แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เรา ประชุมกันเป็นพิเศษ ตามความขอร้องต้องการของทางการ ต้องให้ทำอะไรที่มีประโยชน์ เพื่ออุทิศบุญกุศลให้ ในหลวง ให้พวกเธอรู้เสียนะ วันนี้ไม่ใช่มาพูดกันอย่างธรรมดา เหมือนครั้งก่อน ๆ มาพูดกันเพื่อเป็นที่ระลึก หรือให้ทำเป็นบุญกุศลอุทิศให้ในหลวง เราจึงตั้งใจทำให้ดี เด็กบางคนไม่รู้ว่า ในหลวงคืออะไร ไม่รู้ว่าทำ ทำไมนะ มานั่งโง่อยู่ มานั่งโง่อยู่ คอยดูนะ เดี๋ยวจะมีเด็กบางคนนั่งโง่ เพราะมันไม่รู้ว่า ทำ ทำไม ในหลวงคืออะไร ทำ ทำไม ไม่สนุก มันมานั่งโง่ อ้าว, คอยดูนะ ใครจะนั่งโง่ก่อนใคร หรือบางคนมันก็นั่งมองอะไรต่ออะไรเสีย มันไม่ได้ฟังมีแต่จะพูดกัน
เราพูด เราวันนี้พูดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ในหลวง ข้อแรกเลย จะพูดว่า ในหลวงคือใคร ใครตอบได้ยกมือเลย ยกมือให้สูงเลย ในหลวงคือใคร อือ, ทั้งโรงเรียนตอบได้ ๒ คน ดีจริง ทั้งโรงเรียนตอบได้ ๒ คน อือ, ๓ คน อายเพื่อน นั่นตอบได้ อ้าว, คนนี้อยู่ใกล้ดี ในหลวงคือใคร (ประมุขของประเทศครับ) อือ, คือประมุขของประเทศ ใครอีก ใครอีก เมื่อตะกี้ยกมือทางโน้น ใคร ในหลวงคือใคร (พระเจ้าแผ่นดินครับ) พระเจ้าแผ่นดิน อืม, เกือบจะไม่ได้ตอบเลย อือ, ในหลวงคือในหลวงแหละ ไม่มีทางผิด จำเป็นอย่างไร ที่เราจะต้องมีในหลวง ไม่มีไม่ได้เหรอ จำเป็นอย่างไร ที่ต้องมีในหลวง ใครตอบได้ ยกมือ ชูให้สูงเลย จำเป็นอย่างไร อ้าว, นี่ตัวใหญ่ ๆ ตอบไม่ได้ อ้าว, จำเป็นอย่างไร คนนี้อีก คนนี้อีกแหละ (เพราะเป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนทั้งประเทศครับ) เออ, นี่ เก่งนะ ในหลวงเป็นจุดศูนย์รวม ถ้าไม่มีจุดศูนย์รวม เราก็อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ไม่สามัคคี ไม่รักใคร่ ไม่พร้อมเพรียงกันทำอะไร หรือถ้าว่าเราทะเลาะกัน เราก็ทำลายกัน แต่ถ้าเราเห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่จุดศูนย์รวม เราจะไม่ทะเลาะกัน หรือว่าทะเลาะกัน แล้วเราก็ดีกันได้ ถ้าพูดอย่างผู้ใหญ่พูดนะ ไม่ใช่พูดอย่างเด็ก ๆ พูด เช่นว่า ถ้าว่า รัฐบาลทะเลาะกับรัฐสภานี่ หรือว่า ทหารทะเลาะกับรัฐบาล แบบนี้ ก็ถ้าเห็นแก่ในหลวง เขาก็ไม่ฆ่าฟันกัน เพราะเห็นแก่ในหลวง เขาก็ไม่ฆ่าฟันกัน ในภายใน ประเทศชาติก็รอดไปได้ ทุกอย่าง ถ้าว่ามันจะอยู่อย่างดีอย่างมั่นคง มันต้องมีจุดศูนย์รวม เธอไปสังเกตดูเถอะ มันมีจุดศูนย์รวม ไอ้ร่างกายของเรา ทั้งร่างกายนี่ มันมีจุดศูนย์รวม อยู่ที่ตรงไหน ใครตอบได้ อ้าว, คนไหน อยู่ตรงไหน จุดศูนย์รวมของร่างกาย (หัวใจ) หัวใจ คนนี้ล่ะ (หัวใจครับ) อ้าว, คนโน้น โน่น (หัวใจครับ) หัวใจทั้งนั้นเลย ตอบตามกันนะ หึ หึ, ใครบอก รู้มาจากไหน ใครบอก ว่า รวมที่หัวใจนี้ ใครบอก หือ, (เพราะหัวใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในร่างกายครับ) อ้าว, ใคร ใครอีก ใครอีก ยกมือสิ ใครรู้ ยกมือ ยกมือสิ ใครรู้ ส่วนที่สำคัญที่สุด ซึ่งบังคับทุก ๆ ส่วน บังคับทุก ๆ ส่วน สั่งการได้ทุกส่วน เขาเรียกว่า มันสมอง มันสมอง รับความรู้สึก แล้วจะสั่งให้ทำ หรือว่าจะบังคับบัญชา ให้ทั้งกาย ทั้งร่างกายนี่ ให้มันทำ หัวใจนั้นเป็นที่รวมสูบเลือด สูบเลือด รวมเลือด นั่นมันเป็นเรื่องที่ เลือด เรื่องเนื้อหนังมาก ถ้าสมองนั่นมันเป็นเรื่องจิตใจมาก สมองเป็นที่เกิดขึ้นของจิตใจ ทุกคราว ทุกคราว ก็มันจะต้องเกิด เกิดแล้ว มันก็สั่งอะไรต่ออะไรได้ให้ทำได้ มีอำนาจ ทุกอย่างไปรวมจุดอยู่ที่สมอง ที่มันสมอง หัวสมอง แต่ว่าบางคนเขาก็พูดว่า ที่หัวใจ มีในหนังสือ ในคัมภีร์ ในตำรา ก็ว่ามีเหมือนกัน ตำราในพระคัมภีร์ ก็ว่า มีหัวใจเป็นศูนย์รวม คือเขาเอาหัวใจกับมันสมองเป็นสิ่งเดียวกันเสีย เมื่อก่อนนะ แต่เวลานี้เราค้นคว้าศึกษา สมัยนี้ถือว่าหัวใจ หัวใจอยู่ฝ่ายร่างกาย มันสมองอยู่ฝ่ายจิตใจ ต้องมีจุดศูนย์รวมที่สำคัญที่สุด ต้นไม้ต้นหนึ่ง ตรงไหนเป็นจุดศูนย์รวม หือ, ใครตอบได้ ต้นไม้ต้นหนึ่ง ตรงไหนเป็นจุดศูนย์รวมของต้นไม้ทั้งหมด ตรงไหน (รากครับ) ราก หึ, ไหน ใครอีกยกมือสิ หือ,อ้าว, ใครอีก รากมันมากมาย จะเป็นจุดศูนย์รวมอย่างไร รากมีมากมายเหลือเกิน นับไม่ไหว จุดศูนย์รวม ก็ต้องมีหน่วยเดียว สิ่งเดียว อันเดียวแหละ อ้าว, ใคร ใครว่าอะไรเป็นจุดศูนย์รวม ของต้นไม้ คนโน้น คนโน้น (เมล็ดครับ) เมล็ด หึ หึ, ยังไม่ทันมีลูกเลย มีเมล็ดได้อย่างไร อ้าว, คนนี้ (รากแก้วครับ) รากแก้ว อือ, ค่อยยังชั่วนะ ว่ารากแก้ว ไปตัดตรงไหน มันตายเลย หือ, ไปตัดตรงไหน ตาย ไปตัดตรงไหน ตัดเท่าไรก็ไม่ตาย ไปตัดตรงไหน ตัดทีเดียวก็ ตาย ตรงไหน หือ, (เปลือกครับ) ที่เปลือก หึ หึ, ไม่รู้นะนี่ เอาเปลือกออกหมดมันก็ยังไม่ตาย อ้าว, ไปตัดตรงไหน ทีเดียว ตัดตรงนั่นแล้ว ตาย ตรงไหน (ที่ราก) ที่ราก อือ, ราก ตัด เอาทำยาเสียมากมาย ไม่เห็นตายเลย เออ, ตรงไหน ใครเคยถอน ถอนบัว ใครเคยถอนสายบัว ตรงไหนที่เป็นรวมของสายบัว หือ, ตรงไหน (ที่หัวครับ) อื้อ, ที่หัว นอกนั้นไม่เอาไหนทั้งนั้น หลายสิบคนไม่เอาไหนทั้งนั้น ไม่รู้ว่าบัวมันรวมหัวตรงไหน มันเกินทั้งนั้น มันดีแต่กินเฉย ๆ เหมือนกับหมู มันไม่ต้องรู้ว่า อะไรเป็นอะไร นั่นแหละมันเหมือนกับบัว ทุก ๆ สายมันรวมอยู่ที่หัว ถ้าเราทำลายที่หัวแล้ว มันก็ตายหมดทุกสาย ต้นไม้มันก็มีหัวที่รวมเหมือนกันแหละ ตรงโคน ตรงที่รวม ถ้าทำลายตรงนั้นแล้ว มันก็ตายทั้งต้น รากก็ตาย ใบก็ตาย กิ่งก็ตาย เราต้องมีหัวหน้า คือจุดรวม ในบ้านเรือนของเรา บ้านหนึ่ง บ้านหนึ่ง ทุก ๆ บ้าน มันมีอะไรเป็นจุดรวม อ้าว, เธอ มาอีก เธอมาอีก มา อ้าว, มีอะไรเป็นจุดรวม อ้าว, คนนี้ตอบที (มีพ่อครับ) อ้าว, คนนี้ตอบที (พ่อแม่) พ่อแม่ อือ, เอาล่ะ มันแล้วแต่พ่อหรือแม่แหละ คนใดคนหนึ่งแหละ เป็นผู้ที่รับผิดชอบทั้งหมด จัดการทั้งหมด ดูแลทั้งหมด แล้วแต่บ้านใคร พ่อเป็นใหญ่ หรือ แม่เป็นใหญ่ แต่ต้องมีจุดรวม
เราจะต้องประพฤติอย่างไร ต่อผู้ที่เป็นจุดรวม เราต้องประพฤติ อย่างไร หือ, มีพ่อเป็นจุดรวม เราจะต้องประพฤติต่อพ่ออย่างไร อ้าว, มั่วหมด มั่วหมด มั่วหมด อ้าว, อ้าว, (ทำความเคารพครับ) ต้องทำความเคารพ หึ หึ, นั่งไหว้แต่พ่ออย่างเดียวเลยเหรอ อ้าว, ทำอย่างไร (เชื่อฟังครับ) อ้าว, ทำอย่างไร (เชื่อฟังครับ) อ้าว, ทำอย่างไร เอาล่ะ ถ้าเชื่อฟังจริงก็ ดีแหละ เราว่าเด็ก ๆ ไม่ดื้อ อย่างเดียวพอ เด็กทุกคนทุกคน ไม่ดื้ออย่างเดียวพอ คนที่ไม่ดื้อ นี่ เชื่อฟัง หรือไม่เชื่อฟัง หือ, คนที่ไม่ดื้อเป็นคนเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟัง หือ, (เชื่อฟังครับ) หือ, เชื่อฟัง เด็กที่มาที่นี่ รู้เยอะ เชื่อฟังต่อหน้าหรือเชื่อฟังลับหลังล่ะ หือ, คนเล็กที่สุด เชื่อฟังต่อหน้าเหรอ ลับหลังไม่เชื่อฟัง อ้าว, เชื่อฟังต่อหน้าหรือลับหลัง ใครตอบได้ (ทั้งต่อหน้าและลับหลังครับ) อืม, เชื่อฟังทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราจึงไม่ทำอะไรให้ผิดคำสั่งหรือความประสงค์ของพ่อ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เขาจึงจะเรียกว่าเชื่อฟัง คนที่เชื่อฟังพ่อแม่นะ ทำ ทำชั่วได้หรือไม่ได้ หือ, ได้หรือไม่ได้ อือ, ทีนี้ ยกมือได้มากนะ อืม, ค่อยยังชั่วนะ ที่นี้ ไม่มั่วกันมากเกินไป อ้าว, คนที่เชื่อฟังพ่อแม่ ทำชั่วได้หรือไม่ได้ หือ, (ไม่ได้ครับ) เหตุไรจึงทำไม่ได้ เหตุไรจึงทำไม่ได้ หือ, (เพราะพ่อแม่ห้ามไว้ครับ) เออ, เพราะพ่อแม่ห้ามไว้ พ่อแม่ใครใช้ลูกให้ทำชั่ว ยกมือ พ่อแม่ใครใช้ลูกให้ทำชั่ว อืม, พ่อแม่ใครใช้ลูกให้ทำดี หึ หึ หึ, ทีนี้ไม่ต้องคิด ตอบได้หมดทุกคนเลย ไม่มีใครไม่เอาไหน เอาแหละรู้กันแล้ว รู้กันว่า พ่อแม่ประสงค์จะให้เราทำแต่ดีเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ทำชั่วกันแหละ ทุกคนนะ ทีนี้จะไม่มีใครทำชั่ว จะมีแต่คนทำดี ที่แล้วไปแล้ว ก็ยกเลิกไป ไม่ต้องมาพูดกัน แต่ว่าต่อไปจะต้องไม่ทำชั่ว ทำอย่างไรเรียกว่าทำชั่ว ใครรู้ ทำอย่างไรเรียกว่าทำชั่ว หือ, ทำอย่างไร อ้าว, ไม่เอาไหนหมดอีกแล้ว ไม่เอาไหนหมดทั้งฝูงอีกแล้ว เอ้า, ทำอย่างไร ที่เรียกว่าทำชั่ว หือ, (ลักไก่ครับ) อืม, เก่งนะ ดูเป็นตัวอย่าง อ้าว, ทำอย่างไรเรียกว่าทำชั่ว (ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ครับ) อืม, นั่น ใช่ ใช่แล้ว เราเชื่อฟังพ่อแม่แล้ว ไม่ทำชั่วแล้ว ทำอย่างไรที่เรียกว่า ทำชั่ว (ประพฤติตัวเป็นโจรครับ) อืม, มันอย่างเดียวนะ มันน้อยนะ มีตั้งร้อยอย่าง พันอย่าง อ้าว, คอยฟังให้ดี คอยฟังให้ดี จะได้หายมั่ว นักเรียนโรงเรียนวัดธารน้ำไหลจะได้หายมั่ว ฟังให้ดี ฟังให้ดีทุกคน อย่านั่งโง่ อย่านั่งเงยดู เพดาน ทำชั่ว นั้นคือ ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน อ้าว, ว่าพร้อม ๆ กัน การกระทำชั่ว (การกระทำชั่ว) คือการกระทำ (คือการกระทำ) ให้ตนเองเดือดร้อน (ให้ตนเองเดือดร้อน) และให้ผู้อื่นเดือดร้อน (และให้ผู้อื่นเดือดร้อน)
อืม, ผู้อื่นคือใคร หือ, ผู้อื่นนะ คือใคร คือใคร (พ่อแม่และญาติพี่น้องครับ) หึ หึ, แล้วถ้าไม่ใช่เป็นญาติพี่น้อง ไม่ใช่เหรอ ไม่รวมเหรอ ผู้อื่นคือใคร (คือคนที่ไม่ใช่เราครับ) อืม, คือคนทุกคนนอกจากตัวเรา คนทุกคนนอกจากตัวเราเรียกว่า ผู้อื่น เราไม่ทำให้เราและผู้อื่นเดือดร้อน การทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ตัวเองเดือดร้อน เรียกว่า ทำชั่ว ทำชั่วแล้วตัวเองถูกลงโทษ ก็เดือดร้อน ทำชั่วแล้วผู้อื่นเดือดร้อน ยกตัวอย่าง ที่ทำชั่วแล้วผู้อื่นเดือดร้อนมาให้ได้สักอย่างหนี่ง ใครยกมือ ยกตัวอย่างมา ตัวอย่างการทำชั่วของเราแล้วทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เช่นอะไรบ้าง ใครตอบได้ หือ, (เผาตลาดครับ) เผาตลาด หึ หึ, มากหนักนะ เอาทีเดียวแรงเลยนะ เมื่อตะกี้ ตอบว่าลักไก่ หึ หึ หึ, ตรงนี้ตอบว่า ลักไก่ ไม่ใช่เหรอ ลักไก่ ใครเดือดร้อน อือ, ใครตอบว่าลักไก่ ที่ตรงนี้ เมื่อกี้ ตรงนี้แหละ ลักไก่ใครเดือดร้อน หือ, ถ้าเราไปลักไก่ ทำใครเดือดร้อน ใครที่ตอบว่าลักไก่ ตรงนี้แหละ ตรงนี้ นั่งไม่รู้ตรงไหนแล้ว อ้าว, ใครตอบได้ว่า ถ้าเราไปลักไก่ใครเดือดร้อน ใครตอบได้ ตอบไม่ได้ มันก็มั่วเหมือนกันแหละ ใครตอบได้ ใครเดือดร้อน (เจ้าของไก่ครับ) อือ, นั่นแหละ หึ หึ, ต้องแบบนั้นบ้างนะ เราต้องตอบ เป็นนักเรียนทั้งที ไม่รู้ว่าใครเดือดร้อน เมื่อมีการลักไก่ ใครเดือดร้อน แล้วใครพลอยลำบาก แล้วใครพลอยลำบากอีก ใคร (พ่อแม่ครับ) อือ, พ่อแม่ของใครล่ะ ของใคร พ่อแม่ของใคร พ่อแม่ของใคร ของคนที่ลักนั่นแหละ เพื่อนบ้านก็พลอยลำบากแหละ เขาพลอยลำบาก พลอยเกลียดชัง พลอยกลัว พลอย รำคาญ ตำรวจก็เดือดร้อน ตำรวจก็ต้องพลายลำบาก ไปจับ ไปกุม อะไร ก็ลำบากกันมาก
อ้าว, ทำชั่ว คือ ทำให้ตนเองและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ใครชอบเดือดร้อน ใครชอบเดือดร้อน ยกมือ ใครชอบไม่เดือดร้อน อือไม่ต้องคิด ทีนี้ ตอบถูกทุกคนเลย ใครชอบเป็นสุข อืม, ความดี ทำชั่วคือทำให้ผู้อื่นและตัวเองเดือดร้อน แล้วทีนี้ทำดีล่ะ ทำอย่างไรที่เรียกว่าทำดีล่ะ อ้าว, ใครตอบได้ ยกมือสิ ทำดีคือทำอย่างไร เทียบกันดูสิ ทำชั่ว คือทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน แล้วทำดีล่ะ คือทำอย่างไร หือ, (ทำให้ตนเองและผู้อื่นเป็นสุขครับ) อือ, นี่ล่ะ มันตอบง่าย ๆ ข้อนี้ตอบไม่ได้ ก็เต็มทีแหละ ทำชั่วคือทำให้ผู้อื่น ให้ตัวเราและผู้อื่นเดือดร้อน ทำดี ก็คือ ทำให้ตัวเราและผู้อื่นเป็นสุข คือไม่เดือดร้อน ถ้าว่าทุกคนทำแต่ดีกันแล้ว จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าทุกคนทำแต่ดี มีผลอย่างไรบ้าง หือ, ถ้าเกิดทุกคนทำดีกันหมด จะได้ผลอย่างไรบ้าง อ้าว, คนนี้ (ทุกคนจะมีความสุขครับ) อือ, เพราะบ้านเมืองจะมีความสุข ถ้าคนที่เมืองปะดาน นาทีที่ 20.04 ทุกคนทำดี จะเป็นอย่างไรบ้าง หือ, (เมืองปะดานก็จะเป็นสุขครับ) อือ, เมืองปะดาน ก็จะเป็นสุข เวลานี้ เมืองปะดานเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ยกมือสิ เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ หึ หึ, รู้กัน อือ, ป็นสุข หรือเป็นทุกข์ (เป็นทุกข์ครับ) อ้าว} เป็นทุกข์ เรื่องอะไร ตอบไปเลยเป็นทุกข์เรื่องอะไร หึ หึ, ตอบไม่ได้อีกแล้ว อืม, กำลังเป็นทุกข์ (เที่ยวลักของวัดครับ) อือ, ไม่ได้ไปลักของวัด กำลังเป็นทุกข์ กำลังเป็นทุกข์อยู่อย่างไร เมืองปะดาน กำลังเป็นทุกข์อยู่อย่างไร ใครตอบได้ (เพราะว่าตำรวจบุกจับครับ) เมื่อ เมื่อทำไม่ดี แล้วตำรวจจับมันก็เป็นทุกข์แหละ ถ้าว่าอย่าทำชั่ว ตำรวจก็ไม่ต้องจับก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ วันก่อนตำรวจยิงใครตาย ที่เมืองปะดาน ๒-๓ คน หือ, นั่นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขล่ะ (เป็นทุกข์ครับ) อือ, ช่วยกันระวังเถอะอย่าให้ต้องมีเลย บ้านใครนอนไม่ต้องปิดประตูเรือนบ้าง หือ, บ้านใครนอนไม่ต้องปิดประตูเรือนบ้าง บ้านใคร บ้านใคร หึ หึ, บ้านใครที่นอนไม่ต้องปิดประตูเรือนบ้าง บ้านใคร หือ, บ้านใคร คนนี้พูดสิ เธอนั่นแหละพูด บ้านใครล่ะ บ้านเธอเหรอ นอนไม่ต้องปิดประตูเรือนเหรอ ประตูมีหรือไม่มีล่ะ (ไม่มี) อ้าว,ไม่มี ตลกใหญ่เลย บ้านเราไม่มีประตู เลยนอนไม่ต้องปิดประตูเรือน หึ หึ, เขาหมายถึงบ้านที่มีประตูแหละ บ้านที่มีประตู บ้านใครนอนไม่ต้องปิดประตู เหตุไรเราจึงต้องปิดประตู อ้าว, ใครตอบได้ เหตุไรจึงต้องปิดประตู หือ, เหตุไร (กลัวขโมยจะขึ้นบ้านครับ) เออ, ขโมยขึ้นบ้าน เดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน (เดือดร้อน) ขโมยมาลักของของเรา เราเดือดร้อน เราไม่อยากเดือดร้อน เราจึงต้องปิดประตู ถ้าไม่มีขโมย ต้องปิดหรือไม่ต้องปิด (ไม่ต้องปิด) หึ หึ, ถ้าไม่มีขโมยก็ไม่ต้องปิด ก็ไม่ลำบากไม่ลำบากนะ ถ้าไม่มีคนทำชั่วก็ไม่ต้องลำบาก ถ้ามีคนทำชั่วคอยเบียดเบียนแล้ว ก็ต้องลำบาก นี่แหละความลำบากของเราทุกคน ทุกคน คือว่าเรากำลังกลัว อยู่ด้วยความกลัว ว่าจะถูกทำร้ายบ้าง จะถูกขโมยของบ้าง จะอะไรบ้าง นี่เราเดือดร้อน นี่แหละจึงเห็นว่า ผู้กระทำชั่วทำให้ตัวเองก็เดือดร้อน ผู้อื่นก็เดือดร้อน ผู้ทำชั่ว ตัวเองเดือดร้อน คนทำชั่วนะใครชอบบ้าง คนที่ทำชั่วนะใครชอบบ้าง ไม่มี คนที่ทำชั่วนะ ผีชอบหรือไม่ชอบ (ไม่ชอบ) รู้ได้อย่างไรว่า ว่าผีไม่ชอบคนทำชั่ว รู้ได้อย่างไร คนทำชั่วเทวดาชอบหรือไม่ชอบ (ไม่ชอบ) ผีแช่งคำ คนแช่งคำ จะทำให้เป็นอย่างไร ถ้าผีก็แช่งคำคนก็แช่งคำ คนนั้นจะเป็นอย่างไร หือ, (ซวยครับ) ซวย หึ หึ, ผีแช่งคำ คนแช่งคำ ทำให้ซวย ทำให้ซวย คือ บาป คือ เสื่อมเสียไม่มีความเจริญ ไม่มีความเจริญ เมื่อเราไปลักของของเขามานะ ผีแช่งหรือผีชม (แช่งครับ) คนแช่งหรือคนชม (คนแช่ง) อือ, เมื่อคนที่ไปลักของเขามา จะถูกแช่ง ทั้งผีก็แช่งทั้งคนก็แช่ง เราก็แช่งเหมือนกัน หึ หึ, ผีแช่งคำ คนแช่งคำ ทำให้ซวย เคยพูดกันนี่ เรื่องนี้ คนนี้เคยฟัง จำได้ไหม หือ, ถ้าผีชมคำ คนชมคำ ทำให้ หึ หึ, ทำให้รวย ผีชมคำ คนชมคำ ทำให้รวย ผีแช่งคำ คนแช่งคำ ทำให้ซวย อ้าว, ใครชอบซวย ยกมือ อือ, ใครไม่ชอบซวย อือ, หมดเลย หมดเลย เวลานี้ ซวยหรือไม่ซวย หือ, ซวยหรือไม่ซวย (ไม่ซวย) ไม่ซวย ดี ดี ดี ดี ไม่ซวย สอบไล่ได้หรือสอบไล่ตก (ได้ครับ) หึ หึ, ซวยก็คือ มันไม่เจริญ มันมีแต่เสื่อมลง เสื่อมลง เสื่อมลง ไม่เท่าไร ก็ต้องฆ่าตัวตายแหละ หรือว่าตำรวจยิงตายแหละ หรือเราฆ่าตัวตายแหละ เพราะมันซวย มันเหลือเกิน มัน มันไม่มีอะไรดีเลย เออ, เรากลัวซวย คือ กลัวบาป นั่นเอง กลัวบาป คือ กลัวซวย ซวยก็คือ บาป บาป ก็คือซวย บอกกันให้รู้ทั่ว ๆ บาปนั่นแหละ ก็วัดที่บาปนั่นแหละ ชาวบ้านเรียกว่า ซวย คนจะซวย ก็จะไม่มีความเจริญ จะต้องทำงานไม่ได้ผล จะต้องเจ็บ จะต้องไข้ จะต้องเพื่อนเกลียดทั้งบ้าน หึ หึ, เพื่อนเกลียดทั้งบ้านนี่ ดีหรือไม่ดี จะอยู่ที่ไหนล่ะเรา ถ้าเพื่อนเกลียดทั้งบ้าน เราจะอยู่ที่ไหน เราก็ต้องทนก้มหน้า ทนความละอาย ทนความแค้นใจอยู่นั่นแหละ เราอุตสาห์เล่า อุตสาห์เรียน นี้ก็เพื่อจะทำให้มันดี เพื่อจะทำให้มันถูก ก็จะได้มีแต่ ผีชมคำ คนชมคำ เทวดาชมคำ ทุก ๆ คนชม ทุก ๆ คนชม แม้แต่ผีก็ยังชม มันจะไม่ดีได้อย่างไร ถ้าผีมันก็แช่ง แล้วมันจะไม่เลวได้อย่างไร เพราะฉะนั้น อย่าให้ผีแช่ง อย่าให้ผีสาป สมน้ำหน้า คนสอบไล่ตก ซวยหรือ รวย (ซวย) หึ หึ, สอบไล่ตกก็ซวย เหตุไรสอบไล่ตก หือ, เพราะเหตุใด จึงได้สอบไล่ตก ใครรู้ หือ, (เหลวไหล ไม่ตั้งใจเรียนครับ) เหลวไหล เหลวไหลไม่เรียน เป็นคนเหลวไหล การเหลวไหลในการเรียน นี่เรียกว่าการทำชั่วหรือทำดี หือ, เหลวไหลในการเรียนนะ เรียกว่า ทำชั่วหรือทำดี (ทำชั่ว) อือ, ฉะนั้นเราอย่าเหลวไหลในการเรียน เราไม่ถามแล้วว่าใครเหลวไหลในการเรียน เราไม่ถาม เพราะเดี๋ยวจะหลอกเรา เราไม่ต้องถาม มีแต่พูดจริงเหรอ มีแต่พูดจริงเหรอ พูดจริง ถามว่าใครเหลวไหล ในการเรียน หึ หึ, ไม่มีใครยกมือ แล้วทำไมมีคนสอบไล่ตกล่ะ นั่นแหละ หลอกเราแหละ ฉะนั้นเราไม่ถามเพราะอะไร ถ้าเธอหลอกเรา เราก็ไม่ถาม
เอาล่ะ ขอให้ทุกคนขยันในการเรียน เรายังอยู่ในวัยที่ต้องเรียน เรายังเป็นเด็ก เราต้องเรียน เราต้องปรับปรุงตัวให้ดี ถ้าว่าจิตใจมันไม่ดี มันก็พาไปทำชั่ว คราวนี้เราเรียนให้รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แล้วก็บังคับจิตใจให้ทำแต่ ที่ดี นี่แหละประโยชน์ของการเล่าเรียน ประโยชน์ของโรงเรียน จะทำให้พวกเธอเป็นคนที่ดี ในอนาคต ถ้าคนทุกคนในโลกดี โลกนี้จะดีหรือไม่ดี หือ, (จะดี) เพราะคนทุกคนในโลกมันดี โลกก็เป็นโลกที่ดี ถ้าคนทุกคนในโลกมันชั่ว โลกนี้ (ชั่ว) นั่นแหละ รู้ไว้เถอะ โลกนี้จะดีหรือจะชั่ว มันเพราะว่า คน คนในโลกมันดีหรือมันชั่ว ฉะนั้น เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ กันเพื่อช่วยกันทำความดี ให้โลกนี้มันดี ให้โลกมันเต็มไปด้วยคนดี ด้วยความดี ด้วยของดี ด้วยสิ่งที่มีประโยชน์ ก็ได้เป็นสุข วันนี้ซ้อมความเข้าใจกันว่าเรา ต้องทำความดี ต้องทำความดี ถ้าเป็นมนุษย์ ต้องทำความดี เราต้องรวมกัน ทำความดี เราต้องมีหัวหน้า สำหรับควบคุมให้เราทำความดี ชักจูงให้เราทำความดี เป็นตัวอย่างให้เราทำความดี การที่จะทำความดี มีอะไรอย่างเดียวพอ การที่จะทำความดี เป็นคนดี มีอะไร อย่างเดียวพอ อือ, พูดเมื่อกี้ ลืมแล้ว (เชื่อฟังครับ) หึ หึ, เราไม่ได้ว่าเชื่อฟัง เราว่าอะไร (ทำให้ผู้อื่นไม่เดือดร้อนครับ) อื้อ, นั่นชั่ว ถ้าเราจะดี มีอะไรอย่างเดียวพอ เราว่าเด็ก ๆ มีอะไรอย่างเดียวพอ หือ มีอะไร (เชื่อฟังพ่อแม่ครับ) อือ} เราว่า เด็ก ๆ ไม่ดื้อ อย่างเดียวพอ ไม่ดื้อ อย่างเดียวพอ ขออย่างเดียวไม่ดื้อ ไม่ทำประพฤติผิดคำสั่งสอนหรือความประสงค์ของบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ของศาสนา ไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่ประพฤติล่วงเกินของรักของผู้อื่น ไม่โกหกหลอกลวง ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่ทำสิ่งที่มันจะทำให้ตัวเองก็เดือดร้อน ผู้อื่นก็เดือดร้อน ให้ประกาศสงครามกับความดื้อ ความดื้อเป็นมาร เป็นศัตรู ของเด็ก ๆ ทุกคน ความดื้อทำลายเรา ทำลายเด็ก ๆ ทุกคน จึงเป็นมาร ความเชื่อฟัง ประพฤติดีนั่น เรียกว่าเป็นพระมาคุ้มครองเรา เราอย่าชอบมาร เราจงประกาศสงครามกับมาร คือ ความดื้อ เอาความดื้อออกไปเสียให้หมด เชื่อฟังพ่อแม่ ก็คือไม่ดื้อ แล้วเชื่อฟังทั้งต่อหน้าแล้วก็ ลับหลัง นี่ ทบทวนให้ดีเถอะ พูดแล้ว พูดมาแล้ว
อ้าว…ถามปัญหาที่ยากที่สุดสักข้อเถอะ ใครไม่เกะกะเกเร ต้องตอบได้ ถามว่า เรานี้เกิดมาทำไมกัน เกิดมาทำไมกัน เกิดมาทำไมกัน ใครตอบได้ หึ ๆ คนโน่น คนโน่น คนนี่ เกิดมาทำไม (…)…เป็นบุตรที่ดี พูดกันหลายหน เป็นบุตรที่ดี คือผู้ที่ เกิดมาเพื่อทำบิดามารดา… ให้สบายใจ ตอนนี้มันไม่ได้ทำ ไม่ใช่ทำแต่ให้พ่อแม่ของเรา สบายใจคนเดียว มันต้องทำ มากกว่านั้น เราจะต้องทำอะไรอีก นอกจากทำให้พ่อแม่สบายใจ เราจะต้องทำอะไรอีก อะไรอีกหือ … (ทำความดี) อือ…ทำความดี ทำเท่าไร ทำแบบไหน ทำอย่างไร ทำที่ไหน หือ…ว่าไปเลย
อ้าว, ถามปัญหาที่ยากที่สุดสักข้อเถอะ ใครไม่มั่วคงตอบได้ ถามว่า เรานี่เกิดมาทำอะไรกัน เกิดมาทำอะไรกัน ใครตอบได้ คนนู้นๆ (เกิดมาเพื่อทำความดีครับ) อือ, นี่คนนี้ เกิดมาทำไม (ทำให้พ่อแม่สบายใจ) นั่นบุตรที่ดีนะ มันพูดกันหลายหน บุตรที่ดี คือผู้ที่เกิดมาทำบิดามารดาให้สบายใจ แต่นี่มันไม่ได้ทำ ไม่ใช่ทำแต่ให้พ่อแม่ของเราสบายใจคนเดียว มันต้องทำมากกว่านั้น เราจะต้องทำอะไรอีก นอกจากทำให้พ่อแม่สบายใจ เราต้องทำอะไรอีก (ทำความดีครับ) อื้อ, ทำความดี ทำเท่าไร ทำอย่างไร ทำที่ไหน หือ, พูดมาเลย อ้าว, ทำไมตอบไม่ได้ล่ะ ทำให้พ่อแม่สบายใจ มันอยู่ที่พ่อแม่ อ้าว, คนนี้ มันยังไม่พอ ต้องทำมากกว่านั้นอีก ทำอย่างไร ทำให้คนทั้งโลกพลอยได้รับประโยชน์ ให้คนทั้งโลกพลอยได้รับความเป็นสุขสบายใจ เราทำให้โลกนี้มันดีก็แล้วกันแหละ แล้วคนอยู่ในโลกเขาก็ได้รับประโยชน์เอง คนที่ทำความชั่ว ทำแต่ความชั่วอย่างเดียว อยู่ในโลก เขาเรียกว่าตัวอะไรนะ คนที่ทำแต่ความชั่วอย่างเดียวเลย ในโลกนี้ เขาเรียกว่าตัวอะไร ตัวอะไร หือ, (ตัวมารครับ) ตัวมาร ตัวอะไร หึ หึ, ตัวอะไร (ตัวมารครับ) ตัวอะไร (ตัวมารครับ) อ้าว, ตอบตามกันหมด ตัวอะไร (ตัวมารครับ) อืม, นี่ก็ตอบตามกันหมด คล้าย ๆ กัน ตัวอัปรีย์ เคยได้ยินไหม หึ หึ, ตัวอัปรีย์ในโลก ตัวเสนียดจัญไรในโลก คนที่ทำแต่ความชั่วอย่างเดียว ตัวอัปรีย์ ก็แปลว่า มันน่าเกลียดน่าชังที่สุดเลย ตัวเสนียดจัญไร นั้น หมายความว่า มันมีแต่ร้าย มีแต่ร้ายท่าเดียว เราอย่าทำจนให้ใครเรียกเราแบบนั้นนะ ไม่เอานะ คนที่ทำแต่ความชั่ว เขาเรียกว่า ตัวเสนียดจัญไร อัปรีย์ในโลก ทีนี้ถ้าทำแต่ความดีล่ะ ทำแต่ความดีเรื่อยมา เขาจะเรียกตัวอะไร หือ, เขาจะเรียกตัวอะไร อ้าว, ตอบไม่ได้ ตัวอะไร หือ, ตรงข้ามกับมารเขาเรียกตัวอะไร หือ, ที่ตรงข้ามกับมารนะ เขาเรียกตัวอะไร (ตัวพระครับ) อืม, ตัวพระใครบอก รู้มาจากไหน ตอบถูกที่สุดเลย รู้มาจากไหน หือ, อ่านจากหนังสืออะไร หรือใครบอก หรือพ่อบอก หรือแม่บอก ถ้าไม่เป็นมารก็ต้องเป็นพระ ถ้าไม่เป็นพระก็ต้องเป็นมาร ทำเลวทำชั่วเรียกว่าเป็นมาร ทำดี เรียกว่า เป็นพระ ใครเป็นพระยกมือ ใครเป็นพระ หึ หึ, ไม่กล้าแล้วไม่กล้า มันไม่แน่ใจ มันไม่กล้า ใครเป็นมาร ใครเป็นมาร ก็ทำชั่วไปแหละ ใครเป็นพระ ก็ทำดีไปนะ ใครเป็นพระก็ทำดีอย่างเดียวเลย ใครเป็นมารก็เอาแหละ ทำแต่ที่เลวที่ชั่ว ไม่เท่าไรตำรวจยิงตาย เพราะเขาไม่ต้องการมารในโลกนี้ เขาเก็บหมดแหละ เรามีโอกาสเป็นพระนะ เราอุตส่าห์ทำดี เราได้เป็นพระนะ แล้วเราก็จะได้นับถือเรา ใคร ๆ ก็นับถือเรา เราเป็นพระ ขึ้นชื่อว่าชั่วแล้วไม่ทำ ทำชั่วเขาเปรียบเหมือนของสกปรก ของเน่า ของเหม็น ขี้ ขี้เหม็นหรือไม่เหม็น (เหม็น) หึ หึ, นิดเดียว เหม็นหรือไม่เหม็น (เหม็น) นิดเดียวจนแลไม่เห็น เหม็นหรือไม่เหม็น (เหม็น) นั่นแหละแม้แต่นิดจนมองไม่เห็นก็ยังเหม็น นั่นแหละเขาเรียกว่าความชั่ว ความชั่ว แต่ถ้าหอมนะเขาเรียกว่าความดี ถึงนิดหนึ่งก็ดี หอม ถึงมองไม่เห็นก็หอม
วันนี้มีความรู้เรื่องว่า เกิดมาทำไม จะต้องทำอะไร ได้ทำความดีแล้ว จะได้ทำตนให้เป็นพระ ใครไหว้ตัวเองได้ คนแบบไหนที่ไหว้ตัวเองได้ หือ, คนแบบไหนที่ไหว้ตัวเองได้ เอาล่ะใครเคยไหว้ตัวเอง เร็ว ไหว้ตัวเองทำอย่างไร ทำให้ดูที ไหว้ตัวเองทำอย่างไร ทำมาสิ ใครทำได้ไหว้ตัวเองทำอย่างไร หือ, ทำอย่างไร ทำมืออย่างไร ไหว้ตัวเอง เอ้า, ไหว้ ไหว้ ไหนไหว้กันธรรมดาเหมือนไหว้ผู้อื่น นั่นไหว้ผู้อื่น ถ้าไหว้ตัวเองทำอย่างไร ไม่ค่อยมีนะ มันไม่ค่อยมี จึงไหว้ไม่เป็น มันไม่มีอะไรดี มันไม่ไหว้ตัวเอง มันไม่อาจจะไหว้ตัวเอง มันไม่มีอะไรให้ไหว้ตัวเอง เลยไม่เคยไหว้เลยไหว้ไม่เป็น มีแต่ไหว้ผู้อื่นไหว้ออกไปข้างนอกทั้งเพ ไหว้ข้างใน ไหว้ตัวเองนี่ ทำไม่เป็น เมื่อเราเป็นพระแล้ว เมื่อเราเป็นพระแล้วเราก็ไหว้ตัวเองได้ เมื่อไรเราเป็นพระ เมื่อไรเราเป็นพระ หือ, เมื่อไร เมื่อไร นี่ตัวใหญ่กว่าเพื่อน เมื่อไร (เมื่อทำความดีครับ) อือ, เพิ่งได้ตอบ ตัวใหญ่กว่าเพื่อน นั่งตรงนี้ เพิ่งตอบครั้งนี้ เมื่อทำความดีเราก็เป็นพระ เมื่อเราเป็นพระเราก็ไหว้ตัวเอง เมื่อเราทำชั่วเราเป็นอะไร หือ, เป็นอะไร (เป็นมาร) เมื่อเป็นมารเราจะทำอะไรกับตัวเอง เมื่อเราเป็นมารเราจะทำอะไรตัวเอง ถ้าเราทำดีเราไหว้ตัวเอง ทีนี้ เราทำชั่วขึ้นมาเราจะทำอะไรกับตัวเอง หือ, ทำอะไร (ทำความเดือดร้อนให้กับตัวเอง) ไม่ใช่ ว่าเราจะทำอะไรกับตัวเองนะ เราจะทำอะไรกับมัน ถ้าเราดีเราก็ไหว้ตัวเอง ถ้าเราชั่ว เราจะทำอะไรกับตัวเอง หือ, เมื่อเธอรู้สึกว่า เธอทำชั่ว นะ เธอทำอะไรกับตัวเอง หือ, อ้าว, แย่หมดเลย แย่หมดเลย แย่หมดทั้งโขลงทั้งฝูงเลย เมื่อทำชั่วนะ ทำอะไรกับตัวเอง เขาเรียกว่าติเตียนตัวเอง เขกหัวมันเข้าสิ ถ้ามันทำชั่วก็เขกหัวมันเข้า เขกหัวตัวเอง ถ้าทำดีก็ไหว้ตัวเอง ถ้าทำชั่วเขกหัวตัวเอง ใครกล้าเขกหัวตัวเอง ถ้าทำชั่วใครกล้าเขกหัวตัวเอง ใครเคยเขกหัวตัวเอง ใครเคยเขกหัวตัวเอง ไหนพูดสิ ใครเคยเขกหัวตัวเอง ไม่ค่อยเชื่อหรอก ใครเคยเขกหัวตัวเอง หือ, หึ หึ, นี่พูดตามเพื่อนแล้ว เขกหัวเรื่องอะไร เขกหัวเรื่องอะไรเธอ เขกหัวตัวเองเขกหัวเรื่องอะไร หือ, (ไม่ทราบครับ) อ้าว,ไม่ทราบแล้วตอบทำไม หึ หึ, หลอกเรานี่ หลอกเรานี่ ให้เพื่อนโห่สักที อ้าว, ใครเคยเขกหัวตัวเอง เขกหัวเรื่องอะไร (ขี้ลืมครับ) ขี้ลืมเหรอ เมื่อไร เขกหัวเมื่อไร เมื่อไรที่เขกหัวตัวเองที่ลืม เมื่อไร (เมื่อทำความชั่วครับ) อ้าว, เมื่อทำความชั่ว ถ้ามันจำหนังสือไม่ได้ขี้ลืม นึกไม่ออกเขียนไม่ถูก นั่นแหละ คนบางคนก็เขกหัวตัวเองเหมือนกัน เมื่อมันโง่เหลือเกิน มันขี้ลืมเหลือเกิน มันเขกหัวตัวเองเหมือนกัน เขาเรียกว่าติเตียนตัวเองลงโทษตัวเอง นั่นแหละถูกนั่นแหละดี จะได้หาย จะได้หายทำชั่ว
เรา เราพูดกันวันนี้ จะสิ้นปีแล้ว อีกไม่กี่วันจะขึ้นปีใหม่แล้ว อีกกี่วันขึ้นปีใหม่ หือ, เอ้า, อีกกี่วันขึ้นปีใหม่ หึ หึ, แล้วกัน ชั้น ม. ไหนนี่ อีกกี่วันขึ้นปีใหม่ หือ (ยี่สิบเจ็ดวันครับ) วันนี้วันที่เท่าไร วันนี้วันที่ ๔ อีกกี่วันขึ้นปีใหม่ อ้าว, รีบเข้าเถอะ รีบเข้าเถอะ รีบละความชั่วเสียให้หมด รีบทำความดีไว้ต้อนรับปีใหม่ หรือใครจะอยากให้ ปีใหม่เลวกว่าปีนี้ ใครอยากเลวกว่าปีนี้ ปีใหม่นะ ใครอยากดีกว่าปีนี้ ปีใหม่ใครอยากดีกว่าปีนี้ เอาแหละขอให้ได้ดีทุกคน ๆ ให้ได้ดี ปีใหม่ให้ดีกว่านี้ ให้เรียนดี ให้ประพฤติดี ให้มีความสุข ไม่เดือดร้อน มากขึ้น ให้มีความสุขมากขึ้น ใครตั้งใจจะทำดี ใครตั้งใจจะทำดี เอาล่ะ ที่แล้วมาไม่ต้องพูดถึง ที่แล้วมาไม่ต้องพูดถึง ต่อไปใครตั้งใจจะทำดี นี่แหละ บุญ คนที่ตั้งใจว่าจะทำดี นี่เป็นการทำบุญแล้ว เป็นการทำบุญ คิด คิดว่าจะทำดี เพียงแต่คิดนี่ก็เป็นบุญแล้ว ถ้าไปทำ ไปทำ ก็ยิ่งจะเป็นบุญมากขึ้น เราจึงคิดว่าจะทำดี เราก็ได้บุญแล้ว แล้วเราก็จะทำดีจริง ๆ เหมือนกับที่เราคิด เราก็ได้บุญอีก แล้วเมื่อเราทำแล้ว เราก็มีความสุข นั่นก็ได้บุญถึงที่สุดเลย ทำบุญนะ ทำให้ดี ทำดีนะ คือจะทำให้ล้างความชั่ว ทำบุญเพื่อล้างบาป ทำดีเพื่อจะล้างความชั่ว เราคิด แน่นอนว่าจะล้างความชั่ว จะล้างบาป ปีใหม่ต้องดีกว่าปีเก่า วันนี้วันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันอะไร เป็นวันอะไรวันนี้วันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันอะไร (วันเฉลิมพระชนมพรรษาครับ) อืม, วันอะไรอีก วันอะไรอีก หือ, (วันพ่อครับ) วันพ่อ แล้ววันอะไรอีก ก็วันอนามัย วันอะไรต่ออะไรอีกหลายวันนู้น ล้วนแต่ให้ทำดีทั้งนั้นเลย แต่ที่ว่า ขึ้นหน้าขึ้นตา เขาเรียกว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษา เราต้องนึกถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ตั้งจิต ทำดี อุทิศ อุทิศใคร ทำดีวันเฉลิมพระชนมพรรษา นี่ทำอุทิศใคร หือ (ให้แก่พระเจ้าแผ่นดินครับ) อืม, อุทิศให้แก่พระเจ้าแผ่นดิน นั่นแหละ จะได้ชื่อว่า มีวันเฉลิม เขาสั่งให้จุดเทียนคนละเล่ม แล้วออกมานอกหลังคา แล้วก็ร้องเพลง สรรเสริญบารมี พร้อมกันทั้งประเทศ เวลา ๒๐.๑๙ น. เวลายี่สิบ หรือ สองทุ่มสิบเก้านาที ถือเทียนจุด ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกันทุกคนทั้งประเทศ แล้วที่โรงเรียนได้รับคำสั่งมาหรือยังเรื่องนี้ หือ, ที่โรงเรียนนะ ได้รับคำสั่งมาหรือยังเรื่องนี้ หือ, ได้รับแล้ว เด็ก ๆ ไม่รู้เหรอ เขาให้พระสวดมนต์ สวดชยันโต สวด อุทิศให้พรในหลวง เทียนมีแล้วหรือยัง หือ, ใครมีเทียนแล้ว บางคนยังไม่มี ไปหามาสิ ไปขอกับพระก็ได้ ไม่กี่เล่ม ไปขอกับพระ ขอเทียนสักเล่ม ไปจุดสรรเสริญบารมี เวลา ๒๐.๑๙ น. วันที่ ๕ วันเฉลิมพรรษา เฉลิมพระชนมพรรษาของพระเจ้าแผ่นดิน มีธงให้ชักธง เอาล่ะ เราพูดกันเรื่อยแหละ เรามาพูดกันกี่ครั้งแล้ว เรามาพูดกันแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ตรงโน้นบ้าง ตรงนั้นบ้าง ทั้งหมดนะกี่ครั้งแล้ว หือ หึ หึ, ใครจำได้ ประมาณกี่ครั้งแล้ว หือ, ประมาณ (ประมาณสิบครั้งแล้ว) ประมาณสิบครั้ง ไม่น้อยกว่าสิบครั้ง ลืมหมด ลืมหมด สิบครั้ง ลืมหมด หึ หึ, มีอะไรเหลือบ้าง ครั้งแรก แรกที่สุด เราพูดเรื่องอะไร ครั้งแรก แรกที่สุด พูดเรื่องอะไร หือ, (พระคุณของพ่อแม่ครับ) อือ, พระคุณของพ่อแม่ พูดเรื่องเรา เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เราเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เราเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เราเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เราเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ใครยังจำได้ น้อยคน น้อยคน นอกนั้นจำไม่ได้ ไม่สนใจ ลืมหมด อ้าว, ใครยังว่าได้ ๕ ข้อนี้ ใครยังว่าได้ เอ้า, คนนี่ ว่า (เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า) อื้อ, ถูก คนนี้ล่ะ หือ, ได้ไม่ได้ อ้าว, ว่าเลย(เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดี ของชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ขาดไปหนี่งนะ ใครรู้ว่าขาดไปหนึ่งนะ เอ้า, ใครอีก เอ้า, คอยฟัง คอยฟัง (เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองดี ของชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า) หมดแหละ ได้ ๕ อย่างนี้หมดเลย หมดเลย คือ ดีที่สุด ดีที่สุด ไหว้ตัวเองได้ ยกมือไหว้ตัวเองได้ ถึงพูดบ่อย ๆ ก็พูดเรื่อง รู้จักว่า พ่อแม่คืออะไร เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา บิดามารดาคืออะไร บิดามารดาคือใคร บิดามารดา คือใคร หึ หึ, ใครไม่รู้มันเกิดมาจากโพรงไม้แหละ ใครไม่รู้นะ บิดามารดาคือใคร คือใคร (พ่อแม่ครับ) อ้าว, คือใคร คือใคร หึ หึ, (ผู้ที่เราให้ความเคารพครับ) อ้าว, คือใคร คือใคร บิดามารดาคือใคร (ผู้ที่ให้กำเนิดเรามาครับ) เออ, ผู้ที่เกิดเรามา เท่านี้มันก็ยังมองไม่เห็น ใครไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่ ใครไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่ ใครเกิดมาจากพ่อแม่ หมดเลย ใครเกิดจากโพรงไม้ อ้าว, ทำไมไม่รู้จักล่ะ ว่าเรามีบิดามารดาเป็นที่เกิดมา ชีวิตของเราแบ่งมาจากใคร แบ่งมาจากใคร อือ, บางคนไม่รู้ มันนั่งเซ่ออยู่นี่ มันนั่งมองเพดานอยู่นี่ ชีวิตของเราแบ่งมาจากใคร คนนี้ (แบ่งมาจากพ่อแม่ครับ) เนื้อหนังร่างกายของเราแบ่งมาจากใคร (พ่อแม่ครับ) ใครรักเราที่สุดในโลก หือ หึ หึ, คนนี้มั่ว ไม่รู้ ก็เลยรักตัวเองที่สุดในโลก ใครรักเธอที่สุดในโลก ทำไม่ไม่รู้ อ้าว, ใคร (พ่อแม่ครับ) รู้ได้อย่างไรว่าพ่อแม่รักเราที่สุดในโลก รู้ได้อย่างไร รู้ได้อย่างไร (เพราะพ่อแม่ให้กำเนิดเรามา) อ้าว, นั่นก็ให้กำเนิด แล้วรู้ได้อย่างไรว่าพ่อแม่รักเราที่สุดในโลก เรารู้หัวใจของพ่อแม่ได้อย่างไร ดูลูกหมา ลูกแมวก็ได้ ถ้าไม่มีที่ให้ดู ดูลูกหมา ลูกแมว ใครรักลูกมันที่สุด แม่ของมันนั่นแหละรักมากที่สุดแหละ เราก็เหมือนกันแหละ ลูกคนก็เหมือนกันแหละ พ่อแม่รักเราที่สุด ใครรักเราจนตายแทนเราได้ ใครรักเราจนตายแทนเราได้ คนนี้ คนนี้ ใคร (พ่อแม่ครับ) เออ, พ่อแม่ นึกดูสิ ฉะนั้นเราจึงถือว่า พ่อแม่มีบุญคุณกับเราที่สุด เราแบ่ง ชีวิต เลือดเนื้อ ร่างกายมาจากพ่อแม่ เมื่อเล็ก ๆ เรากินนม หมาหรือกินนมแม่ นมของแม่เอามาจากไหน ใครตอบได้ นมของแม่ แม่เอามาจากไหน เอามาจากไหน (จากเลือดในอกครับ) เลือดของแม่กลายมาเป็นนมให้ลูกมันกิน นั่นแหละเรียกว่าเราแบ่งชีวิตเลือดเนื้อมาจากแม่ ฉะนั้นเราควรจะรักใครมากที่สุดในโลก หือ, ใคร หึ หึ, หมาหรือแมว หือ, ผู้ที่ให้กำเนิดเรามาและก็ให้เลือดเรากิน แล้วก็รักเราที่สุดในโลก แล้วก็ตายแทนเราก็ได้ ใคร รู้ ทุกคนรู้ คนนี่ยังรู้ คนนั่นล่ะ (พ่อแม่ครับ) คนนี่ไม่รู้ นั่งเฉย ๆ ไม่รู้ ช่วยบอกให้ด้วยนะ เพื่อนช่วยบอกให้ด้วยว่า ใครรักเราที่สุดในโลก
เอาล่ะ วันนี้เราได้ทำบุญ คือได้ศึกษารู้ธรรมะ แล้วเราตั้งใจจะปฏิบัติธรรมะ แล้วเราก็จะปฏิบัติธรรมะ แล้วเราก็จะได้มีบุญมีกุศล อ้าว, ฟังให้ดีนะ เราจะได้อุทิศบุญกุศลนี่ให้ในหลวง ในวันเฉลิมนี้ เราจะอุทิศบุญกุศลที่สุดที่เราจะทำได้ ให้บูชาคุณของในหลวง แล้วเราจะได้มีจุดรวมของประเทศ เราทำดีที่สุดได้ แล้วเราทุกคนก็จะอยู่กันเป็นสุข เราควรจะพอใจ เราควรจะไหว้ตัวเองได้ เพราะเราได้ทำแต่ความดี
เอ้า, สวดมนต์ สักห้า ห้า ห้าคำ หนึ่ง ข้าพเจ้าจัก หนึ่ง (หนึ่ง) ข้าพเจ้าจัก อ่ะ, ข้าพเจ้าเป็น (ข้าพเจ้าเป็น) เป็นบุตรที่ดี (บุตรที่ดี) ว่าไป ของ (ของบิดามารดา) สอง (สอง) ข้าพเจ้าเป็น ว่าไป (ศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์) สาม (สาม) ข้าพเจ้าเป็น (ข้าพเจ้าเป็น) เอ้า, ว่าไป (เพื่อนที่ดีของเพื่อน) สี่ (สี่ ข้าพเจ้าเป็น พลเมืองที่ดีของชาติ) ห้า (ห้า ข้าพเจ้าเป็น สาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า) ด้วยความจริงนี้ (ด้วยความจริงนี้) ขอให้ข้าพเจ้า (ขอให้ข้าพเจ้า) มีความสุข (มีความสุข) ตลอดกาลนานเทอญ (ตลอดกาลนานเทอญ)
นี่เราให้สวดมนต์ ปิดประชุม เอ้า, ปิดประชุม ปิดประชุม ปิดประชุม สวดมนต์แล้ว