แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านที่เป็นนักศึกษาทั้งหลาย อาตมาก็ขอแสดงความยินดีในการที่ท่านทั้งหลายได้มาที่นี่และก็มาในลักษณะอย่างนี้ คือแสวงหาความรู้ทางธรรมะ ซึ่งเวลานี้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ธรรมะจะต้องมี มิฉะนั้นโลกนี้จะวินาศ ธรรมะมีผสมกับความเจริญทางวัตถุเท่านั้นแหละที่โลกมันจะปลอดภัย ถ้าว่าความเจริญทางวัตถุมากเกินไปธรรมะมีไม่ทัน แล้วมันก็คือความวินาศ ความเจริญก็กลายเป็นความวินาศถ้ามันขาดธรรมะ ดูบ้านเมืองของเราเวลานี้ ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ มันจะเจริญทางวัตถุ ไม่ว่าธรรมะมันก็ไม่มีผสมกับความเจริญทางวัตถุ มันก็เต็มไปด้วยอันธพาล และยิ่งกว่านั้นอีกมันก็เต็มไปด้วยอันธพาลในสำนักเรียน ในวิทยาลัยยังมีการยกพวกตีกัน นี่เรียกว่าธรรมะมันยังไม่มีพอกับความเจริญ คนขี่รถยนต์มีมากแต่คนที่ทิ้งขยะจากหน้าต่างรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่บนถนนก็มีมาก ยิ่งมีมาก นี่คือความที่ธรรมะมันไม่มี การทำลายสาธารณะประโยชน์มันก็ยังมีมากเพราะธรรมะมันไม่มี ยิ่งความเจริญมันกลายเป็นความวินาศเพราะมันขาดธรรมะ หรือว่าความตายซึ่งไม่เคยมีแต่กาลก่อนนั้น มันก็มีเมื่อมีความเจริญ เมื่อยังไม่มีถนนที่สะดวกๆ นี้ ไม่มีคนตายเพราะรถยนต์ทับ หรือรถยนต์ชน หรือรถยนต์ตกถนน เพราะมันเจริญในถนนและธรรมะมันไม่เจริญพอ ก็มีคนเลว คนสะเพร่า คนบ้าบิ่น คนอะไรต่างๆ ทำให้คนตายเพราะการมีถนนดี ปีหนึ่งเป็นพันๆ คนเห็นเขาประกาศอย่างนั้น นี่ความเจริญคือความวินาศเพราะมันขาดธรรมะ ฉะนั้นจะดูให้มันไกลออกไป มันก็มีแต่ความยุ่งยากลำบาก เพราะว่าถ้าขาดธรรมะแล้วมันก็โกง ถ้าขาดธรรมะมันก็โกงเท่านั้นแหละ ทุกคนทุกประเภทของบุคคลมันจะโกง คนผลิต คนซื้อ คนขาย คนกิน คนใช้ คนขนส่ง คนส่งออก ส่งเข้า มันล้วนแต่โกง ปัญหาทางเศรษฐกิจมันก็เกิดขึ้น ในเรื่องประชาธิปไตยนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย ถ้าไม่มีธรรมะ ไม่มีศีลธรรมมันก็เป็นประชาธิปไตยโกง เพราะประชาธิปไตยมันเปิดโอกาสให้แต่ละคนทำอะไรได้ ทีนี้เมื่อไม่มีธรรมะมันก็ใช้กิเลสของมันก็คือโกง ก็คอยดูเถอะการเลือกผู้แทนนี่มันจะโกง เลือกโดยวิธีโกง ไม่ถูก ไม่ตรง โดยวิธีโกงหลายๆ ชนิด จะได้ผู้แทนโกง ได้ผู้แทนโกงมารวมกันเป็นรัฐสภา ก็เป็นรัฐสภาโกง รัฐสภาโกงตั้งรัฐบาลก็ต้องเป็นรัฐบาลโกง ทีนี้มันก็โกงกันหมดไม่มีอะไรเหลือ ขอให้ดูให้ดีว่าถ้ามันไม่มีศีลธรรมแล้วมันเป็นอย่างนี้ ถ้าเรามีศีลธรรมก็ไม่มีการเลือกผู้แทนโกง ก็ได้ผู้แทนดี ได้รัฐสภาดี ได้รัฐบาลดี ได้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการดี ทุกอย่างมันก็ดี นี้ขอให้เอาไปคิดดูสักข้อหนึ่งว่า ความเจริญนั้นจะกลายเป็นความวินาศถ้าเราขาดศีลธรรม ในโลกอันกว้างขวางนี้ก็เหมือนกัน มันโกงเอาเปรียบขนาดโลก ระดับโลกมันก็เลยได้รบราฆ่าฟันกันเรื่อย เอาเปรียบกันเรื่อย ตลบตะแลงหลอกลวงกันเรื่อย เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความคดโกง พอมันโกรธแค้นขัดใจขึ้นมาแล้วทีนี้มันก็ยิ่งโกง ยิ่งเอาเปรียบ เขาเรียกมันบ้าแล้ว เลือดมันเข้าตาแล้ว มันก็จะยิ่งโกง โลกนี้ก็เต็มไปด้วยความโกง เมื่อขึ้นมาถึงขั้นนี้แล้วประชาชนเหล่านั้นไม่อาจจะถือธรรมะได้นะ เพราะมันกลัวที่จะเสียเปรียบบ้างอะไรบ้าง มันไม่อาจจะถือธรรมะอยู่ได้ มันก็ถือลัทธิเอาเปรียบ ลัทธิโกง มันก็เลยโกงกันทั้งโลก ดังนั้นโลกนี้ก็อยู่ด้วยความโกง นี่สถานการณ์อันแท้จริงในโลกก็คือโลกที่มีวิกฤตการณ์เดือดร้อนระส่ำระสายกันไปหมดเพราะมันขาดธรรมะ เดี๋ยวนี้ธรรมะหรือศาสนาก็ถูกขจัดออกไปจากการศึกษา เมื่อห้าสิบปีหกสิบปีหรือเกือบร้อยปีมาโน่น ในโรงเรียนโดยเฉพาะ เต็มไปด้วยการสอนธรรมะและศาสนา ในมหาวิทยาลัยชั้นเอกของโลกอย่าง ออกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ในเกาะอังกฤษนี่ เมื่อหกเจ็ดสิบปีมานี้มันยังเป็นมหาวิทยาลัยในการควบคุมของพระ ของพระ พระคริสตังนะ ผู้ที่เคยไปเรียนสมัยนั้นก็มาเล่าให้ฟัง ทำเหมือนกับในโบสถ์เหมือนกันนะ จะกินอาหารก็ต้องนึกถึงพระเจ้า ต้องอ้อนวอน ต้องท่องบท คือทุกๆ อย่างยังมีบทท่องทางศาสนา