แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอแสดงความยินดีแก่นักเรียน และลูกเด็ก ๆ ทั้งหลายที่ได้มาถึงที่นี่ ขออย่าให้เสียเวลาเปล่า อย่าให้เปลืองเปล่า ๆ พยายามให้ได้ประโยชน์ในการที่มา เวลานี้มักจะทำอะไรแบบผักชีโรยหน้าพอได้รายงาน ป่วยการ ให้ทำอะไรแบบผักชีโรยหน้าพอได้รายงาน พอได้ลงสมุดรายงาน นี่มันป่วยการ จะยิ่งเป็นคนหลอกลวงมากขึ้น ก็ได้ผลเสียแหละไม่ใช่ได้ผลดี ขอให้นักเรียนทุกคนนะ พยายามให้ได้ประโยชน์ในการมาที่นี่ให้มากที่สุด ที่จะมากได้ เพราะได้พอใจตัวเองว่าได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ ในการที่ขอร้องให้พูดให้ฟังนี้ก็ ได้พยายามนึกมากที่สุดแล้ว ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี เท่าที่นึกได้จะพูดเรื่องที่ครูไม่ค่อยจะพูด ครูในโรงเรียนไม่ค่อยจะพูด เพราะไม่กล้าพูด หรือไม่มีหน้าที่จะพูด แต่ว่าเรามีความคิดอิสระที่จะพูด พูดตรง ๆ เลย ว่าเด็ก ๆ สมัยนี้ บกพร่องลงทุกที เด็ก ๆ สมัยนี้บกพร่องลงทุกที ในการที่จะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ในการที่จะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ในการที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ในการที่จะเป็นพลเมืองที่ดีของโลก หรือว่าในการที่จะเป็นสาวกพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า บกพร่องอื่น ๆ มากี่ร้อยกี่พันอย่าง ถ้ารวมอยู่ในบกพร่อง ๕ ข้อนี้เท่านั้น ถ้าไม่บกพร่องใน ๕ ข้อนี้แล้ว จะไม่มีความบกพร่องในข้ออื่น ฉะนั้นขอให้ลูกหลานเด็ก ๆ ทั้งหลายนี้พยายามฟังให้ดี เธอเพิ่งเกิดไม่กี่วัน เราเกิดมากว่า ๖๐ ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงมองเห็นสิ่งต่าง ๆ มาตามลำดับ สรุปความได้แล้วว่า พวกเด็ก ๆ สมัยนี้มีความบกพร่องมากขึ้นทุกที จะด้วยเหตุใดก็ค่อยว่ากันต่อไป
ข้อแรก ก็คือว่า บกพร่องในการที่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา บุตรที่ดีของบิดามารดานั้น ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าต้องทำความชื่นอกชื่นใจให้บิดามารดา เหมือนจะได้ขึ้นสวรรค์ เพราะบุตรที่ดีย่อมจะทำแต่สิ่งที่ทำให้บิดา มารดาชื่นอกชื่นใจ เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ ทีนี้เด็กสมัยนี้ เริ่มมีการจะทำให้บิดามารดาร้อนใจมากขึ้น นับตั้งแต่ว่าเหลวไหลในการเรียน เพราะมีสิ่งยั่วยวนให้ไปสนุกสนานไปเล่น ไปหัว ไปเพลิดเพลินกันเสียมาก นี่แหละเหลวไหลในการเรียน จะทำบิดามารดาร้อนใจ หรือว่าใช้เงินเปลือง แกล้งหาเรื่องมาก หลอกบิดามารดา ใช้เงินเปลือง ทำให้บิดามารดาร้อนใจ ทีนี้บางคนก็ทำตนเป็นเจ้าชู้ตั้งแต่เด็ก ๆ จนเป็นเหตุให้การเรียนการอะไรเสียหายไป ไม่มีจิตใจ ก็เล่าเรียนไม่ได้ อันนี้ก็ทำให้บิดามารดาร้อนใจ แล้วก็ใช้เงินเปลือง ไม่กระเหม็ดกระแหม่ โบราณเขาเรียกว่า ไม่มัธยัสถ์ เงินปี ๆ หนึ่ง ไปเสียค่าดูหนังหรือเล่นหัวอย่างอื่นเสียมาก ไม่จำเป็น เพิ่มรายจ่ายให้บิดามารดา แล้วก็ร้อนใจ ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบเล่นหัว ไม่เคารพบิดา มารดา ไม่รู้ว่าบิดามารดามีบุญคุณ เด็กบางคน โกรธขึ้นมา กลับเอ็ดเอาบิดามารดา ได้ทราบข่าวว่ามีมากขึ้น คนสมัยก่อนไม่ค่อยจะมีนะ เช่นว่าวันนี้กินข้าวไม่อร่อย ก็หาว่าแม่หรือพี่หรือใครทำไม่ดี ปัดชามข้าวแตกเลย ให้บิดามารดาเป็นฝ่ายอดทนเสีย ไม่ใช่ว่าลูกหลานจะเป็นฝ่ายอดทนหรือเชื่อฟัง ถ้าใครมีอาการเหล่านี้แล้ว ขอให้เข้าใจเสียว่า มันเป็นบุตรที่เลวของบิดามารดา ไม่ตรงตามความหมายของคำว่าบุตร คำว่า บุตร คือผู้ที่ยกบิดามารดาขึ้นจากนรก บิดามารดาร้อนใจด้วยเหตุใดก็ตาม จะมีบุตรเป็นผู้ช่วย ยกเอาความร้อนใจนั้นไปเสีย เมื่อบุตรหรือลูกหลานนี้ประพฤติตัวดี มารดาก็ บิดามารดาก็ชื่นอกชื่นใจ ความร้อนใจที่ว่าจะไม่มีบุตรสืบสกุลมันก็หายไปเพราะว่า รู้ว่ามันได้มีบุตรที่ดี แล้วก็ทำอะไรต่ออะไรให้ดีอยู่ทุกวัน ๆ บิดามารดาได้ชื่นใจ นี่เขาเรียกว่า ยกบิดามารดาขึ้นจากนรก นรกขึ้นชื่อของความร้อนใจ ถ้าบุตรนี้ประพฤติดี บิดามารดาก็หลับตาตายไปด้วยดี ถ้าตายไปด้วยดี ด้วยความพอใจ ด้วยความรู้สึกในความดีก็ไม่ตกนรก บุตรที่ดี กตัญญู แม้บิดามารดาตายไปแล้วก็ยังนึกถึง ยังทำบุญกุศลอุทิศไปให้ ถ้าเด็ก ๆ เอาแต่กินแต่เล่นของตัวเองก็ไม่พอ เหตุใดจึงจะนึกถึงบิดามารดา มันก็เหลวหมด บุตรจะดีมันก็ต้องตั้งต้นด้วยความกตัญญูกตเวที เพราะไม่มีบุตรคนไหนเกิดเองได้ ไม่มีบุตรคนไหนเกิดมาจากโพรงไม้ ไม่มีบุตรคนไหนเกิดมาจากสัตว์อื่นหรือผู้อื่น นอกจากบิดามารดาของตัว บิดามารดาให้ชีวิตโดยตรง มันจึงว่าเป็นผู้มีบุญคุณ แต่ถ้าไม่รู้บุญคุณ มันก็อกตัญญู มันก็ไม่ใช่บุตรเท่านั้นเอง อย่าว่าแต่จะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ที่เสาต้นนั้นมีเรื่องกตัญญูทั้งนั้นเลย เขายังจดชื่อว่าเด็กคนนั้น ชื่อนั้น นามสกุลหรือแซ่นั้น มันเป็นเรื่องในเมืองจีน เมื่อ พ.ศ. เท่านั้น คนนั้นได้มีเรื่องเกิดขึ้นอย่างนั้น เช่นว่า บิดามารดาเจ็บไข้ เด็กคนนั้นนอนถอดเสื้อให้ยุงมากัดตัวเอง เราเป็นคนจน ไม่มีมุ้ง ให้ยุงมากัดเรา เรานอนถอดเสื้อ แม่นอนไม่สบายอยู่ มีอยู่ภาพหนึ่ง ทุกภาพเป็นเรื่องแบบเดียวกันหมด มีเด็กคนหนึ่ง เมื่อมารดายังมีชีวิตอยู่เป็นคนจิตใจไม่ค่อยสมประกอบ ขี้ขลาดเกินไป พอได้ยินฟ้าร้องฟ้าลั่นแล้วก็กลัวตัวสั่น ไอ้ลูกนี้เข้าไปกอด ว่าอย่ากลัว ๆ แม่ก็ค่อยยังชั่วไม่ค่อยกลัว เมื่อแม่ตาย เอาศพไปฝังไว้ในสวนหลังบ้านแล้ว ปักหลักหินไว้บนหลุมศพแล้ว เขียนชื่อไว้แล้ว พอฟ้าลั่น ฟ้าร้อง เด็กคนนั้นที่เป็นหนุ่มแล้วก็ยังวิ่งไปกอดหลักหินที่บนหลุมศพแม่ ว่าอั๊วอยู่นี้ ลื้ออย่ากลัว อั๊วอยู่นี้ ลื้ออย่ากลัว ยังปฏิบัติจนกระทั่งแม่ตายไป ศพอยู่ใต้ดินก็ยังปฏิบัติ มันไม่ใช่มันบ้า ถ้าบ้ามันก็บ้าดี มันบ้ากตัญญู รูปกี่รูปมันก็น่าสนใจ ถ้าเด็กเรียนหนังสือสามก๊กนี้ จะพบเรื่องลกเจ๊ก ที่ข้งเบ้งพูดว่า อันลื้อชื่อลกเจ๊ก เมื่อเล็ก ๆ ขโมยส้มเขา เอาไปให้แก่มารดา นั่งลงเถิดเราจะเจรจาด้วย มันก็มีอยู่ที่เสานั้น ตัวลกเจ๊กเมื่อเป็นเด็ก ๆ มีความกตัญญู วันนั้นเขาเชิญไปกินเลี้ยง เขาเลี้ยงเด็ก ๆ เฉพาะ ที่บ้านผู้มีเกียรติเป็นนายพล พอเลี้ยงของคาวแล้วก็เลี้ยงของหวาน เขาให้ส้มชนิดพิเศษแก่เด็ก ๆ ทั้งหมด คนละ ๕ ลูก หรือ ๒ ลูก นี้ ไอ้ลกเจ๊กนี้มันกินไม่ลง เพราะมันรู้ว่าส้มชนิดนี้แม่ชอบเหลือประมาณ เหลือเกิน มันก็เลยใส่ไว้ในแขนเสื้อ เพื่อที่จะเอาไปให้แม่ พอถึงเวลาที่ลาเจ้าของบ้านครั้งสุดท้าย พอจะออกไป มันพลาดไป ส้มมันเลื่อนลงมาจากแขนเสื้อ มันตกลงมากลางพื้น เจ้าของบ้านก็ว่า อ้าว, นี่ทำไมจึงขโมยส้มล่ะ ลกเจ๊กก็ต้องบอกตามจริงว่ามันกินไม่ลง เพราะว่าแม่ชอบ เอาไปให้แม่ เจ้าของบ้านยังบูชา สำนึกถึง ก็ยังเอาส้มชนิดเดียวกันนั่นแหละไปให้ที่บ้านลกเจ๊กอีก 2 กระจาด เราอยากจะถามว่า ในบรรดาเด็กทั้งหลายเหล่านี้ มีเด็กคนไหนบ้าง ที่เวลากินของบางอย่างแล้วนึกถึงแม่ ของที่แม่ชอบ หรือว่าคิดว่า แม่คงจะชอบ หรือตัวเองกิน แล้วรู้สึกอร่อยแล้วก็ตาม ใครบ้างนึกถึงแม่ บรรดาเด็กทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ ถ้าความกตัญญูมีไม่พอ เราไม่นึกเลย ยังกินตะกละคนเดียวหมดเลย นี่ ถ้าความกตัญญูไม่มี ถ้าความกตัญญูมีก็คงจะนึกถึงบ้าง ถึงไม่ได้เอาไปให้ก็ยังดี ฉะนั้นถ้ามีอะไรกินอร่อยก็ควรจะนึกถึงแม่ถึงพ่อ ร้องเพลงต้นตระกูลไทยอย่างโกหกหลอกลวง ไม่ทำตามต้นตระกูลไทย พ่อขุนรามคำแหง ว่ากูได้หมากส้มหมากหวานกินดี กูเอาไปให้แก่พ่อกูแม่กู นี่คนต้นตระกูลไทย ในศิลาจารึก เด็กคนไหนทำอย่างนี้บ้าง ถ้าทำก็ดีแล้ว ไม่ร้องเพลงต้นตระกูลไทยโกหกแล้ว ปฏิบัติจริงตามต้นตระกูลไทย กินอะไรอร่อยนึกถึงพ่อแม่ อย่าจับพ่อแม่ใส่นรก ด้วยการใช้เงินเปลือง ด้วยการเรียนเหลวไหล เป็นเจ้าชู้ตั้งแต่เล็ก ไม่รู้จักประหยัด นี่แหละเรื่องเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ตั้งต้นด้วยความกตัญญู แล้วก็ทำทุกอย่าง เมื่อใครอยากเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาฟังให้ดี ๆ แล้วปฏิบัติ ถ้าไม่ต้องการก็ตามใจ ไม่มีใครว่า เวลามันมีน้อย พูดได้แค่ย่อ ๆ
ทีนี้ข้อที่สอง เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ความที่เรามีอายุ ๖๐ กว่าปี ได้สังเกตมาเรื่อย ๆ เวลานี้มันเป็นศิษย์ที่เลวของครูบาอาจารย์ ลงเรื่อย ๆ ๆ ไม่เคารพครูบาอาจารย์ จะด้วยเหตุใดก็ตาม เมื่อเทียบกันในระหว่างสี่สิบห้าสิบปีมาแล้วนี้ เด็กสมัยก่อนเคารพบูชาอาจารย์ รักด้วย กลัวด้วย ทั้งรักทั้งกลัว ยิ่งกว่าพ่อแม่ คือกลัวครูยิ่งกว่ากลัวพ่อแม่ แล้วก็เคารพครู ยิ่งกว่าใครเลย มีความเคารพนับถือ มีความรักใคร่ แล้วก็ช่วยเหลือกันเหลือเกินในระหว่างครูกับอาจารย์ กับลูกศิษย์นะ มันจึงมีความเคารพ รักใคร่ เกรงกลัวอย่างยิ่ง แต่เวลานี้มัน มันเลวลง ๆ เราเคยอ่านหนังสือพิมพ์ว่าสมัยหนึ่ง ครูผู้หญิงคนหนึ่งต้องไปกราบขอโทษเด็กนักเรียน เพราะไปตีมัน ที่หนังสือพิมพ์ลงคราวนั้น ใครไปอ่านคงจะนึกได้ แต่ว่าไม่ใช่ต้องถึงขนาดหรอก ทั่ว ๆ ไปนี้แหละ ดื้อ ดื้อครู ไม่เคารพครู ไม่เชื่อฟังครู ทำความหนักอกหนักใจให้ครูมาก ในที่สุดมันก็ เด็กคนนั้นมันต้องเลวเอง ไม่มีใครแช่งหรอก มันเลวเองแหละ ลองเป็นศิษย์ที่เลวของครูบาอาจารย์เถอะ มันจะเลวเองแหละ การเรียนก็ไม่ดี มารยาทก็ไม่ดี นิสัยก็ไม่ดี มีแต่คนเกลียดน้ำหน้ามากขึ้นมากขึ้นแล้วมันจะดีได้อย่างไร เป็นศิษย์ที่เลวของครูบาอาจารย์ มันก็เลวเองแหละ ฉะนั้นพยายามเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ก็เชื่อฟัง พระพุทธเจ้าว่าบุตรที่ดีที่สุด คือ บุตรที่เชื่อฟัง ไม่ได้พูดว่าเด็กที่ฉลาดเป็นบุตรที่ดี หรือว่าเด็กที่สวยเป็นบุตรที่ดี แต่พูดว่าเด็กที่เชื่อฟัง เป็นบุตรที่ดี เพราะฉะนั้นอย่าอวดดี ว่าเล่นกีฬาเก่ง หรือว่าฉลาด หรือว่าเรียนดี ยังไม่เป็นบุตรที่ดี จนกว่าจะเป็นบุตรที่เชื่อฟัง คือเป็นศิษย์ที่เชื่อฟังครูบาอาจารย์นั่นเอง เพราะถ้าเชื่อฟัง แล้วครูบาอาจารย์ก็นำไปได้แน่ ถ้าไม่เชื่อฟัง ครูบาอาจารย์ทั้งร้อยก็นำไปไม่ได้ นำเราไปไม่ได้ ไอ้เราก็ยังเลวอยู่นั่นแหละ ฉะนั้นขอให้เธอคิดถึงข้อนี้แหละ ถ้ารักตัว อยากจะดี ก็ต้องเคารพครูบาอาจารย์ เราจะได้มีความตั้งอกตั้งใจเรียนมากขึ้น แล้วก็ตั้งอกตั้งใจที่จะคิดนึก ศึกษา ประพฤติให้ดี มีคนรักใคร่ มีความเจริญ ไปดูเอาเองเถอะ อย่าให้ต้องระบุมากนัก ว่าเด็กไม่เคารพบิดามารดา ครูบาอาจารย์ มันเป็นอย่างไร และเคารพครูอาจารย์เป็นอย่างไร ในที่สุดจะต่างกันอย่างไร เพราะว่าเด็กมันยังรู้เองไม่ได้ มันยังเพิ่งเกิด สิ่งที่ยังไม่รู้ มันยังรู้ไม่ได้ มันต้องเชื่อฟังคนที่เขาเกิดก่อนและเขารู้ ครูอาจารย์ทำให้รู้หนังสือ ทำให้ฉลาด ทำให้จิตใจสูง เขาเรียกผู้นำในทางวิญญาณ คำว่าครูนี้ก็แปลว่า ผู้นำในทางวิญญาณ มีคนอธิบาย คำว่า คุ มันแปลว่ามืด รุ แปลว่า สว่าง คุรุนี้คือผู้ที่นำ คนจากมืดไปสู่ความสว่าง ที่เรายังไม่รู้ เรายังโง่ นี้เรียกว่ามืด แล้วครูนำจากความมืดไปสู่ความสว่าง ฉะนั้นขอให้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์
