แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เราขอแสดงความยินดี ในการมาของเธอสามเณรทั้งหลาย และมีความยินดี ที่ได้รับการอบรม ดังที่กำลังอบรมอยู่ เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอบรมกันอย่างไร ขอให้พยายาม ให้เป็นการอบรม ตลัดตลอดไปสิ ได้รับการอบรมอย่างไร ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ตลอดไป
คนหนุ่มตั้งแต่เกิดมา จนถึงอายุ ๒๕ ปี มีธรรมเนียมมาแต่โบราณในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็น ต้นตอของวัฒนธรรม ซึ่งพวกเราได้รับ ก็มีระเบียบให้คนหนุ่ม ได้รับการอบรมตลอดเวลา กว่าจะมีอายุ ๒๕ ปี เคร่งครัดมาก อบรมในทางที่จะบังคับตนเอง บังคับตนเอง คือ บังคับกิเลสนะ กิเลสมาจาก ความรู้สึก ตัวกูของกู หลายรูปแบบ เป็นความโลภก็มี ความโกรธก็มี ความหลงก็มี เขาพยายามให้ได้รับ การอบรม จนเรียกว่า ควบคุมได้นะ แล้วจึงค่อยเลื่อนชั้นให้เป็นฆราวาส ไปครองเรือน เรียกว่า คฤหัสถ์ หรือฆราวาส ผู้ครองเรือน เรียกว่า พรหมจารีย์ คือ กำลังฝึกฝน บังคับตนให้ได้
ถ้าดูตามแบบฉบับที่เขามีอยู่ไว้ แล้วก็น่าเลื่อมใสมาก บังคับกิเลส บังคับความรู้สึก ที่เป็นกิเลส ทุกอย่างทุกประการนะแหละ ให้ให้เรานะ คือ จิตฝ่ายดีนะ บังคับกิเลสความรู้สึกฝ่ายชั่วนั้นได้ เราเกิดมา โดยมากสมัยนี้ ไม่มีการบังคับ พ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับ ครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้บังคับ ตัวเองตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ได้ ต้องการให้ใครมาบังคับ มันก็เลยเสียนิสัย เป็นพวกแข็ง กระด้าง ไม่อยากให้มีใครบังคับ ได้โอกาสก็ปล่อย ไปตามอารมณ์ ไม่ต้องบังคับ กิเลสมันงอกงาม เพิ่มขึ้น ๆ ตั้งแต่วัยรุ่นจนกระทั่งเป็นหนุ่ม มันก็เต็มไปด้วย กิเลสนะ มันจึงทำอะไรให้ดี ไม่ได้ ทำอะไรให้ดีอย่างมนุษย์ดี ๆ ที่สมบูรณ์แบบไม่ได้
นี่เรา จะเรียก ครูบาอาจารย์ บิดามารดา อะไรก็ตาม มองเห็นความเสียหายข้อนี้ เราจึงจัดให้มี การบังคับ มีการอบรม หรือมีการบังคับตนเอง ให้แก่คนวัยรุ่น คนจะไปเป็นหนุ่มในอนาคต ได้แก่ พวกเธอสามเณรเล็ก ๆ ดังนั้นเธอจงยินดี ว่าโชคยังดี ก็ยังได้มีโอกาสรับการฝึกฝน เพื่อจะแก้ไขปัญหาอันนี้ ถ้าไม่มี มันก็จะไม่มีโอกาสฝึกฝน มันก็ปล่อยไปเลยตามเลย อย่างกับคนไม่เคยบังคับ ไปจนอายุมาก ไปครองเรือน เป็นพ่อบ้าน เป็นอะไรต่ออะไร มันเหลวหมด มันไม่มีการบังคับตนอย่างเดียว มันก็เป็นไปด้วยอำนาจกิเลส ทุกอย่างทุกประการ
