แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอานั่ง นั่งราบตามสบาย นั่งกลางดินมีความหมาย นั่งกลางดินนี้มีความหมาย มากกว่านั่งบนอาสนะ เสื่อสาด อาสนะ เพราะว่านั่งกลางดินหมายความว่านึกถึงพระพุทธเจ้าได้ง่าย เพราะพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน พระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดิน พระพุทธเจ้าสอนกลางดิน ในที่สุดพระพุทธเจ้าตายกลางดินนะ พระพุทธเจ้าตายกลางดินรู้บ้างนะ จุติพระพุทธเจ้าก็พื้นดิน ดินนั้นมีความหมายเกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามากนะ ท่านประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน อยู่กลางดิน สอนกลางดิน นิพพานกลางดิน แล้วสอนธรรมะ สอนว่าให้ประพฤติตนเหมือนกับดิน อย่ายินดียินร้ายเมื่อเขาเอาอะไรทิ้งบนดิน ของสะอาดก็ดี ของสกปรกก็ดี แผ่นดินไม่เคยยินดียินร้าย เราจึงประพฤติตนโดยมีดินเป็นอุปมา จึงถือว่าดีมานั่งบนกลางดิน ได้นั่งที่นอนที่นิพพานของพระพุทธเจ้า ได้นึกถึงพระพุทธเจ้าได้ง่าย เมื่อไปที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าไปที่ไหนพอได้นั่งกลางดิน ใจให้นึกถึงพระพุทธเจ้า ถ้าไปนั่งบนเก้าอี้ ไปนั่งบนอะไรพรรค์นั้นมันนึกยาก นึกยาก เพราะเราไปที่ไหนได้นั่งกลางดิน ชายทะเลก็ตามที่ไหนก็ตาม พอนั่งบนกลางดินใจก็นึกถึงพระพุทธเจ้าทันทีโดยง่ายดาย ที่นี่เราจึงรับแขกกลางดิน พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นไม้ ตรัสรู้ใต้ต้นไม้ สอนใต้ต้นไม้ นิพพานก็ใต้ต้นไม้ ที่นี่เราก็นั่งใต้ต้นไม้ พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นไม้ชื่ออะไร ใครรู้ว่าพระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นไม้ชื่อต้นอะไร ใครรู้ยกมือสูง ไม้อะไร(ตอบ ต้นโพธิ์) ...ต้นโพธิ์ ..ใครว่าต้นอะไร รู้คนเดียว 35คนรู้คนเดียว พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นอะไร หือ ใครตอบได้ยกมือ อือ..พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นไม้ชนิดหนึ่ง เขาเรียกในอินเดียว่าต้นสาละ สาละ เป็นไม้ดีที่สุดของอินเดียไม้เนื้อแข็งเหมือนกับไม้เคี่ยม พรุ่งนี้ไปจูบต้นสาละเสียทุกคน อยู่ที่หน้ากุฎินั่นให้มันหายโง่ ต้นสาละอยู่หน้ากุฎิ เขาเขียนป้ายหินว่าต้นสาละ ต้นนั้นที่อยู่ตรงบันได ใบใหญ่ๆ เอาใบแห้งๆติดไปสักใบก็ได้ เอาไปเป็นที่ระลึก