ทีนี้ก็ข้อที่ สาม เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน นี่พูดกันแต่ระหว่างพวกเธอด้วยกัน เด็กนักเรียนด้วยกัน มันเป็นเพื่อนกัน ก็ต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ถ้าเป็นพุทธบริษัท มันมีหลักเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ว่าเราเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เพื่อนทุกข์ เพื่อนสุขด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราเกิดมาเหมือน ๆ กันคิดดู เกิดจากพ่อแม่ แล้วมีความเจ็บ ความไข้ มีความเดือดร้อน มีความสุข มีความทุกข์ ด้วยกันทุกคน เขาเรียกว่าเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสุข เป็นทุกข์ด้วยกัน ถ้าใครรู้สึกอย่างนี้ แล้วมันก็ชกต่อยกันไม่ได้ เวลาเขาชกต่อยกัน มันบ้า มันเป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นสัตว์ เดรัจฉาน มันจึงขบ จึงตัด จึงชก จึงต่อย ไม่รู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน เพราะฉะนั้นขอให้ดูเวลาเพื่อนชกกันนั่นแหละ คนหนึ่งไม่ได้ชก ยืนดูเวลาเพื่อนมันชกกันแหละ มันมีหน้าตาอย่างไร จิตใจอย่างไร เนื้อตัวอย่างไร มันลืมไปว่าเราเป็นเพื่อนกัน มันไปเห็นแก่ประโยชน์ เรื่องเงิน เรื่องของ เรื่องกิน เรื่องเล่น เรื่องหัว เรื่องเจ้าชู้ เรื่องอะไรก็ตาม แล้วมันชกต่อยกัน มันลืมความเป็นเพื่อน ว่าเราเกิดมาเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายกัน เราเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน เวลานี้มันเป็นบ้ามากขึ้นทุกที จนถึงในวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัย มันยังชกต่อยกัน ฆ่ากัน ยิงกัน เรียกว่ามันไม่มีความเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ และมันก็ไม่มีความเป็นเพื่อนที่ดีแก่กันและกัน อ่านหนังสือพิมพ์ มากขึ้นทุกปี ๆ พวกเธอยังเล็กอยู่ ยังไม่แรงถึงขนาดนั้น ควรจะระวังให้ดี เวลาโตขึ้น ไปเรียนวิทยาลัย มหาวิทยาลัย แล้วอย่าไปชก ไปต่อย ไปฆ่า ไปแกงกันนะ มันจะวินาศนะ ขอให้ท่านภาวนาไว้เสมอแหละ ว่าเพื่อนมันก็เหมือนกับเราแหละ มันเป็นเพื่อน เกิดมาอย่างมนุษย์ด้วยกัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน เป็นทุกข์ด้วยกัน หยิกเข้าก็เจ็บ จั๊กกะจี้เข้าก็หัวเราะ เอามีดกรีดก็เลือดแดง มันเหมือนกันเลย มันควรที่จะเป็นเพื่อน เกิดแก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันดีกว่า มีอะไรก็ปันให้เพื่อน ให้ถือว่าเราเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งได้เงินมา ๕๐ สตางค์ต่อวัน จากบิดามารดา มาใช้ที่โรงเรียน มากินเล่นที่โรงเรียน ควรจะเจียดออกมาสัก ๕ สตางค์ให้เพื่อนอีกคนที่มันไม่มี แต่อย่าบอกตรง ๆ มันอาย คิดช่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ต้องให้มันรู้ก็ได้ ที่ว่าของเรา ๕๐ สตางค์ เจียดมาสัก ๕ สตางค์ เอามาช่วยเพื่อนที่ไม่มี โดยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ ถ้าว่าได้ ๑๐ สตางค์ เราเจียด ๑ สตางค์ ให้เพื่อนที่มันไม่มี เรากินแค่ ๙ สตางค์ก็พอนะ มันไม่ตายหรอก ถ้า ๕๐ สตางค์ ให้เพื่อนสัก ๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ ใช้ที่เหลือ เราก็ไม่เป็นไร แต่ว่าเรายังได้บุญได้กุศลได้ความดี ในข้อที่ว่าเรานั้นเสียสละ และไม่เห็นแก่ตัว ที่ไม่คิดอย่างนี้ยังจะขโมยของเพื่อนอีก คอยจ้อง คอยจี้อะไรของเพื่อนอีก แทนที่จะเจียดของเราให้เพื่อน กลับค่อยจ้องจะลักจะขโมยของเพื่อน มันก็ไม่เป็นเพื่อนเท่านั้น ถ้าเป็นเพื่อนต้องคอยช่วยเหลือ ถ้าใครไม่เชื่อลองทำดู พอได้มา ๕๐ สตางค์ต่อวันจากพ่อแม่ เจียดให้เพื่อน ๕ สตางค์ทุกวัน เราจะเป็นอะไร เราคงไม่เดือดร้อนหรือไม่ผอมหรือไม่อะไรหรอก แต่เราได้ทำบุญ เราได้มีจิตใจที่ดี ได้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ได้มีเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันจริงๆ นี่แหละเขาเรียกว่าเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน นอกจากไม่ทำอันตรายชกต่อยกันแล้ว ยังช่วยเหลือเจียดเลือดเจียดเนื้อ ของเราให้เพื่อน ช่วยเพื่อน ใครบ้างมันจะไม่เรียกว่าเพื่อนที่ดี นี่แหละเพื่อนที่ดีของเพื่อนต้องเป็นอย่างนี้แหละ
ทีนี้ข้อที่สี่ ต้องเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติหรือของโลก นี่เรามันยังไม่รู้จักชาติ ประเทศ ด้วยซ้ำไป ไม่รู้จักโลกด้วยซ้ำไป จะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศมันก็ยากอยู่ ในโรงเรียนก็ดีแต่ให้จดไว้ในสมุด ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อมันให้เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติเลย มันต้องปฏิบัติ ทุกอย่างลงไปทีเดียว ไม่ต้องกลัวเหน็ดกลัวเหนื่อย ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติของเรานี้ จะให้มันเป็นประเทศ ประโยชน์แก่ประเทศชาติ หรือแม้แต่สาธารณะทั่วไป นี่ก็ต้องทำนะ ทีนี้เป็นพลเมืองที่ดีของโลกนะ เขาก็มีหลักว่า เราเกิดมานี้ เพื่อช่วยกันทำโลกนี้ให้งดงาม ให้น่าอยู่ เราเกิดมานี้ เพื่อช่วยทำโลกนี้ให้งดงาม ให้น่าอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าไปทำสิ่งสวยงามให้มันหมดไป อย่าทำลายค่าของโลก ของธรรมชาตินี้ให้หมดไป นับตั้งแต่ทางวัตถุนะ อย่าไปทำลายของสวยงามให้หมดไป มือบอน พอเห็นอะไรต่ออะไรก็เขียนเลอะเทอะหมด ตามภูเขา ตามต้นไม้ต้นไร่อะไร ไปเขียนเลอะเทอะสกปรกหมด นี่ว่าทางวัตถุอย่าไปทำลาย ทำลายดอกไม้ ทำลายสัตว์ สวย ๆ ทำลายนก แมลง เห็นอะไรสักนิดหนึ่งก็ยกมือขึ้นเงื้อ เรานั่งเฝ้าดูนะ เด็กเลว ๆ เดินไปถึง สัตว์จะหนีเอาเสียตรงนั้นแหละ จะเงื้อมือ หรือว่าเงื้อก้อนอิฐก้อนกรวดนะ แต่ว่าเด็กดี ๆ ก็ดูเฉย ๆ หรือแสดงความเมตตากรุณา นี่แสดงว่าเด็กบางคนชอบทำลายสิ่งสวยงามหรือสิ่งที่เขามีให้โลกมันน่าดู จะเป็นผีเสื้อ หรือเป็นนก หรือเป็นดอกไม้อะไรก็ตาม มันทำลาย ยังเป็นอันธพาลมาก นี่ไม่เป็นพลเมืองที่ดีของโลกในแง่วัตถุ หรือในแง่จิตใจ เราต้องช่วยกันทำโลกให้งาม โดยเป็นคนที่มีกาย วาจา ใจ สุภาพเรียบร้อย นี้ถ้าทุกคนยกขึ้นเป็นยักษ์เป็นมาร ดุร้าย ทางกาย ทางวาจา ทางใจ โลกนี้ก็เป็นโลกของยักษ์ ของมาร ไม่น่าดู ขอให้มนุษย์ทุกคนมีกาย วาจา ใจที่สงบเสงี่ยม สวยงามเรียบร้อย แล้วเดินไปเดินมาอยู่ในโลกนี้ โลกนี้มันก็น่าดูแหละ ถ้าคนมันมีจิตใจดี จิตใจงาม มันก็จะช่วยกันทำให้โลกนี้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่มีใครคิดทำลายโลก เวลานี้ก็รบราฆ่าฟัน เพราะมันเห็นแก่ตัว มันไม่คิดว่าเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายกัน มันทำลายโลกวินาศลงไปทุกที อย่าไปเอาอย่างมัน พวกบ้า ๆ เราเป็นพุทธบริษัทยิ่งต้องระวังมาก ไม่ว่านับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสดาก็สอนอย่างนั้นเหมือนกันแหละ ศาสนาคริสต์ยิ่งแรง ว่าให้รักผู้อื่นยิ่งกว่าตัวนู้น ถ้าตบแก้มซ้ายให้เขาตบแก้มขวาด้วย อย่าโกรธ อย่าไปเอาตำรวจมาจับ นี่เขาให้มันรักผู้อื่น ให้เห็นแก่ผู้อื่นยิ่งกว่าตัว มันถึงขนาดนี้แหละ ถึงแม้ศาสนาพุทธนี้ก็สอนแบบเดียวกันแหละ ให้เมตตากรุณา ไม่มีการเบียดเบียนกันในโลก โลกนี้มันก็น่าดู เหลียวไปทางไหนก็มีแต่คนรัก แสดงสายตาว่าเป็นมิตรไม่มีใครเป็นศัตรู ก็เลยไม่เบียดเบียนกัน โลกนี้มันก็น่าดู เดี่ยวนี้เผลอไม่ได้ เผลอกันก็รบ เผลอยิงกัน อะไรกัน โลกนี้มันก็ไม่น่าดู เพราะเป็นพลเมืองเลวของโลกกันเสียหมด มากขึ้น ๆ
