แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านที่มีหน้าที่และการศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์ทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลายสู่สถานที่นี้ในลักษณะเช่นนี้ คือ แสวงหาความรู้ทางธรรมะเพื่อไปประกอบการศึกษาและหน้าที่การงานของตน ของตน ขออนุโมทนา ว่าโดยตรงความรู้ทางธรรมะก็เกี่ยวข้องกันอยู่มากกับเรื่องการแพทย์โดยเฉพาะการเยียวยาโรคภัยไข้เจ็บ
ในพระบาลีก็มีคำกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในฐานะที่เป็นแพทย์ ดังคำกล่าวตอนหนึ่งของ(นาทีที่ 03:02) ตอบว่า มหากรุณิโก สตฺถา สพฺพโลกติกิจฺฉโก พระศาสดาของข้าพเจ้าผู้มีกรุณาใหญ่ เป็นนายแพทย์ผู้เยียวยาโรคของสัตว์โลกทั้งปวง พระพุทธเจ้าเป็นนายแพทย์ใหญ่รักษาเยียวยาโรคของสัตว์โลกทั้งปวง
มันขึ้นอยู่กับความหมายของคำว่า โรค โรค สำหรับที่เกี่ยวกับธรรมะในพระศาสนานั้นก็มีโรคเฉพาะ โรคมันมีหลายชนิด มีหลายระดับ ถ้าเป็นโรคทางกาย เป็นโรคทางระบบประสาท หรือโรคทางจิตใจ ก็ไปหาโรงพยาบาลโรคประสาทหรือโรคจิต แต่ถ้ามันเป็นโรคที่เกิดแก่สติปัญญาแล้วมันไม่มีโรงพยาบาลไหน นอกจากโรงพยาบาลของพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์เป็นนายแพทย์ มีธรรมะเป็นหยูกยา โรงพยาบาลอย่างนี้หรือโรคภัยไข้เจ็บอย่างนี้ เป็นเรื่องของสติปัญญา
นี้ต้องขอแบ่งโรคภัยไข้เจ็บว่ามีอยู่ ๓ ชั้น คือ
ทางกาย
ทางจิต
และก็ทางสติปัญญา
แม้ว่าคนจะมีความสบายถูกต้องทางร่างกายและทางจิต แต่ทางสติปัญญา อาจจะผิดพลาดอยู่ตลอดเวลาก็ได้ คือ เป็นโรคทางสติปัญญาอยู่ตลอดเวลาก็ได้ ความคิดผิด เห็นผิด เชื่อผิด อุดมคติผิดผิด ยึดมั่นถือมั่นผิดผิด ทั้งหมดนี้รวมกัน เรียกว่า โรคทางสติปัญญา
ภาษาฝ่ายPhilosophy สากลมันก็มีโรคทางกาย Physical ทางจิต Mental ทางสติปัญญาSpiritual Spiritual ซึ่งในภาษาไทยไม่มีคำแปลเฉพาะ แปลกันอย่างขอไปทีว่า โรคทางวิญญาณ ไม่ตรงตามหลักธรรมะนัก แต่มันก็ขอไปทีว่า โรคทางวิญญาณ เพราะคำว่า วิญญาณ นั้นก็แปลว่า ความรู้แจ้ง มันก็คือ สติปัญญาได้เหมือนกัน ไอ้โรคทางสติปัญญานั้น มันติดต่อตลอดวันตลอดคืน โรคทางกาย นานนานมันจะเป็นสักครั้งหนึ่ง แม้แต่โรคทางจิตมันมีระยะ แต่โรคทางสติปัญญาติดต่อกัน และต้องเรียกว่าเป็นกันทุกคนยกเว้นพระอรหันต์เท่านั้นนะ เป็นกันทุกคนไม่มียาชนิดไหนที่จะบำบัด
ที่อาตมาพอจะกล่าวได้บ้างก็เป็นเรื่องโรคทางสติปัญญาโดยเฉพาะก็ คือ ความเห็นผิด เข้าใจผิด จนเกิดอาการชนิดหนึ่งขึ้นมา คือ ความเห็นแก่ตัว ความเข้าใจผิด ยึดถือผิดตลอดกาลก็คือความยึดถือว่ามีตัว มีตัวกู มีตัวตนของกู มีตัวตนของตน มันมีอยู่ตลอดเวลา เมื่อไปยึดถือหนักเข้า มันก็เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เพราะว่า ไอ้ตัวนั้น มันหมายถึงกิเลส ที่มีเหยื่อ มีอารมณ์อะไรสนองกิเลส เพลิดเพลิน พอใจ หลงใหล อาการที่เรียกว่าเห็นแก่ตัว มันก็เกิดขึ้นมา นี่เป็นตัวโรค เห็นแก่ตัวรูปแบบหนึ่ง นี้เกิดความโลภ อยากจะได้ อยากจะเอา อย่างโง่เขลา อย่างไม่ยุติธรรม
เห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมามันก็โกรธ มันไม่ได้อย่างใจเป็นความโกรธบ้าง เป็นความประทุษร้ายบ้าง
