แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรม และได้มาประชุมกันอยู่ในที่นี้ทั้งหลาย เป็นความประสงค์ของท่านทั้งหลายที่ต้องการจะฟังธรรม และขอร้องให้อาตมาแสดงธรรมตามสมควรแก่โอกาส เดี๋ยวนี้ก็มีคนหลายเหล่า หลายประเภท หลายวัย มาร่วมกันอยู่เป็นอันมาก จักแสดงธรรมที่เหมาะแก่เหล่าใดเหล่าหนึ่งโดยเฉพาะก็ทำได้โดยยาก จึงขอกล่าวธรรมที่เป็นหลักกลาง ๆ ทั่วไป ตามที่จะเห็นว่าเป็นการสมควรแก่ผู้มาประชุมกันอยู่ในสถานที่นี้
ในปัจจุบันนี้สิ่งที่เราทุกคนจะต้องสนใจพิจารณาดูให้เป็นพิเศษอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า คนสมัยนี้มีความเจริญก้าวหน้าจนถึงกับว่าต้องการอะไรก็หาเอาได้ จนถึงกับว่าจะไปโลกพระจันทร์ก็ยังได้ ในบ้านในเรือนก็เต็มไปด้วยสิ่งที่อำนวยความสะดวกผาสุกสบาย หรือเลยไปจนถึงกับว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นไปเสียเป็นส่วนมาก
นี้ก็แปลว่า เขาก็มีอะไรหาอะไรได้ทุกอย่างตามที่เขาอยากจะได้ แต่ว่าเขายังโง่ ยังไม่รู้จักหาสิ่งสำคัญอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เขาต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่เขาหามาได้และมีไว้นั่นเอง ขอให้คำนวณดูให้ดีว่า เขาหามาได้ร้อยอย่างพันอย่างตามกิเลสของเขาต้องการ แต่สิ่ง ๆ หนึ่งที่เขาไม่หาและไม่อยากจะหา หรือไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำไปก็มีเพียงสิ่งเดียว คือสิ่งที่จะทำให้เขาไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะมีสิ่งต่าง ๆ มากมายเหล่านั้น
สรุปใจความสั้น ๆ ก็คือว่า เขาไม่ได้หาสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เขาต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่เขามี เพราะฉะนั้นในวันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องนี้ ดูจะเป็นการดีเป็นการเหมาะสม ไม่มีใครสนใจในข้อที่จะพิจารณาดูให้ดีว่า เรากำลังแสวงหามากเกินกว่าความจำเป็น มีไว้เกินกว่าความจำเป็น
แต่เราก็ยังรู้สึกว่ายากจน จิตใจยังกระหาย ยังเหมือนกับว่าคนคอแห้งอยากจะกินน้ำอยู่นั่นเอง เพราะไม่รู้จักทำสิ่งที่มีอยู่นั่นให้เป็นที่พออกพอใจ ให้เกิดความอิ่มขึ้นมาในทางธรรม มันก็เป็นคนหิวเรื่อย เมื่อมีจิตใจที่หิวเรื่อย มันก็ผิดปรกติ เพราะความไม่รู้ เพราะความเห็นแก่ตัว จึงมีการทำที่มันเกินออกไปทุกทีในทางที่ไม่ควรจะทำ
เดี๋ยวนี้พูดได้ว่าสิ่งที่เป็นปากทางแห่งอบายนั่นกำลังก้าวหน้า ปากทางแห่งอบายก็คือสิ่งที่เรียกว่าอบายมุข ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้สำหรับฆราวาสก็คือ การดื่มน้ำเมา การเที่ยวกลางคืน การดูการเล่น การเล่นการพนัน การคบคนชั่วเป็นมิตร การเกียจคร้านทำการงาน ๖ อย่างนี้เรียกว่าอบายมุข คือเป็นประตูหรือช่องที่สัตว์จะตกลงไปในอบาย ไม่มีธรรมะสำหรับปิดกั้นอบายก็ต้องได้ตกลงไปในอบาย ก็ต้องได้มีความทุกข์เพราะอบายที่ตนสะสมไว้ หรือว่ากำลังเปิดช่องให้มากออกไปอีก
เรื่องดื่มน้ำเมาดูจะเป็นเรื่องที่มองข้ามกันไปเสียหมด คำว่าเมาในที่นี้มันหมายถึงทุกอย่างที่ ดื่ม กิน สูบ ทา ลูบไล้ตามเนื้อตัวก็ยังเมาได้ สิ่งใดที่ทำให้มันโง่ลงไปหรือให้ทำให้เสียสติสมปฤดี ให้หลงใหลในความสวยความงาม ให้หลงใหลในสิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งความหลงใหล ก็จะต้องเรียกว่าของเมาด้วยกันทั้งนั้น คนเขลา ๆ ก็เข้าใจเอาแต่เพียงว่ากินเหล้าอย่างเดียว พุทธบริษัทจะต้องรู้ว่า สิ่งอันใดอัน สิ่งอะไรก็ตามถ้าทำใจให้ผิดปรกติแล้วก็ต้องเรียกว่าเป็นของเมา
คนที่ยากจนอยู่แล้วก็ยังดื่มน้ำเมา กินของเมา พวกที่มีหน้าที่สอนคนอื่นเป็นครูบาอาจารย์ก็ยังกินน้ำเมา ก็เป็นการส่งเสริมให้มีการบูชาไอ้ของมึนเมา คนจนเสียอีกที่กินน้ำเมามากกว่าคนมั่งมี แล้วก็ไปโทษว่าตัวจนเพราะว่าคนมั่งมีเขาเอาเปรียบ
ไม่ลองพิจารณาดูให้ดีว่า คนจน ๆ นี่ทำอบายมุขเมื่อคิดเป็นส่วนเปอร์เซ็นต์แล้วก็มากกว่าคนมั่งมี คนมั่งมีก็มีรายได้มากมาย แต่เขาใช้ทำอบายมุขเพียง ๕ เปอร์เซ็นต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ มันก็ไม่หวาดไหวแล้ว นี้คนยากจนทำอบายมุขเกือบครึ่งของรายได้หรือตั้ง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ แล้วคนก็ว่าจน แล้วก็ไปโกรธคนมั่งมีว่าเป็นเหตุให้เขายากจน นี้มันเป็นคนละอย่าง คนมั่งมีก็เห็นแก่ตัวไปทางหนึ่ง คนยากจนก็เห็นแก่ตัวไปทางหนึ่ง ก็เรียกว่าทำบาปด้วยกันทั้งนั้น โลกนี้จึงไม่มีความสุข
ถ้าตั้งอยู่ในทางธรรมด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว ย่อมจะไม่สร้างคนมั่งมีมากเกินไป ย่อมจะไม่สร้างคนยากจนมากเกินไป แล้วจะมีคนพอดีที่จะอยู่เป็นผาสุก คนยากจนเว้นอบายมุขเสียได้ก็กลายเป็นคนมั่งมีขึ้นมาทันที อบายมุขข้อแรกคือดื่มน้ำเมานี้ก็ยังเห็นได้ว่าเป็นไปในหมู่คนยากจนมากกว่าคนมั่งมีเมื่อเทียบส่วนของรายได้
