แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โยมมาทุกคนแล้วใช่ไหม? หมดเท่านั้นหรือ? ท่านศึกษาฯ มาแล้ว? จะขอโอกาสพูดกันพร้อมหน้าสามเณรและโยมผู้อุปัฏฐากทั้งหลาย ขอทำความเข้าใจหรือว่าซ้อมความเข้าใจสำหรับปีต่อๆไปด้วย ถ้าอาจจะมีมันอาจจะมี เณรก็ต้องเข้าใจ โยมก็ต้องเข้าใจว่าที่ทำนี่ทำทำไม เราทำเพื่อใคร แม้จะเป็นความประสงค์ของรัฐบาลเราก็สนองความประสงค์ของรัฐบาล แม้จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเองเราก็ทำเพื่อตัวเราเอง แต่ว่าอย่าลืมว่าเป็นความประสงค์ของพระพุทธเจ้าในการที่จะให้ศาสนานี้ยืนยาวตลอดกาลนานด้วย ฝ่ายญาติโยมก็ดีฝ่ายสามเณรเองก็ดีจึงได้ร่วมมือกันเพื่อทำให้เกิดผลตามพระพุทธประสงค์เป็นส่วนสำคัญ นั่นแหละคือบุญกุศลอันใหญ่หลวง เพราะว่าเราสืบอายุพระศาสนาไว้ได้นี่มันทำให้โลกทั้งโลกพลอยได้รับประโยชน์ พระพุทธเจ้าทำอะไรจะทำเพื่อประโยชน์แก่โลกทั้งปวงทั้งเทวดาและมนุษย์เสมอคือทั้งคนที่ลำบากและคนที่ไม่ลำบากคือทั้งเทวดาและมนุษย์ คนที่เป็นอยู่ด้วยความลำบากนี่เราเรียกว่าพวกมนุษย์คนที่เป็นอยู่โดยไม่มีความลำบากเราเรียกว่าพวกเทวดา แต่ทั้งสองพวกยังมีปัญหายังมีความทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ต้องสืบอายุพระศาสนาไว้เพื่อคนทุกพวกและทั้งโลก พระพุทธเจ้าจึงเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์แก่คนทั้งโลก ศาสนาของพระพุทธเจ้าเพื่อประโยชน์แก่คนทั้งโลกเราจึงช่วยกันสืบอายุศาสนาของพระองค์ไว้ ทุกคนควรจะปีติปราโมทย์พอใจ เณรถึงแม้จะสึกในไม่กี่วันก็ขอให้เข้าใจว่าถ้าเธอมีธรรมะรู้ธรรมะมีธรรมะติดตัวไปก็คิดว่าสืบอายุพระศาสนาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเองก็ได้ปฏิบัติตัวและจะได้สั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย โยมเสียเงินเสียของเสียเรี่ยวเสียแรงเสียเวลาเพื่อให้เกิดการอบรมเพื่อประโยชน์แก่ธรรมะหรือมีธรรมะไว้ในโลกเราก็ได้ชื่อว่าทำประโยชน์ในโลกแก่ชาวโลกตามพระพุทธประสงค์ เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่านี่เป็นการทำตรงตามพุทธประสงค์ถ้าใครมันโง่มันก็มองไม่เห็นมันก็ไม่ยินดีปรีดาปราโมทย์อะไร แต่ถ้าใครมันฉลาดมันก็มองเห็นว่าการกระทำนี้ถ้าทำกันจริงก็ได้ผลจริงเพื่อประโยชน์แก่พระศาสนาเพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกทั่วไปถ้าคนมันมีปัญญามันจะมองเห็นแล้วตั้งใจช่วยกันทำให้ดีที่สุด นี่คือข้อแรกขอให้นึกก่อนว่าการกระทำที่เรากำลังทำนี่มันเพื่อประโยชน์แก่พระศาสนาตรงตามพระพุทธประสงค์จึงเรียกว่าทำเพื่อพระพุทธประสงค์ ทีนี้เรื่องที่ว่ารัฐบาลต้องการจะกอบกู้ศีลธรรมของประเทศชาตินี่ก็เป็นส่วนรวมภายในประเทศชาติมันก็ดีก็ถูกแล้ว ขอให้เธอเป็นคนที่มีประโยชน์แก่ประเทศชาติตลอดไป แล้วก็ข้อสุดท้ายเป็นส่วนตัวบุคคลก็เมื่อเธอได้รับการอบรมแล้วเธอก็เป็นมนุษย์ที่ดีเป็นมนุษย์ที่มีประโยชน์ อยู่ในโลกตัวเองก็ได้รับประโยชน์ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์ นี่เรียกว่าประโยชน์ที่ผู้ได้รับการอบรมจะพึงได้รับ เพราะฉะนั้นสามเณรทุกคนต้องทำให้เหมาะสมให้ได้รับประโยชน์ ถ้าสักแต่ว่าอบรมเป็นพิธีรีตองอย่างเดียวก็ไม่ได้รับประโยชน์เป็นเรื่องแปลกๆ (นาทีที่ 6:05) สนุกสนานอะไรพักนึงแล้วก็ไม่ได้รับประโยชน์ เพราะฉะนั้นเธอต้องทำตัวเองให้เป็นผู้ที่ได้รับการอบรมอันแท้จริง ถ้าว่ามีการอบรมอันแท้จริงตลอดเวลาที่บวชนี่จะได้รับการอบรมมากมายหลายอย่าง อบรมโดยพระพี่เลี้ยงตลอดเวลาและอบรมโดยวิทยากรเป็นเวลาบางเวลารู้เรื่องต่างๆแปลกออกไป พระพี่เลี้ยงจะอบรมคือควบคุมให้ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลานี่เขาเรียกว่าอบรม แก้นิสัยขี้เกียจนอนสาย ใครไปปลุกแล้วก็โกรธแล้วพี่เลี้ยงก็ต้องปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่แล้วแต่ชอบแล้วต้องทำกิจวัตรต่างๆจนตลอดเวลากว่าจะสว่างแล้วไปบิณฑบาตในความควบคุมให้เรียบร้อย กลับมาจากบิณฑบาตเรียบร้อย คนที่ไม่ไปเณรจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ไปต้องมาตั้งอาสนะสำหรับจะนั่งฉันตั้งน้ำตั้งท่าอะไรมันเป็นคนที่มีความคิดมีความรอบคอบในการร่วมมือในการประสานงานไม่ใช่เห็นแก่ตัว เขาอบรมตั้งแต่ว่าตักข้าวตักอาหารใส่บาตรของตัวเองอาหารที่ส่วนใหญ่ส่วนรวมนั้นมันรวมอยู่เรามาตักใส่บาตรของตัวเอง นี่ไม่เอาบาตรมาไม่ได้ฝึกเป็นความเขลามากที่เป็นพระเป็นเณรไม่มีบาตรเหมือนกับทหารไม่มีปืน บ้าเลยฝึกอะไรกันทหารไม่มีปืน ภิกษุสามเณรไม่มีบาตรนี่จะฝึกอะไรกันนั่นแหละเป็นเรื่องที่ไม่รอบคอบต้องฝึกหัดเคารพบาตรในฐานะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ตามแบบโบราณบาตรนี่เขาจัดเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์จะต้องลืมไม่ได้ต้องปฏิบัติต่อบาตรอย่างดีเป็นลักษณะสิ่งที่ประจำตัวที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องอธิษฐานบาตรต้องเอาใจใส่กับบาตร แล้วพี่เลี้ยงต้องให้คอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลา ไปบิณฑบาตกลับมาจากบิณฑบาตแม้แต่อาบน้ำอาบท่าก็คอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลาอย่าให้มันเป็นลิงเป็นค่างอย่าให้มันกระโดดโลดเต้นเจี๊ยวจ๊าวเหมือนกับลิงกับค่างนี่ดี (นาทีที่ 9:07) ต้องตักใส่บาตรของตัวด้วยสติสัมปชัญญะถ้าตักมากเกินไปก็เหมือนตักด้วยกิเลส ตักน้อยเกินไปมันก็ไม่พอกินหรือว่ามันโง่ ตักมากเกินไปก็มันเป็นกิเลสตักน้อยเกินไปก็มันโง่ เพราะฉะนั้นเณรทุกคนต้องรู้จักตัวเองว่าตักเท่าไรพอดี ความจริงนั้นไม่ควรจะฉันเพลแต่ทีนี้เราจะฝึกไม่ใช่อยู่ประจำนี่เป็นการฝึก ฝึกหัดไม่ฉันเพลหัดเข้มแข็งอดทนหัดสนองพระพุทธประสงค์ซึ่งทรงประสงค์ตรัสว่าจงเป็นผู้มีอาหารในที่นั่งคราวเดียวเถิดหมายความว่าฉันหนเดียว พระพุทธเจ้าไม่มีช้อนส้อม เราฉันข้าวทั้งมือกันบ้างจะได้เป็นที่ระลึกแก่พระพุทธเจ้า ฉันข้าวกับมือกันบ้างจะธุระอะไรนักกับจะต้องช้อนส้อม ฉันข้าวกับมือมันดีเป็นที่ระลึกแก่พระพุทธเจ้าซึ่งไม่มีช้อนส้อมพระพุทธเจ้าไม่มีรองเท้าไม่มีร่ม เราเคยฝึกที่จะไม่มีรองเท้าและไม่มีร่ม แล้วก็เป็นธรรมชาติ ธรรมชาติที่สุดการฉันข้าวกับมือแล้วก็ฉันในบาตรตามรูปแบบของบรรพชิตซึ่งจะต้องอยู่ด้วยบาตรวัตถุขอทาน แล้วจะได้รู้อะไรๆหลายๆอย่างเรื่องฉันข้าวกับมือ จะได้ถือวินัยได้อีกมากวินัยเขาพูดไว้สำหรับคนฉันข้าวกับมือทั้งนั้น เสขิยวัตรต่างๆบัญญัติขึ้นสำหรับคนฉันข้าวกับมือ เป็นวัฒนธรรมของภิกษุ ฉันข้าวกับช้อนส้อมก็เป็นขี้ข้าวัฒนธรรมของฝรั่ง เพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปยึดถือบูชาช้อนส้อมอะไรนักมันเป็นขี้ข้าทางวัฒนธรรมของฝรั่ง เวลานี้พระอินเดียพระลังกาก็ฉันอย่างฉันกับมือ เราถึงไม่ฉันกับมือตลอดไปก็ขอให้ควรทำตามโอกาสตลอดเวลาที่เราฝึกเราต้องฉันข้าวกับมือแล้วก็ฉันในบาตรให้มันเต็มอัตราเลย ต้องฉันด้วยสติสัมปชัญญะ เพราะฉะนั้นบางแห่งเณรจะต้องสวดปัจจเวกขณ์แปล คณะของคุณวิสุทธิ์นี่เณรต้องสวดปัจจเวกขณ์แปลก่อนลงมือฉัน “ยถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ... ปิณฑะปาโต” นั่นแหละ แล้วจึงให้ฉันแล้วผู้ที่เป็นพี่เลี้ยงจะคอยเตือนว่าฉันไปจิตให้ปกตินะทำจิตปกติเสียก่อนนะจึงจะเปิบข้าวคำแรกนะ มีสติสัมปชัญญะในหัวใจของพุทธศาสนาว่าไม่ใช่ตนไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล อาหารนั้นก็ดี ผู้กินอาหารก็ดี นั่นคือหัวใจของพุทธศาสนา เด็กผู้ปฏิบัติจึงมีโอกาสศึกษาปฏิบัติหัวใจพุทธศาสนาอยู่ทุกคำข้าวเลยกว่าจะอิ่มเพราะฉะนั้นมันดีอยู่นะ ไม่ใช่มาละเมอๆเหมือนกับคนบ้าคนเคลิ้มทำๆๆๆกินข้าวพอเสร็จๆแล้วก็ มันต้องกินอย่างพระต้องอิ่มอย่างพระต้องปฏิบัติอย่างพระ ฉันข้าวด้วยสติสัมปชัญญะเหมือนกับว่ากินเนื้อลูกกลางทะเลทราย พ่อแม่อุ้มลูกเล็กๆแดงๆข้ามทะเลทรายเดินทางแล้วก็มันหลงทางมันออกไม่ได้จนลูกมันตายแล้วพ่อแม่มันก็จะต้องตายออกไม่ได้ มันเลยต้องตัดสินใจกินเนื้อลูกที่ตายแล้วเพื่อประทังชีวิตของตัวเพื่อออกจากทะเลทราย พระพุทธเจ้าเอาข้อนี้มาสอนให้ภิกษุสามเณรทั้งหลายถือเป็นหลักว่าการกินอาหารนี่กินเหมือนกับกินเนื้อลูกกลางทะเลทรายจึงไม่มักมากจึงไม่ต้องการให้ดีเกินให้อร่อยเกิน แม่ครัวก็ไม่ควรจะทำให้มันดีวิเศษเกินธรรมดาให้มันมีตามธรรมดานั่นแหละถูกต้องแล้ว ให้ครูฝึกก็ได้หัดกินเหมือนกับกินเนื้อลูกกลางทะเลทราย อีกอุปมาหนึ่งว่าเหมือนกับหยอดน้ำมันเพลาเกวียนหยอดน้ำมันให้ล้อรถให้ล้อเกวียนนั้นเขาหยอดแต่พอมันลื่นๆเท่านั้น เขาไม่ได้เทให้เลอะเทอะไหลนองไม่ใช่ นี่จึงต้องกินด้วยสติสัมปชัญญะพอจวนจะอิ่มจวนจะเต็มที่จวนจะอิ่มเต็มที่แล้วก็หยุดเสียแล้วกินน้ำแทนให้อิ่มก็อิ่มด้วยน้ำเป็นข้าวเสียสี่ห้าคำนี่มีอยู่ในระเบียบที่เขาสอนให้ฝึก เราไม่ได้ฝึกนี่เราใส่เข้าไปจนใส่ไม่ลงนี่มันก็ไม่ถูก ถ้าว่ามีการฝึกจริงมันก็ต้องฝึกไม่ให้อิ่มอยู่สี่ห้าคำแล้วกินน้ำให้อิ่มแล้วทำความรู้สึกว่า “ยาปะนายะ วิหิงสุปะระติยา พรัหมะจะริยานุคคะหายะ อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปฏิหังขามิ นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ ยาตรา จะ เม ภะวิสสะติ” ให้ชีวิตเป็นไปได้เท่านั้นเอง อย่ามาทำให้มันเป็นเวทนาไม่อึดอัดทำอะไรไม่ได้ เวทนาเขาคือหิวทำอะไรไม่ได้ นี่คือฝึก ประโยชน์จะมีตลอดชีวิตเลยถึงแม้สึกออกไปแล้วการกินอาหารแบบนี้ก็ยังมีประโยชน์ มันจะไม่เป็นทาสแก่ลิ้นมันไม่ต้องเป็นทาสของความเอร็ดอร่อย เมื่อใดไม่เอร็ดอร่อยก็โกรธเพราะฉะนั้นเราจะต้องมาฝึกกินอาหารซึ่งไม่ต้องเอร็ดอร่อย บางวันอยากให้ฝึกด้วยการฉันข้าวเพียงราดน้ำปลานิดหน่อยเท่านั้น ถ้ามันโกรธก็มันไม่เป็นเณรมันไม่เป็นพระแหละถ้ามันโกรธเสียแล้วมันก็ไม่เป็นเณรไม่เป็นพระ ให้กินข้าวมื้อหนึ่งปลาสักชิ้นสักตัวหนึ่งหรืออะไรอย่างนี้มันก็ต้องกินได้อย่างสบายใจอย่างอิ่มใจไม่โกรธถ้ามันโกรธมันก็ไม่ใช่เณรไม่ใช่พระ เพราะฉะนั้นจึงฝึกหัดที่ว่ากินอย่างไรก็ได้ไม่ยินดีไม่ยินร้ายนี่ฝึกหัดจนตลอดเวลา เรื่องเกี่ยวกับกินนั้นมีมากเพราะกิเลสที่เกี่ยวกับกินนั้นมันมีมาก เพราะฉะนั้นจึงฝึกบทฝึกหัดที่เกี่ยวกับกินนั้นมากให้พอกันจะได้ป้องกันกิเลสได้จริง ทีนี้เรื่องนุ่งเรื่องห่มเรื่องอะไรก็เหมือนกันเอาตามที่พอดีๆไม่ต้องมีปัญหา เสนาสนะก็มีเท่ากับจะประทังชีวิตไปได้ไม่ต้องเอาสบายวิเศษ ผ้ารองนั่งควรจะมีไม่มีอะไรก็ผ้าอาบพับเป็นผ้ารองนั่งมี ไม่ต้องลำบากเรื่องเสื่อซื้อเสื่ออาสนะให้มันยุ่งยาก ตามวินัยพระทุกองค์ก็ต้องมีผ้ารองนั่งเป็นส่วนตัวถือไปด้วยไปไหนก็ถือไปด้วยแล้วก็ปูลงรองนั่ง เพราะฉะนั้นการทดลองบวชก็ควรจะมีผ้ารองนั่งถ้าไม่มีอะไรก็ผ้าอาบนั่นแหละพับเข้าหรือผ้าพลาสติกที่สี่เหลี่ยมพอดีติดตัวประจำตัวพาดอยู่ที่แขนไปไหนก็ได้รองนั่งใช้เป็นผ้าห่อจีวรก็ได้ ฉันเช้าแล้วต้องมีทำวัตรเช้า ก่อนฉันเช้าหรือหลังฉันเช้าแล้วแต่ว่าจะเห็นสมควรเรื่องทำวัตรเช้านั้นถ้าสวดเองได้ก็ดี ถ้าสวดเองไม่ได้ให้มานั่งหลับตาฟังที่เขาสวด ถ้าเราสวดไม่ได้ก็มาฟังพระสวดซึ่งเขาสวดเป็นไทยแปลไทยรู้เรื่องดี เราก็รู้เรื่องของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มากขึ้นถ้ามานั่งหลับตาฟังทำวัตรเช้าอยู่ทุกวันๆ หรือว่าถ้าเราเป็นผู้สวดเองทำวัตรเช้าเองอยู่ทุกวันๆ จิตใจของเราก็จะเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพิ่มขึ้นทุกวัน เพิ่มขึ้นทุกวันจะมีศรัทธาเป็นต้นเพิ่มขึ้นทุกวันๆ นั่นแหละมันดี เพราะฉะนั้นจงอุตส่าห์(นาทีที่ 18:46) ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นให้ดีที่สุด จนทำสมาธิหมู่สมาธิน้อยๆเป็นทั้งๆหมู่เพราะว่าถ้าจะสวดทำวัตรถูกต้องนั้นจิตต้องเป็นสมาธิพอสมควรกำหนดการสวดบทที่สวดนั้นมันจึงสมาธิชนิดหนึ่งด้วยเหมือนกันที่มานั่งสวดทำวัตรนี้ทั้งทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น เพราะฉะนั้นเราจึงควรจะมีติดต่อกันไปและต้องฝึกอิริยาบถมารยาทให้อยู่ในความเป็นระเบียบ แม้ลับหลังคน แม้ลับหลังคนไม่มีใครเห็นก็ต้องมีอิริยาบถเป็นพระเป็นเณรที่ถูกต้องน่าเลื่อมใสอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเล่นหัวหยอกล้อกันเหมือนกับลิง แทนที่จะเป็นสามเณรมันเป็นสามลิงแทนที่จะบวชเป็นเณรมันบวชเป็นลิงมันยังเล่นหัวเล่นกันเหมือนกับลิงนี่เสียข้าวสุกของแม่ครัวเปล่าๆ นี่ถ้าว่ามันจะบวชอีกปีหน้าบวชกันอีกก็ตั้งใจดีๆให้ถูกต้องไปตั้งแต่ต้น แต่ข้อสำคัญให้ยินดีที่จะอดทนอดกลั้นอดทนที่เขาอบรมนั้นมันต้องอดกลั้นอดทนเขาไม่ให้กินไม่ให้เล่นไม่ให้นอนไม่ให้ตามใจชอบเขาบังคับต้องอดทนเราต้องยินดีรับความอดทนเรื่อยไปแล้วมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเรานั้นดีขึ้นๆเปลี่ยนแปลงในเราดีขึ้นๆทุกวันๆๆ กว่าเราจะสึกเราก็ต้องดีกว่าก่อน เราสึกกลับออกไปบ้านแล้วต้องดีกว่าก่อนนี่เรียกว่าได้ผลคุ้มค่าของการบวช มิฉะนั้นมันจะไม่ได้ผลคุ้มค่าของการบวช แม่ครัวก็จะไม่ได้รับอานิสงส์คุ้มค่าเหนื่อย ยมบาลก็จะเขกว่าไอ้คนพวกนี้ใช้เงินไม่คุ้มค่า ยมบาลจะเขกหัวไอ้คนพวกนี้ทั้งเณรทั้งแม่ครัวใช้เงินไม่คุ้มค่าเสียเวลาเปล่าๆ ขอให้ผู้จัดรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยผู้ที่จัดให้บวชนั้นต้องรับผิดชอบว่าเงินที่ใช้ไปในการบวชนั้นต้องได้ผลคุ้มค่า ถ้าไม่คุ้มค่าต้องไปเป็นความกับยมบาลแล้วไม่มีทางจะสู้ยมบาลเขกหัวตาย ให้ระวังให้ดีเสียว่าให้ทำประโยชน์ให้ได้เงินให้คุ้มค่าให้ได้ผลคุ้มค่าของเงินให้ใช้เงินคุ้มค่าโดยที่เณรๆนี้ตั้งใจปฏิบัติให้ดีให้ออกไปเป็นพลเมืองที่ดีของศาสนาให้เป็นสาวกที่ดีของศาสนาให้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติให้เป็นสมาชิกแก่ครอบครัวที่ดีหมายความว่าหมดปัญหาของความเป็นมนุษย์ ตลอดเวลาเราจะต้องอดทน ต้องอดทน เช่นต้องอดทนถ้าเขาให้นั่งนิ่งๆได้ก็ต้องนั่งนิ่งๆได้ อย่าหลุกหลิกๆเหมือนเดิม ถ้าเขาให้นั่งตัวตรงได้ก็นั่งตัวตรงได้ นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์ทำได้ทั้งนั้นที่เขาเอามาฝึกไม่ใช่เขาฝึกเกินไปจนมนุษย์ทำไม่ได้เพราะฉะนั้นเราทำได้ อิริยาบถเดิน ยืน นั่ง นอน ก็ถูกต้อง จะกินจะอาบจะถ่ายจะทำอะไรก็ตามใจต้องให้เป็นสมณะสารูปคือว่าตามรูปแบบของผู้สงบผู้เป็นสมณะนี่เรียกว่าฝึกได้เท่านี้ก็มีค่าเหลือประมาณเพราะว่าได้เกิดสมณะขึ้นมาหรือว่าได้เกิดหน่อเนื้อของสมณะขึ้นมาคือสามเณร บ้านเมืองของเราก็จะเต็มไปด้วยพลเมืองดีอย่างน้อยคือมีสมณะมากมายเกิดขึ้น นี่จึงขอพูดรวมคราวเดียวกันเสียว่าเณรทั้งหลายก็ดี ผู้ที่อบรมก็ดี ญาติโยมที่รับภาระเรื่องเลี้ยงดูก็ดี เหมือนกับเข้าหุ้นกันเข้าหุ้นรวมกันทำสิ่งที่ให้เกิดบุญเกิดกุศลแก่เราเองแก่บ้านเมืองแก่โลก ถ้าเราทำดีถูกต้องมันจะมีประโยชน์เกิดขึ้นแก่เราเองแก่บ้านแก่เมืองแก่โลกแล้วบูชาคุณของพระพุทธเจ้า สนองพระพุทธประสงค์คือทำเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงประสงค์ให้พวกเราทำ นี่เณรเป็นผู้ที่แสดงบทบาท ญาติโยมทั้งหลายเป็นผู้ไปช่วยสนับสนุนให้สำเร็จประโยชน์ ก็ขอให้ทำต่อไปเพราะว่ายังไม่ได้สึกวันสองวันนี้ยังอยู่อีกหลายวัน จะไปอยู่ที่นี่หรือจะไปฝึกอยู่ที่ไหนก็มันมีหลักเกณฑ์อันเดียวกันนี้ว่าตลอด ๒๔ ชั่วโมงนี้ให้มีสติควบคุมตนควบคุมตัวเองควบคุมจิตใจไว้เรื่อยไป ไอ้เรื่องที่เล่นที่หัวนั้นมันรู้แล้วมันเคยเล่นเคยหัวมาแล้วรู้จักแล้วก็บังคับตัวให้เว้นเสียเองถ้าทำอะไรหลุกหลิกเป็นลิงแล้วมันก็ต้องอายเพื่อนแล้วก็ไม่ทำ การที่จะบังคับตัวเองได้ต้องมีธรรมะไว้สำหรับ(นาทีที่ 24:47) แล้วเขาเรียกว่า สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ สัจจะมีความจริงใจ ทมะคือการบังคับตัวเอง ขันตีอดกลั้นอดทน จาคะสละสิ่งเลวๆออกไปเสียจากตน สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ เณรควรจะท่องไว้เป็นประจำมีสัจจะจริงนี่เราเป็นเณรจริงต่อความเป็นเณรของเรา ถ้าเป็นคนก็จริงตามความเป็นคนของเรา เราจะเป็นเณรเป็นคนได้ดีอย่างไรเราต้องทำเต็มที่เรียกว่ามีสัจจะ เราต้องบังคับให้ทำไม่อย่างนั้นกิเลสมันไม่ชวนให้ทำเราต้องบังคับให้ทำเรียกว่าทมะ ทมะ พอทำเข้ามันเจ็บปวดบ้างมันก็ต้องอดทน ขันตีอดกลั้นอดทน พอทนไหวก็ระบายออกเสียเรื่อยๆสิ่งไหนที่เลวก็ไม่ควรจะมีในตัว ระบายออกเสียเรื่อยๆมันก็พอทนไหวพออดกลั้นอดทนไหวมันก็ครบบริบูรณ์ว่า สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ สิ่งไหนที่เราต้องการจะทำจะทำสำเร็จได้ โดยเฉพาะฆราวาสซึ่งมีเรื่องให้เกิดกิเลสมากก็ใช้ธรรมะ ๔ ประการนี้ด้วยเหมือนกัน สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ เขาเรียกว่าฆราวาสธรรม ผู้ที่มีแล้วจะไม่เศร้าโศกคือจะไม่ทุกข์ร้อนก็จะช่วยตัวเองได้ทุกๆปัญหา ลองมีสัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ จะแก้ปัญหาได้หมดทุกปัญหา พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสท้าทายไว้เลยว่าธรรมะนี้เหมาะที่สุดสำหรับฆราวาส ตรัสท้าทายแก่ ...สีหนาถ(นาทีที่ 26:44) ให้คนคัดค้านใครอยากจะคัดค้านก็เอา ท้าทายว่า (บทสวดบาลี) (นาทีที่ 26:52) แปลว่าถ้าไม่เชื่อให้ไปถามสมณะพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายในโลกดูว่ายังมีธรรมะไหนที่เหมาะสำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนยิ่งไปกว่าธรรมะสี่ประการคือ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ (บทสวดบาลี) (นาทีที่ 27:25) มีธรรมะไหนที่มันดีไปกว่าธรรมะสี่ประการนี้ นี่ว่าทั้งฆราวาสทั้งบรรพชิตถ้าถือธรรมะสี่ประการนี้แล้วมันปฏิบัติหน้าที่ของตัวสำเร็จทั้งนั้น ในระหว่างบวชนี้เณรฝึกหัดสัจจะให้มากๆอย่าหลอกตัวเอง อย่าหลอกตัวเอง ถือสัจจะมากๆปฏิบัติให้เคร่งครัดที่สุดเลยไม่มีการที่เหลวไหลหลอกลวงตัวเอง แล้วก็มีสัจจะแล้วก็มีทมะบังคับให้ทำอยู่ถ้าเจ็บปวดเหน็ดเหนื่อยอะไรก็ต้องอดกลั้นอดทน และสิ่งไหนที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตนสละๆไปเสียให้หมด เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ทำสิ่งที่โง่ๆ เช่นว่าสูบบุหรี่หรือว่านอนสายหรือว่ามักมากตะกละอะไรอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้จะสละกันเสียให้หมด คราวนี้สึกแล้วก็ขออย่าให้มีสิ่งเหล่านี้การบวชของเราก็จะได้ผลสมตามความปรารถนาของรัฐบาลหรือของใครก็ตามใจแต่ว่าตามพระพุทธประสงค์ให้ภิกษุสามเณรทุกองค์เป็นภิกษุสามเณรที่แท้จริง การจะอดทนความอดทนเป็นกำลังให้สำเร็จถ้าไม่มีความอดทนแล้วมันก็ปฏิบัติอะไรไม่สำเร็จ ยิ่งปฏิบัติทางธรรมทางศาสนายิ่งต้องมีความอดทน ก็กล่าวไว้เป็นหลักว่า “ขันตี พะลัง วะยะตีนัง, ขันตี พะลัง วะยะตีนัง” ขันตีเป็นกำลังของผู้บำเพ็ญพรต เช่นเราจะโกรธจะโมโหอย่างนี้ถ้าเราอดทนได้มันก็กลั้นไว้ได้ก็ไม่โกรธไม่โมโหถ้าไม่อดทนไม่กลั้นเดี๋ยวมันก็ไปทำอันตรายเพื่อนไปชกเพื่อนไปตีเพื่อนเข้าเรียกว่าทำสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ถ้าบวช ๒๐ วันหรือ ๓๐ วัน ปฏิบัติดีถูกต้องทั้ง ๒๐ วันนั้นมันเปลี่ยนแปลงมากเหมือนกับว่าผ่าล้างชำระความสกปรก ผ่าล้างชำระความสกปรกทั้งหลายให้สะอาดเสีย เราก็เปลี่ยนเป็นคนที่มีความสะอาดมีธรรมะ นี่ขอพูดเผื่อไปด้วยเมื่อยังไม่สึกยังไปอบรมกันที่ไหนต่อก็ขอให้ช่วยกันให้สำเร็จประโยชน์เพื่ออยู่ในร่องในรอยโดยเฉพาะที่เรียกว่าพระพี่เลี้ยงต้องติดตามดูแลทุกอิริยาบถทั้ง ๒๔ ชั่วโมง ไม่ใช่ว่าเป็นพี่เลี้ยงเพียงแต่เดินนำหน้าต้องคอยดูแลให้เณรในบังคับบัญชานั้นประพฤติถูกต้องอยู่เสมอผิดพลาดไม่ได้ ต้องเหน็ดเหนื่อยพระพี่เลี้ยงต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องจัดให้กินจัดให้นอนจัดให้ทำจัดให้ตั้งต้นยืนในธรรมตั้งต้นอยู่ในความถูกต้องของธรรม ถ้าพระพี่เลี้ยงเหลวมันก็เหลวไม่ต้องสงสัย ถ้าพระพี่เลี้ยงเหลวมันก็เหลวตั้งครึ่งตั้งค่อน เมื่อจะสำเร็จประโยชน์ก็ด้วยความอดกลั้นอดทนเหน็ดเหนื่อยของพระพี่เลี้ยงเพราะว่าเณรเขาไม่รู้อะไรเขาเพิ่งบวช นี่รู้สึกว่าเล็กๆมากเกินไปถ้าจะจัดให้ดีอย่าให้มันปนกันนักตั้งแต่ ๑๐ ปี ๑๑ ปี ๑๒ ปี ๑๓ ปีนี่ก็พวกหนึ่งบวชคราวเดียวรวมกันคราวเดียว ตั้งแต่ ๑๔, ๑๕, ๑๖, ๑๗ นี่สี่ขนาดนี้แล้วอีกพวกหนึ่งบวชคราวเดียวรวมกองคราวเดียว นี่เอาตั้งแต่เล็กที่สุดถึงใหญ่ที่สุดมาอบรมรวมกันนี่ลำบากผิดหลักจิตวิทยาสากลผิดหลักวิชาครูผิดหลักอะไรต่ออะไรมากทีเดียว เอาตัวเล็กๆมาบวชรวมพร้อมกับตัวใหญ่ๆนี่ไม่ถูก นี่ก็ขอเตือนเฉพาะผู้ที่จัดผู้ที่มีหน้าที่จัดขอให้ใช้วิชาครูกันบ้างอย่าเอามาคราวเดียวกัน ถ้าคราวเดียวกันก็ต้องแยกเป็นสองฝ่ายสองกองให้สะดวกให้ถูกต้องตามหลักวิชาการอบรมสั่งสอน เพราะว่าเด็กยิ่งเล็กเท่าไหร่มันก็ยิ่งต้องการควบคุมมากแปลกออกไปเท่านั้นอย่างน้อยสักสิบปี อายุ ๑๐ ปีถึง ๑๓ ปีนี่พออบรมเหมือนๆกันได้ ๑๔ ปีถึง ๑๗ ปีนี่ก็พออบรมเหมือนๆกันได้ แล้วก็จะได้รับผล ต้องมีโครงการแน่นอนอบรมอย่างไรมีตารางประจำวันอบรมอย่างไรเป็นที่แน่นอนแก่พระพี่เลี้ยง ๒๔ ชั่วโมงนี่ทำรายการไว้เสร็จหมด ก็ต้องดูแลกระทั่งว่าเตือนให้มันตื่นเตือนให้มันไปอาบน้ำเตือนให้ไปส้วมไปถ่ายให้เตรียมให้พร้อมมาทำวัตรสวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิฝึกสมาธินี่ดีมาก ถ้าถือโอกาสฝึกเสียได้ในคราวนี้จะดีมากจะเป็นประโยชน์ทั้งการเล่าเรียนเป็นประโยชน์ทั้งธรรมะ เด็กจะมีสมาธิดีมีสติดีจะเรียนได้ดีจะจำได้เก่งจะคิดได้เร็วจะตัดสินใจได้เร็ว ขอให้ถือเอาประโยชน์จากสมาธิให้มากทั้งทางโลกและทั้งทางธรรม ทางธรรมจำเป็นอยู่แล้วมันมีอยู่แล้วแต่ทางโลกนี่ก็ใช้ประโยชน์ได้มาก คนที่มีสมาธิต้องทำงานได้ดี คนที่บังคับจิตใจได้ดีมันก็ต้องทำงานได้ดี คนอ่อนแอนี่มันบังคับตัวไม่ได้แม้แต่ไม่ให้สูบบุหรี่มันยังทำไม่ได้นี่มันอ่อนแอก็โลเลกันหมด เราต้องบังคับทุกอย่างที่ควรบังคับ ต้องบังคับทุกอย่าง เมื่ออยู่บวช ฝึกการบวชนี่มาฝึกชีวิตอีกแบบหนึ่งชีวิตแบบบรรพชิต ถ้าจัดกันถูกต้องต้องเป็นเรื่องที่เป็นบรรพชิตตลอดเวลาเป็นบรรพชิตทุกกระเบียดนิ้ว เป็นพระเป็นเณรที่ถูกต้องนั้นไม่ควรใช้สตางค์ไม่ต้องมีการใช้สตางค์ ยิ่งมีการใช้สตางค์เท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เป็นพระไม่เป็นเณรเท่านั้น และความสุขที่แท้จริงนั้นมันเกิดมาจากการบังคับจิตใจให้สงบมันไม่ต้องใช้เงิน ความสุขที่หลอกลวงนั้นต้องใช้เงินเรื่องเอร็ดอร่อยสนุกสนานความเพลิดเพลินนั่นเป็นเรื่องความสุขหลอกลวงนั่นต้องใช้เงิน แต่ถ้าว่าความสุขแท้จริงแล้วไม่ต้องใช้เงินเลย นี่ขอให้จำไว้เป็นหลักด้วย ให้พอใจในการทำงานเพราะเรื่องงานนี่คือธรรมะ ธรรมะคืองาน งานคือธรรมะ ทำงานที่ถูกต้องของมนุษย์คือธรรมะแล้วก็พอใจว่ามีธรรมะ เมื่อพอใจก็มันเป็นสุข คนเราถ้ามีความพอใจในสิ่งใดจะมีความสุขจากสิ่งนั้นเราก็เลยพอใจในธรรมะมีความสุขจากธรรมะมีความสุขโดยไม่ต้องเสียเงินไม่ต้องใช้เงิน ถ้าเป็นฆราวาสทำงานเป็นสุขสนุกแล้วก็ยิ่งได้เงินเพราะงานมันทำให้ได้เงินมานี่ไม่ใช่เสียเงินไปแล้วเราไม่ต้องใช้เงินเพราะความสุขของเราเกิดจากที่ได้ทำงานได้ปฏิบัติหน้าที่ ให้เณรจำไว้ตลอดชีวิตว่าทำงานให้สนุกแล้วเป็นสุขในการงาน นั่นคือเป็นพุทธบริษัทที่แท้จริงไม่ต้องมีใครมายกยอไม่ต้องมีใครมาให้รางวัลให้อะไรก็ไม่ต้อง เราเป็นสุขได้ในการงานที่เราทำ ถ้ามันมีผลเงินเป็นเงินเป็นทองมันก็เป็นของเหลือใช้ นี่เป็นสุขด้วยได้เงินด้วย ถ้าเป็นสุขหลอกเป็นเรื่องกามารณ์เรื่องอบายมุขได้ความเพลิดเพลินไม่ใช่ความสุขแล้วเงินจะไม่พอใช้แล้วต้องไปโกงแล้วต้องไปปล้นไปจี้ไปขโมยไปคอร์รัปชั่นเพราะว่าเงินมันไม่พอใช้ จำเป็นหลักไว้ตลอดชีวิตว่าถ้าความสุขจริงเงินไม่ต้องใช้ ถ้าเป็นความสุขหลอกยิ่งใช้เงินไม่มีที่สิ้นสุด นี่เรื่องอบายมุขเรื่องกามารมณ์นั้นเป็นความสุขหลอกแล้วต้องใช้เงินจนมันไม่พอใช้ ความสุขจริงที่ทำงานสนุกเป็นสุขในการงาน เงินเหลือ เงินยังเหลือมาก นี่หัดฝึกหัดเป็นสุขในการทำงานไป ในการปฏิบัติธรรมนี่ก็ได้เป็นสุขๆแล้วก็มันไม่ต้องใช้เงิน เงินมันเหลือจนเอาไปใช้ช่วยผู้อื่นได้เราช่วยผู้อื่นได้อีก รวมความว่าระหว่างที่บวชนี้ต้องฝึกกันทุกๆกระเบียดนิ้วทุกๆลมหายใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่ถูกต้อง แล้วมันก็ไม่มีอะไรดีกว่านี้ไปแล้วนี่ประเสริฐที่สุด บุญที่สุด ก็คุ้มค่ากันที่อุตส่าห์ลงทุนจัดกันนี่ แต่ขอให้จัดให้ถูกต้องเท่านั้นให้มันได้ผลจริงตามความมุ่งหมายอย่าทำละเมอๆ แล้วก็ว่าดีแล้วได้บุญแล้วนั่นมันก็ละเมอก็มันได้บุญอย่างละเมอทำอย่างละเมอก็ได้ความสุขอย่างละเมอได้บุญอย่างละเมอ ถ้าทำอย่างแท้จริงอย่างถูกต้องก็มันได้บุญแท้จริงได้ความสุขแท้จริง นี่ก็ขอให้ทุกคนจำไปสังเกตปรับปรุงแก้ไขที่มันไม่จริงนั้นให้มันจริงเสีย ที่มันจริงอยู่แล้วก็ขอให้มันจริงยิ่งๆขึ้นไป นี่เราก็ถือโอกาสพูดพร้อมๆกันเหมือนกับว่ามันเข้าหุ้นกันเป็นบริษัทเดียวกัน ทายกทายิกาก็ดี สามเณรก็ดี ภิกษุที่อบรมพี่เลี้ยงก็ดี ผู้ช่วยจัดช่วยอะไรก็ดี มันเป็นบริษัทเดียวกันแล้วเป็นบริษัทเดียวกันหลายหุ้น ให้บริษัทนี้มันเป็นประโยชน์แก่พระศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดา ขอให้ทุกคนเฉียบขาดในการทำให้ถูกต้อง กิเลสนั้นต้องเผด็จการเอาไว้ให้ได้ คนเลวก็ต้องเผด็จการเอาไว้ไม่ได้ จะประชาธิปไตยได้ก็แต่เฉพาะคนดีเท่านั้น ถ้าคนมันเลวแล้วมันก็ประชาธิปไตยไม่ได้มันต้องเผด็จการต้องขยี้ต้องทำลายออกไปเสียให้หมดสิ้น นี่เป็นการอบรมครั้งสุดท้ายแล้วตอนเที่ยงแล้วเลิกประชุมกลับบ้านแล้วเราจึงพูดรวบยอดแก่ทุกฝ่าย และในที่สุดนี้ขออนุโมทนาขอแสดงความยินดีอนุโมทนาแก่พระพี่เลี้ยงแก่สามเณรแก่ทายกทายิกาแก่ผู้จัดว่าท่านทั้งหลายได้ประพฤติได้กระทำดีแล้วถูกต้องแล้ว สมควรแก่การสรรเสริญแล้ว ตรงตามพระพุทธประสงค์แล้ว นี่เป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันเป็นกุศลแล้วย่อมจะให้ผลเป็นความสุขความเจริญโดยตัวมันเองไม่ต้องให้พรก็ได้ พรที่ให้นี่มันจะเป็นเรื่องไม่จริงเท่ากับพรที่ทำเอาเอง พรแปลว่าดี ดีแปลว่าพร เมื่อทำจริงทำเองในเรื่องดีเรื่องพรมันก็ย่อมให้ผลเอง เราก็จะไม่มัวอ้างนั่นอ้างนี่มาให้พรเดี๋ยวมันเป็นไสยศาสตร์ไปเสียอีกเป็นเรื่องไสยศาสตร์ไปเสียอีก อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้พรนั้นเป็นเรื่องไสยศาสตร์ เพราะฉะนั้นเธอทำเองทุกคนทำเองตั้งใจทำดีเองแล้วก็เป็นพรเองได้อยู่ที่เนื้อที่ตัวอยู่แล้วเพราะทำจากเนื้อจากตัว ดีแล้วมันก็ดีอยู่แล้วที่เนื้อที่ตัวมันเป็นพรอยู่ที่เนื้อที่ตัวแล้ว ขอให้ถือหลักอย่างนี้จึงจะเป็นพุทธศาสตร์ ถ้าให้คนอื่นมาช่วยมาให้หวังพึ่งปัจจัยภายนอกมันเป็นไสยศาสตร์ไม่ใช่พุทธศาสตร์ เรื่องนี้เราก็ได้ทำดีแล้วได้ทำดีแล้วทำแก่เนื้อแก่ตัวอยู่แล้วย่อมมีดีขึ้นมาเป็นพรแก่เนื้อแก่ตัวตลอดเวลา จึงขอแต่แสดงความหวังว่าทุกคนนี่จะมีความเชื่อ เชื่อมั่นในธรรม เชื่อมั่นในศาสนา เชื่อมั่นในตัวเองยิ่งๆขึ้นไป แล้วมีความกล้าไม่กลัวในการจะทำให้ถูกต้องให้ดียิ่งขึ้นไป แล้วมีความสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ
ฉันข้าวแล้วทำไมไม่ให้ “ยถา...” ฉันข้าวแล้วทำไมไม่ให้ “ยถา...” ไม่ได้ฝึกนี่ เราต้องบอกว่าสามเณรของคุณวิสุทธิ์พอฉันข้าวแล้วให้ “ยถา...” เป็นภาษาไทย น่าฟังที่สุดเลย เณรนี่ก็เลือกว่าเณรไหนให้อนุโมทนาภาษาไทย น่าฟังที่สุดเลย แล้วก็พออนุโมทนาเป็นไทยเสร็จแล้วก็ว่าบาลี นี่บาลีว่าถูกไม่ถูก “ยถา...” ไม่ใช่ “ยถา วาริวะหา ปูรา ปะริ...” ก็ว่าไม่ถูก? โอ้โห มันก็เกินไปแล้วนะนั่น อนุโมทนาภาษาไทยเดี๋ยวฉันข้าว ฉันข้าวตอนเพลนี่ให้เณรนั้นไป ออกไปตรงนั้นอนุโมทนาภาษาไทยแล้ว... (นาทีที่ 43:33) รับ “ยถา...” ภาษาบาลี นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องอบรม ให้รับผิดชอบว่าไปฉันอาหารของใครที่ไหนต้องให้แสงสว่างที่นั่น ต้องให้พรอนุโมทนาเป็นแสงสว่างที่นั่น เป็นระเบียบที่ปฏิบัติในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าเองก็ปฏิบัติ ถ้าไม่ได้อยู่อนุโมทนาเองพระพุทธเจ้าก็บังคับให้พระองค์ใดองค์หนึ่งอยู่อนุโมทนาแล้วจึงค่อยกลับ เรื่องอนุโมทนานี่ขอให้ฝึกทุกวันๆ กว่าจะสึกมันก็คล่อง แล้วเณรที่เรียนหนังสือมาพอสมควรมันก็พอจะพูดเป็นมันก็ต้องพูดหน้าชั้น แสดงสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือสัญญา สัญญาข้าพเจ้ากินอาหารของท่านแล้วข้าพเจ้าจะทำให้ได้ผลคุ้มค่า ได้สืบอายุพระศาสนา ฝึกให้ทุกอย่างเลย ทุกอย่างเลย ฝึกให้ทุกอย่างให้ทุกระยะๆ ฝึกทุกอย่าง ต้องใช้บาตรใช้มือให้ถูกต้องคล่องแคล่ว เช้ามืดควรจะถือโอกาสฝึกสมาธิกันตอนเช้ามืด ... (นาทีที่ 45:19) ช่วยสอนนั่งทำสมาธิแล้วซ้อมไว้ทุกวัน ซ้อมไว้ทุกวัน ซ้อมสมาธิไว้ทุกวันๆ มันก็ทำสมาธิเป็นได้ก่อนที่จะสึก นั่นแหละให้ซ้อมไว้ทุกวันๆ ซ้อมการทำสมาธิไว้ทุกวันก่อนสว่างแล้วซ้อมไว้ทุกๆวันตอนเย็นตอนค่ำตอนจะนอน ให้มันเป็นเรื่องจริงอย่าเป็นแต่พอเพียงพิธีท่าทาง อธิบายเพิ่มเติมแล้วให้ทำ อธิบายเพิ่มเติมแล้วให้ทำ อธิบายเพิ่มเติมแล้วทำยิ่งๆขึ้นไป นั่นแหละ ก็ดีแล้ว ก็ทำสมาธิให้เกิดสมาธิในจิตใจแล้วซ้อมไว้ทุกวัน ซ้อมไว้ทุกวัน มันจะคล่องแคล่วๆ แล้วสึกไปเป็นฆราวาสแล้วมันก็ยังทำได้ ... (นาทีที่ 46:30) เป็นไปถูกต้องแล้วมันก็ได้ผลดีเป็นกุศลด้วยกันทุกฝ่าย ทุกฝ่าย เจตนาช่วยชาติช่วยประเทศมันก็เป็นไปได้ถ้าพลเมืองมันดี ถ้าพลเมืองไม่ดีแล้วมันก็วินาศแล้วมันก็ทำอะไรดีไม่ได้ มันมัวแต่โกงกันไปหมดถ้าพลเมืองไม่มีศีลธรรม ประชาธิปไตยที่ไม่มีศีลธรรมนั่นคือเลวที่สุด ได้ยินฆ่าเมื่อเช้านี้ก็มีอีกฆ่าผู้สมัครเป็นผู้แทน ฆ่าหัวคะแนนด้วยฆ่าตัวสมัครผู้แทนด้วยมีทุกวันเลย พลเมืองเลวไม่มีศีลธรรมมันจะมีประชาธิปไตยได้อย่างไร ของเราสำหรับเราขอปิดประชุม
ไม่ได้นอนกลางสนามหญ้า เมื่อฝึกธรรมทูตไปต่างประเทศนอนที่สนามหญ้าเหมือนค่ายลูกเสือ ไม่มีมุ้งไม่มีกลด