นี้เห็นแก่ตัวบางอย่างก็เป็นความหลง เป็นความโง่ เป็นความหลง เป็นความสะเพร่า เรียกว่า โมหะ เป็นได้ ๓ รูปแบบ
เป็น ราคะ
เป็น โทสะ
เป็น โมหะ
ที่มีประจำกันอยู่ทุกคน แต่คนก็ไม่รู้จัก เพราะไม่สนใจจะรู้จัก และปล่อยไปตามอารมณ์มันก็สนุก ราคะ โทสะ โมหะ นี้ก็หลงใหล ปล่อยไปตามอารมณ์ มันก็สนุกดี ไม่มีใครมองไปในฐานะที่จะเป็นโรค
แต่ในทางธรรมะหรือทางศาสนามองในฐานะที่จะเป็นโรค คือ เสียบแทงให้เจ็บปวด แต่มันเจ็บปวดอย่างประณีต อย่างลึกลับ ผู้ถูกแทงกับจะพอใจไปเสียอีก มันเกิดโลภ เกิดโกรธ เกิดหลง ๓ ชนิด ขอให้รู้จักให้ดีดีเพราะมันมีอยู่ด้วยกันทุกคน
ทีนี้มันก็มีเรื่องมีความลับของมันว่า ว่าเกิดกิเลสอย่างนี้ โลภก็ดี โกรธก็ดี หลงก็ดีขึ้นมาแล้ว ให้มันเก็บเป็นความเคยชินไว้ในสันดานส่วนลึกของจิตใจเหมือนกับที่เก็บ เก็บเป็นความเคยชินที่จะเป็นอย่างนั้นอีก
เป็นโลภครั้งหนึ่งเมื่อเก็บความเคยชินไว้ที่จะโลภอีก รักครั้งหนึ่งก็เกิดความเคยชินที่จะรักอีก โกรธครั้งหนึ่งก็เก็บความเคยชินไว้ที่จะโกรธอีก โง่หรือสะเพร่าครั้งหนึ่งมันก็เก็บเป็นความเคยชินไว้ที่จะโง่หรือสะเพร่าอีก เพราะฉะนั้นมันจึงละยากเพราะมันเก็บไว้เป็นความเคยชินอยู่ในสันดาน ใช้คำว่าสันดาน คือ ในส่วนลึกของจิตใจ กิเลสที่เก็บไว้เป็นความเคยชินอย่างนี้ เรียกชื่อกันใหม่ว่า อนุสัย
อนุสัย คงจะแปลกหูสำหรับท่านทั้งหลาย แต่ก็ควรจะจำไว้แต่คำว่าอนุสัยนี้มันมีอยู่ คือ ความเคยชินของกิเลสที่เกิดขึ้นแล้วสำหรับจะเกิดอีก มันเคยชินสำหรับจะเกิดอีก มันเก็บไว้มากเข้า มากเข้าทุกครั้งที่มันมีกิเลสมันก็เกิดความผลักดันอันหนึ่งที่จะกลับออกมาเมื่อมีโอกาส พอมีโอกาสที่จะโกธร มีอะไรมายั่วให้โกรธ มันก็โกธรหนัก ให้รักก็รักหนัก ให้หลงก็หลงหนัก ให้โลภก็โลภหนัก กิเลสจะกลับออกมาส่วนนี้ เรียกว่า อาสวะ อาสวะกิเลสเมื่อไหลกลับออกมาในบุคคลแต่ละคน มันมีอนุสัยเก็บไว้มาก ถ้าได้เหตุปัจจัยนิดหน่อยก็พุ่งออกมาเลยเป็นอาสวะ หรือ ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรมากมายมันก็รั่ว รั่วออกมา กรุ่นออกมาเป็นนิวรณ์ รบกวนจิตใจไม่ให้ชื่นบานทำจิตใจให้เศร้าหมองก็เป็นนิวรณ์
แต่ถ้าสิ่งที่มายั่วยวนนั้นมีมากพอ มันก็ออกมาเป็นกิเลสเต็มตัว หรือเต็มรูปเหมือนเดิม เป็นโลภ โกรธ หลง ตามเดิมอีก นี่เรียกว่า โรค หรือรังโรค หรือเชื้อโรคมันมีอยู่ในแต่ละคน ละคนอย่างนี้
ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะรัก พร้อมที่จะโลภ พร้อมที่โกรธ พร้อมที่จะเกลียด พร้อมที่จะตื่นเต้น วิตกกังวลอะไรอะไรสารพัดอย่างที่เป็นกิเลส แล้วก็ทิ่มแทงไอ้คนคนเจ้าของ ชีวิตก็เลยกลายสัตว์เจ้าของไป เพราะเป็นโรคทางจิตทางวิญญาณ
ความสำคัญของกิเลสทั้งหลายเหล่านี้ มาจากความหลงว่ามีตัว แล้วก็เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว ที่รู้จักกันทั้งโลกก็ว่า Selfish ถ้าเป็นคำนามเต็มรูปก็ว่า Selfishness ซึ่งก็รู้จักกันทั้งโลก แต่ก่อนเคยใช้เป็นคำด่า ด่าว่าไอ้หน้าเห็นแก่ตัว แต่เดี๋ยวนี้มันเห็นแก่ตัวเหมือนเหมือนกันทั้งหมดทั้งโลก แล้วมันก็ไม่ค่อยด่ากันเลยคำนี้
