แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
สามเณรทั้งหลาย ฉันขอแสดงความยินดี คือ อนุโมทนาในการกระทำของเธอทั้งหลายในลักษณะเช่นนี้ ในคราวนี้โดยเฉพาะ มันเป็นสิ่งที่มีเหตุผล หรือจะเรียกว่า มีความจำเป็นก็ได้ ที่จะต้องมีการอบรมในทำนองนี้ขึ้น เพื่อให้เรามี ไอ้เขาเรียกกันอย่างสมัยใหม่ว่า ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรมนุษย์ที่ถูกต้องที่เหมาะสม คือ มีประโยชน์ หรือทำอะไรได้ จะปล่อยไว้อย่างเดิมเท่าเดิมนั้นมันไม่ได้ เพราะว่าโลกมันเจริญมันเปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกอย่างมันจึงต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้ยิ่งขึ้นไป ให้ทันกัน เราจึงมีการอบรมแม้เป็นเรื่องทางศาสนาอบรมสามเณร แต่ผลของการอบรมมันก็ไกลไปถึงว่าให้เป็นมนุษย์ที่มีความเหมาะสม ที่มีความสามารถ ที่จะช่วยให้ประเทศชาติและโดยเฉพาะศาสนาจะอยู่ไปได้ เป็นบรรพชิตมันก็มีประโยชน์แก่ศาสนา กระทั่งไปเป็นฆราวาส สึกออกไปเป็นฆราวาส มันก็ยังเป็นฆราวาสที่ดี มีประโยชน์แก่ศาสนา เพราะว่าการสืบอายุพระศาสนานั้นมันต้องทำกันทั้งเพศฆราวาสและเพศบรรพชิต เธอจงรู้
ทีนี้อบรมอะไรกัน ก็อบรมคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์น่ะให้มันดีขึ้น ให้มันเต็มขึ้น ให้มันถึงขนาดที่จะทำอะไรได้ในยุคสมัยที่โลกมันมีความเจริญก้าวหน้าเฉลียวฉลาดไปทุกอย่าง เราจะต้องมีความสามารถในการที่จะทำอะไรในโลกในลักษณะนั้น เท่าที่มีมาในโดยกำเนิดน่ะ คุณสมบัติต่างๆ มันก็มี ไม่ใช่ไม่มี มันก็มีพอให้ แต่มันมีน้อยพอให้ รอดอยู่ได้เท่านั้น หรือในสมัยที่มันง่ายๆ ธรรมดาๆ พอมาถึงสมัยที่มันรุ่งเรืองด้วยสติปัญญา ทุกอย่างก้าวหน้าไปไกล ความยากลำบากเกิดขึ้นในการเป็นอยู่ นี่เรามันต้องมีการอบรมให้มันเพียงพอ ที่มันจำเป็น ธรรมะที่จำเป็น เช่นว่า สติ นี่ตามธรรมชาติมันก็มี พอจะทำอะไรได้ตามธรรมชาติง่ายๆ ต่ำๆ โดยสัญชาตญาณมันก็มีสติตามสมควร มีสมาธิตามสมควร มีปัญญาตามสมควร แต่มันไม่พอ ถ้าเธอได้อบรมทางสติ เช่น สติ อานาปานสติ เป็นต้น มันก็ทำให้มีสติมากขึ้นกว่าระดับธรรมดา ไปทำอะไรได้ด้วยสติมากขึ้น หรือมีสติพอใช้ในการที่จะแก้ปัญหาอะไร สมาธิก็เหมือนกัน มันก็มีสมาธิตามธรรมชาติ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็มีสมาธิ ที่มีความตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างด้วยความมุ่งมั่นนั้นมันมีกันทั้งนั้นน่ะ แต่แล้วมันไม่พอที่จะมาทำหน้าที่อย่างมนุษย์ในยุคที่มันเจริญนั่นเราก็เลยต้องอบรมสมาธิ สมาธิเท่าที่ว่าจะเล่นทอยกอง หยอดหลุม หรือว่าขว้างแม่น อะไรได้ตามธรรมชาติของเด็กๆ นั่นมันไม่พอ สมาธิเท่านั้นมันไม่พอ มันก็ต้องมีการอบรมสมาธิโดยตรง เช่น อานาปานสติ เป็นต้น ฉะนั้นก็ต้องให้สมาธิมันพอ ปัญญามันก็เหมือนกันน่ะ มันมีความรู้เท่าที่ทำมาหากิน เช่น แมวก็รู้จักจับหนูอย่างไร อย่างนี้ มันก็มีปัญญา ไม่ใช่ไม่มีปัญญา แมลงผึ้งมีปัญญาทำรังผึ้งสวยงาม นกกระจาบมีปัญญาทำรังให้น่าอัศจรรย์ แต่นั่นยังไม่พอ มันยังไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความทุกข์ ความดับทุกข์ ในด้านสูงทางจิตใจ นี้เราจึงต้องอบรมปัญญา ถ้ามันมีการอบรมที่ดีมันก็จะอบรมสิ่งเหล่านี้อย่างครบถ้วน ที่จริงข้อนี้ควรจะพูดจาตั้งแต่วันแรกสุด แต่เอาเถิด มันก็ยังเหลืออยู่อีกบ้าง ก็จะขอร้องว่าเธอจงตั้งใจดีที่สุด พยายามให้สุดความสามารถที่สุด จะรับการฝึกฝนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝึกฝนไอ้ความไม่เห็นแก่ตัว กำจัดความเห็นแก่ตัวให้มันหมดไป เดี๋ยวนี้น่ะ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในโลกปัจจุบันก็คือความไม่เห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ความถูกต้อง