แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอแสดงความยินดีในการมาของพวกเธอทั้งหลาย มาสู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้ คือมาแสวงหาความรู้ทางธรรมะให้ไปประกอบกิจการงานในหน้าที่ คือการศึกษา เพื่อความดีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป นี้เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เป็นการกระทำที่มีเหตุผลว่าควรกระทำ ดังนั้นเราจึงขอแสดงความยินดีอนุโมทนาแก่เธอทั้งหลาย ที่มาสู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้ ขอให้ประสบความสำเร็จตามความมุ่งหมาย คือมีธรรมะเพิ่มขึ้นในตน เพิ่มขึ้นในตัว ถ้าเธอมีธรรมะในตัวเพิ่มขึ้นเธอก็จะเรียนดีกว่าเดิม เรียนดีกว่าเดิม ธรรมะนั่นมันทำให้จิตใจปกติ เมื่อจิตใจปกติก็เรียนได้ดีกว่าเดิม ทำงานก็ดีกว่าเดิม พักผ่อนก็ดีกว่าเดิมทั้งนั้นน่ะถ้ามันมีธรรมะ
ขอให้ฟังให้ดี ศึกษาให้ดีและไปปฏิบัติตนให้มีธรรมะ มีธรรมะ ธรรมะคือสิ่งสูงสุดกว่าสิ่งใด แต่คนโง่มันไม่รู้จัก มันยังเกลียดธรรมะว่าครึคระบ้างอะไรบ้าง การศึกษาแบบปัจจุบันตามก้นฝรั่งนั่นเค้าเกลียดธรรมะ เกลียดศาสนา ที่จริงธรรมะเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ของธรรมชาติ ถ้าใครมีแล้วก็จิตใจปกติ เรียนดี ทำงานดี พักผ่อนดี อะไรดี แล้วธรรมะนี่มันเป็นคำที่ประหลาดที่ว่าพวกครูในโรงเรียนมันสอนผิดๆ โง่ๆ ทั้งนั้นน่ะ พวกครูทุกโรงเรียนมันสอนว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่มันหลับตาพูด ในอินเดียคำสอนของใคร ศาสดาองค์ไหนเรียกว่าธรรมะทั้งนั้น มีตั้งหลายสิบตั้งยี่สิบ ลัทธิ คำสอนของเขาเรียกว่าธรรมะ ธรรมะทั้งนั้น ไม่ใช่เฉพาะคำสอนของพระพุทธเจ้า ในโรงเรียนเลิกพูดว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากันเสียที
ธรรมะ ไม่ได้แปลว่า คำสั่งสอน ธรรมะแปลว่าหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ ทุกศาสนาทุกลัทธิมันสอนธรรมะ คือมันสอนเรื่องหน้าที่ มันแข่งกันสอนเรื่องหน้าที่ ศาสดาองค์นั้นองค์นี้องค์ไหนก็สอนเรื่องหน้าที่ว่าจะดับทุกข์อย่างไร ธรรมะนี่มันแปลว่า หน้าที่เพื่อดับทุกข์ จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ให้ครบถ้วน ให้ถูกต้องแก่ความรอด แล้วก็จะรอดทั้งทางกายทั้งทางจิต ก็ทุกขั้นตอนแห่งชีวิต ทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น นั่นคือธรรมะ
ธรรมะเป็นภาษาบาลี เป็นภาษาไทยแปลว่าหน้าที่ เป็นภาษาบาลีเรียกว่าธรรมะ เป็นคำคำเดียวกัน ก็ว่าธรรมะก็คือสิ่งที่ยก ยกผู้มีธรรมะไว้ขึ้นพ้นจากอันตราย หน้าที่ก็คืออย่างนั้นแหล่ะ ใครทำหน้าที่คนนั้นพ้นอันตราย รอดตาย มีความเจริญ มันมีความหมายเดียวกับธรรมะ หน้าที่จะยกตัวผู้มีหน้าที่ นั้นสิ่งสูงสุดเหมือนกับเป็นเจ้านั้นคือหน้าที่ ลองทำหน้าที่สิมันจะช่วย เหมือนพระเป็นเจ้าช่วย พระเป็นเจ้าอื่นนี่เราไม่รู้จัก ไม่รับรอง ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ว่าธรรมะน่ะ คือพระเป็นเจ้า ลองไปทำธรรมะเถิด มันจะช่วยมันจะช่วยสนองกลับมาเหมือนกับพระเป็นเจ้า งั้นธรรมะเป็นสิ่งสูงสุดกว่าสิ่งใด และมันมันมีถึงขนาดที่ว่า แม้พระพุทธเจ้าก็เคารพธรรมะ คนโง่มันไม่รู้ มันหลีกหน้าที่ มันเกลียดหน้าที่ มันคดโกงหน้าที่ มันกบฎหน้าที่ มันไม่อยากทำหน้าที่ มันว่าเหนื่อย นี่มันเป็นอย่างนั้นน่ะ นี่ธรรม ก็คือหน้าที่ แล้วก็ช่วยคนที่มีธรรมะ
แม้พระพุทธเจ้าที่เป็นบุคคลสูงสุดกว่าใครก็เคารพธรรมะ ข้อนี้ท่านประกาศเอง ท่านประกาศเอง ว่าต่อไปนี้จะเคารพใคร ตรัสรู้แล้ว คิดไปคิดมาก็เคารพธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า และก็ประกาศก้องออกไปว่า เคารพธรรมะ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตอนาคตปัจจุบันเคารพธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า และท่านก็ทำหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่อย่างที่เรียกว่าไม่มีใครเหมือน ท่านทำหน้าที่ครบทั้งวันคืน วันคืนวันคืน และก็จนกระทั่งชีวิตจนสุดท้าย นาทีสุดท้ายของท่านน่ะ เธอเคยทราบเรื่องนี้และเอาไปใช้เป็นหลักสำหรับเคารพหน้าที่
ท่านสอนครบวงจรวันคืน ก่อนสว่างหัวรุ่ง ก่อนแต่สว่างยังไม่ทันรุ่ง ท่านคิดว่าวันนี้จะไปไหนที่ไหน ภาษาบาลีเรียกว่า พลับพลาพลับเพวิเลกานัง (นาทีที่ 5.57) ก่อนสว่างก่อนรุ่ง ก็ญาณ ส่องดู(นาทีที่ 6.01) ว่าวันนี้จะไปโปรดใคร พอสว่างขึ้นท่านก็ไป ไปไปที่นั่นไปพบปะที่นั่นไปสั่งสอนที่นั่นจนสำเร็จประโยชน์ของท่าน โปรดคนนั้นได้ จะฉันที่นั่น คุยกันที่นั่นจนเที่ยงจนสาย จนเที่ยงจนสาย พอตอนบ่ายก็มาสอนคนที่วัด มาสอนคนที่อยู่ที่วัด และตอนเย็นสอนคนที่วัด หัวค่ำก็สอนพระเณรที่อยู่ที่วัด พอดึกเข้าก็สอนพวกเทวดาคนชั้นสูงมาจากสวรรค์ก็ดี พระราชามหากษัตริย์ก็ดี ท่านสอนเขาเวลาเที่ยงคืนนั่นน่ะ อัตถะหัตเต นเทปันนัง (นาทีที่ 6.43) เวลาเที่ยงคืนนั่นน่ะ แล้วก็มาพักผ่อนนิดหน่อย เดี๋ยวมันก็หัวรุ่งอีกแหล่ะ ท่านก็ทำอย่างหัวรุ่งอีก แล้วเช้าก็ไปนี่ครบวงจรติดต่อกันอย่างนี้
ขอให้เธอทั้งหลายดูความเสียสละของพระพุทธเจ้าในการเคารพธรรมะ อยู่ที่ไหนก็ทำหน้าที่ของท่านครบวงจรวันคืนวันคืนวันคืนอย่างนี้ เพราะท่านเคารพธรรมะ เธอจงเคารพธรรมะ เพื่อจะให้ตัวเองมีหน้าที่ครบวงจรทั้งวันทั้งคืนอย่างนี้สิ จะไม่เสียทีที่มาศึกษาธรรมะเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
และเมื่อท่านเสร็จเรื่องที่เมืองนี้จะไปเมืองอื่น ท่านก็ไปไปไปทุกเมืองที่ท่านควรจะไป จนสิ้นชีวิตของท่าน แล้วก็ท่านไม่มีรองเท้า ไม่มีร่ม พวกเธอยังมีรองเท้า พระพุทธเจ้าไม่มีรองเท้า ที่เราตรวจดูในบาลี แล้วร่มก็ไม่มี จะเป็นอย่างไร เกวียนมีท่านก็ไม่นั่ง เพราะมันเทียมด้วยสัตว์มีชีวิต รถม้ามีท่านก็ไม่นั่งเพราะมันเทียมด้วยสัตว์มีชีวิต แล้วรถยนต์มันไม่มี รถยนต์มันไม่มีสมัยพระพุทธเจ้า ท่านก็ต้องเดินเดิน แล้วเท้าเปล่าไม่มีร่ม คิดดูพระพุทธเจ้าจะเป็นอย่างไร เป็นพระบรมศาสดาเท้าเปล่า เป็นพระศาสดาเท้าเปล่า ท่านยังทำหน้าที่นี้ได้จนตลอดชีวิต ไม่เหมือนพวกเรายังไม่มีอะไร สนุกสนาน สรวลเสเฮฮา สะดวกสบาย เล่นหัวกันไปตลอดเวลา
พระพุทธเจ้าท่านมีแต่หน้าที่หน้าที่หน้าที่ แล้วไปด้วยความเสียสละ จนตลอดทุก ทุกๆ ประเทศที่ควรไป ทำอย่างนี้ วันหนึ่งต้องเดินเป็นโยชน์ โยชน์ก็มี กระทั่งวันที่จะปรินิพพานแล้ว วันนั้นก็ยังเดินอยู่เป็นโยชน์โยชน์ คืนค่ำนี้จะนิพพานแล้วกลางวันยังเดินอยู่เป็นโยชน์โยชน์ ไม่ได้ไปหาโรงพยาบาลเหมือนใครเดี๋ยวนี้ นิดหน่อยก็จะไปตายโรงพยาบาล พระพุทธเจ้าไม่พูดถึง โรงพยาบาลมันก็คงมีเหมือนกันน่ะ แต่ท่านไม่นึกถึงน่ะ ท่านก็ไปที่แห่งนึงที่จะไปปรินิพพาน ตอนหัวค่ำที่อุทยานของกษัตริย์พวกหนึ่ง จะปรินิพพานอยู่เดี๋ยวนี้แล้วเตรียมจะปรินิพพานอยู่เดี๋ยวนี้แล้วก็ยังมีนักบวชในศาสนาอื่นมาขอให้ช่วยสอนธรรมะ คิดดู พระสงฆ์ทั้งหลาย โอ้,นี่มันเกินไปแล้ว ไล่ ไล่ ไป ไป ไป ไป คล้ายๆ ว่าไอ้บ้า ถ้าพูดหยาบคาย ไอ้บ้าไป ท่านจะปรินิพพานอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว
พระพุทธเจ้าท่านได้ยินเรื่องนี้ ท่านอย่าไล่ อย่าไล่ ให้มา บอกมันมา บอกเข้ามา ไอ้นักบวชคนนั้นก็เข้ามา พระพุทธเจ้าก็สอนรู้ธรรมะขนาดเป็นพระอรหันต์ได้เป็นองค์สุดท้าย สาวกองค์สุดท้ายที่เป็นพระอรหันต์น่ะคือนักบวชคนนี้ นี่คุณจะไม่เรียกว่าพระพุทธเจ้าทำงานจนตายอย่างไร ทำงานจนสิ้นชีวิต ซื่อตรงในหน้าที่ทุกวันทุกคืน จนตลอดชีวิต ไม่เหมือนคนพวกสมัยนี้ คดโกงหน้าที่ บิดพลิ้วหน้าที่ ไม่อยากทำเหน็ดเหนื่อย โกหกในหน้าที่ คดโกงในหน้าที่ ลงสมุดทำงานเวลาประจำวันโกหกทั้งนั้นน่ะ มันลงเวลาโกหกทั้งนั้นน่ะ เพราะไม่อยากจะทำ
นี่ขอให้นึกถึงพระพุทธเจ้าทำหน้าที่ครบวงจรวันคืนจนตลอดชีวิต นี่ขอให้เธอรู้ไว้แล้วก็อธิษฐานจิตที่จะทำหน้าที่ หน้าที่เป็นชีวิต สนุกเมื่อทำหน้าที่ เป็นสุขเมื่อทำหน้าที่อย่างนี้จนตลอดชีวิต