แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ศีลประกอบด้วยสรณาคมณ์ เพื่อไม่ให้เป็นเรื่องว่าแต่ปาก เป็นนกแก้วนกขุนทองมากเกินไป เธอก็ควรจะรู้จักสรณาคมณ์ โดยความหมายให้ชัดเจนถูกต้อง มิฉะนั้นจะเป็นเรื่องว่า ว่าแต่ปาก ว่าแต่ปากแล้วไม่มีความหมาย และมันก็ไม่เป็นพุทธบริษัท คือมันได้รู้ด้วยหัวใจ สรณาคมณ์ของบุคคลที่เขาก็รู้จัก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ดีแล้ว เขาจึงขอ ประกาศว่า ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลานี้เราไม่รู้จัก ถึงขนาดนั้น แล้วก็มามีธรรมเนียม ประเพณี ให้บอกและให้ท่อง เหมือนกับสอนให้นกแก้วนกขุนทองพูด และเราก็ไม่มีเวลาพอที่จะอธิบายกันให้ละเอียดได้ แต่ขอให้เธอทำในใจให้ถูกต้อง เมื่อว่าสรณาคมณ์ พระพุทธเป็นสรณะ พระธรรมเป็นสรณะ พระสงฆ์เป็นสรณะนั้น ควรจะรู้ถึงตัวจริง คือถึงพระองค์ของท่าน อย่าได้ท่องแต่ปากเลย พระพุทธเจ้านั้นโดยสรุปนั้นก็คือผู้ที่รู้เรื่องการดับทุกข์ และก็ตั้งพระศาสนาไว้ สำหรับให้พวกเราได้ศึกษาและปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ เพราะดับทุกข์ได้นั้นจึงมีประโยชน์มาก ทำให้คนทั้งโลกดับทุกข์ได้ เราจึงยอมรับ ถือเอาเป็นสรณะ เมื่อเธอว่าพุทธัง สรณัง คัจฉามิในใจ เธอต้องนึกถึงพระองค์ ที่ช่วยคนทั้งโลกดับทุกข์ได้ ก็นี่เมื่อพูด ธรรมัง สรณัง คัจฉามิ นึกถึงคำสอนของพระองค์นั่นแหละ เมื่อปฏิบัติแล้วมันดับทุกข์ได้ คำสอนระบบหนึ่งเมื่อปฏิบัติตามแล้วดับทุกข์ได้นั้นคือพระธรรม เมื่อเราว่าธรรมัง สรณัง คัจฉามิ ขอให้เล็งถึงสิ่งนั้น แล้วสังคัง สรณัง คัจฉามินี้ เธอต้องรู้ถึงพระสงฆ์ คือผู้ที่ปฏิบัติได้ ตามที่พระพุทธองค์แนะนำสั่งสอนและดับทุกข์ได้ หมายความว่าคนกลุ่มใหญ่ก็ดับทุกข์ได้ เป็นผู้ประเสริฐ คนหมู่ใหญ่ คณะใหญ่ พระพุทธเจ้า พูดภาษาธรรมดาว่า องค์เดียว นั่นก็ว่าระบบหนึ่ง พระสงฆ์นี่ คนหมู่ใหญ่ๆ นับไม่ถ้วน นับไม่ไหว จนกระทั่งบัดนี้ นับไม่ไหว ไม่รู้กี่หมื่น กี่แสน กี่ล้าน ที่ได้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า และดับทุกข์ได้นี่ เราก็ถือเอาเป็นตัวอย่าง เป็นสรณะด้วย เมื่อปากพูดถึงพระพุทธก็ให้นึกถึงพระพุทธไปด้วยถูกต้อง เมื่อพูดถึงพระธรรมก็นึกถึงพระธรรมให้ถูกต้อง เมื่อพูดถึงพระสงฆ์แล้วก็นึกถึงพระสงฆ์ให้ถูกต้อง มันก็จะสรณาคมณ์
แต่ก่อนที่จะสรณาคมณ์ ก็มีตั้งนโมก่อน นี้เป็นธรรมเนียมๆ ในยุคปัจจุบันนี้ ครั้งพุทธกาลนั้นไม่เห็นมี แต่ว่าเริ่มพิธีด้วยการตั้งนโมก่อนนี้เป็นธรรมเนียมในบ้านเรา ประเทศเรา หรือในประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียงประเทศเรา ในภายหลังนั้นต้องตั้งนโมก่อน ตั้งนโมมันคือเป็นการเตรียม เริ่มอรัมปคาถา คือเตรียมเนื้อเตรียมตัวเพื่อจะทำพิธีอะไรสักอย่าง ก็ตั้งนโมก่อน เธอจำไว้เป็นหลักว่าจะทำอะไรเป็นจริงเป็นจังเป็นชิ้นเป็นอันตั้งนโมก่อนเสมอ ก็ไม่ใช่พูดแต่ปากๆ ต้องรู้ความหมายแหละว่าเรากำลังระลึกถึงด้วยความนอบน้อมในพระพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอรหันต์ ตรัสรู้ชอบเอง พูดให้ชัดเจนให้ถูกต้อง อย่าว่า ร เป็น ล ล เป็น ร ถึงพระเค้าจะพูด ร เป็น ล ล เป็น ร พวกเธอเด็กๆก็อย่าไปตาม มันผิด พระบางองค์เค้าว่า นโมตัสสะ ภควโต อลหโต ว่า ร เป็น ล อย่างนี้อย่าไปตาม เค้าพูดผิด พยายามศึกษาไว้ด้วยว่าอย่างไหนพูดถูก อลหะโต ก็แด่พระอัลลาห์แหละ นะโมตัสสะ ภควโต อลหโต นั้นแด่พระอัลลาห์ผู้มีพระภาค ตรัสรู้ชอบเอง แล้วมันก็กลายเป็นอิสลามไปเสียแหละ เพราะฉะนั้น อย่าพูด ร เป็น ล ล เป็น ร เป็นอันขาด พูดให้ดี พระก็พระเถอะ อย่าพูด พละ เอาที่นี้พูดตามเรา
นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธทัสสะ
นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธทัสสะ
นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธทัสสะ
พุทธัง สรนัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ
สังคัง สรรัง คัจฉามิ
ทุตติยัมปิ พุทธัง สรนัง คัจฉามิ
ทุตติยัมปิ ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ
ทุตติยัมปิ สังคัง สรรัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ พุทธัง สรนัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ สังคัง สรรัง คัจฉามิ
ติสรณัง ธัมมัง นิติตัง
แล้วที่นี่เราจะกล่าวศีล จะรับศีลห้า
ข้อที่หนึ่งนั้น ถือให้หมด ให้กว้าง ให้ครบ ให้ถ้วน แล้วก็ว่า ไม่ประทุษร้ายชีวิต ร่างกาย ของผู้ใด ฟังให้ดีนะข้อที่หนึ่ง ปาณาติปาตา ไม่ประทุษร้ายชีวิต ร่างกาย ของผู้ใด สัตว์ใดที่มีชีวิต ประทุษร้ายชีวิต คือทำให้เขาตาย ประทุษร้ายร่างกาย คือทำให้เขาเจ็บปวด เราจะไม่ประทุษร้ายชีวิตและร่างกายของเขาโดยวิธีใดก็ตาม นี้ข้อนี้ ข้อที่สอง อทินณาธาณา เราจะไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของเขา ทรัพย์สมบัติของเขาทุกชนิด ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ อยู่ที่ไหน อยู่นอกบ้าน อยู่ในบ้าน อยู่นอกนา อยู่ที่ไหนก็ตามใจทรัพย์สมบัติ ของเขา เราจะไม่ประทุษร้าย ทรัพย์สมบัติของเขา สูญเสียไปจากเจ้าของ คือเราขโมยเอามาเสียก็ดี หรือทำลายของเขาก็ดี นี่ไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่นโดยประการใดๆ
ข้อที่สาม กาเม ไม่ประทุษร้ายของรัก ของชอบใจ ของผู้อื่น ไม่ว่าโดยประการใดๆ สิ่งที่เป็นของรักของผู้อื่น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเพศ เรื่องหญิง เรื่องชาย เรื่องชู้เรื่องสาว ของอะไรที่เขารัก อย่าไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ แม้แต่ของใช้ ของเล่น ของอะไรที่เขารักมาก อย่าไปทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ แม้แต่ดินสอปากกาของเพื่อน เขารัก เขาเพิ่งได้มาใหม่ๆแล้วแพงเขาหวงนี่ อย่าไปจับไปต้องไปลูบคลำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ นั่นแหละถูกแล้ว อย่าประทุษร้ายของรักของชอบใจของผู้อื่น ให้เจ้าของเขาเจ็บใจช้ำใจ
มุษา อย่าประทุษร้าย ความชอบธรรม ความยุติธรรม ของผู้ใดโดยใช้ วาจาของเราเป็นเครื่องมือ ก็คือไม่พูดให้ผู้อื่นเสียประโยชน์ๆ โดยคำที่มันไม่จริง
ข้อที่ห้า อย่าประทุษร้ายสติ สัมปดีของเราเอง พอดื่มของเมาเข้าไปแล้ว สติสัมปดีมันเสีย เหมือนคนบ้าพักหนึ่ง ของเมาทุกชนิด ทุกชนิดเลย ไม่ยกเว้นสักชนิดเดียว จะเป็นเรื่องกิน เรื่องดูด เรื่องสูบ เรื่องทา เรื่องฉีด เรื่องอะไรก็ตามใจ มันเป็นของเมา เสพเข้าแล้ว ย่อมสูญเสีย สติสัมปดีของตนเอง ดังนั้นข้อห้า เราอย่าทำลายสติสัมปดีของเราให้เสียไป ว่าข้อไหนให้ใจระลึกถึงข้อนั้น ดังที่ได้อธิบายมาแล้ว
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
พูดให้มันพร้อมกว่านี้ ให้ชัดกว่านี้ พร้อมกว่านี้ อย่าให้มันรัว
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
มันไม่เคยเรียนบาลี มันพูด ปาณาติปาตา เว กันทั้งนั้น ก็ต้องหยุดระหว่าง ตา กับ เว
อะทินนาทนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
อืมไอ้ นา เว้นแล้วค่อย เว ถ้ารู้หนังสือดีก็ว่าอย่างนั้น รู้หนังสือไม่มี อ่านจำวรรคมันติดกัน เป็นคนไม่รู้หนังสือ อ่านข้ามวรรค
กาเมสุมิฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
ยังโง่อยู่หลายคน บางคนฉลาดแล้ว บางคนรู้จักเอา เว ไว้ทีหลัง แล้วไม่ติด บางคนยังโง่ ไม่ฟังให้ดี
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
ไม่ค่อยพร้อม ไม่เก่ง
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาธิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
ไม่พร้อม ไม่เรียบร้อย ไม่รักความไพเราะ เรียบร้อย ว่าเป็นไล่ควาย ฮุยๆ ไปเสียหมด เอาทีนี้รวบทั้งห้าข้อ เราจะสมาธานทั้งห้าข้อ ว่า วิสุงๆ ต่างคนต่างรักษาของตนๆ ไม่รับผิดชอบร่วมกัน
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปทานิ สะมาธิยามิ (นักเรียนกล่าวตาม)
เอาว่าใหม่ อิมานิ ปัญจะ สิกขาปทานิ สะมาธิยามิ
(นักเรียนกล่าวตาม)
เอาตั้งใจกล่าวดี เพราะๆ สามครั้ง สามหน
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปทานิ สะมาธิยามิ (นักเรียนกล่าวตาม)
สามครั้ง (นักเรียนกล่าวตาม)
จำนวนมากไม่กล่าว กล่าวกันอยู่สองสามคน เอาใหม่
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปทานิ สะมาธิยามิ (นักเรียนกล่าวตาม)
ไปซักซ้อมกันเสียใหม่ กล่าวให้พร้อมๆ ให้เป็นนักเรียนให้เป็นนักศึกษา อย่ากล่าวแบบคนป่าเถื่อน ในที่สุดเค้าบอกประโยชน์ของศีล ศีลเลนะ นะสุขะเลยันติ ถึงสุขคติเพราะศีล ศีลนะ ละโพ สขัมปทา มันจะมีทรัพย์สมบัติเพราะศีล ศีลเลนะ ปุตติงยันติ จะถึงนิพพาน นิพพาน ความดับเย็น เพราะศีล ปป (นาทีที่ 15:40) สมาสีล วิโสติเย เธอทั้งหลายจงชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์ เพราะเหตุนั้น นี่เป็นการรับศีลและสรณาคมณ์เสร็จแล้ว ที่นี้จะถึงเทศน์หรือบรรยาย เด็กๆ กล่าวอาธารนาธรรม เป็นหรือไม่ จะกล่าวหรือไม่กล่าว จะกล่าวหรือไม่กล่าว ถ้ากล่าวก็กล่าว หรือให้เด็กกล่าวก็ได้
(เด็กๆกล่าวอาราธนาธรรม)
ควรจะหาโอกาส ซักซ้อมกันเสียกล่าวกันให้พร้อมๆกันทุกคน ว่าชัดเจนทุกคน กล่าวพร้อมๆกันแล้วไพเราะ นี่ก็แสดงว่า กล่าวเป็นสรภัญญะก็ได้ แต่บางคนไม่กล่าว
อ้าวต่อไปนี้จะได้แสดงธรรมคาถา เรื่องของธรรมะแก่พวกเธอทั้งหลายที่เป็นนักเรียน เราต้องศึกษาธรรมะเพื่อให้การศึกษาของเราสมบูรณ์ เดี๋ยวนี้เค้าเรียนกันแต่หนังสือและวิชาชีพ สองอย่างเท่านั้น การศึกษาไม่สมบูรณ์ เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นมนุษย์กันอย่างไร การศึกษาไม่สมบูรณ์ ดูเหมือนจะเป็นกันทั้งโลกเสียแล้ว เรียนกันแต่หนังสือกับวิชาชีพ เป็นการศึกษาที่ไม่สมบูรณ์สำหรับจะเป็นมนุษย์ เราจึงมาศึกษาธรรมะ คือการศึกษาส่วนที่สาม ที่ว่าจะเป็นมนุษย์กันอย่างไร นี่เพื่อให้การศึกษาของเราสมบูรณ์ คนพวกอื่นหรือชาติอื่นเขาไม่ศึกษากัน ก็ตามใจเขา แม้ในบ้านเรา แม้ว่าพวกอื่นเขาไม่ศึกษาธรรมะกันก็ตามใจเขา เพราะเขาไม่รู้ว่า เขามีการศึกษาไม่สมบูรณ์ เราเคยเปรียบเสียว่าเป็นหมาหางด้วน ไม่น่าดู ถ้าศึกษาไม่สมบูรณ์เป็นการศึกษาหมาหางด้วน หรือว่าจะเปรียบอีกทีหนึ่งก็ว่าเป็นการศึกษายอดด้วน เหมือนพระเจดีย์ยอดด้วน ไม่น่าดู อะไรๆที่มันด้วนแล้วมันไม่น่าดู เธอจงพยายามทำให้มันสมบูรณ์ ไอ้ที่เรามาที่นี่ มาจากบ้านไกลเสียค่ารถ เสียเวลา เสียแรงงาน ก็มาเพื่อทำให้การศึกษาสมบูรณ์ อย่าให้เป็นหมาหางด้วน อย่าให้เป็นพระเจดีย์ยอดด้วน ถึงเธอจะต้องฟังให้ดีๆ ให้มันได้ไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ได้ มันยังด้วนอยู่อย่างเดิม แล้วมันจะกลายเป็นคนโง่ ที่เสียเงินเสียเวลา เสียเรี่ยวแรง เสียอะไรต่างๆ แล้วได้รับประโยชน์ไม่คุ้มกัน