แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อยากจะพูดเป็นการทำความเข้าใจพร้อมกัน ทั้งนักเรียนและทั้งครูและทั้งผู้ปกครอง เพราะมี2-3คนด้วยกันทั้งนั้น เดี๋ยวนี้มีปัญหาว่า ยังมีอันธพาลมาก ยังมีอาชญากรมากอยู่ ไม่สมกับที่เป็นเมืองพุทธศาสนา ข้อนี้เป็นที่เห็นกันได้ว่าเพราะการศึกษามันไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ โดยเหตุที่วัฒนธรรมได้เปลี่ยนไป ไปชอบใจหลงใหลเรื่องทางวัตถุ คือความสุขสนุกสนานเอร็ดอร่อยสวยงามในด้านวัตถุ บูชาเรื่องวัตถุเป็นใหญ่ก็เลยไม่เคารพวัฒนธรรมและศีลธรรม คนมันพร้อมที่จะฉ้อฉลขโมยลักล้วงเอาเปรียบเมื่อมีโอกาส ผิดจากยุคหรือถิ่นที่มีวัฒนธรรมศีลธรรมดีที่ปรากฏในประวัติศาสตร์เช่น เมืองศรีวิชัยคือแผ่นดินแหลมมลายูนี้ในครั้งหนึ่งเจริญด้วยศีลธรรมจนพวกอาหรับที่ได้มาเที่ยวที่นี่ได้เขียนบันทึกไว้ถึงความมีศีลธรรม ร่ำลือไปในประเทศต่างๆ ว่าคนเมืองนี้ไม่ถือเอาแม้แต่ของตกของพลัดตก เค้าก็อยากจะทดลองดู พ่อค้าอาหรับคนนั้นแกล้งทำทองแกล้งทิ้งทองไว้กลางถนนจำนวนหนึ่งแล้วก็ไปค้าขายเมืองอื่นต่อไป สี่ห้าปีกลับมาดูที่ตรงนั้น ไม่เห็นทองแต่สงสัยว่าอาจจะถูกเหยียบจมลงไปในดิน เขาก็ควักดินคุ้ยดินที่ตรงนั้น 2-3นิ้วก็พบทองจำนวนนั้นจริง เขาเลยยกย่องสรรเสริญระบือลือชาบอกกล่าวกันต่อๆ ไปว่าคนเมืองนี้มีศีลธรรม มีวัฒนธรรมถึงขนาดไม่เอาของตก ข้อนี้ขอให้คำนวณดูว่าแม้ของตกมันยังไม่เอาแล้วมันจะไปปล้นไปจี้ไปชิงไปขโมยได้อย่างไร ของตกมันยังไม่เอาแล้วมันจะไปจี้ไปชิงของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ยึดครองอยู่อย่างไร มันก็มีไม่ได้ มันก็เป็นบ้านเมืองที่ปลอดภัยอย่างยิ่ง มีศีลธรรมดี จนถึงกับเขียนไว้ว่า นอนไม่ต้องปิดประตูเรือนก็ได้ นั่นแหละขอให้เทียบเคียงดูว่าถ้ามีศีลธรรมดีมีวัฒนธรรมดีนั้นจะมีความสงบสุขอย่างไรเท่าไร เดี๋ยวนี้เราก็เปรียบเทียบกันดูว่า อย่าว่าแต่ของตกเลย ถึงแม้ของที่เจ้าของยังยึดครองหวงแหนอยู่นี้ก็ยังปล้นจี้ฉกชิงวิ่งราว ปล้นรถยนต์ ปล้นคนเดินทาง เอาไม้ขวางให้รถยนต์หยุดแล้วก็ปล้นจี้อย่างนี้ มันต่างกันสักกี่มากน้อย แล้วคำนวณดูว่าถ้ามันเป็นเรื่องมีศีลธรรมอยู่กันอย่างมีศีลธรรมจะเป็นความสงบสุขผาสุกสักเท่าไรนั่นนะไปคิดดู แล้วมันเคยมียุคสมัยที่เป็นอย่างนั้น คือบ้านเมืองที่เป็นอย่างนั้น จนกล่าวไว้เป็นมาตรฐานว่าคนไม่เอาแม้แต่ของตก ไม่ต้องพูดถึงสมัยปล้นจี้ขโมยฉกชิงวิ่งราว
ที่เราพูดกันนี้ก็หมายความว่าเรามีปัญหา เดือดร้อนกันไปทั่วประเทศหรือว่าทั่วโลกก็ว่าได้ ปัญหาเรื่องฉกชิงวิ่งราวนี้ บางประเทศก็ว่าแรงมาก บางประเทศก็ค่อยยังชั่วหน่อย มันจะกลายเป็นว่ามีกันทั้งทุกประเทศทั่วโลกก็ว่าได้ เพราะเหตุอย่างเดียวคือหลงใหลบูชาการได้ หรือการได้ปัจจัยแห่งความสนุกสนานเอร็ดอร่อยทางวัตถุนั่นเอง มันก็บูชาสิ่งเหล่านี้มันก็เลยดูถูกดูหมิ่นศีลธรรม ดูถูกศาสนาไม่ถือศาสนา ไม่เชื่อบุญไม่เชื่อบาปอะไรก็เพราะว่าเห็นแก่การได้วัตถุ เขาจึงเรียกว่าสมัยวัตถุ เจริญด้วยวัตถุ วัตถุครองโลก คำว่าวัตถุในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตัววัตถุก้อนอิฐก้อนหินก้อนดินอะไรไม่ใช่ หมายถึงความสนุกสนานเอร็ดอร่อยพอใจที่เกิดทางร่างกาย มีวัตถุเป็นเครื่องบำรุงบำเรอปรนเปรอ นั่นเรียกว่าวัตถุ สมัยวัตถุ บูชาวัตถุ แล้วลูกเด็กๆ โตขึ้นมา มันถูกกระทำให้พอใจในเรื่องสนุกสนานอะไรตลอดทางวัตถุจนติดเป็นนิสัยยิ่งขึ้นๆๆ มันก็มุ่งหมายที่จะได้ จะเล่าเรียนจะหาเงิน จะได้เงินมาเพื่อซื้อหาวัตถุบำรุงบำเรอแก่ร่างกาย นี่วัฒนธรรมเปลี่ยนหมายความว่าอย่างนี้ แต่ก่อนนู้นปู่ย่าตายายเค้ายึดถือดีชั่วบุญบาป ไม่บูชาความสุขที่เกิดจากวัตถุ หรือสนุกสนานเอร็ดอร่อยทางวัตถุ แต่บูชาความสุขที่เกิดจากจิตใจสงบเย็นไม่ถูกกิเลสตัณหารบกวน นี่มันกลับตรงกันข้ามเกิดเป็นปัญหาขึ้นมาทั้งโลกก็ว่าได้ ยิ่งในบ้านเมืองที่เจริญละก็ยิ่งเป็นมาก เพราะโอกาสที่คนอันธพาลจะทำโจรกรรมทำอาชญากรรมมันง่ายขึ้น ก็ดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ทุกวัน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับมีข่าวอาชญากรรมหลายเรื่องทุกวันทุกฉบับลองคิดดูมันมากเท่าไร ในเมืองหลวงหรือทั่วๆ ไปทั้งประเทศมีมากเท่าไร ทีนี้ถ้าเราคิดกันให้ดีก็จะรู้สึกว่ามันเสียทีที่เป็นเมืองพุทธศาสนาประชาขนอยู่กันในลักษณะอย่างนี้ ขอให้ตั้งใจกันเสียใหม่ มีหลักเกณฑ์กันเสียใหม่ในการที่จะมีศีลธรรมมีวัฒนธรรม อย่าเห็นแก่ได้ แก่ความสนุกสนานเอร็ดอร่อยทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่เป็นเรื่องส่งเสริมกิเลสเลย มุ่งหาความสงบเย็นเป็นสุขอย่างถูกต้องแท้จริงคือไม่มีใครทำอันตรายใคร มีแต่ทำประโยชน์ให้แก่กันและกัน เป็นอยู่อย่างมีศีลธรรมอย่างถูกต้อง มีวัฒนธรรมสูง คือทุกคนทำหน้าที่ของตนทำหน้าที่ของตน เป็นประโยช์แก่ทุกคนและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เรียกว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแต่ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ ถ้าเราอยู่กันอย่างนี้มันก็มีความสงบสุขอย่างยิ่ง อย่างเดียวกับที่เรียกในพระคัมภีร์ว่า โลกพระศรีอริยเมตไตรย โลกพระศรีอาริย์น่ะ พระศรีอริยเมตไตรย ศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย(15:47) คนอยู่กันอย่างผาสุกที่สุด อย่างที่กล่าวแล้วว่านอนไม่ต้องปิดประตูเรือน ทุกคนเป็นสุขมีลูกเล็กๆ เต้นรำอยู่บนหัวอกแม่ หมายความว่าไม่มีความทุกข์ร้อน เดินไปที่ไหนก็มีแต่คนจะช่วยเหลือ จะเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนถามว่าให้ช่วยเหลืออะไรต้องการอะไร หรือเขาเขียนไว้พิสดารว่า พอคนลงจากบ้านของตนไปสู่ท้องถนนเท่านั้นแหละก็หมายจำกันไม่ได้ว่าใครเป็นใคร เพราะมันเหมือนกันไปเสียหมดมีแต่คนที่มาชูมือเสนอตัวให้ช่วยอะไรช่วยอะไรเดือดร้อนอะไร ถามกันแต่อย่างนี้ ต่อเมื่อกลับมาถึงบ้านต่างคนต่างกลับมาถึงบ้านแล้วถึงรู้ อ้าวนี่บ้านเรานี่บุตรภรรยาสามีพ่อแม่อะไรของเรา ถ้าออกไปสู่ถนนแล้วเลยจำกันไม่ได้เพราะว่าดีเหมือนกันไปหมด บ้านเมืองอย่างนี้จะเป็นอย่างไร
เอาล่ะทีนี้ บางคนจะคิดว่านี่เกินไปเกินไปทำไม่ได้ แต่มันก็ได้เคยมีเรื่องเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าเคยมีและจะมีอีก มีอีก คือมันหมุนเวียนไปมา เวียนไปมา ความเสื่อมความเจริญในทางทรัพย์สินและทางวัฒนธรรมนี้มันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ มันอยู่ที่ว่าเราจะช่วยกันให้มันกลับมา ความเจริญชนิดนั้นให้มันกลับมา ให้ศีลธรรมกลับมา ถ้ามีความเข้าใจเรื่องนี้ถูกต้องก็สามารถจะทำให้กลับมา สามารถจะทำให้กลับมา โดยที่มารื้อฟื้นสนใจเรื่องวัฒนธรรมศีลธรรมกันอีกจนมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีที่เต็มไปด้วยศีลธรรม ทุกคนมีความรักใคร่ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เรื่องนี้ก็คงจะเคยได้ยินคนแก่ๆ สวดมนต์ สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่ามีการเบียดเบียนอะไรกันเลย เป็นสิ่งที่ทำได้เมื่อมีการศึกษาดี มีการศึกษาถูกต้องตั้งแต่ต้นจนปลาย มีการศึกษาถูกต้องตั้งแต่ต้นจนปลาย
ทีนี้ก็พูดถึงเรื่องการศึกษา การศึกษาก็หมายถึงมีผู้อบรมสั่งสอนแล้วก็มีผู้ปฏิบัติตาม การอบรมสั่งสอนนั้นให้การศึกษาตั้งต้นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก คือว่าตั้งแต่คลอดจากท้องแม่ ถ้าให้ดีก็ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่คือมารดาผู้อุ้มครรภ์นั้นมีศีลมีธรรมดี ดังที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่าเมื่อมีการตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์คนที่จะเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าก็ดี จะเกิดมาเป็นจักรพรรดิ์อะไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งครรภ์แล้วละก็มารดานั้นสมาทานศีลอย่างยิ่ง คล้ายๆ กับให้ลูกในครรภ์มันรู้จักรสชาติของศีลมา พอเกิดมาแล้วก็สั่งสอนอบรมถูกต้องอย่างยิ่ง เราจะดูเรื่องนี้แล้วก็จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือผู้ที่เป็นครูผู้สอน กับผู้ปฏิบัติตามนั้นจะแบ่งเป็น 3 ชุด บิดามารดาเป็นครูชุดแรกที่สุด พอลูกเกิดมาจากครรภ์ก็มีการแวดล้อมที่ดี อบรมอย่างดีถูกต้องอย่างดีจนจะเป็นเด็กโตพอที่จะไปโรงเรียนได้ พอไปโรงเรียนได้ก็มีครูอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นผู้อบรมสั่งสอน ครั้นเรียนจบโรงเรียนแล้วก็ไปเรียนทางศาสนาที่วัดที่วา มีพระเจ้าพระสงฆ์เป็นครูบาอาจารย์สอน ครูมีถึง 3 ตอนอย่างนี้ บิดามารดาเป็นครูอาจารย์ชุดแรก ครูที่โรงเรียนเป็นอาจารย์ชุดที่ 2 พระเจ้าพระสงฆ์เป็นอาจารย์ชุดที่ 3 ที่วัดที่วา แล้วมันก็เรียกว่ามีการศึกษาครบถ้วนถูกต้อง บิดามารดาจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพราะว่ามันเป็นจุดตั้งต้น ถ้ามันผิดไปเสียตั้งแต่จุดตั้งต้นแล้วมันยากที่จะถูก บิดามารดามีความสำคัญมากที่จะให้เกิดการศึกษาที่ถูกต้องแก่ลูกทารกเด็กๆ เพิ่งคลอดออกมาจนโตขึ้นมา จนกว่าจะไปโรงเรียนได้ อย่าสอนคืออย่าอบรมให้มันเป็นหลงใหลในเรื่องเอร็ดอร่อยสวยงามนัก คือป้อยอเรื่องอาหารการกินจนเสียนิสัย จะเอาแต่ดีจะเอาแต่อร่อยอย่างไม่มีเหตุผล นี่ก็ทำให้เด็กเสียนิสัย เห็นแก่ได้ เอาแต่จะได้เอาแต่จะเอร็ดอร่อยสนุกสนานของตนโดยไม่คิดถึงความเสียหายหรือความยากลำบากของผู้อื่น บิดามารดาที่โง่เขลาคอยตามใจลูกแล้วแต่ลูกจะกินอะไรจะเล่นอะไร แม้ของเล่นที่แพงๆ ก็อุตส่าห์ซื้อให้ลูก ก็ทำให้ลูกมันเสียนิสัย มันเป็นความรักที่โง่เขลาของบิดามารดาแล้วก็ทำให้ลูกนั้นเสียนิสัย เห็นแต่จะสวยจะงามจะเอร็ดจะอร่อยจะสนุกสนานคนอื่นจะเป็นอย่างไรไม่รู้ นี่มันก็เป็นพื้นฐานสำหรับที่จะทำอาชญากรรมไปตั้งแต่เล็ก