ทำพิธีทางศาสนา นี่เขาเรียกว่าศาสนายังมีอิทธิพลในการศึกษาอยู่ ต่อมาเลิก เลิกๆ กันหมดจนไม่มีเหลือ แล้วก็ชวนกันเลิกๆ กันทั้งโลกนะ ประเทศไทยเราก็ตามก้นเขาด้วยเหมือนกัน ก่อนนี้มีการศึกษาอยู่ในโรงเรียนในวัด โรงเรียนที่อยู่ในวัด หรือนอกวัดก็มีการศึกษาธรรมะ สอนธรรมะ พอเกิดเอาอย่างฝรั่งก็ไม่ต้องมีการสอนธรรมะ ไม่ต้องมีการสอนศาสนา สำหรับประพฤติปฏิบัติอย่างที่ว่าจะกินข้าวก็ต้องขอบคุณพระเจ้าอย่างนี้ เป็นต้น ไม่มี มันก็ไม่มี มันก็หมดไปๆ การศึกษาจึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ นี่คุณคิดดูเถอะการศึกษาเวลานี้ไม่สมบูรณ์เพราะว่าเรียนกันแต่หนังสือกับวิชาชีพ จะมหาวิทยาลัยไหนก็ตาม มันก็เรียนหนังสือมาแล้วแล้วก็เรียนวิชาชีพ ไม่ว่าเทคโนโลยีชนิดไหนมันเป็นวิชาชีพทั้งนั้นแหละ เรื่องธรรมะเรื่องศาสนาก็เลยไม่มีในมหาวิทยาลัย ในโรงเรียน เราเรียกการศึกษาชนิดนี้ว่า การศึกษาหมาหางด้วน การศึกษาที่เรียนแต่หนังสือกับวิชาชีพ การศึกษาหมาหางด้วน ไม่น่าดู เดินก็ไม่ตรง ก่อนนี้มันมีอยู่และมีการประพฤติด้วย ไม่ใช่จดไว้ในสมุดเฉยๆ เหมือนเดี๋ยวนี้ ถ้ามีบ้างก็จดไว้ในสมุด ก่อนนี้เขาให้นักเรียนไหว้พระ สวดมนต์ กระทำทุกอย่างที่เป็นการกระทำลงไปจริงๆ ด้วยกาย ด้วยวาจานี่ มันยังมีธรรมะมีศาสนาอยู่ในนักเรียนนักศึกษา สมัยโบราณมหาวิทยาลัยชั้นสูงของโลกเช่นที่ออกชื่อมาแล้ว ออกซ์ฟอร์ดหรือเคมบริดจ์นี่ เขาเรียนเพื่อเป็นสุภาพบุรุษ ตรงนี้ต้องฟังกันให้ดีหน่อยว่า มหาวิทยาลัยสูงสุดในโลกนะเขาจัดการศึกษาเพื่อผู้ที่จบการศึกษาแล้วเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชา ไปแสดงบทบาทด้วยวิชาที่ตนเชี่ยวชาญเพื่ออาชีพ นี่มันก็เตรียมเป็นพ่อค้ามาแล้วทั้งนั้นแหละในการศึกษาในโรงเรียน ออกมาก็ได้ขูดรีดเท่านั้นแหละ การศึกษาก่อนนี้โดยเฉพาะที่ว่าเลิศที่สุดน่ะออกซ์ฟอร์ดหรือเคมบริดจ์ของอังกฤษนี่ ผลการศึกษาคือความเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่ค่อยเอาวิชานั่นวิชานี่ คะแนนนั่นคะแนนนี่กันนัก นั่นจึงเป็นแต่เรื่องที่ทำให้เป็นสุภาพบุรุษ เช่น เรื่องกีฬานี่ก็เพื่อเป็นสุภาพบุรุษ ยกย่องกีฬามากกว่าวิชาความรู้ในห้องเรียนก็เพื่อความเป็นสุภาพบุรุษ ผลการศึกษาคือความเป็นสุภาพบุรุษ คือ มีน้ำใจดีสมกับที่เป็นมนุษย์ มีมนุษยธรรม นี่เรียกว่า สุภาพบุรุษ สุภาพบุรุษออกมาแล้วไม่ขูดรีด จะมาเป็นพ่อค้าก็ไม่ขูดรีด จะไปเป็นนักการเมืองก็ไม่โกง หรือเป็นนักเศรษฐกิจก็ไม่โกง เพราะมันมีความเป็นสุภาพบุรุษ เดี๋ยวนี้ในมหาวิทยาลัยในโลกนี้มันไม่มีความมุ่งหมาย เพื่อให้ผู้เรียนเรียนจบแล้วเป็นสุภาพบุรุษ มันเรียนเตรียมสำหรับเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชา ออกไปแล้วจะได้โกงให้ถนัดมือ เพราะว่าคนอื่นทำไม่ได้นี่มันทำได้แต่เรา เราเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะวิชาเราก็ขูดรีดหรือโกงได้ นี่เตรียมตัวสำหรับไปโกงกันตามแขนงงานของตนๆ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ทีนี้มหาวิทยาลัยในเมืองไทยอย่างพวกคุณนี่คุณก็รู้เอง มีสุภาพบุรุษชนิดที่ชกต่อยกันในสนามกีฬา เป็นแบบใหม่ใช่ไหม สุภาพบุรุษที่ชกต่อยกันในสนามกีฬา ไม่มีความหมายแห่งความเป็นสุภาพบุรุษเลย หรือก็เรียนเพื่อว่าประโยชน์ของตัว ไม่ใช่ประโยชน์ของมนุษย์ ทั้งโลกมันมีเพื่อประโยชน์ของตัว กิเลสก็ครอบงำ กิเลสก็ครอบงำ ทำไปตามกิเลส โดยมากก็ไม่มีธรรมะ ไม่ถือหลักธรรมะ ไม่ถือศีลธรรม มันก็มีความไม่มีศีลธรรมรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรียกว่าสหศึกษาระวังให้ดีเถอะจะไม่มีศีลธรรมเหลือ เราเห็นนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้เข้ามาในวัดแล้วก็ยังหยอกล้อกัน นักศึกษาหญิงนักศึกษาชายเข้ามาในวัดแล้วยังวิ่งไล่ ยังหลอกล้อยังพูดจาชนิดที่ไม่สุภาพในวัดซึ่งเป็นเขตแดนของพระพุทธเจ้า จึงขอฝากไว้สักอย่างว่าคุณทั้งหลายนี่เป็นนักศึกษาอย่างนี้ พอเข้ามาในวัดแล้วขอให้รู้สึกทันทีว่าวัดนี้เป็นของพระพุทธเจ้า ดังนั้นอย่าได้แสดงกิริยาอาการวาจาอะไรชนิดที่ไม่เคารพพระพุทธเจ้า ซึ่งติดมาในรูปแบบของสหศึกษา นี่เราจะมีธรรมะหรือไม่มีธรรมะกันก็ดูกันที่ตรงนี้ ถ้ามันมีการบังคับตัว บังคับตัวนั้นน่ะคือการศึกษา การศึกษาต้องอยู่กับการบังคับตัว ถ้าเช่นนั้นมันเตลิดเปิดเปิงไปเป็นการเอาเปรียบ เป็นการหาสิ่งสนุกสนาน เป็นเรื่องกามารมณ์ไปเสีย แต่การบังคับตัวนี้ไม่ค่อยมีใครชอบ ก็ยิ่งในยุคบ้าประชาธิปไตยนี่ มันกลับหาว่าการบังคับตัวนี่เป็นการสูญเสียเสรีภาพ เลยหาเตลิดเปิดเปิงไปถึงว่า ระเบียบการบังคับกายบังคับจิตในทางศาสนามันเป็นการทำให้คนเสียเสรีภาพ ฉะนั้นพวกฝรั่งเขาจึงไม่นิยมการบังคับตัว ปล่อยตามสบาย เสรีภาพ พวกไทยเราก็ไปตามก้นเขา การจัดการศึกษาในเมืองไทยยังตามก้นฝรั่งมากนัก เป็นขี้ข้าหรือเป็นทาสทางสติปัญญาต่อพวกฝรั่งมากนัก ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ค่อยจะเป็นพุทธบริษัทกัน ไม่ค่อยจะเป็นคนไทยที่เจริญอยู่ในวัฒนธรรมไทย บ้านเมืองเป็นอย่างไรก็ดูเอาเองสิมันหาความเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือว่าถูกต้องอย่างคงเส้นคงวาไม่ค่อยจะได้ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ก็อยู่อย่างเห็นแก่ตัวทีใครทีมันอย่างนี้เรื่อยไปแหละ ก็ดูคดีอาชญากรรมที่กำลังมีคาโรงคาศาลในหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ นี่ มันคนมีการศึกษาทั้งนั้น ทั้งนั้นเลยที่เป็นจำเลย ไม่มีคนโง่คนป่าเข้ามาเป็นจำเลยมากเหมือนกับคนที่มีการศึกษามาแล้วกำลังเป็นจำเลย ดูเอาเองไม่ต้องออกชื่อว่ามีใครบ้าง นี่การศึกษาที่มันหางด้วน ครั้งหนึ่งมีนักศึกษาจำนวนหนึ่งมาค้างอยู่ที่นี่หลายๆ วัน ก็ได้ช่วยบรรยายธรรมะให้ชุดหนึ่ง เรียกว่าธรรมะบรรยายต่อหางสุนัข อีกครั้งธรรมะบรรยายต่อหางสุนัขที่นี่มีขายไปหาซื้อที่ร้านขายหนังสือตัวอย่างในนี้มี ในตึกนี้มีหนังสือทุกเล่มที่ทำขึ้นที่นี่ชั่ว ๔๐ ปี หลายๆ เรื่องนี่ก็อยากให้ดู ธรรมะบรรยายต่อหางสุนัข หมายความว่า ธรรมะที่นักศึกษายังไม่ทราบ ยังไม่ทราบ มันขาดไปน่ะ อุตส่าห์รวบรวมเอามาพูดทุกเรื่องๆ ทีละเรื่องๆ ได้ชุดหนึ่ง นี่ก็เป็นอันกล่าวได้ว่า การที่เข้ามาในสถานที่อย่างนี้น่ะมันเป็นการเข้ามาหาสิ่งที่ยังขาดอยู่ สิ่งที่พวกคุณทั้งหลายยังขาดอยู่น่ะ มาหาที่ที่สถานที่อย่างนี้ที่วัดนี้หรือวัดไหนก็ได้ ถ้าเข้าไปในวัดแล้วก็ขอให้เป็นการแสวงหาสิ่งที่ยังขาดอยู่ คือการศึกษาหมาหางด้วนมีแต่เรียนหนังสือกับเรียนวิชาชีพ ส่วนที่ว่าจะเป็นมนุษย์กันอย่างไรให้ถูกต้องนั้นไม่ได้เรียน โรงเรียนไหนสอนเรื่องธรรมะเรื่องความเป็นมนุษย์ก็ให้ดีที่สุดที่มนุษย์จะดีได้นั้นมันไม่มี มันไปยุติสูงสุดแค่เทคโนโลยีเพื่ออาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งนั้นเลย นี่เรียกว่ามันด้วน มันด้วน ถ้าว่าหมาหางด้วนหยาบคายนัก ก็ว่าเจดีย์ยอดด้วนก็ได้ มันเจดีย์ที่ยอดด้วนไม่น่าดูเหมือนกัน ฉะนั้นเราจึงรู้สึกตัวไว้ว่าเรากำลังอยู่ในระบบการศึกษาหมาหางด้วน วิทยาลัยของคุณหรือวิทยาลัยของพวกไหนก็ตามน่ะ อาตมาท้าทายว่ามหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาหมาหางด้วนทั้งนั้น เพราะว่าเราตามไปก้นฝรั่ง หมาหางด้วนตัวแรกน่ะเป็นที่เมืองฝรั่ง รุ่นนี้คงจะไม่ได้อ่านหนังสือ นิทานอิสปเรื่องหมาหางด้วนก็ได้เขาก็เลิกใช้ไปแล้ว หมาตัวหนึ่งไปติดกับชาวบ้านหางขาด เป็นหมาโกงมันก็เที่ยวบอกเพื่อนหมาทั้งหลายว่าหางด้วนดีกว่า สบายกว่า อะไรดีกว่าทั้งนั้นเลย ทีนี้หมาโง่ๆ ก็ชวนกันตัดหาง ปล่อยให้หมาตัวแก่ตัวฉลาดว่ามันโกง โกหก กูไม่เอา ไม่ยอมตัดก็มี แต่ว่าหมาส่วนมากยอมตัดหาง นี่มันเหมือนกับว่าในโลกนี้การศึกษาของประเทศชั้นนำในโลกมัน ตัดหางออกไปคือตัดความรู้ทางธรรมทางศาสนาออกไปแล้วก็เที่ยวบอกเพื่อนว่าดีกว่าได้เปรียบกว่า สะดวกกว่าที่จะพัฒนาบ้านเมือง เราเอาศาสนาออกไปเสียมันก็จะง่ายกับการพัฒนาบ้านเมืองจะสะสมกำลังรบจะหาวิธีเอาเปรียบอย่างไรก็ได้ง่ายดาย ตัดระบบธรรมะศาสนาออกไป ระบบฆราวาสก็ฆราวาส พระก็พระก็เกิดขึ้นแทน ไอ้ที่เรียก Sexerilysation น่ะแยกขาดกันเลยวัดก็วัด บ้านก็บ้านอย่ามาเกี่ยวข้องกัน นั่นเขาจึงถือว่าเขาจะเรียนกันแต่เรื่องบ้านเรื่องเมืองเรื่องโลกน่ะ เรียนหนังสือกับวิชาชีพเท่านั้น ส่วนเรื่องทางศาสนานั่นน่ะเป็นส่วนบุคคลใครต้องการไปหาเอาเอง ในโรงเรียนไม่มีให้ ในมหาวิทยาลัยไม่มีให้ ใครรักใครต้องการก็ไปหาเอาเองส่วนตัว นั่นแหละเรื่องธรรมะเรื่องศาสนาจึงเป็นเรื่องที่ต้องไปหาเอาเองเป็นส่วนตัว จะมีกี่คนล่ะที่จะไปหาเอาเองเป็นส่วนตัว ถ้ามันบังคับสอนอยู่ในโรงเรียนมันก็ต้องเรียนต้องรู้กันหมด แต่เดี๋ยวนี้มันปลดออกไปกลายเป็นเรื่องใครอยากเรียนไปหาเอาเองเป็นส่วนตัว มันก็มีน้อยจนศาสนาหมดไปๆ จนพวกฝรั่งนี้จะนำในความไม่มีศาสนา เขาถือว่าพระเจ้าตายแล้ว พระเจ้าตายแล้ว พระเจ้าไม่มีความหมายแล้ว พระเจ้าไม่มีประโยชน์แล้ว พระเจ้าไม่ควรจะมีอยู่ในโลก มันก็เลยใช้คำง่ายๆ พระเจ้าตายแล้ว เราก็อยู่กันโดยไม่มีพระเจ้า อะไรจะเกิดขึ้นหรืออะไรที่เกิดขึ้นแล้วคุณก็เห็นอยู่ว่ามนุษย์ที่ไม่มีพระเจ้าเป็นอย่างไร พระเจ้านั่นน่ะคือสิ่งสูงสุดที่เราจะต้องเคารพเชื่อฟัง เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้า นั่นน่ะคือพระเจ้า เดี๋ยวนี้พระเจ้าตายแล้ว คนก็สบาย มีเสรีภาพไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไร ที่จะต้องระมัดระวังศึกษา ความคิดอย่างนี้คืบคลานเข้ามาในระบบการศึกษา นักศึกษาสมัยนี้จึงสไตรค์เก่งที่สุด ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรที่จะยึดถือ ความต้องการของตนเป็นใหญ่ได้แล้วก็เป็นดี การสไตรค์บ่อยๆ ที่ไม่เคยมีในโลกมันก็มีขึ้นในโลก แม้กระทั่งในประเทศไทยของเรา ความคิดที่หุนหันพลันแล่นของผู้ที่ไม่มีศาสนานั้น แวบเดียวก็สไตรค์ แวบเดียวก็สไตรค์ แวบเดียวก็สไตรค์ นึกออกแต่สไตรค์เท่านั้นแหละอย่างอื่นนึกไม่ออก เพราะความที่ไม่มีธรรมะที่บังคับจิตใจ แล้วผลจะเป็นอย่างไรก็คอยดูไปสิ เอาสิลองสไตรค์กันหัวเดือนท้ายเดือน มหาวิทยาลัยนั้นวิทยาลัยนี้ ซีนั้นซีนี้หัวเดือนท้ายเดือนมีแต่การสไตรค์สิแล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ดูเอาเอง จึงขอให้นึกให้ดีว่ามนุษย์นี้จะเป็นมนุษย์กันได้อย่างไร คือเป็นมนุษย์ที่สมกับความเป็นมนุษย์สร้างสันติสุขสันติภาพขึ้นในโลกมันจะทำกันได้อย่างไร มีอะไรเป็นเครื่องยึดหน่วง นั่นก็คือธรรมะหรือศาสนาซึ่งเต็มไปด้วยการบังคับตัวเอง นี่เมื่อต้องการให้พูด มาขอร้องให้พูดก็ขอให้ช่วยฟังและช่วยจำ ว่าธรรมะหรือศีลธรรมทั่วไปข้อแรกก็คือการบังคับตัวเอง คนเรามันชอบเอร็ดอร่อยชอบสวยงามหวลหอมสนุกสนาน จนเสียนิสัยไม่บังคับตัวเอง อะไรๆ ก็จะเอาแต่อย่างนั้นไม่บังคับตัวเองว่าควรหรือไม่ควร จะต้องหามาโดยสุจริตอย่าคดโกงเอามาอย่างนี้มันก็ไม่บังคับตัวเอง มันก็ไปหามาในทางที่ไม่ถูกไม่ควรเพราะบังคับตัวเองไม่ได้ มันก็สนุกสนานมากเกินไป ไปเล่นหัวมากเกินไป เรื่องหนัง เรื่องละคร เรื่องกามารมณ์ เรื่องบันเทิงเริงรมย์ก็มากเกินไปไม่มีการบังคับตัวเองเลย ถ้าเป็นแบบเดิมแท้ๆ แล้วก็ขนาดนักเรียนนักศึกษาอย่างนี้ไม่ต้องมีพูดถึง ไม่ต้องมีพูดถึงกามารมณ์ สถานเริงรมย์ ไม่ไม่มีพูดถึงหรอก นี่พูดถึงระเบียบโบราณของวัฒนธรรมคือวัฒนธรรมอินเดียที่มาเป็นแม่แบบของวัฒนธรรมไทยน่ะ เขาจัดแบ่งคนไว้เป็นชั้นๆ นะ เด็กลูกเด็กๆ คลอดออกมากว่าจะเป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่ เขาเรียกว่าระบบพรหมจารี จะมีแต่เรียนกับบังคับตัวเองที่เรียกว่าพรหมจรรย์ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทางเพศอย่างเดียวหรอก อะไรๆ ที่ต้องบังคับและก็บังคับอยู่ในระเบียบวินัยอย่างดี ดังนั้นความคิดนึกเรื่องเพศ เรื่องกามารมณ์นี้มันไม่มี แล้วก็มันตรงกันข้ามกับหลักสูตร ฉะนั้นคนเหล่านั้นตั้งแต่เป็นเด็กมากว่าจะเป็นหนุ่มสาวเต็มที่น่ะ เต็มไปด้วยการเรียนระเบียบวินัย ศาสนาและบังคับให้มีศีล มีศีล อยู่ตลอดเวลา พ้นระยะนี้แล้วเขาเรียกระบบคฤหัสถ์ไปแต่งงานมีครอบครัว ทีนี้ก็ตามใจ ปล่อยตามใจ เดี๋ยวนี้เด็กๆ ของเรามันชิงสุกก่อนห่าม ทั้งเด็กหญิงและเด็กชายมันไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเริงรมย์ เรื่องกามารมณ์เร็วเกินไป การศึกษาก็ไม่ดี มันผิดหลักธรรมชาติที่ว่าไม่มีการบังคับอารมณ์เป็นพื้นฐานในชั้นแรกแห่งชีวิต ในเบื้องต้นแห่งชีวิต เพราะยินดีที่จะถือศีลสมาทาน วัฏ ปฏิบัติเคร่งครัด บังคับจิต เป็นข้อที่ ๑ แล้วจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ความผิดพลาดทุกชนิดเกิดมาจากการที่เราไม่บังคับตัวเอง พวกฝรั่งโบราณ ต้องใช้คำว่าโบราณ ฝรั่งโบราณคุยฟุ้งในเรื่องบังคับตัวเอง เข้ามาสอนคนไทยให้บังคับตัวเอง ฝรั่งกลายเป็นคนเก่ง คนดี คนวิเศษกว่าคนไทยเพราะเขามาสอนเรื่องการบังคับตัวเอง เคารพตัวเอง นับถือตัวเอง เชื่อตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้พวกฝรั่งน่ะกลายเป็นพวกที่ไม่บังคับตัวเอง ปล่อยตามกามารมณ์นำหน้าลิ่วไปเลยไม่มีการบังคับตัวเอง เพราะฉะนั้นฝรั่งเดี๋ยวนี้กับฝรั่งที่ว่าโน่นน่ะผิดกับลิบตรงกันข้าม ฝรั่งที่มีการบังคับตัวเองสมัยนั้นน่ะเขาจะไม่มีพิษมีภัยมีอะไรแก่บ้านเมืองอื่น พอมาถึงยุคฝรั่งไม่บังคับตัวเองก็มีฝรั่งที่พร้อมที่จะเป็นอาชญากรเต็มไปหมดแล้วก็จับมาขังไว้ก็เยอะแยะไปก็เห็น เพราะมันไม่มีการบังคับตัวเอง มันโกงทุกอย่างที่จะโกงได้นี่เราอย่าบูชาฝรั่งกันในแง่นี้ บูชาฝรั่งที่มีการบังคับตัวเองที่ยังดีเหมือนเดิม ฝรั่งเข้ามาสอนคนไทยเรื่องให้บังคับตัวเอง ให้เชื่อตัวเอง ให้เคารพตัวเอง พอใจตัวเอง เป็นของเขาอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ Sense Control บังคับตัวเอง Sense Respect เคารพตัวเอง Sense Contentment พอใจตัวเอง อะไรก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ทำเอง เกิดมาจากการบังคับตัวเอง นั่นน่ะยุคที่โลกยังมีความปลอดภัยสงบเย็น ให้มันเต็มไปด้วยคุณธรรมเหล่านี้ของศาสนาทุกศาสนา ไม่มีศาสนาไหนที่สอนให้ตามใจตัวเอง ทุกศาสนาในโลกที่มีเหลืออยู่นี่ล้วนแต่สอนให้บังคับตัวเอง ควบคุมตัวเองแต่ก็ไม่มีใครถือ เพราะมันไม่สนุกนี่ การบังคับตัวเอง เขาหาว่าเสียเสรีภาพไม่สนุก ปล่อยตามกิเลสดีกว่า มันจึงส่งเสริมแต่เรื่องกิเลสให้เกินความพอดีเกินความจำเป็น พอความนิยมในเรื่องนี้มันมีมากขึ้น วงการอุตสาหกรรมก็ผลิตเครื่องส่งเสริมกิเลสขึ้นขาย วัตถุอุปกรณ์ที่ส่งเสริมกิเลสกามารมณ์ก็เต็มไปหมด มันก็ยิ่งยากที่จะบังคับตัวเอง มันก็มีแต่การไม่บังคับตัวเองเต็มไปหมด โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้ ฉะนั้นอาชญากรรมจึงมีเพิ่มขึ้นเหลือประมาณโดยเฉพาะอาชญากรรมทางเพศ ในบางประเทศว่าจะมีทุกๆ ๗ นาทีต่อราย ในบางประเทศด้วยอาชญากรรมทางเพศเพราะการไม่บังคับตัวเอง เรามาดูมาดูกันไม่มีใครมาบังคับ เรามาดูกันเองว่าความจริงมันมีอยู่อย่างไร ถ้าเราบังคับตัวเองแล้วมันจะดีอย่างไร ในการงานก็จะไม่เสีย การเล่าเรียนโดยเฉพาะที่เป็นนักเรียน นักศึกษา จะไม่เสียถ้าบุคคลนั้นมีการบังคับตัวเอง อย่าให้กิเลสมาดึงออกไปหาแต่ความเหลวไหล สิ่งเหลวไหล บังคับตัวเองให้ได้ การงานก็จะดีจะมีความสุขแล้วก็จะไม่หมดเปลือง ความหมดเปลืองมันมาจากการไม่บังคับตัวเองปล่อยตามกิเลส กิเลสเอาไป ก็ดึงเอาไปทำสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงิน ต้องคดโกงหลอกลวงพ่อแม่ ไม่เรียนก็ว่าเรียน พ่อแม่ให้เงินมาเรียนเอาไปสนองกิเลสหมด เพราะการไม่บังคับตัวเอง นี่คือปัญหาที่มันมีอยู่จริง ฉะนั้นขอให้พวกเราพ้นจากปัญหาเหล่านี้ อย่าได้มีปัญหาเหล่านี้ ให้เราเป็นคนมีความสุขสวัสดี ไม่มีปัญหาเหล่านี้ เพราะเรามีการบังคับตัวเอง ข้อ ๑ คือการบังคับตัวเอง
ทีนี้ข้อ ๒ รักผู้อื่น เรารักผู้อื่นไม่ค่อยจะได้เพราะเราเห็นแก่ตัว ถ้าเราจะให้ผู้อื่น แบ่งปันอะไรให้ผู้อื่นบ้าง ก็เราหวังกำไร หวังว่าเขาจะได้ให้อะไรเรามากกว่าที่เราให้เขา อย่างนี้ยังไม่ใช่ความรักผู้อื่น ในความรักผู้อื่นโดยแท้จริงมีมูลมาจากธรรมะหรือศาสนา โดยที่เห็นว่าเพื่อนทั้งหลายเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เพื่อนเหล่านั้นก็มีปัญหาอย่างเดียวกับเราคือบังคับกิเลสไม่ได้ แล้วกิเลสก็ทำให้เสียหายหมด เพื่อนเหล่านั้นก็มีปัญหาเกี่ยวกับความแก่ ความเจ็บ ความตายเหมือนกับเรา เราก็ควรจะรักกัน หรือจะมองอย่างง่ายๆ ก็ว่าเราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ คิดดูเถอะ ถ้าสมมติว่า สมมติว่า ทั้งหมดทั้งโลกนี่เขายกให้เราหมดเลย ทั้งโลกทั้งจักรวาลก็ได้ แล้วให้เราอยู่คนเดียวนี่ เราอยู่ได้ที่ไหน แม้ว่าทั้งหมดทั้งโลกเป็นของเราแล้วเราอยู่คนเดียวโดยไม่มีผู้อื่นเราก็อยู่ไม่ได้ หรือไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ฉะนั้นเราต้องอยู่กันหลายคน เราจึงจำเป็นที่จะต้องอยู่กันได้ด้วยความรักใคร่ เดี๋ยวนี้เราไม่รักกัน ไม่รักใคร ไม่รักผู้อื่น เราเห็นแก่ตัว สร้างความเห็นแก่ตัวมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกมาจนเดี๋ยวนี้ก็ยังเห็นแก่ตัว ไม่ถูกใจหน่อยก็ฆ่าผู้อื่นได้ อยากได้ขึ้นมาก็ลักขโมยเขาได้ ฉ้อฉลได้ ยักยอกได้ หรือเผลอขึ้นมาก็ล่วงละเมิดของรักของผู้อื่นคือทำกาเม สุมิจฉาจารได้ เพราะไม่รักใคร มันโกหกก็ได้ กินน้ำเมาก็ได้ เพราะไม่รักใคร ถ้าเรารักผู้อื่นแล้วเราทำอย่างนี้ไม่ได้ ฆ่าใครไม่ได้ ขโมยใครก็ไม่ได้ ล่วงประพฤติล่วงของรักของผู้อื่นก็ทำไม่ได้ ที่มันเสียหายแก่ผู้อื่นทุกชนิดทำไม่ได้ นี่ความรักผู้อื่นเป็นอย่างนี้ ดีอย่างนั้น ถือศีลข้อเดียวหรือจะถือศีลหมดทั้งศาสนา ถือศีลรักผู้อื่นข้อเดียวนั่นน่ะ จะไม่ทำผิดศีลต่างๆ อีกหลายสิบหลายร้อยข้อ ดังนั้นไปพิจารณากันดูดีๆ เรื่องนี้ ถือศีลข้อเดียว รักเพื่อนมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วเราทำอะไรใครเดือดร้อนไม่ได้ มีศีล นี่ข้อที่ ๒ ว่าเรามันจะต้องรักผู้อื่น เมื่อรักผู้อื่นมันก็ต้องช่วยกันแหละและมันจะมีการกระทำเพื่อผู้อื่นด้วย ไม่ใช่กระทำเพื่อเราคนเดียว เราจะต้องทำให้มากด้วยความพอใจ
ดังนั้นข้อที่ ๓ นี่เรามีความเห็นชัดว่า การทำหน้าที่ของมนุษย์นั้นคือการปฏิบัติธรรมะ มนุษย์คนไหนมีหน้าที่อย่างไรขอให้ทำให้ดีเถิดนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมะ ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็เรียนให้ดีที่สุดเลยนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมะ ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ก็สอนให้ดีที่สุดเลยนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมะ เป็นชาวนาก็ทำนาให้ดีที่สุดเลยนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมะ เป็นชาวสวน เป็นพ่อค้า เป็นข้าราชการ เป็นอะไรก็ตามในทางสูงขึ้นไป ทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุดนั่นคือการปฏิบัติธรรมะ แม้จะมองมาในทางต่ำ แจวเรือจ้าง กวาดถนน ถีบสามล้อ ล้างท่อสกปรก ก็คือธรรมะ ถ้าเขาทำอย่างที่เป็นหน้าที่ของมนุษย์ เขาจะรู้สึกเป็นสุขไม่รังเกียจเดียดฉันท์ว่าทำไปพลาง ร้องเพลงไปพลาง รู้สึกเป็นสุข เมื่อแจวเรือจ้าง เมื่อถีบสามล้อ นั้นเขาก็สนุกก็ทำได้มาก ถ้าเขาไม่สนุกเขาก็ต้องทิ้งไปขโมย ก็ทิ้งการงานที่เขาไม่ชอบนี้ไปขโมยดีกว่า แต่ถ้าเขาเห็นว่าทุกสิ่งนี้เป็นการปฏิบัติธรรมะ เขาก็ทำสนุก เขาก็ทำได้ ทำสำเร็จ ก็ได้ผลตอบแทนเลี้ยงชีวิตได้ ไม่ต้องขโมย ไม่ต้องไปเป็นขโมย ถ้าเขาทำอย่างนี้เรื่อยๆ ไปก็จะมีเงินเหลือใช้ ตั้งตัวก็ได้ ไม่ต้องถีบสามล้ออีกต่อไปก็ได้มันจะมีอะไรมากขึ้นๆ ขอให้ถือว่าการทำหน้าที่ของตนนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมะ ถ้ารู้สึกอย่างนี้ก็ทำได้มาก เมื่อทำได้มากก็ได้ผลมาก ได้ผลมากมันก็กินใช้ไม่หมด เหลือกินเหลือใช้เหลือเก็บ มันก็ไปช่วยผู้อื่นได้ นี่เศรษฐกิจระบบเศรษฐกิจของพระพุทธเจ้าหรือของธรรมะมีอยู่อย่างนี้ แต่คนสมัยนี้เขาไม่เอา เขาจะเห็นว่าเป็นเศรษฐกิจบ้าก็ได้ เศรษฐกิจสมัยนี้คือโกงให้มากที่สุด นั่นแหละคือเศรษฐกิจ โกงทุกอย่างนั่นคือเศรษฐกิจ แปลว่าเศรษฐกิจของธรรมะก็คือทำงานให้สนุกเป็นสุขในการทำงาน เมื่อทำได้มากมีผลมาก กิน ใช้ เก็บแต่พอดีให้มีเหลือไปจุนเจือผู้อื่นให้จงได้ แม้ว่าเราจะมีอาชีพถีบสามล้อ ถ้าทำสนุกจะมีผลเป็นเงินเป็นทอง เก็บ กิน ใช้ แล้วยังมีส่วนเหลือที่จะไปช่วยเหลือผู้อื่นบาทสองบาทก็ได้มันทำได้อย่างนั้น นี่ระบบเศรษฐกิจของธรรมะของศาสนา ไม่ใช่ว่าผลิตก็โกง ขายก็โกง ส่งก็โกง อะไรก็โกง โกงกันจนยุ่งกันไปหมด ดูเรื่องที่กำลังมีอยู่ในโลก เรื่องน้ำตาลก็ดี เรื่องมันสำปะหลังก็ดี เรื่องอะไรก็ดี มันล้วนแต่เป็นเรื่องให้ยุ่งยากลำบากใจเป็นตายกันทั้งนั้น เพราะมันไม่มีธรรมะในระบบชีวิต ไม่คิดว่าทุกคนเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายของเรา นี่เรามีหลักธรรมะอย่างนี้ คือบังคับตัวเอง รักผู้อื่น การทำงานคือการปฏิบัติธรรม
อีกสักข้อหนึ่งเพราะเวลามีน้อย คือว่าคิดที่จะใช้ชีวิตที่เรามีอยู่นี้ให้ดีที่สุดที่มันจะดีได้ เราเกิดมาเป็นมนุษย์มีความหมายอย่างไร มันจะดีได้อย่างไร ก็จะเป็นมนุษย์ให้ดีที่สุดได้เต็มตามนั้น เวลาที่เหลืออยู่ข้างหน้ามันก็ไม่ใช่มากมายนัก มันไม่กี่สิบปี ถ้าไม่ดีจริงไม่ถูกจริงก็ไม่ทันล่ะ จะไม่เป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะดีได้ มันอยู่ที่ว่าเราไม่รู้ เพราะว่าไอ้ที่ดีที่สุดของมนุษย์ที่จะดีได้นั้นคืออะไร เราไม่เข้าใจเรื่องมรรค ผล นิพพาน ซึ่งเป็นเรื่องปลายสุดของชีวิตมนุษย์ ไม่เข้าใจเราไม่ต้องการ เราเห็นว่าเรื่องมรรค ผล นิพพาน เป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ของคนแก่ คนหนุ่มคนสาวไม่ต้องการ ต้องการแต่ว่าจะเอร็ดอร่อย สนุกสนานเพลิดเพลินทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นก็เป็นนิพพาน คนก็เคยโง่อย่างนี้มาแล้ว คุณอย่าคิดว่าความคิดใหม่นี้ของคุณเลย ในบาลีแท้ๆ ก็มีเรื่องนิพพาน มีพวกที่เอากามารมณ์เป็นเรื่องนิพพานมาแล้วตั้งแต่ก่อนพุทธกาลโน่น สองพันกว่าปีโน่น มีคนคิดว่าได้สมหวังทางกามารมณ์เป็นนิพพาน อย่างนี้เขาก็เคยคิดกันมาแล้ว แล้วมันไปไม่รอด คือมันไม่เย็น คำว่านิพพานแปลว่าเย็น นิพพานแปลว่าเย็น เย็นเพราะไม่ร้อน เพราะไม่มีร้อน คือไม่มีกิเลส เมื่อไม่มีกิเลสมันก็เย็น เช่นคุณนั่งอยู่ที่นี่เวลานี้มันบังเอิญกิเลสไม่เกิดมันก็เย็น พอลองมีกิเลสเกิดสิ ราคะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง เดี๋ยวมันก็ร้อนเองแหละ เมื่อใดไม่มีกิเลสเป็นไฟขึ้นมาในใจเราก็เย็นนั่นคือนิพพาน เราต้องการนิพพานคือความเย็นในชีวิตอย่างนี้ เดี๋ยวนี้เรามีบ้างนิดๆ หน่อยๆ ชั่วขณะ ไม่พอและเราก็ไม่สนใจด้วย ขอให้ความเย็นอย่างนี้มันยาวออกไป ยาวออกไป เป็นชั่วโมง เป็นชั่วโมง จนกระทั่งว่าตลอดเวลา พระอรหันต์บรรลุนิพพานนั้นไม่มีอะไรนอกจากว่าชีวิตของท่านเย็นติดต่อกันตลอด ๒๔ ชั่วโมงทุกวันๆ ไม่มีกิเลสเกิดขึ้นให้ร้อน นั้นน่ะจุดที่สุด จุดสูงสุดของความเป็นมนุษย์มันอยู่ที่เย็นตลอดเวลาเรียกว่านิพพาน จะเอาหรือไม่เอาก็คิดดู อยากจะเอาร้อนจะลองดูก็ได้ เวลายังมี ลองไปมั่วสุมกับราคะ โทสะ โมหะ ให้มันเข้มข้น มันก็จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความร้อนนั้นก็เรียกว่านรกแหละ ความเย็นก็เป็นนิพพาน สวรรค์ก็มันเพียงแต่ว่าสนุกสนานไปด้วยความร้อนน่ะ ร้อนอย่างสนุกเรียกว่าสวรรค์ ร้อนอย่างทนทุกข์เรียกว่านรก ถ้าเย็นแล้วก็เป็นนิพพาน เวลาใดเราไม่มีกิเลสน่ะ สังเกตดูดีๆ เวลาใดไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ไม่มีอะไรรบกวนใจ ไม่มีอะไรหนักอกหนักใจแล้วมันเย็นอย่างไร ก็ช่วยสนใจให้มาก มันจะพบแล้วมันจะชอบแล้วมันจะขยายตัวออกไปมาก นี่จุดหมายปลายทางของมนุษย์คือความเย็นแห่งชีวิต ชีวิตที่เย็น ชีวิตที่เบา เดี๋ยวนี้เรามีน้อยเกินไป เราต้องการให้มากขึ้นๆ ให้เต็มขึ้น จนเรามีพอเป็นที่พอใจ ถึงไม่เป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ขอให้มีความเย็นนี้พอสมควร ตามสมควรที่มนุษย์ธรรมดาสามัญควรจะมี ถ้าเป็นพระอรหันต์มันก็ดีที่สุดแล้ว มันก็เย็นถึงที่สุดแล้ว เราไม่เปลี่ยนแปลงด้วย ถ้าทุกคนในโลกมันอยู่ด้วยความเย็นอย่างนี้ มันก็ไม่มีปัญหา อันธพาลไม่มี อะไรที่เป็นอันเลวร้ายมันไม่มี มันอยู่กันเป็นสุขนี่คือผลของธรรมะ ผลของศาสนา เราเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ขอให้ตั้งใจว่าอย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เลย เกิดมาเป็นมนุษย์ทีหนึ่งนี่ขอให้ได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ใช้คำว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ คือไม่เหลือวิสัย ธรรมชาติสร้างมาให้ไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ก็คือชีวิตที่เยือกเย็น เยือกเย็น ชีวิตที่เบา สบาย ชีวิตที่เกลี้ยง ชีวิตที่ไม่มีความทนทุกข์ทรมาน ครั้นเราพบอย่างนี้แล้วเราก็สอนเพื่อนมนุษย์ของเราให้ได้พบบ้าง นี่เรียกว่าไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาคนเดียว เราพบสิ่งที่ดีที่มีประโยชน์แล้วก็สอนผู้อื่น เช่นเราตั้งสมาคมธรรมะ ชุมนุมอบรมธรรมะในวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัยอย่างนี้ ก็เพื่อจะขยายความรู้อันนี้ออกไปถึงผู้อื่น หรือว่าตัวเราเองด้วยก็ได้พร้อมๆ กันไปก็ไม่เสียหายอะไร จึงหวังว่าท่านนักศึกษาทั้งหลายจะรู้จักสถานการณ์ตามที่เป็นจริง ที่มีอยู่นี้ให้ครบถ้วนให้ถูกต้อง นับตั้งแต่ว่าการศึกษาของมนุษย์ในโลกยังเป็นการศึกษาหมาหางด้วน ไม่อาจจะแก้ปัญหาอะไรได้ เรามาต่อหางหมากัน หยาบคายมากไหม เรามาต่อหางหมากัน เป็นคำที่หยาบคายมาก ไม่รู้จะใช้คำอะไรให้ประหยัดเวลา คือการที่คุณมาหาธรรมะใส่ลงไปในชีวิตนั่นแหละคือการต่อหางหมา มันยังขาดอยู่จริงๆ นี่เพราะว่าเรียนกันแต่หนังสือกับวิชาชีพ ฉะนั้นมีเวลาเมื่อใดก็ศึกษาธรรมะที่วัดก็ได้ ที่บ้านก็ได้ ที่โรงเรียนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เอาเรื่องธรรมะมาศึกษาเป็นกลุ่ม เป็นชุมนุม เป็นชมรม เป็นอะไรก็แล้วแต่จะเรียก ฉะนั้นศึกษาธรรมะกันเพื่อเพิ่มสิ่งที่มันยังขาดอยู่ พวกฝรั่งเขาไม่เอาหรอก เราจะไปหวังให้พวกฝรั่งเอาและนำหน้าเราอย่างแต่ก่อนนั้นเป็นไปไม่ได้ เขานำหน้าเรามาตั้งแต่ขณะที่การศึกษาหมาหางด้วน ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต่อหางหมาเอาเอง หาโอกาสศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรมะ ให้มีธรรมะ แล้วเราจะรอดตัว นี่ขอพูดตรงๆ อย่างนี้เพื่อประหยัดเวลา และขอให้คำแนะนำอย่างนี้แล้วไปคิดเอาเองไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องเชื่อทันที ไปดูเอาเอง มันมีเหตุผล มีจะมีประโยชน์แล้วจึงค่อยเชื่อแล้วจึงค่อยทำ
เอาละในที่สุดนี้ก็ขอแสดงความยินดีอีกครั้งหนึ่ง ที่ท่านทั้งหลายมาที่นี่ มาในลักษณะอย่างนี้ แม้ไม่เคยคิดว่าจะมาต่อหางหมา มันก็เป็นการต่อหางหมาอยู่โดยในตัวอัตโนมัติ คุณไม่ได้คิดจะมาต่อหางหมาแต่ถ้าคุณทำอย่างนี้มันจะเป็นการต่อหางหมาอยู่ในตัวมันเองโดยอัตโนมัติ คือได้รับความรู้เรื่องธรรมะไปเพียงพอที่จะไปดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ธรรมะคือตัวธรรมชาติ ธรรมะคือตัวกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือตัวหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือความสุขที่เราได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ ดังนั้นสรุปความว่าธรรมะนั้นคือการปฏิบัติให้ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเรา การปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเรา ควรจำให้แม่นยำว่าธรรมะคือการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเรา เพื่อให้มีความเจริญขึ้นไปตามลำดับแห่งขั้นตอนของวิวัฒนาการของเรา เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่มสาว เป็นพ่อบ้านแม่เรือน เป็นคนเฒ่าคนแก่ จนกระทั่งเข้าโลงนี่ เรียกว่าขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ ขอให้มีความถูกต้องทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการนั้นคือมีธรรมะ ขอให้ได้เข้าใจ รู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ธรรมะในลักษณะอย่างนี้จะมีประโยชน์ แล้วเราก็จะมีธรรมะชนิดที่ทำให้ชีวิตนี้ไม่บกพร่อง ให้ชีวิตนี้เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ควรจะมี เรียกว่าได้รับสิ่งที่มนุษย์ควรจะได้รับ ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เลย ในที่สุดนี้ขอแสดงด้วยความหวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจ คงจะมองเห็น และคงจะเชื่อบ้าง ที่มองเห็นแล้วก็จะเชื่อ แล้วก็จะกล้าหาญ ทำและปฏิบัติธรรมะ ปฏิบัติธรรมะไม่ต้องกลัวว่าใครจะหาว่าเชย คนโง่มันจะหาว่าเชยก็ตามใจมันเถอะ การปฏิบัติธรรมะมันไม่มีเชยหรอก เราไม่ต้องกลัวว่าใครจะหาว่ามันเชย เพราะมันเห็นอยู่จริงๆ ว่ามันเป็นอย่างนี้ แล้วก็ปฏิบัติธรรมะเพื่อแก้ปัญหาอย่างนี้แล้วมันก็ไม่เชย มีแต่จะถูกต้อง ไปถึงจุดหมายปลายของชีวิตได้ก่อนคนที่มัวแต่หลงโง่ว่าธรรมะเป็นของเชย ขอให้ความตั้งใจนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ขอให้กล้าหาญ ต้องการความกล้าหาญไม่กลัวใครว่าเชย ขอให้มีความกล้าหาญดำรงตนอยู่ในธรรมะแล้ว จงได้ประสบพบความสุขสวัสดีอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ.