แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามธรรมดาไม่จริงไม่ แต่กลับได้ประโยชน์จากคนนั้น(นาทีที่ 00.15) เด็ก ๆ อย่าขี้เกียจ(ขี้คร้าน) ยมบาลจะเขกหัว(ศีรษะ) ใครเชื่อหรือไม่ ๆ ใครเชื่อ ใครไม่เชื่อ (หัวเราะ)
เด็ก ๆอย่าขี้เกียจ ยมบาลจะเขกหัว ไม่เชื่อ แต่ถ้าว่าเด็ก ๆ ไม่ขี้เกียจ มันดีหรือไม่ดี ถึงพูดไม่จริง พูดไม่มีประโยชน์ แบบนี้เขาไม่เรียกว่ามุสาวาท เขาไม่เรียกว่ามุสาวาท
เหมือนกับแม่บอกว่า เด็ก ๆ อย่าร้อง ตุ๊กแกจะกินตับ เด็กมันหยุดร้อง ให้มันหยุดร้อง คำพูดไม่ได้จริง แต่เด็กมันหยุดร้อง มันก็ดีแล้ว ถ้าจะเป็นคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย แล้วประโยชน์มาได้กับตัวเองหรือพรรคพวกของตัวเอง เขาเรียกมุสาวาท ไม่ใช่ว่าพูดไม่จริง ตามเรื่องราวจะเป็นเท็จไปหมด ไม่ใช่ จะอ้างว่าผิดศีลข้อนี้ ข้อนี้เขามุ่งหมายการใช้คำเท็จ ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติ สิทธิ หน้าที่อะไรของผู้อื่น ความเป็นธรรมของผู้อื่น เราประทุษร้ายด้วยคำพูดของเรา
เช่น เราเป็นพยานเท็จอย่างนี้ ที่ศาล เราเป็นพยายานเท็จ เราก็ทำลายประโยชน์ของผู้อื่น ได้กับเราหรือพรรคพวกของเรา
อย่าพูดคำเท็จ อย่าพูดมุสาวาททำลายประโยชน์ของผู้อื่น ถ้าพูดคำไม่จริง แต่ผู้อื่นได้ประโยชน์ ไม่ผิดศีลข้อนี้ เมื่อเห็นอยู่แล้ว ให้เขาได้ทำดียิ่ง ๆ ขึ้นไป มีตัวอย่างมาก แต่ว่าบางอย่างเราจะไม่ยก(ตัวอย่าง) เดี๋ยวจะเข้าใจผิด
ข้อที่ห้า นั่นทำอะไร (ถามเด็ก)..มีเสียงคนตอบ...
ใครว่าอะไร...(นาทีที่ 02.59)...(เด็กตอบ)...ท่านหัวเราะ...
ไอ้นี้เคยฟังคำพูดเรื่องก่อน ๆ (นาทีที่ 03.08) มีแต่ที่นี่ เรากล้าท้าในเมืองไทย พูดแต่ที่วัดนี้ ไม่ประทุษร้ายสติสัมปชัญดีของตนเอง หนังสือแบบเรียนก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี เราแกล้งพูดให้มันฟังง่าย จำง่าย แล้วมันกินความหมด เสพ กิน ไม่เสพ คำว่าเสพ เขาหมายถึง กิน ทา ลูบ ดม อะไรได้ทั้งนั้น เขาเรียกว่า เสพ ไม่เสพสิ่งที่มันประทุษร้ายสติสมประดี เรียกว่าเสพแล้ว มันก็เลยเสียสติสมประดี เหมือนคนบ้า เหมือนคนเมา เหมือนคนอันธพาลเกเร
ในบาลี คำว่า ศีล จึงเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท สุราเมระยะ มัชชะ ประมาทัฏฐานา เวรามะณี ศีลเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือ สุราและเมรัย สุราของเมาที่สุด เมรัยคือของเมาที่ดิบ ไม่เสพของเมาสุก ไม่เสพของเมาดิบ ซึ่งเป็นเครื่องให้เกิดความประมาท คนที่ประมาทคือ คนที่ไม่มีสติสมประดี บ้าก็ได้ เมาก็ได้ เสียสติสมประดีทั้งนั้นเลย เสพ กินกับปากก็ได้ สูดเข้าไปจมูกก็ได้ ทาก็ได้ ฉีดเข้าเส้นก็ได้ ตามใจแหละ บางทีมันเข้าไปในร่างกาย แล้วคนนั้นก็เสียสติสัมปชัญญะ เสียสติสมประดี ไม่เสพของเมาดิบ หรือของเมาสุก อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ตัวหนังสือในบาลี เขาว่าไว้แบบนี้ เรามาเปลี่ยนคำเสียใหม่ว่า ไม่เสพสิ่งที่ประทุษร้ายสติสมประดีของตนเอง บางทีก็ใช้คำสั้น ๆ ว่า ไม่ประทุษร้ายสติสมประดีของตนเอง ถ้าใครจะจำก็ได้ ก็ดี แต่บางคำมันแปลกกว่าที่เขาพูด ๆ กัน
ข้อหนึ่ง ไม่ประทุษร้ายชีวิตร่างกายของผู้อื่น
ข้อสอง ไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
ข้อสาม ไม่ประทุษร้ายของรักของพอใจของผู้อื่น
ข้อสี่ ไม่ประทุษร้ายความชอบธรรมของผู้อื่น
ข้อห้า ไม่ประทุษร้ายสติสมประดีของตนเอง
เราเรียงเป็นคำพูดใหม่หมดว่า ไม่ประทุษร้าย คือไม่ทำลาย ไม่ทำให้ฉิบหาย ให้วินาศ ให้เปลี่ยนแปลง ถ้าพูดกับชาวบ้าน ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มน้ำเมา
คำว่า ดื่มน้ำเมา มันเข้าใจแคบ เฉพาะน้ำเมาที่ดื่ม กิน เพราะของเมานั้นมันกินก็ได้ สูบก็ได้ ทาก็ได้ แล้วแต่วิธีไหนที่มันเข้าไปในร่างกายได้ เรียกว่า เสพของประทุษร้ายสติสัมปชัญญะของตนเอง ยังมีของเมาบางอย่าง ใครนึกออกว่า ของเมาบางอย่าง ที่เมา เหมือนกับบ้าเหมือนกัน เมาของเล่น เมาเล่นการพนัน หรือว่าเมาอะไรที่มันไม่ถูกต้องไปหมด ไปหาจิ้งหรีดมา ไปหาปลากัดมากัดกันใหญ่ สนุกกันใหญ่ เมากันใหญ่ แบบนี้เขาเรียกว่า เมา เมาไก่ชน
พ่อของใครเมาไก่ชนมั่ง ยกมือ(ถาม)
พ่อใครเมาไก่ชนมั่ง (หัวเราะ) ไม่มีใคร
(หัวเราะ) นี่มีอยู่คนหนึ่ง มันเมาเหมือนกันแหละ
พ่อของใครเมานกเขามั่ง หือ (หัวเราะ) นกเขาแกงหมดแล้ว ไม่ได้เมา
อะไรที่เป็นที่ตั้งแห่งความเมาหลงใหล อย่าเมา ๆ เมาเหล้าเมายา เมาทุกอย่างแหละ เมาแล้วมันก็บกพร่องในหน้าที่ ถ้าเมาไก่ชน มันก็ไม่ได้เรียนหนังสือแหละ เรียนหนังสือดีไม่ได้ เมาจิ้งหรีด เมากัดปลา เมาอะไร แล้วมันก็เรียนหนังสือไม่ได้ เขาเรียกว่า สติสัมปชัญญะมันเสีย
คนบ้ากับคนเมาเสียสติสัมปชัญญะ คนบ้าเสียสติสัมปชัญญะตลอด ตลอดเวลา จนกว่าจะหายบ้า คนเมาเสียสติสัมปชัญญะตลอดเวลา จนกว่าจะหายเมา
พวกนักเรียนนี่เมาอะไรกันบ้าง (ถาม)
นักเรียนเมาอะไรกันบ้าง เมาอะไร...(มีคนตอบ) เมาหนังสือ
(หัวเราะ) ใครเมาหนังสือมั่ง ยกมือ ใครเมาหนังสือมั่ง มีคนเดียว ดี ๆ ๆ เรียนหนังสือ แล้วทำไมได้เมา(นาทีที่ 10.10)
(เด็กตอบ)..อ่านมากครับ
(ท่านถาม)..เมาหนังสือ เมาอย่างไร
(เด็กตอบ)..เมาปวดหัวครับ
(ท่านหัวเราะ) มันเกินเมาเสียแล้ว เกินเมา ถ้าเมาหนังสือ เรียนหนังสือก็ดีแหละ ไม่เป็นไร เมาหนังสือ เขาว่า เมาความดี เมาความดีพอไปได้ อย่าเมาความชั่ว
(ท่านถาม)..ใครเมาขี้เกียจ(ขี้คร้าน)มั่ง ใครเมาขี้เกียจมั่ง ชอบขี้เกียจที่สุดเลย ใคร..คนโน้นเหรอ เอก (หัวเราะ) เอก เมา เมาขี้เกียจ ชอบขี้เกียจ เมาขี้เกียจ หนีโรงเรียน ไปนอนซะ ถึงเวลาจะทำการบ้าน หรือเรียนหนังสือ นอนซะ เมาขี้เกียจ
เมาอาหาร กินมากจนทำอะไรไม่ได้ เมาอาหาร กินอาหารมากจนทำอะไรไม่ได้ เมาในทางที่ให้โทษ แล้วทำมันก็ผิดหมด
เมาในทางที่ดี เขาไม่เรียกว่าเมา แต่เอายืมมาเรียกก็ได้ แต่เขาไม่เรียกว่าเมา เมาในทางความดี เขาไม่เรียกว่าเมา แต่บางทีก็ยืมมาได้ เมาดี เมา(ลูก)ยอ เรียกเมาลูกยอ แต่ไม่เป็นไร (นาทีที่ 12.00)
นี่เรียกว่า ศีลห้า ถ้าเราจะเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เราจะต้องปฏิบัติให้ครบทั้งห้าแหละ
ไม่ประทุษร้ายชีวิตร่างกายของผู้อื่น
ไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
ไม่ประทุษร้ายของรักของพอใจของผู้อื่น
ไม่ประทุษร้ายความถูกต้องยุติธรรมของผู้อื่น
ไม่ประทุษร้ายสติสัมปชัญญะของตนเอง
ถ้าใครจำได้ดีแหละ ไปพูดกับคนเขา ผู้ฟัง ก็ดีแหละ เป็นภาษาที่ดี เป็นภาษาที่สูงกว่าภาษาเด็ก ๆ เพราะเราได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราจึงชื่อว่า เป็นพุทธมามกะ ปฏิณญาว่า พระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า เราถือพระพุทธเจ้าเป็นของเรา เราจึงทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ศีลทั้งห้าข้อ ทั้งห้าข้อมันรวมอยู่ในข้อสำคัญ ข้อเดียวก็ได้ ที่ว่าเราจะรักผู้อื่น เราจะไม่เห็นแก่ตัว เราจะรักผู้อื่น แล้วจะไม่หลงตัวเมาตัว แล้วก็ไม่เห็นแก่ตัว แล้วไม่รักผู้อื่นเลย ศีลขาดหมดเลย
ถ้าเรารักผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว ศีลจะอยู่ครบ ถ้าเรารักผู้อื่น เราไม่ขาดศีลเลย ใคร ๆ มองเห็น ถ้าเรารักผู้อื่น เราจะไม่ขาดศีลเลย เด็กคนไหนมองเห็น เข้าใจ สูงไปเยอะ
ถ้าเรารักเขา เราจะฆ่าเขา หรือว่าทำร้ายเขาได้หรือ ได้ ไม่ได้
(เสียงเด็กตอบ) ไม่ได้
ถ้าเรารักเขา เราจะไปลัก(ขโมย)ของเขาได้หรือ
(เสียงเด็กตอบ) ไม่ได้
ถ้าเรารักเขา เราจะไปประพฤติล่วงเกินของรักของใคร่ของเขาได้หรือ
(เสียงเด็กตอบ) ไม่ได้
ถ้าเรารักเขา เราจะพูดเท็จกับเขาได้หรือ
(เสียงเด็กตอบ) ไม่ได้
ถ้าเรากลัวใครจะรำคาญ รำคาญความบ้าความเมาของเรา เราจะกินเหล้าหรือดื่มของเมาให้เขารำคาญได้ไหม
(เสียงเด็กตอบ) ไม่ได้
ถ้าเรารักผู้อื่น เราไม่กินเหล้าให้คนอื่นเขารำคาญ ไม่กินเหล้า ให้คนอื่นเขาเหม็น ไม่สูบบุหรี่(ยา) ไม่สูบบุหรี่ให้เขารำคาญหรือเขาเหม็น
ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ใครสูบบุหรี่มั่ง (ถามเด็ก) ใครสูบบุหรี่มั่ง คุณครูสูบบุหรี่หรือไม่สูบ
(เสียงเด็กตอบ) สูบ/ไม่สูบครับ
(หัวเราะ) โอ้ คุณครูสูบ (หัวเราะ) เด็ก ๆ ไม่สูบ เด็ก ๆ ไม่เอาอย่างครู
(เสียงเด็กตอบ)...
