แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
นักเรียนทั้งหลาย ฉันขอแสดงความยินดี ในการมาของเธอทั้งหลายในวันนี้ สู่สถานที่นี้ แล้วก็ยังขอร้องให้กล่าวถ้อยคำบางอย่างที่จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียน ได้ทราบจากคุณครูเขาว่าอย่างนั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ ก็อยากจะบอกถึงเรื่องที่พิเศษสำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง คือ การศึกษาส่วนที่ ๓ ที่เรียกว่า ธรรมะ หรือ ศีลธรรม หรือที่บางทีก็เรียกอยู่แล้วในวงการศึกษาทางรัฐบาลว่า จริยศึกษา เข้าใจว่าคงจะยังจะไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือรู้จักสิ่งเหล่านี้ มันจึงยังไม่ค่อยมีที่ไหนที่จะสนใจเรื่องจริยศึกษา จนถึงกับว่า มันขาดอยู่
ขอพูดตรง ๆ เลยว่า การศึกษาที่ ๑ คือ รู้หนังสือเพื่อให้เฉลียวฉลาด การศึกษาที่ ๒ ถัดมา คือ ให้รู้อาชีพสำหรับจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยอาชีพ ทีนี้การศึกษาที่ ๓ ถ้าเธอคิดว่าไม่มีไม่ต้อง มันก็ไม่ต้องก็ได้ แต่เราเห็นว่ามันยังต้องมี คือ การศึกษาให้รู้ว่าเป็นคนอย่างไรกันจึงจะเป็นคนหรือเป็นมนุษย์ ถ้าไม่ศึกษาก็ไม่ได้เหมือนกัน คือไม่เป็นมนุษย์ได้ อันนี้เราเรียกว่า ความรู้ทางธรรมะ ทางศีลธรรม หรือทางจริยศึกษา
เข้าใจให้ดีว่า เราเรียนหนังสือรู้ ฉลาด และก็มีอาชีพประกอบ แต่มันยังไม่เป็นคนก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันไม่เป็นมนุษย์ คือ สัตว์ที่มีจิตใจสูงกว่าคนธรรมดาสามัญ ทำไมจะต้องเป็นมนุษย์หรือเป็นคน ก็เพราะว่าถ้าไม่เป็นคน มันก็เป็นสัตว์แหละ ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องความเป็นคนให้ถูกต้องเราก็เป็นสัตว์ สัตว์เดรัจฉาน เราจึงต้องมีความรู้ให้ครบ รู้หนังสือ รู้อาชีพ แล้วก็รู้ศีลธรรม
เดี๋ยวนี้ความรู้ทางศีลธรรมไม่ค่อยมี ไม่ค่อยอยู่ในความสนใจ ไม่อยู่ในระเบียบที่บังคับให้การศึกษาในโลก เว้นศาสนาหรือศีลธรรม ในบางประเทศถือว่าถ้าเอาศาสนามาสอนในโรงเรียนแล้วก็คือทำผิดกฎหมายของประเทศเลยทีเดียว ประเทศใหญ่ๆ ที่เป็นประเทศนำหน้าเหล่านั้น เขาก็เอาศาสนาเอาธรรมะออกไปเสียจากการศึกษาในวงการศึกษา
ที่ประเทศไทยเรามันเป็นประเทศเล็กเป็นประเทศตามก้น ตามก้นเขาเลยไปทำอย่างเขา มันก็เลยไม่มีธรรมะไม่มีศาสนาด้วยเหมือนกัน เราขอเรียกการศึกษาชนิดนี้ว่า การศึกษาระบบ หมาหางด้วน หรือว่า พระเจดีย์ยอดด้วน ถ้าหมาหางด้วนมันวิ่งเปะๆ ปะๆ ไม่ตรงทาง ถ้าพระเจดีย์ยอดด้วนมันไม่สวยมันไม่งาม ไอ้การศึกษาที่มันขาดธรรมะ รู้แต่หนังสือกับอาชีพ เป็นการศึกษาหมาหางด้วน อย่างดีก็เป็นพระเจดีย์ยอดด้วน
อย่างนั้นการที่เธอมาสนใจศึกษาในส่วนที่ธรรมะส่วนที่เป็นธรรมะมาที่นี่ ก็ขอแสดงความยินดี ว่าจะไปชดเชยการศึกษาหมาหางด้วนที่มันมีอยู่ๆ นั่น มันขาดอยู่ ฉะนั้นเธอจงสนใจศึกษาธรรมะ โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หรือว่าจะศึกษาได้โดยวิธีใดก็ตาม มาชดเชยให้เป็นการศึกษาที่ ๓ แล้วการศึกษาของเราก็จะไม่เป็นเหมือนกับหมาหางด้วน นั้นจึงขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้านักเรียนนักศึกษาหรือครูบาอาจารย์ก็ตาม สนใจจะศึกษาธรรมะและก็ไปสั่งสอนอบรมกัน ให้มีการศึกษาส่วนที่ ๓ เพื่อจะได้เป็นมนุษย์กันอย่างไร
พวกเธอลองคิดดู ถ้าเธอเรียนแต่หนังสือกับอาชีพ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นคนนี้เป็นกันทำไม เป็นอย่างไร เกิดมาทำไม ไม่รู้แน่ ก็ได้แต่เดาเอาว่าเป็นคนทำไม เกิดมาทำไม อะไรดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ มันก็ไม่รู้ และมันก็ดำเนินชีวิตไปอย่างหมาหางด้วน ไม่มีอะไรเป็นเครื่องบำรุงให้มันตรงทาง เหมือนกับเรือไม่มีหางเสือ หรือว่านกไม่มีหางมันบินให้ตรงไม่ได้
เราจะพยายามในส่วนนี้ คือ มีการศึกษาธรรมะ มันช่วยให้มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ขอยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าฝากไปด้วยว่า การศึกษาเพียง ๒ ระบบนั้น ไม่ทำคนให้เป็นมนุษย์ได้ ถ้ามันยังมีอะไรที่ยังไม่รู้ มันยังมืดอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นคนกันทำไม และที่มันเห็นอยู่ชัดๆ มันเป็นอันตราย รู้หนังสือรู้อาชีพนั้นมันไม่พอที่จะควบคุมว่า อย่าประพฤติให้ผิดธรรมะ
อย่างที่เรียกว่าคอรัปชั่นโกงกินอะไรไปนานาสารพัดอย่าง เพราะมันไม่มีธรรมะ มันรู้แต่หนังสือรู้แต่อาชีพ มันก็ทำอาชีพได้กว้างขวางใหญ่โตร่ำรวย แต่แล้วมันก็เห็นแก่ตัว มันก็ทำปัญหาให้เกิดขึ้น ตัวเองก็นอนไม่ค่อยหลับ คนที่ไม่มีธรรมะนี่มันนอนไม่หลับ มันมีวิตกกังวลมาก และมันก็ปวดหัวมาก ไอ้คนที่ไม่มีธรรมะ แม้เป็นนักเรียนอย่างนี้แหละ ถ้าไม่มีธรรมะแล้วมันจะปวดหัวบ่อยปวดหัวมาก เพราะมันไม่รู้ทำจิตใจอย่างไร แล้วมันก็จะนอนหลับยาก มันต้องหายานอนหลับกิน ถ้าอย่างนี้แล้วก็เลวกว่าสัตว์เดรัจฉานแล้วแหละ เพราะว่าสัตว์เดรัจฉานไม่เคยปวดหัว สัตว์เดรัจฉานไม่เคยนอนไม่หลับจนต้องกินยานอนหลับ ที่นี้เรามันต้องกินยานอนหลับ กินยาปวดหัว ทั้งโลกนี่รวมกันแล้วคงจะกินเป็นตันๆ เลย ยาแก้ปวดหัวกับยาแก้นอนไม่หลับ ไอ้สัตว์เดรัจฉานมันไม่ต้องกิน มันไม่มีอาการที่ต้องปวดหัวหรือนอนไม่หลับ
และมันก็ยังจะเป็นโรคประสาท อย่างที่ว่าเดี๋ยวนี้มีกันหลายแสนคนในประเทศไทย ก็จะเป็นโรคจิตที่ว่าเดี๋ยวนี้มีกันหลายหมื่นคน นี่เพราะว่าไม่มีธรรมะ ไม่รู้จะดำรงจิตไว้อย่างไร มีแต่ความวิตกกังวล อาลัยอาวรณ์ หวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา เนี่ยไม่มีธรรมะ ส่วนตัวก็เป็นทุกข์เหลือประมาณ ก็ยังเป็นอันธพาลเบียดเบียนคนอื่นให้เป็นทุกข์ เดี๋ยวนี้ในโลกนี้อันธพาลมากขึ้น เพราะว่าศาสนาหรือธรรมะมันลดลงไปหรือไม่มีเลย ไม่ได้เป็นแต่ในประเทศไทยเรา ประเทศอื่นๆ ทั่วๆโลกก็มีความเป็นอันธพาลมีมากขึ้น มันก็เลยเดือดร้อนกันมากขึ้น ก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นแหละที่ว่าธรรมะจะต้องกลับมา
เรามีธรรมะดำรงจิตไว้ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องนอนไม่หลับ ไม่ต้องเป็นโรคประสาท ไม่ต้องเป็นโรคจิต นี่มันดีในส่วนบุคคลมีความสุข แล้วส่วนสังคมมันก็ไม่เบียดเบียนกัน คนที่มีธรรมะเขาไม่เบียดเบียนกัน ฉะนั้นเรามานึกถึงศีลธรรมหรือธรรมะนี้กันบ้าง เพื่อให้ความเป็นมนุษย์ของเราสมบูรณ์
เธอจะต้องแสวงหาเอาเป็นส่วนตัว มาชดเชยที่มันขาดอยู่ในระบบการศึกษานี่บังคับ ดูเหมือนจะมีบ้างในโรงเรียนเรื่องศีลธรรม ในฐานะเป็นสังคมศึกษานิดๆ หน่อยๆ แล้วก็จดเก็บไว้ในสมุด อย่างนี้ไม่ ไม่ ไม่ ไม่พอไม่สำเร็จประโยชน์ ไอ้ความรู้ทางศีลธรรมที่จดเก็บไว้ในสมุดนั้นไม่มีประโยชน์ แม้เอามาตอบข้อสอบ สอบไล่ได้ก็ยังไม่มีประโยชน์ มันเพียงแต่สอบไล่ได้มันยังไม่มีประโยชน์ มันไม่มาอยู่ที่เนื้อที่ตัว คือจะทำให้เราไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องนอนหลับยาก หรือเป็นโรคประสาท เป็นโรคจิต เป็นต้น เธอต้องมีความรู้ธรรมะชนิดที่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องนอนไม่หลับ ไม่ต้องเป็นโรคประสาท ไม่ต้องเป็นโรคจิต ถึงจะได้ และยังจะต้องมีผลไปถึงสังคมเพื่อนมนุษย์ของเราไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะเบียดเบียนกันด้วย
ฉันอยากจะพูดอย่างที่เคยพูดด้วยคำสรุปไว้ให้จำง่าย ๆ ว่า ขอให้เด็กๆ ทุกคนเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ข้อที่ ๑ ข้อที่ ๒ เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ข้อที่ ๓ ให้เขาเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ข้อที่ ๔ ให้เขาเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ ข้อที่ ๕ ให้เขาเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า ๕ ชนิดต้องให้ดีได้ ๕ ชนิดนี้ เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นพุทธมามกะที่ดี
เดี๋ยวนี้การศึกษาที่เขาให้เท่าที่มีอยู่นั้นมันไม่พอ มันยังไม่เป็นบุตรที่ดี นักเรียนนักศึกษายังทำให้บิดามารดาน้ำตาตก มันเป็นบุตรที่เลว บุตรที่ทำให้บิดามารดาร้อนใจมันเป็นบุตรที่เลว แล้วบุตรที่ทำให้บิดามารดาน้ำตาตก นั่นเป็นบุตรที่เลวที่สุด สุดเหวี่ยงเลย ฉะนั้นใครที่ยังทำให้บิดามารดาคับอกคับใจร้อนอกร้อนใจน้ำตาตกอยู่ ยังไม่เป็นบุตรที่ดี เพราะว่าการศึกษาของเขาไม่พอ รู้แต่หนังสือรู้แต่วิชาชีพ ไม่รู้จักความเป็นมนุษย์
เขาไม่เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เขาเห็นครูนี้สอนมีเงินเดือนเป็นอาชีพ เขาไม่เคารพครูบาอาจารย์กันไอ้นักเรียนสมัยนี้เขาไม่เคารพครูบาอาจารย์ เขาเห็นว่าเห็นครูบาอาจารย์เขาทำงานอาชีพสอนหนังสือเลี้ยงชีวิตไม่ใช่ผู้มีบุญคุณอะไรกับเรา ถ้าเด็กคนไหนคิดอย่างนี้ล่ะก็คิดเสียใหม่เถอะมันยังเข้าใจผิดอยู่มาก นี่เราหมายถึงสถาบันของครูบาอาจารย์ในโลก ไม่ใช่บุคคลเป็นคนๆ
ในโลกนี้มันต้องมีครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์คนแรกคือบิดามารดานั้นก็จริงอยู่ แต่แล้วมันก็เต็มหน้าที่ มันก็เลยมาให้ครูบาอาจารย์ที่โรงเรียนเพื่อจะดำเนินการอบรมสั่งสอนต่อไป จนกระทั่งจะมามีครูบาอาจารย์ที่วัดที่วาในทางศาสนา มันจึงจะสมบูรณ์
ครูบาอาจารย์นี่เขาถือว่าเป็นผู้นำในทางวิญญาณ นำโลกไปให้ถูกต้อง คำว่า “ครู” นี่ภาษาอินเดีย แปลว่า ผู้นำในทางวิญญาณ เมืองไทยเราจะแปลว่าอะไรก็ไปเปิดดูพจนานุกรมเองเถิด คำโบราณดึกดำบรรพ์โน่นเขาแปล ผู้เปิดประตูคอกแห่งสัตว์ คือว่าสัตว์อยู่ในความโง่เหมือนกับคอก แล้วครูก็เปิดประตูให้สัตว์ออกมาจากความโง่มาสู่แสงสว่าง นั้นคำว่า ครู แปลว่า ผู้เปิดประตูให้แก่หมู่สัตว์ในทางวิญญาณ บางทีเราก็เรียกง่ายๆ ว่า ผู้นำในทางวิญญาณ นี่คือ “ครู”
ฉะนั้นดูประโยชน์ที่ครูให้แก่เราแล้ว มันมากมายกว่าเงินเดือนที่ครูได้รับ ถ้าไม่ให้ครูกินอาหาร แล้วครูจะกินอะไร แล้วมันก็ตาย แล้วมันจะได้สอนกันยังไง มันต้องมีเรื่องที่ว่าครูบาอาจารย์ต้องมีอาหารกิน ต้องรับค่าตอบแทนที่ให้รอดชีวิตอยู่ และก็สอนอบรมศิษย์ให้ได้รับประโยชน์ มีค่ามากกว่าเงินเดือนที่ครูได้รับมากมายนัก ฉะนั้นครูจึงไม่ใช่ลูกจ้าง ครูจึงไม่ใช่ผู้ทำการสอนเพื่อเลี้ยงชีวิตหรือสักว่าเลี้ยงชีวิต หน้าที่ของครูคือทำดวงวิญญาณของสัตว์ในโลกนี้ให้มีแสงสว่างเดินถูกทาง
พวกเราคงจะพอมองเห็น ถ้าไม่โง่เกินไปคงจะมองเห็นว่า ครูนี่เป็นผู้สร้างโลก เหมือนพระเจ้าสร้างโลก จะสร้างให้ดีให้เลวอย่างไรมันก็แล้วแต่ผู้สร้าง เพราะว่าโลกนี่มันประกอบขึ้นมาด้วยคนทุกคนในโลก ไอ้คนทุกคนในโลกเป็นอย่างไรไอ้โลกมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ จะดีหรือเลวมันก็เป็นอย่างที่คนทุกคนในโลกมันกำลังเป็น ทีนี้คนในโลกแต่ละคนมันจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ครูเขาปั้นขึ้นมา คือเขานำเขาจูงในทางวิญญาณขึ้นมา ถ้าครูทุกคนสร้างคนดีขึ้นมาในโลก โลกนี้มันก็ดี ครูก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลกที่ดี
ขอให้เราร่วมมือกันกับครูมองเห็นข้อเท็จจริงอันนี้แล้วก็ช่วยกันสร้างโลก เรานี่เป็นหน่วยวัตถุที่ครูเขาจะสร้างให้ดีหรือเลว และก็ไปรวมกันเป็นโลกในอนาคต เพราะฉะนั้นโลกในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้แหละ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับครูที่ว่าจะสั่งสอนกันอย่างไร ถ้าครูทำหน้าที่ถูกต้องก็คือให้คนทั้งหลายเดินถูกทางไม่มีความทุกข์ในส่วนตัว และก็ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เป็นความทุกข์แก่สังคม
เมื่อบุคคลก็ไม่เป็นทุกข์ สังคมก็ไม่เป็นทุกข์แล้วมันก็หมดปัญหาล่ะคนเราไม่ต้องการให้มันมากไปกว่านั้น คนแต่ละคนไม่มีความทุกข์ เขาช่วยเหลือเกื้อกูลแก่กันและกันจนสังคมก็ไม่มีความทุกข์มันไม่มีความทุกข์ทั้งบุคคลและสังคมมันก็พอแล้ว
ฉะนั้นเธอจึงเตรียมตัวเป็นบุคคลชนิดที่ตัวเองก็ไม่มีความทุกข์ และความมีอยู่แห่งเราเป็นประโยชน์แก่คนรอบด้านที่แวดล้อมเรา เขาก็พลอยได้รับประโยชน์คือไม่เป็นทุกข์ แปลว่าเราจะอยู่กันอย่างที่แต่ละคนละคนไม่เป็นทุกข์ และรวมกันหมดแล้วก็ไม่เป็นทุกข์ นั่นแหละคือวัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ ทำให้มนุษย์มีศีลธรรม
ขอบอก เดี๋ยวนี้เรายืนยันตลอดกาลเลยว่า การศึกษานั้นต้องเป็นการใส่ศีลธรรมลงไปในหัวกระโหลกของมนุษย์ ใช้คำมันหยาบคายไปหน่อยว่า หัวกระโหลก การศึกษานั้น คือการใส่ศีลธรรมลงไปในมันสมองในศีรษะในชีวิตของมนุษย์ ไม่เพียงแต่ให้มันรู้หนังสือ ไม่เพียงแต่ให้มันมีอาชีพ นั่นมันการศึกษาหมาหางด้วน นี่อยากตะโกนให้ลั่นโลกไปเลยว่า การศึกษาหมาหางด้วน มันจะรู้หนังสือกับอาชีพ มันไม่มีศีลธรรมอยู่ในจิตในใจของไอ้คนเหล่านั้น การศึกษาที่สมบูรณ์ที่ไปจนถึงที่สุดนั่นคือการทำให้คนมีศีลธรรม นั้นเราเติมของเราให้เต็มถ้ามันยังพร่องอยู่ในส่วนนี้ เราขวนขวายเติมให้เต็ม คือว่าเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเติมให้เต็ม และเราเป็นศิษย์ที่ดี กตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์
ดีที่ ๑ เป็นบุตรที่ดีของพ่อแม่ ดีที่๒ เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ และดีที่ ๓ ก็เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ไม่ต้องถามอะไร ที่นั่งอยู่นี่ใครเคยด่าเพื่อน ใครเคยชกต่อยเพื่อนบ้าง มันคงจะมีทั้งนั้นแหละ ระหว่างโรงเรียนมันก็มี ระหว่างมหาวิทยาลัยมันก็มี ในสนามกีฬา มันเป็นกีฬาที่เลวที่สุดแล้วที่มันชกต่อยกันในสนามกีฬา ใช้ระเบิดขวดก็มีอะไรก็มี ไอ้การกีฬาที่ว่าสร้างความเป็นมิตรที่ดี มีเจตนารมณ์ของน้ำใจของนักกีฬา มันไม่ดีซะแล้ว เพราะมันไม่มีธรรมะ มันไม่ได้เน้นเรื่องธรรมะ
นักกีฬาที่ไม่มีธรรมะมันไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่ามันกัดกันช่วยจำไว้ด้วย ในวงนักกีฬาในสนามกีฬาที่นักกีฬาไม่มีธรรมะแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าที่มันกัดกัน เพราะฉะนั้นจงเอาไปให้แก่นักเรียนนักศึกษานักกีฬาแล้วเราก็จะได้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน
อย่างนั้นเราไม่ชกต่อยกัน ถ้าเพื่อนล่วงเกินมา เราให้อภัย ไม่ใช่ชกตอบ ในลัทธิที่ว่าฟันต่อฟันตาต่อตา เขาชกเรามาฟันหักซี่ เราต้องชกเขาให้ฟันหักซี่ หรือ ๒ ซี่ก็ยิ่งดี นั่นเขาป่าเถื่อน พระเยซูยกเลิกลัทธินี้เสียแล้ว มันเป็นลัทธิที่มีอยู่ก่อนพระเยซู พระเยซูท่านออกมาประกาศสั่งสอนให้ยกเลิกลัทธิบ้าๆ นี้เสียแล้วที่ว่าฟันต่อฟันตาต่อตา คือไม่ให้อภัย มาทำอะไรให้ต้องกลับไปเท่านั้น เขายกเลิกไปแล้ว
นั้นเราก็อย่าถึงกับว่า เขาด่ามาก็ด่าตอบ เขาตีมาก็ตีตอบ ให้มันดีกว่านั้นดีกว่า รู้จักทำให้มันเรียบร้อยกันไป ยกเลิกกันไป ยังคงเป็นมิตรกันต่อไปด้วยอำนาจของศีลธรรม และเราก็จะอยู่กันเป็นผาสุก โลกนี้ก็อยู่กันเป็นผาสุก นี่เรียกว่าเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน จึงหวังว่านักเรียนจะไม่มีการวิวาท การด่า การตีรันฟันแทงอะไรกันอีก เพราะว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน
ทีนี้โตขึ้นเราก็จะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ นี่ไม่อยากจะพูดนักเพราะโรงเรียนเขามีหน้าที่ที่จะพูดอยู่แล้ว เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติอย่างไรรายละเอียดมันก็มากและก็พูดกันอยู่มากแล้ว แต่รวมความแล้วขออย่าเป็นผู้ที่เรียกว่าเห็นแก่ตน และก็ทำลายชาติ ทำลายชาติ การอยู่อย่างไม่มีชาตินั้นมันกระจัดกระจาย มันเป็นไปอย่างถูกต้องว่องไวไม่ได้ ก็อยู่อย่างมีชาติดีกว่า มาร่วมมือกันเป็นชาติแล้วก็อยู่กันเป็นผาสุก งั้นเราต้องเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
และต้องเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า นี่หมายความประพฤติธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องอย่างสมบูรณ์ ก็เป็น เป็นผู้ที่มีศีลมีธรรม แล้วมันแก้ปัญหาได้หมด ถ้าเราทุกคนเป็นลูกศิษย์ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดา เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เป็นพุทธมามกะของพระพุทธเจ้าให้ดีให้จริงให้ตรงแล้ว ปัญหาจะหมด คือ จะเป็นบุตรที่ดีของพ่อแม่ จะเป็นลูกศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ จะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติได้ง่ายนิดเดียว ถ้าประพฤติตรงตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจนเรียกว่าเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า ถ้าเคยทำพิธีพุทธมามกะประจำปีมาแล้วก็นึกถึงให้มากๆ อย่าให้เป็นเพียงพิธีรีตองแล้วเลิกกันไป ประพฤติให้เป็นพุทธมามกะจริงๆ มีศีลธรรม
นี่เวลาเหลือนิดเดียว นี่อยากจะพูดถึงว่าศีลธรรมนั้นมีหลักต้องปฏิบัติอย่างไร อันแรกนี่ ข้อ ๑ เราจะต้องไม่เห็นแก่ตัว ถือว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายของเราด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นทั้งจักรวาล บรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนี่เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายกับเรา พอเราเห็นอย่างนี้นึกได้อย่างนี้เราก็ไม่เห็นแก่ตัว งั้นศีลธรรมข้อที่ ๑ มันก็ต้องคือการไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ตัวก็ไม่มีวิวาท ชกต่อยกัน ตีรันฟันแทง คดโกง เป็นอันธพาลไปไม่ทันรู้ นั้นจงฝึกฝนความไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ผู้อื่นช่วยเหลือผู้อื่นตามที่ควรจะช่วย
คนแต่โบราณเขาถือปฏิบัติว่า ถ้ายังไม่ได้ให้คนอื่นกินแล้วตัวเองยังไม่กิน แต่เดี๋ยวนี้หาดูยากแล้วคนที่จะปฏิบัติอย่างนี้ เขาจะต้องเอาของที่จะกินให้เพื่อนให้ฝูงอะไรกิน ถ้าไม่มีอะไรก็ให้สัตว์กินให้นกกินให้อะไรกิน ไม่มีอะไรจะมากินจริงๆ เราก็วางให้มดน่ะ มดตัวเล็กๆ กิน แล้วมดตัวเล็กกินแล้วเราจึงจะไปกิน เพราะเขาถือหลักปฏิบัติว่า ถ้ายังไม่ได้ให้ผู้อื่นกินแล้วเราจะยังไม่กิน เดี๋ยวนี้คงจะหาดูยากแล้ว
เอาแต่เพียงว่า ถ้าเรามีส่วนที่จะเจือจานผู้อื่นได้บ้าง เราก็เจือจาน เพราะเพื่อนที่ยากจนที่ไม่มีอะไรเลยก็ยังมีอยู่ ถ้าเรามี ๑ บาท ให้เขา ๕ สตางค์จะเป็นอย่างไรไป ช่วยเหลือเขาได้ตามที่ควรจะช่วยได้ อย่างนี้เรียกว่า ฝึกหัดความรักผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว หรือจะมีอยู่ในหลักของลูกเสือด้วย แต่มันมีแต่หลักมันมีแต่ตัวหนังสือ มันไม่มีการปฏิบัติ ถ้านักเรียนคนไหนจะปฏิบัติก็ทำให้มันเป็นกิจลักษณะ จนพูดได้ว่าเดือนนี้เราได้ช่วยเหลือใครในลักษณะอย่างไร ช่วยเหลือด้วยสิ่งของ ช่วยเหลือด้วยเรี่ยวแรง ช่วยเหลือด้วยเงินทอง สติปัญญา อะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นการช่วย นี่ว่าต้องช่วยผู้อื่นหรือไม่เห็นแก่ตัวต้องถือว่าชีวิตทั้งหลายเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายนี่ ข้อที่ ๑ จะต้องมีอย่างนี้
และข้อที่ ๒ ขอให้บังคับความรู้สึก อยากโกรธก็โกรธ อยากรักก็รัก อยากด่าก็ด่า อยากตีก็ตี อยากขโมยก็ขโมย อยากล่วงละเมิดของรักของผู้อื่นก็ทำ นี่เพราะว่าเขาไม่บังคับจิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ศาสนาทุกศาสนามีการสอนเรื่องบังคับจิต แต่การศึกษาบ้าๆ บอๆ ในโลกสมัยนี้ซึ่งเราไปตามก้นเขาน่ะ เขาสอนว่าไม่ต้องบังคับจิต บังคับจิตเป็นการกดดัน เสียอิสรภาพของมนุษย์ ไม่ถูกต้องตามประชาธิปไตย ฉะนั้นเด็กๆ นักเรียนไม่ต้องบังคับจิตไม่ต้องบังคับความรู้สึก อย่างนี้เป็นการศึกษาบ้า มันเดินตรงข้ามกับศาสนาหรือธรรมะซึ่งต้องการให้บังคับตัว
บังคับตัวคือบังคับจิต บังคับจิตคือบังคับกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง เรียกว่า กิเลส มันจะมาจูงจมูกเราไปทำอะไรเราก็ไม่ไป นี่เรียกว่าบังคับจิต ฉะนั้นเธออย่าให้ไอ้กิเลสนี่จูงไปหาอบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน ที่มันเรียนไม่สำเร็จ สอบไล่ตกกันเป็นฝูงๆ เพราะว่ามันทำอบายมุข ๖ ประการนี้ เพราะมันไม่บังคับจิต ถ้าอยากเรียนดี เรียนสอบได้ดี ต้องบังคับจิตอย่าไปแตะต้องอบายมุข
แล้วทีนี้ก็มาถึงข้อที่ ๓ สนุกในการทำการงาน นี่ทำข้อที่ ๓ สนุกเป็นสุขเมื่อทำการงาน ไม่ใช่เมื่อไปเที่ยวอันธพาลตามท้องถนน ตามนั่นที่เหมือนกับที่เขาชอบกระทำกันมาก ไปเที่ยวกิน เที่ยวดื่ม เที่ยวเล่น เที่ยวสรวลเสเฮฮา นั่นมีความสุข นั่นมันความสุขของคนโง่ ถ้าความสุขทางธรรมะทางศาสนาต้องเป็นสุขเมื่อกำลังทำการงาน ถ้าเป็นนักเรียนการเรียนนั่นแหละคือการงาน ถ้าเป็นผู้ที่ไม่เรียนแล้วเป็นพ่อบ้านแม่เรือนแล้วการงานเขาก็มี แล้วแต่จะเป็นข้าราชการหรือเป็นชาวนาล้วนแต่มีการงาน และต้องเป็นสุขสนุกสนานเมื่อกำลังทำการงาน ไม่อยากจะเลิกงาน ไม่อยากจะไปดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน คิดดูสิปัญหาอะไรจะเกิดขึ้น
แล้วก็ประสบความสำเร็จในการเรียน เรียนได้ดี เพราะเป็นสุขสนุกในการงาน ไม่ใช่เอาวิทยุมาเปิดฟัง ทำการบ้านพลางนี่มันโง่ที่สุด ใครทำขอให้เลิกซะ ต้องเอาวิทยุมาเปิดฟัง ทำการบ้านไปพลาง มันโง่ที่สุด มันไม่สำเร็จหรอก มันสร้างนิสัยเลวขึ้นมา เราจะต้องบังคับความรู้สึก ไม่ต้องเอาวิทยุมาฟัง จะทำการบ้านให้ดีที่สุดเลย การเรียนของเราก็ดีจริงก้าวหน้าและเจริญนั่น นี่เรียกว่าสนุกในการทำหน้าที่ของตน แล้วแต่ว่ามีหน้าที่อย่างไร นี่เรียกว่า การงาน
๓ ข้อนี้พอแล้ว รักผู้อื่นเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย แล้วก็ ๒ บังคับความรู้สึกให้อยู่ในร่องในรอยของความถูกต้อง ข้อ ๓ เป็นสุขเหลือประมาณเมื่อได้ทำหน้าที่การงานหรือว่าทำตามที่เราบังคับความรู้สึกอยู่ และการงานของเราจะมีผลเต็มที่ แล้วปัญหามันก็หมด เราจะมีความสุขส่วนตัว เราจะมีประโยชน์แก่คนทุกคน ไอ้ ๓ ข้อนี้ขยายออกไปเป็นข้อปลีกย่อยหลายสิบข้อก็ได้ หลายร้อยข้อก็ได้ แต่ขอให้จำหลักใหญ่ๆ ไว้ว่า มันจะต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องรักผู้อื่น ต้องบังคับความรู้สึกให้อยู่ในความถูกต้อง อย่าซ่อนเร้นอย่าหลอกลวง และก็สนุกเมื่อทำการงานเมื่อเรียนหนังสือสนุกที่สุด ให้สนุกกว่าที่ไปเล่นฟุตบอลหรือไปทำอะไรเสียอีก นั้นต้องบังคับจิตได้ดีจึงจะสนุกในการเรียนหรือการงาน ไอ้ ๓ ข้อนี้เป็นรากฐานของศีลธรรมทั้งหลาย เธอรักผู้อื่น เธอบังคับความรู้สึก และเธอสนุกในการทำการงาน
เวลามันไม่อำนวยให้พูดได้มากมายนักก็จะหยุดแล้ว ขอเตือนว่าได้มาที่นี่ มาศึกษาไอ้ความรู้ที่ ๓ ชดเชยที่มันยังขาดอยู่ ศึกษาที่ ๑ เรียนหนังสือ ศึกษาที่ ๒ เรียนอาชีพ ศึกษาที่ ๓ เรียนธรรมะ มาที่นี่เราก็ได้นั่งกลางดินอย่างนี้แหละ เพราะว่าเราต้องการจะถวายเกียรติยศแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นท่านประสูติกลางดินนะ ทางพุทธประวัติที่เคยเรียนกันมาแล้ว ท่านประสูติกลางดิน แล้วท่านก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็นั่งกลางดิน นั่งตรัสรู้กลางดิน และท่านไปสอนใครต่อใคร สอนสาวกที่วัดของท่านก็สอนกลางดิน นั่งกลางดินที่ไหนก็ได้ กุฏิพื้นดิน โรงฉันพื้นดิน ห้องประชุมพื้นดิน ลัวในที่สุดท่านปรินิพพานก็กลางดิน
จงถวายเกียรติแก่พระพุทธเจ้า คือชอบ ชอบ ชอบกลางดิน ชอบที่จะนั่งกลางดิน พระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน ปรินิพพานกลางดิน พอเราได้นั่งกลางดินเราก็ชื่นอกชื่นใจ เป็นอนุสสติ ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า นี่ขอให้จำไว้วันนี้มานั่งกลางดินที่สวนโมกข์ ทำในใจนึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างเต็มที่โดยประการทั้งปวง
และอย่าได้ลืมเสีย อย่าไปอยู่ตามโรงเหล้าโรงกาแฟโรงอะไร มันก็ไม่ได้พบพระพุทธเจ้า มานั่งลงกลางดินมานั่งกับพระพุทธเจ้า มาอยู่กับพระพุทธเจ้า ขอให้ชอบชีวิตที่ต่ำ การเป็นอยู่ทางวัตถุที่มันต่ำ และให้มันสูงในทางจิตใจ อย่างนี้จะง่ายดายสำหรับการเป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี กระทั่งเป็นพุทธมามกะที่ดี
เวลาอำนวยให้เท่านี้ ขอยุติด้วยความหวังว่า นักเรียนทุกคนจะมีความเจริญงอกงาม ก้าวหน้า ในหน้าที่ของตน คือ การเรียนการศึกษา ให้ประสบความสำเร็จ สมตามความมุ่งหมายทุกๆ ประการเทอญ