อีกประการหนึ่งก็คือ การศึกษาสมัยนี้ การศึกษาสามัญของโลกปัจจุบันนี้ ไม่มีเจือด้วยศีลธรรม ด้วยศาสนา ตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ไม่ได้รับการอบรมทางศีลธรรม ทางศาสนา ยังขาดอยู่ ความเป็นมนุษย์ ไม่อาจจะถูกต้องและสมบูรณ์ เพราะการศึกษามันไม่สมบูรณ์ นี่พอจะช่วยการศึกษา ไม่ให้ขาดมากนัก มาในทางสมบูรณ์บ้าง จึงให้เด็ก ๆ บวชเณร กำลังเรียนอยู่ก็ดี เรียนจบประถมแล้วก็ดี เด็กเหล่านี้ ควรจะ ได้รับการบวชเณร ได้เล่าเรียน ส่วนที่เป็นศาสนา หรือเป็นศีลธรรม ซึ่งมันยังขาดอยู่ในโรงเรียน ในโรงเรียนไม่ได้สอน เรามาช่วยเพิ่มเติม การเพิ่มเติม การอบรมเพิ่มเติมนี้ เหมือนกับว่าเพิ่มสิ่งที่ยังขาดอยู่ เราพูดแรง ๆ นะ ว่าเป็นการศึกษาต่อหางหมา นักศึกษาชั้นประถมก็ดี มัธยมก็ดี นิสิตมหาวิทยาลัยก็ดี มาขอรับการอบรม ธรรมะ หรือศาสนาที่นี่ เราบอกว่า ดี นี้มาจะอบรมบรรยาย ลักษณะการศึกษา ต่อหางหมา ฟังแล้วก็น่าเกลียด น่าเจ็บ แต่มันเป็นความจริง
เธอลองใคร่ครวญดูว่ามันยังขาดอยู่จริง ๆ แล้วมันจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไม่ได้ มันหางด้วน หรือว่าหัวด้วน หรืออะไรมันด้วน มันยังขาดอยู่ เรามาช่วยทำให้เต็ม ดังนั้นเธอพยายามช่วยตนเอง รักตนเอง ร่วมมือในการอบรม ให้เราได้รับการอบรมที่มันจะเกิดความสมบูรณ์ ในการฝึกฝน ในการอบรม บ่มตนเองให้มันสมบูรณ์ และมันรวมอยู่ในคำว่า บังคับตนเอง อย่าให้บันดาล โลภะ ราคะ บังคับตนเอง อย่าให้บันดาลโทสะ บังคับตนเองอย่าให้บันดาลโมหะ หริอโลภก็อย่าพรวดพราด โกรธก็อย่าพรวดพราด หลงก็อย่าพรวดพราด แล้วมาเสียใจทีหลัง มันจะขาดทุนมาก มันจะถึงกับวินาศเสียแล้ว จึงค่อยมานึกได้ มากลับตัวทีหลัง แล้วมันก็จะกลับไม่ค่อยได้ จะไม่สำเร็จประโยชน์
เราจงยินดี พอใจ รับการอบรม ที่จัดขึ้นนี้ มันบีบคั้น ขูดเกลา ตัวกู ของกู พระพุทธเจ้าท่าน รวบรวม ไอ้พวกกิเลสทั้งหลาย ทั้งปวง ทั้งหมด ทั้งสิ้นนี้ มาเรียกด้วยคำว่า อหังการะ มะมังการะ ปะมานานุสัย (นาทีที่09: 50) อนุสัย คือ ความคยชิน แห่งการยึดถือถือทิฐิมานะว่า ตัวกูของกู อหังการะ (นาทีที่ 10:02) ว่าตัวกู มะมังการะ (นาทีที่ 10:05) ว่าของกู มานะ แปลว่า ความถือ ถือมั่น อนุสัย นี้คือ ความเพิ่มเคยชิน สะสมหมักหมมเป็นความเคยชิน ที่จะปรุงขึ้นมาว่าเป็นตัวกูว่าของกู เธอจงดูเด็กเล็ก ๆ นะ เป็นตัวกูของกูเป็น เหมือนกับเธอตอนเด็ก นี่ปรุงขึ้นมาเป็นตัวกูของกูเป็น ถ้าว่าเวลานี้ไปดูเด็กที่เล็ก กว่า เด็กเพิ่งเกิดไม่กี่เดือน มันก็ค่อย ๆ มีตัวกูของกู นั่นนี่ขึ้นมา พอวิ่งได้ เดินได้ มันมีตัวกูของกูเพิ่มขึ้น ๆๆ กว่าจะเป็นเณรนี่ ไอ้ตัวกูของกูนี้ มันหนาแน่น ไอ้นั่นแหละมันทำผิด