เพราะฉะนั้นต้องฟังให้ดีๆ ต่อเมื่อฟังอย่างดี จึงจะฟังถูก เข้าใจ ได้สติ ได้ปัญญาความรู้ไป ขอให้ฟังให้ดี เรารู้แต่หนังสือ รู้ทำมาหากินอย่างนี้ไม่พอ เพราะเรายังไม่รู้จักเป็นมนุษย์ที่ดี ที่มีความสุข บางคนรู้หนังสือเป็นอันธพาลก็มี เพราะมันไม่รู้ธรรมะ คนร่ำรวยเป็นอันธพาล เป็นคนบ้า เป็นคนดุร้าย เป็นคนเลวก็มี เพราะมันไม่มีธรรมะ รู้แต่หนังสือกับวิชาชีพจึงยังไม่พอ เราต้องรู้ธรรมะด้วยเพื่อให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นมนุษย์นี่ หมายความว่า มีจิตใจอยู่เหนือความทุกข์ ถ้าจิตใจยังมีความทุกข์อยู่ ยังไม่เป็นมนุษย์ ตามความหมายที่ถูกต้อง มนุษย์ก็แปลว่า จิตใจมันสูง สูงอยู่เหนือความทุกข์ เหนือปัญหา เหนือไอ้สิ่งที่เลวร้ายทั้งปวง คนที่รู้หนังสือกับที่รู้วิชาชีพ ยังไม่อยู่เหนือปัญหา เพราะว่ายังมีความทุกข์ หรือพูดกันง่ายๆก็ว่า ยังไม่เป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง พูดให้ง่ายกว่านั้นอีกก็ว่า ยังไม่เป็นคนดี คือยังทำอะไรผู้อื่นเดือดร้อนอยู่ ถ้าว่าเป็นคนดี ก็ไม่ต้องทำใครเดือดร้อน ไม่ต้องทำใครให้เดือดร้อน จำไว้เถอะว่า ถ้าเป็นคนดี ไม่ต้องทำใครให้เดือดร้อน ถ้าเป็นบุตรที่ดี ก็ไม่ทำบิดามารดาให้เดือดร้อน รำคาญใจ ถ้าเป็นศิษย์ที่ดีเป็นนักเรียนที่ดี ก็ไม่ทำครูบาอาจารย์ให้เดือดร้อนรำคาญใจ ถ้าเป็นเพื่อนที่ดีก็ไม่ทำให้เพื่อนเดือดร้อนรำคาญใจ ถ้าเป็นพลเมืองที่ดี ก็ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ถ้าเป็นสาวกหรือพุทธมามะกะที่ดี ก็ไม่ทำให้ศาสนาของพระพุทธเจ้าเสียหาย นั้นเราจะถือเอาหลักง่ายๆ จำง่ายๆ ซึ่งเธอฟังทีเดียวก็พอจะจำได้ คือมันง่ายนั้นว่า เราจะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เราจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เราจะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน โตขึ้นเดี๋ยวนี้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ถ้าดีครบทั้งห้าอย่างนี้แล้วเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องสมบูรณ์ งั้นขอให้ทุกคนไปทดสอบ ตรวจสอบของตัวเองดูเองก็ละกันว่าเรา เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาแล้วหรือยัง เราเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์แล้วหรือยัง เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนแล้วหรือยัง จะเป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้าต่อไปข้างหน้าหรือไม่ จะต้องทดสอบเอาเอง ถ้าเรายังทำให้บิดามารดาร้อนใจก็เรียกว่าเราไม่เป็นบุตรที่ดี ทำให้บิดามารดาเดือดร้อนคือเหลวไหล การเล่าเรียนไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ใช้เงินเปลือง ทำแต่เรื่องเหลวไหล ทำบิดามารดาเดือดร้อน อย่างนี้เรียกว่า ไม่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ถ้าพูดตรงๆ ก็เรียกว่ามันเสียชาติเกิดแหละ มันไม่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา มันก็เสียชาติเกิด งั้นระวังข้อนี้ให้มาก อย่าทำให้บิดามารดาร้อนใจเพราะเรา เด็กบางคนทำให้บิดามารดาถึงกับน้ำตาตก มันเลวที่สุด มันถึงกับทำบิดามารดาน้ำตาตกมันก็คือเลวที่สุด เพียงแต่ทำให้บิดามารดากระวนกระวาย เดือดร้อนระส่ำระสายนี่มันก็เลวแล้ว ไม่ดีแล้ว จะต้องสมาธานสัจจะอฐิษฐานกันสักข้อหนึ่งว่า บุตรคือผู้ที่เกิดมา เพื่อให้บิดามารดา สบายใจ ฟังให้ดีสิ บุตรหรือลูกคือผู้ที่เกิดมาเพื่อทำให้บิดามารดาสบายใจ บุตรคือผู้ที่เกิดมาเพื่อทำบิดามารดาให้สบายใจ ถ้าไม่ทำบิดามารดาให้สบายใจ ไม่ขึ้นชื่อว่า บุตร ไม่ชื่อว่า ลูก เพราะมันเป็นของสกปรกอะไรอันหนึ่งก้อนหนึ่งออกมาให้บิดามารดาเดือดร้อนมันไม่ใช่ลูก ไม่ใช่บุตร ทุกคนจะต้องอฐิษฐานอย่างมั่นคงว่า บุตรคือผู้ที่เกิดมาสำหรับทำให้บิดามารดาสบายใจ จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ทำได้ไหม ว่าพร้อมๆกัน บุตรคือผู้ที่เกิดมาสำหรับทำบิดามารดาให้สบายใจ (นักเรียนกล่าวตาม) รู้เอาเองทำบิดามารดาร้อนใจ ทำบิดามารดาน้ำตาตกมันไม่ได้เป็นบุตร มันไม่ได้เป็นลูก มันเป็นก้อนสกปรกเลวร้าย อันใดอันหนึ่งออกมาสำหรับทำให้บิดามารดาร้อนใจ
ข้อถัดไปว่าเราจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ในโลกนี้ก็มีบุคคลจำพวกหนึ่งที่เรียกว่า ครูบาอาจารย์ มีหน้าที่ทำให้เด็กมีความรู้ดี ประพฤติดี เป็นเด็กที่ดี คนที่มีหน้าที่อย่างนี้ เค้าเรียกว่าครูบาอาจารย์ มีอยู่ในโลกมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ โลกนี้มันต้องมีบุคคลประเภทนี้ เพื่อช่วยทำให้ เด็กๆนี่ได้รับการศึกษาอบรมที่ดี เพราะบิดามารดาเค้ามีเรื่องมาก มีธุระมาก เค้าไปทำหากิน ไม่ค่อยมีเวลาที่จะอบรมเด็ก ถึงมีบุคคลประเภทหนึ่ง จัดไว้สำหรับอบรมเด็ก เรียกว่า ครูบาอาจารย์ นี้มาแต่โบรงโบราณ แรกมีมนุษย์ เพราะฉะนั้น ครูบาอาจารย์คือผู้ที่ทำให้เรา ได้รู้สิ่งที่ควรจะรู้ รู้หนังสือก็ดี รู้อาชีพก็ดี รู้ความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องก็ดี นี้เรียกว่าครูบาอาจารย์ หากถ้าไม่มีครูบาอาจารย์อยู่ในโลกนี้ เด็กๆ ก็จะโง่กว่านี้ เพราะไม่ได้มีใครมาสั่งสอนอบรม งั้นครูบาอาจารย์มีหน้าที่สั่งสอนอบรมให้เด็กๆ เป็นเด็กที่ดี เมื่อเด็กทุกคนดี ไอ้โลกนี้มันก็ดีแน่ เพราะเด็กทุกคนดี โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนดีในโลกๆนี้ก็ดี