นี่ก็ทางหนึ่งแล้วเรื่องให้บังคับจิตใจอย่าหลงใหลแต่เรื่องเอร็ดอร่อยสนุกสนานเลย ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้มี ให้มีนะเอร็ดอร่อยสนุกสนานก็มีตามสมควร ตามสมควรเท่านั้นและอยู่ในขอบเขตในกรอบของศีลธรรมของวัฒนธรรม นี่อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็เริ่มสอนให้รู้จักช่วยตัวเอง เด็กๆ นั้นพอคลอดออกมาก็ แม่ก็ให้กินนมให้อะไรทุกอย่าง ให้ทำให้ทุกอย่าง ไม่ต้องทำอะไร มันก็เกิดนิสัยว่าเด็กๆ นี้มันจะถือหลักว่าผู้อื่นต้องช่วยเรา คือเราต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่นเสียตะพึด ไม่คิดที่จะช่วยตัวเอง มันเป็นอย่างนั้น ต้องค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ เปลี่ยนให้เด็กๆ เขาทำเอง ช่วยตัวเองมากขึ้น ช่วยตัวเองมากขึ้น ให้หวังพึ่งตัวเองมากขึ้น แล้วก็ให้พึ่งการกระทำของตัวเองให้ช่วยตัวเองคือการกระทำของตัวเอง อย่าทำให้เข้าใจผิด หวังพึ่งผีสางเทวดาโชคชะตาอะไรที่ไหนก็ไม่รู้ อย่าให้มันเกิดนิสัยอย่างนั้น แต่ให้มันเกิดนิสัยว่ามันจะช่วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งสิ่งที่อะไรก็ไม่รู้ ได้แต่มัวบนบานศาลกล่าวเชื่อขลังเชื่อศักดิ์สิทธิ์อยู่ อย่างที่โตขึ้นมันก็เชื่อเครื่องลางเชื่อของขลังเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนมิได้คิดว่าจะทำให้สุดกำลังสติปัญญาของตน บนบานแต่ให้โชคช่วย ให้ชะตาช่วยให้อะไรช่วย ให้ผีสางเทวดาช่วยอยู่อย่างนี้ ครั้นเมื่อไม่ได้ไม่ช่วยมันก็เกิดเป็นอันธพาลขึ้นมา นี่เรียกว่าบิดามารดาเป็นครูคนแรก เป็นครูชุดแรกที่จะต้องอบรมสั่งสอนลูกเด็กๆ นี่ให้มีความเข้าใจถูกต้อง ให้เขาช่วยตัวเอง มีนิสัยช่วยตัวเองมากขึ้นๆ แล้วก็ไม่ต้องขลาดกลัวไอ้สิ่งที่ว่ามองไม่เห็นตัว ไม่ต้องหวังพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็นตัว ให้เขารู้จักความพอเหมาะพอดี จะกินจะอยู่จะแต่งเนื้อแต่งตัวจะทำอะไรทุกอย่างให้มันถูกต้องและพอดี อย่าให้มันเกินพอดีแล้วก็หลงใหลจะเอาแต่เกินพอดี อันนั้นน่ะเป็นเหตุให้ขโมย ให้คิดขโมยให้คิดคดโกงให้คิดเอาเปรียบ แต่โบราณมาวัฒนธรรมเขาทำมาถูกต้อง อบรมเด็กๆ ให้เป็นอย่างนั้นมาอย่างถูกต้อง เด็กก็โตขึ้นมาอย่างที่เรียกว่ากลัวบาป เกลียดบาป กล้าบุญ รักบุญ แล้วเป็นสัมมาทิฐิมีความคิดเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ทำอะไรก็ถูกต้อง นี่มันก็เป็นการตั้งต้นที่ดีสำหรับลูกเด็กๆ นั้น
ขั้นแรกก็เอาไปโรงเรียน มาถึงตอนที่ 2 ครูที่โรงเรียน ครูที่แท้จริงจะสอนให้จิตใจมันดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก คำว่าครูนั้นเขาแปลว่าผู้นำทางวิญญาณ เดี๋ยวนี้ครูมักจะเป็นเพียงลูกจ้างสอนหนังสือ หากินไปวันหนึ่งวันหนึ่งเผลอเข้าก็โกง นี่ครูที่ไมถูกต้องตามอุดมคตินั้นมันเป็นเพียงลูกจ้างหรือกรรมกรสอนหนังสือไปวันหนึ่งวันหนึ่ง เพื่อเห็นแก่เงินแล้วก็เอาไปซื้อหาความสนุกสนานเอร็ดอร่อยเหมือนกัน มีโอกาสโกงก็โกง อย่างที่ปรากฏอยู่บ่อยๆ นะครูโกงอย่างไรมันก็มี ถึงวันครูนี่ครูกินเหล้ากันมากกว่าพวกไหนหมด ก็ไม่รู้ความเป็นครู ไม่รู้จักความเป็นครู เมื่อถึงวันครูควรจะเอาเด็กๆ มาสัมมนาให้รู้คุณของพ่อแม่ ให้รักพ่อแม่ ให้กตัญญูพ่อแม่ ให้เด็กน้ำตาไหลด้วยความรักพ่อแม่ในวันครูจะดีมาก ไม่ใช่เอาไปเล่นหัวสนุกสนานเป็นลิงเป็นค่างเหมือนอย่างที่กำลังทำกันอยู่โดยมากนี่มันไม่ถูก ถึงวันครูวันแม่วันลูกอะไรก็ตาม เอามาพูดจากันให้รู้จักพระคุณของแม่พระคุณของพ่อพระคุณของครูจนเด็กนั้นน้ำตาไหลเอง รู้สึกในพระคุณของแม่ของพ่อของครู ทีนี้เอามาเรียนชั้นแรกชั้นอนุบาลก่อนวัยเรียนเนี่ยควรสอนกันแต่เรื่องพ่อแม่คืออะไร พ่อแม่คืออะไร พ่อแม่คืออะไร เกิดมาเองหรือว่าพ่อแม่เกิดมา กินนมนั้นคือกินอะไรของพ่อของแม่ เสื้อใครให้ กางเกงใครให้ หนังสือใครให้ สตางค์ใครให้ ให้มันรู้จักคุณของพ่อแม่ รักพ่อแม่ ซื่อสัตย์กตัญญูต่อพ่อแม่ นี่สอนให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าเป็นครูสอนชั้นอนุบาลละก็ควรจะสอนอย่างนั้นมากกว่าสอนหนังสือ หนังสือไว้ทีหลังก็ได้ แต่รู้ว่ามันเกิดมาจากพ่อแม่ ชีวิตได้มาจากพ่อแม่ พ่อแม่เป็นคนที่รักเราที่สุดในโลก มีบุญคุณแก่เราที่สุดในโลก ให้มันมีนิสัยรักพ่อแม่ เคารพพ่อแม่ เชื่อฟังพ่อแม่ กตัญญูพ่อแม่ แล้วเด็กคนนี้จะรอด จะไม่เป็นอันธพาล โตขึ้นมาก็ให้เรียนหนังสือชั้นประถม ชั้นมัธยม ชั้นอะไรก็แล้วแต่ จิตใจมันก็สูง มันโกงไม่ได้ มันโกงไม่ได้ เดี๋ยวนี้เรียนมัธยมแล้วยังเกเรเกะกะ ยกพวกตีกันก็มี อะไรก็มี ไปดูนักโทษหนุ่มๆ ที่อยู่ในคุกในตารางน่ะ เคยเรียนผ่านชั้นมัธยมมาเยอะแยะหมด นั่นนะก็ว่ามันไม่ได้เรียนเรื่องศีลธรรมวัฒนธรรมอย่างถูกต้อง เรียนแต่เรื่องจะสนุกสนานเอร็ดอร่อยทางเนื้อทางหนังทางวัตถุ นั่นมันเป็นคนเหลวไหลไม่เรียนจริง คนแบบนี้มันก็เรียนไม่สำเร็จ มันก็สำเร็จเพียงชนิดที่ช่วยตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องเป็นอันธพาล เป็นอาชญากร ประพฤติชั่วทุกอย่างทุกประการได้ เนี่ยความพลาดหรือความล้มเหลวของการศึกษาในชั้นที่เป็นโรงเรียน
ทีนี้ถ้าสมมติว่ามันเสร็จจากศึกษาในโรงเรียน มันเป็นหนุ่มแล้ว มันจะบวช มันจะบวชจะเรียน มันก็ต้องทำให้ดีให้ถูกต้อง ให้บวชจริงเรียนจริงปฏิบัติจริงได้ผลจริงเป็นเณรเป็นพระกันจริงๆ เดี๋ยวนี้มันบวชลูกกินเหล้ากันนี่ พ่อแม่โดยมากมันบวชลูกเพื่อจะจัดงานเก็บเงินแล้วก็กินเหล้าเล่นการพนันอะไรกันสนุกสนาน งานบวชนาคก็ดี งานศพก็ดี งานกฐินงานอะไรก็ดีล้วนแต่เป็นเรื่องสำหรับจะเมามาย กินเหล้าเมายารวบรวมเงิน แล้วอย่างนี้ผู้บวชนั้นมันก็เป็นไม่เป็นพระหรอก เพราะมันตั้งต้นผิดเสียแล้ว เจ้านาคบางคนมีกลิ่นเหล้า ดูเหมือนจะกินเหล้าบ้างเพื่อไม่ให้ประหม่าเจ้านาคน่ะ นี่เป็นความโง่ของเจ้านาค ความโง่ของบิดามารดา ให้มันได้รู้ว่าจะบวชทำไมบวชอย่างไรให้สำเร็จประโยชน์ เลิกเสียเถอะไอ้เรื่องอะไรๆ ก็ต้องมีเหล้า มีเลี้ยง ฆ่าวัว ฆ่าควาย ฆ่าสัตว์ต่างๆ มาเลี้ยงกันให้อร่อย มันเสียนิสัย เสียนิสัยกันหมดทั้งบ้าน มันเห็นแต่ความเอร็ดอร่อย มันยอมทิ้งพระพุทธเจ้าแต่ไม่ทิ้งขวดเหล้าระวังให้ดี แม้มันจะเคยบวชแล้วหรือเป็นพ่อแม่แล้วมันก็ยังไม่ยอมทิ้งขวดเหล้า ยอมทิ้งพระพุทธเจ้า ยอมทิ้งศาสนา ยอมทิ้งอะไรอย่างนี้ ก็จะเป็นอย่างไรล่ะ ประชาชนคนเมืองเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อเห็นแก่ขวดเหล้า เมามายมึนเมาอย่างยิ่งเป็นของวิเศษ แม้ในวัดในวาก็ไม่ยอมสละ พระเจ้าพระสงฆ์จะสอนให้ละอบายมุข ละการดื่มน้ำเมา การเล่นการพนัน การอะไรก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเขาบูชาความเลวร้ายอันนั้นยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าเสียแล้ว โดยชวนให้ทิ้งเหล้าก็ไม่ได้ ชวนให้เลิกการพนันก็ไม่ได้ ชวนให้เลิกเล่นหัวเที่ยวกลางคืนนี้ก็ไม่ได้ เลิกดื่มน้ำเมาก็ไม่ได้ มีอบายมุขครบทั้ง 6 ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน เมื่อลุ่มหลงในเรื่องเอร็ดอร่อยสนุกสนานเมามายอย่างนี้แล้ว ทำงานไม่สนุกหรอก ทำงานก็ทำแบบจำเป็นจำใจทำแกนๆ ไปอย่างนั้น มันจึงเอาตัวรอดไม่ได้กันเป็นส่วนมาก คือทำงานไม่สนุก ถ้าตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม ไม่ไปบูชาของเมาของคนหลอกลวงเหล่านั้นแล้วละก็ทำงานสนุก ก็ทำได้มาก