เราต้องควบคุมความรู้สึก ที่ถือว่าตัวกูว่าของกูนี่ อย่าให้มันปรุงขึ้นมาตามพอใจ ถ้ามันจะมีอยู่ก็ให้ มันมีอยู่ไปในทางที่ดี อย่าให้มีอยู่ในทางที่ไม่ดี และในที่สุดอย่าให้มันมี ให้มันหมดนะ มันจึงจะเยือกเย็น เป็นนิพพาน ถ้ามันยังไม่หมด ยังต้องมี ให้มันเป็นไปในทางดี ให้ตัวกูของกูมีแต่ในทางที่เรียกว่า ดี ไอ้ตัวกู ของกูมันก็มุ่ง ไปในทางที่เลว มันต้องบังคับ ข้อนี้เธอย่อมรู้ดี เพราะเคยอยากเลว เคยเลวมาแล้ว เคยได้รับ ผลของความเลวมาแล้ว ดังนั้นจึงควรจะรู้สึกได้ว่า ไอ้ตัวกูของกูนี้ ต้องบังคับ ให้เป็นไปในทางดีและอย่าให้ ปรุง พรวดพราด (นาทีที่ 12:17) รวดเร็ว เกินไป มันดีไปไม่ได้ มันบังคับไม่ทัน เราต้องบังคับให้ทัน คือมี สติ มีความรู้สึก บังคับได้ทันตลอดเวลา ควบคุมมันได้ มันจึงจะเป็นไปในทางที่ดี
เพราะฉะนั้นอย่าเสียใจ อย่าโกรธ อย่ารำคาญ อย่างน้อยแก่ก็ (นาทีที่ 12:42) จะต้องอบรม ด้วยการบังคับ ตั้งแต่การกิน การอยู่ การนั่ง การนอน การนุ่ง การห่ม การอาบ การถ่ายอะไรก็ตามนะ ถ้ามีการอบรมดีจริง จะได้รับการเปลี่ยนแปลงหมด จะเดิน จะเหิน จะนั่ง จะนอน จะพูดจะจานี่ ก็จะต้องได้รับการอบรมเปลี่ยนแปลงหมด ไม่ทำอะไรหวัด ๆ ฉุ่ย ๆ และไม่ทำอะไร ชนิดที่เรียกว่า ไม่บังคับตนเองนะ ทั้งหลับและ ตื่น เราบอกอาจารย์นายหมู่ว่า ถ้าเห็นเณรคนไหนมันนอนหลับผ้าเปิด ไม่เรียบร้อย ให้มันตีทั้งที่หลับเลย ให้มันได้รู้สึกเสียใหม่ ว่ามันไม่ควรปล่อยตามใจ เวลาหลับก็ต้อง รับผิดชอบ
ถ้าเรารับได้รับการอบรมกันถึงขนาดนี้ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงมากแหละ เปลี่ยนแปลงจากการที่ ไม่เคยอยู่ในระเบียบ มาอยู่ในระเบียบ บังคับตนเองให้อยู่ในความถูกต้อง ให้ทันสมัย บังคับตนเอง ให้ถูกต้อง ให้ทันสมัย แต่ว่าสมัยนี้มันเลวมาก มันมีสิ่งที่ทำให้เด็ก ๆ จิตทรามมาก เพียงแต่การโฆษณา สินค้า ภาพโฆษณาสินค้าอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ภาพโฆษณาหนัง โฆษณาสินค้า ภาพโฆษณาอย่างเดียว เท่านั้นนะ ไม่ใช่ว่าจะทำพิเศษอย่างอื่นนะ แค่ภาพโฆษณาอย่างเดียวมีมากพอ ก็จะทำให้เด็ก ๆ จิตทราม หมด จิตทรามจนยากจะดึงกลับมา ไปเปิดดู เอาหนังสือพิมพ์มาสักฉบับ แล้วเปิดดูภาพโฆษณาสินค้า โฆษณาหนัง โฆษณาละคร จะเห็นว่า แต่ละภาพมันมี ลักษณะที่ทำให้เด็ก ๆ มีจิตทรามตามไป