ความเห็นแก่ตัวเป็นเหตุให้เกิดกิเลส เกิดโรคโดยเต็มรูปในจิต สะสมไว้ในจิต แล้วก็ออกมาทางกาย ออกมาทางกาย โรคทางกาย หรือโรคทางจิตหลายชนิด เนื่องกับโรคทางวิญญาณ ทางฝ่ายวิญญาณที่กล่าวแล้ว ซึ่งต้องขอเรียกชื่อเป็นชื่อ โรคทางวิญญาณ
เห็นแก่ตัวมันก็กินมาก มันท้องเสีย ความท้องเสียมันมาจากความเห็นแก่ตัว กินมาก เรียกว่า ทางจิตทางวิญญาณ เห็นแก่ตัวเล่นหัวมาก กลางแดด ปวดหัว นี้ก็มาจากโรคเห็นแก่ตัวทางจิตทางวิญญาณ โรคหลายหลายอย่างมาจากการประพฤติกระทำเกินพอดีเพราะความเห็นแก่ตัวมีอยู่มากมาย แต่เดี๋ยวนี้ถ้าพูดถึงธรรมะ ทางศาสนา เราจะระบุไปยังโรคทางวิญญาณโดยเฉพาะ คือ ความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปัญหายุ่งยากที่จะต้องปราบปรามกันเป็นอันมาก
ความเห็นแก่ตัวทำให้เกิดสงคราม มีสงครามที่ไหนก็ต้องมีการเห็นแก่ตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือของทั้งสองฝ่าย มีปัญหาต้องปราบปราม ต้องมีทหาร ต้องมีอะไร และปัญหาสูงสุดของโลกมันก็มาจากความเห็นแก่ตัว แต่มันไม่สำคัญเท่ากับว่าในตัวคนแต่ละคน แต่ละคน ศัตรูภายในของแต่ละคน ข้าศึกเลวร้ายของแต่ละคนและคน มันก็คือความเห็นแก่ตัวของคนคนนั้นที่มีอยู่ในจิตใจของคนคนนั้น แต่ละคนมีข้าศึกเลวร้าย คือ ความเห็นแก่ตัว แล้วก็เป็นโรคเลวร้ายทางจิตทางวิญญาณ พร้อมที่จะไปทำให้เกิดโรคทางกาย ทางจิต พร้อมที่จะเกิดปัญหาทางสังคม ถ้ามีความเห็นแก่ตัวมันเกิดปัญหามากมาย เป็นโรคของสังคมไปเลย เป็นโรคของโลกของคนทั้งโลกไปเลย ความเห็นแก่ตัวกำลังจะทำให้โลกวินาศ
ขอได้โปรดพิจารณาต้นเหตุเลวร้ายของโลก โรคของบุคคล โรคของครอบครัว โรคของสังคม โรคของประเทศชาติ กระทั่งโรคของโลกมันมาจากความเห็นแก่ตัว ถ้าระงับโรคนี้ได้แล้วก็โลกนี้ไม่มีโรค
ฉะนั้นขอให้ช่วยกันวินิจฉัยถึงโรคอันเลวร้ายที่สุดของมนุษย์ คือ โรคเห็นแก่ตัวให้เป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ชัดเจนแล้วก็ช่วยกันปราบปราม ปราบปรามโรคทางวิญญาณ โรคทางสติปัญญาได้แล้ว โลกนี้ก็จะหมดโรคทุกทุกอย่างก็ว่าได้
นี้ขอได้โปรดพิจารณาโรคที่เป็นข้าศึกอยู่ภายในจิตใจของแต่ละคน ของแต่ละคนทุกคน รวมทั้งตัวเราเองว่ามันถึงขนาดไหน กำลังจะทำให้โลกทั้งโลกวินาศได้อย่างไร
ความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวมันก็ไม่เห็นแก่ความถูกต้อง ไม่เห็นแก่ผู้อื่น เพราะว่ามันเอามาเห็นแก่ตัวเสียหมดไม่เหลือไว้สำหรับเห็นแก่ผู้อื่น หรือเห็นแก่ความถูกต้อง ความเห็นแก่ตัวมันเป็นอย่างนี้ ที่จริงมันก็ คือ กิเลส เป็นโรคของกิเลส กิเลสมันก็เห็นแก่เรื่องกิเลสไม่เห็นแก่ความถูกต้อง
ดังนั้น ความเห็นแก่ตัวเป็นมูลเหตุของปัญหาความยุ่งยากลำบากทั้งหลาย ของความชั่วร้ายทั้งหลาย ของวิกฤตการณ์ทั้งหลาย เอาเป็นเรื่องของบุคคลแต่ละคนก็ว่า เมื่อเห็นแก่ตัวแล้วมันก็ขี้เกียจ เห็นแก่ตัวแล้วขี้เกียจ ไม่อยากทำงานอยากนอนแต่อยากเอาประโยชน์ ดูเถอะคนเห็นแก่ตัวอย่างนี้ก็มีให้เห็นเลย เห็นแก่ตัวแล้วก็ขี้เกียจ คนเห็นแก่ตัวก็เอาเปรียบ คอยจ้องที่เอาเปรียบสารพัดอย่าง คนเห็นแก่ตัวก็พร้อมที่จะโกง คดโกง ยกหูชูหางที่จะพูดจาดุร้าย หรือว่าจะไม่พูดสมัครสมานสามัคคี พูดแต่การแตกแยก แตกแยก เป็นมึงเป็นกูไม่มีความสามัคคี นี้คิดดูว่าจะเป็นอย่างไร พร้อมที่จะโกงอยู่เสมอ พร้อมที่จะเอาประโยชน์ส่วนตัว จะชวนมาช่วยกันทำประโยชน์แก่ประเทศชาติมันก็ไม่ทำ เพราะมันเห็นแก่ตัว แต่พอประโยชน์เกิดขึ้นมันก็จะเอา