เป็นโลกที่ดี ถ้าเด็กไม่ดี โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ไม่ดี โลกๆนี้มันก็เป็นโลกไม่ดีเพราะมันเต็มไปด้วยคนที่ไม่ดี งั้นก็จึงถือว่า ครูบาอาจารย์นี่มีบุญคุณมาก ครูบาอาจารย์มีบุญคุณมาก เพราะว่าจะทำให้โลกดีได้ หรือว่าครูบาอาจารย์ไม่ดี ทำหน้าที่ไม่ ครูบาอาจารย์เหลวไหล ก็ไม่ดีเหมือนกัน แต่เค้าไม่ได้ตกลงกันอย่างนั้น เค้าไม่ได้ยึดถือกันอย่างนั้น เค้ายึดถือกันว่าครูบาอาจารย์ ต้องมีเมตตามีปัญญาอบรมเด็กให้ดี และเด็กดีก็เป็นคนที่ทำให้โลกนี้มันดี เพราะโลกนี้ดีมีความสงบสุข มันจึงมีค่ามีคุณค่า และมันสำเร็จเพราะครูบาอาจารย์ ดังนั้นเค้าจึงถือว่าครูบาอาจารย์เป็นผู้มีพระเดชพระคุณอย่างใหญ่หลวง อยู่เหนือเกล้าเหนือเศรียรของคนทุกคน จึงจะถูกต้อง จึงจะยุติธรรม เค้าจึงให้ทุกคนเคารพครูบาอาจารย์ เมื่ออยู่ในโรงเรียนเคารพ ออกจากโรงเรียนเคารพ เคารพจนตายกันเลย จนตายจากกันเลย เธอจะต้องรู้ไว้ว่า จะเป็นครูเป็นอาจารย์เป็นลูกศิษย์กันจนกระทั่งตาย และเราก็เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ถือว่ามีบุญคุณ ทำให้จิตให้วิญญาณของเรามันดี มันมีความสุข ถูกต้อง และในที่สุดก็ทำให้มนุษย์ทั้งโลกนี่มันดี เพราะว่า มันเต็มไปด้วยคนที่ดี นี่ครูบาอาจารย์เค้าสอนธรรมะ คือทำให้เด็กเป็นเด็กดี เป็นคนดีในโลกและโลกนี้มันก็ดี คำว่าดีหมายความว่าไม่มีใครเป็นทุกข์ ไม่ใช่ดีอย่างคนโง่ ยึดถือกันดีสวยงามสนุกสนานเอร็ดอร่อยว่าดี นั้นคนโง่ มันดี แต่ว่าดีของคนมีปัญญานั้น หมายความว่าไม่มีใครเป็นทุกข์เลย สักคนหนึ่ง ทุกคนได้รับความสุข กันทุกๆฝ่าย อย่างนี้เค้าเรียกว่า ดี ดีตามทางธรรมะ ดีตามในทางศาสนา มันเป็นอย่างนี้ งั้นขอให้เราเตรียมตัวเพื่อให้เราเป็นคนดี ทุกคนในโลก โลกนี้มันจะได้ดี ช่วยกันสร้างโลกให้ดี เดี๋ยวนี้เรายังไม่รู้ ยังไม่มีความรู้เราก็ต้องเคารพเชื่อฟังครูบาอาจารย์ ที่จะเป็นผู้สอนให้รู้ เรายังเพิ่งเกิดมา เรายังไม่ได้เล่าเรียนอะไรมาก เราก็ยังไม่ได้ผ่านสิ่งต่างๆมามาก เราจึงยังไม่รู้ งั้นเค้าจึงสอนให้เด็กๆ ทุกคนเคารพเชื่อฟังครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์คนแรกชั้นแรก คือบิดามารดานั้นเอง บิดามารดาสอนลูกจนหมดความรู้จะสอน ก็มอบให้ครูบาอาจารย์ที่โรงเรียน ก็สอนๆๆไปจนเป็นชั้นๆ สูงๆ ขึ้นไป นี่ครูบาอาจารย์ทำให้มีความรู้ สูงขึ้นไปๆ ที่มนุษย์มันจะดีกันได้ เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นศิษย์มีครู เธอจงทำตนให้เป็นศิษย์มีครู แล้วก็จะมีความเจริญ เรารับคำสอนของครูบาอาจารย์มาอย่างดีที่สุด แล้วเรามาค้นหาเพิ่มเติมเอาอีก เอามารวมกันเข้ามันก็ยิ่งดีที่สุด ถ้าเราไม่เคารพครูบาอาจารย์ จิตใจของเราก็จะกระด้าง และจิตใจชนิดนี้ มันก็ไม่ยินดีที่จะได้รับคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ มันเป็นจิตใจที่กระด้าง แม้มันจะเรียนอยู่ทุกวัน จิตใจมันกระด้างมันก็ไม่เคารพครูบาอาจารย์ ทั้งที่มันรู้เรียนอยู่ทุกวัน งั้นเด็กที่เลวในชั้น มันก็คือเรียนอยู่ทุกวันแต่มันไม่รับเอาคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ได้ เราเห็นข้อนี้แล้วเราจงกลัว อย่าให้เป็นคนเลว ระมัดระวังอย่าให้ตัวเป็นคนเลว ให้ดี โดยถ่ายทอดวิชาความรู้ มาประพฤติตัวให้ดี ตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนไว้อย่างไร นี่เรียกว่าเราเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์
ที่นี้ข้อสาม ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ ถ้าเราเป็นเพื่อนที่เลวก็ลองดูสิ ทุกคนนี่เป็นเพื่อนที่เลวต่อกันดูสักทีเถอะ เกิดอะไรขึ้น มันก็จะวินาศแหละ ถ้าทุกคนแต่ละคน มันเป็นเพื่อนที่เลวต่อกันและกันแล้วมันก็ทำลายล้างกัน มันเป็นอันว่าวินาศกันไปหมด เราต้องมีเพื่อนเพราะว่า ไม่มีใครอยู่คนเดียวในโลกได้ สมมุติว่าทั้งโลกนี้ นี่ทั้งโลก เค้าให้เราหมดเลย มอบให้เราหมดเลย ยกให้เราหมดเลย ให้เราอยู่คนเดียว ที่นี้เธอจะทำยังไง ทุกอย่างในโลก ทั้งโลก ทุกโลกในโลก เค้ายกให้เธอ ให้เธออยู่คนเดียวในโลก มันจะมีประโยชน์อะไร มันก็ไม่รู้จะดีกว่าใคร หรือมันไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์แก่ใคร มันเลยเหลวหมด งั้นเราต้องอยู่กันอย่างมีเพื่อนที่มีชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อน ให้ดีที่สุดเค้าเรียกเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ในทางพระศาสนา คำว่าเพื่อน เค้าหมายความว่า เราเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ทุกคนก็เกิดมา ทุกคนก็แก่ ทุกคนก็เจ็บ ทุกคนก็ตายนี่ ไม่มีใครที่ไม่เป็นอย่างนี้ มันเป็นอย่างนี้กันทุกคน เค้าจึงถือว่าเป็นเพื่อนเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เรามาเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ดังนั้นเราจึงทำร้ายกันไม่ได้ จะชกต่อยกันไม่ได้ วิวาทกันไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ไอ้เรื่องนี้มันละเอียดมาก ถ้าว่าคนไม่สังเกต ไม่สนใจแล้วมันก็ไม่ค่อยจะรู้ ว่าการมีเพื่อนที่ดีนั้นนะมันดีมาก ดีกว่าไม่มีเพื่อนที่ดี เธอลองนึกดูว่าถ้าทุกคนเป็นเพื่อนกัน โลกนี้มันจะเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนเป็นศัตรูต่อกัน แล้วโลกนี้มันจะเป็นอย่างไร โลกนี้มันจะเป็นอย่างไร เลือกเอาเองก็ได้ว่า