของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เนื้อตัวร่างกายไม่ใช่ เด็กๆเอาพระพุทธรูปเป็นพระพุทธเจ้า นั่นก็ช่างเถอะ มันเด็ก แต่โตๆอย่างนี้แล้วมันก็ควรจะสูงขึ้นมา เอาธรรมะที่ดับทุกข์ได้ในจิตใจ หรือเอาจิตใจที่ดับทุกข์ได้นั้นเป็นองค์พระพุทธเจ้า แล้วมันก็อยู่ในเรา เราสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ มันไม่ได้สูญหายไปไหน ไม่ได้ลับหายไปไหน จงอยู่กับพระพุทธเจ้าด้วยกันจงอยู่ทุกๆคน แล้วพระพุทธเจ้าองค์นั้นจะสอนให้รู้เองว่า ควรทำอย่างไร ควรทำอย่างไรเวลาไร ควรทำอย่างไร
ในที่สุดก็จะได้สมความประสงค์ ที่ได้เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รู้สิ่งที่ควรจะรู้ จะได้ปฏิบัติในสิ่งที่ควรปฏิบัติ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา ดีแล้ว ขออนุโมทนา ที่สมัครใจมาบวชกัน แม้เพียง ๑ เดือน ขอให้เป็นบวชให้เป็นสามเณร อย่าให้เป็นสามลิง อย่าให้เป็นสามลิง ให้เป็นสามเณร มีวัตรปฏิบัติ น่าเลื่อมใส น่าดู ถูกต้องตามระเบียบ ตามวินัย ตามคำสั่งสอนของพระศาสดา ขออนุโมทนา ในส่วนนี้ ขอยุติการบรรยาย ขออภัยที่พูดหยาบคายไปบ้าง ก็เพราะเพื่อประหยัดเวลา เดี๋ยวนี้ไม่มีแรงที่จะพูดแล้ว มานี่เหนื่อยเกือบตาย พยายามเกือบตาย กลัวว่ามันจะตายเสีย แล้วจะไม่ได้พูด จึงพูดแรงๆ ขอโอกาสพูดแรงๆ ให้จำง่ายให้ลืมยาก อย่าโกธรเลย เอาล่ะขอพอกันที ยุติการบรรยายไว้แต่เพียงเท่านี้......