แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอาล่ะถึงเวลาที่นัดกันไว้ว่าจะพูดธรรมะสักเล็กน้อยตามที่จะพูดได้ เพราะไม่ค่อยมีแรง ก่อนอื่นทั้งหมดก็ขอแสดงความยินดีด้วย อนุโมทนาด้วย ในการที่ท่านทั้งหลายอุตส่าห์มา โดยมาช่วยสร้างห้องสมุดที่วัดตำบลปากหมากน่ะ ในฐานะที่เป็นการอาสาสมัคร คือยินดีมาช่วยสร้างให้ด้วยการบริจาคเรี่ยวแรง อยากจะพูดล่วงหน้าไว้ว่า ในห้องสมุดหรือห้องอ่านหนังสือที่สร้างๆ กันขึ้นมานั้น มักจะเหลวไหลกันทั้งนั้น หนังสือไม่ค่อยมีสาระ แล้วก็อ่านกันแต่เรื่องสนุกสนานไม่ค่อยจะมีสาระ แต่ที่มีสาระก็มีเหมือนกันเป็นส่วนน้อย
ที่อยากจะพูดกับท่านทั้งหลายว่า มาอาสาสมัครได้สร้างห้องสมุดนี้ก็ขอให้คิดเสียว่ามันจะมีสาระเต็มตามที่เรามุ่งหมายหรือไม่ ก็ช่างหัวมัน แต่ว่าผู้ได้อาสาสมัครนี่ได้ ได้เต็มที่ ได้ธรรมะสูงสุดแล้วตั้งแต่อาสาสมัครที่จะสร้างให้ ข้อนั้นคือธรรมะสูงสุด คือธรรมะที่ไม่เห็นแก่ตัว ธรรมะที่บริจาคความเห็นแก่ตัว เรี่ยวแรง กำลังงาน กำลังใจ อะไรต่างๆ ที่มี ก็ได้บริจาคออกไป แล้วก็ได้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา เพียงเท่านี้มันก็ได้ผล ได้ประโยชน์ ได้อานิสงค์ ฝ่ายผู้สร้างหรือฝ่ายผู้บริจาคนั้นเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนฝ่ายโน้นเมื่อสร้างขึ้นแล้วมันจะได้เท่าไรก็มันก็แล้วแต่เหตุการณ์ เราบังคับไม่ได้ แต่ขอให้เป็นที่แน่นอนว่าฝ่ายนี้ ฝ่ายผู้บริจาคขันธ์อาสาสมัครมาช่วยสร้างนี่ได้เต็มที่ ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้เต็มที่ อย่าคิดว่ายังไม่ได้อะไรเพราะยังไม่ได้สร้าง มันจะโง่ มันได้สิ่งสูงสุดที่ควรจะได้แล้วตั้งแต่เราเริ่มไปช่วยสร้างให้ แต่ได้ฝ่ายเราที่เป็นฝ่ายผู้สร้าง คือได้ธรรมะ ธรรมะคือความไม่เห็นแก่ตัว ได้มีโอกาสเสียสละความเห็นแก่ตัว การเสียสละความเห็นแก่ตัวนั้นแหละเป็นการให้ทานที่สูงสุด สละความเห็นแก่ตัวด้วยการให้ทานที่สูงสุด
ให้เงินตั้งแสนตั้งล้านบางทีมันไม่ใช่เห็นแก่ตัว มันเพิ่มความเห็นแก่ตัว มันเอาหน้า มันเอาเกียรติ เอากำไร อะไรอย่างนั้นไม่ใช่ทาน ไม่ใช่เป็นการให้ทาน ถ้าเป็นการสร้างเพื่อบริจาค ให้ความเห็นแก่ตัวออกไป ความเห็นแก่ตัวออกไปนี่ มันได้ผลสูงสุด จนตีราคากันไม่ไหว ตีค่ากันไม่ไหว เพราะมันสูงสุดเหลือเกิน คือมันหมดความเห็นแก่ตัว หมดกิเลส หมดตัณหา หมดความทุกข์ หมดโดยประการทั้งปวง ในเมื่อมันหมดความเห็นแก่ตัว จึงว่าได้สิ่งสูงสุด ได้รับสิ่งสูงสุดเป็นการตอบแทนแล้ว ได้แล้วเมื่อได้สร้าง ได้สร้างลงไปแล้ว แม้แต่ว่าคิดจะสร้างนี้ก็ได้ตั้งครึ่งตั้งค่อน เพราะว่าเราจะสร้างแน่ จะบริจาคความเห็นแก่ตัวแน่ นี้เป็นการได้ธรรมะ ได้ในฝ่ายธรรมะ ได้ในฝ่ายจิตใจ ซึ่งเป็นของสูงสุด
ดังนั้นจึงขออนุโมทนา เพราะว่าการกระทำของท่านนั้นน่ะมันมีเหตุผล มันมีเหตุผลควรแก่การอนุโมทนา ช่วยกันลดความเห็นแก่ตัว ถ้าเมื่อสร้างเป็นหอสมุดขึ้นมาแล้ว หอสมุดนั้นบรรจุอยู่ด้วยหนังสือที่ทำลายความเห็นแก่ตัว อย่างนี้ก็ยิ่งดีเลิศ ถ้ามันสร้างห้องสมุดอ่านหนังสืออ่านเล่น เช่น อ่านหนังสือพิมพ์เท่านี้มันไม่ดีเสียแล้ว มันธรรมดาอยู่มาก แต่ถ้าห้องสมุด หอสมุด ตู้สมุด อะไรก็ตาม ที่เราได้สร้างขึ้นมามันบรรจุอยู่ด้วยหนังสือที่เป็นไปเพื่อความไม่เห็นแก่ตัว ให้ละความเห็นแก่ตัว นี้มันก็ยิ่งดีเลิศล่ะ
ความไม่เห็นแก่ตัวเป็นธรรมะสูงสุด ไม่เห็นแก่ตัวคำเดียวสั้นๆ นี่ไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น ถูกแล้วเป็นเรื่องเด็กเล่นที่พูดอยู่กับเด็กตลอดเวลา แต่ว่าความจริงมันไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น เพราะถ้าไม่เห็นแก่ตัวมันหมดปัญหาที่จะอยู่กันในโลกนี้ สังคมมนุษย์ในโลกนี้ก็สงบสุขถ้ามันไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ตัวนั้นมันคืบไปทางพระนิพพาน มันไหลไปทางพระนิพพาน มันเอียงไปทางพระนิพพาน มันจะหมดตัวแล้วก็จะบรรลุนิพพาน
ฉะนั้นความไม่เห็นแก่ตัวมีประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายที่อยู่ในโลกนี้ก็ดีที่สุด พอที่จะออกไปจากโลกนี้คือไปสู่นิพพานก็ดีที่สุด นั่นน่ะคือประโยชน์อานิสงส์ของความไม่เห็นแก่ตัว ที่ท่านทั้งหลายสนใจที่จะสละเรี่ยวแรง ร่างกาย จิตใจ กำลังสติปัญญาอะไร สร้างห้องสมุดให้แก่โรงเรียนที่วัดแห่งหนึ่งอย่างนี้ มันก็เป็นการช่วยสร้างอุปกรณ์แห่งความไม่เห็นแก่ตัว หรืออุปกรณ์ที่จะทำลายความเห็นแก่ตัวให้มากขึ้นในโลก ก็เลยเป็นประโยชน์ ทำให้มนุษย์ที่นั่นเป็นอยู่อย่างถูกต้องด้วยความไม่เห็นแก่ตัว และทำให้ชีวิตของเขาค่อยๆ ก้าวไปๆ ๆ ๆ ในทางของพระนิพพาน ก็ยิ่งเป็นประโยชน์สูงสุด
นี่จึงขอบอกกล่าวเป็นการล่วงหน้าว่า ขออนุโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่ง ให้ท่านเตรียมจิตใจที่จะทำงานชิ้นนี้ด้วยความหวังอย่างนี้ ถ้าเพียงแต่จะเอาบุญหรือเอาเกียรตินั้นไม่เท่าไรหรอก เป็นเรื่องเด็กเล่นนะ เอาหน้าเอาตาก็เป็นเรื่องเด็กเล่น เราให้เด็กๆ ทำอะไร ก็ยกย่องเขาหน่อย เขาก็ทำ หรือแม้แต่เอาบุญ ถ้าได้ไปเอาบุญในสวรรค์ เป็นสวรรค์ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวนะ ถ้าเอาความหมดปัญหากันที่นี่ ดับทุกข์กันที่นี่ แล้วค่อยๆ มากขึ้นๆ ๆ ๆ แล้วก็ไปสู่จุดสูงสุดที่เรียกว่านิพพาน ธรรมะสูงสุดคือความไม่เห็นแก่ตัว ธรรมะอื่นๆ ก็รองๆ ต่ำๆ ลงมา ความสุขสูงสุดคือความสุขที่เกิดมาจากความไม่เห็นแก่ตัว อย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อัสมิมานัสสะ วินะโย เอตัง เว ปะระมัง สุขัง การนำออกเสียซึ่งอัสนิมานะ คือความสำคัญมั่นหมายว่าตัวออกเสียได้นี้เป็นความสุขอย่างยิ่ง
เดี๋ยวนี้คนในโลกมันไม่ทำอย่างนั้น บรรจุ (นาทีที่ 8:56)ความเห็นแก่ตัว เรียกว่า อตฺตตฺถปัญฺญา เป็นภาษาบาลี มันไม่มีคำอื่น มันมีคำเฉพาะอยู่ คำที่จะแปลได้ว่าไม่เห็นแก่ตัวคือคำว่า อัตตัตถปัญญา อัตตะแปลว่าตัว อัตถะแปลว่าประโยชน์ ปัญญาแปลว่าปัญญา อัตตัตถปัญญาแปลว่า มีปัญญาแต่ในประโยชน์ของตัว และท่านก็ต่อท้ายว่า อสุจี มนุสฺสา มันเป็นมนุษย์สกปรก ผู้ที่มีปัญญาเห็นแต่ประโยชน์ของตนเป็นมนุษย์สกปรก ก็หมายความว่าไม่น่าดูทุกอย่างทุกประการ ฉะนั้นเราเสียสละความเห็นแก่ตัวเรื่อยๆ ไปนี่แหละ จนกว่ามันจะหมด แต่ว่าเสียสละไปในทางที่เป็นประโยชน์ เสียสละในการที่มันเป็นประโยชน์ เพื่อช่วยให้เพื่อนมนุษย์ของเราหมดความเห็นแก่ตัวไปด้วยกัน พร้อมกันไปด้วยกัน จึงได้ประโยชน์ยิ่งขึ้นไป เดี่ยวนี้โลกมันกำลังจะวินาศ ทั้งโลกนี่มันกำลังจะวินาศ เพราะความเห็นแก่ตัว ถ้ายังมีการเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนสารพัดอย่างเต็มไปทั้งโลก โลกกำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัว
โลกสมัยคนป่าดึกดำบรรพ์นั้นเห็นแก่ตัวน้อยมาก แล้วความเห็นตัวก็เพิ่มขึ้นๆ ตามความเจริญที่เจริญขึ้นมาๆ ตอนปลายนี้เจริญกันแต่ในทางวัตถุ ไม่เจริญในทางจิตใจ ความเห็นแก่ตัวมันก็มาก ผลตอบแทนมันก็ลึกซึ้ง ถึงกับจะทำความวินาศ เบียดเบียนซึ่งกันและกัน หาความว่างไม่ได้ ตลอดเวลาเบียดเบียนกันอยู่ด้วยสงครามเย็นที่คิดทำลายล้างด้วยอุบายต่างๆ และบางเวลาก็ด้วยสงครามร้อน รบราฆ่าฟันกันเป็นครั้งเป็นคราว มันมีแต่สงครามไปเสียตลอดเวลานั่นแหละ ความเห็นแก่ตัวมันทำให้เป็นอย่างนั้น อะไรล่ะ พูดอย่างไรดีล่ะ มหาเศรษฐีก็เห็นแก่ตัว คนขอทานก็เห็นแก่ตัว มหาบุรุษอย่างโลกๆ ครองโลกนี้มันก็เห็นแก่ตัว นายจ้างก็เห็นแก่ตัว ลูกจ้างก็เห็นแก่ตัว คนซื้อก็เห็นแก่ตัว คนขายก็เห็นแก่ตัว ผู้บังคับบัญชาก็เห็นแก่ตัว ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็เห็นแก่ตัว มันมากเข้าๆ เกินขอบเขต มันก็ลงไปถึงว่า ที่ไม่เคยเห็นแก่ตัวมันก็กลายเป็นเห็นแก่ตัว เป็นของใหม่ ครูเห็นแก่ตัว เดี๋ยวนี้มีมากมาย แต่ก่อนหาทำยายาก หาทำยาหยอดตานี่แหละ
ครูที่เห็นแก่ตัวเดี๋ยวนี้มากมาย แล้วมีปัญหาอย่างไรคุณก็ได้ยินได้ฟังข่าวอยู่ทั่วๆ ไป หมอเห็นแก่ตัวก็ทำนาบนหลังคนเจ็บคนไข้ เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร ตุลาการเห็นแก่ตัวก็ทำนาบนหลังจำเลยจะเป็นอย่างไร ตลอดจนว่า แต่ละคนๆ มันก็เห็นแก่ตัว อย่างพระเจ้าพระสงฆ์ก็เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน นี่ก็พูดตามตรง ทายกทายิกาก็เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นเหมือนกัน มันเป็นการเห็นแก่ตัวกันไปเสียทั้งโลก แม้แต่พวกเทวดาบนสวรรค์มันก็เห็นแก่ตัว มันมีเกิดการขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันด้วยเรื่องกามารมณ์ เพราะความเห็นแก่ตัวนั่นแหละ นับตั้งแต่เทวดาบนสวรรค์ตามธรรมดาตามปกตินี่ก็เห็นแก่ตัว พรหมโลกแม้ไม่มีกามารมณ์มันก็เห็นแก่ตัว มีตัวกูๆ ของกูนิรันดร เห็นแก่ตัวอย่างนั้น ก็ยังเรียกว่าเห็นแก่ตัว ในระดับสูงสุด สวรรค์ต่ำลงมาเต็มไปไปด้วยกามารมณ์ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัว มนุษย์นี่ก็ยิ่งเห็นแก่ตัว ทุกระดับๆ ตั้งแต่มหาเศรษฐีลงไปจนถึงคนขอทานนั้น นี่ความเห็นแก่ตัวมันแลออกมันเป็นอย่างนี้
ผู้เห็นแก่ตัวมันขี้เกียจไม่อยากจะทำอะไร แต่จะเอาประโยชน์ท่าเดียว มันอ้างสิทธิโดยไม่ทำหน้าที่ คนเห็นแก่ตัวมันก็อิจฉาริษยาผู้อื่น คนเห็นแก่ตัวมันก็จองหองอวดดี คนเห็นแก่ตัวมันก็คอยแต่จะเอาเปรียบคอยแต่จะขัดแย้ง นี่คนเห็นแก่ตัวมันเป็นธรรมดาอย่างนี้ แล้วมันก็เป็นอันธพาล อันธพาลอย่างหยาบๆ ทางวัตถุ ทางภายนอก เป็นอันธพาลละเอียดลออในภายใน ในจิตใจ มันก็เป็นอันธพาล อันธพาลเลวร้ายมันก็ฆ่าคน อันธพาลละเอียดมันก็เอาเปรียบคนอยู่เงียบๆ ความเห็นแก่ตัวน่ะกำลังทำให้คนมันเดือดร้อน เกิดคดีต่างๆ ทั้งทางแพ่ง ทั้งทางอาญา เพราะว่าคนมันเห็นแก่ตัว ข้อนี้ไม่ลึกซึ้งอะไร คุณพิจารณาดูก็เห็นได้ง่ายว่า ถ้าคนไม่เห็นแก่ตัวแล้วมันก็ไม่เกิดคดี ไม่ฆ่า ไม่ทำอันตรายใคร เพราะฉะนั้นใครมาทำอันตราย มันก็ให้อภัย แล้วมันไม่ยักยอก มันก็ไม่ฉ้อกง มันก็ไม่ผูกเวร มันไม่ทำอะไรหมด