ทีนี้ข้อสุดท้าย ให้เป็นสาวกที่ดี หรือ เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า ถ้าโรงเรียนไหนปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวง คงจะจัดให้ทำพิธีพุทธมามกะกันทุกปี แล้วเด็กก็ได้รับพิธีเป็นพุทธมามกะ ประกาศตัวว่าเป็นพุทธมามกะ ถ้าว่าไม่ทำกันแต่ปาก ถ้าเป็นกันจริง ๆ ต้องทำตัวให้ดี ให้ถูกต้องตามเรื่องของพุทธมามกะ ที่ประพฤติธรรมะ ให้ตรงตามความประสงค์ของพระพุทธเจ้า ผู้นั้นจึงจะมีสิทธิที่จะพูดออกมาว่า พระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า นี่ยังสงสัยอยู่นะ ถ้าถาม ไม่รู้จะตอบถูกไม่ถูก พวกที่นั่งทั้งหมดนี้ ว่าพุทธมามกะ แปลว่าอะไร พุทธ แปลว่า พระพุทธเจ้า มามกะ แปลว่า ของข้าพเจ้า มามะ แปลว่า ของข้าพเจ้า กะ นี้ก็ทำให้ประกอบขึ้นว่า ผู้ที่ปฏิญาณ หรือว่าร้องยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า พวกเราทำพุทธมามกะ พุทธมามโกติมํ ธาเรตุ อะไรนี้ ข้าพเจ้าเป็นพุทธมามกะ ถ้าไม่รู้ว่าพุทธมามกะแปลว่าอะไร ก็ปฏิบัติไม่ตรง พุทธมามกะแปลว่า ผู้ยืนยันสัญญาว่า พระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า ถ้าจะเป็นของพระพุทธเจ้าจริง ก็ต้องปฏิบัติ ต้องเชื่อฟังตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทีนี้ง่ายหมดเลย พระพุทธเจ้าต้องการ อบรม สั่งสอน และต้องการ ขอร้อง วิงวอน สารพัดที่เราเคยพบ เพื่อให้คนประพฤติดี ประพฤติชอบ ถ้าคนเชื่อฟังพระพุทธเจ้าก็จะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาทันทีแหละ เพราะว่าปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วไม่มีอะไรทำให้พ่อแม่ร้อนใจ ถ้าปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็จะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ทันที พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ที่เชื่อฟัง เป็นบุตรที่ดีที่สุด เราปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนทันทีแหละ เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่า ให้ถือว่าทุกคนเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน ถ้าปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีทำชั่ว ทำผิด ทำอะไรเลย ก็เป็นพลเมืองที่ดีของโลก นี่เขาเรียกว่าเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า ที่ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ขอให้ศึกษาให้เข้าใจพระพุทธเจ้าให้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงจะได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร ต้องการอย่างไร แล้วเราก็จะทำให้ตรงความประสงค์ เราจึงได้ชื่อว่า เป็นพุทธมามกะที่แท้จริง ไม่เล่นตลก ไม่ว่าแต่ปาก ไม่หน้าไหว้หลังหลอก เด็กบางคนหน้าไหว้หลังหลอก คือรู้ว่าข้อนี้ผิดศีล ข้อนี้ผิดวินัย ข้อนี้ผิดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่แท้ ๆ รู้แท้ ๆ ยังทำ ยังแกล้งทำ ยังฝืนทำผิดไปได้ นี้มันคนหน้าไหว้หลังหลอก พูดกันไม่รู้เรื่อง ทีนี้บางคนนะไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่พยายามเรียนให้รู้ พยายามทำความเข้าใจให้รู้ มันต้องมีศรัทธา มีความเชื่อฟัง เคารพในพระพุทธเจ้า ทำตามคำสอน จึงจะเป็นพุทธมามกะที่ดี เอาล่ะทีนี้พวกเราก็ต้องท่องกันไว้จำกันไว้ให้ดี ว่าเราจะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เราจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ จะต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนด้วยกันและกัน จะต้องเป็นพลเมืองที่ดีของโลก ของประเทศ ของโลก แล้วก็เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า หลายคนไม่ต้องการ นั่งหลับเสียก็มี นั่งชะเง้อไปทางอื่นเสียก็มี นี่เราเชื่อว่าคนบางคนนี่ไม่ต้องการจะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา คงโกรธเราแล้ว เราว่าเอา ไม่ต้องการจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ไม่ต้องการเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน กลับไปจากที่นี่คงตายกันบ้าง เพราะไม่ต้องการเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน แล้วก็ไม่เป็นพลเมืองที่ดีของโลก ไม่เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้าเป็นแน่นอน เพราะฉะนั้นขอให้คิดเสียใหม่ เพียรเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ กลับตัวเสียใหม่ ที่ไม่เคยคิดจะเป็นทั้ง ๕ อย่างนี้ คิดเสียให้ดีจะได้กลับใจ จะได้เป็น ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ดีจริง เขาก็ไม่มีใครนับถือกันทั่วโลกแบบนี้ คนที่เขาสร้างอนุสาวรีย์ให้มากที่สุดคือพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปองค์หนึ่ง องค์เล็ก องค์ใหญ่เท่าไรก็ตาม อนุสาวรีย์ของพระพุทธเจ้า ไปนับดู มากนับไม่ไหว เป็นล้าน ๆ ร้อยล้าน พันล้าน ถ้าเขาถามว่า คนในโลกนี้ ใครนะที่เขาสร้างอนุสาวรีย์ให้มากที่สุด ทุกคนต้องยอมรับว่าพระพุทธเจ้า ก็ควรจะคิดต่อไปว่า ถ้าไม่ดีจริงก็คงไม่มีใครสร้างอนุสาวรีย์ให้มากถึงขนาดนี้ ฉะนั้นสนใจกันบ้าง เรื่องราวคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เขียนไว้เต็มไปหมดในตึกนี้แหละ ต้องพยายามทำความเข้าใจ ถึงแม้จะเขียนไว้ในภาพจีน ภาพญี่ปุ่น ภาพอะไร คำสอนของพระพุทธเจ้า ตรงกันหมดเลย เรื่องกตัญญู เรื่องซื่อสัตย์ เรื่องเมตตา เรื่องต่าง ๆ นี่ ได้ยินว่าเขาจะฉายหนังเรื่องพุทธประวัติให้ดู ก็คอยจับสังเกตดูให้ดี ว่าพระพุทธเจ้าต้องมีอะไรดีแน่ จึงมีคนไปถึงอินเดีย ที่เขาไปถ่ายมาหรือว่า ได้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า แล้ว จับให้ได้ว่าพระพุทธเจ้าประเสริฐอย่างยิ่งที่ตรงไหน โดยสรุปแล้วเขาว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ ไม่มีความผิด ไม่มีความชั่ว ไม่มีความลับ ติดตัว เขาเรียกว่า มีคุณ คือความบริสุทธิ์ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีปัญญา ดับความทุกข์ทุกชนิดได้ สอนผู้อื่นให้ดับความทุกข์ได้ด้วย เขาเรียกว่ามีปัญญา แล้วก็มีเมตตา เหน็ดเหนื่อยไม่ว่า เที่ยวสอนคน ทั่วไป ไกลก็เดินไปสอนได้ เธอมาจากชุมพร นั่งรถไฟมา แต่พระพุทธเจ้าไปชุมพรต้องเดินด้วยเท้า ไม่มีรองเท้าด้วยในสมัยนั้น พระพุทธเจ้ายังเที่ยวสอนทั่วประเทศ แล้วกว่าจะไปถึงได้ เดินเท้าเปล่า ร่มก็ไม่มี ต้องมีเมตตามากเท่าไรจึงจะจำทำอย่างนี้ได้ ฉะนั้นช่วยกันคิดนึกให้ดี ๆ อย่าให้มันผิดหลักของพระพุทธเจ้า อย่าละโมบโลภลาภเรื่องกิน เรื่องเล่น เรื่องไร มันจะลืมเสียหมด ลืมพระพุทธเจ้า นี่จะบอกให้รู้สักข้อหนึ่งสำคัญที่สุด ว่าพระพุทธเจ้านั้นท่านเกิดกลางดิน ใช้คำว่าเกิด เพื่อจะฟังง่าย ๆ คือท่านประสูติกลางดิน ไม่ได้ประสูติบนวิมารหรือบนอะไร ใต้ต้นไม้ ที่เขาเรียกว่า ต้นสาละ ปลูกไว้ตรงนี้ ต้นสาละเขียนป้ายไว้ ถ้าใครนับถือพระพุทธเจ้าก็ควรจะถ่ายรูปต้นสาละ ต้นสาละและมีตัวเองด้วย ไว้เป็นที่ระลึก เราคิดว่าจะดีกว่ารูปอื่นพระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดิน เป็นพระพุทธเจ้ากลางดิน ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง เวลานี้เขาเรียกว่า ต้นโพธิ์ ริมลำธาร ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ากลางดิน เมื่อนิพพาน คือตาย ก็กลางดิน ใต้ต้นสาละอีก เกิดใต้ต้นสาละ ก็ตายใต้ต้นสาละ นี่ไม่ใช่เราพูดดูถูกพระพุทธเจ้า พูดเป็นคำธรรมดา เพื่อให้เธอฟังง่าย ใช้ภาษาชาวบ้านว่า เกิดก็กลางดิน ตรัสรู้ก็กลางดิน ตายก็กลางดิน เกิดและตายใต้ต้นสาละ ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ แล้วส่วนมากจะอยู่กลางดิน เพราะว่ากุฏิของพระพุทธเจ้านี่ เพิงดิน ไปดูที่ประเทศอินเดีย กุฏิพระพุทธเจ้านี่ เพิงดิน จะไม่เรียกว่าอยู่กลางดินได้อย่างไร ทีนี้ไปไหนกับสาวกก็เดินไป เหมาะหยุดนั่งร่มไม้ที่ไหน ก็สอนเทศน์ สอน แสดงธรรมก็กลางดิน ไม่ต้องขึ้นธรรมมาสน์เหมือนเราอย่างนี้ พระพุทธเจ้านั้นอยู่ในลักษณะที่ว่า เป็นอยู่ต่ำ แต่ว่าการกระทำสูงสุด ข้อนี้เขานับถือกันมาก เขาเรียกว่า plain living high thinking การเป็นอยู่ทางเนื้อหนังต่ำที่สุด แต่ความคิดนึกทางจิตใจมันสูงสุด จึงเป็นพระพุทธเจ้าได้ ฉะนั้นอย่าไปบ้า เรื่องสวย เรื่องงาม เรื่องวิมาน เรื่องอะไรกันให้มันเกินไป กินอยู่ง่าย ๆ เหมือนกับอยู่ที่วัดนี้ เขาเรียกว่า กินข้าวจานแมว อาบน้ำในคู ไม่เห็นตาย ไม่เห็นโง่ ไม่มีใครตาย ไม่มีใครโง่เลย เพราะกินข้าวจานแมว อาบน้ำในคู ไอ้คนที่มันบ้ากินบ้าเล่นบ้าอะไรนั่น มันจะโง่ ระวังไว้ให้ดี มันหวังเกินไป แล้วมันจะโง่ นี่ถ้าว่านับถือพระพุทธเจ้า จะปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้ว ไอ้เรื่องกินเรื่องเป็นอยู่นี้ให้มันประหยัด อย่าไปให้เปลือง อย่าไปหวังให้มันสูงไปในทางการเป็นอยู่ มันจะเกิดกิเลสมากขึ้น แต่ว่าการคิด การนึก หน้าที่การงาน การศึกษา เล่าเรียน ทำให้ดีที่สุดให้สูงที่สุด เขาว่าอย่างนี้ สูงในทางจิตใจ ถึงมันจะอยู่ต่ำ ๆ กินต่ำ ๆ นั่นแหละยิ่ง ยิ่งจะทำให้จิตใจมันสูง ถ้าไปกินสูง อยู่สูงแล้วจิตใจมันก็โง่ มันก็ต่ำ มันก็ลงไปหา เขาเรียกว่าเรื่องเนื้อ เรื่องหนัง เรื่องเอร็ดอร่อย ทางเนื้อ ทางหนัง ทางตา ทางหู ทางจมูก เป็นกายใจนี่แหละ ที่เขาเรียกว่ากามอารมณ์บ้าง ที่เป็นเจ้าชู้มันเหลวทุกราย นักเรียนคนไหนเป็นเจ้าชู้ มันเหลวทุกราย ไปรู้เอาเองนะ นักเรียนคนไหนเจ้าชู้ มันต้องเหลวในการเรียนทุกราย มันไปเห็นแก่เนื้อหนัง มันต่ำไป ใจมันก็ต่ำ
เอาล่ะ เวลามันมีจำกัด ก็สรุปความว่า มันไม่มีใครที่จะวิเศษ ประเสริฐ กว่าพระพุทธเจ้า เขาทำอนุสาวรีย์ให้มากที่สุด และได้สอนไว้ว่า ให้เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ให้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ให้เป็นพลเมืองที่ดีของโลก และเป็นสาวกที่ดีของพระอริยะเจ้า พระพุทธเจ้า ถ้าใครยึดมั่นในข้อนี้ ไม่ต้องมีใครให้พรหรอก มันดีเองแหละ ยืนยันได้ทันที ว่ามันดีเองแหละ เพราะมันประพฤติดี แต่ถ้าทำชั่ว ไม่ต้องมีใครแช่งหรอก มันฉิบหายวินาศเอง ดูท่าเธอจะหายง่วงนอนกันแล้ว ถ้าขืนทำชั่วไม่ต้องมีใครแช่ง จะฉิบหายวินาศเอง ถ้าทำดี ก็ไม่ต้องมีใครให้พร เจริญรุ่งเรืองเอง เพราะมันเป็นกฎของธรรมชาติ เป็นเรื่องของธรรมชาติ เพราะฉะนั้นมาสวนโมกข์ทีหนึ่ง เอาแต่สองประโยคนี้ไปก็ได้ พอแล้ว อย่าทำสิ่งที่ผิด ที่ชั่ว จะเป็นบุตรที่เลว เป็นศิษย์ที่เลว เป็นเพื่อนที่เลว เป็นพลเมืองที่เลว เป็นสาวกที่เลวนะ ให้เป็นบุตรที่ดี ศิษย์ที่ดี เพื่อนที่ดี พลเมืองที่ดี สาวกที่ดี ถ้าตอนนี้ยังไม่ได้เป็น เราขอให้พร เราพยายามให้พร พยายามอ้อนวอนว่า ขอให้เธอทุกคน ได้ตั้งอกตั้งใจ ประพฤติตนให้มีความเจริญงอกงามในการที่ว่าได้เป็น เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า มีความเจริญทุกทิพาราตรีกาลเทอญ ไม่มีใครไหว้นี่แสดงว่าไม่เคยได้รับการอบรมในการที่เขาให้พร เอาล่ะ พอที เธอคงไม่รับพรที่เราให้พร