ต้นสาละ พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นสาละ พระพุทธเจ้านิพพานใต้ต้นอะไร ใครรู้ ต้นอะไร ต้นอะไร ต้นรัง ต้นรังภาษาไทยในบาลีไม่มี ต้นอะไรในบาลี ต้นสาละเหมือนกัน ประสูติที่ใต้ต้นสาละ นิพพานก็ใต้ต้นสาละ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นอะไร (ตอบต้นโพธิ์) ต้นโพธิ์ ต้นโพธิ์ เขาเรียกอัสสัตถะ อัสสัตถะ ต้นโพธิ์เป็นชื่อเกียรติยศ ไม่ใช่ชื่อต้นไม้ ต้นไม้ชนิดนั้นเขาเรียกไม้อัสสัตถะ เป็นไม้เหมือนที่เราเห็นเป็นต้นโพธิ์ เป็นไม้มะเดื่อเนื้อใช้อะไรไม่ได้ เป็นตระกูลไม้มะเดื่อเนื้อใช้อะไรไม่ได้ เขาเรียกไม้อัสสัตถะ อัสสัตถะ แล้วเพราะอะไรพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วก็ได้ชื่อใหม่ว่าต้นโพธิ์ ต้นโพธิ์มันเป็นชื่อเกียรติยศ ชื่อต้นไม้จริงๆ ไม้อัสสัตถะ นี่รู้ไว้นะ นิพพานใต้ต้นสาละ ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ประสูติใต้ต้นสาละ มาที่นี่ทั้งทีก็ให้รู้จักต้นสาละ พรุ่งนี้ไปดูก็ได้ เขาเขียนตัวหนังสือไว้ที่แท่นหินว่าต้นสาละ ต้นนั้น ใบแห้งๆก็หล่นอยู่มาก จะปลดเอาใบสดก็ได้ แต่ว่าใบแห้งก็มี เอาไปเป็นที่ระลึก ต้นสาละ นี่มาตรงนี้ก็มานั่งที่พระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน อยู่กลางดิน สอนกลางดิน นิพพานกลางดิน พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นไม้ ตรัสรู้ใต้ต้นไม้ อยู่โดยมากก็ใต้ต้นไม้ ชอบต้นไม้ นิพพานก็ใต้ต้นไม้ นิพพานใต้ต้นสาละคู่ คืออยู่หัวต้นนึง อยู่ปลายตีนต้นนึง ต้นสาละคู่ ก็ดี ได้มานั่งกลางดิน ได้มาพูดกันกลางดิน ใต้โคนไม้ ดี ดีกว่าพูดในโบสถ์ ในโรงธรรม เราว่านะ
ทีนี้เรามันบวชเณร บวชเณร เป็นบวชสามเณร 200 ปี หรือฤดูร้อนก็ตามใจ บวชเณร บวชสามเณร บวชเป็นสามเณร เป็นสามเณรนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับพระพุทธเจ้าวะ ใครรู้ เป็นสามเณรนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับพระพุทธเจ้า ใครตอบได้ หา ใครตอบได้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเลย เป็นสามเณร(ตอบ สามเณรเป็นเหล่ากอของสมณะครับ) อือ นี่คงได้ยินได้ฟังคนที่เรียนบาลี เขาตั้งบทวิเคราะห์ว่าสามเณรคือเหล่ากอของสมณะ คือผู้ที่จะเป็นสมณะ สามเณรนั้นคือผู้ที่เตรียมตัวเพื่อจะเป็นสมณะ ทุกคนต้องเตรียมตัวเพื่อเป็นสมณะเพียงจะได้ชื่อว่าสามเณร