แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านทั้งหลายที่กำลังมาประชุมกันอยู่ ณ สถานที่นี้ อามตาขอโอกาสกล่าวกับยุวชนทั้งหลายโดยหัวข้อว่า ยุวธรรมสำหรับยุวชน โดยส่วนมากเป็นนักเรียน เป็นนักศึกษาซี่งอยู่ในวัยต้นต้นของชีวิตซึ่งเรียกกันได้ว่า ยุวชน ธรรมะนี่ก็เหมือนกัน ก็มีเป็นระดับระดับ นับตั้งแต่เบื้องต้นไปจนถึงเบื้องปลาย อีกอย่างหนึ่งขอให้ทราบว่า คำว่ายุวชนนี้มีความหมายเป็นพิเศษ ถ้ามันยังอ่อนอยู่ ก็เรียกว่ายุวได้ทั้งนั้น ทั้งความอ่อนนี้มันมีได้หลายอย่าง อ่อนโดยวัยก็ได้ อ่อนโดยสติปัญญา คุณธรรมนี่ก็ได้ ถ้ามันยังอ่อนอยู่แล้วก็เรียกว่ายุว ได้ทั้งนั้น อย่าได้อวดดีไปเลย แม้แต่แก่หัวหงอกแล้ว มันก็ยังเป็นยุวชนได้ ถ้ามันยังอ่อนอยู่ด้วยสติปัญญาหรือด้วยคุณธรรม ขอพูดรวมรวมกันไป สำหรับผู้ที่ยังอ่อนอยู่ด้วยคุณธรรมหรือสติปัญญา
ข้อแรกที่จะพูดคือ ขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลายอย่างนี้ คือมาเพื่อแสวงหาสิ่งที่จำเป็น และก็ยังขาดอยู่เพื่อไป เพื่อจะได้มีความรู้จะทำสิ่งที่ยังขาดอยู่หรือไม่เต็มนั้นให้มันเต็มนี่เป็นเจตนาที่ดี เป็นการมาที่ดี ที่มีเหตุผล จึงยินดีต้อนรับ และช่วยเท่าที่จะช่วยได้ หรือตามที่จะช่วยได้อย่างไร
ขอให้ท่านทั้งหลาย ทำให้สำเร็จประโยชน์ คือ อย่าให้เป็นหมั่นเปล่าในการมา เดี๋ยวนี้เรามานั่งพูดกันในที่อย่างนี้ เป็นธรรมชาติ นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งมีความหมายหรือมีความสำคัญ ซึ่งคนโดยมากไม่สนใจ เมื่อเราอยู่ใกล้ชิด อย่างที่เรียกว่าเป็นเกลอกับธรรมชาติ จิตใจก็เป็นอย่างหนึ่ง ถ้าไปอยู่ในที่ที่มันเต็มไปด้วยความหลอกลวง ประดิษฐ์ประดอยให้มันไกลไปจากธรรมชาติ จิตใจมันก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่ามันคล้ายจะบ้าเข้าไปแล้วอยู่ในระหว่างความฟุ่มเฟือย หรือสิ่งประดิษฐ์ประดอยไปตามอำนาจของกิเลสของคนมีกิเลส พูดกันตรงๆ ก็อยู่ในบ้านในเมืองในสิ่งแบบนี้ก็เป็นผู้มีจิตใจอยู่อย่างหนึ่งเดี๋ยวนี้เรามาอยู่กับธรรมชาติ มันมีความหมายหลายอย่าง ธรรมะ คือธรรมชาติคือกฎตามธรรมชาติ คือหน้าที่ตามกฎธรรมชาติ คือผลเกิดจากหน้าที่ตามกฎธรรมชาติ เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ มันก็ง่ายที่จะเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะท่านศาสดาของทุกศาสนาก็ว่าได้ ตรัสรู้ในป่า เป็นอยู่ตามธรรมชาติ ทั้งนั้นแหละโดยเฉพาะพระพุทธเจ้านี่ ต้องเรียกว่า ประสูติกลางดิน ในป่า ตรัสรู้กลางดินในป่า อยู่โดยมากก็กลางดิน ส่วนมากก็ในป่า นอนก็กลางดิน นิพพาน นิพพานนี่ก็กลางดิน ขอให้คิดดูว่าเป็นอย่างไร ในเมื่อท่านทั้งหลายสนใจจะอยู่อย่างที่เรียกว่ามีความเจริญ เจริญเพื่อแข่งขัน กับเทวดา จิตใจมันก็ต่างกันมาก นั่นก็ขอให้สนใจพอใจยินดีที่จะใกล้ชิดกับป่า กับธรรมชาติ นั่นแหละเราทั้งเนื้อทั้งตัว มันก็ เป็นธรรมชาติ อย่าเข้าใจมันมากไป เกิดมาทั้งเนื้อทั้งตัว มีร่างกาย มีจิตใจ มีอะไรเหล่านี้มันก็เป็นมาตามธรรมชาติ เป็นไปอย่างธรรมชาติก็ต้องรู้ความจริงของมัน จัดการกับมันให้ถูกต้อง มันจึงจะเจริญไปอย่างถูกต้อง แล้วก็จะเป็นมนุษย์ที่เต็ม มนุษย์ที่มีความเป็นมนุษย์เต็มเปี่ยม ทั้งโดยร่างกายและโดยจิตใจ สำหรับคนส่วนใหญ่ไม่นึกถึงเรื่องนี้มองแต่ความเอร็ดอร่อย สนุกสนาน จึงเป็นเรื่องของกิเลส โดยสรุปแล้วก็เป็นเรื่องของความโง่ พอเกิดมาก็ถูกหลอกให้ยินดี พอใจ หลงใหลในความสวย ความงาม ความไพเราะ ความหอมหวน ความนิ่มนวล อะไรต่างๆ เหล่านี้ มันก็ค่อยๆโง่ ค่อยๆโง่ คือความหลงใหลในสิ่งบำรุงบำเรอ เหล่านี้ แล้วก็ไม่มีความรู้สึกว่าเรากำลังโง่ ก็เลยผสมโรงกับความโง่ ถ้าพูดอย่างชาวบ้านมันก็คงไม่ถือว่าเป็นความโง่ ร้ายกาจอะไรนัก ถ้าถือทางธรรม ทางธรรมะแล้วมันก็เป็นความโง่ ซึ่งมันจะไปหลงในสิ่งเหล่า นี้ คือ รูปที่สวยงามทาง ตา เสียงที่ไพเราะทางหู กลิ่นที่หอมหวลทางจมูก ความอร่อยทางลิ้น ความสัมผัสทางผิวหนัง และความขับกล่อมไปทางจิตใจ ทารกเกิดมาก็ถูกทำให้โง่ให้หลงใหลในสิ่งเหล่านี้และหลงใหลตลอดมา จนกระทั่งบัดนี้ขอยืนยันว่าทุกคนยังมีความโง่ ที่จะบูชา ความสนุกสนาน ความเอร็ดอร่อยทางวัตถุ ทางเนื้อทางหนัง คำนี้หยาบคายมาก ถ้าพูดตามสำนวนศาสนา บูชาความสุขทางเนื้อหนัง เป็นคำหยาบคาย สำหรับการดูหมิ่นและดูถูก ขอให้ทราบไว้ว่า เกิดมานี้ในความไม่รู้จริง ไม่ได้ฉลาดมาแต่ในท้อง ต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่อยไปให้มีความถูกต้องมากขึ้น มีความถูกต้องมากขึ้นแล้วความเป็นมนุษย์ ของคนคนนั้นก็จะถูกต้อง สมตามความหมายของคำว่ามนุษย์ มนุษย์ ซึ่งแปลว่า มีจิตใจสูง หรือเป็นเหล่ากอ ของผู้ที่มีจิตใจสูง จึงจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ เมื่อเรายังมีความรู้เรื่องนี้น้อย ก็เรียกได้ยังเป็นยุวชน แม้เดี่ยวนี้อายุ ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ สุดแท้ ต่อให้หัวหงอกแล้ว ถ้ายังมันยังมีความรู้เรื่องนี้น้อย ก็ยังเป็นยุวชนอยู่นั่นแหละ ขอให้สนใจที่จะรู้ สิ่งที่ควรจะรู้ มีสิ่งที่ควรจะมี ใช้สิ่งที่ควรจะใช้ ในสิ่งที่เรียกว่า ชีวิต ชีวิตนี้ ให้ถึงขนาด ให้เต็มขนาดเถิด การมาที่นี่ก็จะมีเหตุผล ควรจะมาและได้รับสิ่งที่ควรจะได้รับไม่เปลืองเปล่าในเรื่องเวลา ในเรื่องสิ่งต่างๆที่มันจะหมดเปลืองหรือความเหน็ดเหนื่อย คือโดยมากไม่ค่อยที่จะสนใจที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่า มันถือเสียว่ามาสนุกสนานมาพักผ่อนมามีอะไรแปลกแปลก อย่างนี้เรียกว่า มันจะไม่คุ้มค่า ขอให้ระมัดระวังสังวร ไว้ดีดี ทีนี่ก็จะพูดถึง สิ่งที่เรียกว่า ตัวปัญหา คือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต ชีวิตนั่นเอง ยุวชนทั้งหลายอย่าอวดดีเลย ยังรู้จักชีวิตน้อยนัก พูดกันตรงตรงอย่างนี้ดีกว่า เพิ่งเกิดมายังรู้จักสิ่งที่เรียกว่าชีวิตน้อยนัก ยังรู้จักแต่เรื่องสนุกสนานสวนเสเฮฮา อย่างที่ว่ามาแล้ว รู้จักชีวิตแต่เพียงในส่วนนั้น มันก็พยายามในส่วนนั้น เท่านั้น พูดได้ว่าที่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนเป็นนักเรียนนักศึกษามา เพื่อสิ่งนั้น มันไม่ใช่เพื่อความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ ขออภัย ท่านยุวชนคนไหน ที่พยายามเพื่อความเต็มเปี่ยมแห่งเป็นมนุษย์นั้น ถูกแล้ว ถูกแล้ว แต่เดี่ยวนี้อยากจะพูดว่า ยุวชนทั้งหลายยังเป็นยุวชน ยังอ่อนต่อความคิดและสติปัญญา เกิดมาไม่รู้อะไรก็มาถูกหลอกถูกหลอนด้วยความโง่ ให้หลงรักหลงพอใจในความเอร็ดอร่อย ทางกาย ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจเนี่ย หกอย่างนี้ จดจำเอาไว้ดีดี เป็นต้นเหตุ เป็นมูลเหตุ แห่งความเสื่อมและความเจริญ ขอให้สนใจดีดีเถิด เป็นต้นเหตุ แห่งความเสื่อมและความเจริญ ถูกหลอกทางตา ทางหู ทางจมูกทางลิ้น ทางกาย ไม่รู้ความจริงของสิ่งเหล่านี้ เดี๋ยวนี้เรามันต้องรู้เรื่องจริง ถึงจะทำกับสิ่งที่เป็นเเรื่องจริง คือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต ชีวิต คำคำนี้มีความหมายมากที่สุด เด็กๆรู้นิดเดียว รู้นิดเดียวในโรงเรียนสอนครูสอนว่าชีวิต คือความไม่ตาย คือความเป็นอยู่ แค่นี้เป็นแค่ความรู้หางอื่ง ความรู้ของยุวชนออกจะมากมาก ความรู้มันไม่ได้หมายถึง ไม่ได้รู้หมด ว่าชีวิตนั้นคืออะไร รู้แต่ว่าถ้ายังไม่ตายมันก็ยังมีชีวิต มันยังไม่พอ นั้นแหละคือความเป็นยุวชน ขอให้รู้ไว้ นึกไว้ถึงความหมายของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต ชีวิต อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมามีชีวิต แล้วไม่รู้จักใช้เป็นประโยชน์ นอกจากใช้เป็นทาสของกิเลส ของความโง่อย่างเดียว ถ้าพูดว่ายิ่งเรียนยิ่งโง่ คงจะไม่มีใครเชื่อ ยิ่งเรียนยิ่งโง่ คงจะไม่มีใครเชื่อ แต่เดี๋ยวนี้กำลังเป็นอย่างนั้นเพราะว่าการเรียนการศึกษาในโลกนี้มันบ้าบอที่สุด ยิ่งเรียนยิ่งเห็นแก่ตัว ยิ่งเรียนยิ่งทะเยอทะยานในการที่จะเป็นทาสของกิเลสอยากมีเงินใช้มากมากสนุกสนาน เอร็ดอร่อย เท่านั้น มันจัดแต่เพียงเท่านั้น การศึกษาในโลกเนี่ย มันเพียงแต่สอนให้ฉลาด ฉลาด สามารถ ฉลาด สามารถเหลือประมาณ แต่ไม่มีการสอนให้ควบคุมความฉลาดให้ถูกต้อง เดี๋ยวนี้เลยเอาเรื่องของความฉลาดไปในทางใช้ในทางเห็นแก่ตัว ซึ่งเกิดปัญหามากมายท่วมโลก ความเห็นแก่ตัวเนี่ยทำให้เกิดปัญหามากมาย ต้องดูให้ดีให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความเห็นแก่ตัวและคำนวณดูรู้จักสิ่งที่เรียกว่า ความไม่เห็นแก่ตัว ถ้ารู้จักสิ่งทั้งสองนี้ดีแล้ว จะรู้จักดำเนินชีวิต ให้ถึงที่สุดเท่าที่มันจะเป็นได้ เดี๋ยวนี้เรายิ่งเรียนยิ่งฉลาด ฉลาดเพื่อเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวนี้มันยังลึกลับสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ศึกษาธรรมะแล้วก็มักจะสอนกันในทางผิวเผินว่า ต้องเห็นแก่ตัวสิ ถ้าไม่เห็นแก่ตัว มันไม่ขวนขวาย มันไม่ต่อสู้ มันไม่ดิ้นรนมันถูกนิดเดียว แต่ความเห็นแก่ตัวเนี่ย มันมีทางที่จะไปไกลในทาง อันตราย ในทางวิกฤตกาล เห็นแก่ตัว มันก็ไม่เห็นแก่ธรรมะ ไม่เห็นแก่ความถูกต้องไม่เห็นแก่ผู้อื่น เพราะมันเห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัวเท่าไร มันก็กลัดกลุ้มเท่านั้นแหละ อยู่คนเดียวก็กลัดกลุ้ม จะนอนหลับยาก หวาดระแวงสงสัย อยู่ด้วยความไม่พอใจ ไม่อิ่มใจ มันยังมีความความหิวเหมือนเปรตอยู่เสมอ หากความหิวรุนแรงที่ เกินเหตุผล เขาเรียกว่าความหมายของความเป็นเปรต มันหิวเกินขนาน มันหิวไกลออกไปเกินขนาด มันหิวไปเกินขนาด อย่างมีนี้ความเป็นเปรต ซึ่งแปลว่ามันมีความหิว ถ้ามันโง่มากมากในเรื่องใดก็ตาม มันมีความเป็นสัตว์เดรัจฉาน คือความโง่ คือเป็นความหมายของสัตว์เดรัจฉาน ให้มันเป็นทุกข์ร้อน ร้อนในจิตใจ มันเผาจิตใจเสมอ มันก็เรียกว่า สัตว์นรก นรก หมายถึงความร้อนใจ เมื่อใดมีความร้อนใจ เมื่อนั้นคือตกนรก หรืออยู่ในนรก ใครขยันร้อนใจ คนนั้นคือขยันตกนรก หากมีความขี้ขลาด ไม่กล้าอดกลั้น อดทน ประพฤติตนให้ถูกต้อง กลัวความลำบาก กลัวความผิดมนุษย์บ้าง อะไรบ้าง อย่างนี้เรียกว่า ความกลัว เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า อสูรกาย อสุระแปลว่าไม่กล้า ไม่กล้าก็คือกลัว อย่างที่กลัวแม้แต่จะทำให้ดี มันกลัวลำบาก ไม่กล้าที่จะประพฤติธรรมะ มันก็กลัวลำบาก มันก็กลัวอย่างไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่ากลัว ก็เป็นความกลัวเป็นอสูรกาย ชีวิตอย่างนี้ใช้ไม่ได้ เป็นชีวิตที่เป็นความเสื่อมเสียทั้งนั้นแหละ ความร้อนใจเป็นนรก ความโง่เป็นสัตว์เดรัจฉาน ความหิว หิวยังวิมานในอากาศ อยู่เรื่อยไปเนี่ย ก็ยังเป็นเปรต ความไม่กล้าบากบั่นก็ทำให้ชีวิตสูงขึ้น ก็เป็นอสูรกาย เคยทดสอบ จิตใจของตนเองหรือเปล่าว่ามันยังมีมากแต่สิ่งชนิดนี้ ไม่มีความสงบ ไม่มีความสะอาด ไม่มีความเยือกเย็น ไม่มีความเป็นอิสระแก่กิเลส ขอให้คิดดูดีดี อย่างนี้เรียกว่า ชีวิตนี้ยังไม่ถูกต้อง ยังไม่สมบูรณ์ ยังจะต้องพัฒนากันอีกมากทีเดียว ขอให้ใคร่ครวญเทอด จะเรียกว่า ธรรมชาติเป็นเจ้าของเรื่องก็ได้ จะเรียกว่า พระเป็นเจ้าเป็นเจ้าของเรื่องก็ได้ สร้างมนุษย์มาทำไม สร้างมนุษย์มาให้ทนทุกข์ทรมาน หรือสร้างมาให้เพื่อมีความสงบสุข อยู่รอดและเยือกเย็น ให้ไปนึกเอาเอง ให้ไปนึกดูเอาเองว่า ควรจะถือว่าธรรมชาติ สร้างมนุษย์ มาเพื่ออะไร ถ้าพบความจริงข้อนี้แล้วจะมีประโยชน์มาก คือรู้ว่าชีวิตนี้ ธรรมชาติ สร้างมาสำหรับการพัฒนาให้เจริญงงอกงามยิ่งขึ้นไปถึงที่สุด ราวกับว่าเขาให้เมล็ดพืชมาเท่านั้นแหละ เอามาปลูกให้ดี ให้งอกงาม เป็นต้นเป็นดอกเป็นใบเป็นรูปเป็นร่างอะไรต่างๆถึงที่สุด อย่างนี้ ถ้าไม่พัฒนา เหมือนเมล็ดพืชที่ไม่ได้ปลูก ก็เป็นหมันไป แล้วมันก็จะต้องตาย อย่างไม่มีค่า ไม่มีความหมาย ดังนั้นก็ให้ถือว่าชีวิตนี้เป็นสิ่งที่พัฒนาได้ เพราะธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้พัฒนา ตามกฎเกณท์ แห่งวิวัฒนาการ ของ ธรรมชาติ เกิดขึ้นมา ก็มีแต่การพัฒนาเรื่อยไปอย่างที่เรียนมาในความรู้ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งชีวิตปัญญาอะไรต่างๆ นี้ พอจะเชื่อถือได้ ว่า มันมีแต่การพัฒนามันไม่หยุดนิ่ง มันมีแต่การพัฒนา ต้องพัฒนาให้มันถูกต้อง ให้มันเป็นไปเพื่อผลที่ควรจะต้องการ แต่ที่มันแน่นอนก็คือมันพัฒนาได้และมันต้องพัฒนา ไม่อย่างนั้นมันเป็นหมันเปล่าจึงถือว่าชีวิตนี้มันเหมือนกับต้นทุน หรือเดิมพันที่จะมาใช้ลงทุนเพื่อหากำไรต่อไป แต่ไม่ใช่กำไรอย่างโง่โง่ ของคนโง่โง่ ที่มันพูดว่ากำไรของชีวิตคือการถัว โดยสนุกสานโดยไม่ต้องลงทุน จะตามอารมณ์โดยเฉพาะ จะได้เปรียบได้ส่วนตรงไหน มันก็เป็นกำไรของชีวิต นั้นเป็นกำไรชีวิตของคนโง่โง่ ถ้าเป็นอริยชน อริยชน พระอริเจ้า เขาไม่ถือว่านั่นป็นกำไร เขาถือว่าเป็นความผิดพลาด คือทำผิด เสียหายด้วยซ้ำไป ต่อเมื่อได้ความรู้ความฉลาดและก็ได้มีการกระทำที่ถูกต้อง มีความสงบเย็น มีความสะอาด มีความบริสุทธิ์ มีความเบา ไม่หนักอี้ง มีอิสระ เป็นเสรีในการที่จะไม่ตกเป็นทาสของกิเลสโน่น จึงจะเรียกว่ามีกำไรมันเป็นไปในทางที่คนโดยมากเกียจ อยากที่จะพูดว่าท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ในที่นี่ ก็คงเกียจสิ่งที่เรียกว่านิพพานนั่นแหละ ก็ได้ยินคำสอนว่านิพพาน คือตาย นิพพาน คือไม่มีตามอารมณ์บ้าง อะไรมันก็เกียจนิพพาน อย่างนี้ก็ไม่ทางจะชอบ ผลแห่งการพัฒนาที่ถูกต้อง จึงเป็นชีวิตที่อิสระเหนือกิเลสไม่เป็นทาสของกิเลส ความสะอาด สว่าง สงบแต่เอาเถิด ใครจะเข้าใจว่าอย่างไร ธรรมชาติก็ยังตายตัวอยู่ นั่นแหละ มันเปลี่ยนไม่ได้หรอก ทำอย่างนี้ก็ต้องเกิดผลอย่างนี้ ทำอย่างนี้ก็จะเกิดผลอย่างนี้ มันก็ยังโง่อยู่ ทำไปอย่างโง่ โง่ มันก็ต้องเกิดผลสมน้ำหน้าของคนโง่ เออ สมกับการกระทำเสมอไป อย่างนี้มันก็เสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ ถ้าอย่างไรรีบฉลาดกันเถิด รีบฉลาดให้ทันกับเวลากันเถิด จะได้พัฒนาชีวิตนี้ให้ได้รับผลทันแก่เวลา เอาเพียงแต่ว่าก่อนแต่จะตายเนี่ยก็ให้ได้รับผลมากมาก ที่น่าพอใจน่าชื่นใจนั่นก็แล้วกัน ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของชีวิตนั่นจงสนใจในการที่จะพัฒนามันให้ถูกต้อง มิฉะนั้นมันก็จะเหมือนกับ ขออภัย สัตว์เดรัจฉาน ความโง่ ความไม่ตามอารมณ์ มันก็เป็นเครื่องหมายของสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานไม่มีความคิดเรื่องนี้ ไม่มีความคิดที่จะพัฒนาชีวิต ก็มันคิดไม่เป็น แต่มนุษย์คิดเป็น มนุษย์ก็ต้องมีความคิดที่จะพัฒนาชีวิตให้ขึ้นไปจนถึงสุดยอด ที่จะทำได้ ให้ถึงยอดของมนุษย์ที่เรียกว่าอริยชน อริยชน กระทั่งเป็นพระอรหันต์ เป็นลำดับ เป็นลำดับ สูงขึ้นไปจนสูงสุดถึงพระอรหันต์ อยู่เหนือความทุกข์ อยู่เหนือความสุขด้วยซ้ำไป ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจนะ ว่าสุดยอดของสิ่งที่มีค่าที่สุดนั้นคือชีวิต คือ ชีวิตที่อยู่เหนือสุข เหนือทุกข์ ลองคิดดูให้ดีสังเกตุดูให้ดี เมื่อเราดีใจจิตก็วุ่นวายไปแบบหนึ่ง ไม่มีความสงบ เมื่อเราเสียใจ จิตก็วุ่นวายไปอีกแบบหนึ่ง ทนยาก แต่ก็วุ่นวายด้วยกันทั้งนั้นแหละ ดีใจก็วุ่นวาย เสียใจก็วุ่นวาย เป็นสิ่งที่ต้องทนทั้งนั้น แต่อย่างหนึ่งมันทนง่าย เรียกว่า ความสุข อีกอย่างหนึ่งมันทนยากเรียกว่า ความทุกข์ แต่สิ่งที่วุ่นวายต้องทนทั้งนั้น ความสงบที่แท้จริง อยู่เมื่อไม่มีใจ ไม่เสียใจเนี่ย คือฟังดูดีดี เมื่อใดไม่มีความรู้สึกดีใจ ไม่มีความรู้สึกเสียใจ เวลานั้นสบายที่สุดดีใจมากไปก็เนื้อเต้น กินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ ได้อะไรสมใจอยาก มันก็มีความตื่นเต้นถึงขนาดนั้น เมื่อเสียใจมันก็ ตรงกันข้าม มันก็เป็นความวุ่นวายทั้งนั้น ตามหลักธรรมนะ ความสงบแท้จริงสูงสุดจะเรียกว่านิพพานนั้น คือ อยู่เหนือความดีใจและความเสียใจ ท่านเรียกว่านิพพาน นิพพาน เดี่ยวก็จะเกียจกลัวไม่อยากฟัง ก็จะใช้คำว่า ความสุข ที่มันถูกต้อง แท้จริง ตามกฎของธรรมชาตินั้น มันก็เป็นความสงบ อยู่เหนือการปรุงแต่ง เหล่านี้ คือดีใจ และเสียใจนี้เรียกกว่าการปรุงแต่ง หัวเราะก็เหนื่อย ร้องไห้ก็เหนื่อย ไม่ต้องหัวเราะไม่ต้องร้องไห้นั่นแหละคือความ สงบไม่ต้องดีใจไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องหัวเราะ ไม่ต้องร้องไห้ แต่คนโง่มันก็พอใจร้องไห้ก็สบายดีเหมือนกัน ร้องไห้ประชดก็ยิ่งสบายใหญ่ หัวเราะก็สบายดีเหมือนกันไม่ต้องการความปกติ ที่นี่เรียกว่า มันยังโง่อยู่ต่อธรรมชาติ ไม่อยู่เหนืออิทธิพลของการปรุงแต่ง ให้หัวเราะ หรือให้ร้องไห้ พูดอย่างนักศึกษาหน่อยก็ อยู่เหนืออิทธิพล ของความเป็นบวก หรือ ความเป็นลบไม่เป็น positive ไม่เป็น negative นั่นแหละคือความสงบสุข แต่เรามันกำลังบ้า บ้า Positive อยากดีอยากสวย อยากรวย อยากได้ไม่มีที่สุด กำลังบ้า Positive กันทั้งโลกก็ว่าได้ ที่มันเบียดเบียนกัน กระทั่งว่าทำสงครามจะล้างกันทั้งโลกนี้ ก็เรียกว่ามันบ้า อย่างที่เรียกว่า Positive คือความเอร็ดอร่อย ความสนุกสนานพอใจ กูจะครองโลกเสียคนเดียว คือจะเอาทั้งหมด มาบำรุงบำเรอกูเนี่ย คนบ้า Positive มันเป็นอย่างนี้ สงครามมันจึงเกิดในโลกตลอดกาล เพราะว่าความหวังของคนบ้า เนี่ยมันเป็นบ้าในฝ่าย Positive ในทางฝ่าย Negative นั้นมันก็เหมือนกัน มันก็บ้า บ้า ไปกลัวลำบาก ให้เป็นทุกข์ มันโง่มันจึงเกิดความกลัว ไม่ต้องเกิดความกลัว แก้ไขไปตามที่ควรจะแก้ไข โดยไม่ต้องกลัว ตะโกนว่าเสือมา ไม่ต้องกลัว จะวิ่งก็วิ่ง ไม่ต้องกลัว จะขึ้นต้นไม้ก็ไม่ต้องกลัวเพราะถ้ากลัวมันจะวิ่งไม่รอด วิ่งไม่ไหว จะขึ้นต้นไม้ไม่ไหว ถ้ามันกลัว อย่างนี้ก็ไม่ต้องกลัวดีกว่า เดี่ยวนี้ยังชอบเอามาเป็นอารมณ์ เป็นความทุกข์เป็นความทรมานใจ ก็ชอบเอามาเป็นอารมณ์ มันเป็นโรคฮีตทีเรียตลอดกาล คนชนิดนี้ มันหลงไปในทางบวก ไปในทางลบ ก็ขอให้รู้เถิดว่ามันยังไม่ได้รับประโยชน์ จากการที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ คือไม่ต้องเป็นบวก ไม่ต้องเป็นลบ แต่ว่าอยู่เหนือความเป็นบวกความเป็นลบ โดยประการทั้งปวง ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ ไม่ต้องหัวเราะ ไม่ตื่นเต้นในสิ่งใดใด เห็นเป็นของธรรมดา อย่างนั้นเอง แล้วก็ไม่เศร้าใจ ไม่เสียใจ ไม่สลดสังเวสในเมื่ออะไรมันวิบัติ เป็นไปก็ไม่ต้องร้องไห้ อยู่เหนือสุข เหนือทุกข์ กระทั่งเนื้อบุญ เนื้อบาป โดยประการทั้งปวงนี้เป็นนิพพาน เหนือสิ่งที่เป็นคู่คู่ ไม่มาเบียดเบียนจิตใจให้เดือดร้อนได้ เหนือ แพ้ เหนือชนะ ในบ่อนักศึกษานักกีฬาทั้งหลายมันก็มีการแพ้ การชนะ ที่มีความขี้นลงแห่งจิตใจตามประสาคนบ้า มันหาความสงบสุขของจิตใจไม่ได้ มันยังหลงอยู่ในเรื่องแพ้ชนะกันอยู่ มันต้องไม่แพ้ ไม่ชนะ สิ่งที่เป็นคู่ทุกข์ คู่ทุกข์ คู่ที่ทำให้จิตใจยินดี ยินร้าย ทุกคู่ ไม่เอาเปรียบไม่เสียเปรียบ ไม่ชนะ และไม่แพ้ มีความปกติอยู่เสมอ นั่นเป็นยอดสุดของมนุษย์ เป็นพระอรหันต์ อยู่กับนิพพาน เดี๋ยวนี้ยังถึงขนาดนั้นไม่ได้ ก็ขอให้เอาขนาดที่เรียกว่า ปกติตามสมควร มีความเยือกเย็น ตามสมควร ไม่ต้องหัวเราะ ไม่ต้องร้องไห้ ให้มันเหนื่อย มีอะไรที่ต้องทำไป ก็ทำไป มีความสุขชนิดที่เรียกว่า สงบเย็น อย่ามีความสุขชนิดที่ร้อน ความสุขเย็นพอสะกด ความสุขร้อนพอสะกด คือความเผารนของกิเลส ร้อนไปด้วยอำนาจของกิเลส คือความโง่ ระบุโดยตรง คือ กามอารมณ์ อย่างที่คนธรรมดา บูชาหลงใหลกันนัก เรื่องกามอารมณ์ นี้เป็นเรื่องพิเศษที่สุด เป็นค่าจ้างสำหรับคนโง่ให้ ทำการสืบพันธุ์ อย่าเอากามอารมณ์ไปเป็นเรื่องเดียวกันกับการสืบพันธุ์ การสืบพันธุ์เพื่อมีทายาท สืบสกุล สืบชีวิตต่อไป กามอารมณ์เพื่อความเอร็ดอร่อย สนุกสนานบ้าคลั่ง ด้วยความหลง ถ้าไม่มีกามอารมณ์ คนมันไม่สืบพันธุ์ มันโกหก ที่เรียกว่าจะแต่งงาน เพื่อการสืบพันธุ์ มันโกหก การแต่งงานเพื่อกามอารมณ์ทั้งนั้นแหละ เขาเอามาป้ายไว้ข้างหน้า เขาเอามาหลอก จ้างให้มันทำการสืบพันธุ์ อย่าหลงเหตุ หลงกลของธรรมชาติ แยกกามอารมณ์ออกจากการสืบพันธุ์ ถ้าจะมีการสืบพันธุ์ ก็ขอให้บริสุทธิ์ พระอริยเจ้า ชั้นต้นต้น ก็ยังมีการสืบพันธุ์ พระโสดาบันยังมีการครองเรือน มีลูกมีหลาน แต่ไม่รับจ้าง ธรรมชาติ ด้วยกามอารมณ์ ที่นี่เรามันเป็นทาสของกามอารมณ์ แม้จะเหนื่อย แม้จะสกปรก แม้จะแพง แม้จะใช้กำลังงานมาก สัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็น ได้ผลบ้าวูบเดียว ถ้ามันตามอารมณ์ล้วนล้วนได้ ได้ผลบ้า วูบเดียว เนี่ย แต่ก็ยังสามารถหลอกคนให้บูชากามอารมณ์ได้ นักศึกษาเล่าเรียน หางาน หาเงิน หาอะไร ก็อย่าหาเพื่อกามอารมณ์เลย มันโง่เกินไป กับสิ่งที่ไม่คุ้มค่าหรอก จะมีการสืบพันธุ์ก็ไม่ต้องรับจ้างไปกามอารมณ์ หรือถ้ามีกามอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็รู้สึกว่าไอ้เนี่ยมันแค่นี้เอง กูไม่หลงไปกับมึง จึงจะเรียกว่ามีความรู้ที่ถูกต้อง ในการที่จะมีชีวิตอย่างนี้ อย่างที่เป็นมนุษย์ที่เยือกเย็น กลัวจะหลงกามอารมณ์ บูชากามอารมณ์ มาศึกษาเล่าเรียนหาเงินให้มาก หาฐานะให้ดี จะได้เสวยกามอารมณ์ อย่างสูงสุดแข่งกับเทวดา อาจจะคิดว่าฉลาดและถูกต้องก็ตามใจ แต่ความจริงมันเป็นอย่างนี้ คือรับจ้างธรรมชาติ ธรรมชาติที่เอาของล่อมาให้ทำงานชนิดที่ธรรมดามันไม่อยากทำ การสืบพันธุ์ มีลูกมีหลาน มีอะไรเหล่านี้ มันลำบาก มันยุ่งยาก มันเหน็ดเหนื่อย มันเจ็บปวดไม่มีใครอยากทำ ก็พูดได้ว่า ถ้าไม่มีกามอารมณ์ มาล่อหลอก แล้วคนธรรมดาจะไม่ทำการสืบพันธุ์ ที่นี้เราจะไม่เป็นลูกจ้าง หรือไม่กินเหยื่อของความหลอกลวงเหล่านั้น จะเกลี่ยกามอารมณ์ไว้เป็นชนิดหนึ่ง มันมีอยู่ในโลกนี้ จะชิมดูเล่นก็ได้ หรือบางทีมันก็ระงับความบ้าชั่วคราว ชั่วคราวอย่าในมันเหลือกำลังนักก็ได้ ก็มีแค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้นขอให้การศึกษา ทำให้เกิดแสงสว่าง รู้จักสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามความเป็นจริงเหล่านี้ ขอให้รู้ไว้ว่าไอ้กามอารมณ์ ไอ้กามอารมณ์ ที่ทำให้คุณทั้งหลาย เธอทั้งหลาย เห็นแก่ตัวเห็นแก่ตัว เพื่อประโยชน์จะมีกำลัง มากในการแสวงหากามอารมณ์เห็นแก่ตัวแล้วก็คือ ความเลวร้ายทุกอย่างทุกชนิด นอนก็ไม่หลับ เป็นบ้าและฆ่าตัวตาย นั้นเพราะความเห็นแก่ตัว พูดแล้วคงจะไม่มีใครเชื่อ เห็นแก่ตัวทำไม่จะต้องฆ่าตัวตาย ความเห็นแก่ตัวมันโง่ มันหลงทาง มันเห็นแก่ตัวอย่างโง่เขลา ความเห็นแก่ตัวมันหลงทาง มันฆ่าตัว มันเลยตายก็ได้ มันบ้าไปเลยก็ได้ มันฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าผู้มีพระคุณ อย่างสูงก็ได้ ก็เพราะความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวมันเบียดเบียน ถึงขนาดนี้ อยู่คนเดียวก็เป็นบ้าอยู่คนเดียว ไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่นก็ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะเดือดร้อนกันทั้งโลก ก็เพราะความเห็นแก่ตัว โลกนี้กำลังจะวินาทเพราะความเห็นแก่ตัว ยิ่งเรียน ยิ่งฉลาด ยิ่งเอาความฉลาดไปใช้เพื่อความเห็นแก่ตัว มันจึงได้รบกันไม่มีที่สิ้นสุด พวกนายทุนก็เห็นแก่ตัว พวกชนกรรมาชีพก็เห็นแก่ตัว นอกนั้น ก็เห็นแก่ตัว มันเป็นเรื่องทะเลาะกันทั้งโดยตรงและอ้อม ยิงกันต่อสู้กัน เดี่ยวนี้มันก็ แย่งกันครองโลกระหว่างชนสองพวก ทั้งโลกมันจะวินาทก็เพราะความเห็นแก่ตัวนั่นเอง คอยดูไว้เถิดว่าโลกมันจะวินาทก็เพราะความเห็นแก่ตัวของคนในโลก จริงๆ บูชากามอารมณ์จะยิ่งเห็นแก่ตัวไปตั้งแต่เล็กแต่น้อย ยิ่งยิ่งขึ้นไป มันคิดจะที่จะเอาเปรียบ มันคิดที่จะ ทำลายคู่แข่งขัน แย่งชิง มันเห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัว มันก็ทำทุกอย่างเพื่อความเห็นแก่ตัว มันเลือกผู้แทน มันก็เห็นแก่ตัว ก็ได้ผู้แทนที่เห็นแก่ตัว ไปเป็นสภาผู้เห็นแก่ตัว มันก็ฟัดกันไป ฟัดกันมา ไม่มีความสิ้นสุด นี่เพราะความเห็นแก่ตัว ก็ขอให้เราทุกคนมองดูให้เห็นอานุภาพอันเลวร้ายของการเห็นแก่ตัว เห็นอานุภาพแห่งความถูกต้องของความไม่เห็นแก่ตัว จึงพยายามที่จะควบคุมความเห็นแก่ตัว แล้วจะไม่ทำอะไรผิด จะไม่คดโกงในการเรียน จะไม่คดโกงในการสอบไล่ จะไม่คดโกงในการแข่งขันกีฬา จะไม่คดโกงในเรื่องทุกอย่างในชีวิตสิ่งที่เรียกว่าชีวิตนี้ มันประกอบอยู่ด้วยการศึกษา การทำงาน การแสวงหา การเก็บหอมรอบริบเอาไว้ใช้ เอาไว้ใช้ มันเป็นขั้นตอน แยกออกไปได้หลายสิบขั้นตอนก็ได้ ทุกขั้นตอนต้องถูกต้อง ทุกขั้นตอนต้องถูกต้อง ต้องไม่ผิดพลาด ต้องไม่โง่ เป็นการเผารนตัวเอง นี่แหละชีวิตถึงจะถูกต้อง ชีวิตนี้จึงจะเยือกเย็น จึงจะกล่าวได้ว่าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในสิ่งที่มนุษย์จะได้รับ เพราะว่ามีชีวิตที่ถูกต้อง เอาไว้เป็นอันว่า เราจะมีความแน่ใจ ในการจะถือเป็นหลักว่า ชีวิตนี้พัฒนาได้ ตามที่ต้องการ เอาไปทางไหนก็แล้วกัน เราต้องพัฒนาไปในทางที่ถูกต้อง มันควรต้องพัฒนา ต้องพัฒนาให้ดีที่สุดก่อน ตายจะได้ไม่เสียทีที่เกิดมา เป็นมนุษย์ และ พบกับพุทธศาสนา อย่าได้เกิดมาเพื่อเป็นทาสของกิเลส อวิชชา ของความโง่ เห็นตรงกันข้ามไปหมด นั่นเพราะว่ามันไม่มีความรู้ที่ถูกต้องนั่นเอง เราเกิดมา ชีวิตนี่ต้องโง่ก่อนเสมอ นี่ช่วยจำไว้หน่อยว่าที่เกิดมาเป็นมนุษย์ นี่จะต้องโง่ก่อนเสมอ เพราะอยู่ในท้องมันไม่ได้เล่าเรียนศึกษามันไม่ได้ฉลาดพอคลอดออกมาก็มีแต่ถูกแวดล้อม ให้พอใจให้ยินดี ในสิ่งที่น่ารัก น่าพอใจ แล้วก็ดุร้าย ขัดเคือง ทำอันตรายแก่สิ่งที่มาทำความไม่พอใจ พอเกิดมาเขาก็แวดล้อมขับกล่อมด้วยของอะไรสวยงาม มาแขวนให้ดู รอบเปล ขับกล่อมด้วยเสียง ไพเราะ ประคบประหงม อย่างนิ่มนวล ตลอดเวลาให้มันสบาย ให้มันสบาย ทารกหลงใหลในความสบาย นี่มันก็คือโง่ ไม่ได้รู้ตามที่เป็นจริงว่า มันเป็นจริงอย่างไร อยากได้อะไร พ่อแม่ก็หาให้ได้อย่างนั้น จะช่วยทำให้โง่ มันอยากจะได้ของแพงแพง ของเล่นแพงแพงก็ ซื้อให้ ไม่ได้บอกว่านี่ มันมีไว้สำหรับทำให้เราโง่ มันก็โง่ไปในที่จะเอา จะได้ จะยึดครองจะหลงใหลในทางบวก ในทางลบนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็มีคนทำให้ช่วยโกรธมากขึ้น เช่นทารกน้อยๆ เดินไปชนเสาเจ็บ ก็ร้อง พี่เลี้ยงหรือพ่อแม่ก็ช่วยตีเสา ช่วยตีเสา เออ ช่วยตีเสา มึงทำกูเจ็บ ช่วยตีเสาให้มันหายเจ็บ คือทำให้มันโง่มากขึ้น ในทางลบมันก็ถูกส่งเสริมไปอย่างนี้ ให้โกรธมากขึ้น ให้เกียจมากขึ้น หรือบางทีก็สอนให้กลัวในสิ่งที่ไม่ต้องกลัว กลัวจิ้งจก กลัวตุ๊กแก กลัวอะไรไปอย่างที่ทำให้มันโง่ จริงหรือไม่จริง เกิดมาแล้วก็ถูกทำให้โง่ ถูกแวดล้อมทำให้โง่ จนกว่าจะมีความทุกข์มากมายแล้วจึงค่อยอยากฉลาด จึงค่อยค่อยฉลาด มาทีหลัง ชีวิตนี้มันจึงตั้งต้นด้วยความโง่ ตั้งแต่แรกคลอดออกมาแล้ว กว่าจะรู้เรื่องนี้ ก็เข้าไปมากแล้วทีเดียว นั้นสิ่งที่เรียกว่ายุวชน ยุวชน ต้องพูดว่าต้องกล่าวว่า ชีวิตในระดับที่ยังโง่อยู่ ยุวยุว แปลว่าอ่อน ภาระภาระนี้ก็แปลว่าอ่อนภาษาบาลี คำภาระภาระ ก็แปลว่าอ่อน ไม่ได้แปลว่าพาลเกเร โดยตรงเหมือนกับที่เราเข้าใจ ไปดูภาษาบาลี ภาระ ใช้เป็นชื่อเด็กอ่อน ทารกเพิ่งเกิด เพิ่งคลอด ก็เรียกว่าอ่อน ยังอ่อนอยู่ทางร่างกาย อ่อนอยู่ทางจิตใจ มันต้องพัฒนาให้กล้าแข็ง เนี่ยเราจะต้องพัฒนาจากความอ่อนให้ เป็นความกล้าแข็งถูกต้องขึ้นมา อ่อนด้วยสติปัญญา ก็จะต้องทำให้กล้าแข็ง ขึ้นมา จึงขอให้รับเอาระบบพัฒนา ระบบพัฒนาไปโดยสมัครใจระบบที่จะพัฒนาชีวิต ให้มันถูกต้องให้มันถึงที่สุดรับเอาไปอย่างยินดีปรีดาปราโมทย์ สิ่งนี้ขอเรียกตามภาษาพระศาสนา ว่าธรรมะ ธรรมะ พระธรรม พระธรรมเจ้าอะไรก็ตาม บาลีเรียกว่าธรรมะ พ ม ม สันสกฤต เรียกว่า ธรรมะ มีตัว ร เข้ามาแทรก ภาษาไทยเรียกตามนั้นว่า พระธรรม ให้สูงสุดขึ้นก็เรียกว่า พระธรรมเจ้า นั่นแหละคือสิ่งที่จะพัฒนาชีวิต จากความอ่อน ความโง่ ความหลับเนี่ย ให้มันตื่นขึ้น ให้มันเจริญงอกงาม เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เดี่ยวนี้ควรจะให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะในฐานะ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุด จำเป็นที่สุด หรือจะเห็นว่าธรรมะเป็นสิ่งครึคละ อยู่ตามวัดตามวา ของผู้บวช ผู้ เรียนให้มาอยู่กับเราในโรงเรียนในมหาวิทยาลัย นั่นคือความโง่ตอนท้ายตอนหลังสุด ไม่รู้ว่าธรรมะคืออะไร ปราศจากธรรมะแล้ว จะมีแต่ปัญหา จะมีแต่ความทุกข์ ธรรมะ ธรรมะนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ที่ท่านทั้งหลายจะต้องมี จะได้พัฒนายุวชนนี่ ให้กลายเป็นผู้ที่มีความสูง มีความเต็ม มีความเจริญรุ่งเรืองของความเป็นมนุษย์ ในโรงเรียนสอนกันอย่างเขลาเขลาโดยไม่รู้ว่าตามกันมาตั้งแต่ครั้งไหนก็ไม่รู้ สอนเด็กเด็กกันแต่ว่าธรรมะเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เนี่ยมันเรียกว่ามันหลับตาพูดกับคู่แข่งขัน อินเดีย ก็ใช้คำว่าธรรมะ ธรรมะทั้งนั้น มันไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว เพราะมันเป็นของกลาง ธรรมะธรรมะนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ มนุษย์เริ่มลืมหูลืมตา จากความเป็นป่าเถื่อน ถือได้ว่ามนุษย์ คนแรก มันได้สังเกตเห็นสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุด คือหน้าที่ที่ทำแล้วเกิดความรอด คนนั้นมันเรียกชื่อสิ่งนี้ว่า ธรรมะ ธรรมะ ธรรมะ แปลว่าสิ่งที่ทรงไว้ไม่ให้ตาย ทรงไว้ไม่ให้เป็นความทุกข์ ทรงไว้ไม่ให้ตกต่ำ ลงไป คำว่า ธรรมะ ธรรมะนี่ คือสิ่งที่จะทำให้อยู่ได้ ทรงไว้ ทรงไว้ให้เจริญ มันเป็นภาษาอินเดียสมัยนู้น ถ้าเป็นภาษาไทยเราก็คือคำว่าหน้าที่หน้าที่ หน้าที่คำว่าหน้าที่ก็มีความหมายเดียวกัน หน้าที่นี้ทำเถิด จะทำให้ไม่พลัดไปสู่ความตาย ไปสู่ความทุกข์ ลองไม่ทำหน้าที่มันก็คือตาย ชีวิตนี้คือหน้าที่ อยู่ด้วยหน้าที่ หรือเป็นตัวหน้าที่เสียเองนะ หน้าที่หน้าที่ ทรงชีวิตไว้ไม่ให้แตกทำลาย และไม่ให้เป็นทุกข์ พอไม่มีหน้าที่มันก็คือตายนั่นแหละ คนก็ตาย สัตว์ก็ตาย แม้แต่ต้นไม้ต้นไร่นี่เนี่ยก็ตาย ถ้าไม่ทำหน้าที่ ศึกษาชีวิตกันมาทั้งที อย่าให้เป็นหมัน ถ้าชีวิตมันอยู่ในหน้าที่ หน้าที่ของร่างกายก็ทำหน้าที่ของร่างกาย หน้าที่ของจิตใจก็ทำหน้าที่ของจิตใจ ของมือของเท้าของไอ้อวัยวะ ตาหูจมูก ลิ้นกาย อวัยวะภายใน ตับปอด ไส้พุง ก็ทำหน้าที่ ทำหน้าที่ ทุกส่วนทำหน้าที่ เซลส์ทุกเซลส์ในชีวิตมันจะมีเท่าไร มันก็ต้องทำหน้าที่ ทำหน้าที่ ทุกเซลส์ทำหน้าที่ ชีวิตจึงจะอยู่ได้ พอเซลส์มันไม่ทำหน้าที่มันก็ตายวูบเดียวแหละ ชีวิตมันอยู่ได้ด้วยหน้าที่ หน้าที่หน้าที่นั้นนะ เรียกเป็นภาษาไทย ถ้าเรียกเป็นภาษาอินเดียยุคโบราณโน้น คือสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ ธรรมะ คำนี้โดยความหมายของศัพท์ รูทของคำนั้น ก็แปลว่าทรงไว้ ทรงไว้ ยกไว้ มันรอดอยู่ได้ด้วยหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ก็ตาย คนก็ตาย สัตว์ก็ตาย ต้นไม้ต้นไร่ก็ตาย บรรดาสิ่งที่มีชีวิตที่ประกอบขี้นด้วยเซลส์ ที่มีชีวิตแล้วมันต้องทำหน้าที่ พอหยุดทำหน้าที่มันต้องก็ตาย นั้นรู้จักคำว่าธรรมะ ธรรมะ คือหน้าที่ หน้าที่นั้นคือการกระทำ ที่ถูกต้อง แก่ความรอด ขอร้องขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ช่วยจำ ช่วยจำ ว่าธรรมะนั้น มิใช่เพียงแต่ว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่างที่ว่ามาแล้ว ธรรมะนั้นคือระบบของการกระทำที่ถูกต้องแก่ความรอดบทนิยามว่าอย่างนี้ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ หน้าที่แปลว่าธรรมะ จะเป็นคำไหนก็ได้ มีบทนิยามว่า ระบบแห่งการกระทำเพื่อความถูกต้องแก่ความรอด ถ้าไม่ถูกต้องมันก็ไม่รอด ถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่เรียกว่าธรรมะ ต้องเรียกว่าอธรรม ถ้าจะเรียกว่าธรรมะ ธรรมะฝ่ายผิด ธรรมะฝ่ายดำ ธรรมะฝ่ายโง่ เป็นอกุศลไป ถ้าเรียกภาษาธรรมดา ก็ต้องเรียกว่า อธรรม เพราะมันไม่ถูกต้องแก่ความรอด ธรรมะคือระบบแห่งการกระทำเพื่อถูกต้องแก่ความรอด ความรอดนี่ขอให้เป็นทุกชนิด รอดทางกายคือไม่ตาย รอดทางจิตคือไม่ต้องเป็นทุกข์ ไม่ต้องเป็นทุกข์ เป็นทุกข์ก็เท่ากับตาย เพราะมันไม่มีประโยชน์ถ้าอยู่อย่างเป็นทุกข์ ตายซะดีกว่า เรื่องการมีความทุกข์ ก็มีค่าเท่ากับความตาย ในทางจิตใจ ถ้ามีความรอด ก็ขอให้รอดทั้งทางกายและทางจิต ใจ ธรรมะนั้นแหละ หน้าที่นั่นแหละ คือระบบแห่งการกระทำ เพื่อการกระทำที่ถูกต้องเพื่อความอยู่รอด ต้องใช้คำว่าระบบ เพราะมันไม่ได้ทำเพียงสิ่งเดียวอย่างเดียว มันต้องทำเป็นระบบครบถ้วน แห่งความถูกต้อง จึงจะเกิดความรอด เรียกว่าเราอยู่ได้ด้วยธรรมะ แท้แท้ เราก็ไม่ขอบคุณ เรากลับเนรคุณเห็นเป็นสิ่งครึคระไปเสียอีก เป็นความถูกต้องที่สุด ฉลาดที่สุด ที่ทำให้ชีวิตนี่มันรอดอยู่ได้ ขอให้บูชาสิ่งนี้เหมือนพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้แล้วใหม่ใหม่ ท่านฉงนในข้อที่ว่าต่อไปนี้ เป็นพระพุทธเจ้าแล้วนี้จะเคารพอะไร เหตุการณ์อย่างนี้บันทึกไว้ในพระบาลี ในที่สุดท่านก็ตกลงพระทัยว่าท่านเคารพธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเนี่ยมีหน้าที่พบสิ่งสูงสุด คือความดับทุกข์ ครั้นพบแล้วก็มีหน้าที่สอน คนทั้งหลายทั่วไปให้ได้รับประโยชน์ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า แล้วท่านก็บูชาหน้าที่สูงสุด คือบูชาธรรมะหรือหน้าที่ แต่พวกเราที่เคารพบูชาพระพุทธเจ้าเนียไม่ค่อยจะเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้า เคารพ ไม่เคารพหน้าที่ อย่างที่พระพุทธเจ้าเคารพ มีคนเป็นอันมากที่คดโกงหน้าที่ บิดพลิ้วหน้าที่ ขบถหน้าที่ อย่างที่เห็นเห็นกันอยู่ในสมุดเวลาทำงานนั้นแหละไปเปิดดู มันเคารพกิเลส มันไม่เคารพธรรมะ คือหน้าที่ มันไม่เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า มันไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้า เคารพ ขอให้เราเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ คือเคารพธรรมะ เคารพหน้าที่ เคารพหน้าที่นั้นคือการปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องแก่ความรอด การทำหน้าที่นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม เพราะธรรมะกับหน้าที่เป็นคำเดียวกัน ถ้าปฏิบัติธรรมะ คือปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ก็คือการปฏิบัติธรรมะ เดี๋ยวนี้เราไม่สนใจกันถึงขนาดนี้ มันมีหลักตามอำนาจของกิเลสว่าไม่ต้องทำหน้าที่ ได้รับประโยชน์มากมากนั่นแหละดี คนจึงไม่ค่อยทำหน้าที่ แต่เรียกร้องสิทธิ สิทธิจะเอาอย่างงั้นจะเอาอย่างงี้ เรียกร้องสิทธิ มากกว่าที่ตัวเองจะทำหน้าที่ นี่มันคนขี้ฉอ มันคนขี้โกง มันคนอันธพาล มันไม่ทำหน้าที่ถูกต้อง เพียงพอ แล้วจึงจะเรียกร้องสิทธิ ขอให้เราอย่าได้เป็นคนอย่างนั้นเลย จงทำหน้าที่ให้มากมากเข้าไว้ ก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องสิทธิ จึงจะเอาสิทธิมาใช้แต่คนเเดียว ไปช่วยประโยชน์ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง นั่นก็จะสมบูรณ์ เราทำทั้งหน้าที่ช่วยทั้งตนเอง ช่วยทั้งผู้อื่น มันก็จะมีส่วนมีความสงบสุขมีความเป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยม ขอให้รู้จักเคารพธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ แปลไปอีกทีก็คือการกระทำที่ถูกต้องแก่ความรอด ขอให้มีธรรมะทุกกระเบียดนิ้ว ทุกวินาที บางคนอาจจะคิดว่าเนี่ยบ้าแล้ว บ้าแล้ว ใครจะทำไหว มีธรรมะทุกกระเบียดนิ้ว และทุกวินาที มันทำไหวขอให้สนใจ ทำให้เกิดความถูกต้อง ทุกกระเบียดนิ้ว และทุกวินาที ถ้ามันบูชาธรรมะ เคารพธรรมะจริง มันทำได้ เดี๋ยวนี้มันไม่รู้จักธรรมะ เนี่ย กิเลสมันยึดครองจิตใจเรื่อยไป มันดึงไปในการเอาเปรียบ ไม่สำคัญ จะเรียกร้องเอาสิทธิ มันมีอยู่แต่อย่างนี้ถูกสอนมาให้โง่ ให้โง่มาตั้งแต่เล็ก พอเกิดมา บิดามารดาก็ให้ให้ให้ ให้เงินให้ทอง ให้ความสบายใจ ก็ไม่ต้องทำหน้าที่อะไร นิสัย สันดานก็มาเสียแต่อย่างนั้น ถ้าได้อบรมกันมาให้ถูกต้อง ให้มันทำงานทำหน้าที่ให้มากที่สุดมา ตั้งแต่เล็กๆ นั้นก็จะดี ถ้าว่าตระกูลไหน บ้านเรือนไหน อบรม ลูกเล็กเล็ก ให้ทำหน้าที่ทำหน้าที่ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้มาแต่เล็ก ตระกูลนั้นดี มีบุญ น่านับถือ คือไม่สอนเด็กให้โง่ ถ้ามีแต่ตามใจมาแต่อ้อนแต่ออก ตระกูลนั้นโชคร้าย ทำให้โง่ให้เด็กเด็กมันโง่ แล้วมันก็จะโง่ตลอดชีวิต นี่ขอให้เราบูชาหน้าที่ บูชาหน้าที่ อย่าได้บกพร่องในหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ ธรรมะอยู่ที่ตัวการกระทำหน้าที่ ไม่แต่ทำหน้าที่ ไม่มีธรรมะ ในโบสถ์บางโบสถ์ขอยกตัวอย่าง มีแต่สั่น เซียมซี มีแต่อ้อนวอน พิธีรีตองอ้อนวอน ในโบสถ์นั้นไม่มีธรรมะซักเล่มหนึ่งในโบสถ์นั้นนะ จะไปมีอยู่กลางทุ่งนา ที่ชาวนาไถนาเหงื่อไหลอยู่กลางแดด มันทำหน้าที่ ธรรมะไปมีอยู่ที่เนื้อที่ตัวของชาวนา ที่ไถนาอยู่กลางแดด เหงื่อท่วมตัวนั้นก็มีธรรมะ ถ้าโบสถ์ไหนมันทำหน้าที่ให้คนรู้ธรรมะ ฉลาด ปฏิบัติธรรมะ โบสถ์นั้นก็มีธรรมะ ถ้าโบสถ์ที่มีแต่สั่นเซียมซีแล้วก็ไม่ได้มีธรรมะเลย ไปดูโบสถ์ไหนที่มีแต่การสั่นเซียมซี หาดูได้ในประเทศไทย แต่อย่าขอให้ออกชื่อเลยมันไม่ดี มันจะต้องมีการกระทำที่ถูกต้องแก่ ความรอด จึงจะเรียกว่ามีธรรมะ จะบวชจะเรียน ก็ศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรมะทำให้มันมีธรรมะยิ่งยิ่งขึ้นไป อยู่ที่บ้านก็ทำได้ ผู้หญิงก็ไม่ต้องน้อยใจว่าบวชไม่ได้ แม้บวชไม่ได้บวช ก็มีธรรมะได้ เป็นพระอรหันต์ก็ได้ ในพระบาลีก็มีปรากฏอยู่ว่า พระอรหันต์เป็นผู้หญิง ก็มีแยะไป ขอให้มีธรรมะ ปฏิบัติธรรมะให้ถูกต้องแก่ ความรอด ตั้งต้นแต่ต้น จนปลาย ให้ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ทุกหน้าที่ สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่นี่ ถ้าจะเจียรนัยเป็นอย่างอย่าง มันตั้งร้อย ตั้งพัน ตั้งหมื่น ไม่ไหว แต่ว่าสรุปย่อให้เป็นเพียง 3 หมวด 3 อย่าง หน้าที่ในการหาเลี้ยงชีวิต คือ อาชีพ นี่เนี่ยคือหน้าที่หนึ่ง หน้าที่ในการบริหารร่างกายให้รอดอยู่ได้ในบ้านในเรือนนี่ก็คือหน้าที่หนึ่ง หน้าที่ในการคบหาสมาคมเพื่อนบ้าน ให้ถูกต้อง นี่ก็อีกหน้าที่หนึ่ง รวม เป็น 3 หน้าที่ จงทำให้มันถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง ทุกกระเบียดนิ้วเถิด นั่นแหละคือมีธรรมะ หาเลี้ยงชีวิตให้ถูกต้อง ทำนา ทำสวน ค้าขาย ทำราชการ เป็นกรรมกร แม้แต่ว่าเป็นคนขอทานเพราะความจำเป็น ก็ต้องทำ ให้ถูกต้องแล้วมันจะพ้นจากปัญหาอันนั้น จะพ้นจากความยากลำบากเพราะไม่มีสิ่งเหล่านั้น นี่เรียกว่าหน้าที่ของการ หาเลี้ยงชีวิต อาชีพนั้นให้มันถูกต้อง ถูกต้องถูกต้องไม่มีที่ติ เอ้าที่นี้เวลาที่อยู่มาด้วยการบริหารชีวิต ไม่ได้ไปทำงานที่ทุ่งนา หรือที่ออฟฟิส อยู่ที่บ้านที่เรือนก็ยัง ต้องบริหารชีวิต ให้ถูกต้องขอให้ ถือว่าการทำให้ชีวิต ให้มีความรอดมีความถูกต้องนี่เป็นธรรมะ ธรรมะทั้งนั้น ขออย่าได้มีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ เพราะว่าตื่นขึ้นมา จะต้องล้างหน้า จะต้องถูฟัน ไอ้คนโง่มันไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมะ ขอใช้คำหยาบคายที่สุด ไอ้ชาติโง่ทั้งหลาย มันไม่ถือว่าการล้างหน้าและถูฟัน เป็นการปฏิบัติธรรมะ แต่ถ้าถือตามธรรมะแล้วมันเป็นการปฏิบัติธรรมะ เพื่อความถูกต้องเพื่อชีวิต รอดอยู่ได้ ต้องล้างหน้าให้ดีต้องถูฟันให้ดีให้สำเร็จประโยชน์แก่การล้างหน้า และการถูฟัน ทำผิดผิดแล้วมันให้โทษ งั้นล้างหน้าให้ดี ถูฟันให้ดี ตลอดเวลาที่ล้างหน้าและถูฟัน กี่นาทีก็ตามใจ ถูกต้องพอใจ ถูกต้องพอใจ ชื่นใจตัวเองว่ามันมีความถูกต้อง การปฏิบัติธรรมะ ตอนนี้ทุกวินาทีไม่มีความผิดพลาด เอ้าที่นี้มันจะไปไหนอะ มันจะไปเข้าห้องน้ำ จะถ่ายอุจจาระ จะถ่ายปัสสาวะ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องที่สุด เพราะว่าเป็นการปฏิบัติ ธรรมะ แต่ไอ้คนโง่ทั้งหลายไม่เห็นว่าการถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะเป็น การปฎิบัติธรรมะ แต่ในวินัยของพระพุทธเจ้า บัญญัติแก่สามเณร เก้า ต้องทำให้ดีที่สุด ในการปฏิบัติถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะมีวินัยหลายข้อในเรื่องนี้ ต้องทำให้ดีที่สุด นั้นต้องถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะให้ถูกต้องที่สุด ให้ดีที่สุด เป็นรับผลที่พอใจที่สุดแล้วก็พอใจว่าถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้องพอใจตลอดเวลาที่ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ มันก็มีธรรมะทุกวินาที ตลอดเวลา ที่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ แล้วที่นี้จะไปไหน ไปอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ ถูกต้อง ทุกขั้นตอน จะตักน้ำเข้ามารด จะเปิดก๊อก ถูขี้ไคล จะทำอะไร จนกว่าจะเสร็จสิ้นของการอาบน้ำ ถูกต้อง ทุกวินาที ทุกกระเบียดนิ้ว มันก็มีธรรมะตลอดเวลาของการอาบน้ำ เอ้าที่นี้มันจะไปไหนอะ มันจะไปรับประทานอาหาร มันมีความถูกต้องในการรับประทานอาหาร นับตั้งแต่ตักข้าวใส่จาน ตักข้าวใส่ปาก เคี้ยวกลืน ก็ต้องให้มันถูกต้อง ถูกต้องถูกต้องไม่ต้องเป็นทุกข์ ในเรื่องอาหาร ในเรื่องการบริโภค ก็มันต้องถูกต้อง ถูกต้อง ตลอดเวลาที่เกี่ยวข้องกับอาหาร มีธรรมะ ธรรมะ ในการบริโภคอาหาร ถูกต้องถูกต้อง ผู้ที่เบื่อแล้ว ไม่อยากฟัง เชิญออกไปได้ ผู้ที่เบื่อแล้ว ไม่อยากฟัง เชิญออกไปได้ ขอให้มีความถูกต้องตลอดเวลาที่รับประทานอาหาร แล้วจะทำอะไรชีวิตนี้ จะล้างถ้วย ล้างจาน กวาดบ้านถูเรือน ถูกต้อง ถูกต้องด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่อล้างถ้วย ล้างจาน มีสมาธิ มีสติ มีปัญญาแล้ว ล้างถ้วยล้างจานแล้วเป็นการปฎิบัติธรรมะ มีสติสัมปชัญญะ สมาธิ ในการล้างถ้วย ล้างจานจะกวาดบ้าน มีสมาธิอยู่ที่ปลายไม้กวาด แน่วแน่อยู่ที่นั่นไม่ฟุ้งซ่าน จะถูเรือน ก็มีสมาธิอยู่ที่การถู มันก็เลยเหมือนกันในการปฏิบัติธรรมะชั้นสูง เป็นต้นไป มีสติสัมปชัญญะ สมาธิ ธรรมะชั้นสูง ไม่เพียงแต่ว่าหน้าที่หน้าที่ ความสะอาดนิดหน่อยนี่ไม่ใช่ นี่มันก็มีความถูกต้อง ถูกต้อง ในการล้างถ้วย ล้างจาน กวาดบ้าน ถูเรือน จะทำอะไรซักนิดหนึ่ง ทุกอิริยาบถ ซึ่งเป็นการบริหารชีวิต และร่างกาย งานอดิเรก อะไรก็ตาม มันถูกต้อง ถูกต้องบอกตัวเองได้ว่า ด้วยพอใจว่ามันถูกต้อง ถูกต้อง ไปหมด เนี่ยคือธรรมะ ธรรมะ ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกวินาที ในการบริหารร่างกาย การบริหารร่างกาย เช่นอาชีพ นั่นคือส่วนหนึ่งของความยุ่งยาก ก็ต้องถูกต้อง ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกวินาที จะบริหารร่างกายก็ถูกต้อง ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกวินาที หน้าที่ที่สองคือการบริหารร่างกาย ธรรมะหน้าที่ประเภทที่สองคือการบริหารชีวิต หน้าที่ที่สาม การสังคม บุคคลที่สอง นอกไปจากตัวเรา เรียกว่า สังคม ก็จะต้องประพฤติต่อบุคคลเหล่านั้นให้ถูกต้อง ธรรมชาติ สร้างสัตว์ทั้งหลายมาให้อยู่กันมากมาก อยู่กันเป็นหมู่ เพราะว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ คิดเอาอย่างปัญญา เด็กๆ ก็ได้ ว่าถ้าเขาให้เราอยู่คนเดียว ในโลกนี้ ยกโลกทั้งโลกทั้งหมดให้เราคนเดียว ให้เราอยู่คนเดียวเราก็อยู่ไม่ได้ และต้องตายด้วย งั้นเราต้องมีหลักที่จะอยู่กันมากมาก จะต้องสงเคราะห์กันดี จะต้องสัมพันธ์กันดีให้อยู่กันได้ด้วยกันมากมาก เราจึงต้องมีธรรมะอีกประเภทหนึ่ง เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่แวดล้อม รอบรอบเรา แวดล้อม รอบรอบตัวเราจะเป็นคน ก็ดี เป็นสัตว์ก็ดี เป็นสิ่งของก็ดี เป็นอะไรก็ดี เราจะต้องประพฤติต่อสิ่งเหล่านั้น ให้ถูกต้อง ถูกต้องทางสังคม หลักรายละเอียดมีอยู่ในตำราที่เรียนกันอยู่แล้ว สอนกันอยู่แล้ว ท่องกันอยู่แล้ว ทิศเบื้องหน้าบิดามารดา ปฏิบัติต่อให้ถูกต้อง ทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา ปฏิบัติต่อให้ถูกต้อง ทิศเบื้องซ้าย มิตรสหาย ปฏิบัติให้ถูกต้อง ทิศเบื้องขวาครูบาอาจารย์ปฏิบัติให้ถูกต้อง ทิศเบื้องบน คือผู้บังคับบัญชา ผู้อยู่เหนือ ผู้ปกครอง ปฏิบัติให้ถูกต้อง ทิศเบื้องล่างคือ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ควบคุมเขาให้ถูกต้อง ปฏิบัติให้ถูกต้อง นี่เรียกว่า ทิศทั้งหก คือเรียกสังคมนั่นเอง ถูกต้องทั้งหกทิศ แล้วก็เป็นสังคมที่ประเสริฐ สังคมที่เลิศ มีความถูกต้องในทางสังคม เป็นหน้าที่ที่สาม หน้าที่ที่หนึ่งประกอบอาชีพโดยตรง หน้าที่ที่สองบริหารชีวิตตลอดเวลา หน้าที่ที่สามสังคม ก็ สิ่งรอบด้าน รอบตัวอย่างถูกต้อง มีแต่ความถูกต้อง มีแต่ความถูกต้อง บอกได้ว่า ถูกต้องพอใจ ถูกต้องพอใจ ชื่นใจตัวเอง เป็นสุขอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นสิ่งสูดสุดของชีวิตที่พึงจะได้รับ เป็นพร เป็นความสุขสวัสดี ทำเอาด้วยตนเอง คนอื่นทำให้ไม่ได้ มีความถูกต้องเป็นที่พอใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา พอใจนั่นแหละคือความสุข คือความเป็นพร ขอให้ทำให้ได้อย่างนี้ มีความสุข หรือมีความสวัสดี อยู่ตลอดเวลา นั้นคือธรรมะนั่นคือผลของธรรมะ เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความรอดของตนเอง อยู่ ตลอดเวลา นึกขึ้นมาทีไร ก็พอใจ เคารพตัวเอง นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกดูหมิ่นตัวเอง พอใจตัวเอง เคารพตัวเอง ก็เป็นความสุข พอใจตัวเอง เคารพตัวเอง นับถือตัวเอง นั่นแหละคือสวรรค์ที่แท้จริง ไม่ใช่สวรรค์บ้าบ้าบอบอ ของคนบ้าตามอารมณ์ อย่างที่พรรณนาไว้คือเรื่องของกามอารมณ์ อย่าไปโง่ อย่าไปหลงกับมันเลย สวรรค์ที่สะอาดคือความสามารถยกมือไหว้ตัวเองได้ พอใจความถูกต้องของตัวเองตลอดเวลา ยกมือไหว้ตัวเองได้เมื่อไร เป็นสวรรค์ที่แท้จริงเมื่อนั้น ชื่นใจตัวเอง เป็นสวรรค์แท้จริง ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ขอให้ได้สวรรค์ชนิดนี้ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ สวรรค์อย่างอื่นๆ จะมีเท่าไหร่ก็ได้ถ้าต้องการ แต่สวรรค์จำเป็นที่แท้จริง และจำเป็นมันอยู่ที่นี่ ความถูกต้องที่เนื้อที่ตัว ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยู่ตลอดเวลานี่คือ สวรรค์ที่นี่ ในทางที่ตรงกันข้าม ถ้ามันผิดพลาดไม่พอใจตัวเองจนขนาดเกียจน้ำหน้าตัวเองว่าอย่างนั้นดีกว่า นั่นคือนรกที่แท้จริง ที่นี่ เดี๋ยวนี้ เมื่อไรเกียจขี้หน้าตัวเอง อิดหนาระอาใจกับตัวเอง เป็นนรกที่แท้จริง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ อย่าตกนรกชนิดนี้ไม่ตกนรกชนิดไหน สวรรค์ชนิดนี้ที่นี้แล้วก็จะได้สวรรค์ทุกชนิด เรื่องนรกเรื่องสวรรค์มันอยู่ที่นี่ที่แท้จริงมันมีแต่อยู่ต่อ หรือตายแล้ว นรกสวรรค์ อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดิน ถึงจะตายแล้ว นั้นเขาสอนกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า ในประเทศนั้นประเทศอินเดีย นั่นแหละเขาสอนกันอยู่อย่างนั้น ก่อนพระพุทธเจ้า อย่าไปตู่มาเป็นของพระพุทธศาสนา สอนกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า พอพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ท่านมาสอน ในลักษณะที่เป็น มีเหตุผลเป็นบันดิษฐ์ความถูกต้องที่สุดว่า นรกอยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทำผิด กระทำผิดพลาดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นรกอยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ทำผิด สวรรค์อยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทำถูก ชื่นใจตัวเอง อย่างที่ว่ามานี้ เมื่อใดยกมือไหว้ตัวเองได้ เมื่อนั้นสวรรค์ วันไหนเกียจน้ำหน้าตัวเอง เมื่อนั้นนรก นรก สวรรค์ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัส มันมีอยู่อย่างนี้ มีอยู่ในพระบาลี เรียกว่านรกสวรรค์ ที่อายัตตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ปู่ย่าตายายของเราเคยเข้าใจความข้อนี้ถูกต้อง ปู่ย่าตายายของเราพูดว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ไม่ได้อยู่ใต้ดิน ไม่ได้อยู่บนฟ้า ลูกหลานอย่าได้โง่ว่าปู่ย่าตายาย รู้จักสวรรค์ที่แท้จริง นรกที่แท้จริง มันอยู่ที่การทำผิด หรือทำถูก ที่เนื้อที่ตัวแหละ ทำถูกก็อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ที่เนื้อที่ตัว มันก็มีสวรรค์ อยู่ที่นั่น ทำผิดก็เป็นนรกอยู่ที่นั่น การกระทำที่ถูกต้อง ความรอด นั่นคือธรรมะ ดังนั้นการปฏิบัติธรรมะ ก็คือการปฏิบัติเพื่อปิดนรกทั้งหลายทั้งปวง เปิดสวรรค์ด้วยประการทั้งปวง ขอให้สนใจว่าธรรมะนั้นไม่ใช่เป็นเพียงคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าที่เด็กนักเรียนจดไว้ในสมุด นั้นมันไม่ใช่ไม่ใช่ ธรรมะหรอก คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็ยังไม่เรียกว่าธรรมะโดยตรงมันต้องมีการปฏิบัติลงไปด้วย คำสอนเป็นบันทึก ของการปฏิบัติ หรือแนะวิธีปฏิบัติ ถ้าเพียงแต่สอนอย่างเดียวไม่สำเร็จประโยชน์ ต้องรับเอามาปฏิบัติเนี่ย สกุลสูงสุดของพระพุทธเจ้า ก็คือท่านบอกเรื่องการปฏิบัติที่ถูกต้อง การปฏิบัติที่ถูกต้องนั่นเรียกว่ากระทำ ท่านบอกพระธรรม บอกวิธีปฏิบัติ เพื่อจะรอด พระสงฆ์คือผู้ที่ปฏิบัติ ได้ปฏิบัติ ได้พัฒนาชีวิตดีที่สุด จนปฏิบัติธรรมะได้นี่คือพระสงฆ์ ดังนั้นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงอยู่ในฐานะที่เลิศ ที่ประเสริฐด้วยคุณธรรม อย่างนี้ เรานับถือเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง นั่นมันก็ถูกแล้ว แต่ขอให้เราเดินตามไปด้วยการปฏิบัติ ธรรมะ การกระทำที่ถูกต้องแก่ความรอด เช่นเดียวกับพระสงฆ์ ที่รับเอาธรรมะของพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติ และก็ดับทุกข์ได้จริง ขอให้เราเป็นพุทธมามกะ หรือเป็นพุทธบริษัท ที่สำเร็จประโยชน์อย่างนี้ อย่าเพียงแต่ทำพิธีพุทธมามะกะ ปีละครั้ง อย่างนี้มันไม่สำเร็จประโยชน์อะไร มันยังคงมีความโง่ มันยังมีความไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากธรรมะ จากพระศาสนา ธรรมะสูงสุดจนพระพุทธเจ้าก็เคารพ เราก็จงเคารพสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ คนโง่ไม่สนใจธรรมะ คนโง่ไม่สนใจธรรมะไม่รู้จักธรรมะ แล้วกับดูหมิ่นว่าธรรมะเป็นของครึคระ สำหรับยายแก่ ยุวชน วัยรุ่นหนุ่มสาว โดยมาก สมัยนี้เป็นอย่างนี้ ยุวชนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ มันชอบประกวดนางงามโน่น มันพร้อมที่จะนั่งหน้าบ้าน ไปประกวดกันโน่น เป็นโสเภณีทางวิญญาณ ไปประกวดกันโน่น ยุวชนชายหญิงสมัยนี้ มันบ้าเรื่อง เนื้อเรื่องหนังมากเกินไป พูดอย่างนี้คงไม่ชอบฟัง ขอพูดอีกทีใครไม่ชอบฟังขอเชิญออกไปได้ไม่เสียมารยาท ไม่ชอบฟังขอเชิญออกไปได้ ไม่เสียมารยาท นี้ก็ต้องพูดจริงตามที่มันมีอยู่จริง ว่าเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายมาที่นี้ ในฐานะยุวชน อาตมาก็พูดยุวธรรม ธรรมะในขั้นที่เป็นของเหมาะสำหรับยุวชน ขอให้ฟังให้สำเร็จประโยชน์ ไม่เสียเวลาที่มา ไม่เสียค่ารถ เปล่าๆ ไม่เสียความลำบากเปล่าๆ พวกเราที่นี่ก็ไม่เสียค่าไฟฟ้าเปล่าๆ ไม่เสียค่าไฟฟ้าค่าน้ำในคุณอาบเปล่า ๆ ขอให้คุณได้รับประโยชน์สมตามที่เสียสละ กันอย่างนี้เถิด นี่ขอให้มีธรรมะ คือระบบการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความรอด สมกับที่เป็นพุทธบริษัท พุทธมามะกะ มีระบบที่จะขอเสนอ ให้ช่วยจำว่า ถือหลัก 6 ประการกันเถิด ยุวชนทั้งหลาย หนึ่งเป็นบุตรที่ดีของบิดา มารดา สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนด้วยกัน สี่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ห้าเป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา หกเป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยม ของความเป็นมนุษย์ เรียกว่าหกอย่าง หกอย่าง จะเรียกว่าหกดีก็ได้ จะเรียกว่าหกดีก็ได้ เป็นบุตรที่ดีของบิดา มารดา มีความหมายว่ายกบิดามารดาขี้นมาจากนรกแห่งความร้อนใจ ความร้อนใจใดใดอย่าทำให้เกิดขี้นแก่บิดามารดา ให้สมกับที่ว่าท่านให้ชีวิตเรามา รักเรามากที่สุดไม่มีใครเสมอเหมือน อย่าทำความร้อนใจใดใดให้แก่บิดามารดา นี่เรียกว่าเป็นบุตรที่ดี ขอให้ถือเป็นสินสูงสุด ไม่ทำความร้อนใจใดใดให้แก่บิดามารดา แต่กลับทำความชื่นใจให้แก่บิดามารดา ข้อที่สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ไม่เป็นศิษย์ดื้อ ไม่เป็นศิษย์โง่ ไม่เป็นศิษย์ที่ขัดแย้ง ต่อความสงบเรียบร้อยในห้องเรียน เรียนให้ดี เรียนให้ดีที่สุด ให้ได้รับผลการเรียนที่ดีที่สุด ให้ครูบาอาจารย์นำไปได้ ให้ครูบาอาจารย์นำไปได้ ตามหน้าที่ของครูบาอาจารย์ที่จะต้องนำ ศิษย์คนใดที่ครูบาอาจารย์นำไปไม่ได้นั้น มันเป็นศิษย์ที่เลวที่สุด ของครูบาอาจารย์ เราจงเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ที่ครูบาอาจารย์นำไปได้ ก็หมดปัญหาใน เรื่องเล่าเรียน ในวัยเรียน เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ คือศิษย์ที่เชื่อฟัง บุตรที่ดีก็เชื่อฟัง ศิษย์ที่ดีก็เชื่อฟัง คำนี้พระพุทธเจ้าเน้นไว้ในพุทธภาษิต ว่าบุตรที่ดี คือบุตรที่เชื่อฟัง ศิษย์ก็คล้ายกับบุตรชนิดหนึ่งก็เชื่อฟัง เชื่อฟังก็สำเร็จประโยชน์ เพราะเราไม่มีความรู้มาแต่ในท้อง เราต้องได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ ข้อที่สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ไม่มีการขัดแย้ง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง รักเพื่อนทุกคนในฐานะเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย เรามีปัญหาเดียวกัน มีความทุกข์อย่างเดียวกัน มีหัวอกอย่างเดียวกัน คือปัญหาอันเกิดมาจากการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นเพื่อนที่ดีกับ เพื่อน ไม่มีการขัดแย้ง ไม่มีการทะเลาะ ไม่มีการด่าทอ เนี่ยเรียกว่าเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน แล้วก็เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ อย่าเป็นกันแต่ปาก อย่างนี้เขามักจะเรียกเป็นกันแต่ปาก เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ แล้วก็พร้อมที่จะขายชาติ พร้อมที่จะเรียกร้องเอาอะไรอะไรจากชาติ โดยท่าเดียว โดยไม่ต้องทำอะไร ที่เป็นการช่วยชาติ นี่เรียกว่าเป็นพลเมืองเลว ของชาติ ต้องรักชาติ จะต้องช่วยกันทำนุบำรุง ส่งเสริมทุกอย่างทุกประการ ให้มีชาติที่ดี ที่เป็นที่พึ่งที่อาศัย ได้ ในระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นหลักเกณท์ดำเนินชาติ ให้มันถูกต้องให้มันครบถ้วน อย่ารับจ้างเลือกผู้แทน มันเป็นพลเมืองที่เลว มันก็จะได้ผู้แทนที่เลว มันก็ไปทำให้ชาติมีความเลว อย่างนี้เป็นตัวอย่าง ขอให้เราเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ข้อต่อไป เป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา คือได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบกับพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่นก็ตามใจ เป็นมนุษย์ก็ต้องมีศาสนา ขอให้ได้รับประโยชน์จากศาสนา มีการปฏิบัติถูกต้องตามหลักของพระศาสนา เป็นชีวิตที่ไม่ร้อน ไม่เป็นชีวิตที่ตกนรกอยู่ที่นี่ ได้เป็นชีวิตชนิดที่สวรรค์อยู่ที่นี่ เป็นสาวกที่ดี ของพระศาสนาของตนสูงสุด ข้อสุดท้าย เป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยม เป็นมนุษย์ที่ดีที่สุด ที่มีจิตใจสูง อยู่เหนือปัญหาทั้งปวง สิ่งเลวร้ายของชีวิต นี่ก็คืออะไร ปัญหาต่างๆ ทรมาน ความหนักแห่งชีวิต เป็นความผูกพันแห่งชีวิต เป็นความเผารนเสียดแทงแห่งชีวิต ทั้งหมดสิ่งเหล่านี้ จึงจะเรียกว่าได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์จากสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ของพระศาสนา คือความเป็นมนุษย์ มีจิตใจสูงอยู่เหนือปัญหาทั้งปวง ขอให้ท่านทั้งหลายจงประสบผลสำเร็จในการเป็นมนุษย์ มีความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ เถิด เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เป็นสาวกที่ดีของศาสนา เป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมของความเป็นมนุษย์ อย่าเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้อายุ ยี่สิบ สามสิบแล้ว ไม่มีความเป็นบุตรแล้วนั้นมัน เป็นคนโง่ มันยังเป็นบุตรอยู่นั่นแหละ มันไม่ขาดจากความเป็นบุตรของบิดามารดา มีหน้าที่สนองคุณของบิดามารดา ต่อไปก็ยังจะต้องเป็นบุตรในทางวิญญาณ เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า ของพระะธรรมของพระสงฆ์ ก็นี่เป็นบิดามารดาในทางวิญญาณ จงเป็นบุตรที่ดีทางวิญญาณของพระพุทธของพระธรรม ของพระสงฆ์ ด้วย แก่หัวหงอกแล้วก็ยังมีความจริง ที่เป็นบุตรเป็นลูกเป็นหลานของคนนั้น คนคนนี้ จงทำหน้าที่ จงทำหน้าที่ ถึงความเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ของตน แม้ว่าตัวเองจะหัวหงอกแล้วเนี่ย แม้ถ้าตายไปแล้วเราก็ยังเป็นบุตรที่ดี ทำความดีอุทิศแก่ท่าน สืบสกุลให้ดีให้มีเกียรติ ตามความมุ่งหมายของท่าน ที่เราจะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ได้จนเราเข้าโลกตามบิดามารดาไป ขออย่าได้ละเลย ในข้อนี้เลย เป็น บุตรที่ดีของบิดามารดา ถ้าตั้งต้นมาด้วยจุดอันนี้แล้วไม่ต้องสงสัย เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองดีของชาติ สาวกที่ดีของพระพุทธศาสนา ขอให้ท่านทั้งหลาย มีธรรมะ คือการประพฤติ กระทำที่ถูกต้องแก่ ความรอด รอดจากความตาย รอดจากความชั่ว รอดจากความทุกข์ รอดทุกทุกชนิดที่ควรจะรอด ให้สมกับที่ท่านอุตสาห์มา แสวงหาสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ หาความรู้ทางธรรมะ แล้วต้องปฏิบัติ ให้สำเร็จประโยชน์ ข้อนี้มันมีใจความที่จะต้องรู้อยู่เป็นชั้นๆ ซึ่งคนโง่ไม่รู้ คนโง่จะถือว่าเขามีธรรมะ เขาเรียนธรรมะแล้วเขาจะมีธรรมะ อันนี้ไม่จริง มีธรรมะแต่เพียงเรียนเพียงรู้ นี้ไม่ใช่มีธรรมะ มีธรรมะต้องปฏิบัติธรรมะ จึงจะมีธรรมะ ไปเรียนธรรมะแล้วจดไว้ในสมุด หรือท่องจำไว้อย่างนี้ไม่เรียกว่ามีธรรมะ ไม่ได้มีอยู่ในคนมีอยู่ในสมุด มันมีอยู่ในพระไตรปิฏก เรียนธรรมะแล้ว ต้องมีมีมี ธรรมะ คือการปฏิบัติธรรมะ ในการละคร มีธรรมะแล้ว ยังจะต้องใช้ธรรมะ มีไว้เฉยๆ ไม่ใช้ก็ไม่มีประโยชน์ มีธรรมะแล้วต้องใช้ธรรมะ ในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็ต้องเอามาใช้ ใช้ก็ต้องใช้ให้ถูกต้อง ใช้ไม่ถูกต้องใช้ผิดที่ผิดเวลา ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ เราต้องเรียนธรรมะ เราต้องรู้ธรรมะ ก็ต้องเรียนธรรมะ ผู้ที่มีธรรมะ ก็ต้องใช้ธรรมะให้ถูกต้อง มันหลายขั้นตอนเหล่านี้ เดี๋ยวนี้ท่านมาที่นี่ มาฟังธรรมะ มันอาจจะเพียงแต่ฟัง เพียงแต่รู้ ก็ได้ แต่ไม่มีธรรมะก็ได้ จนกว่าจะได้ปฏิบัติตนตามนั้น จึงจะมีธรรมะ เดี๋ยวนี้เพียงแต่จะรู้ธรรมะบ้างเท่านั้นแหละ แต่มันก็จำเป็นเหมือนกัน จำเป็นที่สุดที่เราจะต้องเรียน เรียนจริงๆ เรียนให้รู้ รู้แล้วก็ปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วก็ใช้ ใช้ให้สำเร็จประโยชน์ ให้มีธรรมะ ให้มีความรอด อย่างที่กล่าวมาแล้วให้ได้ นี่แหละเป็นใจความสำคัญ เรียนธรรมะ รู้ธรรมะ มีธรรมะใช้ธรรมะ แล้วก็ ให้ธรรมะสอนผู้อื่นด้วย ขอให้ถือเป็นหลักอย่างนี้ จึงจะสมบูรณ์ เราเองมีธรรมะ ใช้ธรรมะ ได้รับประโยชน์แก่ธรรมะแล้ว สอนให้แก่เพื่อนมนุษย์ของเราที่เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้รู้ให้มีให้ได้ใช้ อย่างเดียวกันกับเรานั่นแหละ จึงจะเรียกว่าครบถ้วนบริบูรณ์ ทำหน้าที่ถูกต้องบริบูรณ์ ขอให้อฐิษฐานจิต ตั้งจิตแน่วแน่ที่จะทำอย่างนี้ ก็จะมีธรรมะได้โดยแท้จริง ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และพบกับพระพุทธศาสนา หรือศาสนาใดๆ ก็ตามเถิด มีธรรมะอย่างเดียวกันเพื่อความรอดทั้งนั้นแหละ ทุกศาสนาเพื่อความรอด แม้ว่าวิธีมันจะต่างกัน มันก็เพื่อความรอดทั้งนั้น ถ้าฉลาดก็ถือได้ลึก ถ้าไม่ฉลาดก็ถือได้ไม่ลึกแต่เพื่อความรอด ดังนั้นขอให้อย่าดูถูกดูหมิ่นศาสนาใดๆ แม้เขาจะมีศาสนาอื่น ชื่ออื่นอย่าได้ดูถูกดูหมิ่นเลย ถ้ามีเจตนาดี ชนิด ที่จะเอาความรอด เป็นความสงบสุขด้วยกันทั้งนั้น ต้องสมัครสามัคคีกันในระหว่างศาสนา ทุกศาสนา เคารพไว้ในฐานะเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เนี่ยก็จะได้ชื่อว่า ได้รับสิ่งที่ดี ที่สุด ในการเกิดมา เป็นมนุษย์ สรุปความว่า ขอให้มีธรรมะ คือการกระทำที่ถูกต้อง แก่ความรอด อยู่ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกวินาที ขอให้ถือหลักว่าเราจะรักษาความถูกต้อง ทุกอิริยาบถ จะลุกจากที่ตรงนี้ไปนั่ง ที่ตรงโน้น ด้วยสติสัมปชัญญะ ลุกไปนั่งให้มันถูกต้อง อย่าว่าแต่จะทำอะไร อย่าว่าแต่จะเกา คันขึ้นมา จะเอื้อมมือไปเกาก็มีสติสัมปชัญญะ เกาด้วยสติสัมปชัญญะ อย่าโมโห โทโส อย่างนี้ก็จะเรียกว่ามีสติสัมปชัญญะ ให้มีธรรมะทุกกระเบียดนิ้ว มีความรู้ธรรมะนี้ไว้เป็นบุญ ในคลังแห่งจิตใจ ของชีวิต แล้วก็มีสติเอาธรรมะมาใช้ ทันท่วงทีเมื่อไรเมื่อมีทุกข์เกิดขึ้น เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จากภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กายก็ดี เกิดขึ้นจากทางภายในจิตใจ ความจำ ความอะไร ทำให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ก็ดี ก็เรียกว่า เรื่องมันเกินแล้ว จงมีสติสัมปชัญญะ เอาธรรมะมาใช้ให้ถูกต้อง แก่เรื่องนั้นๆ แก้ปัญหานั้นๆ ให้ได้ ปัญญามีไว้มาก แต่พอ จะใช้เอามาใช้อย่างเดียว ให้ตรงกับกรณีเดียวที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เหมือนกับว่าเรามียาอยู่ในตู้ยาทุกขนาน ทุกขนานมากมาย แต่พอจะกินยา ขวดเดียว ขนาดเดียวเฉพาะโรค ธรรมะก็เหมือนกัน มีไว้ครบถ้วนในสติปัญญา พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา สติวิ่งไปเอาธรรมะนั้นมาใช้ ให้ถูกต้องกับเรื่อง ปัญญามาอยู่เฉพาะนานแล้วกลาย เป็นสัมปชัญญะ ที่เรียกว่าปัญญา ปัญญา กลายรูปเป็นสัมปชัญญะ จัดการกับสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องให้ถูกต้อง แก้ไขให้มันถูกต้อง ตรงกันให้มันถูกต้อง ถ้ากำลังใจมันน้อยก็มีสมาธิ สมาธิเพิ่มเข้าไป เป็นน้ำหนักที่มากขึ้น ปัญญานี่ก็เป็นน้ำหนัก ถ้าไม่มีน้ำหนักมันไม่ตัด ปัญญามันต้องมีความคม มันต้องมีน้ำหนัก ที่จะกดลงไปมันจึงจะตัด มีปัญญาเหมือนความคม มีสมาธิ เหมือนกับน้ำหนัก มีสติ เป็นเครื่องมือไปขนเอาอาวุธมา ใช้มันให้ถูกต้องแก่กรณีแห่งชีวิต ทุกขั้นทุกตอน ก็จะได้รับประโยชน์ ในการที่เกิดมาเป็นมนุษย์ จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษย์ควรจะได้รับ ไม่เสียทีที่เกิดมา จากท้องบิดามารดา โดยไม่ได้ทำประโยชน์ให้สมกับ เป็นก้อนสกปรก ก้อนหนึ่งออกมาจากท้องบิดามารดา ขอตะโกนเดี่ยวนี้ว่ายุวชนทั้งหลาย คนใดคนหนึ่ง อย่าได้ทำตนเหมือนก้อนสกปรก ก้อนเดียวออกมาจากท้องบิดามารดา จงทำให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีชีวิตเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ถูกต้องโดยนัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ จะได้พบกับการศึกษา เครื่องมือที่จะกำจัดความทุกข์โดยประการทั้งปวง สิ่งนั้นเรียกว่าธรรมะ สิ่งนั้นเรียกว่าธรรมะ อย่าได้มีสิ่งใด ยิ่งไปกว่าธรรมะ เคารพธรรมธรรมะสูงสุดเหมือนพระพุทธเจ้า ท่านเคารพแล้วก็จะได้รับผลที่ดีที่สุด ในการเกิดมาเป็นมนุษย์โดยแน่นอน คำพูดเหล่านี้อาจจะไม่น่าฟังก็ได้ สำหรับคนโง่ สำหรับคนที่ไม่ต้องการความสุขสงบโดยแท้จริง มันไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ขอโทษ ช่างหัวมัน ผู้ใดมีความตั้งใจดีจะพัฒนาชีวิต ให้ถูกต้อง ขอวิงวอนอ้อนวอน จงเอาไปคิด พิจารณา ให้เห็นว่าความจริงมันเป็นอย่างนี้ ความจริงมันเป็นอย่างนี้ ต้องปฏิบัติอย่างนี้จึงจะรอดจากความทุกข์ ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ขอให้ความหวังอันนี้จงเป็นผลสำเร็จแก่ท่านทั้งหลาย ด้วยความเชื่อ ด้วยความกล้าหาญ ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความอดทน ในการประพฤติปฏิบัติ ต้องมีความตั้งใจจริง ต้องมีการบังคับให้ปฏิบัติ จะต้องทนความเจ็บปวดจากการปฏิบัติ แต่ก็ระบายความไม่ถูกต้องออกไปเสีย ตลอดเวลา ทำทั้งสี่อย่างนี้ช่วยให้ประสบความสำเร็จ สมตามความปรารถนา อย่างที่ในหลวงออกมาขอร้องให้ประชาชนทั้งหลายถือปฏิบัติสี่ประการ สัจจา ธรรมะ สามัคคี จาคะ ของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในพระคัมภีร์สัจจะ จาคะ ธรรมะบังคับตัวเองให้ปฏิบัติตามความเป็นจริง ถ้ามันเกิดความเจ็บปวด ก็อดกลั้น อดทน พร้อมกันนั้นก็สละความชั่ว ที่มีอยู่ในตัวตน ให้ออกไป ออกไป มันก็ไม่ลำบากมาก มันก็ไม่ต้องทนมาก มันจะมีความสำเร็จในการเกิด มาเป็นมนุษย์ดีที่สุด ทุกทุกประการ การบรรยายนี้สมควรแก่เวลาแล้ว ขอยุติการบรรยาย ขอหวังในความจริงของท่านทั้งหลาย รู้จักตัวเอง