แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
(เสียงผู้ชาย) วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๗ มีทั้งหมด มี ๑๕ รูปด้วยกัน เป็นพระพี่เลี้ยงเสีย ๑ รูป เณร ๑ รูป นอกนั้นเป็นพระภิกษุที่บวชพุทธสมาคม ระนอง เป็น พระ ๕ รูป เป็นเณรอีก ๓ และพระที่บวชสมทบพระเณร ๔ รูปทั้งหมด ๒๕ เกล้ากระผมได้เดินทางมาเพื่อศึกษาอบรมในสำนักนี้ เป็นเวลา ๓ วัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายจะอำลากลับ กระผมล่วงเกินด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ได้กระทำอะไรไม่เรียบร้อยบ้างในที่นี่ พวกเกล้ากระผมก่อนจะกลับก็ขอทำวัตร ขมาลาโทษตามพระวินัย แล้วก็ขอฟังโอวาทจากพระเดชพระคุณ ขอพระเณรว่าตามต่อไปนี้
วันทะ อุกาสะ วันทานิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเมภันเต มะยากะตัง บุญญัง สามินา อนุโมทนาทิกะทัง สามินากะตัง บุญญังมัยหัง ทากะตัง สาธุ สาธุ อนุโมทามิ, อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะเมนิ ภันเต อะหังกมามิ ……ขะมิตะพัง(นาที0.1.54) อุกะสะ ขมามะภัณเต กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีโทษน่าติเตียนอันใดถ้ามีอยู่ระหว่างเราสองฝ่ายขอให้เป็นอโหสิกรรม และการทำกามิยกรรมนี้ แต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ สาธุ
ในการจะได้มาสมาคมพบหาติดต่อกันบ่อยๆ นี้ เพื่อขอแสดงความยินดี อนุโมทนา ในการจะได้ พยายามที่สุด ที่จะทำให้บ้านเมืองหรือพระศาสนาอันเจริญ ต้องรับผิดชอบในข้อที่ว่าพุทธบริษัทจะต้องช่วยกันสืบอายุพระศาสนาโดยทุกประการ ทุกอย่างทุกทางเท่าที่จะทำได้ การจะบวชตามโอกาสนี้ ก็หมายความว่าเรา ไม่ละโอกาสในการที่จะทำ มีโอกาสเท่าไรก็ทำ มีโอกาสเดือนหนึ่งก็ทำเดือนหนึ่ง หลายเดือนหลายปีก็แล้วแต่จะมี นี่เป็นข้อที่ว่าขอแสดงความยินดี แต่ว่าถ้าบวชกันเข้าแล้วเหลวไหล โลเล มันก็ดูจะไม่ไหวเหมือนกัน ไม่บวชดีกว่า เมื่อจะให้สำเร็จประโยชน์มันต้องอดทน ต้องบังคับตัวเอง ต้องบังคับตัวเอง นี่มันเป็นของ กระทำยากสำหรับผู้เยาว์ สามเณรน้อยๆ นี้มักจะไม่รู้เรื่องการบังคับตัวเอง ยังหลุกหลิก เหลาะแหละอะไรนี่ ก็ไม่มีความรู้สึก แล้วไม่ค่อยละอาย ขอให้พยายามแหละ อดทน ไม่ได้สนุก ไม่ได้ตามพอใจก็ต้องอดทน การบวชแล้วสำเร็จคือการอดทน ถ้าขาดความอดกลั้นอดทนอย่างเดียว มันก็ดูจะไม่ ไม่มีอะไรเหลือ มันต้องอดทน ในการที่จะลาสิกขาบท บวชนี่เพื่อจะได้มีโอกาสฝึกฝนอย่างดีที่สุดกันสักพักหนึ่ง มันบวชแล้วมันต้องอดทน ถ้าไม่อดทนก็เหมือนกับไม่ได้บวช สามเณรเล็กๆ ก็จำ ถ้าไม่อดทน ไม่บังคับตัวอยู่ในระเบียบ ในมรรยาท ในวินัย มันก็เหมือนกับไม่ได้บวช พระเรานี่ยิ่งต้องระวังมากขึ้นไปอีก นี่ก็พูดสำหรับเณรเล็กๆ ถ้ามีความอดทนมันทำให้รักษาไว้ได้มากหรือหมดทุกอย่าง แล้วแต่ต้องรักษา นี่พออดทนได้ทีหลังมันก็จะทนได้ จะดีขึ้นในการอดทน ในการเอาจริง ในการเข้มแข็งบึกบึน เวลานี้คนหนุ่มๆ ไม่อดทนมากขึ้น เรื่องมันจึงมี ไม่น่าดูมากขึ้น นี่ไม่ได้บวช ก็ขอให้มันได้บวชกันจริงๆ จะได้อดทน