นั่นแหละบวชให้มันเป็นเณร ให้มันได้เตรียมตัวสำหรับเป็นสมณะ ถ้าบวชแล้วไม่เป็นเณร เป็นอะไร ถ้าบวชแล้วมันไม่เป็นเณร จะเป็นอะไร ใครรู้ เป็นอะไร ไม่มีใครรู้ นี่เป็นเณรกันแล้วทุกคนหรือ (ตอบ อาชีวก) ชีวก เกินไป ไม่ได้เป็นหรอก เป็นเณรยังเป็นไปไม่ได้ก็ไม่เป็นอาชีวกหรอก เราว่าเป็นลิง ถ้าบวชเณรแล้วไม่เป็นเณร ไม่เป็นเณรก็เป็นลิง ที่โล้ดๆเต้นๆย่องๆแย่งๆ อยู่แบบนั้นแหละ มันเป็นลิง ระวังให้ดีอย่าเป็นลิง บวชก็ให้เป็นเณร อย่าได้เป็นลิง อย่างดีก็เป็นเด็ก ไม่เป็นเณรก็เป็นเด็ก ถ้ามันซนนักก็ได้เป็นลิง เตรียมตัวสำหรับเป็นสมณะ คือผู้สงบ มีความสงบ สงบจากกิเลส สงบจากบาป ไม่มีกิเลส ไม่มีบาปให้ใครเห็น ถึงจะไม่หมดกิเลส ไม่หมดบาป ก็อย่ามีให้ใครเห็น อย่าแสดงออกมา นั่นแหละดี พยายามบังคับ กาย วาจา ใจ ให้ถูกต้องอยู่เสมอ สงบแหละ สมณะแปลว่าสงบ สมณะนั้นแปลว่าสงบ เราเตรียมตัวเป็นผู้สงบคือเป็นสมณะ ต้องคอยบังคับกาย วาจา ใจเป็นไปในทางสงบ อย่าให้เกิดกิเลสขึ้นมา มันจะวุ่นวายขึ้นมา มันจะเกิดความทุกข์ มันจะเดือดร้อน
ในระหว่างที่บวช 2 เดือน หรือเดือนนึงก็ตามใจ ถ้าปฏิบัติจริง ปฏิบัติจริงๆ ทำความสงบจริงๆ มันจะติดไปได้นาน ถึงสึกออกไปแล้วมันก็จะสงบอยู่ได้อีกนาน ขอแต่ว่าในระว่างที่บวชอยู่นี้ ให้มันสงบจริงๆ ให้สงบจริงๆ ศีล คำว่าศีล แปลว่าสงบ หรือแปลว่าปกติ ศีลแปลว่าปกติ คือสงบ เราถือศีลของสามเณรให้จริงๆ แล้วมันก็จะสงบ กาย วาจา สงบ มีเวลาทำสมาธิ จิตก็จะสงบ จิตเป็นสมาธิแล้ว ทำวิปัสสนาให้เห็นแจ้ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กิเลสจะสงบ กาย สงบเพราะศีล จิตสงบเพราะสมาธิ กิเลสสงบเพราะวิปัสสนา หรือปัญญา ในระหว่างนี้พยายามฝึกฝน ทั้งศีล ทั้งสมาธิ ทั้งปัญญา ศีลนั้นไม่ต้องพูดเพราะพูดกันมามากแล้ว รู้แล้ว สมาธิมีใจความสำคัญว่าให้จิตอยู่ที่อารมณ์ที่เรากำหนดให้ เอาอะไรมาเป็นอารมณ์ของจิตสักอย่างหนึ่ง แล้วกำหนดที่สิ่งนั้นมันก็เป็นสมาธิ หวังเอานิพพานเป็นอารมณ์ในตอนสุดท้าย สมาธินี้มุ่งหวังเพื่อนิพพานในตอนสุดท้าย กำหนดพุทธคุณก็ได้ ธรรมคุณก็ได้ สังฆคุณก็ได้ กำหนดลมหายใจก็ได้ มากมายแหละสิ่งที่จะกำหนดได้ แต่ว่าที่สะดวก ง่าย คือลมหายใจ สะดวก เพราะเราหายใจอยู่แล้ว จิตกำหนดลมหายใจ อย่าให้พลาดกันได้ เข้าด้วยกันออกด้วยกัน เข้าด้วยกันออกด้วยกัน นั่นจิตเป็นสมาธิ จิตที่เคยฟุ้งซ่านจะเป็นจิตที่สงบ ทำให้ได้ละเอียดขึ้นที่สุด