แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาตมาภาพขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในการมาของท่านนักศึกษาทั้งหลาย สู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้ คือมาหา มาแสวงหาความรู้ทางธรรมะ เพื่อไปประกอบการทำกิจในหน้าที่การงานของตน ของตน เป็นสิ่งที่มีเหตุผลจึงขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง ก็ขอต้อนรับตามมีตามเกิด ห้องประชุมมีอย่างนี้
หัวข้อสำหรับจะบรรยายก็มีสั้นสั้นว่า ธรรมะกับโบราณคดี หัวข้อนี้หมายความว่า ตัวธรรมะนั่นแหละเป็นโบราณคดีเสียเอง คือว่าในโบราณคดีอันยืดยาวแล้วมันก็ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ เราศึกษาโบราณคดีนี้มันประหยัดเวลา คือไม่ต้องค้นหาไอ้สิ่งที่คนก่อนก่อนได้ค้นไว้แล้ว เพราะถ้าเราค้นเองมันก็ตายเสียก่อนก็ไม่พบ อย่างธรรมะนี้พระพุทธเจ้าท่านได้ค้นแล้วตรัสไว้ สอนไว้ให้ ถ้าเราจะค้นเองให้รู้มีความรู้เท่านี้มันก็ตายหลายหน หลายสิบหนมันก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้น ไอ้วิชาโบราณคดีจึงมีประโยชน์แม้ในเรื่องทางฝ่ายธรรมะ แม้ในเรื่องทางฝ่ายโลก หรือโลกียะ เรื่องบ้าน เรื่องเมืองได้อาศัยวิชาโบราณคดี แม้กระทั่งว่าเราได้รวบรวมเอาความรู้ทั้งหลายเป็นร้อยร้อยปี เป็นพันพันปีมาได้ในเวลาอันสั้น นี่คือประโยชน์ของไอ้สิ่งที่เรียกว่า โบราณคดี
แต่มันก็ยังมีข้อแม้ที่จะต้องดูว่า บางทีเรียนโบราณคดีเพื่อโบราณดคี ไม่ได้รับประโยชน์ในทางสันติภาพสันติสุข มันเรียนอย่างบ้าโบราณคดีมันกลายเป็นว่า โบราณคดีเพื่อโบราณดคีเรียนจนท่วมหัวท่วมหูก็ไม่ได้รับประโยชน์
แต่ถ้าเรียนโบราณคดีเพื่อสันติภาพ เพื่อความรู้เรื่องสันติภาพ เพื่อจะทำให้โลกสันติภาพมันก็ได้ประโยชน์เกินค่า ดูดูก็น่าหัวเราะที่ว่าไม่มีการกล่าวยืนยันอย่างนี้ในวิชาโบราณคดี
ดังนั้น คนในโลกจึงเรียนโบราณคดีเพื่อโบราณคดีกันเสียไม่มีที่สิ้นสุด โบราณคดีมีครบทุกเเง่มุมในเรื่องของวัตถุเรื่องโลก ตัวโลกนี้ก็มีโบราณคดีอย่างของวัตถุ และก็มีโบราณคดีอย่างมนุษย์ มนุษย์มันเกิดขึ้นในโลกแล้วก็มีโบราณคดีที่เป็นวิวัฒนาการของมนุษย์ที่มันสูงขึ้น สูงขึ้น จนกระทั่งว่ามันดีที่สุด หรือจนกระทั่งว่ามันค่อยเปลี่ยนเเปลงกลับไปเลวที่สุด ถ้าเรารู้เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะมีประโยชน์ในการที่จะควบคุมให้ชนะ ชนะฝ่ายที่เป็นความไม่ประสงค์ ไม่พึงประสงค์เป็นความเลวร้ายสามารถดำเนินไปแต่ในทางที่พึงประสงค์
เราจะได้พบวิธีที่คนแต่ก่อน หรือบรรพบุรุษก็ได้เคยใช้มาเพื่อแก้ปัญหากันอย่างไร ถ้ารวบรวมเอามาเฉพาะเรื่องนี้ก็จะมีประโยชน์ที่สุด แต่บางทีก็ไปศึกษาโบราณคดีด้วยความอาฆาตจองเวร เพื่อแก้แค้น เพื่อเกลียดชังอย่างนี้เสียก็มี อย่างนี้มันก็ให้โทษ และก็เป็นมูลเหตุที่ให้เกิดความขัดแย้งหรือรักกันไม่ได้ในระหว่างมนุษย์ ก็เพราะโบราณคดีประเภทนี้ซึ่งไม่ควรจะมี
มันควรจะมีโบราณคดีที่เป็นไปเพื่อสันติภาพ อันเนื่องไปถึงประวัติศาสตร์ ถึงศิลปะ ถึงวัฒนธรรม อารยธรรมใดใดก็ตาม ต้องเป็นไปเพื่อสันติภาพ แม้ที่สุดแต่ศิลปะนี้ ถ้ามันไม่เป็นไปเพื่อสันติภาพมันก็เป็นเรื่องบ้าบ้าบอบอชนิดหนึ่งให้ลงทุนมากลำบากยุ่งยากมันก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อสันติภาพ
ดังนั้น ทุกสิ่งที่มนุษย์จะถือเป็นวัฒนธรรมนี้ มันจะต้องเป็นไปเพื่อสันติภาพ ฉะนั้นโบราณคดีควรจะให้ผลเป็นความรู้ ที่เป็นหนทางที่เราจะมีสันติภาพกันให้ยิ่งกว่าที่แล้วมา จะใช้เพียงเพื่อค้นหาวิธีแก้แค้น หรือเอาเปรียบนี้มันจะเป็นเรื่องทำบาปเสียมากกว่า แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในโลกนี้มันก็มีการใช้วิชานี้เพื่อเหตุผลอย่างนี้
สรุปโบราณคดีมันจะได้คำพูดที่สั้นสั้นว่า ธรรมะได้เกิดขึ้นก่อน แล้วก็เกิดเป็นอธรรมคือมิใช่ธรรมะตามขึ้นมาตามลำดับ แล้วก็มีเหตุการณ์อันเลวร้ายเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น แล้วมันก็น่าหัวเราะที่ว่าสิ่งเลวร้าย หรืออธรรมนี้มันก็คือความรู้ผิด เห็นผิดเข้าใจผิดของมนุษย์นั่นเอง ก่อรูปก่อร่างเป็นความเห็นเเก่ตัวขึ้นมา ข้อความที่อ่านพบจากพระบาลีโดยตรงมันก็มีสรุปได้อย่างนี้
เมื่อมนุษย์แรกมี คือมีจำนวนน้อยมันก็กิน หรือเก็บกินของที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั่นแหละพอ คือไม่มีการทำนาทำไร่ทำสวน ไปเก็บกินจากที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เป็นเมล็ดหญ้า เป็นข้าวสาร เป็นผัก เป็นปลา เป็นผลไม้ แล้วก็มีจะเรียกว่าระเบียบ หรือธรรมเนียมก็แล้วแต่ว่า ไปเก็บมากินเฉพาะวัน เฉพาะวัน
ต่อมา มันเกิดนักเลงดี มันเห็นแก่ตัว มันก็ไปเก็บมากินเฉพาะหลายวันเอาเปรียบผู้อื่น ปัญหามันก็เกิดขึ้นเป็นการทะเลาะวิวาทแย่งชิง แล้วก็ในที่สุดไอ้ของเกิดเองตามธรรมชาติไม่พอให้กิน มันจึงมีการทำนา ทำสวน หรือกสิกรรมอะไรกันขึ้นมา แล้วมันก็มีคนเห็นแก่ตัวเบียดเบียนขโมยแย่งชิงยื้อแย่งทำลาย นี้มันก็เป็นเรื่องความเห็นแก่ตัว ปัญหามันได้ตั้งต้นขึ้นมาด้วยความเห็นแก่ตัว จนกระทั่งมนุษย์สมัยหนึ่งทนไม่ไหว ได้ความคิดขึ้นมาว่าจะต้องมีระบบที่เราเรียกกันว่า ระบบการปกครอง เลือกบุคคลที่แข็งแรงสวยงามเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องมาเป็นผู้มีอำนาจในการปกครอง ให้ลงโทษคนทำผิดให้รางวัลคนทำถูกขึ้นมาเป็นครั้งแรก เมื่อมนุษย์ที่รับสมมุติเป็นผู้ปกครองคนแรก ทำหน้าที่มาพอสมควรก็เกิดความพอใจขึ้นในหมู่คนเหล่านั้น มันร้องออกมาเซ็งแซ่กันไปหมดว่าพอใจ พอใจ พอใจ แล้วคำว่า พอใจ พอใจ คำนี้ก็คือ คำว่า ราชา ราชา ราชา
ในภาษาบาลีคำว่า ราชา นั้นแปลว่า พอใจ rootของคำ rootเดียวกับคำว่า ราคะ กำหนัด ยินดี
ราชา คือ พอใจ พอใจ พอใจ นี้เรียกกันว่าพระเจ้าสมมุติราชองค์แรก องค์แรกแรกที่สุดของโลก ถ้าพระราชาสายไหน ได้สืบมาแต่พระเจ้าสมมุติราชองค์แรกในโลกนี้ถือว่ามีเกรียติสูงสุด
ดังนั้น คำว่า ราชา ราชา ได้เกิดขึ้น คนยังน้อย เหตุการณ์ยังน้อย พระราชาก็เหมาหมด อย่างกิจการที่เดี๋ยวนี้เราแบ่งเป็นตั้งหลายหลายกระทรวง ยี่สิบสามสิบกระทรวงก็สุดแท้ ก็อันนี้มันเคยรวมกันอยู่ที่พระราชาหรือสมมุติราชองค์เดียวเท่านั้น เมื่อเจริญมากขึ้นมันไม่ไหว มันก็เปลี่ยนแปลงเปลี่ยนแปลงเป็นมีผู้ช่วยเป็นแผนก แผนก แผนกไป แต่แผนกสูงสุดมันก็อยู่ที่การทำนาที่เรียกว่า เกษตรนาขัตติยะ กษัตริย์ติยะ แล้วผู้จัดการกับแผ่นดิน นี้มันเกิดประโยชน์ขึ้นมา มีความหมายเหมือนกับเป็นเจ้าแผ่นดินทำแผ่นดินให้เป็นประโยชน์ขึ้นมา
กิจการอันสูงสุดของยุคนั้นก็คือ การทำนา พระเจ้าเเผ่นดินจัดการเองทุกอย่าง อย่างที่เราอ่านพบแม้ในเรื่องหลังหลังมานี้ ก็ราชาจะต้องแรกนาขวัญด้วยพระองค์เอง ต้องมีไถนาทองคำมีอะไรชนิดที่สูงสุด การพิพากษา ตุลาการ อรรถคดี การปราบโจรผู้ร้ายภายใน การต่อสู้ข้าศึกศัตรูภายนอก ก็เป็นหน้าที่ของพระราชา
ยุคต่อมาทำไม่ไหว มันจึงเกิดแบ่งเป็นส่วน เป็นส่วน เป็นส่วน มีผู้ช่วยขึ้นมาเป็นมหาอำมาตย์เป็นเสนาบดีอะไรอย่างนี้ขึ้นมา
ไอ้ข้อที่เราจะต้องสังเกตอย่างยิ่งข้อหนึ่งก็คือว่า ปัญหามันเกิดขึ้นมาจากความเห็นแก่ตัว เอากันตั้งแต่ครั้งแรกแรก เมื่อยังไม่มีการทำอะไร เก็บของกินเองในป่า มันก็มีความเห็นแก่ตัวเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหา
พอมันมีการอยู่เป็นหลักแหล่ง ทำไร่ ทำนาก็มีความเห็นแก่ตัวเป็นปัญหา คือการลักการขโมยการยื้อแย่ง การอะไรต่างต่างเป็นความเห็นแก่ตัว แต่ก่อนเคยปรกติเรียกว่ามีธรรมะ ทีหลังก็ไม่มีความเป็นปรกติรวมเรียกว่าอธรรมะ
มีบาลีชัดชัดว่า ธมฺโม หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ ธรรมะเป็นของที่เกิดก่อน ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก
ต่อมา ก็เกิดอธรรมะขึ้นมาในโลก หมายความว่ามนุษย์ทีแรก คนแรก ยุคแรกมันไม่ได้เห็นแก่ตัว ต่อมามันมีความรู้สึกเห็นเเก่ตัว มันเจริญขึ้น เจริญขึ้น จนเป็นเห็นแก่ตัวสูงสุด เป็นความเห็นแก่ตัวที่เป็นปัญหาของมนุษย์ทั้งโลกไปเลย ความขัดแย้งกันจนต้องทำสงครามกันระหว่างหมู่ ระหว่างคณะระหว่างประเทศ มันก็เกิดมีขึ้นมาเป็นมหา เป็นสงคราม หรือเป็นมหาสงครามก็แล้วแต่ มันมาจากสิ่งสิ่งเดียว คือความเห็นแก่ตัว
เมื่อเราศึกษาโบราณคดีของสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ หรือศาสนามันจะพบไปทันทีว่าเกิดขึ้นเพื่อกำจัดความเห็นแก่ตัว ตามสมควรแก่สถานการณ์ของมนุษย์ยุคนั้น ยุคนั้น เป็นยุคมา เป็นถิ่น เป็นถิ่นมา
เกิดธรรมะในรูปร่างของวัฒนธรรม จริยธรรม ศีลธรรมอะไรขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย ทีละเล็กละน้อย ตามความที่เห็นแก่ตัวมันเกิดขึ้นในโลก และก็เจริญขึ้นในโลก จนกระทั่งเกิดธรรมะสูงสุดของฤษีมุนีเกิดเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาเรียกว่า เป็นธรรมะสูงสุด ซึ่งมีจุดตั้งต้น ตั้งแต่ว่าศีลธรรมในขั้นต่ำต่ำนี้สำเร็จประโยชน์ตามลำดับ ตามลำดับ
เราจะสอบสวนดูได้ไม่ยาก จะดูกันในแง่ศีลธรรม วัฒนธรรมต่ำต่ำ ก็พบว่าทุกแง่ ทุกสาขา ทุกยุค ทุกสมัยมันกำจัดความเห็นแก่ตัว มาเป็นยุคที่ศาสนา เป็นศาสนาสมบรูณ์สมบูรณ์ มันก็กำจัดความเห็นแก่ตัว มันเป็นของจริง เป็นปัญหาจริง เป็นสิ่งที่ทำลายความสงบสุขจริงจริง และมันเป็นเรื่องละเอียดทางจิตใจ ทางจิตใจ จนกระทั่งว่าไอ้ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวนี้มันเป็นความเข้าใจผิด เป็นความโง่ไปหลงความเป็นบวก ไปหลงความเป็นลบของสิ่งที่เข้ามากระทบตน สิ่งที่เข้ามากระทบบุคคลทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ มันมีเป็นสองความหมาย คือว่าบวก หรือลบ คือถูกใจ หรือไม่ถูกใจ ทุกคนก็หลงใหลในส่วนที่ถูกใจ แล้วก็หลงใหลในส่วนที่ไม่ถูกใจ
ส่วนที่ถูกใจ ก็ทำให้เกิดความหลงใหล เกิดราคะ เกิดความกำหนัดยินดีไปตามเรื่อง
ส่วนที่เป็นลบ มันค่อยเกิดการเบียดเบียน เกิดการฆ่า เกิดการทำลายกันไปตามเรื่อง แล้วมันจึงเกิดปัญหา คือความดี หรือความชั่ว ความสุข หรือความทุกข์ ขึ้นในโลกเป็นหลัก เป็นเกณฑ์
ศาสนาทุกศาสนาจะสอนให้ไม่หลงในความเป็นบวก หรือในความเป็นลบ ถ้าเราจะศึกษาด้วยศาสนาที่ว่าเก่ามากเท่าที่จะศึกษาได้ จึงจะพบว่าไอ้ศาสนายิวก่อนคริสต์ ก่อนคริสเตียน ยิวโบราณเชื่อกันว่าแปดพันปีหกพันปี มันก็มีสอนอย่างสูงสุดอยู่เเล้วว่าไม่ให้หลงดี หลงชั่ว หลงบวก หลงลบ
พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่ใหม่ ก็สั่งมนุษย์ว่าอย่าไปกินผลไม้ของต้นไม้ที่ทำให้รู้ดี รู้ชั่ว ใช้คำว่า good evil good and evil the fruit of the tree of the knowledge good and evil ผลไม้ของต้นไม้ที่ให้เกิดความรู้ว่าดี ว่าชั่ว นั่นคือความเป็นบวก เป็นลบ ต่อมามนุษย์ก็ไม่เชื่อไปกินผลไม้เหล่านั้น ก็รู้ดี รู้ชั่วปัญหามันก็เกิดขึ้นจากการหลงบวก หลงลบ
ถ้าหลงบวก ก็อิจฉาริษยาผู้อื่น มันก็เกิดการทำลายกันไม่ต้องสงสัย น่าหัวในเรื่องเบ็ดเตล็ดตอนนั้นน่าหัวว่าพระเจ้ามาเยี่ยมมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ใหม่ พอเรียกมันก็มา เรียกมันก็มา
แต่พอมันได้ดื้อ ว่างูมันหลอกให้กิน ยุให้กิน กินผลไม้รู้ดี รู้ชั่วเข้าไปแล้ว ตอนนี้พอพระเจ้ามา เรียกไม่มา เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ออกมา ถามทำไมไม่ออกมา มันบอกไม่ได้นุ่งผ้า ไม่มีผ้านุ่ง ก่อนนี้มันไม่รู้เรื่องนุ่งผ้า หรือไม่นุ่งผ้าเลยทำนองนั้นมันไม่มี มันก็ไม่ได้นุ่งผ้ามันก็ออกมา
แต่พอมันกินผลไม้นั้นเข้าไปแล้ว มันรู้ โอ้,อย่างนี้นุ่งผ้า อย่างนี้ไม่นุ่งผ้า อย่างนี้หน้าละอาย อย่างนี้ไม่น่าละอาย มันก็ตอบพระเจ้าว่าไม่ได้นุ่งผ้า พระเจ้าก็รู้ว่า อ้อ,ไอ้นี่มันดื้อแล้ว มันกินไอ้ผลไม้ที่เราห้ามเข้าไปแล้ว ปัญหามันเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์รู้จักแยกเป็นบวก เป็นลบ เป็นดี เป็นชั่ว ก็จะตีความตามตัวหนังสืออย่างนี้ก็ได้ หลายพันปี หรือหมื่นปี แล้วแต่ว่ามันจะมีความจริงอย่างไร
แต่เดี๋ยวนี้เรามาดูความจริงเฉพาะหน้าเดี๋ยวนี้ว่า มนุษย์อยู่ในท้องแม่ไม่มีความหมายเรื่องบวก ลบ ดี ชั่ว คลอดออกมาใหม่ใหม่ก็ยังไม่มี
พอมนุษย์รู้จักระบบประสาททางตา หู จมูก ลิ้น กาย ได้สัมผัสอารมณ์ที่เข้ามา แล้วมันรู้จักแบ่งแยกเป็นดี เป็นชั่วน่ะ เป็นอร่อย เป็นไม่อร่อย เป็นสุข เป็นทุกข์มันจึงเริ่มมีปัญหา เเล้วมันก็หลงดีหลงชั่ว แล้วมันก็ได้เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว แล้วมันก็ทำไปตามความโง่ที่เพิ่งเกิดหยกหยก คือ ความเห็นแก่ตัว
อยู่ในท้องก็ไม่เห็นแก่ตัว เห็นไม่เป็น เกิดมาใหม่ใหม่ก็ยังไม่เห็นแก่ตัว แต่พอมากินอะไร สัมผัสอะไร รู้อะไร ขึ้นเป็นอร่อย ไม่อร่อย คือเป็นบวก เป็นลบก็แล้วมันจึงเห็นแก่ตัว ทีนี้ก็ทำไปตามความเห็นแก่ตัว แล้วก็มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น แล้วก็เป็นปัญหามากขึ้น มากขึ้น นี้จุดตั้งต้นมาจากความเห็นแก่ตัว จนศาสนาต้องเกิดขึ้น เกิดขึ้น เกิดขึ้น เท่าไรมันก็ไม่พอ หรือไม่ทัน ไล่ไม่ทัน
ความเห็นแก่ตัวมันก้าวหน้า มันวิ่ง มันเจริญมากด้วยความเจริญของมนุษย์ จนความเห็นเเก่ตัวมันชนะ ชนะ ชนะมาเรื่อยเรื่อย มนุษย์ก็มีปัญหาเป็นความทุกข์ ดีใจ เสียใจ สุข ทุกข์ ดี ชั่ว บุญ บาป อะไรเรื่อยเรื่อยมาไม่สิ้นสุด
จนกระทั่งบัดนี้ จนกระทั่งบัดนี้จะเรียกว่ากี่หมื่นปี กี่แสนปี หรือล้านปีมาแล้วก็ตามใจ ความเห็นแก่ตัวก็เจริญ เจริญ เจริญ สูง สูง สูงขึ้นมาจนควบคุมไว้ไม่ได้ แล้วความเห็นแก่ตัวนั่นแหละมันกำลังสร้างปัญหาวิกฤตการณ์เลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงบันดาลมีอยู่ในโลก นี้เรียกว่า โบราณคดี โบราณคดี หรือจะเรียกว่าประวัติศาสตร์ก็ตามใจ เรียกว่าโบราณคดีของธรรมะที่มีแต่หมู่มนุษย์เป็นลำดับ ลำดับมาจะว่าแสนปีหมื่นปีก็ตามใจ แต่บัดนี้กำลังสูงสุด กำลังครองโลก ความเห็นแก่ตัวกำลังครองโลกเป็นมูลเหตุแห่งอาชญากรรมทั้งหลาย
ข้าราชการพลเรือนก็ทำงานเหลือมือไม่ไหว ข้าราชการทหารก็ทำงานเหลือมือไม่ไหว เพราะข้าศึกร่วมกัน ร่วมกัน สิ่งเดียว คือความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์คงมีอายุเป็นหมื่นปีแสนปีตามที่มันได้เกิดเป็นมนุษย์มีความที่เจริญขึ้นมา
ไอ้วัฒนธรรมตามหลังความเห็นแก่ตัวซะเรื่อย ไม่ชนะ ไม่เคยชนะ แต่มันก็ดีขึ้นเหมือนกัน เพราะมีวัฒนธรรมช่วยหน่วงเหนี่ยวไว้บ้าง ไม่ฉะนั้นจะเลวร้ายกว่านี้
แต่เดี๋ยวนี้ ความเห็นแก่ตัวยังชนะวัฒนธรรมอยู่นั่นแหละ เรายังมีผู้เห็นแก่ตัว สร้างคุกตะรางเท่าไรก็ไม่พอ สร้างตำรวจเท่าไรก็ไม่พอ สร้างศาลเท่าไรก็ไม่พอ สร้างโรงพยาบาลบ้าเท่าไรก็ไม่พอ
นี้เป็นความจริงที่แสดงเห็นชัดอยู่ว่า ความเห็นแก่ตัวมันแสดงบทบาท ก็ดูความเห็นแก่ตัวที่ผู้เห็นแก่ตัวคนที่เห็นแก่ตัวเป็นอย่างไร คนเห็นแก่ตัวนี้มันขี้เกียจ มันไม่อยากจะทำงาน แต่มันจะเอาประโยชน์ มันก็เอาเปรียบด้วยการขี้เกียจทำงาน คนเห็นแก่ตัวก็อิจฉาริษยา คนเห็นแก่ตัวก็เย่อหยิ่งจองหอง คนเห็นแก่ตัวก็ไม่สามัคคี นี่คนเห็นแก่ตัว สูงขึ้นมาตามลำดับ ตามลำดับ จนสร้างไอ้สิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะไอ้มลภาวะทั้งหลาย มันเกิดจากผู้เห็นแก่ตัว ทำลายธรรมชาติทั้งหลายมันมาจากผู้เห็นแก่ตัวทั้งนั้น มันตามใจตัว ตามใจตัวโดยความเห็นแก่ตัว โดยความเห็นแก่ตัว ไอ้ความเลวร้ายมันก็เพิ่มขึ้นที่มันไม่เคยมีครั้งกระโน้น มันก็มีครั้งกระนี้ เช่นปัญหายาเสพติดมันไม่เคยมี เมื่อไม่กี่พันปีมันไม่มี ไม่ต้องพูดถึงหมื่นปีแสนปี ทั้งสมัยแรกสร้างโลกมันไม่มี มันไม่รู้จัก แต่มนุษย์มันตามใจลิ้น ตามใจปาก ตามใจจมูกอะไรก็สุดแท้ (นาทีที่ 27:41) ยาเสพติด เสพติด เสพติด เกิดขึ้นจนเป็นปัญหาของโลก ทั้งโลก โลกทั้งโลกมีปัญหายาเสพติด ไอ้ลิงมันหัวเราะ ไอ้คนป่ามันหัวเราะ ปัญหาทางอบายมุขทุกอย่างทุกชนิด เช่น การพนัน ดื่มเหล้า อะไรก็ตามที่เป็นอบายมุขทุกชนิด แล้วมันก็น่าหัวที่ว่ามนุษย์เห็นแก่ตัวนั่นแหละ ความเห็นแก่ตัวดึงดึง ขออภัยใช้คำหยาบ คำว่า ดึงหัวมันไปจนเป็นโรคที่สุนัขก็ไม่เป็น
โรคอะไรบ้างเดี๋ยวนี้ในโลกนี้ กำลังเป็นปัญหาทั้งโลก โรคเอดส์ โรคAids ก็อย่าไปออกชื่อมันดีกว่า แต่ขอสรุปรวมความว่า โรคที่เเม้เเต่สุนัขก็ไม่เป็น คนมันกลายไปเป็นโรคอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะความเห็นแก่ตัวของมันแท้แท้นี่เอง
ถ้ามันเห็นแก่ตัวก็ทำให้โง่ โง่ โง่ หลงทาง หลงทางออกไปจนไปเป็นโรคที่แม้แต่สุนัขก็ไม่เป็นก็แก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งโลกร่วมกันแก้ปัญหายาเสพติดได้ไหม แก้ปัญหาอบายมุขได้ไหม แก้ปัญหาโรคที่สุนัขก็ไม่เป็นนี้ได้ไหม มันก็ไม่ได้ มันก็ยังมีเรื่องที่ว่ายุ่งยากลำบากไปตลอดกาล ศีลธรรมเลวลง เลวลง อาชญากร อาชญากรรมเลวลง เลวลง
แล้วเราประเทศไทยเล็กเล็ก ไปตามก้นประเทศที่มันใหญ่ ที่มันมีอำนาจ โดยไม่ต้องดูว่ามันเป็นอย่างไร ไม่ดูศีลธรรม หรือวัฒนธรรมของมหาประเทศเหล่านั้นว่ามันเป็นอย่างไร มันมีศีลธรรมเลวร้ายกว่าเรามาก เเต่เราก็ยังไปตามก้นเขาเพราะเราไม่รู้ เราจัดการศึกษาตามก้นพวกนั้น จัดการศึกษาโง่โง่บ้าบ้าอะไรก็ไม่รู้ สอนให้ฉลาด ฉลาด ฉลาด ฉลาด ฉลาดประพฤติ แล้วก็ไม่ควบคุมความฉลาด มันก็เอาความฉลาดไปเห็นแก่ตัว ไปใช้เห็นแก่ตัวปัญหาก็หนักกว่าเดิม ความเห็นแก่ตัวก็มีมากขึ้นสูงสุดในปัจจุบันนี้
นี้คือโบราณคดีมันร้ายกาจที่สุด และจริงที่สุดของมนุษย์ในโลก คือโบราณคดีของความเห็นแก่ตัว ที่มีจุดตั้งต้นเหมือนกับว่าหิ่งห้อยตัวเล็กเล็กตัวหนึ่ง และเดี๋ยวนี้รุนแรงเหมือนกับดวงอาทิตย์เจ็ดดวงเลย
โลกเต็มไปด้วยความเลวร้าย เต็มด้วยอาชญากร อาชญากรรม จนว่าสร้างคุกเท่าไรก็ไม่พอ สร้างตำรวจเท่าไรก็ไม่พอ สร้างศาลเท่าไรก็ไม่พอ สร้างโรงพยาบาลบ้าเท่าไรก็ไม่พอ สร้างวัดวาอารามเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ขอให้ช่วยลองสังเกตดูดีดีว่า เดี๋ยวนี้เรามีวัดวาอารามมากกว่าทั้งพุทธกาลมหาศาล หลายแสนเท่ามันก็ไม่พอที่จะกำจัดความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ อาชญากรรมจึงเต็มไปหมด
ที่มันน่าหัวก็ว่าผู้เห็นแก่ตัวมันกับฆ่าตัว เพราะว่าความเห็นแก่ตัวมันหลงทาง มีการฆ่าตัวเองตายที่ไหนก็ไปดูเถอะ ต้นเหตุแท้แท้มันความเห็นแก่ตัว มันหลงทาง คนบ้าเป็นบ้าที่ไหน นอกโรงพยาบาล ในโรงพยาบาลที่ไหนก็ไปดูเถอะ มันมาจากความเห็นเเก่ตัวที่หลงทาง
คนขอทานฆ่าตัวตาย หรือมหาเศรษฐีฆ่าตัวตายมันก็เหมือนกันหมดแหละ ความเห็นแก่ตัวมันหลงทางมันจึงฆ่าตัวตาย นี่สิ่งเลวร้ายสูงสุดถึงขณะนี้โบราณคดีของมันเป็นมาตามลำดับ ตามลำดับยืดยาวอย่างนี้ ถ้าเรากำจัดมันไม่ได้มันก็จะต้องวินาศในลักษณะที่เรียกรวมรวมกันว่า ไฟบรรลัยไหม้โลก ยิ่งจะใช้ระเบิดเลวร้าย ยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูกันเสียอีกมันก็ทำให้โลกวินาศหมดได้ เพราะความเห็นแก่ตัวซึ่งมีหวังอยู่ในอนาคต ถ้าว่าเราจะกำจัดมันเสียไม่ได้
เพราะฉะนั้น ขอให้เราศึกษาโบราณคดี และเกลียด และกลัวขยะแขยงไอ้ความเห็นแก่ตัวกันให้มากจนเปลี่ยนกลับมา ลด เลิก ละความเห็นแก่ตัว
ในโรงเรียนจะสอนให้เด็กเกลียดความเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าสิ่งใด ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถม มัธยมมหาวิทยาลัย คนเหล่านี้เกลียดความเห็นเเก่ตัวเเล้วมันก็จะมีคนดี มันจะลดความเห็นเเก่ตัว เเล้วมันก็จะมีระบบการเป็นอยู่ที่ประเสริฐที่สุด
เข้าใจว่าที่นั่งอยู่ที่นี้คงจะเคยอ่านเรื่องของ Lao-tzu Lao-tzu เป็นศาสดาคล้องสมัยกับพระพุทธเจ้า Lao-tzu ขงจื้อนี้ติดกันไม่กี่ปี ไม่กี่สิบปี
ลูกศิษย์คนหนึ่งถาม Lao-tzu ว่าท่านอาจารย์ การปกครองที่ดีที่สุด ประเสริฐที่สุด วิเศษที่สุดนั้นคือ การปกครองอย่างไร
Lao-tzu ก็บอกว่าการปกครองที่ไม่มีการปกครอง ฟังดูการปกครองที่ไม่มีการปกครองเป็นการปกครองที่ประเสริฐที่สุด ไอ้ลูกศิษย์มันคงจะคิดอาจารย์บ้า อาจารย์ตอบบ้าบ้าบอบอ ไม่ถามอีกต่อไป เรื่องมันก็เงียบไม่มีให้อ่าน
แต่เดี๋ยวนี้อาตมามาสังเกตเห็น โอ้,มันหมายถึงอันนี้ เมื่อมนุษย์ไม่มีความเห็นแก่ตัวมันไม่ต้องมีการปกครอง เมื่อมนุษย์ทุกคนมันไม่เห็นเเก่ตัวมันจะปกครองใคร มันไม่มีอาชญากรรมไม่ต้องใช้กฎหมาย ไม่ต้องใช้ศาสนา ไม่ต้องใช้อะไร ระบบการปกครองที่ไม่ต้องมีการปกครอง เพราะว่ามนุษย์ทุกคนมันไม่เห็นแก่ตัวแล้วมันจะเกิดคดีอะไรได้ จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายอะไรได้
ฉะนั้นขอให้เราศึกษากันให้ดีดีเถอะ ในโบราณคดีมันมีธรรมะ หรือศาสนาอยู่อย่างพอตัว หรือในโบราณคดีมีธรรมะนะ ในธรรมะมันก็มีโบราณคดีของมันอยู่อย่างพอตัว เอามาใช้ให้สำเร็จประโยชน์ว่ามันตั้งต้นมาอย่างไร แล้วก็จะได้แก้ไขมันเสียให้ถูกต้อง
อ้าว,ขอพูดเรื่องการแก้ไขสักนิด เป็นที่ต้องรับรองต้องกันทั้งฝ่ายอินเดีย ฝ่ายตะวันออก ฝ่ายตะวันตก เป็นคำพูดแต่โบราณกาลนะ ว่าการแก้ไขสิ่งเลวร้ายต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ ที่ต้นเหตุแท้จริง ซึ่งในที่นี้หมายถึง ความเห็นแก่ตัว
ถ้ามัวแก้ไขที่ปลายเหตุมันเป็นลูกหมา ถ้าแก้ไขที่ต้นเหตุมันเป็นลูกราชสีห์ว่าอย่างนี้
เราก็เห็นตัวอย่างง่ายง่ายว่าคนเอาไม้ไปแหย่หมา หมามันก็กัดไปที่ปลายไม้นั้นแหละนี้ลูกหมา
แต่ถ้าคนเอาไม้ไปแหย่ลูกราชสีห์ มันไม่มัวกัดที่ปลายไม้ มันกระโจนมาคนที่ถือไม้
ลูกหมามันมัวแก้ที่ปลายเหตุ ลูกราชสีห์มันแก้ที่ต้นเหตุ
ดังนั้น ขอให้เราเห็นความสำคัญของต้นเหตุ ต้นเหตุว่าเลวร้ายที่สุดมันอยู่ที่ ความเห็นเเก่ตัว ถ้าประชาชนไม่เห็นเเก่ตัว ก็ต้องมีผู้แทนที่ไม่เห็นแก่ตัว ต้องมีรัฐสภาที่ไม่เห็นแก่ตัว รัฐบาลที่ไม่เห็นแก่ตัวแล้วปัญหาอะไรมันจะเกิดขึ้น มันก็มีการปกครองที่ไม่ต้องมีการปกครอง เรื่องกฎหมายไปทิ้งหมด เรื่องศาสนาไปทิ้งหมด ถ้ามนุษย์มันไม่เห็นแก่ตัว ต้นเหตุ มูลเหตุความเลวร้าย หรือความสันติภาพมันอยู่ที่ความเห็นแก่ตัว หรือไม่เห็นแก่ตัว ขออภัยอาตมาพูดเกินเวลาไป ๕ นาทีเเล้ว
ดังนั้น ขอสรุปความว่าโบราณคดีของธรรมะเป็นโบราณคดีสูงสุด ขอให้สนใจ สนใจจับเอาให้ได้ เอามาใช้เป็นประโยชน์ให้ได้ และขอแสดงความยินดีครั้งหนึ่งในการที่มาที่นี่ในลักษณะอย่างนี้ เพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมะ เพื่อไปประกอบหน้าที่การงานของตนให้เจริญยิ่งยิ่งขึ้นไป
ขอให้ความประสงค์อันนี้สำเร็จ สำเร็จ มีความเจริญงอกงาม ก้าวหน้าในหน้าที่การงานของตนเป็นสุขสวัสดีอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ ขอยุติการบรรยาย
ขึ้นที่รอบอ่าวบ้านดอนได้สักทีจะได้พยายามให้วัฒนธรรมศรีวิชัยกลับมา และจะได้มีอะไรอะไรเหมือนยุคสมัยศรีวิชัย ฝรั่งสนใจธรรมะกันมาก มากันเอง ไม่ต้องกำหนดพอสิ้นเดือนก็มา วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๑๐ ก็อบรมให้ ก็อบรมให้ เป็นเวลา ๑๐ วัน เป็นเวลา ๑๐ วัน
เราก็พูดกันถึงเรื่องความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัว โลกกำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัว พอเห็นแก่ตัวมันก็กัดเจ้าของ ชีวิตกัดเจ้าของ ความเห็นแก่ตัวกลายเป็นชีวิตกัดเจ้าของ
พูดกันแต่เรื่องนี้ อาตมาพูดเรื่องอื่นไม่เป็นก็เลยพูดโบราณคดีของธรรมะ ไอ้โบราณคดีอย่างอื่นไปศึกษาได้ที่กรมศิลปากร หรือที่ไหนก็แล้วแต่
ไอ้โบราณคดีเรื่องประวัติศาสตร์เรื่องวัตถุ แต่โบราณคดีของธรรมะนี้มันเก่าแก่กว่าโบราณคดีสาขาไหนหมด ตั้งแต่แรกมีโลก แล้วก็แรกมีมนุษย์ แล้วแรกมีอารยธรรมของมนุษย์ และก็มีปัญหามาจนกระทั่งบัดนี้ ทหารก็ดี พลเรือนก็ดี มีปัญหาร่วมกัน คือ ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์
ขอให้ทำงานสนุก ทำงานสนุก ทำงานสนุก เป็นสุขตลอดเวลาที่ทำงาน ที่สุดอำนาจบารมีของพระธรรมแก้ปัญหาได้หมด ศึกษาธรรมะ ศึกษาธรรมะให้ยิ่งยิ่งขึ้นไป แล้วก็มีธรรมะ แล้วก็ใช้ธรรมะแก้ปัญหาทั้งหมดทุกทุกปัญหา ไม่ว่าปัญหาอะไร (นาทีที่ 40:30) รู้เรื่องความไม่มีตัวก็ได้ เรื่องอัตตาในพระพุทธศาสนา ใช้เวลาศึกษาสักเดือน ๒ เดือน หรือถ้าถือว่ามีตัว ก็ต้องศึกษาโทษของความเห็นแก่ตัว เกลียด กลัว ความเห็นแก่ตัวก็ได้ ศาสนาบางศาสนาสอนว่ามีตัว ก็ต้องต่อสู้รบกันไป พุทธศาสนาสอนว่าไม่มีตัวก็ไม่มีทางที่จะเห็นแก่ตัว แต่คนก็ปฏิบัติไม่ได้