คนมั่งมีทำอบายมุข ๕ เปอร์เซ็นต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ คนยากจนทำอบายมุขตั้ง ๓๐ ๔๐ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรที่ป้องกันไม่ให้เขาบูชาอบายมุข ก็คือขาดสิ่งที่ป้องกันไม่ให้เป็นทุกข์เพราะสิ่งที่ตนมี เพราะว่าเขามีแต่สิ่งที่เป็นอบายมุข นี้อบายมุขข้อที่ ๑ คือดื่มน้ำเมา
นี้ข้อที่ ๒ เที่ยวกลางคืน ก็ไปคิดเอาเองก็แล้วกันว่าเที่ยวทำอะไร ก็หมายความว่าไปเที่ยวหาความสำเริงสำราญ ดูหนังดูละคร หรือทำอย่างอื่นไปตามเรื่อง เป็นเหตุให้เป็นคนโลเลเหลาะแหละ ไม่มีนิสัยที่จริงจังในการงาน เพราะจะเอาแต่เที่ยว จึงว่าเป็นอบายมุข
ไอ้อบายมุขที่ ๓ ดูการเล่น คำว่าการเล่นในที่นี้หมายถึงสิ่งสำเริงสำราญ ที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สติปัญญาหรือความผาสุก คนสมัยนี้กระทำสิ่งที่เรียกว่าดูการเล่นนั่นแหละ มากเกินไปเสียแล้ว ยิ่งไปกว่าคนสมัยโบราณ เพราะความเจริญก้าวหน้าในปัจจุบันนี้ มันทำให้เราอาจจะนอนดูหนังดูละครอยู่ที่บ้าน เช่นวิทยุ เช่นโทรทัศน์ หรืออะไรอื่น ๆ อีกหลายอย่างหลายประการ
เขามีสิ่งเหล่านั้นไว้สำหรับสำเริงสำราญ ไม่ใช่ไว้สำหรับศึกษาพระธรรม แล้วก็ไม่ค่อยจะมีพระธรรมที่ส่งออกมาทางสิ่งเหล่านั้น เพราะว่าคนส่งนั้นน่ะมันเป็นคนกิเลสหนาเหมือนกัน หรือว่าเป็นคนลูกจ้างเขาก็ทำไปตามคำสั่ง ดังนั้นสิ่งที่ส่งออกมาทางวิทยุหรือทางโทรทัศน์นั้นจึงไม่ค่อยมีเรื่องของพระธรรม มีแต่สิ่งมอมเมาให้หนาไปด้วยกิเลส แล้วมันก็มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเราจะไปดูหนังดูละครสักทีก็ต้องไปด้วยความยากลำบาก เดี๋ยวนี้มันก็ไปง่าย แล้วบางอย่างก็เข้ามาถึงในห้องนอน จนทำให้พระเณรก็สามารถจะดูหนังดูละครได้ในห้องนอนโดยดูจากวิทยุหรือโทรทัศน์ มันก็เป็นการเพิ่มให้มากขึ้นในอบายมุขส่วนนี้
ดังนั้นขอให้ช่วยกันพิจารณาดูให้ดีว่า ไอ้การเล่นหัวที่เรียกว่า ค่ำเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา นั้นน่ะมันกำลังเจริญระบาดมากกว่าสมัยปู่ย่าตายาย จนเด็ก ๆ เขามีนิสัยเสียไปตั้งแต่เล็ก ไม่รู้อะไรดีอะไรชั่ว จึงเกิดอาชญากรรมในหมู่คนวัยรุ่นนี่มาก มากอย่างประหลาด มากอย่างผิดหูผิดตา
คนวัยรุ่ม วัยรุ่นสมัยก่อนเขาไม่ทำอาชญากรรมมากเหมือนกับคนสมัยนี้ เหมือนกับคนวัยรุ่นสมัยนี้ นี่เพราะคนวัยรุ่นนี้มันถูกอบรมให้เปลี่ยนไปแล้วด้วยอบายมุขทำนองนี้ เพราะบทเพลงที่เขาส่งนั้นเป็น ๆ เรื่องของไอ้การยั่วกิเลส ซึ่งทำให้นิสัยเสีย ไม่รักพระธรรม ไม่เคารพพระธรรม ไม่กลัวบาป ไม่รักบุญ รักแต่ความสุขสนุกสนานเอร็ดอร่อย ทางเนื้อ ทางหนัง ทางกิเลส ก็แปลว่าทำให้มนุษย์เลวลง จนไปเป็นภูติผีปิศาจไปเสียตั้งแต่เล็ก ๆ โตขึ้นก็จึงไม่รู้จักยำยั้ง ยับยั้งชั่งใจ นี่อบายมุขข้อที่ ๓ ดูการเล่น
อบายมุขที่ ๔ เล่นการพนัน นี้ก็ไปดูเอาเองก็แล้วกันว่า เดี๋ยวนี้การพนันสิงมากจนไม่รู้จักว่านี่เป็นการพนัน จะเล่นล็อตเตอรี่ หรือว่าเล่นเลขท้ายสามตัว หรือเล่นการพนันอย่างอื่นใด ก็เคยชินกันไปหมดจนไม่มีใครรังเกียจหรือไม่เห็นว่าเป็นการพนัน
การที่เสียเงินนั้นไม่เท่าไหร่ ที่เสียมากจนถึงกับเรียกว่าฉิบหายก็คือเสียทางจิตใจ คือกลายเป็นคนที่มีจิตทราม ไม่รู้จักโทษของการพนัน บูชาการพนัน อะไรก็จะเป็นเรื่องของ ๆ การพนันไปเสียทั้งหมด ยิ่งเจ้าไหน ยิ่งรัฐบาลเป็นเจ้ามือเช่นล็อตเตอรี่ อย่างนี้แล้วก็ยิ่งเป็นได้มาก นี่จะไปโทษใคร ก็ไปโทษกรรมของสัตว์ที่ว่า เกิดมาในยุคสมัยที่ว่ามันเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
แต่อย่างไรก็ดี ไม่มีใครมาบังคับให้เราทำ มันเพียงแต่ถูกหลอกให้ไปทำ ดังนั้นก็หายโง่ ลืมตากันเสียบ้าง อย่าให้ถูกหลอกไปหลงใหลในการพนัน ไม่ว่าประเภทไหน อย่างไร เท่าไร ตัดขาดออกไปเสียได้ก็จะเป็นการดี นี้ปัญหายุ่งยากเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นเกี่ยวกับการพนันอย่างนี้ก็มีอยู่มาก
อบายมุขที่ ๕ คบคนชั่วเป็นมิตร นี้ก็ดูจะเข้าใจยากมากขึ้นทุกทีว่าคนไหนมันเป็นคนชั่ว คือว่าถ้ามันเลวเหมือนกันหมดแล้วมันจะมีคนไหนเป็นคนชั่ว มันเหมือนเป็นคนดีไปหมด ถ้าสมมติทุกคนเลว ก็จะเห็นใครว่าเป็นคนดีคนชั่ว ก็ต้องเห็นเป็นคนดีไปหมด เพราะเขาก็เหมือนเรา เราก็เหมือนเขา มันก็เป็นคนดีไปหมดด้วยกัน
ดังนั้นก็ต้องมาพิจารณาดูเสียใหม่ ดำรงตนไว้ในลักษณะที่ถูกต้อง ให้ดีเป็นดี ให้ชั่วไปชั่ว ตัดสินได้ง่าย ๆ ว่า ถ้าทำลายประโยชน์ตนเองประโยชน์ผู้อื่นแล้วก็เรียกว่าเป็นคนชั่ว ถ้าทำประโยชน์ผู้อื่นประโยชน์ตนด้วยกันแล้วก็เป็นคนดี เลยต้องมีจิตใจที่เป็นอิสระแยกแยะให้ดีว่า นี้เรากำลังทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน หรือว่าทำลายประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านหรือประโยชน์ส่วนรวมกันทั้งหมด
คนชั่วนั้นยังมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ ถ้าเราต้องการจะหลีกเลี่ยง แต่เราต้องระวังให้ดี อย่าให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นคนชั่วเป็นคนดี เดี๋ยวมันก็ไม่คิดจะหลีกเลี่ยง เดี๋ยวนี้ขี้เมาเหมือนกันหมด เป็นนักการพนันเหมือนกันหมด เที่ยวกลางคืนเหมือนกันหมด ร้ายเหมือนกันหมดมันก็ไม่ ๆ ต้องเห็นว่าใครเป็นคนชั่วที่จะต้องหลีกเลี่ยง มันก็ตามกันไปหมด เป็นคนดีไปหมด แต่โดยที่แท้แล้วก็คือเป็นคนชั่วกันไปหมด ไอ้โลกนี้มันก็จะต้องวินาศ เพราะธรรมะมันไม่มี
