แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านผู้ดำเนินกิจการลูกเสือและผู้กำลังรับการอบรม เพื่อจะดำเนินกิจการลูกเสือทั้งหลาย อาตมาขอถือโอกาสนี้บรรยายข้อความที่เป็นการอนุโมทนามากกว่า แต่ก็ไม่พ้นที่จะเป็นการแสดงข้อธรรมะที่เป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายที่จะดำเนินกิจการของลูกเสือไปไม่ได้ ที่ว่าขออนุโมทนานี้ก็ด้วยเหตุที่ว่ากิจกรรมลูกเสือที่จัดขึ้นนั้นมีอุดมคติที่เป็นธรรมะหรือเป็นไปตามทางของธรรมะอย่างเต็มที่ คือว่าไม่มีข้อไหนที่จะพ้นไปจากหลักธรรมะในพระพุทธศาสนานี้ไปได้ แต่ส่วนการปฏิบัตินั้นจะปฏิบัติได้จริงหรือไม่นั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง นี้จะพูดกันถึงเรื่องหลักเรื่องอุดมคติของกิจกรรมลูกเสือว่าแต่ละข้อโดยข้อใหญ่หรือข้อปลีกย่อยก็ตาม เป็นหลักธรรมะโดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา ถึงแม้ในศาสนาอื่นก็เหมือนกัน มีใจความคล้ายกันโดยส่วนใหญ่ เช่นให้เป็นคนซื่อตรง ให้เป็นคนเฉลียวฉลาดรอบคอบ ให้เป็นคนมีเมตตากรุณา และให้อดกลั้นอดทน เหล่านี้เป็นต้น เป็นหลักธรรมะในทุกศาสนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนานั้นแสดงไว้แจ้งชัด ข้อนี้เป็นข้อที่ขออนุโมทนา และขอตั้งจิตอธิษฐานภาวนาว่าให้มีการปฏิบัติถูกต้องและครบถ้วนเต็มตามนั้น สิ่งที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่ากิจการลูกเสือสากลเกี่ยวข้องกันทั่วโลก มันก็มีการที่จะต้องดึงกันหรือว่าเอาอย่างกัน หรือทำตามๆกันอย่างหลับหูหลับตาก็มี และยิ่งในสมัยที่คนในโลกเราเวลานี้มันอยู่ใต้อำนาจของวัตถุนิยมด้วยแล้ว มันก็ถูกดึงไปในทางวัตถุนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือความสุขสนุกสนาน นี่กิจกรรมลูกเสือก็ไม่พ้น คือไม่ๆ ไม่อยู่ในข้อยกเว้น หมายความว่าถูกดึงไปด้วยกัน เคยอ่านรายงานบ้าง เคยดูภาพยนตร์ที่เขาถ่ายกิจกรรมลูกเสือนานาชาติมาบ้าง รู้สึกว่ามันยังไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของอุดมคติอันแท้จริงของลูกเสือ เป็นเรื่องเล่นหัวเสียมาก แล้วถามว่าทำไมอย่างนั้น เขาก็บอกว่ามันต้องผ่านไปทางนั้น แต่มันก็ผ่านไปไม่ตลอด มันไปตีบตันเสียแค่ แค่นั้นเอง ฉะนั้นกิจกรรมลูกเสือในโลกนี้ก็ยัง พูดตรงๆก็ว่าไม่ได้ผลเต็มที่ตามที่เราต้องการ แต่ก็จะไปโทษใครก็ไม่ได้ จะยกให้เป็นความผิดของใครก็ไม่ได้ กลายเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันพยายามแก้ไข ชำระสะสางกันต่อไป ให้กิจกรรมลูกเสือเป็นไปอย่างถูกต้องและสมบูรณ์ตามอุดมคตินั้นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่ามีส่วนที่ควรอนุโมทนาและขออนุโมทนา และขออนุโมทนาล่วงหน้าในส่วนที่จะทำได้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก แม้ว่าเวลานี้ยังไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้
เรื่องอุดมคติของลูกเสือนี้เราถือกันว่าเป็นเรื่องธรรมะ ธรรมะมันเป็นเรื่องจิตใจ ไม่ใช่เรื่องวัตถุหรือเป็นไปเพียงกิริยาท่าทาง ถ้ามันยังเปลี่ยนจิตใจคนไม่ได้ก็ยังไม่ถือว่าสำเร็จประโยชน์เต็มที่ เดี๋ยวนี้เรายังเห็นได้ว่าเด็กวัยรุ่นหรือวัยรุ่นรุ่นใหญ่ๆอะไรนี้ก็ยังไม่ได้เป็นลูกเสือที่ดี หรือเราก็เป็นลูกเสือเมื่อเด็กๆนี่ เสร็จแล้วเขาก็ไปเป็นฮิปปี้ แต่งตัวอย่างมีลักษณะของนักเลง คาดเข็มขัดใต้สะดือ นุ่งกางเกงบ้าๆบอๆ ไว้ผมยาว ทำท่าทางเหมือนกับคนป่า ทั้งที่เคยเป็นลูกเสือมาแล้ว ก็ไม่ได้รักที่จะแต่งฟอร์มลูกเสือ มันรักที่จะแต่งฟอร์มอย่างนั้นมากกว่า นี่แสดงว่าไอ้กิจกรรมลูกเสือของเรานี้ครอบงำน้ำใจของเขาไม่ได้ แล้วไปตามก้นพวกฝรั่งซึ่งเรียนกันจนเตลิดเปิดเปิงจนไม่รู้ว่าจะไปทิศไหนทางไหน เคยถามคนพวกนี้ดูบ้างเหมือนกันว่าทำไมคุณจึงต้องแต่งตัวอย่างนี้ให้มันลำบากมากไปกว่าธรรมดา เขาก็ว่า เขาก็ เขาก็ว่าไม่เห็นมันเสียหายอะไรแก่ผู้ใด เขาพอใจอย่างนั้น เขามีอิสระ เสรีภาพ อาตมาก็บอกเขาแต่เพียงว่ามันทำให้คนอื่นลำบากในการที่จะวินิจฉัยว่าคุณนี่เป็นคนบ้าหรือคนดี เรามันเสียเวลามากที่จะพิจารณาดูว่าคนนี้มันคนบ้าหรือคนดี ควรจะพูดด้วยหรือไม่ แล้วเขาก็หัวเราะไม่ได้พูดว่าอะไร นี่อาตมายกตัวอย่างว่าไอ้กิจกรรมลูกเสือไม่ได้ครอบงำน้ำใจเด็กๆ ของเราให้รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้สุภาพ ให้กตัญญูต่อบรรพบุรุษ หรือจะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างดีของบรรพบุรุษไว้อย่างนี้เป็นต้น ไปตามก้นฝรั่ง แต่งเนื้อแต่งตัวบ้าๆบอๆ กิริยาท่าทางไม่รู้ว่าคนบ้าหรือคนดี ถ้าว่ากิจกรรมลูกเสือของเราทำไปสำเร็จ โน้มน้าวจิตใจของเขาให้อยู่ในร่องในรอยตามอุดมคติของลูกเสือแล้วเขาคงจะไปแต่งตัวอย่างนั้นไม่ได้ หรือจะไปนิยมอุดมคติตามใจตัวเอง ตามใจกิเลสของตัวเองมากถึงขนาดนั้นไม่ได้ นี่ขอให้ไปนึกดู ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่จะไปอบรมลูกเสือต่อไปข้างหน้า ถ้าเราชนะน้ำใจเขาไม่ได้ เขาก็ยังเป็นอย่างนั้นต่อไป กิจการลูกเสือมันก็สลายไปเป็นชั้นๆ ชั้นๆ ทำได้แต่กับเด็กๆ แล้วก็ค่อยๆสลายไป เดี๋ยวนี้ก็ว่ามีลูกเสือผู้ใหญ่ แต่ดูแล้วฟังดูแล้วก็ยังไม่ได้ประพฤติกระทำหรืออบรมเต็มตามอุดมคติของลูกเสือ มันก็เป็นเพื่อประโยชน์ในการเมืองก็นับว่าดีอยู่ แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสรวลเสเฮฮาอยู่นั่นเอง ดังนั้นก็ยังมีหน้าที่หรือมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันอบรมต่อไป หวังว่าท่านทั้งหลาย ทุกคนก็ว่าได้ที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ต่อไปก็จะไปถึงเข้ากับหน้าที่ที่จะต้องช่วยอบรมคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้เป็นลูกเสือ จึงขอฝากความคิดอันนี้ไว้ว่าขอให้พยายามให้สุดความสามารถ เพราะอุดมคติของลูกเสือนั้นเป็นธรรมะทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าอย่ามีกันแต่ปากแล้วก็คือการอบรมธรรมะให้แก่มนุษย์นั่นเอง
คำว่าลูกเสือมันประหลาดอยู่ แต่เราก็จะไม่วินิจฉัยไปในทางว่าถูกหรือผิด จึงเข้าใจว่าผู้ก่อกำเนิดลูกเสือในประเทศไทย เช่นในหลวงรัชกาลที่ ๖ เป็นต้นท่านชอบคำนี้ ใช้คำว่าลูกเสือมันก็ดี แต่มันเข้าใจยากสำหรับคนทั่วๆไปมันก็ทำไมเราจึงใช้คำว่าลูกเสือ ลูกเสือมันมีอุดมคติ แล้วไอ้ลูกเสือในป่าน่ะมันมีอุดมคติ เหมือนอย่างคำว่าลูกเสือคนนี้ ถือกันเป็นหลักอยู่นี้หรือไม่ เช่นมันจะต้องเมตตากรุณาอย่างนี้ เช่นจะต้องซื่อตรงหรือว่าจะต้องอะไรหลายๆอย่างซึ่งลูกเสือในป่ามันทำได้ ฉะนั้นขอให้แปลความหมายของคำว่าลูกเสือให้ดีๆ ขอทบทวนความรู้สึกอีกครั้งหนึ่งว่าเมื่อมีค่ายลูกเสือที่นี่ขึ้นใหม่ๆ เขาให้อาตมาช่วยคิดชื่อค่ายลูกเสือ อาตมาก็ใช้คำว่าธรรมบุตรให้เป็นค่ายของ เป็นชื่อของค่ายลูกเสือ ธรรมบุตรนี้มันแปลว่าลูกธรรมะ คือลูกของพระธรรม โดยที่มีความอยากอย่างยิ่ง ประสงค์อย่างยิ่งว่าให้ลูกเสือนั้นมีความหมายว่าเป็นลูกของพระธรรม เป็นลูกของธรรมะ เพราะว่าดูไอ้อุดมคติ ระเบียบกติกาอะไรต่างๆของลูกเสือแล้วมันเต็มไปด้วย ธรรมะทั้งนั้น ฉะนั้นเด็กๆหรือผู้ใหญ่ก็ตามที่เป็นลูกเสือนี้ก็คือผู้ประพฤติธรรมะ ฉะนั้นเลยเรียกว่าธรรมบุตร เรียกว่าลูกของพระธรรม ลูกของธรรมะดีกว่า แม้ว่าจะเรียกว่าลูกเสือ แต่ความหมายของมันก็เป็นลูกพระธรรม เป็นผู้ที่จะปฏิบัติธรรม เห็นแก่พระธรรมยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำไป นี่ถ้าจะต้องเสียธรรมะแล้วยอมเสียชีวิตเสียดีกว่า อย่างนี้เป็นต้น เลยเรียกว่าธรรมบุตร และยังอยากจะให้คนทุกคนเข้าใจคำว่าลูกเสือนี่ คือคนที่เป็นลูกของพระธรรม เราไม่สามารถจะเปลี่ยนคำว่าลูกเสือได้ แต่ก็เสนอความหมายสำหรับคำๆนี้ไว้ในฐานะเป็นธรรมบุตร ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายลองคิดดูให้ดีๆ ว่าจะอบรมลูกเสือกันอย่างไรจึงจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมตรงตามความหมายของคำว่าธรรมบุตร ถ้าว่าเด็กๆทุกคนเป็นธรรมบุตร มันก็คือวิเศษที่สุด เป็นลูกของพระธรรมก็ต้องปฏิบัติตามธรรม ตั้งมั่นอยู่ในธรรม โตขึ้นก็เป็นพลเมืองที่ดีเป็นอะไรที่ดี เป็นบิดามารดาที่ดี เป็นครูบาอาจารย์ที่ดี เป็นพระเจ้าพระสงฆ์ที่ดี มันไปถึงอย่างนั้น ถ้าว่ามันเป็นธรรมบุตรกันไปตั้งแต่เล็กๆ เดี๋ยวนี้เรามีอุดมคติกันมาก แต่ว่ามักจะเป็นอุดมคติเพ้อฝัน ไม่ได้ประพฤติกระทำจริงตามอุดมคตินั้นๆ ฉะนั้นขอภาวนาว่าอย่าให้ลักษณะอย่างนี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของลูกเสือเลย ขอให้ลูกเสือเป็นลูกเสือในความหมายของคำว่าธรรมบุตรอยู่ตลอดเวลาด้วย ขอให้นึกถึงข้อที่ว่าเดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงมาก เปลี่ยนแปลงแล้วก็เร็วด้วย เปลี่ยนแปลงมากด้วยแล้วก็เร็วด้วย ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนแปลงมากอย่างเดียว มันเปลี่ยนแปลงเร็วด้วย มันจึงทำกันไม่ค่อยจะทัน เปลี่ยนแปลงมากอย่างว่าโจรเมื่อก่อนนี้มันมีอยู่ตามในป่า เดี๋ยวนี้โจรในป่าจะหายากกว่าโจรที่ไปมีอยู่ในใจกลางพระนคร ในกลางเมืองนั้นน่ะมันมีโจรมาก โจรในป่ากลับหายาก ถ้าเทียบกันกับครั้งโบราณพันปี สองพันปีแล้วโจรมัน มันมีอยู่ในป่า แต่พอมาถึงเดี๋ยวนี้โจรไปอยู่กลางกรุงกลางพระนคร ในป่ากลับจะหายาก อย่างนี้เป็นต้นเมื่อเทียบกันแล้ว เมื่อมันมีความเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้แล้วก็เร็วอย่างนี้มันก็เป็นปัญหาหนักแก่คนในโลก กิจกรรมลูกเสือนี้จะช่วยได้มากคือช่วย ช่วยให้มนุษย์ในโลกได้มาก ถ้าทำกันได้จริงเต็มตามอุดมคตินั้น
ดังนั้นช่วงเวลาอันเล็กน้อยนี้ขอให้พิจารณาถึงอุดมคติของลูกเสือหรือธรรมบุตรกันอีกสักเล็กน้อยพอสมควรแก่เวลา อาตมาอยากจะสรุปความเสียทีหนึ่งก่อนว่า ไอ้ธรรมะสำหรับลูกเสือนั้นเมื่อประมวลกันเข้าเป็นเรื่องเดียวสิ่งเดียวแล้วมันไปตรงกันเข้ากับอุดมคติของโพธิสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพุทธศาสนา โพธิสัตว์คือผู้ที่สละประโยชน์ส่วนตัวมากที่สุดที่จะมากได้ หรือหมดเลยก็ได้ในบางกรณีเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ความเห็นแก่ผู้อื่นมากกว่าที่จะเห็นแก่ตัว อย่างนี้เขาเรียกว่าอุดมคติของโพธิสัตว์ ยิ่งเป็นอย่างมหายานแล้วก็ยิ่งชัดเจนมาก คือเขามีกฎหรือระเบียบวางไว้ชัดสำหรับโพธิสัตว์ จะสมาทานศีลว่าจะต้องช่วยผู้อื่นจนคนสุดท้ายแล้วจึงจะทำประโยชน์ตัว ให้คนเขารอดกันไม่มีใครเหลือที่จะเป็นทุกข์ยากลำบากแล้วจึงจะมาเห็นประโยชน์ตัว เช่นว่าถ้ายังมีคนที่อยู่ในความทุกข์สักคนหนึ่งแล้ว จะมา เขาก็จะไม่เป็นพระพุทธเจ้าเพื่อจะเข้านิพพานไปอย่างนี้ โพธิสัตว์อย่างมหายานก็เป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างเถรวาทนี้ก็ไม่ ก็ไม่น้อยหน้านะคือจะมีหลายๆอย่างสำหรับจะเป็น จะช่วยผู้อื่นโดยจะผ่านทางความเป็นพระพุทธเจ้า เพราะเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมันก็ช่วยได้มาก ฉะนั้นจึงพยายามที่จะเป็นโพธิสัตว์ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นไปตลอดเวลากว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ช่วยได้สูงสุดเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว คือช่วยให้สัตว์ทั้งหลายบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ออกจากทุกข์ทั้งปวงได้ นี่สรุปความว่าอุดมคติของลูกเสือนั้นมันไปตรงกันเข้ากับอุดมคติของโพธิสัตว์ คือเห็นแก่ผู้อื่น ซึ่งไม่น้อยกว่าที่เห็นแก่ตัว หรือว่าถ้าเป็นโพธิสัตว์แท้จริงก็เห็นแก่ผู้อื่นยิ่งกว่าที่จะเห็นแก่ตัว ทีนี่โพธิสัตว์นี้ก็ต้องมีธรรมะสำหรับปฏิบัติ เรียกว่าธรรมะสำหรับโพธิสัตว์ นี่เรียกว่าบำเพ็ญบารมีมากมายหลายอย่าง แต่เมื่อสรุปเอาแต่ที่จำเป็นหรือเข้มข้นให้ตรงกันทั้งทางมหายานและทางเถรวาทแล้ว ธรรมะสำหรับโพธิสัตว์มันก็จะมีที่เด่นและสำคัญอยู่ ๔ ข้อด้วยกัน ขอให้สนใจให้ดีๆ เมื่อกล่าวโดยหัวข้อก็ต้องระบุไปยัง สุทธิคือความบริสุทธิ์อย่างหนึ่ง แล้วก็ปัญญาความเฉลียวฉลาดรอบรู้ที่ควรจะรู้นี่อย่างหนึ่ง แล้วก็เมตตาคือความรักสิ่งที่มีชีวิตด้วยกัน แล้วก็ขันตินี่ความอดกลั้นอดทน จำง่ายๆว่าสุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี ในสวนโมกข์นี้ก็เขียนไว้หลายแห่งโดยเฉพาะที่เสา ที่ประดิษฐานรูปโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะมีคำ ๔ คำนี้เขียนไว้ว่าสุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี นี่คอยฟังดูต่อไปว่ามันเป็นอุดมคติของลูกเสืออย่างไร
ข้อที่ ๑ ที่เรียกว่าสุทธิ ก็หมายความว่าบริสุทธิ์ หรือไม่ใช่ชั่วไม่ใช่เลว แล้วซื่อตรง เปิดเผย แล้วกินความไปถึงไอ้ความบริสุทธิ์อย่างอื่นเช่น ซื่อสัตย์ กตัญญูอะไรเป็นต้น ใช้คำว่าสุทธิคำเดียวก็พอ สุทธิแปลว่าบริสุทธิ์ เอาที่บริสุทธิ์ว่าไม่มีความเลวไม่มีความชั่วอยู่ที่ตัวกันก่อน คือสะอาดดี มีกาย วาจา ใจ สะอาดดี การทำ การพูด การคิดสะอาดดี นี้เรียกว่าสุทธิ ทีนี้มันแสดงออกมาเป็นความซื่อตรงต่อผู้อื่น ความเปิดเผย ไม่คดโกง ไม่มีอะไรซ่อนไว้เป็นความลับ กระทั่งไม่ทรยศไม่เนรคุณ เหล่านี้มันก็เลยเป็นคนกตัญญู เป็นผู้ที่หวังจะทำความดีเรื่อยไป นี่ข้อที่ ๑ เรียกว่าสุทธิ
ข้อที่ ๒ เรียกว่าปัญญา โดยทั่วไปแล้วคนเราจะต้องรู้สิ่งที่ควรจะต้องรู้หรือจำเป็นที่จะต้องรู้ ถ้ารู้ข้อนี้ก็เรียกว่าเป็นปัญญา เป็นผู้มีปัญญา ถ้าเป็นคนก็เรียกว่าบัณฑิต บัณฑิตนี้มาจากคำว่าปัณฑาคือปัญญา ผู้มีปัณฑาหรือปัญญานี้เรียกว่าบัณฑิต ส่วนปัญญาหรือปัณฑานั้นก็คือความรู้ที่จะช่วยตัวเองให้รอดได้ นั้นเรียกว่ามีปัญญา มันขยายความออกไปถึงความมีไหวพริบ ความสุขุม ความรอบคอบ ความเฉลียวฉลาดต่างๆ อย่างนี้เรียกว่าปัญญา โพธิสัตว์ก็แปลว่าสัตว์ที่มีปัญญาอยู่แล้ว โพธิมันแปลว่าปัญญาหรือความรู้ โพธิสัตว์จึงแปลว่าสัตว์ที่มีปัญญา ลูกเสือก็จะต้องมีปัญญาตาม ตามฐานะตามควรแก่ระดับ อย่างที่เราสอนให้เขามีความฉลาดไหวพริบว่องไวอะไรนี่
ข้อถัดไปเรียกว่าเมตตา หมายถึงความรักสิ่งที่มีชีวิตด้วยกัน เมื่อมีความรักมันก็มีความอยากช่วยเหลือ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งเราเรียกอีกชี่อหนึ่งว่าความเสียสละ คน คนหรือว่าสัตว์ก็ตามที่ไม่มีการอบรมก็ไม่เสียสละเพราะว่าเขาเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวมันก็เข้มข้นเข้า มันก็กลายเป็นเอาเปรียบ เอาเปรียบไม่เท่าไรมันก็ต้องมีการเบียดเบียนกัน ฉะนั้นเราจึงมีบทฝึกหัดให้คนเสียสละ ให้เสียสละมาแต่เล็กๆก็ยิ่งดี จะได้เป็นนิสัย ข้อนี้อยากจะขอแทรกสักหน่อยว่าในโรงเรียนนะ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลขึ้นมาถึงชั้นประถม มัธยม อุดมอะไรก็ตามเถอะยังไม่ค่อยจะได้อบรมเรื่องการเสียสละ แต่ว่าปากก็พูดกันมาก แต่พอถึงไอ้การเสียสละจริงๆนี่ไม่ค่อยจะได้ทำ ดังนั้นควรจะมีการอบรมให้มีการเสียสละโดยวิธีที่ฉลาดอย่างนั้นนะ อย่าให้เขาจับผิดได้ว่าเอาเปรียบเด็ก ที่ต้องสอนให้เด็กๆรู้จักเสียสละไปตั้งแต่เล็กๆ ถ้าเขามีสตางค์ ๑๐ สตางค์นี่เขาควรจะสละได้สัก ๑ สตางค์ต่อวัน เพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือว่าอย่างไรก็ให้เพื่อนที่มันไม่มีเลยก็แล้วกัน เช่นเด็กนักเรียนโรงเรียนหนึ่ง เด็กที่ไม่มีสตางค์เลยในวันหนึ่งๆ เพราะเขาเป็นคนจนก็มี ไอ้เด็กที่มีสตางค์มากจนเหลือใช้ถึงสุรุ่ยสุร่ายก็มี ไอ้เด็กที่พอกินพอใช้ก็มี แม้ว่าเด็กบางคนจะมีน้อยมาก ก็ยังควรจะคิดการ คิดถึงการเสียสละ สมมติว่าไอ้คนหนึ่งมันจะมีเพียง ๑๐ สตางค์อย่างนี้ ก็จะต้องเสียสละ ๑ สตางค์ ทำประโยชน์ที่เป็นประโยชน์แก่คนร่วมโลกหรือแก่อะไรก็ได้ ถ้าไม่มีอะไรก็ให้แก่เพื่อนที่เขาไม่มีเลย ให้อย่างถูกวิธีที่จะไม่ให้เขาเห็นว่าดูถูกเขา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ลองคิดดู มันจะเกิดความรักความสามัคคีหรือไม่ หรือจะเกิดความเอื้อเฟื้อเสียสละเผื่อแผ่หรือไม่ เดี๋ยวนี้มันคนแต่จะ มีแต่คนที่จะกอบโกย มันอยากจะเอาของผู้อื่นเสียอีก มันไม่ต้องการจะเสียสละของเราเพื่อให้ผู้อื่นหรือช่วยเหลือผู้อื่น บางคนมีมาวันละ ๑ บาท บางคนมีมาวันละ ๒ บาทมันก็ไม่อยากจะให้ เม้มไว้จะไปกินเล่นหัวสนุกสนานเป็นตามประสีประสาที่ไม่ใช่เรียกว่าให้ มันเป็นการลงทุนหรือเป็นการอะไรนี่มากกว่า นี่มันไม่มีการกระทำที่เป็นความเมตตากรุณาหรือเสียสละ ทั้งที่มันเป็นประโยคที่ท่องติดปาก เป็นอุดมคติของลูกเสือบ้างของใครต่อใครที่จะเสียสละเพื่อประโยชน์ผู้อื่นนี่ นี่เพราะมันไม่มีคุณธรรมข้อที่เรียกว่าเมตตา ทีนี้ตั้งแต่เกิดมากว่าจะโตนี่มันหลายสิบปี มันหลายปีกระทั่ง หลายสิบปี มันก็เพาะนิสัยแต่จะเห็นแก่ตัวไม่เสียสละ มันจึงไม่มีใครพอ ไม่มีใครรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ได้เท่าไรก็ไม่พอ เงินเดือนเท่าไรก็ไม่พอ ยังจะเรียกร้องให้มากไปกว่านั้น หรือประโยชน์รายได้ของคนที่ไม่ได้เงินเดือนมันก็ไม่รู้จักพอ เพราะมันไม่เคยคิดที่จะลดลงมาคือประหยัด มันมีแต่จะขยายออกไปเรื่อย เพราะฉะนั้นมันก็มีแต่เรื่องไม่พออยู่เรื่อยไป ทั้งที่มันควรจะทำให้พอได้ ลองคิดดูว่าถ้าเรามี ๑๐ สตางค์ เราให้เพื่อนเสีย ๑ สตางค์เราก็ไม่ต้องตายและเราก็ไม่ต้องลำบากอะไร แต่มันจะผูกพันกันอย่างดี สามัคคีกันดี ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นปึกแผ่นมั่นคงกันดี สังคมนั้นมันก็ดี ประเทศชาตินั้นมันก็ดี อย่างนี้เป็นต้น ถ้าขาดเมตตาอย่างเดียวก็หมดความเป็นโพธิสัตว์ กิริยาที่แสดงออกของโพธิสัตว์นี้เขาถือเอาความเมตตาเป็นที่ตั้ง ถ้าเราพิจารณาดูแล้วก็จะเห็นว่าเพราะมันเป็นความจำเป็นที่สุดที่ใน ในโลกนี้จะต้องมีความเมตตากรุณา เดี๋ยวนี้มันเกิดวุ่นวายกันขึ้น รบราฆ่าฟันกันไม่หยุดหย่อน ถ้าศึกษากันสักหน่อยในแง่ของการเมืองก็พบว่ามูลเหตุอันแท้จริงมาจากคน ๒ ฝ่ายคือฝ่ายคนจนกับฝ่ายคนมั่งมี เกินไป คนหนึ่งมันกอบโกยเกินไป คนหนึ่งมันสู้ไม่ได้มันขาดแคลน มันก็ต่างกัน จนคนหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งมันจนมาก ฝ่ายหนึ่งมันมั่งมีมาก นี้มันไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล เป็นเรื่องของสังคม กระทั่งเป็นเรื่องของประเทศชาติ จนกระทั่งมันจะเอาคุมพ่วงกันเป็นเรื่องของคณะของค่ายเป็นครึ่งโลกกันไปเลย ครึ่งโลกนี้ของคนจน ครึ่งโลกนี้ของคนรวย แล้วก็รบกันไม่มีที่สิ้นสุด มูลเหตุมาจากไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้เป็นนิสัยสันดานมาแต่เดิม พร้อมที่จะกอบโกยกันเสมอ คนจนก็จะกอบโกย คนมั่งมีก็จะกอบโกย มันก็ได้รบกันเท่านั้น ไม่มีอุดมคติของโพธิสัตว์ในข้อที่เรียกว่าเมตตา นี่ถ้าลูกเสือเรา อุดมคติ มีอุดมคติและประพฤติถูกต้องตามอุดมคติแล้วไอ้สิ่งที่เรียกว่าเมตตาก็จะเต็มไปหมด
ข้อที่ ๔ ข้อสุดท้ายเรียกว่าขันตี ความอดกลั้นอดทน เห็นว่าลูกเสือยังหัวเราะมากเกินไป นี่ขอพูดตรงๆว่าอาตมาก็เป็นผู้ที่รับผิดชอบร่วมกันในฐานะที่ว่าเราจะช่วยกันทำมนุษย์ หรือทำโลก หรือทำประเทศชาติให้ตั้งอยู่ได้นะให้เจริญ แต่นี่เราขาดคุณธรรมสำคัญคือความอดทน เราหัวเราะกันมากเกินไป กิจกรรมของลูกเสือที่ถ่ายมาเป็นภาพยนตร์นั้นน่ะมีแต่หัวเราะ มีแต่เล่นหัวตลอดทั้งม้วนก็ว่าได้ ไม่แสดงถึงความอดทนเลย ไม่มีตรงไหนที่มันแสดงความอดทน ตึงเครียด หรือความอดทนที่จะปฏิบัติหน้าที่ หรืออะไร มันจะมีบ้างก็เป็นเรื่องแสร้งทำมากกว่า ไอ้ในทางพุทธศาสนาถือว่าความอดทนนั้นเป็นรากฐานของความสำเร็จทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่นถ้าขาดความอดทนนี่ความเป็นพระมีอยู่ไม่ได้ ความเป็นพระเป็นเณรมีอยู่ไม่ได้ ที่มันมีอยู่ได้นั่นเพราะความอดกลั้นอดทนที่จะรักษาระเบียบวินัยสิกขาอะไรต่างๆ มันจึงเป็นพระเป็นเณรอยู่ได้ ทีนี้ถ้าเราจะบำเพ็ญธรรมะให้สูงขึ้นไป คือการชำระกิเลสแล้วยิ่งต้องการความอดทนมากไปกว่านั้น เพราะว่ากิเลสนี้มันบีบคั้นยิ่งกว่าสิ่งใด ขอให้ท่านทั้งหลายสังเกตดูให้ดีๆ ในการที่จะต้องมีความอดทนเขาแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด อดทนข้างนอก อดทนข้างใน อดทนข้างนอกนี้หมายถึงอดทนเจ็บปวด อดทนแดด ฝนลม ความลำบาก ความเจ็บไข้ นี่เรียกว่าอดทนข้างนอก ก็ยังไม่ค่อยจะอดทนกัน แต่ก็ยัง ก็ยังพอจะมี ทีนี้อดทนข้างในนั้นคืออดทนต่อการบีบคั้นของกิเลส เช่นอยากจะไปดูหนัง อยากจะไปกินเหล้านี่ พอไม่ได้ไป มันก็มีการบีบคั้นในใจ มันก็ต้องอดทน ถ้าไม่อดทนมันก็ต้องไปดูหนัง มันก็ต้องไปกินเหล้า หรือไปทำอะไรตามที่กิเลสมันบีบคั้น เมื่ออดทนไม่ได้มันก็ต้องไปทำตามอำนาจของกิเลส ไม่ต้องอะไรมาก แม้แต่บุหรี่ก็ละไม่ได้ ในค่ายลูกเสือนี้ก็ต้องเอาหวีเอากระจกมา เพราะว่าเราอดทนไม่ได้ แต่จะเรียกว่าลูกเสือว่าอยู่ในป่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมามันก็ความสำเร็จอยู่ที่ความอดทน ทั้งเรื่องของโลกคือเรื่องทำมาหากิน และเรื่องของธรรมะคือการปฏิบัติเพื่อชำระชะล้างกิเลส นี่เราไม่ได้หัดให้เด็กๆของเราอดทน แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งไปตามก้นพวกฝรั่งซึ่งมีความอดทนน้อยมาก เมื่อสมัยก่อนเราถือกันว่าพวกฝรั่งมีความอดทนมาก แต่งเป็นลูกเสือดีๆ มายุคปัจจุบันนี้เป็นวัตถุนิยม พวกฝรั่งมีความอดทนน้อย บังคับตัวเองน้อย แล้วก็อดทนต่อความยากลำบากอะไรนี่น้อย เราก็เลยไปตามก้นเขานี่ แล้วกลายไปโง่ไปตามก้นเขา เราก็มีความอดทนน้อยอย่างเขา ต้องการจะกิน จะเล่น จะหัว จะสำอาง จะสำรวย จะอะไรต่างๆแบบนี้ จนไปโง่ตามเขาถึงขนาดว่าถ้าไม่มีน้ำแข็งกินแล้วก็เรียกว่าแย่แล้ว มันจะตายแล้วอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่เคยมี ปู่ย่าตายายของเราไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ พูดถึงธรรมะแล้วสำเร็จเพราะความอดทน การทำมาหากินอย่างนี้ก็สำเร็จเพราะความอดทน กระทั่งว่าจะเป็นลูกเสือที่ดีก็ต้องสำเร็จอยู่ที่ความอดทน ความอดทนจะเป็นสิ่งขจัดไอ้อุปสรรคหรือว่าความล้มละลายอะไรต่างๆ ดังนั้นขอให้ไปคิดดูให้ดีว่าลูกเสือไทยนี่ พุทธบริษัทนี่ควรจะมีความอดทนและเป็นตัวอย่างแก่ลูกเสือฝรั่งซึ่งมีความอดทนน้อยลงทุกที เพราะเขานิยมความเล่นหัวมากขึ้นทุกที ความเอร็ดอร่อยสนุกสนานทางปากทางท้องนี่มากขึ้นทุกที กระทั่งทางกามารมณ์ จนเขาจะยกเลิกศีลข้อที่ ๓ คือ กาเมสุมิจฉาจารกันแล้ว เราอย่าไปตามก้นเขาเลยอย่างนี้ ฉะนั้นขอให้ลูกเสือไทยโดยเฉพาะพุทธบริษัทนี่มีความอดทน เหมือนกับที่ปู่ย่าตายายของเราเคยมีความอดทนมาแล้วอย่างไร นี่เรียกว่าขันตี ความอดทน ธรรมะ ๔ ประการนี้แหละเป็นของพระพุทธเจ้า เป็นของพระโพธิสัตว์ เป็นของพุทธบริษัท และมันเผอิญมาตรงกับอุดมคติของลูกเสือ สุทธิคือความซื่อสัตย์สุจริต เปิดเผยไม่มีความลับความชั่ว และก็ปัญญาลูกเสือจะต้องมีความเฉลียวฉลาด ไหวพริบรวดเร็ว แตกฉานในหน้าที่ของตัว แล้วก็เมตตาคือความที่รักสิ่งที่มีชีวิต เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้วก็ขันตีคือความอดทน
แล้วเป็นอันว่าอาตมาได้แสดงธรรมะที่เห็นว่าเหมาะที่สุดสำหรับลูกเสือ คืออุดมคติในพุทธศาสนา ซึ่งนิยมกันว่าเป็นอุดมคติของผู้ที่จะบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น ความเป็นลูกเสือ อุดมคติของลูกเสือก็น่าจะอยู่ที่ความเสียสละ บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นนี้เป็นข้อที่ ๑ นอกนั้นก็เป็นข้อที่ ๒ ที่ ๓ ขอให้เข้าใจไว้ให้ดีๆ หรือไปคิดดูเสียใหม่ให้เข้าใจให้ดีๆ เป็นอันว่าเราไปพยายามช่วยเหลือกันทำความเข้าใจในอุดมคติของมนุษย์และของลูกเสือ ซึ่งจะเป็นมนุษย์ที่เจริญงอกงามในกาลข้างหน้า และอยากจะขอฝากไว้นิดหนึ่งว่าเมื่อนั่งอยู่ที่นี่อย่างนี้ ในสภาพอย่างนี้ มันผิดกับที่จะไปนั่งอยู่ในที่ สถานที่ก่อสร้าง ที่ค่าย เช่นที่ค่ายลูกเสือ เป็นต้น เพราะเดี๋ยวนี้นั่งอยู่กับดิน แล้วขอให้นึกถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านประสูติกลางดิน ท่านตรัสรู้ก็กลางดิน ท่านสอนภิกษุสาวกทั่วๆไปส่วนมากก็กลางดิน และท่านอยู่กลางพื้น กลางดินเพราะว่ากุฏิของท่านมันพื้นดิน แล้วในที่สุดท่านก็ตายกลางดิน ฉะนั้นจึงหวังว่าอุดมคติอันนี้ ที่แสดงอยู่ที่พระพุทธเจ้านั้นควรจะเป็นอุดมคติของลูกเสือด้วย ถ้ายังรักคำว่าลูกเสือ มันต้องอยู่ในป่าแล้วมันก็ต้องอยู่กลางดิน ไม่มีลูกเสือตัวไหนจะไปอยู่บนเรือน เดี๋ยวนี้เราก็นั่งกลางดิน พระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ไปเรียนพุทธประวัติดู ท่านประสูติที่สวนลุมพินีและกลางดิน ท่านตรัสรู้ที่ริมตลิ่งโคนต้นโพธิ์ก็กลางดิน ท่านนิพพานที่ต้นสาละ โคนต้นสาละก็กลางดิน กุฏิท่านพื้นดิน แล้วท่านสอนสาวกโดยมากก็เมื่อนั่งกันอยู่ตามพื้นดิน ขอให้อนุสรณ์ของสวนโมกข์นี้ติดตาติดใจท่านทั้งหลายไปด้วยว่า ขอให้เป็นอยู่อย่างต่ำๆ ให้มีจิตใจมุ่งกระทำอย่างสูงๆ นั่นแหละจะเป็นอุดมคติแท้จริงของลูกเสือ ขออาราธนาคุณของพระธรรมอันศักดิ์สิทธ์ให้ช่วยดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายจงมีน้ำใจ กล้าหาญเข้มแข็งในการที่จะรักษาอุดมคตินี้ไว้ แล้วประพฤติปฏิบัติให้ได้ แล้วเป็นผู้เจริญงอกงามตามอุดมคตินั้นทุกๆประการเทอญ ธรรมเทศนาสมควรแก่เวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้