เขาเห็นแก่ความเห็นแก่ตัวเอาเปรียบอะไรกันยุ่งกันไปหมด เห็น ทางการเมืองทางอะไรก็ตาม มีความเห็นแก่ตัวนำหน้าจนยุ่งกันไปหมด เราจงมานึกถึงข้อนี้ว่า ถ้าเห็นแก่ตัวมันก็ยุ่งยากลำบากใจ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ดิ้นรนอยู่เรื่อยไป นึกเผลอนิดเดียวก็ไปเอาเปรียบผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น เป็นอันตรายแก่ผู้อื่น เพราะว่าพอมัน พอมัน พอ พอเห็นแก่ตัวเท่านั้นล่ะ มันก็เกิดกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ เห็นแก่ตัวเกิดโลภะว่าจะเอาวะ เห็นแก่ตัวจนเกิดโทสะมันก็จะทำลายล้าง เห็นแก่ตัวเกิดโมหะมันก็จะทำอย่างโง่เขลามัวเมา หาประโยชน์ใส่ตัวไปตามแบบโง่เขลาอีกล่ะ เกิดเรื่องเหมือนกัน ฉะนั้นบทเรียนที่เขาจะวางไว้ให้เพื่อทำลายความเห็นแก่ตัวนั้นมันดีที่สุด มียิ่งมากยิ่งดี นับตั้งแต่ว่าให้รู้จักอดกลั้นอดทน ทำสิ่งที่เป็นวางไว้เป็นระเบียบว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น ถ้าเห็นแก่ตัวมันก็ไม่อยากจะทำ มันอยากจะนอน แต่ถ้าว่ามันมาทำได้ มันก็เป็นการทำลายความเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ใจตัว หรือว่ากฏระเบียบบางอย่างเขาให้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เราก็ทำเพื่อจะฝึกฝนให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ทำงานไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง เพื่อใครก็ตามใจ เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ เพื่อศาสนา แล้วก็ไม่ต้องรับอะไรตอบแทน แม้แต่คำว่า ขอบใจ ขอบใจ ก็ไม่ต้องการจะได้รับ เพราะว่าต้องการแต่จะเสียสละ เสียสละออกไป ทำลายความเห็นแก่ตัว ขอให้เธอสนใจว่าไอ้ระเบียบต่างๆ ที่เขากำหนดไว้ บัญญัติไว้ ให้ทำอย่างไร เวลาไหน ชั่วโมงไหน ทำอะไรนี่ มันล้วนแต่เป็นการทำลายความเห็นแก่ตัว คนนอนสาย ก็คือคนเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ถึงกับมีกฎให้ตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่มาทำอะไรกันให้เรียบร้อยนี่ มันก็ลดความเห็นแก่ตัว เห็นแก่กินมันก็เห็นแก่ตัว หัดให้กินแต่พออยู่ได้ พอสมควร ไม่มากไม่น้อย นี้ก็ทำลายความเห็นแก่ตัว ให้อยู่ในที่ที่ว่าไม่ต้องสะดวกสบาย ไม่ต้องอบอุ่นกันเหมือนกับในบ้านในเรือนในโรงแรม แล้วก็นอนได้ กลางทรายเราก็นอนได้ กลางดินเราก็นอนได้ ไม่มีมุ้งเราก็นอนได้ นี้ล้วนแปลว่า ลิดรอนความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้นล่ะ เพราะฉะนั้นเธอจงพอใจ ยินดี ยินดีที่สุดที่จะปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ระเบียบต่างๆ ที่อาจารย์เขาได้ ได้วางกันไว้ให้อย่างไร ลดความเห็นแก่ตัวลงไปได้เท่าไรก็สบายใจเย็นใจ นอนหลับสนิท ไม่วิตกกังวล แล้วก็ไม่ทำอันตรายใคร ไม่เอาเปรียบใคร ไม่ดูหมิ่นใคร ไม่ยกตนข่มใคร ไม่ขัดแย้งใคร นี่มันเป็นสิ่งที่เราได้รับทางจิตใจที่นับว่าสูงทีเดียว เราเกิดมาตั้งแต่เล็กๆ นั้นไม่เคยถูกบังคับควบคุม ไอ้ความเห็นแก่ตัวมันก็เจริญ เจริญ เจริญจนบัดนี้ จนเป็นอันธพาลไปก็มี นี้มาจัดการกับความเห็นแก่ตัวให้ลดลงไป ให้ลดลงไป ก็เป็นมนุษย์มากขึ้น เห็นแก่ตัวเท่าไรมันก็เป็นอมนุษย์มากเท่านั้นล่ะ ไม่เห็นแก่ตัวมากเท่าไรมันก็เป็นมนุษย์ที่ถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น เดี๋ยวนี้โลกมันจะวินาศ กำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัว เขาแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายนิยมประชาธิปไตยนายทุนก็อย่างหนึ่ง ฝ่ายนิยมประชาธิปไตยชนกรรมาชีพนี่ก็อย่างหนึ่ง สองฝ่ายต่อสู้โต้แย้งกันไม่มีหยุดไม่มีหย่อน แม้ในที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติมันก็ยังแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างนี้ ล้วนแต่เห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น ก็ต่อสู้กันไป ว่าเรื่อยไป ฟัดเหวี่ยงกันไป ไม่มีการตกลงกันได้ เพราะความเห็นแก่ตัว แล้วก็แข่งขันกันสร้างอาวุธ เผลอเมื่อไรออกมาแล้วก็วินาศกันทีเดียวทั้งโลก ไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะ คือจะวินาศกันไปทั้งสองฝ่าย นี่ปัญหาของโลกทั้งโลกมันก็ยังเป็นอย่างนี้