ทุกคนเห็นหน้ากัน แล้วทำร้ายกัน เป็นศัตรูต่อกัน แล้วจะอยู่กันอย่างไร ถ้าทุกคนเป็นเพื่อนกันเห็นหน้ากันแล้ว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รักใคร่กัน แล้วโลกนี้มันจะเป็นอย่างไร นี่คิดเห็นได้เอง ธรรมชาติมันบังคับให้เราต้องเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ดังนั้นเราก็ต้องเป็นเพื่อนกันให้แท้จริง ให้มันสมบูรณ์เต็มที่ ตามที่ธรรมชาติมันกำหนดมาอย่างนี้ ว่าเราก็เกิดมาก็แก่ เราก็เจ็บ เราก็ตาย งั้นเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันก็จะช่วยกันสร้างความสุขขึ้นมา อยู่ด้วยกันอย่างผาสุข ถ้าเราเป็นเพื่อนที่เลวต่อกัน เราชกต่อยกันทุกวัน แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเราไม่ช่วยเหลือกัน เห็นเพื่อนมันตายลงไปต่อหน้า เราก็ไม่ช่วยเหลือมันนี่ แล้วอะไรมันจะดีขึ้นมาได้ ถ้าเรามีเพื่อนดี อะไรนิดก็ช่วย นิดก็ช่วย เรามีธุระอะไร เพื่อนกรูกันเข้ามาช่วย มันจะดีหรือไม่ดี คิดดู ถ้าเรารักเพื่อนของเราแล้วโลกนี้มันก็เต็มไปด้วยความรักแหละ ถ้าเราเกลียดผู้อื่น โลกนี้มันก็เต็มไปด้วยความเกลียด เพราะมันคนอยู่มากด้วยกัน มีอยู่ล้านคน มันก็มีความรักล้านหนึ่งแหละ ถ้าเราเกลียดกัน มันก็มีความเกลียดอยู่ล้านหนึ่งแหละ แล้วแต่มันอยู่กันกี่ล้านคน เรามาดูให้ดีว่า อยู่กันอย่างไร ในการจะเป็นเพื่อน เราอยู่กันอย่างไร เราก็อยู่กันอย่างนั้น เพื่อเป็นผลดี ให้มุ่งหมายเสมอไว้ว่า เราต้องเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายแก่กันและกัน จนวาระสุดท้าย นี่ข้อที่สาม
นี้ข้อที่สี่ เราโตขึ้นจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ข้อนี้มันต้องเข้าใจคำว่าประเทศชาติ ถ้าเราเรียนรู้ไม่พอว่า ประเทศชาติคืออะไรนี่ เราก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน ประเทศชาติคือการอยู่กันอย่างเป็นล่ำสรร มั่นคง ปลอดภัย ป้องกันศัตรูได้ นี่ประเทศชาติ เรามีประเทศคือแผ่นดินสำหรับจะทำมาหากิน จะอยู่อาศัย และเราก็มีชาติ คือว่ามันเป็นพวกเดียวกัน ชาติเดียวกัน พวกเดียวกัน มันก็สามัคคีกันอย่างเข้มแข็ง เราอยู่กันในแผ่นดิน ซึ่งเป็นของเราอย่างผูกพันกัน อย่างเข้มแข็งอย่างนี้ เรามีประเทศชาติ มันก็ยากที่ศัตรูจะมาข่มเหงได้ จำเป็นที่ต้องมีประเทศชาติ ทุกคนเป็นสมาชิกของประเทศชาติ เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ตัวเธอขึ้นทุกวันๆ จนกระทั่งว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แล้วก็คิดดูเองเถอะว่าตอนนั้นแหละว่า เราจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติหรือไม่ หรือว่าเราจะเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ไม่มีใครจงรักภักดีต่อชาติ ซึ่งประเทศชาติ รวมทั้งศาสนา มหากษัตริย์ แล้วแต่ที่เค้าบัญญัติ ให้มันเนื่องกัน แต่เราเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ ทำประเทศชาติให้เป็นของอันเดียวกัน เดี๋ยวนี้เรายังไม่ได้รักใคร่กัน หรือจะเป็นพลเมืองเลว ของประเทศชาติด้วยซ้ำไป ที่เห็นๆกันอยู่ที่ผิดพลาดมากที่สุดคือว่าประชาชนกับรัฐบาลนี่ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ยังเห็นว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นมึงเป็นกู เป็นอยู่ระหว่างประชาชนกับรัฐบาล คือประชาชนยังเกลียดชังรัฐบาลอยู่ก็มาก อยู่ก็มี อย่างนี้เรียกว่าไม่มีประเทศชาติที่มั่นคง เพราะว่าเค้าไม่เข้าใจว่ารัฐบาลคืออะไร รัฐบาลคือผู้ที่ทำงานให้เรา ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ และก็จัดให้คนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้จัดการ การงานให้เรา งั้นเราจะไปเป็นข้าศึกกับรัฐบาลได้อย่างไรล่ะ รัฐบาลคือผู้ที่ช่วยจัดการประเทศชาติของเราให้เรา แต่ว่าเราจะต้องเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ แล้วผู้ที่ทำหน้าที่รัฐบาลเค้าก็จะจัดการได้สะดวก โดยง่ายดายแหละ เราก็ได้อยู่กันเป็นผาสุขในประเทศชาติ รอดชีวิต รอดชาติรอดชีวิตของตัวเรา รอดชีวิตของชาติคือเป็นเอกราชไม่ต้องไปเป็นขี้ข้าของใคร นี่เรียกว่าเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ
นี้ข้อสุดท้ายข้อที่ห้าว่าเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา ใครจะถือศาสนาไหนก็ได้ ถือพุทธ ถือคริสต์ อิสลาม ถือศาสนาไหนก็ได้ เค้าก็จะมีพระศาสดาแห่งพระศาสนาของเขา แล้วเค้าก็เป็นสาวกของพระศาสดาแห่งศาสนาที่เขาถืออยู่ แล้วเค้าต้องเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาแห่งศาสนาที่เขาถืออยู่ นี่เป็นสาวกที่ดีคือประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ให้ตรงตามหลักของศาสนานั้นๆ นี่ทุกศาสนาสอนเหมือนกันอยู่หลายอย่างนะ ส่วนที่สำคัญๆ แล้วสอนเหมือนกันทั้งนั้นแหละทุกศาสนา ข้อปลีกย่อยไม่ต้องคำนึงก็ได้ แต่ว่าข้อสำคัญทุกศาสนา จะสอนให้รักผู้อื่น ไปเปิดดูเถอะว่า ในวันข้างหน้าเมื่อเล่าเรียนมากขึ้น ศึกษาศาสนาอื่นๆ แล้วก็เปิดดูจะพบว่า ให้รักผู้อื่น ถ้ามีพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้รักผู้อื่น ถ้าถือว่ามีพระเจ้า ก็รู้แต่ว่าพระเจ้าแห่งศาสนานั้นต้องการให้คนรักผู้อื่น พระพุทธเจ้าก็สอนให้รักผู้อื่น เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายนี้ เพราะว่าเมื่อรักผู้อื่นแล้ว มันจะหมดปัญหา