นี่สมัยนี้เป็นอย่างนี้ เธออบรมตนเองให้ทันสมัยให้สู้กันได้กับสมัยที่มันมี แต่สิ่งที่ทำให้จิตทราม มันจึงเป็นการดีแล้ว ทำดีแล้วให้ครูบาอาจารย์จัดอบรม การจัดอบรมเด็กบวชเป็นเณร หรือว่าดีแล้ว ในการที่พวกเธอยินดีรับการอบรม เพื่อจะไปปรับปรุง แก้นิสัย ที่มันสะสมไว้ไม่ถูกต้อง ให้มันถูกต้อง และให้มันพอ ที่จะต่อสู้กับสิ่งที่จะมาทำให้เราตกต่ำ มีจิตใจที่ตกต่ำในอนาคต ก็บอกแล้วว่าสมัยนี้นะ มีแต่สิ่งที่จะทำให้เด็ก ๆ มีจิตใจตกต่ำ แต่เด็ก ๆ กลับชอบสิ่งเหล่านั้นนะ จะเป็นเรื่องเห็นทางตา หรือได้ ฟังทางหู หรือได้สูดดมทางจมูก ได้กลิ่นได้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้กระทำให้ฉิบหาย เด็กกลับชอบ เพราะว่ามันไม่รู้ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉิบหายนี้ต้องมีความยั่ว มีของยั่วเสมอ เราหัดบังคับตนเองระหว่างบวชนี้ ให้อยู่ในชนิดที่เข้มแข็ง แข็งกร้าว ต่อสู้และอดทนต่อสิ่งที่มายั่ว
ให้จำว่าไว้เท่านี้ เอาตัวรอด นี่คือหนทางที่จะเอาตัวรอด ถ้าชอบให้มันยั่ว ชอบให้มันอร่อย ไปตาม การยั่ว เธอต้องวินาศไม่ต้องมีใครแช่ง ต้องฆ่าตนเองด้วยการทำผิด หลงใหลไปในสิ่งที่ยั่ว เราจึงต้องเอามา เตือนกันอีกครั้งหนึ่ง และเข้าใจว่า ผู้อบรมคงได้เตือนกันในข้อนี้ตลอดเวลา แต่ว่ามันสำคัญมาก ถึงเอามา เตือนกันอีกครั้งหนึ่งว่า เธอจงทำให้ดี ๆ ให้สนุกในการอบรมตนเองนะ ความจริงมันฝืน ไอ้การอบรมให้ดี มันมันยากที่จะสนุก ถ้าจิตใจมันไม่สูงพอ มันไม่เห็นว่าสนุก
เด็ก ๆ เลย แม้แต่พ่อแม่ก็จับมาอาบน้ำ ถูขี้ไคลให้สะอาด มันยังไม่ชอบ มันยังดิ้น มันยังต่อสู้ มันยังไม่ยอมนี่ นี่เพราะมันไม่รู้จัก นี่พวกเธอ และครูบาอาจารย์จับมา ขัดเกลาจิตใจนะ เหมือนกับจับตัว มาอาบน้ำ แต่ว่ามันทางจิตใจ มันก็ไม่ชอบ มันก็ต่อสู้ ดิ้นรน เราต้องร่วมมือนะ เหมือนกับเอามาอาบน้ำ ให้สะอาด ก็จะช่วยอาบน้ำให้สะอาด เราก็ต้องร่วมมือ ให้ได้อาบ ได้สะดวก ได้ทั่วถึง แล้วมันก็จะสะอาด ได้เต็มที่ เธอจงทำต่อไปเถอะ ในการจะความร่วมมือกับผู้อบรม ในการจะขัดเกลา ขูดเกลา ให้มันสะอาด ทั้งกาย ทั้งวาจาทั้งจิต ทั้งความคิด ความนึก สติปัญญา ความเชื่อ ให้มันสะอาดให้หมด