ปัญหาในประเทศก็เหมือนกันน่ะ ดูสิมันมีคนที่จะทำลาย ทำลายชาติตั้งหลายอย่างหลายประการ จะตัดไม้ทำลายป่า ต้นน้ำลำธารสูญหายหมด หรือว่าคอยทำการจี้ปล้นมโหฬาร มีแม้กระทั่งว่าภายในวงการเมืองนี่ก็ต่อสู้กันอย่างเรียกว่า เสียหายแก่ประเทศชาติ นี่ก็เพราะความเห็นแก่ตัว ในหมู่บ้านนี่ถ้าเห็นแก่ตัวมันก็สามัคคีกันไม่ได้ หมู่บ้านน้อยๆ นี่ ถ้าเห็นแก่ตัวมันก็ไม่สามัคคีกันได้ มันก็ไม่ร่วมมือกัน มันก็ทำลายล้างกัน หรือว่าคอยจ้องเอาประโยชน์ ใครสร้างอะไรขึ้นมามันก็ขโมย มีที่บางแห่งปล่อยรกร้างอยู่ธรรมดา เราถามคนแถวนั้นว่า ทำไมจึงไม่ทำเป็นอะไร ทำไมปล่อยที่รกร้างอย่างนี้ เขาบอกว่าทำไม่ได้ มันมีคนคอยขโมยหมด เลี้ยงวัวมันก็ขโมยวัว ปลูกสับปะรดมันก็ขโมยสับปะรด มันเลยทำไม่ได้ แผ่นดินก็อย่างนี้ ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นเพราะความเห็นแก่ตัว ภายในบ้านเมืองแท้ๆ มันก็ทำลายความเจริญ แม้ที่สุดแต่ว่าในครอบครัว ในครอบครัว ถ้ามันเห็นแก่ตัวมันก็ได้ทะเลาะกันน่ะ ผัวเมียไม่ได้ทะเลาะกัน กัดกัน ทุกคนใน ในครอบครัวนั้นจะต้องทะเลาะกัน แย่งชิงอะไรกัน ขัดแย้งกันเพราะความเห็นแก่ตัว ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวมันก็ไม่เป็นอย่างนั้น มันอยู่กันด้วยความสงบสุข แล้วมันก็น่าหัวที่สุดที่อย่างยิ่งก็คือว่า คนคนเดียวนั้นล่ะ พอมันเห็นแก่ตัวมันก็ทำลายตัวเองโดยไม่รู้สึกตัว คนเห็นแก่ตัวมันทำชั่วทำลายตัวเองโดยไม่รู้สึกตัวนั่น ความเห็นแก่ตัว ถ้าเอากันให้ถึงที่สุดว่าจะทำลายความเห็นแก่ตัว จะบังคับตัวให้อยู่ในความถูกต้อง ไม่ออกไปเป็นกิเลสด้วยความเห็นแก่ตัว ฉะนั้น การจะทำหน้าที่ประจำวัน ทุกอย่าง ทุกกระเบียดนิ้วให้สม่ำเสมอ ไม่มีอะไรบกพร่อง ทำลายความเห็นแก่ตัว แต่จะเห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่ธรรมะนั่นน่ะ แม้ว่า แม้แต่ว่าจะต้องนุ่งห่มจีวรให้เรียบร้อย ล้างบาตรให้สะอาด การทำเครื่องใช้ไม้สอยให้เป็นระเบียบ ประพฤติสิ่งต่างๆ ตรงตามเวลาทั้งยี่สิบสี่ชั่วโมง นี้มันดี มันอบรมให้กลายเป็นคนที่อยู่ในความถูกต้อง เห็นแก่ความถูกต้อง ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวคือเห็นแก่กิเลส ถ้าพวกเธอรู้เรื่องนี้ก็คงจะพอใจปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อระเบียบที่วางไว้ ไม่เป็นที่หนักอกหนักใจแก่อาจารย์ พี่เลี้ยงหรือผู้ควบคุมใดๆ นะ เพราะว่าเราประพฤติถูกต้องถึงที่สุดตามระเบียบที่ได้วางไว้อย่างถูกต้อง เพื่อกำจัดความเห็นแก่ตัวหรือสิ่งเลวร้ายของมนุษย์ สิ่งเลวร้ายของมนุษย์ไม่มีอะไรมากเท่ากับความเห็นแก่ตัว ถ้ามันเห็นแก่ตัว ถ้ามันเห็นแก่ตัวมันก็กิเลสจัดการหมด ถ้ามันไม่เห็นแก่ตัวมันก็ต้องเห็นแก่ธรรมะ ธรรมะ คือ ความถูกต้องของหน้าที่ที่จะช่วยให้รอด ธรรมะ ธรรมะนี่คือหน้าที่ หน้าที่ที่ถูกต้องเพื่อความรอด เป็นสิ่งสูงสุดจนถึงกับพระพุทธเจ้าก็เคารพ ถ้าเธอไม่รู้เรื่องนี้ก็ก็จะเรียกว่า ก็จะไม่เป็นพุทธบริษัทล่ะ ถ้าเป็นพุทธบริษัทก็ต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้าเคารพหน้าที่ เคารพธรรมะ คือ หน้าที่ เป็นถึงพระพุทธเจ้าแล้วยังเคารพสิ่งสิ่งหนึ่งคือหน้าที่ หน้าที่ ทุกพระองค์