ข้อนี้นักเรียนทุกคนจงจำไว้ให้ดีว่าถือศีลข้อเดียวพอ ถือศีลรักผู้อื่น ข้อเดียวพอ ถ้าไม่โง่เกินไป ก็คงจะเข้าใจได้ว่า พออย่างไร เราถือศีลข้อเดียวคือรักผู้อื่น พอรักผู้อื่นเราฆ่าใครไม่ได้ เราประทุษร้ายใครไม่ได้ ถ้าเรารักผู้อื่น ถ้าเรารักผู้อื่นเราขโมยของใครก็ไม่ได้ ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของใครก็ไม่ได้ นี่ถ้าเรารักผู้อื่น เราก็ล่วงกาเมของใครไม่ได้ จะล่วงเกินของรักของผู้ใดไม่ได้ เพราะเรารักเขา ถ้าเรารักผู้อื่น เราก็โกหกให้เขาเสียประโยชน์ไม่ได้ เพราะเรารักเขา ถ้าเรารักผู้อื่นก็ไม่ดื่มกินของเมา เขารำคาญให้เขาเสียหายให้เขาเกลียดชัง คนกินเสพดื่มของเมา ทำให้ผู้อื่นลำบาก ลำบากตา ลำบากใจ ลำบากหลายๆอย่าง เพียงแต่เห็นก็ไม่อยากเห็นแล้ว งั้นอย่าดื่มกินของเมาให้ผู้อื่นรำคาญ ถ้าเรารักเขาเราก็ทนได้ เราไม่สูบบุหรี่ให้เขาเหม็นควันถ้าเรารักเขา เราไม่ทำอะไรให้เขาเกลียด มันจะกินของเมา วิธีใด สิ่งใดก็ตาม มันเป็นที่เกลียดชังของคนอื่น ถ้าเรารักเขาแล้ว มันก็ไม่มี งั้นศีลห้าก็ครบบริบูรณ์ โดยเราถือศีลเพียงข้อเดียวคือถือศีลรักผู้อื่น พระศาสดาทุกพระศาสนาสอนให้เรารักผู้อื่นทั้งนั้น งั้นเรารักผู้อื่น รักหมด สรรพสัตว์ทั้งหลายเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย แล้วเราก็รู้ว่า เราต้องช่วยกัน ช่วยกันทั้งโลก นี่เรียกว่า ตามความประสงค์ของพระศาสดา ต้องการให้เรารักกันทั้งโลก เราก็เป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา ไม่ทำอะไรให้ผิดความประสงค์ของพระศาสดา แล้วมันจะดีหมดแหละ ถ้าเราเชื่อฟังพระศาสดา ปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา เราก็กลายเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เพราะมันสอนตรงกัน เราเชื่อฟังพระศาสดา เราก็กลายเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เรื่องมันเนื่องกันและมันก็ตรงกัน เราเชื่อฟังพระศาสดา เราก็รักเพื่อนของเรา ไม่มีการชกต่อยทะเลาะวิวาทกัน เราก็เป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันได้ ถ้าเราเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา ถ้าเราเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา เราก็เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เพราะพระศาสดาสอนให้รักผู้อื่น งั้นเธอจงกำหนดจดจำไว้ให้ดีว่า เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา นี่เรียกว่าดี ดีอยู่ห้า เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี นี่มันถึงห้าอย่าง มันก็เลยเหลือกินเหลือใช้ ถ้ามันดีครบทั้งห้า มันก็จะไม่มีใครเป็นทุกข์ ลำบากเลย แม้แต่สักคนเดียว พระศาสดาในพระพุทธศานานี้ สอนให้ถึงกะว่า มีจิตใจอยู่เหนือความเกิดแก่เจ็บตายได้ เหนือความทุกข์ทั้งหลายได้ นั้นเป็นชั้นสูง ชั้นไกลอยู่ข้างหน้า ไม่ต้องพูดถึงเดี๋ยวนี้ก็ได้ แต่ให้เธอรู้ไว้ว่า พระศาสดาแห่งพระพุทธศาสนานี้ สอนให้คนดับทุกข์สิ้นเชิง ชั้นลึกชั้นละเอียดคือกิเลสทั้งหลาย ความทุกข์อันละเอียดทั้งหลายก็ดับได้ ถ้าเราเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา เราก็จะดับทุกข์ได้ โดยประการทั้งปวง นี่มันดีอย่างนี้
งั้นเธออุตส่าห์มาจากที่ไกล ลำบากเสียเวลา เสียเงินเสีย ลงทุนมาที่นี่ เราก็ยินดี ในการที่เธอมาถึงที่นี่ ด้วยความหวังอย่างนี้ ก็ขออนุโมทนา ขอให้รับประโยชน์ที่ดี อย่างเพียงพอกลับไปบ้าน ๆ ด้วยความรู้ที่ดี เพื่อจะไปประพฤติดี และได้รับผลดี เราต้องมีความรู้เสียก่อน เราจึงจะทำอะไรได้ หรือประพฤติได้ ถ้าเราทำอะไรได้ แล้วเราก็ได้รับผล เหมือนเธอต้องอุตส่าห์ศึกษาให้เข้าใจ มีความรู้ความเข้าใจแล้วไปประพฤติปฏิบัติ ครั้นประพฤติปฏิบัติแล้ว ก็ได้ผล ได้ผลของการประพฤติปฏิบัติ นี่เค้าเรียกว่าไม่เสียที ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้รับประโยชน์เต็มตามที่มนุษย์ควรจะได้มี เรียกว่าไม่เสียทีที่เกิดมาไง นั้นแหละระหว่างที่เป็นเด็กก็ประพฤติดีที่สุด ในฐานะที่เป็นเด็กเป็นยุวชน นั้นเค้าเรียกว่าพรหมจารี ไอ้ก่อนแต่งงาน นี่เค้าเรียกว่าพรหมจารี ตั้งแต่คลอดออกมาจนถึงที่เค้าเรียกว่าก่อนแต่งงาน ตอนนี้เรียกว่าพรหมจารีหรือธรรมจารี คือประพฤติดี ประพฤติดี ประพฤติประเสริฐ ขอให้เด็กๆทุกคนดำรงตนอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า ประพฤติประเสริฐ ไม่มีความเลวร้าย เพราะว่าระหว่างที่เป็นเด็กนี่ ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดี เพื่อจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี งั้นเด็กๆยังไม่ต้องนึกอะไรมาก นอกจากเตรียมตัวไว้ให้ดี ศึกษาเล่าเรียนให้ดี เชื่อฟังให้ดี อดกลั้นอดทนให้ดี อย่าทำให้บิดามารดาเดือดร้อน อย่าทำให้ครูบาอาจารย์เดือดร้อน เรายอมอดกลั้นอดทน เรายอมลำบาก อดกลั้นอดทน อย่าให้บิดามารดาต้องเดือดร้อน อย่าให้ครูบาอาจารย์ต้องเดือดร้อน อย่าให้เพื่อนของเราต้องเดือดร้อน นี่เราต้องอดกลั้นอดทน ระหว่างที่บวชเรียนนี่ มันเป็นความอดกลั้นอดทน เป็นเด็กนักเรียนอยู่ในโรงเรียนต้องอดกลั้นอดทน มาบวชเณรก็ต้องอดกลั้นอดทน มาบวชพระก็ต้องยิ่งอดกลั้นอดทน เป็นพรหมจารี คือผู้ที่กำลังประพฤติตามระเบียบวินัย อยู่อย่างอดกลั้นอดทน ถ้าไม่มีความอดกลั้นอดทนมันเหลวหมด นักเรียนลองไม่มีอดกลั้นอดทนดู จะเรียนอะไรไม่ได้จะล้มเหลวหมด