เราเป็นพุทธมามกะ เราไม่ล่วงละเมิดศีลห้าประการ แล้วเราจะมีความดีอีกห้าประการ เราจะมีความดีอีกห้าประการ ความดีห้าประการคืออะไร ใครรู้
(ถามเด็ก) หัวเราะ เด็กคนนี้ตอบเมื่อกี้ ดีห้าประการคืออะไร
(เสียงเด็กตอบ) เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า
(ท่านถาม) ใครจำได้ จำได้มาก แต่ยังไม่หมดทุกคน ไปท่องเสีย จำได้ให้หมดแหละ
เราเป็นพุทธมามกะ ต้องถือศีลห้า เราไม่เห็นแก่ตัว ศีลห้าครบหมดแล้วเราจะได้ความดีห้าประการ
ว่าพร้อม ๆ
ข้าพเจ้าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา
ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์
ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน
ข้าพเจ้าเป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้าพเจ้าเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า
เอาว่าพร้อม ๆ กัน..(เสียงเด็ก ๆ พูด)
ข้าพเจ้าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา
ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์
ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน
ข้าพเจ้าเป็นพลเมืองดีของชาติ เป็นอะไรนะ ว่าใหม่ก่อน
ข้าพเจ้าเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
ข้าพเจ้าเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า
ท่องให้คล่อง ให้คล่อง ให้จำได้ แล้วค่อย ๆ ปฏิบัติ ๆ ครบถ้วนเองแหละ เป็นห้าอย่างนี้ ดีห้าอย่างนี้ แล้ววิเศษที่สุดแหละ เชื่อปฏิบัติตามพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ดีที่สุดเลย หรือว่าเป็นพระสงฆ์เสียเองก็ได้ ถ้าใครเป็นดีห้าอย่างนี้ แล้วคนนั้นเป็นพระสงฆ์ สงเคราะห์นับรวมในพระสงฆ์ นับเนื่องในพระสงฆ์ได้
เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา คำว่าบุตร หมายความว่า เกิดมาให้พ่อแม่สบายใจ คำว่า บุตร ผู้ที่เกิดมาทำให้พ่อแม่สบายใจ ถ้าไม่เช่นนั้นไม่ใช่บุตร
คำว่า ศิษย์ คือ เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ให้ครูบาอาจารย์ลำบากใจ เด็กดื้อไม่ใช่ศิษย์ ไม่ใช่ศิษย์ ถ้าศิษย์ก็ศิษย์เลว ไม่ใช่ศิษย์ที่ดี
เพื่อนนะ แปลว่าผู้เพียบพร้อมที่จะช่วยเหลือกันและกัน จึงไม่มีชกต่อยทะเลาะวิวาทด่ากัน อะไรกัน ไม่ ๆต้องมี ถ้ามี มันไม่ใช่เพื่อน คำว่า เพื่อนเขาแปลว่า ทำงานร่วมกัน สหายก็แปลว่าทำงานร่วมกัน ไปด้วยกัน มิตร มิต-ตระ ก็แปลว่า มีความรัก มีความเมตตา สัมมะ แปลว่า มีความเสมอ มีความเสมอกัน เขาเรียกว่า สัมมะ สัมมะ แปลว่าเพื่อน เพราะฉะนั้นเราจึงทะเลาวิวาทกันไม่ได้
เราเกิดมาในแผ่นดินไหน มันก็ต้องเป็นพลเมืองของประเทศชาตินั้น มันเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องเป็นพลเมืองที่ดี มีประโยชน์กับประเทศชาติ
สาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า คือ ปฏิบัติตาม ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นสาวกที่ดี หมดนี้แล้วมันไม่มีอะไรชั่วเลย ไม่มีอะไรชั่วเลย มีแต่ความเจริญ ไม่...
ฟังให้ดี ๆ ไม่ตายโหงตั้งแต่ยังเล็ก ใคร...ตายโหงตั้งแต่ยังเล็ก(นาทีที่ 21.15) หือ ถูกตีตาย ถูกฆ่าตาย ถูกจับไปทุบหัวตาย ทะเลาะฆ่าฟันกันเองตายตั้งแต่ยังเล็ก เขาเรียกว่าตายโหงตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ควรจะมีในเมืองปากด่าน ที่ชอบให้มีตายโหงตั้งแต่ยังเล็กในเมืองปากด่าน ยกมือ ใครไม่ชอบ (หัวเราะ) ใครว่าแต่ปาก ต้องว่ากันจริง ว่ากันจริง ๆ
เด็ก ๆ ทุกคนระวังให้ดี อย่าให้เสียชาติเกิด เสียชาติเกิดคือ ตายโหงตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ทันได้ทำอะไรเลย ไม่ทันได้ทำอะไรให้ดีเลย ถูกฆ่าตาย ถูกทำให้ตาย อะไรตายเสียตั้งแต่ยังเล็ก ซุกซนเกินไป ปีนต้นไม้ตกมาตายตั้งแต่ยังเล็ก เขาเรียกว่า ตายโหงตั้งแต่ยังเล็กเหมือนกัน อย่าซุกซน ระมัดระวังให้ดี คำที่เลวร้ายที่สุด แต่เราก็ไม่อยากจะพูดนะ แต่ต้องเอามาพูด คือ คำว่าตายโหงตั้งแต่ยังเล็ก
คำว่าตายโหง แปลว่าอะไร ใครอธิบายได้ (ถามเด็ก) อธิบายได้ ตายโหงคือ ตายแบบไหน แล้วกัน ตายโหงคือ ตายไม่ดี ๆ ตายอย่างเลว ถูกฆ่าตาย ถูกตีตาย อะไรตาย ถ้าตายตามปกติ เขาไม่เรียกว่า ตายโหง เจ็บไข้ตาย หรือว่าอะไรไปตามปกติ เขาเรียกว่า ตายตามปกติ ถ้าตายอย่างเลว นี่เขาเรียกตายโหง
เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี เป็นคาถาป้องกันการตายโหงตั้งแต่ยังเล็ก ในบาลีในอรรถกถา เขามีหมู่บ้าน หมู่บ้านแห่งหนึ่งปฏิบัติศีลกันทั้งหมู่บ้านเลย แล้วไม่มีใครตายโหงตั้งแต่ยังเล็กหรือยังหนุ่ม ไม่มีใครตายโหงตั้งแต่ยังเล็กหรือยังหนุ่ม อยู่กันมาจนเฒ่าจนแก่ทั้งนั้น หมู่บ้านนั้น ที่นี่วันนั้นนักเรียนอันธพาลคนหนึ่ง มันไปที่เมืองไกล มันมาจากเมืองไกล มันบอกว่า ลูกของคุณไปที่เมืองที่ฉันอยู่ แล้วตายแล้ว ฉันเอากระดูกห่อผ้ามาให้คุณ ถึงไอ้ตาคนนั้น (บอก) กูไม่เชื่อ ๆ ลูกหลานเมืองกูไม่มีใครตายโหงตั้งแต่ก่อนอายุ กูไม่เชื่อ ไอ้คนนั้นมันโกง มันเอากระดูกสุนัข (หมา)ห่อผ้ามาบอก เจ้าของบ้าน กระดูกลูกของคุณ ฉันเอามาให้ คุณจะให้รางวัลบ้างอะไรบ้าง ตาคนนั้นบอกว่า กูไม่เชื่อ ๆ ลูกหลานของกูไม่มีใครตายโหงตั้งแต่ก่อนอายุ ดีขนาดนั้น บ้านนั้น เมืองนั้น ตำบลนั้น ไม่มีใครตายตั้งแต่ก่อนอายุ อยู่กันจนเฒ่าจนแก่ทั้งนั้น ต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติศีล ปฏิบัติธรรมครบถ้วน แล้วที่นี้เราได้เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี แล้วมันก็ดีไม่มีใครตายโหงตั้งแต่ก่อนอายุ
เธอ (นาทีที่ 24.55) จะเป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี อย่าให้เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วพบพระพุทธศาสนา
วันนี้มาที่นี่มาทำอะไร ใครรู้(ถามเด็ก) มาทำอะไร..
(เด็กตอบ) มาฟังคำสั่งสอนของพระสงฆ์
ใครรู้ มาทำอะไร (ถามเด็ก) วันนี้มาทำอะไร ไม่มีใครตอบได้ หือ มาทำอะไร
(เด็กตอบ) มาอบรมจิตใจ
มาอบรมจิตใจ อบรมคือ ทำอย่างไร ให้ได้ยิน ให้เข้าไปในจิตใจ ให้ได้ปฏิบัติ นั่นเขาเรียกว่า อบรม อบรม
เอาแหละ ตามที่พูดมานี้ ก็พอแล้วแหละ รู้เรื่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รู้เรื่องศีลห้าประการ รู้เรื่องความเห็นแก่ตัว ความไม่รักผู้อื่น รู้เรื่องความรักอื่น ความไม่เห็นแก่ตัว รู้เรื่องความเป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี ทำได้ ทำได้ตามที่ว่านี้ แล้ววิเศษประเสริฐทุก ๆ คน เมืองปากด่านจะดีกว่าเมืองไหนหมด ถ้าเด็ก ๆ ทำได้อย่างนี้
เอาละ ขอแสดงความหวังตั้งใจ ให้ศีลให้พร ว่า เธอทุกคนจงพยายาม จงพยายาม จงพยายาม จงกล้าหาญ มีความเชื่อ กล้าหาญ พยายามทำให้ได้ตามที่ว่า ไม่ต้องกลัวใครมาตำหนิติเตียนอะไร แล้วให้ได้เป็นคนดีห้าประการ สมตามความมุ่งหมายทุกประการเทอญ
(เด็กกล่าวคำว่า สาธุ)
ออกไปด้วยกริยาอย่างไร เรียกว่า ออกไปด้วยความเคารพ
(เด็กตอบ) หันขวามือให้กับพระสงฆ์ครับ
หันขวามือให้กับผู้ที่เราแสดงความเคารพ เธอจะต้องออกทางไหน ถึงจะหันขวามือให้กับผู้ที่เราแสดงความเคารพ
ออกไปทางไหน (ถามเด็ก)
(เด็กตอบ) ออกไปทางนี้ครับ
ออกไปทางนี้ ซ้ายหันแล้วก็ไป ในที่นี้มีพระพุทธรูป มีอะไรต่ออะไร ที่เรียกว่าที่เป็นที่ตั้งแห่งความเคารพ เราต้องออกไปในลักษณะที่หันขวามือให้สิ่งที่เราเคารพ ไปในระยะไกลพอสมควร จึงค่อยกระจัดกระจายกันตามความประสงค์ แต่ในที่เฉพาะหน้านี้ ต้องรักษาระเบียบนี้ ไว้ให้ได้ เอาขวามือไว้ทางสิ่งที่เราเคารพ เขาเรียกว่า ประทักษิณ ประทักษิณ แสดงมารยาท อาการเป็นประทักษิณ เข้ามาแล้วออกไป เข้ามาก็ต้องเข้ามา ด้วยเอาขวามือไว้ของผู้ที่แสดงความเคารพ ออกไปก็ออกไปโดยการให้ขวามือ มือขวาอยู่ที่ฝ่ายของผู้ที่เราแสดงความเคารพ
เอาเตรียม เตรียมออก ยืน ซ้ายหัน แล้วไปให้พอสมควร แล้วค่อยแยกย้าย ต้องไปให้สุด ออกไปนอกเขต