จึงมีคำพูดในฝ่ายศาสนาทั่วไป ทั้งพุทธ ทั้งคริสต์ว่า ให้ชวนคนเห็นแก่ตัวมาทำประโยชน์ส่วนรวมนี้ ให้ชวนช้างลอดรูเข็มเสียดีกว่า ง่ายกว่า บ้างก็ว่าชวนอูฐรอดรูเข็มเสียยังง่ายกว่าชวนคนเห็นแก่ตัวมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ นี้โดยส่วนตัวมันก็เบียดเบียนตัวเอง เบียดเบียนตัวเอง ทรมานตัวเอง ขุดหลุมฝังตัวเองอยู่อย่างนี้ หาความสงบเย็นไม่ได้ สงบเย็นแท้จริงไม่ได้
ทีนี้มันเกี่ยวกับสังคม เมื่อเห็นแก่ตัว มันก็สร้างมลภาวะ มลภาวะทั้งหลายในทั่วประเทศ ทั่วโลก มลภาวะเกิดมาจากผู้เห็นแก่ตัวโดยตรงเกือบทั้งนั้น โดยอ้อมก็มี มีความเห็นแก่ตัวแล้วก็สร้างมลภาวะ จนกำจัดกันไม่ไหวจนกลายเป็นปัญหาโลก ให้ลิงหัวเราะ ให้คนป่าหัวเราะ ปัญหามลภาวะ
ทีนี้ก็มีปัญหาอุบัติเหตุ อุบัติเหตุอันเลวร้ายบนท้องถนนก็ดี ในแม่น้ำลำคลองก็ดี ในทะเลก็ดี มันเห็นแก่ตัว ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ นักศึกษาหญิงจำนวนหนึ่ง ไปเที่ยวทะเล ไปเช่าเรือผุพังลำหนึ่งออกไป พอถึงทะเลก็เต้นรำกัน จนเรือจม สมน้ำหน้า มันเห็นแก่ตัวจนไม่ดูว่าเรือลำนี้มันไม่สมควร แล้วมันเห็นแก่ตัวจนว่าเรือมันผุพังจะไปกระโดดโลดเต้นอยู่บนเรือลำนี้ มันไม่สมควร ความเห็นแก่ตัวมันทำให้โง่ สองชั้นสามชั้น
ชั้นเห็นแก่ตัวตามธรรมดานั้น เห็นชนกันบ้าง ระเบิดบ้าง อะไรบ้าง ในข่าวร้ายร้าย เลวร้าย อุบัติเหตุทั้งหลายมาจากความเห็นแก่ตัวของผู้เห็นแก่ตัว ของนายทุน ของเจ้าของเดิมก็มี ของลูกน้อง ของคนใช้ก็มี สร้างอุบัติเหตุ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว มันก็ได้ยาเสพติดมาเป็นของขวัญ จะเป็นเรื่องเลวร้ายรุนแรง เช่น เหล้า เช่นอะไรไม่รู้ ของยาเสพติดใดใดก็ตาม ความเห็นแก่ตัวมันดึงเข้าไป ดึงเข้าไป ดึงเข้าไป จนได้เสพติด แล้วความเห็นแก่ตัวนั้นไม่มีอะไรมากมาย เห็นแก่ตัวเรื่องเล็กเล็กน้อยน้อยมันก็ได้ตกเป็นโรคที่ไม่ควรจะเป็น โรคน่าเกลียดเลวร้าย โรคเอดส์ โรคAIDS อะไรก็ตาม มันมาจากความเห็นแก่ตัว มันไม่ถนอมตัว มันปล่อยไปตามความสนุกสนานอร่อยของมัน เขาให้ควบคุมมันก็ไม่ควบคุม เพราะมันเห็นแก่ตัว คนจึงได้เป็นโรคที่สุนัขก็ไม่เป็น สุนัขคือหมาก็ไม่เป็น โรคAIDS โรคSyphilis Gonorrhea อะไรก็ตาม โรคที่หมามันก็ไม่เป็น และคนก็ได้เอามาเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวหลายหลายระดับ ให้คนป่าสมัยโบราณหัวเราะ คนพวกนั้นไม่เคยรู้จัก แม้แต่ลิง ค่าง มันก็ไม่เคยเป็นโรคอย่างนี้
นี้โรคที่สุนัขก็ไม่เป็นและคนเอามาเป็นเพราะมันเห็นแก่ตัว แล้วมันก็ทำลาย สร้างปัญหาทางสังคม คนเห็นแก่ตัวทำลายป่า ทำลายป่าอย่างหน้าเลือด คนเห็นแก่ตัวก็ทำลายสิ่งที่ผู้อื่นเขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาดี ถนนหนทาง ห้วยหนองคลองบึงบาง ที่สร้างไว้อย่างดี คนเห็นแก่ตัวก็ลุกล้ำทำลายหมด เห็นแก่ตัวเอาทั้งนั้นเลย
นี้เรื่องทางสังคมมหาศาล ปัญหานั้นก็มาจากเห็นแก่ตัว เป็นโรคทางวิญญาณ เมื่อเห็นแก่ตัวหนักเข้าหนักเข้า มันก็หลงทางทำสิ่งที่เลวร้าย มันรวยลัด พวกอันธพาล เขามีคำว่า รวยลัด ไปทำงานสุจริตตามหน้าที่มันรวยช้า รวยลัด คือ จี้ ปล้น อะไรก็ตามใจ รวยภายในไม่กี่นาที มันเข้มข้นถึงอย่างนี้ โรคเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวมีการเบียดเบียนสังคม แต่แล้วมันก็ไม่เพียงเท่านั้น มันมากเข้า หนักเข้า หนักเข้า มันก็หลงทาง หลงทางที่เกินพอดี เกินยิ่งเกิน เกิน เกิน เกินจนได้เป็นบ้า
คนบ้าในโรงพยาบาลบ้าอาตมาขอท้าทายช่วยไปสำรวจดูมูลเหตุมาจากความเห็นแก่ตัว มันหลงทางทั้งนั้น มันจึงค่อยค่อยกลาย ค่อยค่อยกลาย กลายไปเป็นบ้า เป็นบ้าทุกชนิดในโรงพยาบาลบ้าหรือนอกโรงพยาบาลบ้า ไอ้คนบ้านี้มันมาจากความเห็นแก่ตัว มันหลงทาง
ทีนี้หลงทางหนักขึ้นไปอีกมันก็ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าลูก ฆ่าเมีย ฆ่าตัวเองตายตาม เอากับมันซิ ความเห็นแก่ตัวที่มันหลงทาง เป็นมหาเศรษฐีก็ยังฆ่าตัวเองตายบ่อยบ่อย ความเห็นแก่ตัวมันหลงทาง สร้างคุกตะรางเท่าไหร่ก็ไม่พอ สร้างตำรวจเท่าไหร่ก็ไม่พอ สร้างศาลสถิตยุติธรรมเท่าไหร่ก็ไม่พอ สร้างโรงพยาบาลบ้าเท่าไหร่ก็ไม่พอ อาตมานั่งฟังรายงานรัฐบาลว่า เงินไม่พอที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ จนมันหาทางผ่อนผันกันยังไงก็ เพราะว่าไอ้คนเห็นแก่ตัวมันมากขึ้นมากขึ้นในโลก โลกเจริญไปด้วยวัตถุที่ส่งเสริมความเห็นแก่ตัว เขาก็ผลิตกันด้วยเครื่องจักร เครื่องจักรทำออกมามากมาก ยั่วยวนให้ซื้อ โฆษณาให้ซื้อ ศิลปะของการโฆษณามันก็เลยเก่งขึ้นไปตาม
เดี๋ยวนี้ศิลปะโฆษณาเก่งเหลือประมาณ โฆษณาให้คุณยายขี้เหนียวซื้อตู้เย็นก็ทำได้ ไอ้การโฆษณามันเก่ง เก่ง เก่ง เก่ง เหยื่อของความเห็นแก่ตัว ผลิตขึ้นมาด้วยเครื่องจักรเท่าไหร่ เท่าไหร่ ก็ขายหมด
ฉะนั้นโลกนี้มันก็เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว มันก็มีการต่อต้าน มีการแย่งชิง มีการต่อสู้ ระหว่างบุคคล ระหว่างครอบครัว ระหว่างสังคม ระหว่างประเทศ แล้วก็โลก เป็นสงครามโลก เพราะมันเห็นแก่ตัว คนมั่งมีก็เห็นแก่ตัว คนยากจนก็เห็นแก่ตัว นายจ้างนี้ยังเห็นแก่ตัว ลูกจ้างก็ยิ่งเห็นแก่ตัว มันจะพูดกันรู้เรื่องเหรอ ปัญหาสังคมที่รัฐบาลกำลังปวดหัว ระหว่างเรื่องนายจ้างลูกจ้าง มันก็เห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สมัครผู้แทนก็เห็นแก่ตัว คนรับจ้างเลือกผู้แทนก็เห็นแก่ตัว แล้วมันจะเกิดเรื่องอะไรลองคิดดู มันเป็นปัญหาที่ทุกซอกทุกมุมมันเข้าไปแทรกแซง คือ ความเห็นแก่ตัว
ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัว กรุณาช่วยคำนวณดูหน่อยว่า ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวอย่างเดียว มันไม่มีสิ่งเลวร้ายเหล่านี้แม้แต่นิดเดียว ไม่ต้องมีตำรวจ ไม่ต้องมีคุกตาราง ไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีโรงพยาบาลบ้า ถ้าเขยิบไปถึงเรื่องของโลก ไม่มีสงคราม ไม่ต้องมีทหาร
ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัว คดีเกิดไม่ได้ ไม่ว่าทางแพ่ง หรือทางอาญาเกิดไม่ได้ กฎหมายเอาไปทิ้งทะเลเสียก็ได้ไม่ต้องใช้ ถ้ามนุษย์มันไม่เห็นแก่ตัวอย่างเดียว มันไม่มีปัญหาไม่มีอะไรเลย
ดังนั้น ความไม่เห็นแก่ตัว จึงเป็นคำสอนสูงสุดของทุกทุกทุกศาสนา ศาสนายิวโบราณหลายพันปีก็ตาม ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู ศาสนาChristian ศาสนาอิสลาม ไม่เห็นแก่ตัวอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหา ทุกศาสนาล้วนแต่สอนอย่างนี้ แต่คนมันก็ไม่ปฏิบัติจะว่ายังไง ศาสนาก็เลยก็เลยมีแต่ร้องตะโกน ถ้าปฏิบัติมันก็หมดปัญหาอย่างที่ว่า แล้วก็ไม่ต้องมีศาสนาด้วย
ถ้ามนุษย์ไม่เห็นแก่ตัว ศาสนาไม่ต้องเกิดขึ้นมาในโลก ศาสนาทุกทุกศาสนาแต่ละศาสนาทยอยเกิดกันขึ้นมาในโลก ก็เพราะมนุษย์เริ่มเห็นแก่ตัวเริ่มเห็นแก่ตัว เกิดศาสนาคริสต์ ศาสนายิวก็แก้ปัญหาที่นั่น เกิดศาสนาคริสต์ก็แก้ปัญหาที่นู้น อิสลามที่นี่ พุทธที่นู้น ฮินดูที่นี่ Lao-tzu ขงจื้อที่นั่น มันทุกทุกมุมโลก ธรรมชาติมันบังคับให้เกิดขึ้น เพราะมนุษย์เห็นแก่ตัว มันก็บังคับมนุษย์ให้สร้างวิธีที่แก้ไข มนุษย์พบไอ้สิ่งที่เรียกว่า ศาสนา ใจความสำคัญก็แก้ไขความเห็นแก่ตัวกันทุกศาสนา ถ้ามนุษย์ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ต้องเกิดศาสนา และไม่ต้องมีกฎหมาย ไม่ต้องมีการปกครอง
เรื่องที่น่าสนใจ หรือจะถือเป็นเรื่องที่ฟังเล่นก็แล้วแต่ ลูกศิษย์มาถามอาจารย์ใหญ่ชื่อ Lao-tzu ในประเทศจีนคล้องสมัยกับพระพุทธเจ้า Lao-tzu นี้มันคล้องสมัยกับพระพุทธเจ้าแต่มันอยู่ในเมืองจีน
ลูกศิษย์ก็ถามท่านอาจารย์ การปกครองที่ดีที่สุด คือ การปกครองอะไร ที่ประเสริฐที่สุด คือ การปกครองอะไร
อาจารย์ Lao-tzu ก็ตอบว่า การปกครองที่ไม่มีการปกครอง การปกครองที่ไม่ต้องมีการปกครอง (นาทีที่ 28:29) ลูกศิษย์คนนั้นจะคิดว่าอาจารย์บ้าเหรอ อาจารย์ตอบอย่างนี้เลยไม่ถาม มันก็เลยไม่ได้รับคำอธิบาย
เดี๋ยวนี้อาตมามาใคร่ครวญดูมันมีความจริงเหลือประมาณ ในคำว่า การปกครองที่ไม่ต้องมีการปกครอง คือ เมื่อประชาชนทุกคนไม่เห็นแก่ตัว เมื่อประชาชนทุกคนไม่เห็นแก่ตัว มีการปกครองชนิดที่ไม่ต้องมีการปกครอง มันไม่ต้องมีปกครองอะไร มันไม่เห็นแก่ตัว มันไม่มีความผิดทั้งทางอาญา ทั้งทางแพ่ง การปกครองที่ไม่ต้องมีการปกครอง คือ การปกครองที่ปกครองผู้ไม่เห็นแก่ตัว
ขอช่วยจำกันเสียเถอะ มันเป็นความจริงเหลือประมาณ จะทำได้หรือไม่ได้นี่อีกเรื่องต่างหาก แต่มันเป็นความจริงอยู่ที่คำว่า ความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวเลวร้ายที่สุด นี้เรากำลังเพิ่มความเห็นแก่ตัว
ก่อนนี้การศึกษาแฝดกันอยู่กับธรรมะหรือศาสนา การศึกษา การศึกษาระดับสูงสุด มหาวิทยาลัยOxford Cambridge ก่อนนี้เป็นโรงเรียนราษฎร์ของวัด พระจัดเป็นโรงเรียนราษฎร์ของวัด พึ่งเติบโตเป็นมหาวิทยาลัยOxford Cambridge ทีหลัง พระควบคุมเต็มที่ เมื่อ น.ม.ส กลุ่ม น.ม.ส ไปเรียนเลยมาเล่าให้ฟังว่ามีพิธีเหลืออยู่มาก การอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้น การกินข้าว การทำพิธีทางศาสนา แต่เดี๋ยวนี้มันเลิก แยกออกจากกัน เกิดลัทธิแยกการศึกษาออกจากทางศาสนาโดยเด็ดขาด
Secularization หมายถึง แยกศาสนากับการศึกษาออกจากกัน อย่าเอาศาสนามาทำความเนิ่นช้าให้แก่การศึกษา ใครอยากจะรู้ธรรมะรู้ศาสนาก็ไปเรียนเอาเอง นี่ก็คือว่าการศึกษามันไม่มีอะไรควบคุม ก็เลยได้แต่ความฉลาด ฉลาด ฉลาดเหลือประมาณและไม่มีอะไรควบคุมความฉลาด ก็เลยเอาความฉลาดไปใช้เห็นแก่ตัวสบายไปเลย โลกนี้ก็เต็มไปด้วยวิกฤติต่างต่าง
เมื่อก่อนไอ้ศาสนาหรือธรรมะมันเข้าไปควบคุมการศึกษา ให้ใช้การศึกษาไปในทางที่ถูกต้องอย่างน้อยน้อยมันสุภาพบุรุษผู้ไม่เห็นแก่ตัวเป็นผลของการศึกษา
สมัยนี้มันมีสุภาพบุรุษผู้เห็นแก่ตัวเป็นผลของการศึกษา นักศึกษาที่เห็นแก่ตัวเป็นผลของการศึกษา โลกเราจึงเป็นอย่างนี้
นี้ขอให้ระลึกนึกถึงข้อนี้ว่า ความรู้สึกวิปริต เห็นแก่ตัวนั่นแหละเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ ทางจิตทางวิญญาณแล้วก็ออกมาถึงทางร่างกายทางนี้เรื่อยเรื่อยมา เมื่อครูเห็นแก่ตัว ครูบาอาจารย์เห็นแก่ตัวคิดดู ครูก็ทำนาบนหลังลูกศิษย์ เมื่อหมอเห็นแก่ตัวก็ทำนาบนหลังคนเจ็บ เมื่อตุลาการเห็นแก่ตัวก็ทำนาบนหลังจำเลย พระเจ้าพระสงฆ์เห็นแก่ตัวก็ทำนาบนหลังทายก ทายิกา มันช่วยไม่ได้อย่างนี้
ดังนั้น จึงเห็นว่ามูลเหตุทั้งหลายทั้งหมดทั้งสิ้นของความเลวร้ายของปัญหา ของความทุกข์ ของโลกคือ ความเห็นแก่ตัว คือ ความไม่มีธรรมะ ไม่เห็นแก่ธรรมะ ไม่มีโอกาสให้ธรรมะ ไม่เห็นแก่ธรรมะ มันก็ไม่เห็นแก่ผู้อื่น มันก็เบียดเบียนกันเต็มที่ สงครามจึงเต็มไปทุกหัวระแหง สงครามยิงกัน มันยังมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ยิงกันใหญ่มันหยุดไป แต่ยิงกันน้อยน้อยมันยังมีเหลืออยู่ทั่วทุกหัวระแหง สงครามเย็นก็ยิ่งมีทั่วทุกหัวระแหง สงครามทางเศรษฐกิจ สงครามทางการเมือง แล้วมันก็ยังมีอยู่ลึกซึ้งอยู่ทั่วไปทุกหัวระแหง มันก็ไม่ว่างจากสงคราม คนก็เป็นโรคเห็นแก่ตัวมากขึ้น มากขึ้น เด็กเด็กสมัยนี้เห็นแก่ตัว จนไม่กตัญญูซื่อตรง หรือเคารพบิดามารดา ครูบาอาจารย์ สร้างปัญหาให้มาก ให้ช่วยกันเถอะช่วยกันแนะนำชี้แจงสั่งสอนให้ลูกเด็กเด็ก ให้มันเกลียดกลัวความเห็นแก่ตัว เกลียดความเห็นแก่ตัว ลูกเด็กเด็กอย่าทำให้พ่อ แม่ต้องน้ำตาไหล เพราะเอาใจเอาแต่ใจตัวเอง แม่นั่งน้ำตาไหลอยู่มันก็ไม่เห็นมันก็ไม่สนใจ ถ้าเป็นอย่างนี้หนักเข้า มันก็จะยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม เลวร้ายไปกว่าเดิม
ความเห็นแก่ตัวมันทวี ทวี เพิ่มเร็วกว่าการทวีของคน การเพิ่มคนโลกนี้มันก็ไม่ใช่ช้าอยู่แล้ว แต่ว่าการทวีแห่งความเห็นแก่ตัวของคนในโลกเร็วกว่านั้นมาก โลกก็เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เต็มไปด้วยความเดือดร้อนเป็นทุกข์สารพัดอย่าง
เมื่อไม่มีน้ำแข็งกิน ไม่รู้จักทำน้ำแข็งกิน มนุษย์ใจคอเยือกเย็นกว่าเดี๋ยวนี้
เมื่อยังไม่มีไฟฟ้าใช้ มนุษย์มีสว่างไสวทางจิตใจมากกว่านี้
เมื่อไม่มีเรือบิน ไม่มีรถยนต์ มนุษย์ไปสู่ที่ต้องการที่ควรไปมากกว่านี้
เดี๋ยวนี้ไปโลกพระจันทร์ก็ได้ ไปไหนก็ได้ แต่ในโลกนี้ยิ่งไม่มีสันติภาพ ยิ่งไม่มีสันติภาพ เพราะความเห็นแก่ตัว
อาตมาจึงขอเสนอโรคทางวิญญาณ คือ โรคความเห็นแก่ตัว เป็นต้นเหตุแห่งโรคทั้งหลาย เป็นต้นเหตุแห่งวิกฤตการณ์เลวร้าย เป็นต้นเหตุแห่งบาปแห่งอกุศลแห่งกรรมชั่วในโลก
ดังนั้น ขอได้ช่วยกันอุทิศเวลา ศึกษา เข้าใจ แล้วช่วยกันขจัด ช่วยกันอบรมลูกเด็กเด็กให้เกลียดกลัว และช่วยกันป้องกัน ช่วยกันขจัดโลกนี้ก็จะมีสันติภาพมีสันติสุข เป็นความเยือกเย็น เยือกเย็นในความหมายของพระนิพพาน ไม่มีกิเลสเป็นไฟเผาให้ร้อน มีแต่ความเยือกเย็น เยือกเย็น ความสะอาด ความสว่าง ความสงบ เสรีภาพในทางจิตใจจากความครอบงำของกิเลส และก็เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์แก่กันและกัน มีแต่รักใคร่เมตตาอารีกัน เรียกสั้นสั้นว่ามีความสงบเย็น และเป็นประโยชน์ ส่วนตัวสงบเย็น ส่วนผู้อื่นก็เป็นประโยชน์ สำเร็จได้ด้วยการกำจัดโรคเลวร้าย คือ ความเห็นแก่ตัวออกไปเสียได้ มิฉะนั้นคนจะต้องเป็นโรคที่สุนัขก็ไม่เป็นต่อไปตามเดิม
เวลาที่กำหนดไว้ให้หมดแล้ว ๓๐ นาที อาตมาก็ขอยุติการบรรยาย ขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลายสู่สถานที่นี้ เพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมะไปประกอบการศึกษาและหน้าที่การงานของตนของตนให้เจริญยิ่งยิ่งขึ้นไป ขออนุโมทนา อนุโมทนาและแสดงความหวังว่าจงสำเร็จประโยชน์ตามนั้นทุกประการเทอญ ขอยุติการบรรยาย
มีเห็นแก่ตัวเมื่อใดกัดเจ้าของ ก็เลยต้องสอนเรื่องขันธ์ ๕ เรื่องปฏิจจสมุปบาทว่าชีวิตมันกัดเจ้าของอย่างไร แล้วก็สอนอานาปานสติ สามารถช่วยขจัดกิเลสนี้ออกไปอย่างไร
วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๑๐ ยกให้พวกฝรั่งทุกเดือน ทุกเดือน ระหว่างนี้ที่อบรมสั่งสอนอยู่เมื่อเช้านี้ ๒ กิโลจากนี้ สร้างขึ้นเฉพาะเลยเหมือนกับถ้ำ ๑๒๐ ถ้ำ คราวหนึ่งคราวหนึ่งได้ ๑๒๐ คน สามสี่ปีมาแล้ว สนใจกันขึ้น สนใจกันขึ้นมาเองเหมือนมาตลาดนัด ไม่ต้องออกหนังสือหนังหา ไม่เคยออกหนังสือแม้แต่ฉบับเดียว ถ้าจัดขึ้นมันก็มีมา บอกกันเองด้วยปากเรียกได้ว่าทุกประเทศ พวกแขกก็พอมี จีนก็พอมีคนสองคน ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งทั้งนั้น เลบานอนก็เคยมี เป็นอาหรับ อิสลามก็เคยมาศึกษารวมกับพวกฝรั่ง
อาตมาก็บอกเขาอย่างนี้แหละ มันไม่ใช่เรื่องศาสนาไหนโว้ย เป็นเรื่องของธรรมชาติ เห็นแก่ตัวเมื่อไหร่ก็กัดเจ้าของเมื่อนั้น อย่าไปว่านี้เป็นพุทธศาสนา ตัวเองถือศาสนาอื่นแล้วก็ศึกษาไม่ได้ มันไม่ใช่อย่างนั้น เป็นเรื่องความจริงของธรรมชาติ ของกฎของธรรมชาติ มนุษย์ทุกคนอยู่ใต้กฎอันนี้ ไม่จำกัด ศาสนาไหนมาศึกษา กำจัดความเห็นแก่ตัว กำจัดความเห็นแก่ตัว โดยวิธีที่ละเอียด ก็ต้องใช้เวลาหลายวันศึกษากว่าจะเข้าใจ และไม่ใช่สำเร็จที่นี่ ภายใน ๗ วัน ต้องกลับไปบ้านแล้วก็ไปศึกษากันต่อ ต่อไป จนกว่าเมื่อไหร่จะลดความเห็นแก่ตัว เลิกความเห็นแก่ตัว มีชีวิตที่ไม่กัดเจ้าของ มีแต่ความสงบเย็นและเป็นประโยชน์ ขนาดครูบาอาจารย์ ศาสตราจารย์ก็มีบ่อย นักธุรกิจใหญ่โตก็มีมาบ้างเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ฝรั่งกุ๊ยตามชายหาดก็มีมารวมกันหลายหลายชนิด
ถาม ถ้าคนไทยหรือคนต่างชาติที่สนใจอยากจะมาอบรมจะสมัครได้อย่างไรครับ
ตอบ ถ้าเขาฟังได้ก็มาเข้ารวมกับพวกฝรั่งได้ มีบ่อย คนไทยที่เขาฟังได้ก็มีบ่อย แต่ว่าจัดให้เฉพาะคนไทยเป็นพิเศษเป็นคราวคราวเหมือนกัน ทำเหมือนกันปลายเดือน
ทั้งโลกมันเจริญด้วยความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว มีสงครามร้อน สงครามเย็น ใต้ดิน บนดินอยู่ตลอดเวลา มันเป็นโรคทางวิญญาณ และเป็นโรคทางจิต และเป็นโรคทางกาย จะไปดู ไปดู รูปภาพสอนธรรมะ ทางนั้นบ้างก็ได้ สอนธรรมะโดยรูปภาพ