และอยู่เป็นอันธพาล ในที่สุดก็จะตายอย่างสุนัขตัวหนึ่งแหละ ลองดูเถอะ ลองไม่อดกลั้นอดทน ไม่อยู่ในระเบียบวินัยให้ดีนี้ มันจะต้องล้มเหลวหมด เรียกว่าเธออยู่ในวัยพรหมจารี ต้องยินดีสมัครอดกลั้นอดทน แข่งขันกันอดกลั้นอดทนในการทำดี แม้เราจะต้องอดทนจนน้ำตาไหล จะไม่ทำบิดามารดาให้เดือดร้อน จะไม่ทำให้ครูบาอาจารย์เดือดร้อน จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จนกว่าจะหมดเขตพรหมจารี เค้าก็ไม่มีครอบครัวแต่งงาน มีลูกมีหลานต่อไปอีก ก็รับช่วงต่อๆกันไปอีก แต่ถ้าเราทำให้ดีตอนเด็ก เป็นเด็กนี้ไม่ได้แล้วก็ไม่มีทาง ที่จะไปเป็นบิดามารดาที่ดี จะไปการสมรส มีครอบครัวที่ดี เป็นไปไม่ได้ มันต้องเตรียมให้พร้อม ให้ดีที่สุดเมื่อยังเป็นยุวชนนี้ ยังเป็นเด็กนี้ ให้ดีไปจนถึงไอ้ที่ต่อกัน พอหมดเรื่องของพรหมจารีแล้ว ก็เป็นเรื่องของคฤหัสถ์ครองบ้าน ครองเรือนมีครอบครัวก็จะดี แล้วก็จะเป็นคฤหัสถ์ที่ดี คือเป็นบิดามารดาที่ดี จะได้ดูแล อบรมสั่งสอนลูกที่จะเกิดมาให้ดี มันก็ดีต่อๆกันไปอีก แล้วบิดามารดานั้นก็ไปเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ดี สอนลูกสอนหลานได้ หรือว่าเค้าจะหาความสงบสุขสบายใจก็ได้ เพราะว่าเค้าได้ทำครบถ้วนแล้ว เค้าได้เป็นมนุษย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์ครบถ้วนแล้ว เค้าจะไปหาความสงบเค้าก็หาได้ จิตใจมันจะได้ความสงบ แต่ถ้าเค้าทำไว้แต่ความเลว มีแต่ความเลว ความเลวมันรบกวนเค้าอยู่เรื่อย เค้าจะไม่มีเวลาที่จะหาความสงบใจที่จะมีความสุขได้ เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ทรมาน อยู่ด้วยความไม่ดีที่ตนกระทำ มันก็เข้าโลงไปอย่างไม่ดี มันก็ตายไปอย่างไม่ดี ถ้าเกิดใหม่มันก็เกิดอย่างไม่ดี เรื่องมันเป็นอย่างนี้ งั้นฉันจึงว่าเธอทั้งหลาย พยายามนึกถึงตัวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ จงพยายามให้ได้ ความเป็นมนุษย์ ให้ได้ความเป็นมนุษย์ ได้ความเป็นมนุษย์ที่ดี ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์ที่ไม่ดีก็ไม่เรียกว่า มนุษย์หรอก ถ้าเป็นมนุษย์ถูกต้องครบถ้วนมันก็ต้องดี ไหนๆ เราก็ได้เกิดมาแล้ว เราก็ต้องจัดให้มันดี เพื่อได้เป็นมนุษย์ที่ดี และก็ตามลำดับชั้น เป็นมนุษย์ที่ดีตามลำดับชั้นที่เราพูดไปแล้วว่ามีอยู่ห้าชั้น
ชั้นที่หนึ่งเป็นบุตรที่ดี ของบิดามารดา ชั้นที่สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ชั้นที่สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ชั้นที่สี่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ชั้นที่ห้าเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาแห่งศาสนาของตน นี่จบตรงนี้จบ อะไรมันจะดีหมดเลยถ้าได้เป็นสาวกที่ดีแห่งพระศาสนา ของพระศาสดาแห่งศาสนาของตน เอาที่นี้เธอดู วัดแต่ละวัด วัดไหนเค้าก็มีกิจการอย่างเดียวกันหมดแหละ ที่จะอบรมคนให้ดี อย่างวัดนี้ วัดนี้เรารับรองได้ว่า มีหลักการมีแผนการ มีวิธีการ มีการกระทำอยู่ ล้วนแต่เพื่อให้ทุกคนดี ให้มีพระดี ให้มีเณรดี ให้มีอุบาสก อุบาสิกาดี ตามความมุ่งหมายของการที่มีวัด มันจะแก้ปัญหาทั้งโลกได้ ถ้าว่ามนุษย์ทุกคนเป็นมนุษย์ที่ดี เดี๋ยวนี้โลกกำลังมีปัญหารบราฆ่าฟันเดือดร้อนกันไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมันไม่ดี เพราะมันเห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัว มันเอาประโยชน์ของตัวเป็นใหญ่ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น มันก็ได้แย่งชิงกัน และมันได้รบราฆ่าฟันกัน มันขยายไปเป็นสงครามในโลกเพราะความเห็นแก่ตัว เราเห็นแก่ตัวเราก็ไม่รักผู้อื่น ก็ทำผิดหมด ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว เราอาจจะรักผู้อื่น และก็ทำถูกหมด งั้นจงดูให้ดีว่าความเห็นแก่ตัวนั้นมันเป็นสิ่งที่เลว เป็นสิ่งที่เลวร้าย เป็นสิ่งที่ร้ายกาจ สำหรับผู้เห็นแก่ตัว มันทำความชั่วได้ทุกอย่างเลย มันเห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัวเอง ไม่เห็นแก่ใคร อะไรที่มันอยากได้มันก็เอา มันอยากได้ ไม่ได้โดยตรงมันก็จี้ปล้น ขโมย หรือมันก็อยากได้เกินขอบเขตที่ควรจะได้ อยากได้ในทางที่ไม่ควรจะได้ มันก็เดือดร้อนไปหมด พอมันไม่ได้ตามที่มันควรจะได้ ตามที่มันอยากจะได้มันก็โกรธมันก็ฆ่าคนอื่น มันก็อาละวาด นี่คนโง่ เป็นคนโง่ ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม มันไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม จึงหวังว่าเด็กทั้งหลาย เด็กๆทั้งหลาย นักเรียนทั้งหลาย ยุวชนทั้งหลายนี่จะมองเห็นทุกอย่างที่ได้พูดมาแล้ว ว่าเราเกิดมาทำไม เป็นบุตรเป็นลูก คือเป็นอะไร เป็นบุตรเป็นลูกคือว่าเกิดมาสำหรับทำให้บิดามารดาสบายใจ โดยการที่เราเป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี นี่ขอให้ทุกคน ยุวชนนักเรียนนักศึกษาทุกคนได้ความแน่ใจเช่นนี้ ได้ความเข้าใจเช่นนี้ ฝังติดเข้าไปในจิตในใจกลับไปบ้าน ให้กลับไปบ้าน ด้วยการฝั่งแน่นอยู่ในใจ ถึงความรู้ ที่ได้ยินได้ฟังเดี๋ยวนี้ ว่าเราเกิดมาทำไม เราจะต้องทำอย่างไร ขอให้แน่ใจ แน่นแฟ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว ให้ความรู้ความเข้าใจ ความเชื่อเป็นความแน่ใจที่ไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว ที่เราจะเป็นพรหมจารีดี ให้ตลอดระยะของเราเป็นพรหมจารี