เดี๋ยวนี้เรามันไม่เข้าเคารพหน้าที่ เพราะว่าถ้าทำหน้าที่มันเหนื่อย มันไม่สนุก มันไม่ได้ตามใจ มันก็ไม่เคารพหน้าที่ มันก็ฉ้อฉลหน้าที่ บิดพลิ้วหน้าที่ บิดโกงเวลาหน้าที่เอาเป็นของกันไปหมดเลย ก็เลยไม่มีธรรมะ คำว่า ธรรมะ ที่เคยเรียนมานี่คงจะเรียนล่ะสิว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเรียกว่า พระธรรมะนะ เรียกว่า ธรรมะ ธรรมะนะ จริงๆ ธรรมะ ธรรมะหรือพระธรรมน่ะเขาสอนกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่ได้เกิดขึ้นมาในโลก มนุษย์ที่นั่นน่ะเขาสอนเขาพูด เขากระทำต่อกันแต่คำว่า ธรรมะ ธรรมะ สอนกันอย่างยิ่ง คือ หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ แล้วรอด รอดเพราะการทำหน้าที่ นั้นก็สอนเรื่องหน้าที่ให้สูงขึ้นไปสูงขึ้นไป จนกระทั่งพระพุทธเจ้าเกิด ท่านก็ยังใช้คำนี้ ธรรมะคือหน้าที่ สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป จนบรรลุมรรคผลนิพพาน หน้าที่สูงสุดอยู่ที่นั่น แต่ใจความสำคัญของทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นมันอยู่ที่ว่าหน้าที่ที่ถูกต้องเพื่อความรอด หน้าที่เหล่านี้ก็คือธรรมะ ธรรมะหมด กินอาหารให้ถูกต้อง รอดอยู่ได้ก็เป็นธรรมะ อาบน้ำให้ถูกต้องรอดอยู่ได้ก็เป็นธรรมะ ถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้ถูกต้องก็เป็นธรรมะ ล้างบาตร ล้างถ้วย ล้างจาน ล้างอะไรก็ตามที่มันถูกต้องมันก็เป็นธรรมะ เป็นธรรมะ ถ้าว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำไร่ ทำนา ทำสวน ค้าขาย ทำราชการ เป็นกรรมกร ก็เป็นธรรมะ หน้าที่นั้นเป็นธรรมะ ธรรม ะคือ หน้าที่เพื่อความรอด นั้นหนูขุดรูอยู่ ปูมันขุดรูอยู่ แย้มันก็ขุดรูอยู่ มันก็ทำหน้าที่เพื่อความรอด คือการขุดรูก็เป็นธรรมะของหนู ของปู ของแย้ เป็นต้น มันอยู่ที่หน้าที่ที่ถูกต้องเพื่อความรอด กระทั่งว่าคนมันยังเลวเกินไป มันโกงหน้าที่ มันเคารพหน้าที่ ไม่ มันเกลียดหน้าที่ มันไม่อยากทำหน้าที่ อย่างอันธพาลน่ะ พอเหงื่อออกมามันก็ โอ้ ไป ไปจี้ไปปล้นดีกว่า ดีกว่ามาทำงานอยู่อย่างนี้ นี่มันไม่เคารพหน้าที่ถึงขนาดที่ว่าจะอดทน มันไม่รู้ว่าเหงื่อนั้นล่ะเป็นน้ำมนต์อันสูงสุด ดีกว่าน้ำมนต์ที่เขารด รด รดรดกันอยู่ ไม่เห็นได้อะไร เป็นพิธีที่เป็นพิธี เป็นตามพิธีหลอกให้พอใจกันครู่ ครู่ ชั่วครู่ชั่วยาม ถ้ามันเป็นเหงื่อออกมามันพิสูจน์โดยแท้จริงแล้วนี่ มันมีการทำงานถึงขนาดนะ ทำงานในหน้าที่ถึงขนาดนะ เหงื่อมันจึงได้ออกมา มันมีความถูกต้องอยู่ในเหงื่อ มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเหงื่อ ก็จะช่วยให้รอด คนที่ได้สละเหงื่อออกไปมากมายเท่าไรเขาก็ช่วยตัวเองได้มากเท่านั้น ฉะนั้นเหงื่อคือน้ำมนต์ที่แท้จริงยิ่งกว่าน้ำมนต์ที่รด รดกันอยู่อย่างเป็นพิธีรีตอง เธอจงชอบใจหน้าที่แม้ว่าจะให้เหงื่อออกมา รู้ว่าหน้าที่ หน้าที่นี้ล่ะ คือสิ่งสูงสุด ถ้าไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าไม่เคารพหน้าที่ พระพุทธเจ้าทำหน้าที่ยี่สิบสี่ชั่วโมงครบวงจร ไม่เบื่อหน่าย คือ หัวรุ่งยังไม่ทันจะสว่าง ก่อนรุ่งนั่นท่านก็ใคร่ครวญ เขาเรียกว่าเล็งญาณส่องโลก สำหรับวันนี้จะไปบิณฑบาตในทิศทางไหน จะโปรดใครให้ได้รับธรรมะดับทุกข์ได้ ถ้าท่านรับทราบข่าวและสังเกตเห็นอยู่ที่นั่นที่นี่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าท่านก็ต้องเลือกเอาให้มันเหมาะที่สุด เพราะมันมีหลายแหล่งด้วยกัน เมื่อเลือก เพราะว่าวันนี้ไปทางทิศทางนี้จะได้โปรดพราหมณ์คนนั้น คหบดีคนนี้ หรือโปรดเดียรถีย์ เดียรถีย์คนนั้น เดียรถีย์คนนี้ ท่านก็ไป พยายามจะได้พบปะ ที่ไปบิณฑบาตว่าโปรดสัตว์นั้นไม่ใช่เป็นขอ ไม่ใช่ไปขอทานอาหารกิน แต่ไปเพื่อจะได้พบปะกับเจ้าของบ้าน จะได้พูดจากัน เพื่อจะได้ให้เขารู้เรื่องความดับทุกข์และดับทุกข์ได้ นั่นน่ะคือโปรดสัตว์ แล้วบางทีอยู่จนเที่ยงจนสายสนทนากันอยู่นั่นน่ะ ตอนเที่ยงมันต้องพักผ่อนบ้าง เพื่อมีกำลังทำงานต่อไป กลับวัด กว่าจะกลับวัดก็ตอนบ่าย ตอนบ่าย นี้ก็สอนไอ้ตอนบ่ายตอนเย็นนี่ก็สอนประชาชนที่ไปหาถึงวัด กระทั่งบังเอิญพบใครที่กลางทางก็สอนตรงกลางทางนั่นแหล่ะ ถ้าไปถึงวัดได้ก็สอนคนที่ไปหาถึงวัดในตอนบ่ายตอนเย็น พอค่ำลงก็สอนภิกษุหรือสามเณรหรือคนวัดที่อยู่ในวัด ตอนหัวค่ำ นี่พอดึกก็สอนเทวดา เทวดามาจากสวรรค์ เทวดามาจากในรั้วในวังพระราชามหากษัตริย์ อันนี้เขาเรียกว่า เทวดานะ อ่า ก็แก้ปัญหาเทวดา ดึกไปแล้ว ที่พักผ่อนนิดหน่อยแล้วก็ถึงหัวรุ่งอีกแล้ว เล็งญาณส่องโลกว่าจะไปโปรดใครที่ไหนอีก ดูสิท่านทำงานครบวงจร เราทำอย่างนี้ไหม เราขยันในหน้าที่ถึงอย่างนี้ไหม ในวันที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานอยู่แล้วน่ะ ค่ำลงจะปรินิพพานน่ะ ตอนกลางวันท่านยังเดินทางไกลเป็นโยชน์ โยชน์ เดินทางไกลเป็นโยชน์ โยชน์ทำหน้าที่ของท่านอยู่กระทั่งวันสุดท้าย อีกกี่นาทีจะปรินิพ ไม่กี่นาทีจะปรินิพพานอยู่แล้ว ไม่กี่นาทีนี่ ก็ยังโปรดปริพาชกคนหนึ่งนะให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ นี่เรียกว่า ท่านทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย น่าบูชาอย่างนี้เพราะว่าท่านเคารพหน้าที่ของท่าน ถ้าท่านไม่ทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่เป็นพระพุทธเจ้า แต่นี่ท่านทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้าเต็มที่สุดเหวี่ยงอย่างนี้ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้า เราก็เหมือนกัน ไม่ทำหน้าที่ของสามเณรก็ไม่เป็นสามเณร ไม่ทำหน้าที่ของพระก็ไม่เป็นพระ ไม่ทำหน้าที่ของมนุษย์มันก็ไม่เป็นมนุษย์ ไม่ทำหน้าที่มันคือตายนะ ก็คิดดู ฟังดูให้ดีดี ไม่ทำหน้าที่ ลองลองไม่ทำหน้าที่ดู มันคือตายแน่แน่ ฉะนั้นจะต้องเห็นค่าของหน้าที่ หน้าที่คือทำให้ชีวิตนี้มันรอด ร่างกายเนื้อหนังนี่ประกอบกันด้วยเซลล์ตัวเล็ก เล็ก เล็ก เล็กนั่นน่ะมีชีวิตนะ มันก็มีหน้าที่ กลุ่มเซลล์ไหนมันมีหน้าที่อย่างไร มันก็ทำอย่างนั้น ตัวโลหิตขาวก็ทำหน้าที่โลหิตขาว ตัวโลหิตแดงก็ทำหน้าที่โลหิตแดง ทุกส่วนมันทำหน้าที่ ชีวิตมันก็เลยรอดอยู่ได้ เป็นคนอยู่ได้ด้วยหน้าที่ของสิ่งที่มีหน้าที่ กระทั่งว่าเป็นมือ เป็นเท้า เป็นหู เป็นตา เป็นปาก เป็นจมูก เป็นอะไรก็ต้องทำหน้าที่ ตาทำหน้าที่ของตาให้ดี หูทำหน้าที่ของหูให้ดี จมูกทำหน้าที่ของจมูกให้ดี ลิ้นทำหน้าที่ของลิ้นให้ดี ผิวหนังร่างกายทำหน้าที่ให้ดี ใจให้ทำหน้าที่ให้ดี ดีอย่างนี้แล้วก็รอด มือทำหน้าที่มือ ขาทำหน้าที่ขา แขนทำหน้าที่แขน ทำหน้าที่ให้ดีนะมันก็รอด ไม่ถูกต้องมันก็คือตาย สัตว์เดรัจฉานก็ต้องตาย ต้นไม้ต้นไร่มันก็ต้องตาย ถ้ามันทำหน้าที่ของมันไม่ถูกต้อง ที่พูดกันมากมายแต่บางคนง่วงแล้ว นั่นเพราะว่ามันเพื่อให้เธอทั้งหลายรู้จักหน้าที่ ไม่สนใจหน้าที่ ไม่อยากฟังเรื่องหน้าที่ ง่วงนอนแล้วก็มี เพราะฉะนั้นจึงต้องให้ทำหน้าที่ ฝึกฝนการทำหน้าที่ให้อย่างยิ่ง ว่าบูชาหน้าที่เหมือนพระพุทธเจ้า ธรรมะคือหน้าที่ เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงเคารพ แต่พวกบ้าๆ เหล่านี้มันว่าเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า แต่มันไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพล่ะ เธอช่วยฟังให้ดีๆ มันไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ คือหน้าที่ มันบิดพลิ้วหน้าที่ มันไม่อยากทำหน้าที่ มันเป็นนิสัย เป็นคนขี้เกียจ เป็นคนเห็นแก่ตัว มีกิเลสมาก โลภะ โทสะ โมหะ กลุ้มไปหมด ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ถูกต้อง
ฉะนั้น หน้าที่อะไรมีก็ทำให้ดีที่สุด เรายังเป็นสามเณรยังไม่มีการทำมาหากินทำไร่ทำนา แต่มันก็มีหน้าที่บริหารชีวิต ไปบิณฑบาตให้ดีที่สุด อาบน้ำให้ดีที่สุด ถูกต้องและพอใจเป็นสุขตลอดเวลาที่อาบน้ำ อุจจาระ ปัสสาวะ ก็ทำให้ดีที่สุด จนมีความสุขตลอดเวลาที่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ไอ่คนโง่ๆ มันทำไม่ได้ มันไม่อยากจะทำด้วยซ้ำไป มันก็ทำอย่างลวกๆ เลวๆ มันอยากจะไปทำอื่นนู่น ใจมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ แต่ถ้าเป็นคนที่มีธรรมะแล้วก็จะต้องทำให้ดีที่สุด แม้แต่การถ่ายอุจจาระปัสสาวะ มีวัตรมีวินัยอยู่เยอะแยะว่าเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระปัสสาวะนี่ ไปเปิดดูเอาเอง ท่านเรียนนักธรรมโทมาแล้วก็รู้กันไว้ แต่เรียนมาอย่างหลอกลวงไม่รู้ จะล้างหน้าจะถูฟัน นี่ก็ต้องดีที่สุด ถูกต้องที่สุด พอใจที่สุด เป็นสุขที่สุดตลอดเวลาที่ล้างหน้าและถูฟัน เดี๋ยวนี้พวกเธอไม่เคย ไม่เคย ไม่เคยมีความสุขที่สุดตลอดเวลาที่ล้างหน้าและถูฟัน ก็จิตใจไม่รู้อยู่ที่ไหน บางทีก็ไม่อยากจะทำ และก็ไม่รู้ว่านี่คือหน้าที่ ไม่รู้ว่านี่คือธรรมะ ก็เลยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ดี แต่เปล่าเลย ไม่ได้เคยรับความสุขใจ พอใจ เมื่อเวลาล้างหน้าหรือถูฟัน ถ้าว่าครูบาอาจารย์เขาสอนดีเขาจะสอนให้มีสติสัมปะชัญญะอย่างยิ่ง ทำทุกอย่างแม้แต่เรื่องล้างหน้าถูฟัน อาบน้ำถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ฉันอาหาร ล้างถ้วยล้างจาน ทำดีที่สุด มันก็เป็นมี ผู้มีธรรมะทุกอิริยาบถ คำนี้ไม่ใช่ ไม่ใช่คำเล็กๆ เล่นๆ นะ มีธรรมะทุกอิริยาบถ เพราะว่าเรามันต้องเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถอยู่ตลอดเวลา คำว่า ทุกอิริยาบถ ประกอบอยู่ด้วยสติสัมปะชัญญะ ถ้าทำอย่างดีที่สุด ถูกต้องที่สุด พอใจที่สุด พอใจทุกอิริยาบถนั่นล่ะคือ ผู้มีธรรมะ มีธรรมะทุกอิริยาบถ ถ้าเราอยากจะทำโลกให้มันมีธรรมะ ก็คือทุกคนในโลกชวนกันทำหน้าที่นั้นน่ะ โลกก็มีธรรมะ เดี๋ยวนี้มันไม่มีคนที่จะทำหน้าที่ แต่มีคนจะเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องสิทธิ คดโกงฉ้อฉลเรียกร้องสิทธิปั่นป่วนกันไปหมด โดยเฉพาะพวกการเมือง นั่นมันไม่ใช่เรียกสิทธิ โกงสิทธิ เอาสิทธิ โดยไม่ต้องทำหน้าที่ที่ถูกต้อง เธอทั้งหลายจงยินดีพอใจที่จะได้มีระเบียบขึ้นมาสำหรับให้ประพฤติปฏิบัติ ให้พอใจในหน้าที่ เคารพหน้าที่ มันเป็นสิ่งสูงสุดที่จะช่วยได้ ถ้าไม่ทำหน้าที่มันจะต้องตาย ไม่มีใครช่วยได้ พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ผีสางเทวดาที่ไหนก็ช่วยไม่ได้ ให้มันจุดธูปจุดเทียนบูชาดอกไม้สักการะเป็นหอบๆ เป็นเกวียนๆ ก็เถิด มันไม่ช่วยได้ ถ้ามันไม่ ไม่ทำหน้าที่ จะอ้อนวอนให้พระเจ้ามาช่วย พระเจ้าก็ไม่ช่วยหรอกกับคนที่มันไม่ทำหน้าที่ มันจะมีพระเจ้าโง่ๆ ที่ไหนมาช่วยคนไม่ทำหน้าที่ มันก็ช่วยไม่ได้อยู่นั่นล่ะ ฉะนั้นหน้าที่ก็คือพระเจ้าที่แท้จริง คือพระเจ้าที่สูงสุดที่จะช่วยคนได้ หน้าที่ที่ทำถูกต้องที่สุด ดีที่สุดนั่นล่ะจะช่วย จะช่วยให้คนรอดได้ เพราะเหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงเคารพหน้าที่ เย จะ พุทธา อะตีตา จะ, เย จะ พุทธา อะนาคะตา, สัพเพ ปัจจุปันนา จะ เย พุทธา, สัพเพ สัทธัมมะคะรุโน พระพุทธเจ้าในอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี ทุกพระองค์เคารพหน้าที่คือธรรมะ มะแปลว่า หน้าที่
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบหน้าที่นะ รู้หน้าที่ชั้นสูงสุดนะ แล้วท่านสอนพระธรรม พระธรรมก็คือ ตัวหน้าที่ กล่าวไว้ในรูปปริยัติบ้าง ปฏิบัติบ้าง ปฏิเวธบ้าง เป็นตัวหน้าที่ พระสงฆ์ก็คือผู้ปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ ถ้าเธอทำในเรื่องหน้าที่สำเร็จเธอก็มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยสมบูรณ์ เดี๋ยวนี้มีแต่ปากว่าอย่างนกแก้วนกขุนทองว่า พุทธัง สรณัง คัทฉามิ ปากมันว่า พุทธัง สรณัง คัทฉามิ แต่ใจมันว่า สตางค์ สรณัง คัทฉามิ เธอฟังออกไหมที่เราพูดนี่ คือ ปากมันว่า พุทธัง สรณัง คัทฉามิ หัวใจของมันน่ะ สตางค์ สรณัง คัทฉามิ มันเป็นอย่างนี้ซะโดยมากล่ะ แล้วมันจะลามมาถึงพระถึงเณรล่ะก็หมดเลย นี่ถ้าพุทธัง สรณัง ธัมมัง สรณัง สังฆัง สรณัง ก็บูชาหน้าที่ เคารพหน้าที่ ทำหน้าที่ให้เต็มเปี่ยมที่สุด จึงมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในหน้าที่ ที่ใดมีหน้าที่ที่นั้นมีธรรมะ ถ้าในโบสถ์ไม่มีการทำหน้าที่ในโบสถ์ไม่มีธรรมะ โบสถ์บางโบสถ์มีแต่นั่งสั่นเซียมซีสั่นเซียมซีทั้งวัน เราไม่อยากจะออกชื่อโบสถ์ไหน จุดธูปจุดเทียนบูชาอ้อนวอนอย่างนั้นอย่างนี้ เอาขนมอาหารมาบูชาพระพุทธรูปขอร้องอ้อนวอนอย่างนี้ก็มีนะ โบสถ์อย่างนี้ไม่มีธรรมะหรอก เพราะมันไม่มีการทำหน้าที่ มันมีแต่การเรียกร้องหรือขอร้อง ไอ้ที่กลางนาโน่น กลางแดดกลางนา ชาวนาไถนาอยู่เรื่อยกลางนานั่นน่ะ มีหน้าที่ กลางนากลับมีธรรมะ ในโบสถ์ไม่มีธรรมะ มันเปลี่ยนกันได้มากถึงอย่างนี้ เธอจำข้อความนี้ไว้ดีๆ จะเป็นเครื่องเตือนจิต เตือนจิตเตือนใจตลอดไปตลอดเวลานาน ว่าถ้าที่ไหนไม่มีหน้าที่ที่นั้นไม่มีธรรมะ มีธรรมะก็มีหน้าที่ ที่ไหนก็ได้เวลาไหนก็ได้ แล้วมันก็มีอยู่ที่ตัว ตัวเองน่ะ หน้าที่หรือธรรมะมีอยู่ที่ตัวเองที่กระทำ ไม่ต้องไปอยู่ที่วัดที่โบสถ์ ไม่ต้องไปอยู่ มันอยู่ที่ทำหน้าที่ ตัวเองทำหน้าที่ ตัวตนทำหน้าที่ เหงื่อไหลออกมาก็แสดงว่าทำหน้าที่ได้เต็มความสามารถ นี่ อบรมกันอย่างนี้สิ แล้วก็จะไม่เสียผ้าเหลือง ไม่เสียเวลา ให้สำเร็จประโยชน์ด้วยการมีจิตใจสว่างไสวถูกต้องแจ่มแจ้งรู้จักสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ คือ หน้าที่ เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลานะ เหนื่อยเปล่านะ เปลืองเปล่านะ อุปัชฌาย์อาจารย์ก็เหนื่อยเปล่า ผู้สอนผู้คุมก็เหนื่อยเปล่า บิดามารดาก็เหนื่อยเปล่า อะไรมันก็เหนื่อยเปล่า ไม่ได้ผลอะไรในการบวช เป็นอันว่ามันรับผิดชอบอยู่ที่ตนเอง ว่าเขาไม่มีใครมาทำช่วยทำให้ได้ มันต้องทำเอง ต้องทำเอง จัดให้ชีวิตร่างกายนี้ มีหน้าที่ที่ถูกต้องทั้งภายในทั้งภายนอก ทั้งส่วนใหญ่ทั้งส่วนย่อย ทั้งส่วนละเอียดที่สุด อำนวยให้มันได้ทำหน้าที่ หูตามือตีนทำหน้าที่ ไอ้เซลล์ทุกๆ เซลล์ที่เล็กจนดูด้วยตาไม่เห็นน่ะมันก็ทำหน้าที่ ทำหน้าที่ เมล็ดโลหิตขาวทำหน้าที่กำจัดเชื้อร้ายที่เข้าไป เม็ดโลหิตแดงมันก็ทำหน้าที่สร้างสรรค์ให้คงรูป คงร่าง คงโครงร่าง คงโครงอะไรอยู่ได้ กระดูกก็มีหน้าที่สร้างเม็ดโลหิต โอ้, มันทำหน้าที่กันเหลือประมาณ ไม่เหมือนกับคนขี้เกียจนอนกรน ฟ่อฟ่อ จนอาทิตย์ขึ้น ไม่เห็นมีหน้าที่อะไร ดีแต่ธรรมชาติมันกำหนดมาให้ทำหน้าที่ ไอ้ต้นไม้นี่ตามที่เราเล่าเรียนกันมา เขาว่ากลางคืนอย่างนี้มัน มันคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดคืน กลางวันมีแสงแดดมันก็คาย คายแก๊สออกซิเย่นตลอดวัน ถ้ามันไม่ทำหน้าที่ตลอดวันไม่ทำหน้าที่ตลอดคืนแล้วมันจะเอามาจากไหนคาย มันต้องทำหน้าที่ของมันทั้งกลางวันและกลางคืน แม้มันจะต่างกัน นึกอย่างนี้แล้วก็รู้จักละอายต้นไม้กันซะบ้าง สัตว์เดรัจฉานทำหน้าที่ไม่บกพร่อง ถ้ามันบกพร่องมันก็ตาย มันก็ตาย คนที่ไม่ทำหน้าที่มันก็ตายเหมือนกัน แต่ว่าบางอย่างมันไม่ถึงกับตาย แต่มันเจียนตาย เพราะว่ามันคดโกงผลประโยชน์ของผู้อื่นมาใช้มากินได้ เอ้า, แล้วเป็นอันว่าเราจะรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านเคารพหน้าที่ แล้วเราก็จะเคารพหน้าที่ตามอย่างพระพุทธเจ้า คือ หน้าที่อะไร อะไร อะไร มันมีกี่สิบกี่หน้าที่ก็ให้ดีที่สุด ทำให้ดีที่สุด ไปแยกเอาเอง หน้าที่บิณฑบาต หน้าที่ฉันอาหาร หน้าที่กวาดวัด หน้าที่รักษาเสนาสนะ หน้าที่ซักจีวร ในที่สุดแต่ว่าไอ้เล็บมันยาวมันก็ต้องตัด ผมมันยาวมันก็ต้องโกนอย่างนี้ทั้งหมด เป็นหน้าที่ที่ทำให้อยู่รอดได้ปกติสุขได้ล่ะ ถูกต้องทั้งนั้น