แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาตมาภาพมีความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย ที่เป็นนักศึกษา นักบริหารระดับกลาง และยังได้มีการทำบุญ ถวายปัจจัย วัตถุ สำหรับความเป็นอยู่ของภิกษุสงฆ์ ส่วนนี้ก็ขออนุโมทนา ขอให้เข้าใจว่าเป็นการช่วยกันบำรุงพระศาสนา คือพระศาสนาจะมีอยู่ได้ก็เพราะมีคนบวช มีคนเรียน มีคนปฏิบัติ มีคนได้รับผลของการปฏิบัติ และก็สอนสืบๆต่อกันไป ปัจจัยวัตถุเหล่านี้ ก็เพื่อส่งเสริมให้วัดมีอยู่ได้ มีการบวช การเรียน การปฏิบัติ การสั่งสอนสืบต่อๆกันไป ขอให้มองเห็นว่า เป็นการทำประโยชน์ทั้งโลก พุทธศาสนามีอยู่ในโลก โลกนี้ก็ยังปลอดภัย คือธรรมะมีอยู่ในโลกก็คุ้มครองโลกตามหน้าที่ของธรรมะ ตามธรรมชาติของธรรมะ ซึ่งมีไว้สำหรับคุ้มครองโลก ขอให้มองเห็นโดยประจักษ์ว่าการช่วยกันทำให้ ธรรมะมีอยู่ในโลกนั้น คือการทำประโยชน์แก่โลก และขอให้มองเห็นว่าการที่โลกขาดธรรมะ นั้นแหละคือความวินาศของโลก เดี๋ยวนี้เราก็พอจะมองเห็นกันได้ว่าโลกนี้กำลังมีวิกฤตการ ซึ่งจะเรียกง่ายๆก็คือ ความเลวร้าย เรียกว่า วิกฤตการ เกิดขึ้นในโลกมากยิ่งขึ้นเพราะว่าโลกมันขาดธรรมะ เพราะการศึกษามันหดสั้นเข้ามาไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวนี้เค้าให้เรียนกันแต่หนังสือกับวิชาชีพเท่านั้นแหละ ไอ้เรื่องธรรมะทางจิตทางใจ ไม่ให้เรียน เอาอย่างกันหมดทั้งโลก ประเทศที่นำหน้ามันก็เริ่มเอาศาสนาออกไปจากการศึกษา โดยเห็นว่าไม่จำเป็น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการเศรษฐกิจ มันเอาศาสนาออกไปเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครอยากได้ก็ไปหาเอาเอง ไม่เอามารวมไว้ในการศึกษา การศึกษามันจึงขาดวิชาธรรมะ สำหรับความเป็นมนุษย์อย่างถูกต้อง มีแต่เรียนหนังสือฉลาดและก็ประกอบอาชีพให้เต็มที่ ยิ่งรวยยิ่งเห็นแก่ตัว ในที่สุดเราก็เต็มไปด้วยคนเห็นแก่ตัวในโลกนี้ ซึ่งมีแต่การศึกษาที่มันขาดธรรมะ ขาดศาสนา อาตมาได้พูดเรื่องนี้มา 2-3 เดือนแล้ว ทางวิทยุกระจายเสียง วันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนนะว่า เรากำลังมีการศึกษาที่เป็นเหมือนหมาหางด้วน ระบบการศึกษาที่เหมือนกับหมาหางด้วน ให้เรียนแต่หนังสือกับให้เรียนแต่วิชาชีพ ไม่เรียนธรรมะสำหรับเป็นมนุษย์ให้ถูกต้อง และก็ประสบผลเลวร้ายหรือโทษการที่การศึกษามันไม่สมบูรณ์ ขอให้ดูว่าโลกนี้มันปราศจากธรรมะยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ธรรมะมันน้อยลง น้อยลง จะหามาทำยาหยอดตาก็ยากแล้ว ดูไปทางไหนมีแต่ความเห็นแก่ตัว ค่อยจ้องที่จะเอาเปรียบ และก็มีการแก่งแย่งทะเลาะวิวาท เพราะความเห็นแก่ตัว องค์การสหประชาชาติไม่ได้มีไว้สำหรับทำอะไร นอกจากมีไว้สำหรับแก้ปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาทของประเทศชาติ ที่มันล้วนแต่เห็นแก่ตัว ยังแบ่งพรรคแบ่งพวกด้วยความเห็นแก่ตัว ต่อสู้กัน ไม่มีอะไรนอกจากต้องคอยทะเลาะวิวาท และก็คอยระงับการทะเลาะวิวาท ไม่ได้ทำให้ธรรมะเกิดขึ้น มันจึงไม่ทำให้มีสันติภาพในโลกนี้ เพราะมัวแต่ทะเลาะกัน และก็คอยแต่ที่จะศึกษาแก้ไขการทะเลาะ เหมือนกับจับปูใส่กระด้ง ไม่มีวันที่จะสิ้นสุดได้ โลกก็ยังไร้ธรรมะ ยิ่งขาดธรรมะ ขอให้มองดูว่าปัญหาเลวร้ายต่างๆนั้นมาจากปัญหาทางศีลธรรม ขาดธรรมะ ขาดศีลธรรม ก็จะเกิดปัญหานานาประการขึ้นมาในโลก แต่คนก็ไม่มองกันอย่างนั้น ส่วนมาก ส่วนใหญ่มองไปว่าเป็นปัญหาเศรษฐกิจ และก็มัวแก้เศรษฐกิจ ไม่มองถึงต้นเหตุของปัญหาอันแท้จริง คือความขาดศีลธรรม จึงเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงเกิดปัญหาทางการเมือง ทางสงคราม อะไรต่างๆ เพราะคนมันขาดศีลธรรม ยกตัวอย่างง่ายๆว่า แม่ค้าวางหาบเกะกะ ตามทางเท้า นี้มันเป็นปัญหาเศรษฐกิจหรือเป็นปัญหาทางศีลธรรม เค้าว่าเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ อาตมาว่าไม่ใช่ มันเป็นปัญหาทางศีลธรรม ถ้าแม่ค้ามีศีลธรรมบ้าง มันไม่วางหาบเกะกะตามทางเท้า เพราะว่า เรารีบร้อนที่จะหาเงินเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ มันจริง แต่ที่ทำให้มันวางเกะกะตามทางเท้านั้น มันเป็นความไม่มีศีลธรรม ถ้าเค้ามีศีลธรรมเค้าก็คิดอย่างอื่น ไม่ต้องวางให้มันเกะกะตามทางเท้าก็เค้าละอายบาป จากตัวอย่างเล็กๆ จะพอมองเห็นว่ามันเป็นปัญหาทางศีลธรรม คนยากจน มันเป็นปัญหาทางศีลธรรม ก็ตามหลักของศีลธรรมในพระพุทธศาสนานั้น คนขี้เกียจ คือคนไม่มีศีลธรรม คนประกอบอบายมุข คือดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน ที่เรียกว่า อบายมุข นี้มันไม่มีศีลธรรม มันเป็นคนไร้ศีลธรรม และมันยังขี้เกียจทำงาน ขี้เกียจทำงาน คือไม่ทำหน้าที่ของมนุษย์ ไม่ทำหน้าที่ของมนุษย์ ก็คือไม่มีศีลธรรม อย่างมนุษย์ ถ้าเค้ามีศีลธรรม เค้าก็สนุกในการทำงาน ถ้าเค้าไม่ประกอบอบายมุข เค้าก็ไม่เดือดร้อนในเรื่องทางเศรษฐกิจ ต้นตอของปัญหามันอยู่ที่ขาดศีลธรรม มันไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ เพราะขาดศีลธรรมมันเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ยากจน เมื่อยากจนก็เบียดเบียน เมื่อเบียดเบียนก็อาฆาต โกรธแค้น มันก็จะฆ่า จะล้างกัน อย่างที่เรียกว่า ล้างโคตรได้ การทะเลาะวิวาทระหว่างชาติที่เรียกว่า สงคราม ก็เหมือนกัน มันตั้งต้นด้วยความไม่มีศีลธรรม ปัญหาเรื่องซ้าย เรื่องขวา นี้ก็คือขาดความรู้ทางศีลธรรม ไม่อยู่ตรงกลาง คนมันโง่ถึงขนาดว่า มันจะแยกเป็นซ้าย แยกเป็นขวาได้ นี้มันโง่ขนาดหนัก เพราะทางธรรมชาติแล้วมันแยกไม่ได้ เหมือนคนเราต้องมีมือขวา มือซ้าย ถ้ามือขวามันคันขึ้นมา มือซ้ายจะได้ช่วยเกา ถ้าแยกเป็นคนละมือไม่เกี่ยวข้องกันแล้วมันจะเอาอะไรมาเกา มนุษย์ก็อยู่กันได้อย่างที่เรียกว่า ถูกต้อง ตามทางของศีลธรรม คือ อยู่ตรงกลาง แม้จะมีความเหลื่อมล้ำ ต่ำสูงกันอย่างไร ถ้ามีศีลธรรมแล้วมันอยู่กันได้ จะมั่งมีลอยฟ้า จะยากจนจมดิน ถ้ามันมีศีลธรรมและมันอยู่กันได้ ดูต้นไม้นี้ ต้นไม้มันใหญ่สูงมากแต่ตะไคร้เขียวๆเกาะอยู่ตามเปลือก มันนิดเดียว แต่มันอยู่กันได้ นี้คนที่เหลื่อมล้ำต่ำสูง มันควรจะอยู่กันได้อย่างนี้ ถ้ามีศีลธรรม คนร่ำรวยก็รักคนยากจน คนยากจนก็รักคนร่ำรวย เพราะมันมีศีลธรรม โดยเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น คนฉลาดก็สงสารคนโง่ คนโง่ก็รู้จักรักและคบหาคนฉลาดมันก็อยู่กันได้ คนแข็งแรงก็เห็นอกเห็นใจคนอ่อนแอ คนอ่อนแอก็ทำตนให้เป็นที่เข้ากันได้กันกับคนแข็งแรง มันอยู่กันได้อย่างนี้ ถ้าความไม่มีศีลธรรมเกิดขึ้น มันก็เกลียดชังกัน ทำตนเป็นศัตรูกันและล้างผลาญกัน และอะไรมันจะวอดวาย มันก็ต้องวอดวายทั้งสองฝ่าย นี้คือปัญหาปัจจุบัน ในโลกนี้ที่มันขาดศีลธรรม แบ่งเป็นฝ่าย ฝ่ายเค้าและฝ่ายเรา เพราะความเห็นแก่ตัว ที่มันขาดศีลธรรมและปัญหาทางเศรษฐกิจ มันก็จะเกิดขึ้น ปัญหาทางการเมือง มันก็จะเกิดขึ้น เพราะมันขาดศีลธรรม ศีลธรรม ในศาสนาทุกศาสนา ไม่ว่าศาสนาไหนมันไปสรุปอยู่ที่คำๆเดียวว่า รักผู้อื่น ที่พูดว่า รักผู้อื่น คนส่วนมากว่า มันเรื่องขี้เหล่ เรื่องขี้ประติ๋ว เรื่องนิดเดียว เค้าไม่รู้ว่านั้นคือ หัวใจของทุกๆศาสนา
ศาสนาพุทธสอนให้อยู่กันอย่างเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อุดมคติของพระโพธิสัตว์ คือรักผู้อื่นยิ่งกว่าตัว พระพุทธเจ้าท่านเสียสละทุกอย่างด้วยความเมตตาแก่สรรพสัตว์ ท่านจึงสอนเรื่องรักผู้อื่น ศาสนาคริสเตียนจึงเน้นมาก เน้นไว้ไพเราะกว่าศาสนาไหน เรื่องรักผู้อื่น
ศาสนาอิสลามก็เปิดดูในอัลกูรอ่านจะพบข้อความมากมาย เหมือนกับประมวลกฎหมายแพ่ง ที่ให้เห็นแก่ผู้อื่น ให้เกียรติออกไปเพื่อผู้อื่น ให้ส่งเสริมส่วนกลางที่มีไว้เพื่อผู้อื่น ถ้าศาสนาอิสลามก็ถือดาบจริง ก็หมายความว่า ถือดาบมาเพื่อให้มันเกิดความรักกัน ถือดาบมาเพื่อให้คนมันรักกัน เพื่อรักผู้อื่น ทุกศาสนาจะเน้นความรักผู้อื่นเป็นหัวใจ ถ้าไม่มีคำสั่งสอนเรื่องรักผู้อื่นแล้วมันไม่มีศาสนา มันไม่ใช่ศาสนา มันไม่เป็นศาสนาขึ้นมาได้ พูดแต่ว่าไม่เบียดเบียน นี้มันยังกำกวม ไม่เบียดเบียนมันอยู่เฉยๆก็ได้ รักผู้อื่นแล้วมันอยู่เฉยไม่ได้ มันทนไม่ได้ มันต้องช่วยเขา ศาสนาจึงเน้นที่ความรักผู้อื่น ขอให้ลองคิดดู พอมีความรักผู้อื่นอยู่ในใจ มันก็ไม่มีการฆ่าในโลกนี้ ไม่มีการฆ่า ไม่มี ปาณาจิบาท รักผู้อื่นแล้วมันก็ไม่มี อทินณาทาน ไม่ลัก ไม่ขโมย ไม่ฉ้อ ไม่อะไรใครได้ เพราะว่าเรามันรักผู้อื่น และก็ประพฤติผิดในกาม ล่วงละเมิดของรักของผู้อื่นก็ไม่ได้ เพราะว่าเรารักเขา เรามุสา พูดเท็จโกหกไม่ได้ เพราะเรารักเขา แม้จะฉุดแต่ว่า เราจะขี้เมาให้คนอื่นรำคาญอย่างนี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเรารักเขา เราระมัดระวังมากถึงอย่างนั้น แต่เราก็สมัครสมานสามัคคีกันโดยอัตโนมัติ เดี๋ยวนี้เรียกร้องความสามัคคีจนคอแห้งหมดแล้วมันก็ยังไม่สามัคคี ในโลกมันไม่มีความสามัคคี ในประเทศชาติมันก็ไม่มีสามัคคี ในประเทศหนึ่งๆรัฐบาลกับประชาชนนั้นแหละกลับเป็นคู่ปรปักษ์กัน ใช้คำพูดว่าฝ่ายเขา ฝ่ายเรา ฝ่ายเราฝ่ายราษฎร ฝ่ายเขาฝ่ายรัฐบาล แม้รัฐบาลก็มีคำพูดที่แสดงว่า แยกประชาชนออกไปเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ในโลกเป็นอย่างนี้ มันขาดศาสนา มันขาดธรรมะ ศาสนา ไม่มีความสามัคคี มีคอยแต่จะปัดแข้งปัดขา ให้คณะนี้ล้มไป แล้วคณะนี้จะขึ้นครองแทนอย่างนี้เป็นต้น มันมีอย่างนี้อยู่ตลอด ทุกนาน เวลา นาที ไม่มีความรักผู้อื่น ไม่มีความสามัคคี เพราะมันขาดธรรมะ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อคณะรัฐบาลเต็มไปด้วยบุคคลที่คอยต่อต้าน สร้างความเกียจชังไปซะทุกอย่าง ทุกหัวระแหงที่จะทำให้คนเกลียดรัฐบาลและประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร นี้คือโทษของการที่ไม่รักผู้อื่น มันขาดศาสนา มันขาดธรรมะ แต่ก่อนนี้มันอยู่ด้วยความรักผู้อื่นมากกว่านี้ นี้มันเจริญทางวัตถุ ประดิษฐ์ของเอร็ดอร่อย สนุกสนานขึ้นมาเป็นการใหญ่ จนกระทั่งเป็นอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมสมัยนี้เรื่องบ้าทั้งนั้น คือเรื่องประดิษฐ์สิ่งที่ไม่จำเป็น ประดิษฐ์สิ่งที่มันเกิน ประดิษฐ์สิ่งที่ให้มัวเมา หลงใหล เห็นแก่ตัวและก็เกลียดผู้อื่น โลกมันจะทนไหว โลกมันก็เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนให้เห็นแก่ตัวเอง แล้วก็ไม่รักผู้อื่น แล้วก็อยู่กันด้วยความเกลียดชัง ที่คนมันอยากจะเอร็ดอร่อย สนุกสนาน สูงยิ่งๆขึ้นไปทั้งนั้น มันก็ต้องเห็นแก่ตัว มันต้องคอรัปชั่นเพราะมันไม่มีศีลธรรม ฐานะของตัวไม่ควรจะมีอย่างนั้น มันก็ต้องมี มันจะมีให้ได้มันก็ต้องคอรัปชั่น
ก็อยากเข้าใจว่าความเจริญทางวัตถุนี้ มันทำให้มีศีลธรรม มันไม่เป็นอย่างนั้น ความเจริญทางวัตถุที่นิยมบูชากันนัก ทำให้คนเห็นแก่ตัว ก็คอยจ้องที่จะเอาเปรียบเมื่อไม่ได้ก็ข่มเหงกัน ประทุษร้ายกัน นี้โทษของความเจริญทางวัตถุที่ว่าสวยสด งดงาม เอร็ดอร่อย จนทำให้ไม่รู้ว่าเราเกิดมานี้เกิดมาทำไมกันหรือจะไปไหนกัน นอกจากรู้สึกว่าเกิดมาให้กิน ให้เอร็ดอร่อย อยู่ให้สวยงาม ให้สนุกสนานเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าไปไหนกัน มีความเจริญแผนใหม่ของโลกปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้ มันไม่รักกันได้
ด้วยเหตุนี้ มันเห็นแก่ตัวแล้วศีลธรรมมันก็เสื่อม เมื่อก่อนนี้ท่านทั้งหลายก็ทราบดีกว่า ภายหลังจาก 20 ปีนี้ อาชญากรรมกลางท้องถนนมันมีมากอย่างนี้ นี้เป็นเรื่องของศีลธรรมเสื่อม เสื่อมเพราะว่าไม่สอน เพราะการศึกษาเป็นหมาหางด้วนก็ได้ หรือว่าเสื่อมเพราะว่าคนในเมืองในโลกนั้นมันมากเกินไป ควบคุมกันไม่ทันแล้วศีลธรรมเสื่อมก็ได้ แต่ก็ศีลธรรมเสื่อมมันจึงเกิดอาชญากรรมแม้กลางวันแสกๆ แม้กลางท้องถนนหลวงหรือบนรถเมล์ ซึ่งเมื่อก่อนนี้มันไม่มี โทษของศีลธรรมเสื่อมมันเป็นอย่างนี้ จึงขอให้เรามองให้พบความจริงว่า มันสำคัญอยู่ที่ศีลธรรม ถ้ามีศีลธรรมและปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง จะไม่เกิดขึ้นอย่างที่ทรมานคนเหมือนอย่างเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้มันเป็นมันวัน คืน แห่งความเครียด ทุกคนในโลกอยู่ด้วยความเครียด หรือจะพูดว่าศตวรรษนี้เป็นศตวรรษแห่งความเครียดก็ได้ เป็นระยะยาวเป็นร้อยปี มันเครียดหนักเข้า หนักเข้า หนักเข้า จนเป็นโรคประสาทมากขึ้น จนเป็นโรคจิตมากขึ้น บ้าตายไป สถิติของการแพทย์มันก็บอกชัดอย่างนี้ว่า โรคประสาทเพิ่มขึ้น โรคจิตเพิ่มขึ้น เพราะความเครียด เครียดเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ปัญหาทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง มีขึ้นเพราะความไม่มีศีลธรรม
ขอให้ท่านทั้งหายมองดูที่จุดนี้ว่าถ้าไม่มีศีลธรรมกลับมาแล้วเราไม่รอด เราต้องวอดวาย แม้ธรรมะไม่กลับมา ก็เกิดความวอดวายในทางจิตใจก่อน คือจิตใจเลวทราม คนมีจิตใจเลวทรามลง โลกนี้มันวอดวายทางจิตใจ พินาศทางจิตใจ ทางวิญญาณนี้ก่อน แล้วความวินาศทางวิญญาณนี้ค่อยขยายตัวออกมา ออกมาเป็นความวินาศทางวัตถุ เนื้อหนัง ร่างกาย แผ่นดิน โลก นี้ก็จะวินาศไป เพราะมนุษย์เห็นแก่ตัวเป็นมิจฉาทิฐิ พินาศทางวิญญาณแล้วก็จะพินาศทางร่างกาย ทางวัตถุ ทางแผ่นดิน โลก นี้แหละเป็นแน่นอน นี้มันมีความยิ่งแสดงเห็นชัดอยู่อย่างนี้ ถ้าเราไม่ช่วยป้องกันกันไว้ ไม่ให้ธรรมะกลับมาก็ต้องวินาศทั้งทางจิตใจ และทางวัตถุเป็นแน่ เดี๋ยวนี้เราทำอะไรไม่ได้เพราะว่ามันขาดพื้นฐานที่ดี คือความมีศีลธรรม สมมติว่าประธานาธิบดีคนเดียวหรือนายกรัฐมนตรีคนเดียวมีศีลธรรมเต็มที่ มีธรรมะเต็มที่ และคนนอกนั้น เค้าไม่มีศีลธรรม เช่น รัฐมนตรีทุกคนไม่มีศีลธรรม และนายกรัฐมนตรีที่มีศีลธรรมจะมีประโยชน์อะไร มันทำให้ไม่ได้ มันสั่งอะไรไปตามความต้องการไม่ได้ เพราะแต่ละคนมันไม่มีศีลธรรม พร้อมที่จะคอรัปชั่น เพราะมันเห็นแก่ตัว หรือว่าคณะรัฐมนตรีทั้งหมดมีศีลธรรม แต่ที่รองลงไป อธิบดีอะไรก็ตาม ไม่มีศีลธรรมก็ทำอะไรไม่ได้ สั่งอะไรให้ทำในลักษณะที่ควรจะทำมันก็ไม่ได้ หรือว่าอธิบดีมีศีลธรรมเต็มไปหมด ผู้ว่าการ นายอำเภอ ไม่มีศีลธรรมมันก็ทำไม่ได้ ต่อให้ผู้ว่าการก็มีศีลธรรม นายอำเภอก็มีศีลธรรม แต่ประชาชนไม่มีศีลธรรมมันก็ทำกันไม่ได้ จะคอยบิดพลิ้ว หลอกลวง คดโกง เอาเปรียบ ทำกันไม่ได้ เราทำสหกรณ์ไม่ได้เพราะไม่มีศีลธรรม ทั้งที่ระบบสหกรณ์มันดีที่สุด แต่มันทำกันไม่ได้ มันโกงกันเรื่อย มันเป็น สหโกงอยู่เรื่อย เพราะมันไม่มีศีลธรรม หรือจะทำอะไรๆที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมมันทำไม่ได้เพราะคนมันไม่มีศีลธรรม ถ้าประชาชนไม่มีศีลธรรม ระบบการปกครองก็ไปไม่รอด เมื่อช่วยกันมองไปที่ต้นตอแห่งปัญหา โดยการช่วยทางศีลธรรม อย่าสงเคราะห์กันแต่เรื่องเงิน เรื่องของ มันจะโง่ หรือทำให้เขาเห็นแก่ตัวมากขึ้น เราสงเคราะห์กันแต่ด้วยเงิน ด้วยของ มันช่วยคนได้รับการสงเคราะห์ให้เลวลง ไม่ใช่ดีขึ้น เราต้องสงเคราะห์ทางจิตใจ ทางวิญญาณให้มีความรู้ ความฉลาดมาชดเชย เพราะการที่การศึกษามันหางด้วน ถ้าอยากจะสงเคราะห์ ก็ช่วยสงเคราะห์ให้การศึกษามันสมบูรณ์ให้ดีกว่า ถ้าที่โรงเรียนสอนไม่ได้ พ่อ แม่ ทั้งหลายช่วยสอนลูก สอนหลานให้มีศีลธรรม แต่เดี๋ยวนี้ได้ยินว่ากระทรวงศึกษาธิการก็ขยับเขยื้อน ในการที่จะให้การศึกษาให้มีศีลธรรม มันก็เป็นโชคดี แต่ถ้าเค้าทำไม่ได้ ทำไม่ทัน ขอให้พ่อ แม่ ทั้งหลายสอนลูก สอนหลานเสียเอง ให้มันมีศีลธรรม พระเจ้า พระสงฆ์ ก็จะช่วยกันให้ประชาชนมีศีลธรรม เมื่อประชาชนมีศีลธรรมแล้วมันก็อยู่กันอย่างเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ปัญหาเศรษฐกิจจะหมดไป ปัญหาการเมืองจะหมดไป อะไร อะไรก็จะหมดไป มันจะอยู่ด้วยความผาสุข อาตมาจึงมีคำพูดคำเดียวว่า ขอให้ศีลธรรมกลับมา ขอร้องวิงวอนท่านทั้งหลายทุกคนที่ได้ฟังอยู่ที่นี้ว่า จงช่วยกันให้หยุดฝีไม้ ลายมือ เพื่อให้ธรรมะกลับมา ให้ศีลธรรมกลับมา ถ้าพวกฝรั่งก็จะเกิดถามพวกเราว่า ธรรมะคืออะไร อย่าไปพูดตอบว่า คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเพราะไม่รู้ว่า สอนอะไร ทำไม ถือตามหลักของพระพุทธศาสนาเถอะว่า ธรรมะนั้นคือ ระบบการปฏิบัติ เป็นการปฏิบัตินะไม่ใช่คำสั่งสอนนะ และต้องเป็นระบบนะ เพราะมันต้องปฏิบัติหลายข้อ หลายอย่างด้วยกัน ธรรมะคือ ระบบการปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับความเป็นมนุษย์ ที่ถูกต้องสำหรับความเป็นมนุษย์ ฟังให้ดี ดูให้ดี ทุกขั้นทุกตอนแห่งวิวัฒนาการของเขา ทั้งเพื่อบุคคลและเพื่อสังคม อาตมาจะพูดซ้ำอีกทีหนึ่งว่า ธรรมะ คือ ระบบการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ ทุกขั้น ทุกตอนแห่งวิวัฒนาการของเขา ทั้งเพื่อบุคคลและทั้งเพื่อสังคม เรามีการปฏิบัติครบถ้วนเป็นระบบ และการปฏิบัตินั้นถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ ว่าจะเป็นมนุษย์กันอย่างไร มันถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์และทุกขั้น ทุกตอนแห่งวิวัฒนาการ ว่าตั้งแต่มันอยู่ในท้อง และก็คลอดมาจากท้องแม่เป็นทารก เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่มสาว เป็นพ่อบ้าน แม่เรือน เป็นคนเถ้า คนแก่ มันต้องถูกต้องหมด ที่ว่าถูกต้องมาแต่ในท้อง หมายความ พ่อ แม่ ต้องเป็นอยู่ให้ดีให้ลูก มีการตั้งครรภ์ที่ดีให้ลูก ให้ออกเป็นทารกที่ดี แวดล้อมอยู่ในวัฒนธรรมที่ดี ในบ้าน ในเรือนและมันก็โตขึ้นมา โตขึ้นมา มันถูกต้อง จนกระทั่งเข้าโลง นี้ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ทุกขั้น ทุกตอน แห่งวิวัฒนาการของเขา ก็ทั้งเพื่อตนเองก็รอด ทั้งเพื่อสังคมก็รอด ความถูกต้องนั้นรอดตั้งแต่ตัวเองและรอดแก่สังคมนี้แหละคือ ธรรมะ สุดท้ายพวกฝรั่งหัวแหลมชนิดไหนมันมาพิสูจน์ทีว่า ธรรมะนี้มันดีหรือเลวอย่างไร ทำไมจึงไม่สนใจ มันมีอยู่ในศาสนาทุกศาสนา ทำไมจึงละทิ้งศาสนาให้การศึกษาเป็นหมาหางด้วนกันทั่งโลก การศึกษาหมาหางด้วนนี้ทำให้มนุษย์ไม่รู้ว่า เกิดมาทำไม จะทำอะไรกัน คำว่า หมาหางด้วนนี้มาจาก ถือเอาตามนิยายอีสป ที่มีอายุ ท่านที่อายุสักหน่อยก็คงเคยอ่านหนังสือ นิยายอีสปว่าสุนัขตัวหนึ่งมันไปติดกับของชาวบ้านหางขาด แล้วมันก็เที่ยวพูดว่าหางขาดดี ดีกว่าหางยังอยู่ นั้นพวกเราช่วยกันตัดหางเถิด สุนัขโง่ๆทั้งหลายมันก็ตัดหางตามคำชักชวน เว้นแต่สุนัขแก่ที่ฉลาดตัวหนึ่งมันว่าไม่จริง เราไม่เอามันเรื่องโกหก เรื่องสุนัขหางด้วน นี้คือมันมีประเทศชาติที่มันก้าวหน้าทางวัตถุนิยม หลงใหลในกิเลสนั้น มันเหมือนกับ สุนัขหางมันด้วน ประเทศใหญ่ๆเหล่านั้นมันก็ชักชวนประเทศเล็กๆให้ละทิ้งธรรมะ ให้ละทิ้งศาสนา จัดการศึกษาโดยไม่ต้องมีธรรมะ ไม่มีศาสนา มันก็เลยหางด้วนกันไปหมด ประเทศไทยเราจะรวมอยู่ในชุดหางด้วนนี้หรือไม่ อาตมาอย่าพูด แต่ท่านทั้งหลายรู้ดี ถ้ามันเป็นเรื่องหางด้วน ช่วยกันปลูกเถอะ ต่อนะมันไม่ค่อยแน่นอน เดี๋ยวเอาหางลิงมาต่อหางหมา คือสอนอย่างจิตวิทยา คดโกง เอาเปรียบ มันยิ่งเลวร้ายไปกว่าซะอีก มันต้องเอาหางอย่างเดิม จะเป็นธรรมะออกมา ออกมา ออกมา ให้มีธรรมะเหมือนเดิมแล้วเราก็จะรอด เดี๋ยวนี้มนุษย์ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้ ก้าวเร็วยิ่งว่าวิ่ง ยิ่งกว่าลมพัด แล้วมันก็ไม่รู้จะไปไหนกัน ถามว่านี้พวกคุณนี้ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแล้วจะไปไหนกัน เค้าก็ตอบว่าไม่ทราบเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปถามคอมพิวเตอร์ดูซิ นี้ว่าทำไมเกิดมานี้จะได้อะไรดีที่สุด สำหรับคนเรา เค้าก็บอกว่าไม่ทราบไปถามคอมพิวเตอร์ดู ว่าอะไร มันดีที่สุดสำหรับมนุษย์และถามว่า ถ้าอย่างนั้นเราจะทำอะไรให้มันถูกต้องกับความจริงได้ เค้าก็บอกไม่ทราบเหมือนกันไปถามคอมพิวเตอร์ดู มนุษย์ที่มันก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมันเป็นอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่โลกนี้มันจะมีสันติภาพ นี้ขอร้องพวกเรา ท่านทั้งหลายเป็นพุทธบริษัทมาเหมาเอาอย่างนี้ ช่วยสนองพระพุทธประสงค์ของพระพุทธเจ้าว่าจงทำให้มีธรรมะ ท่านเรียกว่า ธรรมวินัย ของตถาคตอยู่ในโลกนี้ เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย ทั้งเทวดาและมนุษย์ ช่วยจำไว้ด้วยว่าพระพุทธเจ้า ท่านเน้นแล้ว เน้นเล่า ว่าธรรมวินัย ศาสนานี้มันมี เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย ทั้งเทวดาและมนุษย์ ตถาคตเกิดขึ้นในโลกก็เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย ทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้ท่านทั้งหลายช่วยกันรักษาธรรมวินัยไว้ให้ยังคงมีอยู่ในโลก ก็เพื่อประโยชน์ตั้งแต่เทวดาและมนุษย์ ท่านหมายความว่ามันเป็นเทวดาไปแล้ว มันก็ยังต้องการธรรมะ เทวดาในสวรรค์ก็ยังต้องการธรรมะ ที่มนุษย์อยู่ที่มนุษย์ก็ยังต้องการธรรมะ ที่มันจะสูง ต่ำยิ่งกว่า คอมมิวนิสต์กับชนกรรมาชีพนั้น ชาวเทวดาในสวรรค์มาเปรียบเทียบกับมนุษย์นี้ เพราะมันจะสูง ต่ำ กว่ากันอย่างไร มันยังต้องการธรรมะ อาตมาจะอธิบายชัดๆ ง่ายๆ ว่า เทวดาคือ คนไม่รู้จักเหงื่อ มนุษย์คือ คนอาบเหงื่อต่างน้ำ แต่ทั้งสองพวกยังต้องการธรรมะ เดี๋ยวมันแยกกัน มันไม่รักกัน มันก็ทำลายกัน คนไม่รู้จักเหงื่อ กับคนที่ยังต้องอาบเหงื่อมันเป็นศัตรูกัน ระบบนายทุนกับระบบชนกรรมาชีพ กำลังทำตัวเป็นปรปักษ์กันอย่างสุดเหวี่ยง แล้วโลกนี้มันจะมีสันติภาพได้อย่างไร ธรรมะจำเป็นสำหรับเทวดาและมนุษย์ จำเป็นตั้งแต่พวกนายทุนและพวกชนกรรมาชีพ เพราะถ้ามีธรรมะแล้วเค้าก็รักกันปัญหามันก็หมด ธรรมะมันจะแก้ปัญหาของมนุษย์โดยทุกอย่างทุกประการ ศาสนาจะแก้ปัญหาของมนุษย์ที่ทำให้คนรักกัน พอคนรักกันมนุษย์ก็หมดปัญหา ถ้าศาสนาเข้ามา คอมมิวนิสต์ก็ตายหมด เพราะว่าศาสนาทำให้คนรักกัน พอคนรักกันคอมมิวนิสต์ก็ไม่มีงานทำ ดูๆให้ดีจะเห็นว่า ศาสนานี้เป็นยาพิษ ขจัดคอมมิวนิสต์ เป็นยาพิษขจัดคอมมิวนิสต์ แต่พวกเรามันโง่ให้เค้าหลอกว่า ศาสนาเป็นยาเสพติดของประชาชน มันไม่จริง มันไม่มีความจริง แต่ศาสนาทำให้คนรักกัน นายทุนรักกรรมกร กรรมกรรักนายทุน ปัญหาหมด ลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ตายไปเอง นี้ยังถือว่าศาสนาเป็นยาพิษสำหรับลัทธิ แต่กลับถูกหลอกว่าศาสนาเป็นยาเสพติดสำหรับประชาชน นี้คนมันโง่เอง มันช่วยไม่ได้ จึงขอให้พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมะ เกี่ยวกับศีลธรรม เกี่ยวกับศาสนาว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดแล้วสำหรับโลกปัจจุบัน ขอให้ธรรมะหรือศีลธรรมหรือศาสนาทุกศาสนาก็ตามกลับมาทันเวลา ทันเวลาที่มนุษย์กำลังจะวินาศ วินาศทางจิตใจก่อนและก็จะวินาศทางกาย ทางวัตถุ สืบต่อไปเป็นมิคสัญญี อย่าให้มันถึงจะกับมิคสัญญีเลย ธรรมะรีบมาช่วยมนุษย์ไว้ เราก็รอดไม่ต้องมิคสัญญี มีสันติสุขในส่วนบุคคล มีสันติภาพในส่วนสังคม ท่านทั้งหลายขอร้องให้อาตมาพูด อาตมาก็ไม่ทราบว่าจะพูดอะไร ไม่มีเรื่องอื่นที่จะพูด ก็พูดได้แต่เรื่องอย่างนี้ว่าธรรมะจงกลับมา ธรรมะจงกลับมา ธรรมะจงกลับมา ทุกอย่างขวยขวายอยู่ตลอดเวลา ทุกวินาที ทุกกระเบียดนิ้วนี้ก็เพื่อธรรมะกลับมา
สวนโมกข์ตั้งเพื่อ ตั้งขึ้น จัดขึ้นเพื่อความสะดวกในการที่ธรรมะจะกลับมา ท่านเข้ามาสู่สถานที่นี้ สะดวกที่จะศึกษาธรรมะจากธรรมชาติโดยตรง ธรรมะเป็นเรื่องของธรรมชาติ โปรดจำไว้ด้วยว่าธรรมะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้าเราใกล้ชิดธรรมชาติ เราจะเข้าใจธรรมะได้โดยง่าย ธรรมะเป็นเรื่องของธรรมชาติอย่างนี้ ขอให้กำหนดจดจำให้ดีว่า ถือตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ธรรมะมี 4 ความหมาย ธรรมะ คือ ตัวธรรมชาติ จะเป็นวัตถุ ร่างกาย จิตใจ ธรรมะ คือ ตัวธรรมชาติ และธรรมะคือ ตัวกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือ ตัวกฎของธรรมชาติ และธรรมะคือหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ และธรรมะคือ ผลที่เกิดจากหน้าที่ ธรรมะจงกลับมา เรารู้เรื่องธรรมะ เราปฏิบัติธรรมะ เราทำหน้าที่ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ แล้วเรารับประโยชน์ เป็นความผาสุข เป็นสันติภาพ สันติสุข ทั้งบุคคลและสังคม ธรรมะกลับมาเป็นอย่างนี้ ขอให้ธรรมะกลับมา ที่นี้จัดตามธรรมชาติให้มานั่งใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นเกลอกับธรรมชาติ อาตมาต้อนรับท่านทั้งหลายด้วยการนั่งกลางดิน บางคนจะโมโหแล้วก็ได้ ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง แต่ที่นี้มีความมุ่งหมายอย่างนี้ ถ้าลงนั่งบนกลางดินเป็นเกลอกับธรรมชาติ เพราะว่าธรรมะเป็นเรื่องของธรรมชาติ พระพุทธเจ้าจึงได้ประสูติกลางดิน พระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ถ้ายังไม่ทราบก็ทราบซะที ใต้โคนต้นไม้ ที่เรียกว่าต้นสาละ กลางดิน ท่านประสูติกลางดิน ต้นสาละมีตัวอย่างอยู่ที่หน้าตึกนั้น เดี๋ยวไปดูก็ได้ ถ่ายรูปไปดูก็ยังดี ต้นสาละ พระพุทธเจ้าประสูติกลางดินใต้โคนต้นสาละ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็นั่งตรัสรู้กลางดินที่โคนต้นโพธิ์ ที่ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง ตรัสรู้กลางดิน ท่านสอนสาวกตั้งแต่สอน ปัญจวัคคีเป็นต้นไปจนหมดทั้งพระไตรปิฎก เรียกว่า 99% นั่งสอนกันกลางดิน และในที่สุดท่านก็นิพพาน คือตายกลางดินใต้ต้นสาละอย่างนี้อีกเหมือนกัน ท่านเกิดกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน ตายกลางดิน กุฏิของท่านก็พื้นดิน ไปดูได้ที่ซากโบราณสถานในประเทศอินเดียยังอยู่ เดี๋ยวนี้กุฏิของท่านพื้นดิน ทั้งพอได้นั่งลงกลางดินอย่างนี้ เอามือคลำดิน ธรรมในใจเป็น พุทธานุสติ ว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน นิพพานกลางดิน อยู่กลางดินเพราะว่ามันเป็นธรรมชาติ ท่านรู้เรื่องธรรมชาติ รู้กฎของธรรมชาติ รู้หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ รู้ผลอันเกิดจากหน้าที่ พระธรรมทั้ง 84,000 ธรรมขันธ์ นั้นคือหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติที่มนุษย์จะต้องประพฤติ ปฏิบัติ พระธรรมทั้งหมดคือ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ กฎของธรรมชาติคือ สัจธรรม ความรู้ที่เราต้องรู้แล้วเราปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎนี้คือ ตัวพระธรรม ตัวปฏิบัติธรรม และก็ได้ผลจากการปฏิบัติ เป็น ปฏิเวทย์ เป็นมรรคผลนิพพาน ไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับธรรมชาติ มันก้องอยู่ในความรู้สึกว่าตัวธรรมชาติ ตัวกฎของธรรมชาติ ตัวหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ตัวผลที่เกิดมาจากหน้าที่นั้น นี้คือพระธรรม นี้คือตัวธรรม ช่วยกันทำให้ปรากฎอยู่ในโลก เป็นที่พึ่งแก่ชาวโลก อาตมาจึงขอร้องให้ท่านทั้งหลายได้ถือโอกาสที่ได้มาที่นี้ ได้เป็นเกลอกับธรรมชาติ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รู้ธรรมชาติ และก็รู้พระธรรม จึงขอให้นั่งกลางดิน ถ้าไม่ชอบใจก็ขออภัยว่า มันมีประโยชน์กว่านั่งบนเก้าอี้ บนตึกประชุมราคาล้านๆ ท่านนั่งบนเก้าอี้ บนตึกประชุมราคาล้านๆ ท่านมีจิตใจอย่างอื่น ไม่เหมาะที่จะเข้าใจธรรมชาติ มันเหมือนกับว่าเราจะประชุมแก้ปัญหา ชาวนาที่ยากจน แล้วไปประชุมกันบนตึกที่ สวามคนิวาส(นาทีที่ 38.12) อาตมาไม่เห็นด้วย มาประชุมกันทุ่งนา กลางทุ่งนา กลางโคลนดีกว่า ที่จะแก้ปัญหาชาวนาที่ยากจน อย่าไปประชุมกันบนตึกที่สวามคนิวาส(นาทีที่ 38.22) เลย มันจะเป็นเรื่องหลับหู หลับตา มากเกินไป เดี๋ยวนี้ก็มาศึกษาธรรมะ ที่เป็นตัวธรรมชาติ ตัวกฎธรรมชาติ และมานั่งกับธรรมชาติ เป็นเกลอกับธรรมชาติอย่างนี้ ถ้ามีเวลาก็อยากจะขอร้องให้เที่ยวไปรอบวัดและขึ้นไปบนภูเขา เป็นศูนย์กลางวัด โบสถ์ก็มาอยู่บนภูเขา มีใบไม้เป็นหลังคาโบสถ์ มีต้นไม้เป็นผนังโบสถ์ พยายามที่จะให้มันคล้ายครั้งพุทธกาล ที่ท่านทำกันอย่างนั้น และในตึกนี้มีรูปภาพเขียนฝาผนังสอนธรรมะ ตามวิธีโบราณ ตั้งแต่พุทธกาลมาก็สอนธรรมะด้วยรูปภาพเพราะว่าประชาชนไม่รู้หนังสือ อินเดียครั้งพุทธกาลก็เหมือนกัน ประชาชนไม่รู้หนังสือสักตัวหนึ่ง เรื่อยๆมาจนบัดนี้ ในประเทศไทยเรา สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา ประชาชนก็ไม่รู้หนังสือกันกี่คนจึงแก้ปัญหาด้วยการสอนธรรมะด้วยรูปภาพ เขียนฝาผนังโบสถ์ เขียนใส่สมุดข่อยทิ้งไว้กลางโบสถ์มาดูกันไม่รู้หนังสือก็บอกต่อๆกันได้ จนทุกคนเข้าใจธรรมะ เป็นที่น่าเสียดายที่ว่าโบสถ์สมัยหลัง สมัยกรุงเทพฯนี้ไม่เขียนภาพธรรมะแล้ว ไปเขียนภาพพุทธประวัติบ้าง ชาดกบ้าง ไม่สอนธรรมะ ถ้าโบสถ์กรุงศรีอยุธยา เหลืออยู่เช่น วัดโพธิ์ บางโอ(นาทีที่ 39.56) ในคลองบางหลวง เป็นต้น นั้นไปดูเถอะ ผนังโบสถ์เขียนภาพธรรมะ ไม่มีภาพพุทธประวัติ ก็เพราะตั้งใจจะสอนธรรมะแก่ประชาชนผู้ไม่รู้หนังสือ ในอินเดียโบราณในถ้ำเขียนภาพสอนธรรมะ หรืออะไรที่จะให้ประชาชนทราบ นี้เราเอาแบบนี้มาใช้ในตึกหลังนี้ แผ่รูปภาพที่สอนธรรมะได้มีอยู่ในตึกหลังนี้ คอยเข้าไปใช้เป็นประโยชน์ตามที่โอกาสจะอำนวย ดูภาพให้เข้าใจจะเข้าใจธรรมะ เข้าใจภาพแล้วจะรู้สึกว่าเหมือนกับภาพนั้นมันด่าเรา ถ้ายังไม่รู้สึกถึงว่าภาพนั้นมันด่าเราแล้ว ยังไม่เข้าใจรูปภาพนั้นๆขอให้ไปดูเถอะ ถ้าเข้าใจความหมายธรรมะ เช่น ในรูปภาพนั้นมันด่าเราว่าไอ้ชาติโง่ เพียงเท่านี้ก็ไม่รู้ คนนั้นเข้าใจรูปภาพและเข้าใจธรรมะ รอบๆผนังด้านนอกเป็นพุทธประวัติจำลองหินสลัก ต้นฉบับเดิม เค้าเกินกว่าไม่น้อยกว่า 2,000 ปี หินสลักพุทธประวัติจำลองมาอยู่ที่นี้ มาดูที่เดียวได้หมด ไปอินเดียก็ยากที่จะดู เพราะมันอยู่ทั่วไปอินเดีย อยู่ตามพิพิธภัณฑ์ก็มี อยู่ในดงก็มี ไปอยู่ประเทศอังกฤษตั้งเยอะแยะ British Museum อาตมาขอเรื่องให้เขาช่วยส่งรูปถ่ายมาที่นี้ รูปภาพพุทธประวัติ หินสลัก ที่นี้มีครบดูรอบๆ นั้นจะครบ จึงขอให้ศึกษาจากธรรมชาติ จากวัตถุโดยตรง อย่าคิดแต่ว่าเราจะเรียนจะศึกษาจากหนังสือหนังหา ตำหรับ ตำราไปเสียตะพฤติ ขอให้ศึกษาจากธรรมชาติอย่างนี้และศึกษาจากธรรมชาติภายในคือจิตใจ ที่มันรู้สึกอย่างไร เช่นว่า พอมานั่งตรงนี้ ทำไมจิตใจมันเปลี่ยนเป็นเย็น มันหมดความรู้สึกประเภทตัวกู ของกู มันสบาย มันเป็นสุข ศึกษาจากภายในอย่างนี้ เป็นการศึกษาถูกวิธี ธรรมะ อาตมาขอให้ทุกคนมาถึงสวนโมกข์ คำว่าโมกข์ แปลว่า เกลี้ยง คือ จิตใจเกลี้ยง พอมานั่งตรงนี้จิตใจมันต้องเกลี้ยงไปบ้างไม่มากก็น้อย ถ้ามานั่งตรงนี้แล้วจิตใจยังไม่เกลี้ยง แล้วไม่ถึงสวนโมกข์ ถึงวิปริตแล้วไปหาหมอก็ได้ ถ้ามานั่งอย่างนี้กับธรรมชาติแล้วจิตใจยังไม่เกลี้ยงนี้อันตรายแล้วจะต้องไปปรึกษาหมอ เพราะตามธรรมชาติแท้ๆมาสัมผัสธรรมชาติอย่างนี้ แล้วจิตใจคนเราจะเกลี้ยงไปจากความปั่นป่วนแห่งตัวกู ของกู นี้เราเรียกว่า เกลี้ยง เรียกว่า โมกข์ สวนโมกขพลาราม เป็นสถานที่จัดไว้ให้ความสะดวกแก่การผู้ที่ แก่ผู้ที่อยากทำให้จิตใจเกลี้ยง
ดังนั้นจึงหวังว่าท่านทั้งหลายก็จะมีจิตใจเกลี้ยงตามมาก ตามน้อย แล้วก็มาถึงสวนโมกข์ เราพาสวนโมกข์ติดในใจกลับไปกรุงเทพฯด้วย แล้วแต่ใครจะกลับไปไหน อย่าให้เสียทีที่มาถึงสวนโมกข์ นี้คือสิ่งที่ อาตมาขอปรารภกับท่านทั้งหลาย ขอฝากขออ้อนวอนไว้ในที่สุดท้ายว่า ช่วยกันทำให้ธรรมะกลับมา แล้วเราทั้งโลกก็จะอยู่กันเป็นสุข ประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาก็จะได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนาอย่างเต็มที่
ในที่สุดนี้ขอให้อวยพรให้ท่านนักศึกษา การบริหารระดับกลางทั้งหลายจงมีจิตใจที่ตั้งมั่นอยู่ในธรรม ประกอบด้วยธรรม ประกอบการงานในหน้าที่ของตน ให้สำเร็จประโยชน์สมตามความมุ่งหมาย มีความสนุกสนานในการทำงานด้วยการทำหน้าที่ของตน เพราะว่าเป็นการประพฤติธรรมแล้ว อยู่เป็นสุขทุกทิวาราตรีกาลเทอญ