กว่าที่เราจะถึงวัยสมรสแต่งงานมีครอบครัวเป็นคฤหัสถ์ที่ดี และต่อไปก็จะเป็นบิดามารดาที่ดี เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ดี เป็นผู้สั่งสอนคนชั้นหลังได้อย่างดี มันเป็นชั้นๆๆๆ แล้วก็ไม่เหมือนกันเลย คนแก่ที่ดีมันมีประโยชน์มากแหละเพราะเค้ารู้อะไรหมด เพราะเค้าเกิดมาจนแก่แล้วเค้าก็รู้ เพราะได้ผ่านไป แล้วเค้าก็มาสอนเราได้ งั้นเคารพเชื่อฟัง บิดามารดา ครูบาอาจารย์ คนเฒ่าคนแก่ ถ้าเกิดไม่เคารพคนเฒ่าคนแก่นั่นก็แปลว่ามันเดินผิดทางแล้ว ความเห็นแก่ตัวมันมากแล้ว ความเห็นแก่เอร็ดอร่อยแก่ปากมันมากแล้ว มันไม่เคารพใครแล้ว ไม่เคารพบิดา ครูบาอาจารย์ พระเจ้าพระสงฆ์ คนเฒ่าคนแก่ แล้วมันไม่เคารพหมด มันเคารพแต่กิเลสของมัน ในที่สุดมันก็ต้องวินาศแหละ ไม่ต้องมีใครแช่งมันก็วินาศเอง เพราะมันทำผิด สิ่งเลวร้ายมันก็ประดังมาหาคนนั้นเอง คนนั้นมันก็ต้องวินาศ ไม่ต้องสงสัย เราจึงพูดว่าขอให้แน่ใจ ขอให้แน่ใจ เปลี่ยนไม่ได้ ความแน่ใจนี้ เปลี่ยนไม่ได้ เราจะอยู่ข้างฝ่ายความถูกต้องเสมอไป เปลี่ยนไม่ได้ แล้วให้มันถูกต้องเสมอไปจนกว่าจะแก่จะชราจนกว่าจะดับจิต สิ้นชีวิต ให้มันดีถึงวินาทีสุดท้ายเลย นี่เรื่องที่จะพูดวันนี้ มันก็มีเท่านี้ ขอย้ำอีกทีหนึ่งว่า ยินดีในการมาของเธอทั้งหลาย สู่สถานที่นี้ เพื่อว่าเราจะได้พูดกันถึงเรื่องที่ดีมีประโยชน์ แล้วเธอก็ได้ฟังเอาไปประพฤติปฏิบัติให้สมกับที่เป็นมนุษย์ที่ดี ที่อยากจะเตือนให้จำไว้ ก็ว่าเดี๋ยวนี้ เรานั่งกันกลางดิน ช่วยจำให้ดี วันนี้นั่งกลางดิน ในลักษณะอย่างนี้พูดกันถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด เหมือนกับแผ่นดิน แผ่นดินนี่เป็นหลักฐาน เป็นสำคัญที่สุดสำหรับเป็นที่ตั้งอาศัยแห่งสิ่งที่มีชีวิต เรามานั่งกันบนแผ่นดิน เราพูดถึงเรื่องสิ่งที่ดีที่สุด สำคัญที่สุดคือ เรื่องพระธรรม เรื่องพระธรรมของพระพุทธเจ้า มันก็มีความหนักแน่น มีประโยชน์ มีอะไรเหมือนกับแผ่นดิน แผ่นดินแท้ๆ นี้สำหรับกาย พระธรรมเป็นแผ่นดินเหมือนกัน แต่สำหรับใจ แผ่นดินของร่างกายก็คือแผ่นดินที่นั่งอยู่นี้ แผ่นดินของจิตใจคือธรรมะ ที่เราจะรู้และปฏิบัติต่อไป นี้เป็นแผ่นดินสำหรับจิตใจ ทั้งกายทั้งใจของเรามีแผ่นดินที่ดีได้อาศัยและก็ปลอดภัย มีแต่ความถูกต้องอย่างเดียว ช่วยจำไว้ด้วย ที่มีประโยชน์มากอีกข้อหนึ่งก็คือ จำไว้ว่าพระพุทธเจ้าเอง ท่านก็ประสูติกลางดิน พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้กลางดิน พระพุทธเจ้าท่านสอนสาวกของท่านกลางดิน พระพุทธเจ้าท่านนิพพานกลางดินในที่สุด ถ้าใครระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างนี้อยู่แล้ว คนนั้นจะไม่ประมาทเลย เค้าจะไม่ประมาทเลย เค้าจะยิ่งเคารพรักพระพุทธเจ้ามากขึ้น ว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน พระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดิน พระพุทธเจ้าสอนกลางดิน พระพุทธเจ้านิพพานกลางดิน ทั้งหมดนั้นเพื่อประโยชน์แก่เราทุกคน ทั้งหมดนั้นเพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง การที่ท่านมาประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน นิพพานกลางดิน อยู่ที่นี่ ไม่ไปเกิดซะในเทวโลก พรหมโลกนั้น ท่านมาอยู่กันกลางดินกะเรานี่ เพื่อประโยชน์แก่เรา เพื่อประโยชน์แก่ทุกคนในโลก งั้นทุกคนควรจะเป็นสัตว์กตัญญู เป็นสัตว์กตัญญูรู้บุญคุณพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า อย่าเป็นสัตว์เนรคุณซะเลย เราไม่รับรู้เราก็ทำตรงกันข้าม ก็เป็นสัตว์เนรคุณ แต่ถ้าเรารับรู้ทำให้ตรงตามคำสั่งสอนของพระองค์ เราก็เป็นสัตว์กตัญญู รู้พระคุณ ทำให้สมกันกับที่พระองค์มีพระคุณ แล้วประโยชน์ทั้งหมดนั้น กลับมาได้แก่เรา เป็นความสุขความเจริญของเรา มีพระศาสดาเป็นที่พึ่ง เห็นว่าพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งจริง เห็นว่าพระธรรมเป็นที่พึ่งจริง พระสงฆ์เป็นที่พึ่งจริง เมื่อเราได้ผ่านไปถึงขั้นนี้แล้ว เราจะเห็นจริง ที่นี้เราก็จะอยากพูดว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ จริง ขอให้เธอจำไว้ ขอฝากไปด้วย และสั่งวันหนึ่งถือจะพอใจ เธอจะเห็นว่าจริง และก็จะพอใจ ในสิ่งสิ่งนี้ คือพระธรรมสำหรับมนุษย์ทุกคน จะต้องรู้ จะต้องปฏิบัติ แล้วก็ได้รับผลของการปฏิบัติจากสิ่งที่เรียกว่า พระธรรม ขอแสดงความหวังว่าเธอทั้งหลายจะจำไปอย่าง จะจำข้อความเหล่านี้ไปอย่างชัดเจน อย่างหนักแน่น อย่างมั่นคง อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ไปประพฤติปฏิบัติ ตลอดเวลาในต่อไปข้างหน้า แล้วก็จะเป็นผู้ที่ได้รับผลแห่งพระธรรม มีความสุขสวัสดี อยู่ทุกทิพาราตรีกาล สมตามความปรารถนา ขอยุติการบรรยายนี้ไว้เพียงเท่านี้
กล่าวสาธุให้ได้มากกว่านั้นได้หรือไม่ ว่าสาธุ พุทธสุโกทิตา กล่าวได้ไม่ได้ หา กล่าวไม่ได้ แล้วค่อยไปเรียนทีหลัง สาธุ สาธุ สาธุ สาธุพุทธะ สุโกทิตา สาธุธัมมะ สุตังมันตา สาธุสังฆัง สุปัติปัติ กล่าวให้ได้แหละ ดีที่สุดเลย เป็นคำที่มีความหมายดีที่สุดเลย เอาเราจะต้องปิดประชุม ตอนของเรา เพราะได้ยินว่าเธอจะไปดูสไลท์ ดูหนังดูอะไร เดี๋ยวเธอจะโมโห ว่าเราพูดไม่จบง่าย ถ้าพูดไทยๆ ก็ขอให้พวกเธอมีความสุขมีความเจริญ เพราะว่ายึดพระธรรมเป็นหลักมั่นคง แล้วก็มีแต่ความสุขความเจริญ เอาละ เรื่องของเราหมด เราปิดประชุมในตอนของเรา คุณครูจะให้เด็กทำอะไร ก็ทำต่อไป