แม้แต่คันขึ้นมามันก็ต้องเอื้อมมือไปเกา เห็นไหมล่ะ แม้แต่คันขึ้นมาก็ต้องเอื้อมมือไปเกา แม้อย่างนั้นก็ต้องทำด้วยสติสัมปะชัญญะ เอื้อมมือไปเกาให้ถูกต้องที่สุด มีความพอใจ อย่าโกรธแค้นเป็นยักษ์ เป็นมาร เมื่อมันคันตรงไหนขึ้นมาก็เกาอย่างคนบ้า อย่างนี้มันไม่มีสติสัมปะชัญญะแม้แต่ในการเกา มันรู้สึกคันขึ้นมา ถ้าเธอเคยทำอย่างนั้น เธอเลิกเสีย ละเสีย พิจารณาเห็นว่าคันแล้วรู้สึกแล้วจะต้องเกาแล้วก็มีสติสัมปะชัญญะเกาให้ดีที่สุด ไม่ต้องโกรธไม่ต้องโมโหโทโสกับการคัน ทีนี้มันก็เป็นสร้างขันติ โสรัจจะแล้วได้ไปดีที่สุดพร้อมกันไปในตัว เป็นส่วนน้อยส่วนหนึ่งในหลาย หลายร้อยเรื่องที่มันจะต้องฝึกต้องปฏิบัติในระยะที่เราบวชเณร คำว่า บวชนี่ก็แปลว่า ประพฤติพรหมจรรย์ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะต้องประพฤติ เราก็ทำดีที่สุดสมชื่อ ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อความอยู่รอด การประพฤตินั้นก็คือการทำหน้าที่นั่นเอง ธรรมะแปลว่า หน้าที่ เวลาจะเหลืออยู่อีกกี่วันจะลาสิกขาก็ทำใจ แต่ขอให้ทำหน้าที่ดีที่สุด บูชาหน้าที่ ในฐานะที่พระพุทธเจ้าเขาบูชา อย่างนี้เราก็จะได้เป็นสามเณรที่ดี เหมาะสำหรับที่จะเป็นสมณะในอนาคต
มีคำเขาเล่าว่า สามลิง ก็มี ถ้าไม่เป็นสามเณรก็ต้องเป็นสามลิง คือ ชอบสงสัย เหลาะแหละ หลุกหลิก ไปตามแบบของสามลิง ทำให้ถูกต้อง สงบเสงี่ยมไปก็เป็นสามเณร ต่อไปก็เป็นสมณะ แปลว่า ผู้สงบสุข ผู้มีความสงบสุข เป็นสมณะในฆราวาสก็เรียกว่า สมณะ พระโสดา สกิทาคา เป็นฆราวาสก็มี เป็นสมณะในฆราวาสก็เป็นได้ คือ สงบสุข หรือจะเป็นสมณะในบรรพชิตก็เป็นได้ ถึงพระอรหันต์ก็ยิ่งสงบสุข ขอให้มีความถูกต้อง มีความสงบสุขตามความหมายของสมณะ เป็นที่มุ่งหมายในอนาคตก็แล้วกัน นี่ขอให้เธอทั้งหลายรู้สิ่งที่กำลังกระทำ ความมุ่งหมายของสิ่งที่กำลังกระทำมีคุณค่ามหาศาลสักเท่าไร กลัวว่าจะไม่รู้จัก รู้จักน้อยเกินไป ถ้าโง่มากๆ ก็จะไม่เห็นว่ามีคุณค่าอะไร บังคับให้ทำลำบากเปล่าๆ หรือทำเห่อๆ ตามๆ กันไปไม่ได้รับประโยชน์อะไรมันก็ไม่คุ้มค่าเหมือนกัน ข้อนี้เราต้องรับผิดชอบตัวเอง ต้องรู้จักมันอย่างถูกต้อง ทำมันอย่างถูกต้อง ได้รับผลมาอย่างถูกต้อง นี่ก็ได้ผลดีที่สุด งั้นเธอตั้งใจจะทำอย่างนี้ ก็ยอมบรรพชากันอย่างนี้ รักษากฎเกณฑ์ ปฏิบัติตลอดเวลาที่เป็นอย่างนี้ ก็เรียกว่าได้รับการฝึกฝนที่ดีที่สุดที่ควรจะได้รับแล้ว แล้วคงจะได้รับผลอันยืดเยื้อติดไปในสันดาน เปลี่ยนนิสัยสันดาน เปลี่ยนไอ้ความรู้เท่าที่มีตามสัญชาตญาณนั่นที่ไม่เพียงพอน่ะให้มันเพียงพอขึ้นมา
เพราะเหตุที่ได้อย่างนี้เราขอแสดงความยินดี ขอแสดงความรู้สึกอนุโมทนาในการกระทำของท่านของเธอทั้งหลาย ขอให้เธอทั้งหลายมีความเชื่อแน่วแน่ในการกระทำนี้ มีความกล้าหาญในการกระทำนี้ มีความอดทนในการกระทำนี้ ปฏิบัติหน้าที่ตามที่มีอยู่อย่างไรให้ก้าวหน้าให้ดีที่สุด แม้ลาสิกขาแล้วมันยังติดไปจนตลอดชีวิต จึงขออนุโมทนา ขอบอกว่าเป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายต้องทำเองให้สมบูรณ์ เราไม่มัวให้พรให้แล้วให้อีกให้พรด้วยปาก มันไม่ค่อยจะสำเร็จประโยชน์อะไร เธอทั้งหลายจะต้องทำเอง จะต้องทำเอง แล้วมันจะเป็นพรแท้จริงขึ้นมา แล้วก็จะช่วยได้จริง มันจะเป็นพุทธบริษัทแท้จริง จะเป็นภิกษุสามเณรจริง จะเป็นพุทธบริษัทที่แท้จริงสืบอายุพระศาสนาได้จริง ตัวเองก็ไม่เป็นทุกข์ เพื่อนมนุษย์ก็ไม่เป็นทุกข์ นั้นเพราะว่าได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ การกระทำหน้าที่นี้มันจะเป็นพรแท้จริงสูงสุดมากมายให้แก่เธอเอง เธอจงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติโดยหลักการอันนี้ แล้วเธอจงมีความสุขความเจริญในหน้าที่การงาน ในคุณธรรมทั้งหลายของมนุษย์อยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอ