แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมทั้งหลาย ฉันต้องการพูดสองสามคำ (นาทีที่ 00.39) เพื่อให้มันสมบูรณ์ รู้สึกว่า มันยังมีอะไรที่มันไม่สมบูรณ์ คือเข้าใจนั่นเอง ถ้ายังไม่เข้าใจในการกระทำของตนก็ยังไม่สมบูรณ์ จึงอยากให้เข้าใจในการกระทำที่ทำในคราวนี้ ที่ทำมาจนถึงวันนี้ควรจะเข้าใจโดยสมบูรณ์ ที่มันไม่เข้าใจ มันก็เคลิ้ม ๆ มันละเมอ ๆ
เรื่องบวชเณรตามโอกาส นี่เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าใจ มันเนื่องจากเด็ก ๆ สมัยนี้ไม่มีโอกาสจะใกล้ชิดกับวัด คือศาสนา เหมือนกับเด็ก ๆ รุ่นก่อน เมื่อ 50 ปี 70 ปีมาแล้ว เด็ก ๆ มันชิด ใกล้ชิดกับวัด มันจึงมีอะไรที่ติดอยู่ในสันดานโดยไม่รู้สึกตัว เวลานี้เหตุการณ์มันเลยเปลี่ยนแปลง จนน่าไม่เข้าวัดเลยก็ได้ จนเป็นหนุ่มเป็นสาวไปเลย แล้วมันจึงกระด้าง กระด้างก็คือเลวแหละ แต่มันก็คิดว่าดีแหละ ทุกคนมันคิดว่าตัวเองดี ถึงจะเลวจะกระด้างแค่ไหน ก็คิดว่าตัวเองดี มันก็เลยทำไปอย่างกระด้าง ๆ
การไม่เคารพบิดามารดารครูบาอาจารย์ คนเฒ่าคนแก่ หรือมารยาทหยาบกระด้างต่อเพื่อนฝูง (นาทีที่ 02.59) ก็มีมากขึ้น มันก็ชกปากกันง่ายขึ้น แล้วมันฆ่าฟันกันง่ายขึ้น แล้วก็โง่จนฆ่าตัวเองตายมากขึ้น เวลานี้มีเรื่องอะไรนิด มันก็ฆ่าตัวเองตาย ไอ้ชาติโง่บรมโง่
สมัยก่อนไม่มีใครฆ่าตัวตายเหมือนที่ฆ่ากันเวลานี้ ที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ผิดใจผัวสักนิดผิดใจเมียสักนิด ผิดใจคู่หมั้นสักนิด มันก็ฆ่าตัวตาย ไอ้ชาติโง่บรมโง่ มันเหลือที่จะพูดได้ เพราะมันไม่ได้อบรมจิตใจให้อ่อนโยน ให้ใกล้ชิดศาสนามาตั้งแต่แรกเกิด บางศาสนาบางกลุ่ม ไม่ใช่ทุกกลุ่ม บางกลุ่ม แล้วก็บางศาสนา เขาเอาเครื่องหมายของศาสนามาติดตั้งในห้องคลอด ห้องคลอดบุตร มันเป็นพิธีก็จริง แต่ว่ามันมีความหมาย เลยเข้าใจว่า พอเด็กลืมตาขึ้นมาในโลก คลอดจากท้องแม่ มันได้เห็นสัญลักษณ์ของศาสนา
แต่ในศาสนาพุทธ ไม่รู้ข่าวว่าใครทำ แต่ศาสนาอื่นเขาทำ ให้มันรู้จักตั้งแต่โอกาสแรกที่มันลืมตาขึ้นมาในโลก ทำให้มันติดตาก่อน ให้มันกราบให้มันไหว้เรื่อยมา ๆ จนใหญ่จนโตโดยพ่อแม่มันนำ
สมมติว่านะ ถ้าศาสนาเรา มีพระพุทธรูป แล้วก็ทั้งแม่และทั้งลูกมาช่วยกันกราบอยู่ทุกวัน ทุกวัน ๆ จนลูกมันใหญ่ คุณคิดดูว่ามันจะเป็นอย่างไร เวลานี้พ่อแม่มันก็ยังไม่กราบนี่ แล้วมันจะให้ลูกเล็ก ๆกราบหรือ น่าหัว(น่าขำ) หรือน่าสงสาร น่าสังเวชไอ้คนแก่ ๆ เนี่ย ใช้ให้เด็กกราบไหว้พระอะไรอย่างนี้ แต่ตัวเองไม่กราบ ไม่กราบแม้แต่เป็นตัวอย่าง ถ้ารู้จักกราบกันมาเรื่อย ๆ ก็จิตใตมันอ่อนโยน เขาเรียกว่า มีศรัทธา มุทุปสันนา จิตใจอ่อนโยนชนิดนี้ ทำบาปไม่ได้ ทำบาปไม่ลง มันอ่อนโยนในทางธรรม ที่นี้มันไม่ได้อบรมให้อ่อนโยนในทางธรรม มันก็กระด้างในทางโลกเรื่อยมา เรื่อยมา จนโตจนเป็นหนุ่มเป็นสาว มีจิตใจอย่างปุถุชนที่เลว(นาทีที่ 06.03) ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่รู้จักสะดุ้ง เมื่อได้ยินคำว่า บาป
เด็กสมัยนี้ไม่สะดุ้งเมื่อได้ยินคำว่า บาป ไม่เหมือนสมัยเด็กสมัยฉัน คือคนที่แก่ ๆ ได้ยินคำว่าบาป มันสะดุ้ง เด็กสมัยนี้ได้ยินคำว่า บาป มันยักคิ้วหลอก แล้วบางเด็กอาจจะถลกก้นหลอกก็ได้ หลอกคำว่าบาป มันไกลกันถึงขนาดนี้ ที่นี้เราคิดหาหนทางให้เด็ก ๆนี้ ได้ใกล้ชิดศาสนากันเสียบ้าง เมื่อทำไม่ได้ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ ก็ทำเท่าที่จะทำได้
การที่ให้เด็ก ๆ บวชเณรในระหว่างปิดภาค มันก็อยู่ในความมุ่งหมายอันนี้ มันได้ใกล้ผ้าเหลือง มันได้ใกล้ชิดศาสนา มันเป็นโครงการที่ดีมาก ถ้าทำให้ตรงตามความจริงจะดีมาก แต่ถ้าทำพอเป็นพิธี มันก็ดีพอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ ต้องช่วยกัน (นาทีที่ 07.26) ให้มันตรงตามความจริง ฉันเห็นว่า จะต้องพูด ต้องพูดให้คุณเข้าใจ ถ้าไม่อย่างนั้น มันจะเป็นพิธีหรือครึ่งพิธี ไม่ได้เต็มตามที่ควรจะได้ เรียกว่า ขาดทุน
ขอให้เข้าใจว่า เราจะช่วยให้ลูกเด็ก ๆ ของเรา มันห่างศาสนายิ่งขึ้นทุกที ทุกที โดยโลกมันเปลี่ยนแปลง ให้มันได้ใกล้ชิดศาสนาไปเรื่อย ๆ เท่าที่จะทำได้ รุ่นก่อน ๆ มันใหญ่ในวัดมันโตในวัด มันถ่ายมาได้มาก รุ่นนี้มันใหญ่ที่บ้านมันโตที่บ้าน บางคนก็ไม่เคยเข้าวัด จนกว่าจะบวช บ้างก็บวชหลอก ๆ 5 วัน 7 วัน 15 วัน ก็บวชหลอก ๆ บางคนก็ไม่เคยบวชเลย ช่วยสนับสนุนกัน ในอนาคตข้างหน้าปีต่อ ๆไปนั่น ให้เด็ก ๆ ของเราได้บวชระหว่างปิดภาค ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เอาละที่นี้ก็มาถึงเรื่องที่บวช มันก็ต้องมีหลักการ วิธีการอะไรโดยเฉพาะ เพื่อทำในเวลาอันสั้น ถ้าเขาบวชกันตามแบบโบราณ บวชหนึ่งพรรษาสองพรรษาสามพรรษา บวชเณร ๆ เราไม่อาจจะบวชได้เป็นพรรษาแบบนั้น บวชได้ในเวลาอันสั้น เพราะฉะนั้นต้องรวบรัด ทำให้มันเข้มข้น สมมติว่า บวชเดือนหนึ่งแบบนี้ ให้มันได้รับการฝึกฝน มีผลทางจิตใจเท่ากับคนบวช หนึ่งพรรษาสองพรรษาสามพรรษา เพราะฉะนั้นอย่าประหลาดใจ ว่าที่ผู้จัดการบวชหรืออาจารย์ผู้ควบคุม ต้องการทำอะไรให้เคร่งเครียด รุนแรง ให้มันได้ผลทางจิตใจภายในหนึ่งเดือน เท่ากับบวชหลายปี ให้มันถือศีลเคร่งครัด ระหว่างบวชหนึ่งเดือน ให้มันเข้มแข็ง ที่เรียกว่า ธุดงค์ ฝึกให้มันเข้มแข็ง ให้อดกลั่นอดทน ให้บังคับตัวเอง ให้เข้มแข็งต่อธรรมชาติ เพราะฉะนั้นมันถูกต้องแล้ว มันดีแล้ว ที่ให้มันนอนกลางดิน หรือให้มันทำอะไรชนิดที่ ทำให้เข้มแข็งก็แล้วกัน มันไม่ตายหรอก แล้วมันก็ประหลาด ที่ว่าไปนอนกันกลางดินกลางน้ำค้างตั้งเดือน มันก็ไม่เคยเป็นหวัดเลย คราวก่อนอบรมธรรมฑูต ที่นี้นอนสนามหญ้าทั้งวันทั้งคืน ฉันคิดว่า คงต้องลำบาก เป็นหวัดเป็นอะไรไปหาหมอกันบ้าง แต่สุดท้ายมันไม่มีใครเป็น
เราอย่ากลัวกันให้มากนัก การที่ลูกหลานได้รับการอบรมที่เข้มแข็ง เฉียบขาดในเรื่องที่มีศีลให้สมบูรณ์ สุดความสามารถ หนึ่งเดือนนี้ แล้วก็มีธุดงค์ ให้มันเต็มที่หนึ่งเดือนนี้ แล้วสมาธิมันก็ฝึกฝนตามสมควรแหละ แล้วที่นี้บางหมู่บางคณะ เขาอาจจะฝึกฝนได้ดีเป็นพิเศษก็มี ถ้าทำสมาธิได้มันก็ดีแหละ กลับไปเรียนหนังสือ มันก็ดีแหละ หรือใหญ่โตไปข้างหน้า มันเป็นคนบังคับจิตใจได้บ้าง มันก็ดีแหละ
เวลานี้มันอยู่ที่บังคับจิตใจไม่ได้ ที่มันเกิดการกระทำที่เลวทราม ผิดพลาดเป็นอาชญากรรมเต็มไปตามหน้าหนังสือพิมพ์ อยู่ในใจความข้อเดียว คือมันบังคับตัวไม่ได้ ที่บังคับจิตไม่ได้ ลูกเด็ก ๆ ของเราควรฝึกฝน ให้มีการบังคับจิตให้ได้ ไปตั้งแต่เล็ก ๆ ตั้งแต่เริ่มพูดกันฟังถูก(ฟังรู้เรื่อง) สามขวบสี่ขวบเนี่ย คุณพยายามอบรมสั่งสอน ให้เด็กรู้จักบังคับตัวบังคับจิต ให้เห็นว่าสำคัญที่สุด เอาใจใส่อบรมสั่งสอนให้เด็ก ๆ บังคับจิต
นี่พ่อแม่มันขี้คร้าน(ขี้เกียจ) มันไปกินเหล้ามันไปกินน้ำหวาน มันไปเที่ยวเล่นอะไร ไอ้ชาติโง่ มันไม่เห็นว่า ไอ้ลูกเล็ก ๆ นี้ต้องฝึกฝนให้บังคับตัวให้ได้ ไม่งั้นจะลำบาก จะฆ่าพ่อแม่ทีหลัง คุณเอาไปคิดข้อนี้มันจะมาในอนาคต คือ เด็ก ๆ จะไม่รักไม่เคารพบิดามารดาจะมากขึ้น ถ้าฆ่าเพื่อนได้ง่ายขึ้น ในที่สุดมันจะฆ่าบิดามารดาเลย ก็มันไม่มี ไม่รู้สาอะไร และบังคับตัวไม่ได้ ความรู้นะมี แต่มันบังคับตัวไม่ได้ มันก็ไม่ได้ใช้ความรู้ แล้วหากความรู้มันไม่มี มันยิ่งเลอะเทอะ มันมีแต่ความรู้หาใส่ปากใส่ท้อง
การศึกษาสมัยนี้เขาเร่งรัดที่เรื่องหาใส่ปากใส่ท้อง เด็ก ๆ มันต้องการแต่เพียงเท่านั้น ให้รู้จักหาเงินให้มาก ๆ แล้วก็มาใช้กันให้สนุกสนาน แล้วเสียนิสัยไปเรื่อย ๆ ในการที่จะไม่เคารพธรรมะ นี่ทว่ามีการอบรมดี ย่อมมีสมาธิ เกิดขึ้นในเด็ก เห็นเด็กบังคับตัวได้ ตั้งแต่มีศีลขึ้นมามีธุดงค์ขึ้นมา แล้วที่นี้ก็เจริญสมาธิบังคับจิตได้ ก็มีโอกาสได้ยินได้ฟังตลอดเวลาทุกวัน ทุกวัน นี่มันก็เป็นปัญญา ความรู้ที่เพิ่มขึ้น ถ้าไม่บวชหรือไม่มาทำแบบนี้ ก็ไม่ได้ยินสำหรับเด็กคนนี้ อีกอย่างมันได้ผ่าน มันได้ผ่าน ผ่านการการะทำที่ต้องอดกลั้นอดทน นี่เป็นความรู้เกิดขึ้น นี่เป็นปัญญาที่อย่างยิ่งขึ้นไป กว่าการพูดที่ให้ได้ยินได้ฟังอีก งั้นขอให้ช่วยกัน ให้เด็ก ๆ ของเราได้ผ่าน การกระทำที่ทำให้เกิดมีศีล มีธุดงค์ มีสมาธิ มีปัญญา
อ้าว ที่นี้เราก็ได้ทำไปแล้วมันเห็นอยู่ชัดว่า ได้ทำไปแล้ว จะมีผลดีมากน้อยเท่าไรก็ค่อยดูกันไป แต่ว่ามันยังทำให้ดีกว่านี้ได้อีกมาก เพราะว่านี่มันเป็นครั้งแรกบ้าง หรือมันยังไม่ชำนาญนั่นแหละ ต่อไปมันคงจะดีขึ้น ถ้าพ่อแม่ยังนิยมยังชอบให้ลูกบวชอยู่ มันยังทำไปได้อีกแน่นอน
ที่นี้ฉันเป็นห่วงว่า พ่อแม่จะไม่เข้าใจในเรื่องที่ทำนี้ พยายามเข้าใจ อย่าให้ทำพอเป็นพิธี ว่าลูกได้บวชเหลือง ๆ แล้วก็พอแล้ว มันเป็นพิธีมานานแล้วมันไม่พอ (นาทีที่ 15.42) เราไม่เอาแต่พอว่าเป็นพิธี ต้องเอาให้ได้ผลเท็จจริง เพื่อให้สมบูรณ์ จึงช่วยกันให้ได้บวช ชนิดที่ว่ามันดีที่สุดที่มันจะทำได้ แม้หนึ่งเดือน ที่คุณ(ตน)ตามมาดูแลเลี้ยงดูนี้ (นาทีที่ 16.08) ฉันก็ว่าดีแหละ แต่กลัวว่า จะมาอย่าละเมอ ๆ เห่อ ๆ มาเที่ยวกันเสียมาก
ขอให้พยายามที่ดีกว่านั้น ไกลกว่านั้น ดีกว่านั้น ให้ได้เห็นและได้เข้าใจที่นี้มีอะไร ทำอะไรที่ช่วยจิตใจของคนให้มันดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่มีอะไรแปลก ๆ สถานที่แปลก ๆ นี่ไม่พอ ต้องให้รู้ว่าเขาทำอะไรด้วย เหตุไรจึงทำอย่างนี้ เหตุไรให้นั่งกลางดิน เหตุไรกินเหมือนกับแมว เรียกว่าเลี้ยงจานแมว เข้าใจกันให้ดี ๆ แล้วมันคงจะดีขึ้นแน่แหละ
เอาละ เวลามันน้อย เราพูดสองสามคำเนี่ย นี่มันหลายคำแล้ว ยังเหลือแต่ว่าเรื่องเลี้ยงสาธิต เราตั้งคำกันขึ้นเอง ไม่เคยมีใครเรียกมาก่อน ว่า เรียกว่าเลี้ยงสาธิต เพราะว่า คำว่า สาธิตมันกว้าง ดี มันแปลว่า ทำตัวอย่างให้ดู นี่เลี้ยงพระแบบนี้ เป็นการทำตัวอย่างให้ดู ว่าครั้งพุทธกาล ทำกันอย่างไร ที่จริงไม่เหมือนครั้งพุทธกาลร้อยเปอร์เซนต์ไม่ แต่มันใกล้ชิดมากแหละ ให้ฉันในบาตร แล้วใส่ลงไปในบาตร ให้เท่าที่พอจะฉันหมด แล้วเลิกกัน ขอให้สนใจแล้วพยายามถือหลักชนิดนี้ คือมันเปลืองน้อย แล้วมันลำบากน้อยหรือมันเสียเวลาน้อย นี่มันตรงตามหลักของพระพุทธศาสนา
เมื่อวานได้ยินใครมาพูดแล้ว ว่าจะจัดเป็นโต๊ะเป็นหมู่ ๆ เป็นวง ๆ ฉันว่า ไม่ต้องทำ ป่วยการทำแบบนั้น ทำแบบนี้ดีกว่า คือทำแบบสาธิตนี้ ดีกว่า ดีกว่าอย่างไรให้เขาคอยดู บางคนเคยเห็นแล้ว แต่บางคนยังไม่เคยเห็น ที่มาเมื่อวานบางคนยังไม่เคยเห็น ถึงพูดกับฉัน จัดให้ฉันเป็นวง ๆ (นาทีที่ 18.51)
พระเณรบางแห่งโกรธ ถ้าจัดให้ฉันแบบนี้ มันโกรธ ก็เพราะว่า เป็นพระเณรที่ไม่รู้สาอะไร ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ไม่รู้จักการเป็นอยู่ของพระพุทธเจ้า มันก็เลยโกรธ ไม่ชอบ แต่ถ้าพระเณรที่ได้รับการอบรมให้เข้าใจดีแล้ว จะชอบ เพราะว่ามันจะตรงกับการเป็นอยู่ของพระพุทธเจ้า คือ ไม่ลำบาก ไม่ทำตัวเองให้ลำบาก นี่ข้อแรก อย่าทำให้เกิดความลำบากโดยไม่จำเป็น ใครทำให้เกิดความลำบากโดยไม่จำเป็น คนนั้นไม่ถือหลักของพระพุทธเจ้า สิ่งไม่จำเป็นจะต้องลำบาก จะต้องหมดเปลืองอย่าไปหมดเปลือง มันโง่ ที่นี้ที่โง่กว่านั้นอีก ก็คือไปทำสิ่งที่เป็นอันตราย คนที่สูบบุหรี่คนโง่ กินเหล้าเป็นคนโง่ อะไรหลาย ๆ ที่เป็นคนโง่ คือไปทำสิ่งที่เป็นอันตรายกับตัวเอง คนนี้โดยเนื้อแท้ไม่ได้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าเลย มันบวชพระหัวโล้น นุ่งเหลืองห่มเหลืองมันก็ยังเป็นคนโง่ ไม่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าโดยแท้จริงเลย มันยังไม่ยอมสละ สิ่งที่ผิด มันยังเป็นคนโง่อยู่นั่นแหละ อย่าว่าแต่เป็นฆราวาส
งั้นรีบ ๆ คิดเรื่องนี้เถอะ รีบไปทิ้งเหล้าทิ้งบุหรี่ ทิ้งการเล่นการหัวการไปตลาด อย่างอบายมุข ไปทิ้งเสีย จะได้เป็นพุทธบริษัทเร็ว ๆ นี่รวมความว่า จะต้องง่าย ต้องเปลืองน้อย ต้องลำบากน้อย แล้วไม่เป็นอันตราย การเลี้ยงสาธิต อยู่ในข้อนี้แหละ รวมอยู่ในข้อนี้ ช่วยกันรักษาแบบฉบับอย่างนี้ไว้ คือ ถ้าพูดให้ถูก มันต้องทำให้กลับมา เรื่องนี้มันให้กลับมา แล้วก็ช่วยกันรักษาไว้ ต่อไปมันก็จะแพร่หลาย เราจะได้เห็นภาพคล้าย ๆ ครั้งพุทธกาลมากขึ้น การกินการอยู่การนั่งการนอนการเจ็บการไข้อะไรก็ตาม มันจะได้คล้ายครั้งพระพุทธกาลมากขึ้น เวลานี้มันไกลเต็มทีแล้ว รีบช่วยทำให้มันคล้าย ให้มันกลับไปหาความเป็นอยู่คล้ายครั้งพุทธกาล รวมความสั้น ๆ ก็ว่ามันใกล้ชิดธรรมชาติที่สุด คุณจำไว้เถอะ มันจำง่าย ๆ ว่า ใกล้ชิดธรรมชาติที่สุด ถ้ายิ่งไกลธรรมชาติออกไป ออกไป ๆ แล้วก็ยิ่ง ๆ ไกลพระพุทธศาสนา ไกลศาสนา หรือว่าไกลธรรมะที่สุดแหละ ที่ไม่จำเป็น ก็รักษาให้ใกล้ชิดธรรมชาติไว้ก่อน แล้วมันจะไม่ยุ่งมากไม่เปลืองมาก มันก็จะทำประโยชน์ได้มาก ที่ให้นั่งกลางดินก็เหมือนกัน เพื่อมันใกล้ชิดธรรมชาติ เหมือนพระพุทธเจ้าใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน นิพพานกลางดิน อยู่กลางดิน อะไร ๆกลางดิน ใกล้ชิดธรรมชาติ
นึกดู สังเกตดูนั่งลงไปกลางดิน จิตใจมันเป็นอย่างไร ไปนั่งบนตึกบนวิมาน หรือแม้แต่บนเรือนอยู่เองนั่นแหละ มัน ๆ ต่างกันอย่างไร กับที่นั่งกลางดิน ถ้ามีปัญญาก็สังเกตได้ว่า จิตใจมันเกลี้ยงกว่ากัน ที่นั่งกลางดินจิตใจมันเกลี้ยงกว่านั่งกับอะไรที่ประดับประดาหรูหราสะดวกสบาย แล้วคนมันก็ยังโง่ ที่จะทำให้หรูหราสะดวกสบาย มันไกลธรรมชาติเรื่อยไป ๆ
มาที่นี้วันนี้ก็ให้ได้ศึกษาข้อนี้เป็นอย่างน้อย ให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ แล้วใจจะเกลี้ยง จะหยุดจะเย็นจะสงบ นี่เรื่องตักบาตรสาธิต มีใจความสำคัญว่า ให้มันง่าย ให้มันเปลืองน้อย ให้มันสะดวก ให้มันใกล้ ๆ ธรรมชาติ นี่ ๆ สองเรื่องเท่านั้น ที่จะพูดในเวลาสองสามคำ ว่าบวชเณรระหว่างปิดภาคคืออะไร ทำอย่างไร แล้ววันนี้เลี้ยงสาธิต คืออะไร ทำอย่างไร แล้วจำติดใจ ไปคิดไปนึกให้เข้าใจให้ดี แล้วคุณจะได้บุญเต็มร้อยเปอร์เซนต์เท่าที่ควรจะได้ ถ้าไม่นึก ไม่เข้าใจ ๆ มันก็ทำเพ้อ ๆ นั่นแหละ มันไม่มีความรู้สึกที่เขาเรียกว่า ปีติปราโมทย์ ที่ประกอบไปด้วยธรรม ปีติปราโมทย์ที่ประกอบไปด้วยกิเลสมันก็มี เวลานี้เราต้องการปีติปราโมทย์ที่ประกอบไปด้วยธรรม ถ้ามีปีติปราโมทย์นี้ เราเรียกว่า การทำบุญนั้นสมบูรณ์ ได้ผลประมาณไม่ได้ คือว่า เหลือ ๆ ประมาณ นี่ขอให้เข้าใจ ให้ได้เต็มร้อยเปอร์เซนต์ ด้วยความเข้าใจร้อยเปอร์เซนต์ แล้วเพื่อทำให้ดี ให้ยิ่ง ๆขึ้นไปในอนาคต นี่คือเรื่องที่ขอพูดสองสามคำ
สรุปความว่า มีความเห็นมีความรู้สึกมีความปรารถนาว่า ถ้าอย่างไร ขอให้พุทธบริษัทเรา มีความเจริญงอกงามก้าวหน้าในทางของพระศาสนา คือความถูกต้อง ขอให้มีความถูกต้องยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วขอให้ยึดถือความถูกต้อง สัมมาทิฐินี่เป็นหลักที่มั่นคง ทำอะไรให้ยึดถือสัมมาทิฐิ ด้วยความถูกต้อง แล้วก็จะมีแต่ความเจริญ ขอให้ตั้งอกตั้งใจทำความเข้าใจ ตั้งอกตั้งใจบังคับตัวเองให้เป็นไปตามนั้น
ในที่สุดนี้ฉันขอให้พรด้วยสัจจาธิษฐานด้วยมากความดีความงาม ของที่เราทั้งหลายได้กระทำทุกฝ่าย จงช่วยประคับประคองจิตใจอย่างยิ่งอยู่ตลอดเวลา ให้มีความเจริญงอกงามก้าวหน้าตามหนทางของพระศาสนา ดั่งที่ได้กล่าวมาแล้วอยู่ทุกทิวาราตรีกาลเทอญ