สิ่งที่มันเคยชินหรือเสพติดต้องอดทน ต้องละมันให้ได้ เรื่องสูบบุหรี่ก็ตาม เรื่องขี้เกียจนอนสายก็ตาม เรื่อง ทุกๆ เรื่องที่คิดได้ ว่าไม่ ไม่อดทนหรือไม่เสียสละ นี่ข้อหนึ่ง ทีนี้อดทนได้ดีมันก็ต้องมีอะไรเหมือนกัน เป็นเครื่องบำรุงใจ เกิด เกิดชะลอน้ำใจ ข้อนี้ก็ไปนึกถึงความกตัญญู ถ้าเรากตัญญูต่อบิดามารดา หรือกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า เป็นที่สุดนี่ มันก็ มันก็ทำได้แหละ นี่กลัวจะไม่รู้จักคุณของพระพุทธเจ้า แล้วก็ไม่มีความนึกคิดกตัญญู มันก็เลยโลเลไปตามเดิม คือมันเลื่อนไปตามเดิม ต้องไปศึกษาต้องไปพิจารณาให้รู้จักคุณของพระพุทธเจ้าให้มากขึ้น ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นบุญคุณจริงๆ มันจะได้รู้สึกคุณ รู้จักคุณ แล้วกตัญญู ถึงกตัญญูแล้วมันก็ต้องตอบแทน กตเวที ตอบแทน ตอบแทนคุณของพระพุทธเจ้ามันก็ต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามแบบพระพุทธเจ้าต้องประสงค์ ท่านต้องประสงค์ แต่อย่างเดียวให้พุทธบริษัทบูชาท่านด้วยปฏิบัติบูชา ไม่ประสงค์ให้บูชาโดยอามิสบูชา ถ้าเรารู้บุญคุณของท่าน แล้วก็ตอบแทนพระคุณท่านด้วยปฏิบัติบูชา ถ้ามีปฏิบัติบูชาแล้วมันก็เป็นการตอบแทนกว้างขวาง ตอบแทนคุณบิดามารดา ตอบแทนทุกๆ คนก็มีบุญคุณแก่เรา นั่นล่ะ มันจึงแก้ปัญหาได้มากในคราเดียวกัน มาบวชแล้วในศาสนานี้ ในผ้าเหลืองนี้ แล้วก็ให้มันเป็นบวชในศาสนานี้ ให้รู้จักคุณของศาสนา เพราะจะได้ไปช่วยคุ้มครองผู้ปฏิบัติให้หมดจากความทุกข์ นี่ก็ยังไม่หมดจากความทุกข์ ก็ มันก็จะคุ้มครองไปเรื่อยๆ ไม่ให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาได้ มันก็มีความทุกข์แต่น้อย แต่เหลือวิสัยทำให้ได้ คล้ายๆ ว่าคุ้มครองได้ ขอให้คุ้มครอง เขาช่วยกันให้เราได้บวช เขาต้องลงทุน จำเป็นนี่ใครบวชใครช่วย มันมีผู้ช่วย เราก็ต้องรู้บุญคุณต้องกตัญญู คิดอีกทีว่ามันต้องรับผิดชอบ ต้องปฏิบัติให้สมให้คุ้มกับที่เขาลงทุนให้เราบวช บวชเณรก็ตาม บวชพระก็ตาม เมื่อมีใครลงทุนต้องรับผิดชอบ ต้องประพฤติปฏิบัติให้สมกันให้คุ้มกัน ถึงแม้พ่อแม่ของเราเองเป็นผู้ลงทุนก็เหมือนกันล่ะ ต้องปฏิบัติตอบแทนพ่อแม่ของเราเองเป็นเบื้องหน้า นี่ก็ให้คิดดูให้ดีๆ นะ บวชเข้ามาที นี่มันต้องรับผิดชอบ อย่าให้มันมีข้อเสียหายบกพร่องไปตำหนิได้ กระทั่งว่ารับผิดชอบต่อการที่เราเกิดมาทีหนึ่งนี้ มันต้องได้ดี ต้องได้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ถ้าไม่ได้ก็คือเป็นคนไม่รับผิดชอบ แล้วมันก็จะไม่ได้อะไรจริงๆ เหมือนกัน มันก็จะขาดทุนยุบยับกันไปหมดเลย ถ้าใครยังไม่รู้จักความหมายของคำว่ารับผิดชอบ รีบรู้ซะเร็วๆ คนที่ไม่ยอมรับผิดชอบเป็นคนใช้ไม่ได้ ไม่มีใครต้องการด้วย เราต้องรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ ทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ไม่ว่าเป็นพระเป็นเณรมันก็ยังมีหน้าที่เหมือนๆ กันกับประชาชนชาวบ้านทั่วไปเหมือนกัน เราอยากจะสรุปหัวข้อว่า ให้มันเป็นลูกที่ดีของบิดามารดา