นี่นะมันมีเท่านี้แหละหัวข้อสำคัญที่จะ จะต้องเตือนกันไว้เรื่อย ๆ นอกนั้นโดยรายละเอียดก็มีแล้ว สอนแล้ว ในตำราก็มี พูดกันอยู่เรื่อย แต่โดยหัวใจของเรื่องนะ ต้องจับให้ได้ว่าเรา จะร่วมมือ ยินดีร่วมมือ กับครูบาอาจารย์ ที่จะให้การอบรมตลอดเวลา ที่บวช ๑ เดือน ๒ เดือน ๓ เดือน แล้วแต่จะมีเวลาบวช ให้ได้ผลนะ จนเหมือนกับว่า กลับออกไปจากที่นี่ ก็สะอาดกว่าเดิมแหละ เหมือนกับคนที่ได้อาบน้ำแล้ว ขัดสีดีแล้ว มันก็สะอาดกว่าคนที่ยังไม่ได้อาบ นี่เราเข้ามารับการอบรม แล้วกลับออกไป ไปเป็นนักเรียนก็ดี ไปเป็นอยู่บ้านก็ดี ขอให้สะอาดกว่าเดิม เธอมันก็จะมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า บรรดาครูบาอาจารย์ ก็ได้รับความสะดวกใจ เบาใจ ในการที่จะอบรม ชักจูง ส่งเสริมเธอต่อไปข้างหน้า นี่เป็นอันว่าข้างหน้า มันต้องดี
นี่เราก็ ไม่มีโอกาสจะพูดมาก มีนิดเดียวก็พูดแต่หัวใจของเรื่อง ดังนั้นขอให้เธอยินดี ช่วยตนเองนะ ทำตนเองให้ปลอดภัย ในระยะที่ยังเป็นหนุ่ม เธอยังเป็นคนหนุ่ม ยังไม่ครองบ้านครองเรือน นี่ก็เตรียมตัว ให้ถูกต้อง ถ้าผิดตอนนี้แล้วก็จะผิดกันจนตาย ทำเสียให้ถูกต้อง ให้ปลอดภัย ต่อเมื่อออกไปเป็นผู้ใหญ่ เป็นฆราวาส เป็นคฤหัสถ์ ครองเรือน อะไร มันจะสามารถควบคุมตนเองนั่นแหละ ให้เป็นไปได้ดี ถึงตลิ่ง ถึงฝั่งของ ความเป็นมนุษย์ที่ดี เรื่องก็จะหมดแล้ว จะหมดปัญหานั่นแหละ
ถ้าในระยะนี้ ไม่ได้รับการควบคุม อบรม ที่ถูกต้องเพียงพอ แล้วมันก็ มีหวังพังวินาศมากกว่า คือว่ามันจะเป็นไปในทาง เสื่อมทางเสียนะมากกว่า จะเป็นไปในทางดี คนเรามันอยากดีกันทั้งนั้น แต่ถ้าเอาแต่อยากนะมันไม่พอ ถ้ามันบังคับตนเองไม่ได้ มันไม่ดี มันไม่ดีได้สมอยากนะ ก็อยากดีเปล่า ๆ นั่นแหละ ถึงเราจะอยากดี แต่ถ้าเราบังคับตนไม่ได้มันดีไม่ได้ ถ้าอยากดีก็ต้องฝึกฝนบังคับตนเองให้ได้ แล้วมันก็จะดีเหมือนกับเราอยาก ดังนั้นเราต้องอดทน คือ ต้องลงทุนด้วยการอดทน ให้ได้รับการขูดเกลา ที่ดี จนเรียกว่า ปลอดภัยแล้ว มันจะคุ้มครองไปจนตลอดชีวิตเหมือนกัน ถ้าพลาดก็พลาดไปจนตลอดชีวิต เหมือนกัน
เอาละ ยุติในการพูด ขอแสดงความยินดี ในการมาที่นี่ของเธอ และขออนุโมทนาในการที่เธอ ได้รับการอบรม ยินดีรับการอบรม เพื่อทำเรา ให้เป็นมนุษย์ ให้ถูกต้องตามคำว่า มนุษย์ เป็นมนุษย์ สมบูรณ์แบบ ตลอดชาติ ไม่ต้องเสียใจ นี่ขอให้เต็มไปด้วย ความสุข ความก้าวหน้า อยู่ทุกทิพาราตรีกาล นี่ขออวยพรให้เป็นเช่นนั้น เอาแหละพอ.