แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลายในลักษณะอย่างนี้ คือมาเพื่อจะเรียกจะขอเรียกอย่างสรุปว่า การเพื่อการเติมธรรมะลงไปในชีวิตของท่าน เข้าใจว่าบางคนคงจะรู้แต่ส่วนมากจะยังไม่รู้ ว่าชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เติมธรรมะลงไปได้ จึงขอแสดงความยินดีในความปรารถนาที่มีค่าและสูงสุดอย่างนี้ และขอบอกกล่าวเป็นพิเศษอย่างหนึ่งว่า
ถ้าท่านนอนสายโลกนี้ก็จะปรากฏแก่ท่านอย่างหนึ่ง ถ้าท่านนอนตื่นเช้าตื่นแต่ก่อนหัวรุ่ง เรียกว่าตื่นแต่ดึกนี่ โลกนี้ก็จะปรากฏแก่ท่านอีกอย่างหนึ่ง โลกเดียวกันนั่นแหละแต่มันจะปรากฏแก่ท่านคนละอย่างมันก็ขอให้ลองดูก็แล้วกัน บางวันก็นอนสายตื่นขึ้นมาเป็นอย่างไร บางวันก็นอนตื่นเช้าตรู่ก่อนแดดก่อนแสงแดดจะมีขึ้นมา ก็จะโลกนี้จะปรากฎในความรู้สึกของท่านอย่างหนึ่ง และเวลาก่อนหัวรุ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะทำอะไรเกี่ยวกับธรรมะ มิฉะนั้น พระพุทธเจ้าจะไม่ตรัสรู้เวลาก่อนรุ่ง ขอให้คิดดูบ้างเถอะเราเรียนพุทธประวัติรู้กันแล้วว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก่อนรุ่ง แต่สำหรับอาตมาเองโดยเฉพาะนี่ไม่มีแรง กำลังไม่มีแรง หาเรี่ยวแรงได้บ้างก็เวลาก่อนรุ่งตีห้าอย่างนี้ เดี๋ยวนี้พูดกับฝรั่งทุกครั้งทุกวันน่ะใช้เวลาตีห้าอย่างนี้ค่อยจะมีแรง แล้วพวกฝรั่งเขาก็บอกว่ารู้สึกว่าได้ผลดี อย่างน้อยก็เป็นเครื่องวัดความจริงหรือความอดทนของผู้ฟังว่ายังอยู่ในระดับไหน นี่ก็ขอทำความเข้าใจกันซะด้วย
ทีนี้ก็จะพูดถึงความหมายของคำว่าการเติมธรรมะลงไปในชีวิต ถ้าท่านรู้จักสิ่งที่เรียกว่าชีวิต ท่านก็จะสามารถเติมธรรมะลงไปในชีวิตได้โดยแน่นอน เดี๋ยวนี้แม้แต่ตัวเองหรือตัวชีวิตเองก็ยังไม่รู้จัก มันก็ยากที่จะเติมธรรมะลงไปได้ เพราะฉะนั้นจึงมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ท่านกำลังมีชีวิตที่กัดเจ้าของ ท่านกำลังมีความสุขที่กัดเจ้าของ สมน้ำหน้า เพราะไม่รู้จักตัวชีวิตหรือตัวธรรมะ ก็จะมีชีวิตชนิดที่กัดเจ้าของอยู่เรื่อยไป ทำความทรมานให้แก่เจ้าของอยู่เรื่อยไป จะเรียกว่าความสุขมีความสุขก็เป็นความสุขชนิดที่กัดเจ้าของอยู่เรื่อยไป
นี้ขอให้ตั้งใจฟังดีๆเถอะว่า ถ้ามีธรรมะโดยถูกต้องแล้วจะมีชีวิตชนิดที่ไม่กัดเจ้าของ กับมีความสุขชนิดที่ไม่กัดเจ้าของ อย่างนี้มันยังกัดเจ้าของหัวถลอกปอกเปิดเป็นริ้วเป็นรอยไปทั้งตัว กระทั่งเป็นบ้า กระทั่งฆ่าตัวตาย กระทั่งมันฆ่าตัวตาย แม้มันเป็นมหาเศรษฐีมีอำนาจวาสนามันก็ยังมีการฆ่าตัวตายสำหรับคนเหล่านั้น ขอให้คิดดูว่านี่ชีวิตมันกัดเจ้าของสักเท่าไร
ถ้ามีธรรมะเพียงพออาการอย่างนี้จะไม่เกิด ขอให้สนใจสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ธรรมะ ให้รู้จักและก็เติมลงไปได้ในชีวิต ขอให้มองให้เห็นหรือให้เข้าใจชัดเจนว่า ไอ้ชีวิตนี้ธรรมชาติมันให้มาอย่างเหมาะสมสำหรับการพัฒนา หรือจะเรียกว่าเติมธรรมะลงไปได้เรื่อยๆไปจนกว่าจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เหนือปัญหาโดยประการทั้งปวง มิฉะนั้นแล้วจะเป็นชีวิตที่มีปัญหา มีความหนักอึ้ง มีความผูกพันรุงรัง มีความเผาลนเร่าร้อน มีการทรมานอยู่ตลอดเวลา นี่เรียกว่าชีวิตที่มันกัดเจ้าของ
ถ้ามีธรรมะโดยถูกต้องปัญหาเหล่านี้จะไม่มี แล้วก็จะได้ชีวิตที่แปลกออกไปคือไม่กัดเจ้าของ มีแต่ความสงบเย็นตลอดเวลา และสามารถทำประโยชน์สูงสุดในโลกนี้ด้วย ไม่ใช่เพียงแต่ว่าตัวเองไม่มีความทุกข์นะ แต่สามารถทำประโยชน์อย่างสูงสุดให้แก่เพื่อนมนุษย์อีกด้วย ขอให้สนใจเถิด
นี้จะพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ธรรมะ น่าสงสารลูกเด็กๆซึ่งเป็นโตขึ้นมาจนเป็นคนโตหัวหงอกแล้วนี่ มันก็ยังได้รับคำสั่งสอนไม่สมบูรณ์ว่าธรรมะนั้นคืออะไร เด็กๆในโรงเรียนได้รับคำสั่งสอนว่าธรรมะนั้นคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี้ในประเทศไทยนะ นี่มันไม่รู้ ผู้สอนน่ะมันไม่รู้ หรือผู้กล่าวก็ตามมันไม่รู้ว่าธรรมะธรรมะคำนี้มนุษย์พูดกันอยู่แล้วก่อนพระพุทธเจ้าเกิดโน่น ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาในโลกมนุษย์ที่นั่นเขาใช้คำพูดคำนี้กันอยู่แล้ว โดยเฉพาะประเทศอินเดียซึ่งเป็นเจ้าของภาษาบาลีภาษาสันสกฤตคำนี้
ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิดจะต้องมีมนุษย์คนหนึ่งล่ะซึ่งมันพ้นจากความเป็นป่าเถื่อน หรือความโง่เขลามาพอสมควรแล้ว พ้นจากความเป็นคนป่าพอสมควรแล้ว มันได้สังเกตเห็นสิ่งนี้สิ่งที่เรียกว่าธรรมะนี่ คือหน้าที่ ถ้าพูดเป็นภาษาไทยก็ว่าหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ มันจะเป็นชาวนา ชาวสวนเป็นอะไรก็สุดแล้วแต่ คนนี้มนุษย์สังเกตเห็นว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ หน้าที่ เนี่ยสำคัญ แล้วมันก็เรียกขึ้นมาว่าธรรมะ ธรรมะ โดยใจความก็คือสิ่งที่จะทรงผู้ปฏิบัติไว้ไม่ให้พลัดตกลงในความทุกข์ยากลำบากหรือตาย
ธรรมะคำนี้จึงเกิดขึ้นในโลกเป็นคำแรก แปลว่าหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ บอกเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในโลก หน้าที่ หน้าที่ ถ้าพูดเป็นภาษาไทยนะ เดี๋ยวนี้พูดเป็นภาษาบาลีหรือภาษาอินเดียโบราณมันก็ธรรมะ ในภาษาบาลีหรือภาษาปรากฤต ภาษาพื้นบ้านเก่าแก่ ภาษาสันสกฤตก็ธรฺม ออกเสียงยากหน่อย พอมาเป็นไทยเราไม่แปลคำนี้เพราะมันแปลไม่ได้ ยังไงก็ตามก็เรียกว่าธรรมะหรือธรรมะไปตามสันสกฤตตามบาลี
มนุษย์เหล่านั้นก็รู้จัก หรือให้ความสำคัญหรือเคารพต่อสิ่งที่เรียกว่าธรรมะคือหน้าที่ แล้วชวนกันสนใจศึกษาค้นคว้าไอ้เรื่องหน้าที่หน้าที่นี้ให้ดีขึ้นสูงขึ้นดีขึ้นสูงขึ้น จนเกิดมีครูบาอาจารย์สอนธรรมะกันทั้งนั้นล่ะ สอนธรรมะเก่าแก่ที่สุด เหลืออยู่ว่าท่านชอบใจธรรมะของใคร ในชั้นสูงสุดในชั้นทางจิตทางวิญญาณดับทุกข์ทางจิตใจแล้วก็ยังเรียกว่าธรรมะ แม้จะเป็นหน้าที่ทำไร่ทำนาอยู่กลางทุ่งนาก็ยังก็เรียกว่าธรรมะคือหน้าที่
ปทานุกรมสำหรับลูกเด็กๆในอินเดียเรียนน่ะ คำว่าธรรมะ แปลว่า Duty ไม่ได้แปลว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่ประเทศไทยมันรู้แค่หางอึ่งก็จะได้ เพราะว่าคำสอนของนิคันถบุตร ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ของศาสดา มันก็เรียกธรรมะธรรมะทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นเขาจะถามกันก็จะถามกันว่าท่านชอบใจธรรมะของใคร ท่านชอบใจธรรมะของพระสมณโคดมหรือธรรมะของนิคันถบุตรเป็นต้น หมายถึงระบบที่จะประพฤติปฏิบัติแล้วก็อยู่รอด แล้วก็เป็นสุขแล้วก็มีประโยชน์มาก เขาใช้กันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด แล้วในลัทธิไหนศาสดาไหนก็ใช้คำนี้กันปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกเอง
ที่ในโรงเรียนเราก็น่าสงสารที่สอนลูกเด็กๆว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผูกขาดน่ะ อย่างนี้มันหลับตาพูด คนที่เรียนมาจึงรู้แคบ มีความรู้แค่ว่าธรรมะคืออะไรมันรู้แคบ รู้แต่เพียงว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มันยังแคบไปถึงว่าธรรมะแปลว่าคำสั่งสอนนี่มันไม่ถูก ธรรมะมันแปลว่าหน้าที่ หน้าที่ เอาล่ะถึงพระพุทธเจ้าจะได้สอนเป็นคำสอนจริง แต่ก็ต้องสอนเรื่องหน้าที่ มันเป็นคำสอนเรื่องหน้าที่ ถ้าเป็นคำสอนไม่มีประโยชน์ไม่สำเร็จประโยชน์มันต้องเป็นการปฏิบัติ เมื่อมีการปฏิบัติแล้วก็มีผลของการปฏิบัติ ฉะนั้นใจความสำคัญมันจึงอยู่ที่คำว่าหน้าที่ หน้าที่
ในภาษาบาลีมันก็มีความหมายชัดว่า สิ่งที่ทรงไว้ไม่พลัดไปในความตายหรือความทุกข์หรือความชั่ว นี่คือหน้าที่ ถึงแม้คำว่าหน้าที่ หน้าที่ในภาษาไทยเรานี้ก็เถิดลองสังเกตุดูมันก็มีความหมายอย่างนั้นแหละ เพราะถ้าว่าไม่มีหน้าที่มันก็คือตาย เราไม่มีหน้าที่มันก็คือตาย เอาล่ะถ้าว่าร่างกายนี้มันไม่ทำหน้าที่ ถ้ามันไม่กินอาหาร มันไม่แสวงหาอาหาร มันก็ตายเหมือนกันคือมันไม่ทำหน้าที่ มือเท้าแขนขาไม่ทำหน้าที่มันก็ต้องตาย หัวใจตับปอดทุกส่วนภายในมันไม่ทำหน้าที่มันก็คือตายนั่นแหละ เรียกว่าทุกๆเซลล์แต่ละเซลล์ๆมันไม่ทำหน้าที่มันก็ตายวูบเดียวแหละ คนก็ตาย สัตว์ก็ตาย ต้นไม้ต้นไร่ก็ตาย ถ้าไม่ทำหน้าที่
หน้าที่ หน้าที่คือสิ่งที่มันทรงชีวิตไว้ ทรงไว้ซึ่งชีวิตนั่นแหละคือหน้าที่ ฉะนั้นขอให้เรามองเห็นความจริงข้อนี้ว่าธรรมะ ธรรมะนั้นคือหน้าที่ ไม่มีหน้าที่มันก็คือตาย เป็นทุกข์ เจียนตาย กระทั่งตายในที่สุด อย่างน้อยที่สุดมันก็ต้องบ้าเป็นบ้าแล้วมันก็ฆ่าตัวตายอยู่ดี ถ้ามันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าธรรมะคือหน้าที่
ขอให้สนใจธรรมะว่าเป็นหน้าที่โดยกฎของธรรมชาติ คำว่าธรรมะในทางหนังสือทางตัวหนังสือในภาษาบาลีมันแปลว่าตัวธรรมชาติมันก็ได้ ตัวกฎของธรรมชาติที่อยู่ในธรรมชาติทั่วไปนั้นก็เรียกว่าธรรมะ หน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์นั้นๆก็เรียกว่าธรรมะ และมีผลเกิดมาจากการปฏิบัติหน้าที่ก็เรียกว่าธรรมะอยู่นั่นเอง จึงได้ความหมายถึง ๔ ความหมายสำหรับคำว่าธรรมะ
ธรรมะคือตัวธรรมชาติทุกชนิด ธรรมะคือตัวกฎของธรรมชาติที่สิงสถิตอยู่ในตัวธรรมชาติ ธรรมะคือหน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ ความหมายที่ ๓ นี้เป็นความหมายที่สำคัญจนมนุษย์ถือเป็นสิ่งสูงสุด แล้วไอ้ผลจากหน้าที่นั้นไม่ต้องสงสัย ถ้ามีการทำหน้าที่มันก็มีผลออกมา ฉะนั้นความหมายที่สำคัญที่สุดก็คือความหมายที่ ๓ คือหน้าที่ หน้าที่ คือสิ่งที่จะช่วยให้รอดไม่ตาย ให้อยู่กันผาสุกได้นี่คือธรรมะ
นี้ขอบอกกล่าวตอนนี้สักหน่อยว่า อะไรจะสูงสุดไปกว่านี้ อะไรจะสูงสุดไปกว่าสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ ก็ตั้งตั้งคำถามว่าพระพุทธเจ้าท่านเคารพอะไร พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าที่เราเคารพว่าสูงสุดแล้ว ท่านยังมีสิ่งที่ท่านเคารพ เพราะฉะนั้นธรรมะมันจึงเป็นสิ่งสูงสุด สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดกว่าสิ่งใดสิ่งนั้นคือธรรมะ มันสูงจนพระพุทธเจ้าท่านเคารพ
เรื่องปรากฏอยู่ในปกรณ์ชั้นบาลี ชั้นบาลีพระไตรปิฎกน่ะมีว่า พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้ว ท่านก็มีความฉงนว่าต่อไปนี้จะเคารพอะไร รู้สึกพระองค์ว่าตรัสรู้แล้วก็มีคำถามขึ้นมาว่าต่อไปนี้จะเคารพอะไร ทบทวนไปทบทวนมาก็ยุติลงในที่สุดว่าเคารพธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ที่จะต้องดับทุกข์ให้ได้ เป็นหน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิต คำสอนก็สอนเรื่องนี้ ฉะนั้นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าก็จะต้องสอนเรื่องนี้ ท่านมีหน้าที่ดับทุกข์ของพระองค์ได้ก่อนแล้ว ยังมีหน้าที่สอนผู้อื่นด้วย นี่หน้าที่ของพระพุทธเจ้ามีถึงสองชั้นอย่างนี้ หน้าที่ของพวกเราเพียงแต่ดับทุกข์ของตนเองได้ก็ดูจะพอ แต่ถ้าจะเป็นพระพุทธเจ้าหรือตั้งอยู่ในฐานะเป็นพระพุทธเจ้ายังมีหน้าที่ที่จะต้องสอนสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงให้ดับทุกข์ได้ ทั้งมนุษยโลก เทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ท่านจึงทำหน้าที่หน้าที่เหลือประมาณ ศึกษาพุทธประวัติดูเถิดว่าท่านทำหน้าที่อย่างไร
ก่อนรุ่งน่ะ ปัจจุสมัยคือก่อนรุ่ง ก่อนสว่างขึ้นมาน่ะ ท่านสอดส่องไปในที่ต่างๆที่ได้เห็นอยู่ตลอดเวลาว่า ที่ตรงไหนมีใครบ้างที่ควรจะได้รับคำสั่งสอนหรือไปเผยแผ่ธรรมะ ท่านตกลงพระทัยเสร็จแล้วพอสว่างท่านก็ไปที่นั่น ตั้งใจไปที่นั่น ในลักษณะที่เรียกว่าไปบิณฑบาตแต่ที่จริงไปโปรดสัตว์ ไปโปรดสัตว์ให้สัตว์มันลืมหูลืมตาขึ้นมาคนนั้น จนได้พบกับคนนั้นจนว่าคนนั้นได้นิมนต์ให้ฉันไปเลี้ยงดูแล้วก็สนทนาจนได้รู้ธรรมะตามพระพุทธประสงค์แล้วจึงจะเสด็จกลับ แล้วบางทีก็ไปทั้งมีสาวกด้วย แล้วบางทีก็แวะเข้าไปในวัดสำนักพวกเดียรถีร์เหล่าอื่นคือลัทธิอื่น ตรงนี้ขอบอกกล่าวว่าอย่าโง่เหมือนกับที่กำลังโง่อยู่ว่าเดียรถีร์แล้วเป็นบ้าบอนะ เดียรถีร์อื่นต่างหากจากพุทธศาสนาจึงจะเรียกว่าน่ารังเกียจ พุทธศาสนาก็เป็นเดียรถีร์เหมือนกัน พระพุทธเจ้าเองก็เป็นเดียรถีร์คณะหนึ่งเหมือนกัน เดียรถีร์แปลว่าเจ้าลัทธิที่สั่งสอนมีคนเชื่อถือมาก
ถ้าจะพูดถึงลัทธิอื่นก็ต้องเติมคำว่า อัญญะ อัญญะแปลว่าอื่นเข้าไป อัญญะเดียรถีร์น่ะคือเดียรถีร์อื่นนอกจากพุทธศาสนา คำว่า อิธะภิกขะเว อิธะในธรรมวินัยนี้คือในเดียรถีร์นี้ในลัทธินี้ คำว่าอิธะน่ะ ท่านยังมีเวลาแวะเข้าไปในสำนักของเดียรถีร์อื่น เป็นเหตุให้ได้พูดจาเรื่องที่เป็นประโยชน์ทำความเข้าใจกัน ส่วนมากก็สำเร็จประโยชน์แม้เข้าไปในวัดเดียรถีร์อื่น ที่ไม่สำเร็จก็คงจะมี นี่ท่านทำหน้าที่ตอนเช้าอย่างนี้ แล้วก็บางทีก็ไปฉันที่ตรงไหนไม่ได้ฉันที่นั่น ตอนบ่ายก็แล้วแต่เรื่องแต่แล้วแต่เหตุการณ์อาจจะพบใครก็ได้ซึ่งก็มีอยู่เหมือนกันตอนเที่ยง ตอนบ่ายก็กลับมาที่วัดแล้วก็ปรากฎว่าสั่งสอนคนประชาชนที่ไปหาถึงที่วัดของท่าน พอหัวค่ำก็สอนภิกษุสามเณรประจำวัด ปเทโส ภิกษุ โอวาทัง น่ะหัวค่ำ อัฑฒรัตเต เทวปัญหนัง ดึกสอนพวกเทวดาตอบคำถามของพวกเทวดา จะเป็นเทวดาที่มาจากช่องสวรรค์ข้างบนหรือว่าเทวดาคือพระราชามหากษัตริย์ก็ตาม ล้วนแต่ไปหาเวลาดึกทั้งนั้น จนเลยดึกไปก็พักผ่อนนิดหน่อย แล้วก็หัวรุ่งอีกล่ะก็เล็งญาณส่องโลกอีกแหละ จึงวนอยู่ครบวงจรหนึ่งวันหนึ่งคืนอย่างนี้ พวกเราเคยทำงานอย่างนี้?
นี้ก็ทำงานเคารพหน้าที่สูงสุดที่สุดคือพระพุทธเจ้า ถ้าว่ามันเป็นเรื่องทางไกลมันก็ต้องเดินกันด้วยเท้า เพราะว่ามันไม่มีรถยนต์ มันมีแต่รถที่เทียมด้วยม้าหรือต่างเกวียนที่เทียมด้วยวัว ตามธรรมเนียมของนักบวชนั้นไม่ใช่เฉพาะในพุทธนี้ นักบวชพวกอื่นก็เหมือนกันแหละ เขาไม่นั่งรถหรือยานพาหนะที่เทียมด้วยสัตว์มีชีวิต เว้นแต่ป่วย ฉะนั้นก็ต้องเดินเป็นโยชน์ๆน่ะ การเดินเป็นโยชน์ๆน่ะเป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้า ก็ปรากฏในพระบาลีว่าไม่มีรองเท้าสำหรับพระพุทธเจ้า ไม่เคยพบคำว่ารองเท้าสำหรับพระพุทธเจ้า พระส่วนอื่นจะมีหรือที่อื่นเขาจะมีกัน แต่ในกรณีของพระพุทธเจ้าอาตมาไม่เคยพบคำว่ารองเท้า ท่านเดินด้วยเท้าที่เหยียบย่ำไปบนแผ่นดินที่ขรุขระเป็นโยชน์ๆ แม้แต่ในวันที่จะปรินิพพานอยู่ตอนค่ำนี้ก็ยังเดินอยู่เป็นโยชน์ๆ ดูสิ ดูความเสียสละเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า นี่เพราะเหตุอย่างเดียวว่าพระพุทธเจ้าเคารพหน้าที่
ในวันนั้นตรัสรู้แล้วใหม่ๆท่านประกาศว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี อนาคตก็ดี เคารพธรรมะ ซึ่งในที่นี้มันหมายถึงหน้าที่ หน้าที่ การตรัสรู้ก็ตรัสรู้เรื่องหน้าที่ เพราะฉะนั้นเคารพสิ่งที่ตรัสรู้ก็คือเคารพหน้าที่ เคารพเรื่องหน้าที่ๆๆๆ หน้าที่นี้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพนะคิดดู แต่พวกเราที่เคารพพระพุทธเจ้านี้ไม่ค่อยสนใจ แล้วยังจะโง่ไปว่าไอ้หน้าที่ทำนา ทำสวน ขุดดินกันมายังงี้น่ารังเกียจไปเสียอีก นี่มันผิดหลักผิดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะคำว่าหน้าที่ หน้าที่นั้นมันหมายถึง การประพฤติกระทำที่ถูกต้องแก่ความรอด คุณช่วยจำให้ดีบทนิยามของคำว่าหน้าที่หรือธรรมะก็ตาม การกระทำที่ถูกต้องแก่ความรอด เท่านี้ก็พอสั้นๆ ไม่ใช่เพียงแต่คำสั่งสอน มันเป็นการกระทำ การกระทำ และก็ถูกต้องแก่ความรอด รอดชีวิตก็ได้ รอดทางจิตทางวิญญาณคือรอดจากความทุกข์รอดจากกิเลสก็ได้ นี่ก็ความรอดเสมอกัน ในความรอดสองอย่างนั้น ไอ้ความรอดทางจิตทางวิญญาณนั้นจะสำคัญกว่า สำคัญกว่ารอดทางกายมีชีวิตอยู่ แต่ว่าเต็มไปด้วยกิเลสและความทุกข์ มันจะมีประโยชน์อะไร มันไปตายเสียดีกว่า มันต้องมีรอดทางจิตใจด้วยจึงจะเป็นความรอดที่สมบูรณ์ การกระทำใดๆที่เป็นไปเพื่อความรอดสิ่งนั้นคือธรรมะ สิ่งนั้นคือสิ่งที่สูงสุดจนพระพุทธเจ้าก็เคารพ สูงสุดจนพระพุทธเจ้าเคารพ แต่สาวกของท่านทั้งหลายบรมโง่นี้มันไม่สนใจในคำว่าหน้าที่ หน้าที่ และมันใช้คำฟุ่มเฟือยเฟ้อจนไม่รู้จะเอากันอย่างไร
ข้าพเจ้าขออ้างคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก นี้มันบ้าบอเท่าไร จะให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหนือพระพุทธเจ้าหรือเคียงคู่พระพุทธเจ้าไปเสียอีก เคียงคู่พระรัตนตรัยไปเสียอีก มันก็สูงสุดอยู่แค่ที่พระรัตนตรัย เพราะมีพระธรรมรวมอยู่ในนั้น พระธรรมนั้นเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ มันก็สูงสุดกว่าสิ่งใด
ฉะนั้น อย่าไปมัวอ้างสิ่งสูงสุดในสากลโลกอะไรอีกเลย ไม่มีอะไรสูงสุดยิ่งไปกว่าพระธรรมที่รวมอยู่ในพระรัตนตรัย นี่มันหลับตาพูดคว้าสุ่มหมดเลยว่า ขออ้างคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกนี้ มันเฟ้อ มันเฟ้อ เอาแต่ธรรมะคือสิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าเคารพก็พอแล้ว และอะไรจะสูงสุดไปกว่านี้ เอ้า ลองดูสิ ลองไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องสิ พระเจ้าสักฝูง พระเป็นเจ้าทั้งหลายในสากลโลกสักฝูงก็ช่วยไม่ได้น่ะ ช่วยคนที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ช่วยไม่ได้ มันไม่ปฏิบัติหน้าที่ เอานอนร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกมาช่วยนี่ ถึงมาก็ช่วยไม่ได้ มาก็สั่นหัวกลับไปหมด เพราะมันช่วยไม่ได้ เพราะมันไม่ทำหน้าที่ ถ้าคนนั้นมันทำหน้าที่ถูกต้อง หน้าที่นั่นแหละมันก็ช่วย หน้าที่จะกลายเป็นพระเจ้าสูงสุดขึ้นช่วย คือสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่นั้นเองเป็นสิ่งสูงสุด เพราะว่าสูงสุดจนพระพุทธเจ้าก็เคารพนี่ คิดดู ฉะนั้นอย่ามัวอ้างกันแต่เฟ้อๆ รู้จักว่าสิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าก็เคารพน่ะมันสูงสุดแค่ไหน คือหน้าที่ หน้าที่ จงเคารพหน้าที่ เคารพหน้าที่ หน้าที่จะกลายเป็นผู้ช่วยในทุกกรณี
เดี๋ยวนี้ที่เห็นๆกันอยู่มันไม่เคารพหน้าที่ มันบิดพลิ้วหน้าที่ ขบถหน้าที่ คดโกงหน้าที่ ไปดูในสมุดลงเวลาที่มาทำงานที่ออฟฟิศสิ มันมีตัวเลขที่โกหกเกือบทั้งนั้น มันไม่เคารพหน้าที่ มันคดโกงหน้าที่ มันบิดพลิ้วหน้าที่ อย่างนี้มันไม่เคารพหน้าที่ แล้วมันจะรอดได้อย่างไรเล่า นั้นขอให้เราจงรักภักดีบูชาเคารพสิ่งสูงสุดสิ่งเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าท่านก็เคารพ สิ่งนั้นคือหน้าที่
ดังที่กล่าวมาแล้วว่าต้องทำหน้าที่มิฉะนั้นก็ตาย นับตั้งแต่เซลล์กี่ล้านๆเซลล์ที่มันประกอบกันขึ้นเป็นร่างกายนี้ ถ้ามันไม่ทำหน้าที่ร่างกายนี้ก็ตายลูกเดียว หรือหมู่แห่งเซลล์จะประกอบกันขึ้นเป็นอวัยวะนั้นนี้ มันก็ต้องทำหน้าที่ เช่นปอดมันต้องหายใจ เช่นหัวใจต้องสูบฉีดโลหิต ระบบการย่อยของลำไส้ต้องทำหน้าที่ทั้งนั้นแหละ มิเช่นนั้นมันก็ตายๆๆเพราะไม่ทำหน้าที่
สิ่งสูงสุดกว่าสิ่งใดจนพระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง ทั้งอดีตอนาคตปัจจุบันก็เคารพนั้น สิ่งนั้นคือหน้าที่ ขอให้พุทธบริษัทเราที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้านั้นเคารพสิ่งเดียวกับที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ อย่าไปบิดพลิ้วโกหกหลอกลวงขบถต่อสิ่งนั้นเสียเลย
เดี๋ยวนี้มันมีคนเป็นอันมากไม่ปฏิบัติหน้าที่ เรียกร้องแต่สิทธิจะเอาอย่างนั้นเอาอย่างนี้ มันไม่ทำหน้าที่แต่มันเรียกร้องสิทธิ มันเป็น Strike น่ะมันเป็นไปกับ Strike น่ะคิดดู มันเรียกร้องแต่สิทธิเกินฐานะ มันเจริญไม่ได้น่ะไอ้คนชนิดนี้ ฉะนั้นจงทำหน้าที่ให้มากไว้ สิทธิอย่าไปเรียกร้องมันนักเลย เอาแต่มันรอดสะดวกก็พอแล้ว
นี่สิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าก็เคารพสิ่งนั้นคือธรรมะ สิ่งนี้ถ้าเติมลงไปในชีวิตเท่าไรก็เป็นความรอดมากขึ้นเท่านั้น จะมีความสุขความเจริญ แล้วก็จะมีความสามารถในการกระทำหน้าที่ให้ยิ่งๆขึ้นไป หน้าที่สูงสุดก็คือดับทุกข์สิ้นเชิง จึงต้องรู้ธรรมะในระดับสูงที่จะดับทุกข์สิ้นเชิงกันไว้ด้วยกันทุกคน แต่อย่าลืมว่าทุกหน้าที่แม้แต่ทำสวนทำนาค้าขายทำราชการ เป็นคนชาวบ้านเป็นคนขอทานนั่งขอทานอยู่ก็เถอะ เขาก็ต้องมีธรรมะตามหน้าที่ของเขา เรียกว่าเขามีธรรมะกันทั้งนั้นแหละ นั่งขอทานอยู่ก็มีธรรมะของคนขอทาน เป็นกรรมกรแบกกระสอบอยู่ก็ต้องมีธรรมะของกรรมกร เป็นชาวบ้านทำนาทำสวนทำอะไรก็มีธรรมะของชาวบ้าน เป็นข้าราชการก็มีธรรมะของข้าราชการ แม้ที่สุดแต่เป็นคนค้าขายที่ถูกประณามว่าคดโกงอยู่เสมอนี่ มันว่าเอาตามความคิดของมัน เป็นผู้มีธรรมะของพ่อค้าก็ไม่ต้องคดโกง ต่อให้มันเป็นทนายความถ้ามันมีธรรมะแล้วมันจะไม่คดโกง ทั้งที่ในโลกนี้มันเหมาว่าทนายความก็ต้องโกงเพื่อประโยชน์แก่คดีของตัว แต่ถ้ามันมีธรรมะแล้วมันก็ไม่คดโกง ฉะนั้น ธรรมะคือหน้าที่หน้าที่นี้เป็นสิ่งสูงสุดที่ต้องมี นั้นเขาก็จะมีอาชีพที่ไม่คดโกง
นี้ธรรมะอีกอันหนึ่งคือหน้าที่บริหารชีวิต ไอ้หน้าที่หาเลี้ยงชีวิตนั่นหน้าที่หนึ่งแล้ว นี้หน้าที่ที่สองก็คือบริหารชีวิต คือคนเราจะกินอาหาร เอาตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมามันจะต้องล้างหน้าจะต้องถูฟัน จะต้องถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ขอยืนยันว่าอย่างนี้มันก็เป็นธรรมะคือหน้าที่ ที่จะต้องอาบน้ำ มันจะต้องกินอาหาร มันจะต้องล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้านถูเรือนอะไรก็ตามบริหารชีวิตอยู่บนเรือนนี้ ก็เป็นหน้าที่ หน้าที่ ทำให้ดีเถิดเป็นธรรมะทั้งนั้น นั่งถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้ดีเถิดก็เป็นธรรมะทั้งนั้น คือหน้าที่ที่ช่วยให้รอด จะล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้านถูเรือนอยู่ ก็เป็นธรรมะทั้งนั้น มันเป็นสิ่งที่ช่วยให้อยู่รอดหรือเป็นผาสุก ฉะนั้นล้างถ้วยล้างจานด้วยสติด้วยสัมปชัญญะด้วยสมาธิ นั่นก็คือวิปัสสนากรรมฐานสำหรับผู้ที่ครองบ้านครองเรือน ไม่ต้องมาที่วัดหรอก ทำอะไรทุกกระเบียดนิ้วด้วยสติสัมปชัญญะด้วยสมาธิด้วยปัญญา มันก็เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนาทั้งนั้นแหละ
ฉะนั้นอย่าให้มีอะไรที่ปราศจากสติ หยิบจานข้าวมาตักข้าวใส่จานด้วยสติ ตักข้าวใส่ปากด้วยสติ เคี้ยวด้วยสติ กลืนด้วยสติ นี่คือเป็นการปฏิบัติธรรมะเมื่อกินอาหาร อย่างต่ำที่สุดเมื่อถ่ายอุจจาระปัสสาวะทำให้ดีให้ถูกต้อง ให้เป็นที่บอกตัวเองว่าถูกต้องๆ มันก็เป็นธรรมะด้วยการถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะ ต้องเป็นการอยู่รอด เป็นการทำให้มีชีวิตรอด คนที่หวัดๆหยาบๆก็ถ่ายอุจจาระหยาบๆไม่เท่าไรมันก็เป็นโรคริดสีดวง เป็นต้นอย่างนี้
วินัยของพระมีถึงกับว่าถ่ายอุจจาระห้ามเบ่งแรง เบ่งแรงคือคนโง่ คนโทสะจริต คนผลุนผลันอย่างนี้ มันไม่มีธรรมะแม้ในการถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะ นี่วินัยของพระมีอย่างนี้ นี้ในการบริหารชีวิตทุกแง่ทุกมุมขอให้ทำด้วยสติสัมปชัญญะ ตื่นขึ้นมาล้างหน้าด้วยสติสัมปชัญญะตลอดเวลา ถูฟันด้วยสติสัมปชัญญะตลอดเวลาถูกต้อง ดีที่สุดพอใจพอใจก็เป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างหน้าและถูฟัน จะเข้าไปในห้องน้ำก็ถูกต้อง ตั้งแต่ว่าจะไขก๊อกน้ำ หรือจะเอาขันตักน้ำทำอะไร ถูขี้ไคล ทุกอย่างทุกอย่างถูกต้องพอใจถูกต้องพอใจ มันก็มีความสุขอยู่ตลอดเวลาที่อาบน้ำ ถ่ายอุจจาระปัสสาวะก็ถูกต้องพอใจตลอดเวลาถ่ายอุจจาระปัสสาวะ จะทำอะไรก็เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะสมาธิปัญญาทุกกระเบียดนิ้ว นั่นล่ะคือมีธรรมะ
ไอ้คนโง่ๆมันไม่สนใจ มันสนใจไม่เป็น ว่าถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้เป็นธรรมะนั้นทำอย่างไร ขออย่าได้รวมอยู่ในพวกคนโง่ๆเช่นนั้นเลย ออกมาเสียเถิด เป็นพุทธบริษัทผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็ทำอะไรๆทุกกระเบียดนิ้วให้มันเป็นธรรมะไปให้หมด จะถูกต้องถูกต้องพอใจๆๆ มันก็เป็นความสุข เป็นความรอดและเป็นความสุข นี่ล่ะหน้าที่ในการบริหารชีวิต มันคนละหน้าที่นะ หน้าที่ที่หนึ่งน่ะแสวงหาปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีวิตคืออาชีพ หน้าที่ที่สองนี่บริหารชีวิตอยู่ในบ้านในเรือนตลอดเวลา มันคนละเรื่อง ก็ถูกต้องและเป็นธรรมะ
นี้หน้าที่ที่สาม สังคมกับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายรอบด้านนี่ให้ถูกต้องถูกต้อง เรื่องทิศทั้งหกน่ะสนใจกันบ้าง ข้างหน้าบิดามารดา ข้างหลังบุตรภรรยา ข้างซ้ายมิตรสหาย ข้างขวาครูบาอาจารย์ ข้างบนผู้บังคับบัญชา ข้างล่างผู้ใต้บังคับบัญชา พูดอย่างคร่าวๆรวบรัดก็เป็นหกทิศทางอย่างนี้ ให้มันถูกต้องถูกต้องทุกกระเบียดนิ้ว นี่มีธรรมะ ธรรมะทางสังคม สามอย่างนี้พอแล้วโดยหัวข้อ โดยรายละเอียดตั้งหมื่นอย่างแสนอย่าง แต่ว่าโดยหัวข้อสามอย่างก็พอแล้ว
หาเลี้ยงชีวิตถูกต้อง บริหารชีวิตถูกต้อง ทำสังคมสมาคมถูกต้อง ถูกต้องสามอย่างนี้มีธรรมะสมบูรณ์ จะมีชีวิตที่เยือกเย็นเป็นสุข เป็นชีวิตที่ไม่กัดเจ้าของ ถ้าไม่มีธรรมะมันก็ต้องมีปัญหา ไม่มีธรรมะไม่มีความถูกต้องมันก็เห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัว คำที่เลวร้ายที่สุดในโลกในจักรวาลนี้คือคำว่าเห็นแก่ตัว มันเห็นเป็นตัวตนมันก็หนักมันก็เป็นทนทุกข์ทรมานด้วยกิเลส ตามหลักพระพุทธศาสนาที่สอนว่าไม่มีตัวไม่ใช่ตัวนั้นน่ะ เพื่อไม่เห็นแก่ตัว
ถ้ามันมีความโง่เห็นแก่ตัวขึ้นมา สิ่งใดถูกใจตัวมันก็เกิดตัวกูบวก คือมีกิเลสประเภทราคะหรือโลภะ ตัวกูบวกจะเอาเข้ามา มันก็กัดเจ้าของด้วยโลภะราคะนี่ ถ้าเผอิญสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องมันไม่เป็นเช่นนั้นมันตรงกันข้ามที่ไม่เป็นที่พอใจ มันก็เกิดตัวกูลบ มันอยากจะฆ่ามันอยากจะทำลาย มันเกิดกิเลสประเภทโทสะโกธะประทุษร้ายอะไรขึ้นมานี่ มันก็กัดเจ้าของ ถ้ามันไม่แน่ว่าบวกหรือลบพอใจหรือไม่พอใจ มันก็ยังสงสัยอยู่ว่านี่จะต้องเป็นบวกหรือจะต้องเป็นลบ จะต้องคุณค่าอย่างใดอย่างหนึ่งไหม ยังสงสัยอยู่นี่มันก็ทรมานใจด้วยกิเลสประเภทโมหะ หลงใหลไปในเรื่องที่ว่ายังไม่แน่ว่าจะพอใจหรือไม่พอใจ
เป็นธรรมดาของกิเลสตัณหามันจะเอาไว้ทั้งหมดแหละ นี้กิเลสเกิดครบทั้งสามประเภทโลภะโทสะโมหะ ราคะโทสะโมหะ แล้วมันก็กัดเจ้าของ ที่มีลักษณะเป็นบวกก็ทำให้หลงรักหลงรัก อย่างที่มีความรักด้วยกิเลสตัณหากัดเจ้าของอย่างไร มีชีวิตอยู่มันก็หลงรัก ตายไปแล้วมันก็คิดถึงอยากจะขาดใจตายตามไปด้วย นี่มันกัดเจ้าของอย่างนี้แม้ในกรณีที่เป็นบวก ส่วนในกรณีที่เป็นลบนั้นไม่ต้องพูดถึง มันไม่ชอบมันขัดใจไปเสียทุกอย่าง กรณีที่ไม่แน่ว่าจะบวกหรือลบมันก็ยังอยู่ด้วยความระแวงด้วยความสงสัย สงวนเอาไว้เพื่อให้มันแน่ออกมาว่าเป็นบวก นี้มันจึงกัดเจ้าของไปเสียทั้งบวกและทั้งลบ
เราลำบากยุ่งยากอยู่ด้วยชีวิตนี้ มันถูกขบกัดอยู่ด้วยความเป็นบวกหรือความเป็นลบ ไม่มีความสงบ ความเป็นบวกได้อย่างใจไปเสียทุกอย่างมันก็ยังกัดเจ้าของ ถ้าไม่คิดให้ดีจะมองไม่เห็น มันได้อย่างใจมันยิ่งทำให้หลงใหลทำให้ยึดมั่นถือมั่น แล้วมันก็หวังมากคิดมากกลัวมากอะไรต่อไปเรื่อย แต่ถ้ามันลบแล้วมันก็กัดโดยตรงล่ะ บวกมันก็กัดทรมานใจโดยอ้อม
ข้อนี้ขอให้สังเกตดูให้ดีเถิด ที่เรียกว่าดีใจหรือเสียใจ หรือว่านับตั้งแต่ชั้นหยาบๆว่าหัวเราะหรือร้องไห้ ร้องไห้นี้มันเจ็บปวดแน่ แต่ถึงหัวเราะมันก็เหนื่อย หัวเราะมันก็คือความตื่นเต้นฟุ้งซ่าน ไม่ใช่ความสงบ หัวเราะไม่ใช่ความสงบ ร้องไห้ไม่ใช่ความสงบเป็นความวุ่นวาย
นี่ให้ละเอียดขึ้นมาเป็นดีใจหรือเสียใจ เอ้าดีใจดีใจ มันก็กินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับเหมือนกันล่ะถ้าความดีใจมันมาก ความเสียใจไม่ต้องพูดถึง คนจนถูกล็อตเตอรี่รางวัลสูงสุดมันแทบจะนอนไม่หลับกินข้าวไม่ลงเป็นบ้าไปพักหนึ่ง นั้นความดีใจและความเสียใจนั้นไม่ใช่ความสงบ ให้ละเอียดไปกว่านั้นอีกความดีกับความชั่วก็ไม่ใช่ความสงบ ความดีก็กระตุ้นให้ยึดมั่นถือมั่น ให้บ้าดีเมาดีหลงดีจนหมดดี เพราะมันความบ้าดีบ้าบวก ถ้ามันเป็นชั่วนี่มันก็ทรมานเจ็บปวดมันกัดเอาซึ่งหน้า แต่อย่าลืมว่าไอ้ชั่วนี้มันสอนแรงกว่าดีนะ ดีทำให้โง่ให้หลงให้เมาไป ชั่วนี้มันกัดเอาๆ มันสอนให้รู้ตามที่เป็นจริง
ฉะนั้น ถ้าจะมีความสงบแล้วมันต้องไม่บวกไม่ลบ พูดภาษาสมัยปัจจุบันที่เป็นโลกวิทยาศาสตร์ ก็ว่ามันไม่เป็น Positive มันไม่เป็น Negative เป็น Positive มันก็กัดอย่างวิธีของ Positive ให้บ้าให้หลง เดี๋ยวนี้โลกมันจะวินาศเพราะทุกคนมันหลง Positive น่ะ
สิ่งไม่จำเป็นมีมากเต็มโลกน่ะ ดูสิโฆษณาในหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับสิ อาตมาสังเกตดูไม่มีไม่มีอันไหนเลยที่จำเป็นแก่เรา สำหรับอาตมานะ สินค้าหลายสิบหลายร้อยชนิดที่ติดหน้าหนังสือพิมพ์ไม่มีเลยสักอย่างเดียวที่จำเป็น อยู่ได้โดยไม่ต้องมีสิ่งเหล่านั้น แล้วสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ขายได้อย่างไร เจริญอย่างไร นี่มันบ้าบวก ไอ้คนมันบ้าบวก อาหารการกินก็ดี เครื่องนุ่งห่มก็ดี เครื่องใช้ไม้สอยก็ดี อะไรก็ดี มันเกินบวกซึ่งทรมานจิตใจและสร้างปัญหา นี้โลกมันยิ่งหลงใหลสิ่งเหล่านี้แล้วมันก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากกว่าเดิม มากกว่าเดิม มันรักกันไม่ได้ มันพูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะต่างคนต่างเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวจนหาความสงบสุขไม่ได้
สามีเห็นแก่ตัวภรรยาก็แย่ ภรรยาเห็นแก่ตัวสามีก็เป็นบ้าในไม่กี่วัน ลูกเห็นแก่ตัวพ่อแม่ก็น้ำตาไหล พ่อแม่เห็นแก่ตัวลูกก็เป็นลิงเป็นค่างเป็นอะไรไปหมด ไอ้ความเห็นแก่ตัวน่ะมันทำลายเพราะมันไม่มีความถูกต้องเพื่อความรอด หรือมันไม่มีธรรมะนั่นเอง ก็ดูสิทั้งโลกคุณก็มีการศึกษาพอจะรู้เรื่องราวข่าวสารทั่วโลก โลกกำลังเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว มันพูดกันไม่รู้เรื่อง มันพร้อมที่จะทำลายกันเสมอ
คอมมิวนิสต์ก็เห็นแก่ตัวแบบคอมมิวนิสต์ นายทุนก็เห็นแก่ตัวแบบนายทุน แล้วมันก็เลยฟัดกัน มันมีประโยชน์ของตัวอย่างยิ่งด้วยกันทั้งนั้นแหละ แม้ว่าคอมมิวนิสต์มันจะเป็นหมู่คนมาก มันก็เห็นแก่ตัวของหมู่คนมาก นายทุนคือเดี่ยวคือเสรีภาพ มันก็คนเดียวเห็นแก่ตัว มันก็พูดกันไม่รู้เรื่อง
นี้จะมีระบบสังคมนิยมขึ้นมาใหม่เพื่ออยู่ระหว่างกลางมันก็มีไม่ได้ เพราะสังคมนิยมของพวกที่เห็นแก่ตัว อาตมาจึงเสนอว่าเป็นธรรมิกสังคมนิยม กลุ่มชนเป็นอันมากผู้ไม่เห็นแก่ตัวแต่เห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่ผู้อื่น นี่เรียกว่าธรรมิกสังคมนิยม เพื่อจะไม่เห็นแก่ตัวเพื่อจะแก้ปัญหาทั้งโลก แต่มันก็ยังเป็นไม่ได้ยังยังเป็นไปตามความประสงค์ไม่ได้ แม้หนังสือเล่มนี้จะแปลเป็นภาษาอังกฤษ มีคนอ่านกันไปมากกว้างไกลออกไป มีคนพอใจ มันก็ยังยังไม่สำเร็จประโยชน์น่ะ มันยังน้อยเกินไปเป็นไปไม่ได้
แต่อย่าลืมว่าพุทธศาสนาของเราน่ะต้องการให้รักทุกคนอย่างเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย นี่คือมูลเหตุรากฐานของธรรมิกสังคมนิยม ไม่มีความเห็นแก่ตัว ถ้ามีความเห็นแก่ตัวแล้วมีปัญหาทันที ปัญหาทุกอย่างทุกชนิดแม้ในเมืองเมืองเทวดา เห็นแก่ตัวมันก็ต้องกัดกันเหมือนเมืองมนุษย์นั่นแหละ พรรคฝ่ายค้านเห็นแก่ตัวมันก็ต้องการจะคว่ำรัฐบาลเพื่อจะเป็นรัฐบาลเสียเอง ถ้ารัฐบาลจะเห็นแก่ตัวขึ้นบ้างมันก็ได้แต่ฟัดกันเท่านั้น ราษฎรเห็นแก่ตัวเลือกผู้แทนเห็นแก่ตัวเข้าไป สำหรับไปเป็นพรรคที่เห็นแก่ตัวต่อสู้รัฐบาล แล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น
เดี๋ยวนี้ทุกทุก ทุกทุก ทุกทุกอย่างที่มันปรากฏอยู่มันเป็นความยุ่งยาก เพราะเห็นแก่ตัว อย่างน้ำท่วมใหญ่วินาศกันคราวใหญ่นี้สรุปแล้วเห็นแก่ตัวคำเดียวเท่านั้น ที่ตรงนั้นไม่ควรจะไปขออนุญาตทำตัดไม้ มันก็ไปขอเพราะความเห็นแก่ตัว คนอนุญาตไม่ควรอนุญาต มันก็อนุญาตเพราะความเห็นแก่ตัว ฉะนั้นก็ทำลายไม้อย่างเห็นแก่ตัว เกิดวินาศขึ้นไม่ช่วยด้วยซ้ำไป
ทีนี้พวกที่ช่วยเอาของไปช่วยก็ช่วยด้วยความเห็นแก่ตัว ไม่เรียบร้อยมีทุจริตเบียดบังในการช่วย แล้วก็ยังมีการทะเลาะวิวาทคดโกงในการรับแจกน่ะ ผู้แจกน่ะเบียดบังเอาสิ่งของบางอย่างไว้ให้พวกของตัวหรือไม่แจกเสียก็มี นี่มันไม่สำเร็จประโยชน์เลยเพราะความเห็นแก่ตัวแต่ต้นจนปลาย กลางถนนในกรุงเทพฯนั้นน่ะมันมีอะไรไปดู รถชนบ้าง รถติดบ้าง สกปรกรกรุงรังบ้าง เกะกะไปหมดบ้างเพราะความเห็นแก่ตัว
มีคนมาบอกอาตมาว่าในกรุงเทพฯน่ะ มันมีเปลือกผลไม้ขว้างทิ้งออกมาหน้าต่างรถยนต์คันที่สวยที่แพงที่สุด ความ ความ ความเห็นแก่ตัวมันถึงขนาดนั้น มีเงินขนาดนั่งรถยนต์ราคาล้านมันยังมีเปลือกผลไม้ขว้างมาจากหน้าต่างรถนะ แม้ว่าจะไม่มากไม่ทุกคันมันก็ยังมี คนกรุงเทพฯเห็นแก่ตัวปราบยุงให้หมดก็ไม่ได้ ให้ยุงมันโห่โห่เยาะเย้ยอยู่ตลอดวันตลอดคืน ปราบยุงให้หมดก็ไม่ได้เพราะมันเห็นแก่ตัว ร่องน้ำของบ้านนั้นน่ะมันเต็มไปด้วยลูกน้ำถ้าจะช่วยปราบกันนิดเดียวมันก็หมด ทุกบ้านช่วยกันทำมันก็หมด แม้ที่วัดก็เลวถึงขนาดเด็กวัดมันก็ยังไม่ปราบยุง เพราะมันเห็นแก่ตัวมันขี้เกียจ ในร่องน้ำเต็มไปด้วยลูกน้ำ ในห้องส้วมเต็มไปด้วยยุงอยากจะนั่งกิจนั่งไม่ค่อยจะไหวล่ะ เพราะความเห็นแก่ตัวขนาดผักตบชวาก็มาอยู่ได้
กี่อย่างกี่อย่างคุณไปมองเถิด การทะเลาะวิวาทที่ไหนกัน ยื้อแย่งตกลงกันไม่ได้ที่ไหน มันล้วนแต่มาจากความเห็นแก่ตัว อย่างที่กล่าวแล้วว่าเห็นแก่ตัว ถูกใจมันก็เกิดบวก ไม่ถูกใจมันก็เกิดลบ ระหว่างยังไม่แน่ก็เกิดสงสัยหลงใหลมัวเมา ชีวิตนี้มันก็ร้อนด้วยความเป็นบวกหลงใหลหลงรัก ร้อนเพราะความเป็นลบไม่ได้อย่างใจ ร้อนเพราะความโง่จนไม่รู้ว่าอะไร
จุดสูงสุดของพระพุทธศาสนาคือนิพพาน นิพพานนี้ ก็คือความที่ควบคุมบวกและลบไว้ได้ไม่ให้เกิดตัวกูบวกตัวกูลบ อย่างนี้เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน ที่ควบคุมไกลไปกว่านั้นได้อีกคือไม่ให้เกิดเป็นบวกเป็นลบ มันก็ไม่เกิดตัวตนได้อย่างนี้เรียกว่า อนุปา อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานในอุปาทิ หรือว่านิพพานไม่มีปาทิ หรือก็เหมือนกัน อยู่ที่ควบคุมความเป็นบวกหรือความเป็นลบ ซึ่งในบาลีเรียกว่าอภิชฌาบ้าง โทมนัสบ้าง เรียกว่ามนาปะบ้าง อมนาปะบ้าง สุขะบ้าง ทุกขะบ้าง ซึ่งเป็นความเป็นบวกหรือความเป็นลบ
คิดดูเถิดความเป็นบวกมันก็กัดตามแบบบวก ความเป็นลบมันก็กัดตามแบบลบ ความดีมันก็กัดแบบดีแบบเพลินแบบชอบให้กัด ความเป็นชั่วมันก็กัดตรงๆ ไม่ดีไม่ชั่วจึงจะว่างและเป็นนิพพาน จากชั่วมาถึงดี จากดีไปถึงว่างแต่ไม่มีใครชอบ พอพูดว่าว่างแล้วใจหายหมดนึกว่าสิ้นเนื้อประดาตัว มันชอบให้รวย มันชอบให้สวย มันชอบให้อุ่นหนาฝาคั่งไปตามความรู้สึกของความเป็นบวก นี้นิพพานมันก็เลยเป็นหมัน
ขอให้สังเกตดูให้ดีว่าเวลาไหนเราสบายใจที่สุด เวลานั้นต้องไม่เป็นบวกต้องไม่เป็นลบ จิตรู้สึกเป็นบวกก็วุ่นไปตามแบบบวก ลบก็วุ่นไปตามแบบลบ เวลาที่เราจะสบายใจที่สุดเวลานั้นต้องไม่มีความรู้สึกดีใจหรือเสียใจ ช่วยจำไว้อย่าไปหลงไอ้ดีใจดีใจกันนัก ดีใจดีใจมันก็กระหืดกระหอบกระหืดกระหอบ เหนื่อยเท่ากันน่ะแหละ เสียใจมันก็ทรมาน ดีใจมันก็ฟุ้งซ่านกระหืดกระหอบ ไม่ใช่ความสงบ ต่อเมื่อไม่ทั้งสองอย่างไม่ดีใจไม่เสียใจนั้นล่ะ จะมีความว่างซึ่งเป็นความหมายของนิพพาน ไม่มีการรบกวนแม้แต่ประการใด ชีวิตแจ่มใสจิตใจแจ่มใส เยือกเย็นเป็นอิสระเสรี คิดพูดทำถูกต้อง ไม่ทำไปตามอำนาจของกิเลสเพราะไม่มีกิเลสมาครอบงำ การกระทำมันก็ถูกต้องๆๆแก่ความรอด ไม่มีความทุกข์หรือเจอปัญหาใดๆ ชีวิตชนิดนี้ไม่กัดเจ้าของ ความสุขชนิดนี้ไม่กัดเจ้าของ
ชีวิตที่อยู่ใต้อำนาจของบวกและลบก็ตามมันยังกัดเจ้าของ ความดีใจก็กัดหัวใจ ความเสียใจก็กัดหัวใจ ไม่ดีใจไม่เสียใจจึงจะไม่มีความทนทุกข์ทรมานแต่ประการใด แต่คนมันไม่ชอบเพราะมันมีความโง่ เพราะมันมีความหลับ มีความไม่รู้ตามที่เป็นจริง มันก็ไปยึดมั่นถือมั่นตามที่ความโง่มันต้องการ เราจึงเต็มไปด้วยปัญหา ชีวิตนี้เต็มไปด้วยปัญหา ได้หรือดีมันก็หนักไปตามแบบได้หรือดี ชั่วหรือไม่ดีมันก็หนักไปแบบชั่วแบบไม่ดี มันมีแต่ความหนักมีแต่ความเผาลนผูกมัดรัดรึงทรมานใจ จะหมดสิ่งเลวร้ายความทุกข์นี้ได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่เหนือบวกเหนือลบ
พวกฝรั่งมาที่นี่เดือนละหลายสิบคน บางทีก็ร้อยกว่าคน หลายครั้งแล้วสองปีกว่ามาแล้วพูดกันแต่เรื่องนี้ แล้วเขาก็เข้าใจได้เร็วว่าเราจะมีชีวิตใหม่ มีวิถีทางแห่งชีวิตใหม่คือปฏิบัติหลักพระพุทธศาสนา แล้วเราก็จะได้ชีวิตใหม่ที่ไม่เป็นบวกไม่เป็นลบ แล้วก็ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้เรียกว่าชีวิตใหม่ ชีวิตเก่าน่ะมีแต่กัดเจ้าของ ไอ้ความสุขชนิดเก่าน่ะก็กัดเจ้าของ ถ้าต้องการความสุขหรือชีวิตใหม่ที่แท้จริงไม่ยึดมั่นถือมั่นให้มันเป็นบวกหรือให้มันเป็นลบขึ้นมา ก็จึงว่าเหนืออิทธิพลของความเป็นบวกและความเป็นลบ แต่ว่าน้อยคนจะเข้าใจอย่างนี้ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์น่ะมันชอบบวก เกินบวกไปเสียอีก จนได้เป็นบ้า จนได้ฆ่าตัวตายทั้งที่เป็นมหาเศรษฐีหรือว่ามีอำนาจวาสนา มันก็ยังเป็นบ้าและต้องฆ่าตัวตาย ทำเล่นกับธรรมะที่มันไม่ถูกต้อง หน้าที่ที่มันไม่ถูกต้องมันกัดเจ้าของอย่างนั้น ความสุขที่ไม่ถูกต้องมันกัดเจ้าของอย่างนั้น
ฉะนั้น ขอให้รู้ธรรมะถูกต้องว่าคือหน้าที่ที่ช่วยให้เกิดความรอด ไม่มีอะไรกัด ธรรมะคือหน้าที่ คือการกระทำที่ถูกต้องน่ะ หน้าที่นี้คือการกระทำที่ถูกต้องเพื่อความรอด ถ้าไม่เพื่อความรอดแล้วมันก็ไม่ถูกต้อง มันต้องเป็นไปเพื่ออยู่เหนือบวกเหนือลบ เหนือดีใจเหนือเสียใจ เหนือหัวเราะเหนือร้องไห้ เหนือไอ้ที่เป็นคู่ คู่ตรงกันข้ามเหล่านี้มันจึงจะไม่กัดเจ้าของ
พุทธศาสนาสูงสุดที่ตรงนี้คือ เหนือกุศลเหนืออกุศล เหนือได้เหนือเสีย เหนือบวกเหนือลบนี่พระพุทธศาสนา อยู่ตรงกลางเกิดที่ประเทศอินเดีย สุดโต่งทางตะวันออกพร้อมๆสมัยพระพุทธเจ้านี่ เหลาจื๊อก็สอนอย่างเดียวกัน สอนเรื่องอินเอียนหรือยินยางแล้วแต่ภาษาจีนอันไหน คือบวกหรือลบ ยินเป็นลบยางเป็นบวก ถ้าเป็นเต๋ามันจะเหนืออินเหนือเอียนเหนือยินเหนือยางไม่บวกไม่ลบ นั่นก็คือความสงบสุข แต่ว่ามันก็น่าประหลาดที่ว่ามันจะลึกหรือยากเกินไป มันไม่ติดขึ้นมา บอร์ดมันไม่ติด คำสอนของเหลาจื๊อที่เรียกว่าเต๋าน่ะมันไม่ติดบอร์ด ของพระพุทธเจ้านี้ติด ติดบอร์ดมีอยู่แล้วก็มีคนถือเป็นหลักอยู่
ทีนี้ทางตะวันตกสุดของเอเชียน่ะแถว ไม่ใช่เข้าไปในยุโรป ก็มีศาสนาของพวกยิวก่อนคริสต์ พระเจ้าก็บังคับมนุษย์คนแรกว่าอย่าไปกินผลไม้ที่ทำให้รู้ดีรู้ชั่ว กินแล้วจะต้องตาย นี่มันสูงเท่ากันล่ะ แต่ว่าคำสอนนี้มันไม่ติดบอร์ด คริสต์ทีหลังคือคริสต์พระเยซูไม่สอนถึงขนาดนั้น ไม่สอนถึงอยู่เหนือบวกเหนือลบ เหนือ Good and Evil รักผู้อื่นๆท่าเดียว แต่มันก็ยังมีความถูกต้องถ้ามันรักผู้อื่นๆ มันก็นำไปสู่ความเหนือบวกเหนือลบเหมือนกัน
ทีนี้มันประหลาดเหลือประมาณที่ว่าศาสนาสูงสุดน่ะมันเกิดในทวีปเอเชีย ไม่ได้เคยเกิดในทวีปยุโรป สุดทางตะวันตกมาเกิดคริสเตียนก่อนคริสเตียน คริสเตียนอีกก่อนคริสเตียนน่ะสอนเรื่องเหนือดีเหนือชั่ว ในอินเดียพระพุทธเจ้าก็สอนเหนือดีเหนือชั่วและสภาวะนั้นไม่ใช่ตัวตน แต่ว่าฮินดูอุปนิษัททั้งหลายก็สอนเรื่องนี้เหนือดีเหนือชั่ว อาตมันละดีละชั่วได้แล้วก็จะไปเป็นปรมาตมันถาวรนิรันดรเป็นตัวตนนิรันดร นั้นมันก็ถูกที่ว่าเหนือดีเหนือชั่วแต่มันเข้าใจผิดว่าอันนี้เป็นตัวตน ทางตะวันออกสุดลัทธิเต๋าก็สอนเรื่องเหนือยินเหนือหยางเหนือบวกเหนือลบ
มันมาเด่นสูงสุดที่พระพุทธศาสนาเหนือบวกเหนือลบแล้ว ยังไม่หมายมั่นเอาว่าเป็นตัวหรือเป็นตน มันเลิกตนเป็นอนัตตาไปเลย นี่ธรรมะสูงสุดหน้าที่สูงสุดคำสอนสูงสุดมันอยู่ที่นี่ แต่ว่ามีพุทธบริษัทกี่คนที่ชอบอย่างนี้ ไปตามก้นฝรั่งเจริญทางวัตถุหลงใหลทางวัตถุ มีการประกวดแต่เรื่องอยู่ดีกินดีส่งเสริมกิเลส อาตมาคัดค้านการประกวดนางงาม เมื่อสองสามวันทางวิทยุนั่น ประกวดคนไร้หิริโอตตัปปะ ประกวดคนปราศจากหิริและโอตตัปปะ เพราะมันพยายามเหมือนกับเปลือยกายหมายถึงประกวดนางงามแบบฝรั่ง แล้วมันก็ไม่มีหิริและโอตตัปปะ แล้วมันจะจะดีที่ตรงไหน แล้วก็มันมีลักษณะเป็นทาสของกิเลส มันจะใช้ความงามหรือเหยื่อของกามารมณ์นั่นน่ะเป็นเครื่องเชิดชูยกย่อง มันก็เป็นโสเภณีในความหมายของโสเภณีใช้กามารมณ์เป็นเครื่องล่อ ก็คือโสเภณีทางวิญญาณ หลงใหลกันทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งโลกนี่
เข้าใจว่าถ้าพระพุทธเจ้าเสด็จมานะ พวกหนุ่มสาวจิตทรามนี้ไปรับไปต้อนรับนางงามมากกว่าที่จะไปต้อนรับพระพุทธเจ้า ถ้าสมมติว่ามาพร้อมๆกันที่สนามบินคนละแห่ง ยุวชนของเราจะไปต้อนรับนางงามมากกว่าจะไปต้อนรับพระพุทธเจ้า นี่เพราะมันติดบวกติดบวก บวกอย่างเลวบวกอย่างสกปรกนะ เรื่องกามารมณ์นี่มันบวกอย่างสกปรก มันทำให้เกิดความต่ำทรามในทางจิตใจนี้
ถ้าหากว่ามีหิริโอตตัปปะ ไม่ต้องการที่จะเป็นเหยื่อล่อ มันไม่ๆๆก็ไม่ใช่เลวอย่างนี้คือว่าไม่ใช่ปราศจากหิริโอตตัปะ จะไม่เป็นโสเภณีทางวิญญาณ แต่นี้มันไปตามหลังพวกฝรั่งพวกอะไรไม่รู้ที่บัญญัติกำหนดการแต่งตัวชุดอาบน้ำ เป็นการประกวดนางงามนั่นน่ะ คือความโง่ความหลงความเข้าใจไปในทางบวกที่เป็นบ้า มันเป็นไปไม่ได้ที่ว่าจะสร้างสันติภาพหรือมีประโยชน์ มันจะเพิ่มไอ้ปัญหาโดยไม่รู้สึกตัว
ยกตัวอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อจะด่าหรือว่าจะตำหนิติเตียนอะไร แต่จะบอกให้รู้ว่าบวกที่มันเกินบวก บวกที่มันบ้ามันคลั่งมันหลงจนไม่รู้ทิศทาง ระวังให้ดีพุทธบริษัทอย่าเป็นอย่างนั้นเลย เมืองไทยนี่ได้ชื่อว่ามีพุทธศาสนาเจริญยิ่งกว่าประเทศใดในโลก แต่แล้วยังมาบูชาบวกอย่างโง่เขลาอย่างนี้มันไม่ไม่ถูกเรื่อง ฉะนั้นขอให้ถูกต้องตามความยุติธรรมตามความเป็นจริงของธรรมชาติ จะดับทุกข์ได้ต้องอยู่เหนือบวกและเหนือลบ
นั้นขอให้ท่านทั้งหลายสนใจภาวะแห่งจิตใจที่มันอยู่เหนือบวกและเหนือลบ นั่นคือความเป็นอิสระเป็นความหลุดพ้นเป็นความสงบเย็น ขอให้สนใจนี้เป็นจุดมุ่งหมายเถิด แล้วการที่จะมาศึกษาหาธรรมะเติมธรรมะลงไปในชีวิตนี้จะเป็นไปได้ จะได้รับผลตามที่ต้องการ มิฉะนั้นก็ไปตามหลังกิเลสบูชากิเลสอยู่ต่อไปอีกแหละ
เอาละขอสรุปลัดลงไปว่าไอ้ธรรมะแท้จริงนั้นต้องเป็นความสงบ ต้องเป็นความว่าง ไม่เป็นทาสของกิเลส ไม่เป็นทาสของอารมณ์ใดๆ อย่าไปบูชาบวกเหมือนที่โลกทั้งโลกมันกำลังบูชา มันประดิษฐ์สิ่งส่งเสริมกิเลสและส่งเสริมความเห็นแก่ตัวขึ้นมาอย่างไม่รู้หยุดหย่อน และเขาก็ทำกันในระบบอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมผลิตเหยื่อของกิเลส ผลิตเหยื่อของกามารมณ์ ผลิตอะไรต่างๆออกมามากมาย
ถ้าเราตกอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งเหล่านั้นแล้วเราดูเอาเอง เป็นคนโง่เท่าไร เป็นคนหลงเท่าไร เป็นคนทรมานตนอย่างไม่รู้สึกตัวเท่าไร นี่ขอให้สนใจเถิดว่าธรรมะนั้นคือหน้าที่ที่ถูกต้องแก่ความรอด ไอ้หน้าที่นั้นมีเยอะแยะไปที่มันไม่ถูกต้องแก่ความรอดแล้วไม่เรียกว่าธรรมะธรรมะ ขอจงเลือกเอาแต่หน้าที่ที่มันถูกต้องคือมันเป็นไปเพื่อความรอด
สรุปสูงสุดที่ไม่อยู่ใต้อิทธิพลของบวกและลบ ของดีของชั่ว ของทุกๆอย่างที่มันเป็นคู่ตรงกันข้าม แล้วเราก็จะอยู่เป็นสุขสงบเย็นตามความหมายของพระพุทธศาสนา เป็นตัวตนที่ไม่ถูกยึดถือว่าตัวตน เป็นตัวตนที่ถูกยึดถือที่จะยึดถือว่าตัวตนมันก็กัดเอา ไม่มีตัวตนซะเลยมันก็ไม่ตรงตามความจริงเพราะมันมีความรู้สึกว่าตัวตนมันมีอยู่ ถ้ารู้สึกว่าเป็นตัวตนก็ดูให้ดีว่าไอ้สิ่งนั้นมันมิใช่ตัวตน มันยึดถือว่าตัวตนไม่ได้ มันเป็นเพียงธรรมชาติที่เป็นไปตามธรรมชาติ จะมายึดถือว่าเป็นตัวตนมันไม่ได้เดี๋ยวจะได้นั่งร้องไห้อยู่ นี่มันหลอกให้หัวเราะให้ร้องไห้ ให้หัวเราะให้ร้องไห้อยู่เรื่อยๆไป
นี้เด็กๆยุวชนของเราน่ะบูชากามารมณ์ยิ่งกว่าบูชาธรรมะ นักเรียนนักศึกษากำลังหันเหไปทางนั้น เป็นปัญหาแก่พ่อแม่เป็นปัญหาแก่รัฐบาลที่จะประคับประคองเด็กๆลูกหลานให้อยู่ในความถูกต้อง มันโกหกหลอกลวงบิดามารดาครูบาอาจารย์ไปได้ ทำอะไรตามกิเลสของมันน่ะ คือความเป็นบวกที่โง่เขลาจนเป็นกิเลส ถ้าท่านทั้งหลายเป็นครูบาอาจารย์ก็ช่วยรู้ข้อนี้ไว้ด้วย ว่าไอ้เด็กๆของเรากำลังจะวินาศเพราะมันตกเป็นทาสของความเป็นบวกอย่างหลับหูหลับตา ไม่ใช่ธรรมะ เราที่เป็นครูบาอาจารย์ก็จะต้องสนใจไว้ เพื่อว่าจะดำรงอยู่ในความถูกต้อง พอมันตกเป็นทาสบวกหรือทาสลบแล้วมันก็เห็นแก่ตัวตามบวกตามลบ แล้วมันก็ไม่รักใครได้มันก็ไม่เห็นแก่ความถูกต้อง ไม่เห็นแก่ความเป็นธรรม จิตใจมันก็ตกไปภายใต้อำนาจของกิเลสตัณหาหมด
นี่ล่ะชีวิตที่มันกัดเจ้าของ ความสุขที่มันหลอกลวงและกัดเจ้าของ ความจริงมีอยู่อย่างนี้จะชอบอย่างไหนก็ให้เลือกเอา จะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ แต่ขอให้คิดดูว่ากำลังมีชีวิตชนิดที่กัดเจ้าของหรือเปล่า มันมีความสุขที่กำลังกัดเจ้าของหรือเปล่า ขอให้ทำจิตใจให้เที่ยงตรงให้ถูกต้องให้เป็นธรรม และวินิจฉัยให้ดีๆ
การปฏิบัติธรรมะก็ต้องปฏิบัติเพื่ออยู่เหนือปัญหาเหนือความทุกข์ทั้งนั้น อย่าให้มันเพิ่มปัญหาเพิ่มปัญหา จมลงไปในปัญหาเพิ่มปัญหา แล้วมันก็จะต้องถูกกัดจนเป็นบ้าหรือจนตาย อยู่อย่างคนบ้าอยู่อย่างคนทนทุกข์ทรมาน ให้มีอำนาจวาสนามีทรัพย์สมบัติมหาศาลมันก็เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานที่มันมีมากน่ะ มันไม่ถูกต้อง มันไม่พอดี
ขอให้ศึกษาสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ มันอยู่ที่ความถูกต้องหรือความพอดี แล้วก็มีสัมมา สัมมาคำนี้แปลว่าถูกต้อง คือมันพอดี มันไม่มากมันไม่น้อย มันไม่เป็นไปฝ่ายบวกเป็นกามสุขัลลิกานุโยค มันไม่เป็นฝ่ายลบคืออัตตกิลมถานุโยค แต่มันอยู่ตรงกลางเป็นมัชฌิมาปฏิปทาไม่มีความเป็นบวกไม่มีความเป็นลบ และมันก็ไม่กัดเจ้าของ
การปฏิบัติที่เป็นส่วนเหตุแปดประการนั้นน่ะจำเป็นที่สุด สัมมาทิฏฐิมีความคิดความเห็นความเชื่อความเข้าใจอุดมคติอะไรถูกต้อง สัมมาสังกัปปะมีสังกัปปะถูกต้อง มีความปรารถนาชนิดที่ไม่ใช่กิเลสถูกต้อง ความปรารถนามีอย่างที่เป็นกิเลสความโง่ความหลง แต่ความปรารถนาที่มีสติปัญญาควบคุมไม่มีความโง่ความหลง ถ้ามันปรารถนาอยากได้กิเลสตัณหานี้มันเรียกว่าตัณหา ในภาษาบาลี ความปรารถนาที่ถูกต้องไม่เป็นไปอย่างนั้นเรียกว่าสังกัปปะ สังกัปปะ
แม้แต่ภาษาอังกฤษก็ดูให้ดีเถิดไอ้คำว่า Craving Desire นี่มันปรารถนาด้วยความโง่ ถ้ามันมีคำว่า Aspiration Aspiration ปรารถนาด้วยสติปัญญาอย่างนี้มีได้ อย่าพูดเหมือนอภิธรรมศาลาวัด ถ้าความอยากแล้วเป็นโลภะหมด ความอยากแล้วเป็นตัณหาหมด ไม่ถูก มันต้องแยกว่าความอยากด้วยสติปัญญาหรืออยากด้วยกิเลสตัณหา ถ้ามันอยากด้วยกิเลสตัณหาก็เป็นกิเลสเป็นตัณหาที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Craving แต่ว่าถ้ามันเป็นอยากด้วยสติปัญญาที่ถูกต้องก็ตามแล้วมันเรียกว่า Aspiration คำนี้ยังใช้กันสับสนตามประสาคนที่มันไม่รู้จริง มันใช้คำที่ไม่ถูกต้อง ขอให้รู้ว่าสังกัปปะนั้นมันเป็นความปรารถนาเหมือนกันแต่มันด้วยสติปัญญา
ตัณหานั้นมันต้องการด้วยความโง่ด้วยอวิชชา นี้ขอให้เรามีสัมมาสังกัปปะปรารถนาถูกทาง อย่าจมลงไปในความโง่ความหลงของความเป็นบวกเป็นลบ จะต้องการจะอยู่เหนือบวกเหนือลบ ส่วนสัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว นั้นง่ายเข้าใจได้ง่ายไปดูเอาเอง ทำการงานถูกต้อง วาจาถูกต้อง การงานถูกต้อง ดำรงชีวิตถูกต้อง ถ้าผิดมันก็ยุ่งก็มีปัญหา
นี้สัมมาวายาโมพากเพียรถูกต้อง อย่าให้กิเลสตัณหามันชักจูงความพากเพียร ให้มันมีสติปัญญาควบคุมความพากเพียร สัมมาสติระลึกอย่างถูกต้อง ก็หมายความว่าผิดถูกเป็นอย่างไรมีปัญญาเข้าใจแจ่มแจ้งอยู่เสมอ พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาสติมันก็ระลึกเอากฎเกณฑ์อันนี้มา ไม่ทำผิดไม่หลงผิด มันก็จัดการกับกรณีนั้นๆอย่างถูกต้องด้วยสติปัญญา
สัมมาสมาธิจิตใจมั่นคงแน่วแน่ไปในฝ่ายที่ถูกต้อง ถ้าแน่วแน่ไปในฝ่ายผิดก็เป็นสมาธิเหมือนกัน แต่ว่าเป็นมิจฉาสมาธิ มันจะนำไปสู่ความวินาศดิ่งเกินกว่าธรรมดาไปเสียอีก นี่แปดประการนี้เป็นส่วนเหตุ ถ้าแปดประการนี้ถูกต้องแล้วมันจะเกิดส่วนผลอีกสองอย่าง คือสัมมาญาณะรู้ถูกต้องในทุกสิ่งทุกประการ สรุปความสำคัญก็คือไม่ยึดถือบวก ไม่ยึดถือลบ ไม่ติดอยู่ในการยึดมั่นถือมั่นใดๆ ก็เกิดสัมมาอันสุดท้ายคือสัมมาวิมุต วิมุตหลุดพ้นจากปัญหาทั้งปวงจากความสุขทั้งปวง
นี่หลักพระพุทธศาสนาเป็นอย่างนี้ ขอให้สนใจว่ามันเป็นธรรมะและก็เป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วจะอยู่เหนือปัญหา จะได้ชีวิตชนิดสงบเย็นไม่กัดเจ้าของ ได้ความสุขชนิดสงบเย็นไม่กัดเจ้าของ ขอให้ท่านทั้งหลายทุกคนประสบความสำเร็จในการที่มาหาความรู้เกี่ยวกับธรรมะ และอย่าให้ตายด้านอยู่ในเทปบันทึกเสียงหรือในสมุดโน้ตเลย ให้มันมาอยู่ที่เนื้อที่ตัวที่กายที่วาจาที่ใจ ให้เกิดความถูกต้องที่เนื้อที่ตัว อย่าเป็นความถูกต้องที่จดอยู่ในสมุดหรือเทปบันทึกเสียง มันไม่สำเร็จประโยชน์
ขอให้มีความถูกต้องแก่ความรอดในทุกความหมาย นั้นน่ะคือธรรมะนั่นน่ะคือตัวพระพุทธศาสนา ขอให้ท่านทั้งหลายสนใจถึงจุดนี้เกิดความอยากที่จะอยู่เหนือบวกเหนือลบ เหนือความเป็นบวกเหนือความเป็นลบให้สมกับสมัยวิทยาศาสตร์ ที่ว่าใช้สติปัญญาอย่างถูกต้องอยู่เหนือบวกเหนือลบ แต่ก็มีวิทยาศาสตร์โง่พบบวกก็ยิ่งเอาหนักขึ้นไปอีก พบลบก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร นี้เรียกว่าวิทยาศาสตร์โง่มันก็ยังมีอยู่ แต่ก็เป็นความรู้อันหนึ่งแล้วที่เขารู้จักแยกให้มันเป็นบวกและเป็นลบ ให้รู้ต่อไปว่ามันเป็นศัตรูเท่ากันอยู่เหนือบวกและเหนือลบเถิด แล้วมนุษย์นี้ก็จะหมดปัญหา
ทั้งหมดนี้เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาคือเรื่องดับทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าตถาคตพูดแต่เรื่องทุกข์กับดับทุกข์เท่านั้นล่ะ สองคำเท่านั้นล่ะ นี่เรียกว่าอริยสัจอย่างสั้นที่สุด อริยสัจอย่างสั้นจู๋ นี่สองคำทุกข์กับดับทุกข์ รู้แล้วแก้ปัญหาได้
นี้ขยายไปจากธรรมดาสี่คำ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และทางถึงความดับทุกข์ มีสี่คำอริยสัจตามธรรมดา อริยสัจที่ละเอียดพิสดารออกไปมีถึงสิบเอ็ดคำและสองคู่เท่ากับยี่สิบสองคำ ฝ่ายทุกข์เกิดมีสิบเอ็ดอาการเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท ที่ดับทุกข์มีสิบเอ็ดอาการเรียกว่าปฏิจจนิโรธแต่คำนี้ไม่ค่อยได้พูดกัน ฝ่ายหนึ่งคือสมุทัยเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งนิโรธดับลง ฝ่ายละสิบเอ็ดอาการ นี่เรียกอริยสัจพิสดารมีถึงยี่สิบสองคำ อริยสัจย่นย่อสั้นจู๋ที่สุดมีสองคำทุกข์กับดับทุกข์ แล้วก็สี่คำแล้วก็สิบเอ็ดคำสองที
ขอให้สนใจจนถึงที่นี่ รู้จักทุกข์กับดับทุกข์เถิด ส่วนไอ้เรื่องสวยงามหรูหราอร่อยนั้นมันเป็นเรื่องของโลก เป็นเรื่องของกิเลสตัณหา อย่าไปหลงกับมันถ้ามันเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องรู้ว่ามันอย่างนั้นเอง ที่จริงไอ้เรื่องกามเรื่องเซ็กส์นี้มันก็เป็นของจำเป็นของธรรมชาติ ถ้ามันเกิดขึ้นมันก็กำจัดขจัดออกไปด้วยวิธีที่ถูกต้อง
แม้จะบริโภคกามบ้างก็อย่าด้วยความโง่ความหลงในสิ่งนั้น หรือในความเป็นบวกของสิ่งนั้น ทำเสมือนหนึ่งเป็นอาหารแก้ความหิวชั่วขณะชั่วขณะก็ไม่เป็นไร ไม่ขาดศีลไม่ผิดศีลไม่ผิดศาสนาถ้ามีการบริโภคกามอย่างถูกต้องโดยถือศีลถือธรรมะอยู่มันก็ได้เหมือนกัน แต่อย่าจมหัวลงไปบูชาสิ่งเหล่านั้น นี่เรียกว่าไม่อยู่ภายใต้บวกหรือภายใต้ลบแต่รู้สึกตัว ควบคุมได้อยู่เหนืออยู่เสมอไป
คือเรื่องมันมากมายมหาศาลอย่างนี้ กล่าวอย่างสรุปสั้นที่สุดก็ได้อย่างนี้ ธรรมะคือหน้าที่ที่ถูกต้องแก่ความรอด ความรอดคือรอดจากความบีบคั้นของความเป็นบวกและลบ ของดีของชั่ว ของสุขของทุกข์ ของดีใจเสียใจ อย่ามาบีบคั้นเราเลย จิตใจจงอยู่เหนือสิ่งนี้เรียกว่าวิมุตหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
ที่พูดนี้ไม่เชื่อเลยก็ได้แต่ขอร้องสักหน่อยว่าจงเอาไปคิด ให้ถูกหลักของกาลามสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสว่าอย่าเชื่อแม้มันมีอ้างอยู่ในพระไตรปิฎก อย่าเชื่อแม้จะผู้พูดเป็นครูของข้าพเจ้าคือพระองค์เองนั่นแหละ ยังให้เสรีภาพว่าไม่ต้องเชื่อแม้พระองค์เองจะตรัส นี่เสรีภาพสูงสุดในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้อย่างนี้ เพื่อว่าพุทธบริษัทอย่าได้เป็นทาสทางสติปัญญาของผู้ใดอย่างโง่เขลา แม้แต่พระองค์เองก็ยังตรัสว่ายังไม่ต้องเชื่อทันที ต้องไปดูให้เห็นว่ามันจะดับทุกข์ได้ค่อยลองดูปฏิบัติ ดับทุกข์ได้แล้วจึงค่อยเชื่อ
นี่เสรีภาพสูงสุดในพุทธศาสนาที่พระองค์ทรงประทานไว้ เหมาะสมแก่คำว่าไท ไท ไท คนไทย ไทแปลว่าอิสระ คนไทยถือพุทธศาสนาให้ถูกต้องเถิด อย่าเป็นทาสของกิเลสตัณหาบวกลบอย่างเช่นประกวดนางงามเป็นต้นนั้นเลย มันไม่เป็นพุทธบริษัท มีอิสระเสรีอยู่เหนือความหลอกลวงของบวกและลบ ก็จะเป็นนิพพานสมบูรณ์โดยทุกทุกประการ
ขอแสดงความหวังว่าท่านทั้งหลายจะนำเรื่องนี้ไปคิด ไปพินิจพิจารณาดู เข้าใจแล้วปฏิบัติตามสมควรแก่สถานะของตนๆ เรียกว่าธัมมานุธัมมปฏิบัติ ปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องโดยสมควรแก่ภาวะของตนๆ ก็จะได้รับผลจากพระพุทธศาสนาเต็มตามที่พระพุทธประสงค์มุ่งหมายไว้ ครั้นทำหน้าที่ของตนเสร็จแล้วก็อย่าลืมที่จะตามอย่างพระพุทธเจ้าไปช่วยเพื่อนมนุษย์ของเราให้รอดได้ด้วย ทำหน้าที่อย่างเดียวกันแหละ
เมื่อช่วยตัวเองรอดแล้วก็ช่วยผู้อื่นด้วยก็จะเป็นพุทธบริษัทสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยตนเองได้แล้ว ก็ช่วยผู้อื่นให้รอดได้ด้วย เอาละการบรรยายนี้มันก็พอสมควรแก่เวลา และแก่เรี่ยวแรงของอาตมาซึ่งค่อยจะมี แต่ขอยืนยันว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เป็นสิ่งมีค่าสูงสุดของมนุษย์ เรื่องอื่นๆไม่จำเป็น
สวรรค์เป็นเรื่องเด็กเล่นเป็นเรื่องหลอกให้หลงให้ทำดี ไปติดอยู่ที่ดีบ้าดีเมาดีก็ตายด้านอยู่ที่นั่น ขอให้ไปพ้นสวรรค์ไปเสียอีก ให้เหนือดีเหนือชั่วเหนือบุญเหนือบาปเหนือสุขเหนือทุกข์ เหนือทุกอย่างทุกประการที่เรียกสมัยนี้ว่าไม่เป็น Positive และไม่เป็น Negative ก็จบ ก็ขอยุติการบรรยายและขอร้องสั้นๆว่าเอาไปคิดไปนึก มองเห็นว่าจะดับทุกข์ได้อย่างไรแล้วจงปฏิบัติตามให้สำเร็จประโยชน์ตามสมควรแก่สถานะของตนๆจนทุกคนเถิด ขอยุติการบรรยาย