ก็แปลว่าไม่เกิดคดีทั้งทางแพ่ง และทั้งทางอาญา ถ้าทุกคนในโลกนี้ไม่เห็นแก่ตัว ก็ไม่เกิดคดี ไม่ต้องมีเรือนจำ ไม่ต้องมีตำรวจ ไม่ต้องมีศาลตุลาการ ไม่ต้องมีกฎหมายทั้งหมด เอาไปทิ้งทะเลเสียได้โดยไม่ขาดอะไร เพราะมันไม่ต้องใช้นี่ ถ้าคนมันไม่เห็นแก่ตัวมันไม่มีเรื่องอย่างนี้ แม้แต่ศาสนาก็ไม่จำเป็นหรอก เพราะว่าคนมันถึงที่สุดของศาสนาเสียแล้ว คือมีศาสนาเสียแล้ว มันมีโดยอัตโนมัติเสียแล้วนี่ ทั้งกฎหมายทั้งพระคัมภีร์เอาไปทิ้งทะเลได้ เพราะคนมันถึงที่สุดแห่งการที่ต้องมีกฎหมาย ที่ต้องมีพระคัมภีร์ทางศาสนาเสียแล้ว นี่คือประโยชน์ของความไม่เห็นแก่ตัว
พอเห็นแก่ตัวมันก็เต็มไปด้วยปัญหา ทรมานตัวเอง มีกิเลสขึ้นมา ชีวิตกัดตัวเอง เดี๋ยวความรักกัด เดี๋ยวความโกรธกัด เดี๋ยวความเกลียดกัด เดี๋ยวความกลัวกัด เดี๋ยวความตื่นเต้นกัด เดี๋ยวความวิตกกังวลในอนาคตกัด เดี๋ยวความอาลัยอาวรณ์ในอดีตกัด เดี๋ยวความอิจฉาริษยากัด เดี๋ยวความหวงกัด เดี๋ยวความหึงกัด ฆ่าตนเอง ฆ่าผู้อื่น ด้วยเหตุนี้มากมายหลายอย่าง ถ้ามันมีความเห็นแก่ตัว
โดยทั่วๆ ไป คนเห็นแก่ตัวนั่นแหละเป็นผู้สร้างมลภาวะ ไอ้ Pollution ทั้งโลกนี่ คนเห็นแก่ตัวสร้างขึ้นมา แล้วก็มี Accident อุบัติเหตุนานาชนิด เกิดมาจากคนเห็นแก่ตัว สัพเพร่าเพราะเห็นแต่ประโยชน์ตัว ทำให้เป็นอุบัติเหตุนานาชนิดบนถนนหนทาง ในแม่น้ำ ในทะเล ในอากาศนั้นยังชนกันได้ นี่เพราะความเห็นแก่ตัว มันก็เกิดอุบัติเหตุไม่สิ้นสุด เพราะการเห็นแก่ตัวมันก็เกิดทำลายแหละ ทำลายสิ่งสาธารณะที่เขาสร้างขึ้นไว้ หรือทำลายธรรมชาติที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มันทำลาย ทำลายเพื่อประโยชน์แก่ตัวตนของเขา แล้วเขาก็ได้เสพติด เสพยาเสพติด เสพยาเสพติดเพราะเห็นแก่ตัว ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวเหลือออกไป ไม่มีใครเสพยาเสพติด ไม่มีใครติดอบายมุขนานาชนิด อบายมุขนี่เหลือจะจาระไน นานาชนิด มันก็ออกไปหา ก็เพราะความเห็นแก่ตัว แล้วมันก็ได้เป็นโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่ควรจะเป็น โรคผีปีศาจอะไรที่มันเป็นกันโดยที่สุนัขก็ไม่เป็นน่ะ สุนัขหมาน่ะก็ไม่เป็น แต่คนเหล่านี้มันไปเป็นโรคเอดส์ โรคแอด โรคซิฟิลิส โกโนเรีย อะไรก็ตาม มันก็ได้เป็นโรคที่แม้แต่สุนัขก็ไม่เป็น นี่เพราะว่ามันเห็นแก่ตัว
ฉะนั้นเราจึงรังเกียจเกลียดชังความเห็นแก่ตัวกันให้เพียงพอ และช่วยกำจัดให้มันหมดไปจากโลก ถ้ามันเห็นแก่ตัวยิ่งขึ้นๆ แล้วมันก็ อย่างน้อยมันก็เป็นบ้าไปอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วมันก็ถึงขนาดที่ว่า มันจะฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าลูก ฆ่าเมีย แล้วฆ่าตัวเองตายตาม เกิดความเห็นแก่ตัวที่มันหลงทางๆ มหาเศรษฐีมันยังฆ่าตัวตายเลย เพราะความเห็นแก่ตัว มันหลงทาง นี่เรียกว่าความเลยร้ายถึงที่สุด คือเป็นบ้าหรือฆ่าตัวเองตาย นี่มันกำลังลุกลามเข้ามา มีความเห็นแก่ตัวแล้วมันก็ไม่มีบิดามารดามีลูกมีหลานอะไรหรอก มันก็เป็น มึงก็มึง กูก็กูกันทั้งนั้นแหละ ไม่มีเพื่อน มันก็มีแต่มึงก็มึง กูก็กูละ มันไม่มีความรัก ความซื่อสัตย์ ความกตัญญูอะไรเหลืออยู่ได้ ถ้ามันมีแต่ความเห็นแก่ตัว ฉะนั้นความเห็นแก่ตัวจึงเป็นภัยเลยร้ายทุกอย่าทุกประการจนไม่มีคำพูดจะพูด ถ้าหมดความเห็นแก่ตัวมันก็เป็นความสุขสูงสุดอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่า
เอาละ เป็นอันว่าในที่สุดท่านทั้งหลายก็ได้กระทำไป หรือกำลังกระทำอยู่ ในสิ่งที่จะไม่เห็นแก่ตัว หรือทำลายความเห็นแก่ตัว เพิกถอนความเห็นแก่ตัวในโลกนี้ นับว่าได้มีโอกาสดีที่สุดที่ได้ประพฤติธรรมะ ประพฤติธรรมะที่บริสุทธิ์ คือไม่ใช่ทำเอาหน้าเอาตา ไม่ใช่ทำเอาเกียรติ ไม่ใช่ทำให้ใครยกย่อง แต่ว่าทำโดยบริสุทธิ์แห่งจิตใจที่ประกอบไปด้วยธรรมะ เห็นว่าความเห็นแก่ตัวเป็นภัยเลวร้าย ก็จะเอาออกเสีย ก็จะเอาออกเสียๆ ให้หมดความเห็นแก่ตัว นั่นแหละจึงเป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนา มีเหตุผลควรแก่การอนุโมทนา อาตมาจึงขออนุโมทนา
นี่สรุปเรื่องธรรมะที่จะพูดได้ชั่วขณะอันน้อยนี้ ไม่มีแรงจะพูด ก็พูดเรื่องที่เจาะจงลงไปที่สำคัญที่สุด คือเรื่องทำลายความเห็นแก่ตัว ท่านทั้งหลายจะไปทำหน้าที่กำจัดความเห็นแก่ตัวให้สมบูรณ์ จะไปช่วยกันอาสาสมัครสร้างห้องสมุดขึ้นมาที่โรงเรียนที่ว่านั้น จึงขออนุโมทนา สัตบุรุษผู้มีปัญญาในพุทธศาสนาก็อนุโมทนา ถ้าพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง ท่านก็อนุโมทนา พูดอย่างนี้ดีกว่า
เอาล่ะเป็นอันว่าขอยุติลงด้วยความรู้สึกอนุโมทนา และขอแสดงความหวังว่าให้การกระทำของท่านทั้งหลายนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นไปอย่างถูกต้อง คือลดความเห็นแก่ตัว ลดความเห็นแก่ตัวลงไปๆ เป็นผู้มีจิตใจสะอาด สว่าง สงบ ปราศจากความเห็นแก่ตัวโดยสิ้นเชิง มีความก้าวหน้าในทางของธรรมะในชีวิต ในหน้าที่ ในการงาน มีความสุขสวัสดีอยู่ทิพาราตรีกาลเทอญ ขอยุติการบรรยาย