ทีนี้ข้อสุดท้าย อบายมุขนี้เรียกว่า เกียจคร้านทำการงาน นี้ก็เป็นปัญหาที่ซ่อนเร้นอยู่มาก นับตั้งแต่ว่าไม่อยากทำงานหนัก เห็นการทำงานหนักเป็นการเสียหาย เป็นการเสียเปรียบ ไม่เป็นการได้ที่ดี แต่ถ้าบรรพบุรุษของเราไม่คิดอย่างนี้ ยิ่งได้ทำงานที่หนักที่เหนื่อยกว่า ก็เรียกว่าได้บุญมากหรือเป็นการดีมาก
พอมาถึงลูกหลานสมัยนี้ก็กลายเป็นคนเจ้าสำรวยสำราญสำเริง ไม่อยากจะทำงาน อุตส่าห์เล่าเรียนให้มากเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แล้วก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะคนมันเลวโดยนิสัยเสียแล้ว มันก็เป็นเรื่องหลอก ๆ กันไปเท่านั้นเอง
โดยเนื้อแท้ก็คือไม่อยากทำงานนั้นน่ะมากกว่า เพราะมันค่อย ๆ เสียนิสัยไปทีละน้อย ๆ ชอบความสวยงาม ชอบความสนุกสนาน แต่งเนื้อแต่งตัว ร่าเริงมากขึ้นเท่าไร มันก็จะเกลียดการทำงานมากขึ้นเท่านั้น จึงเกิดความยุ่งยากลำบากในการปฏิบัติธรรม ทำให้เข้าใจผิดว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ต้องทำงานอะไร
ถ้าว่ากันที่ไอ้ที่แท้แล้ว การทำงานนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม ดังนั้นถ้าใครยังเข้าใจผิดในเรื่องนี้อยู่ก็ควรจะเข้าใจถูกกันเสียทีว่า การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้นคือการทำงาน คือการทำหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปให้มากที่สุดเท่าไรก็ยิ่งดี ยิ่งอาบเหงื่อต่างน้ำมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการปฏิบัติธรรมมากขึ้นเท่านั้น
ธรรมะ คำนี้แปลว่าหน้าที่ บางคนอาจจะไม่เคยทราบ ถ้าไม่ทราบก็ขอให้ทราบเสีย จะได้มีความฉลาดเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะคำว่าธรรมะที่เป็นภาษาอินเดีย จะเป็นบาลีหรือสันสกฤตก็ตามนี่ คำว่า คำว่าธรรมะคำนี้แปลว่าหน้าที่ ประ ประพฤติธรรมะก็คือการทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง นับตั้งแต่หน้าที่ทำมาหากิน หน้าที่เป็นอยู่ให้ถูกต้อง กระทั่งละกิเลสไปนิพพาน บรรลุนิพพาน อย่างนี้เรียกว่าหน้าที่ทั้งนั้นเลย ดังนั้นเราต้องทำหน้าที่ตั้งแต่ต้นที่ดักอยู่ข้างหน้านี้ให้เสร็จเสียก่อน แล้วก็เป็น สูงเป็นลำดับ ๆ ขึ้นไป
หน้าที่มันก็มีอยู่มาก แต่ถ้าจะแบ่งกันให้เป็นประเภทใหญ่ ๆ เป็นคร่าว ๆ กำหนดได้ง่าย ศึกษาได้ง่ายก็อยากจะแบ่งเป็นว่า หน้าที่ของบุตรที่ดี เป็นหน้าที่ของศิษย์ที่ดี หน้าที่ของเพื่อนที่ดี หน้าที่ของพลเมืองที่ดี หน้าที่แห่งสาวกของพระศาสดาที่ดี ๕ อย่างนี้ก็พอแล้ว
เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ก็อย่าทำให้บิดามารดาต้องน้ำตาไหล ผู้ที่ทำบิดามารดาให้น้ำตาไหลนั้น เรียกว่าผู้จับบิดามารดาใส่ลงไปในนรก นั่นน่ะดูฝีมือของลูกอกตัญญู ลูกอกตัญญูมันมีฝีมือในการที่จะจับบิดามารดาใส่ลงไปในนรก คือทำบิดามารดาให้น้ำตาไหลอยู่เรื่อย ๆ หลายอย่างหลายทาง ไม่เชื่อฟัง หรือว่าใช้เงินเปลือง หรือว่าทำให้บิดามารดาต้องเดือดร้อนใจอยู่จนกระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาว อย่างนี้เรียกว่าผู้จับบิดามารดาใส่ลงในนรกทั้งนั้น เป็นลูกอกตัญญู สู้แต่ไม้เท้าของคนแก่อันหนึ่งก็ไม่ได้
ไม้เท้าของคนแก่อันหนึ่งก็ยังค้ำกายได้ ไล่สุนัข ไล่ไอ้สัตว์ที่จะมาขบกัดได้ พอเซลงก็เลยใช้คำยันได้ นี้เขาโบราณเขากล่าวไว้อย่างนี้ ไม้เท้าของคนแก่อันหนึ่งยังดีกว่าลูกอกตัญญูที่มีแต่จะทำให้พ่อแม่น้ำตาไหล ดังนั้นหน้าที่ของลูกก็ทำให้พ่อแม่เป็นสุขกายสบายใจ
ให้ทุกคนถือตามพระพุทธภาษิตที่ว่า บิดามารดาเป็นพระพรหมของลูก บิดามารดาเป็นพระอรหันต์ของลูก บิดามารดาเป็นครูบาอาจารย์คนแรกของลูก อย่างนี้เป็นต้น เชื่อฟังบิดามารดาถึงขนาดที่ว่า ที่กล่าว ที่สา ถึงขนาดที่ว่าจะสามารถสละความสุขส่วนตัวได้ หรือบางทีสละชีวิตก็ยังยอม
เดี๋ยวนี้เด็ก ๆ กระทำต่อบิดามารดาอย่างนี้หรือไม่ เด็กสมัยนี้มีแต่จะดื้อดึง ตวาดใส่หน้าบิดามารดา เพราะว่าไอ้ลูกมันมีคุณต่อพ่อแม่ เพราะมันทำให้พ่อแม่ได้มีหน้ามีตา อย่างนี้กลับกันตรงกันข้าม สมัยก่อนพ่อแม่มีบุญคุณแก่ลูก สมัยนี้ลูกเขาจะอ้างว่าเขามีบุญคุณแก่พ่อแม่ เพราะเขาทำชื่อเสียงให้พ่อแม่ หรือหาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่อย่างนี้ มันก็กลับตรงกันข้าม
ดังนั้นหน้าที่ของบุตรที่ดีก็จะต้องทำให้บิดามารดาสุขกายสบายใจ แม้ว่าเราจะมีอายุโตถึงเท่านี้แล้ว เราก็ยังมีบิดามารดาอยู่นั่นแหละ ถึงแม้ว่าบิดามารดาจะล่วงลับไปแล้ว ไอ้บุตรที่อยู่ข้างหลังก็ยังทำหน้าที่เพื่อบูชาคุณของบิดามารดาได้
ขอให้สำนึกไว้ทุกคนว่า จะต้องเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา แม้ว่าเดี๋ยวนี้มีอายุตั้งหลายสิบปีแล้ว จนบิดามารดาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงไอ้ลูกเด็ก ๆ ที่ยังมีบิดามารดาอยู่ตำตา ที่จะต้องบูชาบิดามารดาอย่างพระอรหันต์หรือว่าอย่างพระพรหม คือถึงอย่างไรก็ยอมอดกลั้นอดทน อย่าให้บิดามารดาต้องเดือดเนื้อร้อนใจ คับอกคับใจ หรือถึงกับน้ำตาไหล นี้หน้าที่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา
ทีนี้หน้าที่นี้มันต้องทำด้วยความเสียสละ อดกลั้น อดทน มีความคิดนึก มีสติปัญญา มีความซื่อสัตย์ มีความกตัญญู นั้นเพียงแต่จะเป็นลูกที่ดีของบิดามารดาเท่านั้นน่ะ มันต้องมีคุณธรรมเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู ความเสียสละ ความอดกลั้นอดทน ความอ่อนน้อมถ่อมตน อะไรหลายอย่างหลายประการ ทำหน้าที่นั้นคือการปฏิบัติธรรม ธรรม การปฏิบัติธรรมนั้นคือการทำหน้าที่
ทีนี้หน้าที่ถัดขึ้นมาก็เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกเด็ก ๆ สมัยนี้ไม่เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์เหมือนสมัยก่อน เขาไม่เคารพ เขาไม่เชื่อฟังมาตั้งแต่บิดามารดา แล้วจะมาเคารพครูบาอาจารย์นั้นเป็นไปไม่ได้ เดี๋ยวนี้เขาเรียกครูบาอาจารย์ว่าไอ้ว่าอี เขาด่าครูบาอาจารย์ได้ เขาจัดให้บิดามา ให้ครูบาอาจารย์ต้องมาขอโทษเด็กนักเรียนก็มี นี้มันหลงมันโง่มันงมกันไปทั้งหมดแล้ว คือทั้งบิดามารดาทั้งครูบาอาจารย์ แล้วครูบาอาจารย์ก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของลูกศิษย์มากขึ้น
ดังนั้นท่านทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เราต้องเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ซึ่งสั่งสอนอย่างดี มีการเชื่อฟังแล้วก็จะเป็นคนที่เอาตัวรอดได้ เดี๋ยวนี้เพราะเหตุที่ไม่เชื่อฟังครูบาอาจารย์ จึงเป็นเด็กอันธพาล เป็นวัยรุ่นอันธพาล หนาแน่นขึ้นในประเทศไทยเรา ซึ่งไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน
ดังนั้นขอให้ทำหน้าที่ที่ ๒ ให้ดี คือเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ แม้เราอายุมากขนาดนี้แล้ว ก็ยังมีครูบาอาจารย์อยู่นั่นแหละ แม้ครูบาอาจารย์จะล่วงลับไปหมดแล้ว ก็ยังมีครูบาอาจารย์ที่จะต้องระลึกถึงด้วยการเคารพบูชาอยู่นั่นเอง ให้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ จนกระทั่งวาระสุดท้ายคือเราก็ตายไปด้วย อย่างนี้ก็ต้องประกอบไปด้วยคุณธรรมหลายอย่างหลายประการ เช่นเดียวกับที่จะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา
นี้หน้าที่ต่อไปอีกก็เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เด็ก ๆ ก็มีเพื่อน คนหนุ่มสาวก็มีเพื่อน พ่อบ้านแม่เรือนก็มีเพื่อน คนแก่คนเฒ่าก็มีเพื่อน ทุกคนมีเพื่อน เราจะต้องทำตนให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ก็ตั้งแต่ว่า ซื่อตรง เมตตากรุณา เอาใจใส่ เสียสละ อดกลั้นอดทน
ถ้าเรานึกกันถึงข้อนี้แล้วเราจะเบียดเบียนกันไม่ลง เดี๋ยวนี้เรามันโง่ไป ไม่ได้คิดว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราไม่ยอมรับในข้อนี้ เราก็ทำลง เราก็เห็นแก่ตัว เราก็ทำลายผู้อื่นได้ ไม่ ๆ เป็นเพื่อนที่ดีของกันและกัน
แม้ว่าในวงแคบ ในวงแคบ ๆ เราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีของกันและกัน นับประสาอะไรจะไปเป็นเพื่อนกันทั้งหมดทั้งสิ้น เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายกันทั้งโลกทั้งสากลจักรวาลนั้น มันมีไม่ได้ จะต้องทำลายความเห็นแก่ตัวให้มาก เพราะเห็นว่ามันเป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายกันจริง ๆ ไม่ว่าชนชาติไหนภาษาไหนมันก็มีปัญหาอย่างเดียวกันหมด คือกิเลสเบียดเบียนให้เดือดร้อนเหมือนกันหมด แล้วก็มีความทุกข์คือเกิดแก่เจ็บตายคอยรบกวนเหมือนกันหมด น่าเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เดี๋ยวนี้มันมีกิเลสครอบงำแล้ว แม้จะเป็นพี่น้องกันมันก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เพื่อนร่วมโรงเรียนร่วมสำนักเรียนกันมันก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ได้ มันยังมีการวิวาทกัน ฆ่าฟันกัน ทะเลาะกัน เผาโรงเรียนกัน อะไรต่าง ๆ เป็นเพื่อนที่ดีกันไม่ได้ถ้ามันไม่ประพฤติธรรม
ทีนี้หน้าที่ต่อไปก็เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ สูงขึ้นไปตามลำดับ ขอให้สังเกตว่า เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ นี้มันโตขึ้นมาแล้ว แล้วเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน นับแต่เพื่อนในโรงเรียน เพื่อนบ้าน กระทั่งว่าเดี๋ยวนี้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ
คำว่าประเทศชาตินี้ไม่ได้พูดเพื่อให้แบ่งแยกเป็นเขาเป็นเราสำหรับจะรบราฆ่าฟันกัน แต่ว่าได้หมายถึงหน้าที่หรือภาระที่จะต้องทำเพื่อประเทศชาติของตน ๆ คนที่เป็นพลเมืองของประเทศไหน ก็มีหน้าที่ที่จะทำประเทศของตนให้เจริญรุ่งเรือง ให้อยู่กันเป็นผาสุก จะให้คนอื่นมาทำแทนนั้นมันไม่ได้ มันไม่ไหว
นี้ลดลงมาอีกก็ว่า ในจังหวัดของเรา ในอำเภอของเรา ในครอบครัวของเรา นี้ก็ต้อง ล้วนแต่ต้องเอาใจใส่ เป็นหน้าที่ของตนด้วยกันทั้งนั้น เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ทำให้มันลดลงมาถึงกับเป็นพลเมืองที่ดีของจังหวัดนี้ อำเภอนี้ ของครอบครัวนี้ เป็นสมาชิกของครอบครัวที่ดี
เดี๋ยวนี้เราพูดกันแต่ปาก ที่ว่ารักประเทศชาตินั้นรักกันแต่ปาก เพราะว่าเราเห็นแก่ตัว ดังนั้นจึงเอาเปรียบได้แม้แก่ประเทศชาติ พอเราจะเอาประโยชน์อะไร เราก็ว่าประเทศชาติของเรา แต่พอเราจะต้องเสียอะไรไปบ้าง เราก็ว่าไม่ใช่ประเทศชาติของเรา เลยไม่มีใครที่จะทำหน้าที่อะไรได้อย่างถูกต้อง ไม่มีประเทศชาติ ไม่มีรัฐบาล ไม่มีอะไรที่เป็นของเราโดยแท้จริง เพราะว่าเราก็คอยจะแยกตัวออก ดีดตัวออกไปเพื่อเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเท่านั้น ความรักในส่วนรวมมันก็ไม่มี
ได้ทราบว่าที่นั่งอยู่นี้ก็มีลูกเสือชาวบ้านเป็นจำนวนมากรวมอยู่ด้วย ขอให้คิดดูให้ดีเถิดว่านี่มันเป็นความหมายของคำว่า เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ แล้วก็ลดลงไปถึงเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน กระทั่งว่าเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ หรือเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา
ลูกเสือชาวบ้านไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ก็ ๆ ได้ ขอให้ทำอะไรเพียงเท่านี้ก็จะเป็นทั้งหมดที่เป็นอุดมคติของลูกเสือชาวบ้าน ดังนั้นลูกเสือชาวบ้านไปชำระสะสางตัวเองกันเสียทุกคน ว่าตนได้เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาหรือเปล่า ว่าลูกเสือชาวบ้านนี้ได้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์หรือเปล่า ว่าลูกเสือชาวบ้านนี้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนแต่ละคน ๆ หรือเปล่า กระทั่งว่าเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติหรือเปล่า
หรือว่าจะเป็นลูกเสือชาวบ้านกันแต่เพียงให้จับกลุ่มกันสรวลเสเฮฮาสนุกสนานมากกว่าเดิม ก็ไม่คำนึงถึงหน้าที่อย่างที่กล่าวมาแล้ว อันนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องเล่นตลก แล้วผลที่หวังไว้ก็ไม่เกิดขึ้น ถึงจะติดเครื่องหมายว่าเป็นลูกเสือชาวบ้าน มันก็เป็นไม่ได้ ต่อเมื่อได้ทำหน้าที่นี้สมบูรณ์แล้ว แม้จะไม่ติดเครื่องหมายว่าเป็นลูกเสือชาวบ้าน มันก็เป็นยิ่งกว่าเป็น
ขอให้เข้าใจว่าการทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้องนั้นแหละคือความเป็นลูกเสือชนิดไหนก็ตาม ลูกเสือทั่วไป ลูกเสือชาวบ้าน ลูกเสืออะไรก็สุดแท้ เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติเป็นหลักใหญ่ แล้วก็ลดลงไปตามลำดับ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ปัญหามันก็หมด
ที่นี้หน้าที่อันที่สุดท้ายอันที่ ๕ ก็คือว่า เป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา ทุกคนย่อมถือศาสนา ไม่ศาสนาใดก็ศาสนาหนึ่ง แต่ละศาสนาก็มีศาสดา ดังนั้นเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาเถิด จะรอดตัว จะพ้นภัย ไม่มีศาสดาไหนสอนให้คนทำชั่ว ไม่มีศาสนาไหนที่สอนให้คนเห็นแก่ตัว จึงเป็นที่เชื่อถือได้ทุกศาสนาและทุกศาสดา มันเหลืออยู่แต่ว่าเราจะเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาหรือไม่
สาวกแปลว่าผู้ปฏิบัติตามด้วยความเชื่อฟัง ดังนั้นห้ามไว้อย่างไรก็เว้นหมด ท่านสอนให้ทำอย่างไรก็ทำหมด ถ้าเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาอย่างเดียวแล้ว มันก็จะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติด้วยเอง ในอัต ในตัวโดยอัตโนมัติ จะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนในตัวโดยอัตโนมัติ จะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์โดยอัตโนมัติ จะเป็นบุตรที่ดีของพ่อแม่โดยอัตโนมัติ ขอให้เป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาเท่านั้น เพราะว่าคำสอนของศาสดาทุกศาสนาสอนไว้ครบถ้วนในการที่จะเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าศาสนาไหน
คำสอนของพระศาสดาเหล่านั้นเขาเรียกว่าพระธรรม พระธรรมคือสิ่งที่จะต้องมีเพื่อจะป้องกันความทุกข์ไม่ให้เกิดขึ้น คือให้มีแต่การกระทำที่ถูกต้อง ไม่มีการกระทำที่ผิดพลาด นี่ พระธรรมนี่จะเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาจากสิ่งที่เรามีอย่างโง่เขลา
ในตอนต้นได้กล่าวแล้วว่า เรามีอะไรมากเหลือเกิน แต่เราก็โง่ คือมีไม่เป็น มีสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างไม่ถูกธรรม ไม่ประกอบด้วยธรรม มันก็กลายเป็นมีเพื่อความทุกข์ อย่างคนมีเงินมากและเป็นคนโง่ ไม่ประกอบไปด้วยธรรม ก็มีเงินเพื่อมีความทุกข์ มีเงินมากเท่าไรจะยิ่งมีความทุกข์มากขึ้นเท่านั้น นี้สำหรับคนโง่และไม่ประกอบไปด้วยธรรม
ถ้ามีพระธรรมแล้ว แม้จะมีเงินมากก็ไม่มีความทุกข์ จะมีน้อยก็ไม่มีความทุกข์ จะไม่มีเลยก็ไม่มีความทุกข์ แต่จะประพฤติให้ถูกต้องตามธรรมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยมันต้องมี ที่จะไม่มีจะยากจนเพราะการประพฤติธรรมนั้นเป็นไปไม่ได้
แต่ที่มันสำคัญก็คือว่า ถ้าไม่ประพฤติธรรมแล้วมันก็จะทำผิดไปตั้งแต่แรก หาเงินมาก็หาผิด ๆ มีเงินไว้ก็มีไว้สำหรับทำลายตัวเองให้วินาศ คือใช้ไปในทางผิด หรือจะเอามาขี้เหนียวไว้มาก ๆ มันก็วิตกกังวลจนนอนไม่หลับ เพราะมันไม่รู้ ไม่มีธรรมะในการที่จะมีเงินหรือมีทรัพย์สมบัติใด ๆ ก็ตาม
ถ้าไม่มีธรรมะแล้ว มีสิ่งใดก็จะมีความทุกข์เพราะสิ่งนั้น คนโง่ไม่มีธรรมะแล้ว มีบ้านเรือนก็จะต้องเป็นทุกข์เพราะบ้านเรือน มีไร่นาก็จะต้องเป็นทุกข์เพราะไร่นา มีทรัพย์สมบัติอะไรก็จะต้องเป็นทุกข์เพราะทรัพย์สมบัติเหล่านั้น นี่ขอให้ไปสังเกตดูกันให้ดีในข้อนี้ พูดไว้แต่เพียงหัวข้อว่า ถ้ามีทรัพย์สมบัติแล้วก็มีไม่เป็นคือไม่มีธรรมะด้วยแล้ว ก็จะต้องมีความทุกข์เพราะทรัพย์สมบัติ
แม้ที่สุดแต่มีอาหารกิน ถ้ากินอย่างไม่ประกอบไปด้วยธรรม แล้วอาหารนั้นก็จะให้ผลเป็นทุกข์ คิดดูให้ดี ๆ นี้เรามีเงินไปกินไอ้สิ่งที่ไม่ควรกิน ก็คือ ก็เพื่อทำตัวให้เลวลง จะให้คนอื่นบ้างก็ให้ไม่ได้ แต่เอามากินให้เหลือเฟือ กินให้เหมือนกับเป็นภูติผีปิศาจกิน อย่างนี้ทำได้ มันก็กินเพื่อจะให้เลวลง เพื่อให้เป็นทุกข์
นี้พูดถึงทรัพย์สมบัติ ถ้าขาดธรรมะแล้วมันก็เป็นเครื่องทำให้คนเรามีความทุกข์ มีบุตรภรรยาสามีอะไรก็เหมือนกัน ถ้าขาดธรรมะแล้วก็จะเป็นไปเพื่อความทุกข์ทั้งนั้น จึงมีธรรมะเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ขึ้นเพราะสิ่งที่เรามี ซึ่งเราจะขาดเสียไม่ได้
ทรัพย์สมบัติเราต้องมีขาดไม่ได้ แล้วยังมี ๆ บุตรภรรยาสามีอะไรก็ต้องมีขาดเสียไม่ได้ แต่แล้วระวังให้ดี ถ้าว่ามันมีไม่เป็นไม่ถูกต้องแล้วจะต้องเป็นทุกข์ แต่พระธรรมนั่นแหละจะช่วยได้ตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะมีทรัพย์สมบัติหรือมีอะไร ถ้า ๆ ประกอบไปด้วยธรรมแล้วจะไม่เกิดความทุกข์ ดังนั้นขอให้สนใจธรรมะนี้กันให้มากและสนใจให้ถูกต้อง แล้วก็สนใจให้ ๆ เพียงพอ อย่าให้มันขาด อย่าให้มันเกิน
เดี๋ยวนี้เราก็กำลังพูดกันถึงสิ่งที่เรียกว่าธรรม ในฐานะเป็นสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้ความทุกข์ต่าง ๆ เกิดขึ้นเพราะสิ่งที่เรามี สำหรับสิ่งที่เรามีนั้น แจก ไปจำแนกดูเถิด มันมีมากมาย หลายสิบอย่าง หลายร้อยอย่าง หลายพันอย่าง แต่ถ้ามีไม่เป็น มีไม่ถูกต้องแล้ว เป็นทุกข์ทั้งนั้น
แม้แต่มีชื่อเสียง ถ้ามีไม่เป็นก็มี ๆ ทางที่จะเกิดความทุกข์เพราะชื่อเสียง มีเพื่อน ถ้ามีไม่ถูกต้องก็จะต้องมีความทุกข์เกิดขึ้นเพราะการมีเพื่อน มีบริวาร ถ้ามีไม่เป็นก็จะต้องมีความทุกข์เกิดขึ้นเพราะการมีบริวาร อะไร ๆ มันจะเป็นทุกข์แก่ผู้นั้นได้ทั้งนั้น ถ้าเขาไม่มีธรรมะประกอบอยู่ในตนแล้วไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ๆ
ดังนั้นขอให้สนใจกับสิ่งนี้กันเป็นพิเศษด้วยกันทุกคนว่า เราต้องมีสิ่งหนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ที่จะคุ้มครองเราไม่ให้ต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่เรามี เดี๋ยวนี้เราก็ชอบแขวนพระเครื่องกัน อาตมาอยู่ที่นี่รู้ ทั้งที่ไม่มีพระเครื่องแจก เพราะมีคนมาขอเรื่อย คนไปมาทั้งวันแต่ละวัน ๆ นี่ จะมีคนเอ่ยปากขอพระเครื่อง แล้วก็ดูหน้าตาของเขาเป็นทุกข์เป็นร้อน แต่ ๆ ก็ช่วยไม่ได้เพราะที่นี่ไม่ได้ทำพระเครื่องแจก เพราะว่าที่อื่นเขาทำกันมากแล้ว จนคนไม่มีคอจะแขวนแล้ว
เขาแขวนทุกองค์ที่เขามี คอหักตายกันหมด ที่นี่เลยไม่ทำพระเครื่องชนิดนั้น แต่จะบอกแก่เขาว่า มันยังมีพระเครื่องอีกชนิดหนึ่งซึ่งสำคัญกว่านั้น ที่จะคุ้มครองเขา คือธรรม คือพระธรรม ซึ่งเป็นความหมายอันแท้จริงของพระเครื่อง เอาพระเครื่องมาแขวนคอนี้ เพื่อให้เตือนสติไว้ให้ระลึกถึงพระธรรม ห้ามกันไว้อย่าให้ไปทำสิ่งที่ชั่วสิ่งที่เลวเพราะว่ามันผิดพระธรรม ถ้าว่าถ้าแขวนพระเครื่องกันอย่างนี้ก็คุ้มครองได้จริงเหมือนกัน เป็นสิ่งที่เตือนให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่เสมอ
แต่ดูเหมือนว่าคนแขวนพระเครื่องไม่ค่อยคิดอย่างนี้ ไปคิดว่าจะทำให้ร่ำรวย จะทำให้มีโชคดี จะให้ป้องกันคนอันธพาลอย่าให้ต้องรับโทษ แม้ทำผิดทำชั่วอย่างไรก็อย่าให้เขาจับได้ อย่าให้ใครยิงเขา ฟันเขา อะไรอย่างนี้เป็นต้น นี้เป็นความเห็นผิด ความหลงผิด ไม่ใช่หน้าที่ของพระเครื่องที่จะไปส่งเสริมให้คนเป็นทุกข์หรือว่าทำชั่วจนเป็นทุกข์
พระเครื่องเป็นเพียงสัญลักษณ์ของพระธรรม ถ้าเรามีพระธรรม ก็ ๆ ๆ จะ ๆ เป็นที่แน่นอนกว่า เพราะว่าพระเครื่องนั้นแขวนไว้ที่คอ แต่ว่าพระธรรมนั้นแขวนไว้ในหัวใจ แขวนไว้ที่ดวงใจ อันไหนจะ ๆ ดีกว่า จะจริงกว่า จะศักดิ์สิทธิ์กว่า ถ้าแขวนพระเครื่องที่คอ แล้วก็แขวนพระธรรมไว้ในใจด้วยแล้วก็ยิ่งดีแน่ ขอให้ไปคิดกันเสียใหม่ในเรื่องนี้ว่า สิ่งที่คุ้มครองได้จริงนั้นคือพระธรรม แล้วถ้าพระธรรมจริงก็ต้องแขวนไว้ที่ใจ แล้วก็มีสติสัมปชัญญะดูแลรักษาหรือใช้พระธรรมนั้น ให้ทันแก่เวลา ทันแก่เหตุการณ์
เหมือนกับว่าเราจะมีอาวุธ เช่นปืนเป็นต้น ไว้ยิงขโมยหรือศัตรูของเรา เราก็ต้องไปซื้อปืนมาก่อน ไม่ใช่ว่าขโมยมาแล้วจึงจะไปซื้อปืน หรือว่ามีปืนแล้วเราต้องหัดยิงให้เป็นผลดีเสียก่อน ไม่ใช่ว่าขโมยมาแล้วจึงจะหัดยิงปืน นี่มันมีคนโง่เท่านั้นแหละที่จะไปซื้อปืนต่อเมื่อขโมยมา หรือว่าเอาปืนมาไว้แล้วก็ยิงไม่เป็น จะไปหัดยิงปืนต่อเมื่อขโมยมา มันเป็นเรื่องของคนโง่ อย่าไปเอาอย่าง
เรื่องของพระธรรมนี้ก็เหมือนกัน มันเหมือนกับปืนที่จะยิงขโมย ข้าศึกคือกิเลสหรือความชั่วทั้งหลาย ดังนั้นต้องมีพระธรรมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ล่วงหน้า แล้วก็หัดใช้พระธรรมนั้นให้คล่องแคล่วเหมือนกับเราใช้ปืนใช้อาวุธต่าง ๆ
เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายมีความคล่องแคล่วในเรื่องนี้หรือยัง ท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ มีความคล่องแคล่วในการใช้พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดข้าศึกคือกิเลสความชั่วความทุกข์แล้วหรือยัง หรือมันเป็นเหมือนกับคนที่ยังไม่ได้ไปซื้อปืนมา ยังไม่ได้หัดยิงปืน แล้วจะว่าจะไปยิงขโมย มันก็พูดอย่างที่น่าสง น่าสงสาร
ที่พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า ให้นึกกันดูให้ดีว่า พระธรรมนี่ ถ้าไม่มีศึกษาไว้ล่วงหน้า ประพฤติปฏิบัติไว้ล่วงหน้าแล้ว มันช่วยไม่ทัน เช่นเดียวกับไม่มีปืนแล้วจะยิงขโมย มันก็ไม่มีการทันแก่ท่วงที ให้สนใจธรรมะ ให้ศึกษาธรรมะ ให้ปฏิบัติธรรมะ ไว้ให้คล่องแคล่วชำนาญ ในหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ ประการ
เพื่อจะเป็นลูกที่ดีของบิดามารดาก็ตาม เพื่อจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ก็ตาม เพื่อจะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนก็ตาม เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติก็ตาม กระทั่งเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้าก็ตาม ต้องฝึกหัดไว้ให้ชำนาญเป็นการล่วงหน้าทั้งนั้น
และขอยืนยันซ้ำซากว่า นี่แหละคือสิ่งที่ท่านทั้งหลายยังขาดอยู่ สิ่งอื่น ๆ ดูจะมีมาก มีเฟ้อ มีเกินจำเป็นไปหมดแล้ว แต่สิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นยังขาดอยู่ เพราะยังต้องหัวเราะ ยังต้องร้องไห้ ยังต้องพร้อม ยังพร้อมที่จะเป็นทุกข์อยู่เสมอ ยังมีความหวาดกลัวอยู่เสมอ ยังมีความสะดุ้งอยู่เสมอ ยังมีความไม่แน่ใจไม่ไว้ใจตัวเอง ยังมีความหวั่นวิตกหรือลังเลอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดโรคเส้นประสาท แล้วเกิดโรคจิตเป็นบ้าไปก็มี แม้ยังไม่ถึงขนาดนั้น ก็เป็นผู้ที่เรียกว่าไม่ได้หลับสนิทเป็นสุข ยังสะดุ้ง ยังหวั่นวิตก
คนเราไม่ได้ ไม่ได้นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข ขออภัยพูดตรง ๆ เพื่อประหยัดเวลา สัตว์ทั้งหลายมันนอนหลับสนิทเพราะมันไม่ ๆ วิตกกังวลมากเหมือนคน คนมันจึงฝันร้าย สะดุ้ง หวาดผวา นอนหลับไม่สนิท นี่ลองเปรียบกันดูว่าเพราะเหตุอะไร เพราะว่าเรามีอะไรไม่ครบถ้วน ในการที่จะป้องกัน ขจัดความวิตกกังวล ความหวาดกลัว หรือปัญหาต่าง ๆ ซึ่งมนุษย์มันมีมากกว่าสัตว์
สัตว์มันมีปัญหาน้อย หรือเกือบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย นอกจากว่ามีกินก็แล้วกัน ไอ้เรามันต้องการมากกว่านั้นหลายร้อยหลายพันเท่าไว้มีปัญหา นั้นน่ะไอ้หนทางที่จะเกิดความทุกข์แก่มนุษย์มันจึงมีมากมาย มีมากมายกว่าสัตว์หลายร้อยหลายพันเท่า นี่จึงต้องการไอ้สิ่งที่จะกำจัดความทุกข์นี้มากเป็นพิเศษ นี่คือต้องการพระธรรมมากกว่าสัตว์ สัตว์ก็จะไม่ต้องการ
ดังนั้นถ้าผู้ใดรู้สึกว่ายังมีความทุกข์ ยังมีความหวั่นวิตกกังวล ยังนอนหลับไม่สนิท ยังต้องร้องไห้อยู่บ่อย ๆ แล้วก็ รีบขวนขวายหาไอ้เครื่องที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้ กล่าวคือพระธรรม แล้วก็ไม่ต้องหาให้ไกลไปจากตัว คือต้องดูที่กาย วาจา ใจ ของตัวว่า มันประกอบอยู่ด้วยธรรมหรือยัง แล้วมันต้องประพฤติกันที่นี่ ในการทำงานในชีวิตประจำวันก็ยังได้
วันหนึ่งเราต้องทำงาน ในการงานนั้นทำให้มันเป็นธรรมะ ให้เป็นความถูกต้อง ก็จะมีธรรมะอยู่ที่การงาน อยู่ที่เนื้อที่ตัวที่กายวาจาใจนั้นเอง ที่บ้านก็ได้ ไม่ใช่ว่าธรรมะแล้วก็ต้องมาที่วัด หรือบางคนไกลไปถึงว่า ธรรมะนี้จะให้ผลต่อตายแล้ว ต่อเกิดชาติหน้า อย่างนี้มันไกลเกินไป
พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนอย่างนี้ ท่านสอนไปทำนองที่ว่า ทำดีตรงไหนก็ดีตรงนั้น ดีเมื่อนั้น ได้รับผลเมื่อนั้น เรียกว่าเป็น อกาลิโก เป็น สนฺทิฏฺิโก นี่พระธรรมต้องเป็น อกาลิโก ไม่จำกัดเวลา ทำตรงไหนก็ดีตรงนั้นและเมื่อนั้น เพราะคนอื่นเขาไม่มารู้นอกจากว่าตัวเองมันเป็นผู้รู้ จึงเป็นเรื่องส่วนตัวมากที่สุด ก็เลยมองข้างในให้มากที่สุด แล้วก็ทำอยู่ที่เนื้อที่ตัวให้มากที่สุด
ที่วัดนี้มันมีไว้สำหรับสะดวกในการศึกษา ในการฟัง ในการชี้แนวแนะทาง แต่แล้วต้องกลับไปปฏิบัติที่บ้าน ติดตัวไปคิดนึกศึกษาปฏิบัติ อยู่ที่เนื้อที่ตัวประจำวันตลอดเวลาที่มันอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเวลาที่มีธรรมะส่วนใหญ่มันก็มีเมื่ออยู่ที่บ้านนั่นเอง ให้เป็นการประพฤติถูก ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ก็แล้วกัน เรียกว่ามีพระธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองอันตราย ทุกระดับ ทุกชนิด พระธรรมจะคุ้มครองได้
ถ้ามีธรรมะสูงจริงก็จะหมดปัญหาเลย คือไม่ ๆ มีตัวตนสำหรับ ๆ จะเป็นทุกข์อีกต่อไป นี้เรียกว่าได้บรรลุธรรมะขั้นสูง ชั้นสูงสุดคือพระนิพพาน ไม่มีธรรมะอีกต่อไป อ่า, ไม่มีความทุกข์อีกต่อไป นี้ถ้ายังไม่ถึงนั้น มันก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ทุกอย่างทุกประการที่มันจะเกิดขึ้นเพราะความรู้ไม่ ๆ ๆ ทัน รู้ไม่ถึงของคนนั้น ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยอวิชชา
ถ้ามีธรรมะจริงจะแก้ไขร้ายให้กลายเป็นดีได้เสมอไป เพราะความรู้ทางธรรมะนี้มันประเสริฐจริง มันวิเศษจริง ไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องเสีย มีแต่จะเป็นเรื่องได้ ถ้าทำงานผิดพลาดไป ขาดทุนนี่ มันก็ให้ความฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก็แปลว่าไอ้ขาดทุนไปนั้นไม่ ๆ ๆ ๆ กี่บาท แต่ผลที่ได้ความฉลาดมายิ่งกว่าเดิมนี้ มันแพงกว่ามากนัก เพราะยังคงได้กำไรอยู่นั่นแหละ
แต่เดี๋ยวนี้คนโง่ ๆ หรือคนไม่มีธรรมะนั่น ไม่คิดอย่างนั้น ไม่มองเห็นอย่างนั้น พอขาดทุนสักบาทก็นั่งร้องไห้อยู่ ไม่ได้คิดว่านี้มันเป็นการสอนที่ดี ถ้าฉลาดมากกว่านั้นก็จะเห็นว่า ไอ้ความทุกข์นี้มันมาทำให้ฉลาด ความเจ็บความไข้แต่นี้มันมาทำให้ฉลาด ดังนั้นไม่ต้องกลัวไม่ต้องร้องไห้เพราะความทุกข์ ต้อนรับเอาความทุกข์มาสำหรับทำให้เราเป็นคนฉลาด สำหรับป้องกันไม่ให้เกิดอย่างนี้ต่อไป นี้ก็เรียกว่ามันได้กำไรอยู่ตลอดเวลา
อยากจะสรุปความ สรุปความสั้น ๆ ให้ทุกคนจำไปไว้สังเกตพิจารณาว่า ดูให้ดีเถิดจะมีแต่ได้ไม่มีเสีย ไอ้ที่เขาว่าเสีย ๆ เสียนั่นเสียนี่ เสียเงินเสียทอง ขาดทุนขาดรอนนั้นน่ะ นั่นมันเป็นเรื่องของคนโง่ ถ้าคนฉลาดแล้วจะไม่มีเสีย แต่ มีแต่จะได้ จะได้กำไร ถ้าว่าค้าขายขาดทุน ต้องดูในแง่ที่ว่าทำไมจึงขาดทุน เพราะประพฤติผิดในข้อไหน ฉลาดแก้ไขอย่าให้ประพฤติผิดอีก นี้เราได้ฉลาดอย่างนี้มา มันได้เป็นผลกำไรมากกว่าไอ้จำนวนเงินขาดทุนที่ได้ขาดไป นี่ดูให้ดีจะมีแต่ได้ไม่มีเสีย
ดังนั้นคนเราเมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมอะไรก็ตาม ถ้าดูให้ดีแล้วจะมีแต่ได้ไม่มีเสีย นี่ธรรมะช่วยได้อย่างนี้ ถ้าไม่มีธรรมะแล้ว มันก็หัวเราะเมื่อได้แล้วก็ร้องไห้เมื่อเสียอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ได้เงินเสียเงิน ได้ยศเสีย ๆ ยศ ได้ความทุกข์ ได้ความสุข ได้นินทา ได้สรรเสริญ นี้ว่ามันล้วนแต่มีได้มีเสียชนิดที่ทำให้เป็นคนบ้า คือเดี๋ยวก็หัวเราะเดี๋ยวก็ร้องไห้
แต่ถ้ามีธรรมะจริงแล้วไม่ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ต้องถูกเชิดให้เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ จะเป็นคนปรกติ แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย อย่างที่เขาเรียกกันว่าเสียนั้น มันกลายเป็นมาสอนให้เราฉลาด นี้อานิสงส์ของพระธรรมเป็นอย่างนี้ จึงขอให้ทุกคนสนใจในสิ่งที่เรียกว่าพระธรรมกันให้ถูกต้อง ที่แล้วมายังไม่ถูกต้องหรือยังไม่เพียงพอ บางคนได้ยินแต่เสียงว่าพระธรรม ๆ ก็ว่า ๆ กันไปอย่างนั้น เหมา ๆ กันไปอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องงมงาย
ต้องเป็นเรื่องพระธรรมจริง ที่ใช้ประโยชน์ได้จริงตามความหมายของคำว่าพระธรรม คือจะมาป้องกันคุ้มครองไม่ให้ใครเกิดความทุกข์ขึ้นได้โดยประการทั้งปวง แม้ว่าเรื่องเสียก็ไม่มี มีแต่เรื่องได้ทั้งนั้น เมื่อเจ็บไข้เป็นทุกข์เสียเงินเสียทองนั้นน่ะเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดีที่สุด
แต่คนเขาก็ไม่เรียน เขาไปนั่งร้องไห้เสียก็มี เป็นบ้าไปเสียก็มี ไปเที่ยวไล่ฆ่าฟันคนนั้นคนนี้แก้แค้นก็มี ก็เป็นการทำผิดทำชั่วให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม นี้คือความที่ไม่มีธรรมะ ดังนั้นขอให้ทุกคนรู้จักธรรมะนี้ให้ถูก ให้จริง ให้ตรง ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม แล้วก็มีธรรมะให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ก็จะได้ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา
การบรรยายธรรมะนี้ก็สมควรแก่เวลา อาตมาขออวยพรให้ท่านทั้งหลายทุกคน ด้วยอำนาจคุณของพระธรรม ซึ่งเป็นที่เกิดแห่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นเอง ว่าจงมีแต่ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย เจริญงอกงามก้าวหน้าไปแต่ในทางของพระธรรมเท่านั้น อย่าได้ออกไปผิดทาง ไปสู่อบายมุขเป็นต้นเลย ขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในทางแห่งพระธรรม ทุกทิพาราตรีกาลจงทุก ๆ คนเถิด
ขอยุติการบรรยายไว้เพียงเท่านี้