ทำได้จริง ละเอียดจริง ประณีตจริง เขาเรียกได้ฌาน ได้สมาธิ มีความสุขด้วย จิตนี้เหมาะสมที่จะรู้ต่อๆไปจนถึงปัญญา ถึงวิปัสสนา พอจิตสงบดีลองนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ตัวเราเคยหลงรัก ก็มี หลงโกรธหลงเกลียดก็มี พอจิตสงบดีแล้ว นึกถึงสิ่งเหล่านี้ เราไปนึกถึงสิ่งที่เราหลงรัก..โอ บ้าทั้งเพเว้ย ไปนึกถึงสิ่งที่เราเคยเกลียด เคยหลงเกลียด โอ ..บ้าทั้งเพโว้ย อย่าไปหลงรัก หลงเกลียด หลงโกรธ หลงกลัว หลงอะไรกันอยู่เลย ให้มีใจเกลี้ยง สงบ เยือกเย็น สิ่งที่เคยยินดียินร้าย มันมีอยู่ 2 อย่าง ถ้าเราชอบเรายินดี ถ้าเราไม่ชอบเรายินร้าย เรื่องต่างๆมีมาแล้วแต่หนหลัง คือยินดีและยินร้าย พอจิตสงบดีลองหวนนึกที่เคยยินดี เคยยินร้าย มันจะรู้สึก โอย บ้าทั้งเพ ไม่เอาแล้วโว้ย ไม่เอาแล้วโว้ย เรื่องยินดี ยินร้าย ไม่เอาแล้วโว้ย มีจิตใจสูงขึ้นแหละ มีจิตใจสูงขึ้น คือไม่ยินดีไม่ยินร้าย ก็ไม่เกิดกิเลสแหละ กิเลสมันเกิดจากยินดียินร้าย มีศีล ตามที่ได้เล่าเรียนมา ทำสมาธิ เหมือนที่อธิบายให้ฟัง ทำปัญญาวิปัสสนา ให้เห็นว่าสิ่งต่างๆไม่ควรหลงรัก ไม่ควรหลงเกลียด ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น เพราะว่ามันเป็นพรรค์นั้นเอง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา พรรค์นั้นเอง อย่าไปหลงรัก หลงโกรธ หลงเกลียด หลงกลัว หลงอะไร จิตไม่รัก ไม่โกรธไม่เกลียด ไม่กลัว ไม่วิตกกังวล ไม่ระแวง ไม่อิจฉา ริษยา ไม่อาลัย อาวรณ์ มันเป็นจิตเกลี้ยง จิตมันเกลี้ยงจากกิเลส ไม่ใช่หมดเชื้อจากกิเลส แต่ว่ามันเกลี้ยง เวลานี้มันเกลี้ยง มันไม่มีกิเลศสรากฏที่จิต คือว่าสวนโมกข์แปลว่า เกลี้ยง โมกข์แปลว่าเกลี้ยง ไม่มีอะไรมาห่อหุ้ม ให้สกปรก ระหว่างที่พักอยู่ในสวนโมกข์ พยายามนึกถึงความเกลี้ยงแห่งจิตใจ ความเกลี้ยงแห่งจิตใจ ใจเกลี้ยงก็ไม่เกลี้ยงไม่เกลี้ยงพยายามให้เกลี้ยง ไม่เกลี้ยงพยายามให้เกลี้ยง ถ้าไม่เกลี้ยงแล้วเขกหัวมันเสีย 4-5 ที มันอยากโง่นัก มันจะได้เกลี้ยง ถ้าใครทำจิตให้เกลี้ยงไม่ได้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้เขกหัวมันฉาดใหญ่ๆ ให้มันรู้จักหลาบ รู้จักหยุด รู้จักเกลี้ยง