ให้มันเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ถึงอายุมากแล้วมันก็ต้องมีบิดามารดาอยู่นั่นล่ะ หรือว่าจะถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นบิดาก็ได้เหมือนกัน ต้องเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ให้สมกับที่บิดามารดาเขาหวังว่าจะให้มันดี ต้องเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ให้สมกับเขาหวังเอาไว้ ลูกศิษย์นี่มันจะเรียนดี ปฏิบัติดี และเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนกัน นี่มันยังวิวาทกันหรืออะไรกัน นี่มัน นี่ไม่ใช่ ไม่ใช่เพื่อนที่ดีของเพื่อน อย่าเกี่ยงงอน อย่าอิจฉาริษยา อย่าค้อนควักให้ยุ่ง ไม่ใช่เพื่อนที่ดีของเพื่อน นั้นเป็นพลเมืองที่ดีของโลก ในโลกหรือในประเทศ เราไม่ได้เป็นคนละโลก ทำโลกให้มีสันติภาพ มีความสุข ทำประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ช่วยกันได้ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ของพวกนี้มันช่วยได้ตามส่วน แล้วมันจะหยุด ให้มันเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น อย่าเบื่อเลยมาที่ไหนก็เตือนที่นั่นล่ะ มาที่ไหนก็เตือนแบบนี้ เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ให้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ให้เป็นพลเมืองที่ดีของโลก ให้เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า นี่ก็เรียกว่ารับผิดชอบในหน้าที่ของตนของตน ต้องทำให้ครบ จึงจะเรียกว่าเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าไม่รับผิดชอบก็เป็นคนเหลวไหล ใช้อะไรไม่ได้ คนเหลวไหลนี่ก็เรียกว่าคนกระพี้ เหมือนไม้กระพี้ ไม่มีประโยชน์ก็มี ไปคิดแลให้ดีๆ ยังบวชอยู่ก็ทำให้ดีที่สุด เพราะมันเป็นโอกาสทำดีที่สุด ถ้าสึกไปมันมีเรื่องมากขึ้น ก็ทำได้ตามที่ควรจะทำนั่นล่ะ มัน ไม่ได้ดีที่สุดมันก็ต้องดีเหมือนกัน และก็อย่าทำแต่เพียงพิธี ทำแต่ท่าทำแต่พิธีมันก็ไม่ ไม่ไหว ต้องทำให้มันได้ผลจริงๆ สำเร็จประโยชน์ขึ้นมา ที่กาย วาจา ใจ จริงๆ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าโอวาท และเมื่อปฏิบัติตามโอวาท มันก็เป็นศีล เป็นพรอยู่ในตัว และมันก็เป็นการให้พร้อมกัน ให้ศีล ให้พร พร้อมกันกับการให้โอวาท เมื่อผู้นั้นปฏิบัติตามมันก็เป็นโอวาทขึ้นมา ถ้าไม่ปฏิบัติตามมันก็ไม่เป็นโอวาทอะไรขึ้นมา โอวาทจะเป็นโอวาทก็ต่อเมื่อมีผู้ปฏิบัติตาม ปฏิบัติตามมันก็เป็นศีลเป็นพร คือ เครื่องคุ้มครองป้องกันทำให้มีความสุขสวัสดี ถ้านั้นก็ขอให้จำไว้ให้ดีๆ พยายามทำให้สุดความสามารถ ในการจะปฏิบัติตามโอวาท นี่มันเป็นธรรมะของพระธรรมล่ะ ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นการเอาพระธรรมมาแสดง เป็นโอวาท สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยทราบจะได้ทราบกันเอง ในที่สุดนี้ก็ขอให้มี เออ กำลังกาย กำลังใจ มีกำลังศรัทธา มีกำลังความเพียรพยายาม ปฏิบัติกิจในพระศาสนา ในพรหมจรรย์นี้ แล้วก็จะได้มีความก้าวหน้า ประสบความสุขความเจริญ ได้ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ สาธุ….