ใครง่วงนอนแล้ว เราจะปิดประชุม ใครง่วงนอนแล้วยกมือ บางคนตาปรือแล้ว วันนี้ไม่ได้นอนเลย ดีๆๆๆ ไม่ต้องนอน ผู้ปฏิบัติไม่ต้องนอนกลางวัน ถึงเวลาก็ค่อยนอน บังคับ บังคับไม่ให้นอน ให้มันทำอะไรต่ออะไรเรื่อยไป สนุกเรื่อยไป ถึงเวลานอนก็ค่อยนอน บังคับทุกอย่างที่มันควรจะบังคับ เมื่อไม่ได้บวช ก่อนบวช ก่อนจะมาบวชใครสูบบุหรี่บ้างยกมือ เณรต้องพูดจริง นี่เป็นเณรนะ ต้องมีศีล ต้องพูดจริงนะ ว่าก่อนบวชใครสูบบุหรี่บ้าง มี 2 คนเท่านั้นแหละ ฝ่ายนี้ล่ะ ตัวใหญ่นี้ล่ะ สูบหรือเปล่า หา มี 2 คนเท่านั้นโว้ย ดี เมื่อคืนนี้ใครขโมยสูบบุหรี่บ้าง มีไม่มี เอาบุหรี่ซ่อนไว้ในย่ามหรือเปล่า ดี ไอ้นั่นแหละเค้าเรียกว่าบังคับ บังคับตัวเอง บังคับตัวเอง บังคับตัวเองไม่ให้ทำสิ่งชนิดนั้น สูบบุหรี่มันโง่มาก ถ้ามันโง่มาก มันเป็นเณรไม่ได้ เป็นลิงเหมือนเดิม ถ้ามันโง่มากเป็นเณรไม่ได้ สูบบุหรี่นี้โง่มาก มันเสียเงินเปล่าๆ เอาควันไฟเข้าไปรมปอด โง่หรือฉลาดล่ะ จุดบุหรี่สูบเอาควันไฟเข้าไปรมปอดน่ะโง่หรือฉลาด ตัวเล็ก โง่หรือฉลาด เรายังรู้ว่าโง่ อยากให้อาจารย์สูบบุหรี่หรือไม่อยาก ใครอยากให้อาจารย์สูบบุหรี่ ยกมือ ใครไม่อยากให้อาจารย์สูบบุหรี่ ยกมือ เออนั่นแหละ เพราะอาจารย์ของเราจะโง่ไม่ได้ ไม่ใช่หรือ อาจารย์ของเราจะโง่ไม่ได้ ถ้าโง่เราไม่เรียกอาจารย์ สูบบุหรี่คือเอาควันไฟเข้าไปรมปอด ปอดมันดีๆอยู่ มันก็เสียสิ ปอดก็เสีย มันจึงโง่เพราะอะไร เราจึงบังคับไม่สูบบุหรี่อีกต่อไป ใครตั้งใจว่าจะไม่สูบบุหรี่อีกต่อไป ยกมือ ไปสัญญากับท่านไสว เขาจะได้ให้ตุ๊กตา สัญญาจะไม่สูบบุหรี่อีกต่อไป บังคับทุกอย่าง ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ให้โทษก็อย่าไปทำ ถ้าไปทำก็ผิด ก็เรียกว่าผิด สิ่งนั้นไม่มีประโยชน์ ให้โทษ ก็อย่าไปทำ ผิดแหละ เราจะทำในสิ่งที่ผิดไม่ได้ เป็นสมณะหรือเป็นเตรียมสมณะ สามเณรเตรียมสมณะ ทำผิดไม่ได้ มาหัดฝึกฝน เรื่องกินเรื่องอยู่ เรื่องทุกอย่างที่ฝึกได้ต้องฝึกหมด เรื่องกินเรื่องอยู่นี่สำคัญ อย่าโมโหเรื่องกิน เรื่องอยู่ ได้กินไม่ดีแล้วโมโห ได้กินดีๆแล้วบ้าเลย หลงใหลชอบไปเลย นี่ใช้ไม่ได้ ได้กินดีๆก็ยินดี ได้กินไม่ดีแล้วยินร้าย ใช้ไม่ได้ ไม่เป็นสมณะ จะได้กินอาหารพอเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ พอใจแล้ว เราไม่ได้กินเพื่อกิเลส มันไม่ต้อง คิดถึงว่ามันอร่อยหรือไม่อร่อย ไม่ต้องคิด บำรุงร่างกายให้รอดชีวิตอยู่ได้โดยถูกต้องก็ใช้ได้แล้ว กินอาหารเพียงเท่าที่อยู่ได้สบายนั่นแหละ นั่นแหละข้อปฏิบัติ อย่าไปคิดจะกินดีกินมากกินอร่อยกินสวยกินสนุก กินข้าวจานแมวนั่นแหละดี ทำถูกแล้ว คำว่ากินข้าวจานแมวหมายความว่าอะไร ใครฟังถูก ฉันข้าวในบาตรทุกองค์ไม่ใช่หรือ เอาใส่ในบาตรรวมๆกันพอได้ฉัน ก็ฉัน เขาเรียกกินข้าวจานแมว อาบน้ำในคู อาบน้ำในลำห้วย ไม่ต้องอาบน้ำอย่างหรูหราในห้องอาบน้ำ อาบน้ำในคู นอนในกุฏิเล้าหมู กุฏิเท่าเล้าหมู นอน แล้วฟังยุงร้องเพลง ให้ยุงมาตอม ให้มันร้องเพลงให้ฟัง ไม่ต้องโกรธยุง ถ้าใครโกรธยุง ตบยุงผางแบบนี้ เป็นเณรหรือเป็นลิง (ตอบเป็นลิงครับ)ดีๆ ยุงมาร้องเพลงให้ฟังทั้งที ตบ เป็นลิง ตบยุงกินเลย ให้มันเป็นลิงจนถึงที่สุด วัดนี้เราตั้งหลักเกณฑ์ว่ากินข้าวจานแมว อาบน้ำในคู นอนในกุฏิเล้าหมู ฟังยุงร้องเพลง หมายความว่าไม่ยินดียินร้าย ทุกวัน ทุกคืน ทุกวัน ทุกคืน ตลอดเวลา ฝึกฝนตัวเอง บังคับตัวเอง ควบคุมตัวเอง ไม่ให้มีความผิดแม้แต่สักนิดเดียว เรื่องกินอาหารก็ดี เรื่องห่มจีวรก็ดี เรื่องเสนาอาสนะก็ดี เรื่องหยูกยาเจ็บไข้ก็ดี 4 อย่างนี้ ต้องให้ถูกต้องเสมอ มีสติรู้เสมอว่ามันเป็นธรรมชาติเช่นนั้นเอง อย่าเป็นตัวเป็นตนเป็นบุคคลอะไรขึ้นมา สิ่งที่เรากินเราใช้เป็นธรรมชาติแค่นั้นเอง คนที่กินที่ใช้ก็เป็นธรรมชาติเช่นนั้นเอง อย่าเป็นตัวเป็นตนเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา ให้สติมีรู้สึกว่า โอ้ มันเป็นธรรมชาติเช่นนั้นเอง อย่ามีตัวกู อย่ามีของกู มันก็ไม่โกรธ มันก็ไม่รัก มันไม่ยินดียินร้าย ดี จดไว้ให้ดีว่าในระหว่างที่เราบวช เราได้ฝึกอะไรบ้าง จดไว้ ในระว่างที่เราบวช เราได้ฝึกอะไรกี่อย่าง กี่อย่าง จดไว้ สึกออกไปแล้วเอาไปดู เอาไปไว้ดูว่าเราได้ฝึก ฝึกอะไรกี่อย่าง เราได้ฝึกอะไรกี่อย่างให้มันอยู่กับเราเรื่อยไปจนตลอดชีวิต เราจะได้เป็นสมณะในอนาคต สมณะนี้เป็นฆราวาสหรือเป็นบรรพชิต สมณะนี้เป็นฆราวาสหรือเป็นบรรพชิต อือ สมณะที่เป็นฆราวาสไม่มีหรือ มี คืออะไร คืออะไร (ตอบ สมณะที่ทำตัวไม่ดี)สมณะทำตัวไม่ดี ไม่ใช่หรอก ถ้าทำตัวไม่ดีไม่ใช่สมณะ คือพระโสดาบัน พระสกิทาคามี อนาคามี ที่เป็นฆราวาสก็มีเหมือนกัน ฆราวาสนี่แหละที่เป็นโสดา สกิทาคา เป็นอนาคา ก็มีเหมือนกัน คือสมณในเพศฆราวาส พระอรหันต์นี้ก็ถือว่าไม่มีเป็นบรรพชิตหมด เราเตรียมตัวเพื่อเป็นสมณะในอนาคตข้างหน้า เป็นพระ เป็นบรรพชิตก็ได้ เป็นฆราวาสก็ได้ ที่เราเป็นฆราวาส เป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีก็ชื่อว่าสมณะด้วยเหมือนกัน หมายความว่าถึงเป็นฆราวาสแล้วก็ต้องทำความสงบเรื่อยไป พยายามปฏิบัติให้มีความสงบยิ่งๆขึ้นไป ไม่ต้องเห่อ ไม่ต้องทะเยอทะยาน ว่าจะเป็นโสดา สกิทาคา ไม่ต้องเห่อ ไม่ต้องทะเยอะทะยานแล้วกัน ตั้งใจแต่จะให้เป็นสมณะ ก็คือสงบยิ่งๆขึ้นไป ปฏิบัติ (นาทีที่25.37) อยู่ตลอดเวลา เป็นสมณที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 อะไรตามใจ เราจึงให้จดไว้ จำไว้ เพื่อไปสืบต่อ เมื่อจะสึกออกไปก็ให้พยายามเป็นสมณะในอนาคต อยู่เป็นเณร เป็นพระต่อไปก็ขอให้เป็นสมณะต่อไปในอนาคต นี่เรียกว่าบวชเณร บวชเณร บวชเณร ทำให้เป็นเณร ทำให้เป็นผู้เป็นสมณะในอนาคต นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้เสมอ ไว้เสมอ นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้เสมอว่าท่านทำอย่างไร ท่านต้องการให้เราทำอย่างไร ท่านเองทำอย่างไร ท่านเองต้องการให้เราทำอย่างไร นึกถึงไว้เสมอ ที่เราตั้งนะโมบ่อยๆ วันหนึ่งๆตั้งนะโม ตสะ ภควโต นั่นแหละ คือนึกถึงพระพุทธเจ้า ก่อนจะทำอะไรก็ตั้งนะโมก่อน เขาจึงทำ เขานึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อนจึงทำอะไร เมื่อก่อนถือเคร่งมากเด็กๆสมัยก่อน จะขึ้นต้นไม้พนมว่านะโมเสียก่อน มันจึงขึ้นต้นไม้ มีสตินึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน สติสมบูรณ์ดีก็จะไม่พลัดหล่นจากต้นไม้ เพราะว่ามันทำสติสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรตามใจเป็นเรื่องเป็นราว เราตั้งนะโมเสียก่อน ถึงไม่ว่าออกมาดังๆก็ได้ ในใจนึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน แม้แต่จะฉันข้าวให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน พอได้ข้าวมาฉันนี้ก็เพราะพระพุทธเจ้า พอถึงเวลาที่จะนอนก็ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน ที่ได้มาเป็นเณรก็เพราะพระพุทธเจ้า ตื่นขึ้นมาไม่ทันลุกขึ้นจากที่นอนนึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อน จึงค่อยลุกขึ้นจากที่นอน ไปทำอะไรต่ออะไร จะทำอะไรก็ตามใจให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเสียก่อนเสมอไป เราถือโอกาส ถือโอกาสพิเศษ พูดให้เธอบ้างตามโอกาส บางเวลาเราก็พูดได้ บางเวลาเราก็พูดไม่ได้ คือไม่ค่อยสบาย บางเวลาไม่ค่อยสบาย พูดอะไรไม่ได้ บางเวลาก็พอจะพูดได้ ก็พูด วันนี้ก็พูดสรุปความเรื่องเป็นสามเณร เตรียมตัวเป็นสมณะ อดกลั้น อดทน บังคับจิตใจให้ดีเพื่อจะได้เป็นสมณะ ให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน อยู่กลางดิน นิพพานกลางดิน เราจะได้ชอบแผ่นดิน ไม่ต้องให้มันหรูหราสวยงามอะไร เขาเป็นพระอรหันต์กลางดินไม่ได้อยู่บนตึก มหาวิทยาลัยบ้าๆ สมัยพุทธกาลก็อยู่กันกลางดินวิหารก็พื้นดิน ภิกษุนอนกลางดิน ดินแข็งๆเขาทำไว้ดี นอนบนเสื่อ ที่สานด้วยหญ้าด้วยตอก เขาจะมีเตียงเตี้ยๆสูงคืบเดียว เขาเรียกว่านอนกลางดิน จะได้ไม่ทะเยอทะยาน เรื่องอยู่ของกินของใช้ จะได้ไม่ทะเยอทะยาน ให้เป็นผู้ที่เกิดกลางดิน ตายกลางดิน เอา เห็นว่าพอสมควรที่พูด หยุดพูด จะปิดประชุมสำหรับเธอ เอา ปิดประชุมสำหรับเธอ
ให้พรให้เธอเข้มแข็ง กล้าหาญ ซื่อตรง กล้าหาญ ในการปฏิบัติตัวให้ดี จะสอนทุกอย่างให้ เธอจะออกไปอย่างไรจึงจะถูกต้องตามวินัย ธรรมเนียม เธอจะออกไปอย่างไรเมื่ออยู่ในสภาพอย่างนี้ เธอจะลุกขึ้นเดินไปอย่างไร ใครรู้ นี่ไม่รู้ หรือไม่อบรม ไม่ค่อยได้รับการอบรม การออกไป ถ้าเธอจะแสดงความเคารพด้วยการออกไป เธอต้องยืนขึ้น แล้วเธอต้องหันให้ขวามืออยู่ทางผู้เป็นอาจารย์หรือผู้ที่เราเคารพ แล้วเธอก็เดินไปโดยวิธีนั้น แม้เธอจะนั่งอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ลุกขึ้นหันท้ายใส่ สะบัดท้ายใส่เราไปมันไม่ถูก เธอจะต้องยืนขึ้นแล้วทำให้มือขวาของเธออยู่ข้างเรา แล้วเธอต้องเดินไปถึงจะถูก เขาเรียกว่าประทักษิณ ทำมือขวาไว้ข้างผู้ที่เธอเคารพ แล้วเธอก็ออกไปนั่นแหละถูกต้อง ถ้าไม่ได้รับการอบรมก็ให้รู้ไว้ แล้วก็ได้อบรมเสีย ออกไปอย่างถูกต้อง ตามธรมตามวินัย ตามพระบาลี ตามขนบธรรมเนียม ไปได้ ไปได้เลย ลุกขึ้นไปได้เลย ถึงเธอจะมีธุระทางนี้ เธอก็ต้องไปทางนี้ก่อนถึงจะลงไปข้างล่าง แล้วไปตามความพอใจ ยืนขึ้น ข้างไหนขวาหันมาทางนี้ มือขวามาทางนี้ แล้วเดินไปทางโน้น หันมือขวาไว้ทางนี้ แล้วเดินไปทางโน้น มือขวาจะอยู่ทางนี้ ต้องเดินไปทางโน้น เดินไปทางโน้นลงทางโน้น แล้วจะไปไหนตามใจ แต่ในชั้นนี้ ที่อยู่กันต่อหน้า เธอต้องทำแบบนี้ ไปสิ ไป นี่เขาเรียกว่าออกไปโดยเคารพ ด้วยมารยาทที่มีความเคารพ คือมีมือขวาอยู่ข้างฝ่ายของผู้ที่เราเคารพ โดยมากลุกขึ้นสะบัดท้ายใส่เราไป มันไม่มีมารยาท ไปจนสุดสถานที่ที่เรียกว่าจนสุด แล้วค่อยเลี้ยวไปตามพอใจ ในสายตาที่เห็นกันอยู่นี้ขอให้เป็นประทักษิณ มีมือขวาอยู่ทางผู้ที่ตนแสดงความเคารพ เรื่องเบ็ดเตล็ดแบบนี้ก็อบรมให้ดี อบรมทุกเรื่องๆให้ดี