มันก็มีผลงานมากพอเลี้ยงตัวได้ ไม่ต้องยากจนไม่ต้องขโมย สามารถจะเลี้ยงตัวได้ นี่แปลว่าเป็นหนุ่มแล้วมันก็ยังไม่ถูก ยังเดินไม่ถูก ยังกลับหันวกไปหาอบายมุข บวชแล้วบวชแล้วทั้งนั้นแหละ แล้วก็มาทำอบายมุขดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคบชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงานเป็นต้น ทั้งๆ ที่บวชแล้ว
ถ้าพ่อแม่จะรู้เรื่องนี้กันไว้ดีๆ อบรมลูกให้ถูกต้องมาตั้งแต่เมื่อแรกคลอดออกมา พ่อแม่เป็นครู ต่อมาไปอยู่ที่โรงเรียน ครูที่โรงเรียนเป็นครู ต่อมาไปอยู่วัด พระเจ้าพระสงฆ์เป็นครู เรียกว่ามีครูที่ดีครบครบถ้วน คลอดออกมาอยู่ที่บ้าน บิดามารดาเป็นครูอย่างดี ไปโรงเรียนครูสอนอย่างถูกต้องอบรมอย่างดีอยู่ทุกวันทุกวันจนกว่าจะเติบโตจะไปบวชไปเรียนเป็นพระเป็นเณรอะไรก็อย่างดี ทำได้อย่างดี แล้วลองคิดดูเถิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรกับคนเหล่านี้ มีแต่ความดี มีแต่ความถูกต้อง มีแต่สิ่งที่เจริญงอกงาม ไม่มีปัญหาไม่มีเรื่องเลวร้าย นี่เรียกว่าเกี่ยวพันกันอยู่ทั้งนักเรียน ทั้งครู และทั้งผู้ปกครอง นักเรียนเป็นนักเรียนถูกต้องมันก็มีผลดีแน่ เรียนดีประพฤติดีจิตใจดี แล้วครูก็สอนดี สอนให้จิตใจสูง ไม่ชวนเด็กกินเหล้าเสียเอง แล้วก็พระเจ้าพระสงฆ์ก็นำดี นำไปถูกต้อง ไม่ยอมให้ทำอบายมุขในวัดอย่างนี้ นี่ถ้าว่า 3 เส้านี้ดี เด็กก็จะรอดตัว ทุกคนในโลกนี้มันจะรอดตัว คือบิดามารดาก็ดี ลูกก็ดี ครูอาจารย์ก็ดี วัดวาอารามก็ดี พระเจ้าพระสงฆ์ก็ดี มันดีไปหมดเลย แล้วก็จะมีศีลธรรม คนทุกคนจะมีศีลธรรม มีจริยธรรม มีวัฒนธรรม เป็นคนเกลียดบาป กลัวบาป ไม่กล้าทำบาป ไม่ยอมทำบาป แล้วก็รักบุญ แล้วก็กล้าบุญ ขึ้นชื่อว่าบุญแล้วก็ชอบ รักก็กล้า สนุกสนานในการบำเพ็ญบุญ ถ้าเป็นเรื่องบาปก็ถอยหลัง เกลียดชังอย่างยิ่ง นี่สำเร็จประโยชน์อย่างนี้ บุคคลคนนั้น เด็กคนนั้นก็เป็นคนหนุ่มที่ดี เป็นคนที่ดีขึ้นมาคนหนึ่ง ถ้าเขาอยู่ต่อไปจนเป็นบิดามารดา เขาก็เป็นบิดามารดาที่ดี สอนลูกทารกเพิ่งคลอดออกมาให้ดี โตมาดี เป็นวัยรุ่นดี เป็นหนุ่มสาวดี ก็รอดตัวไป เราก็มีคนดีอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อคนมันดีครอบครัวมันก็ดี นี่ขอให้นึกให้คิดไว้ให้ดีๆ ว่า ถ้าแต่ละคนมันดี แล้วครอบครัวนั้นทั้งครอบครัวมันก็ดี ทีนี้เมื่อครอบครัวแต่ละครอบครัวมันดีหมู่บ้านนั้นทั้งหมู่บ้านมันก็ดี ถ้าหมู่บ้านนี้มันดีบ้านเมืองนี้มันก็ดี บ้างเมืองนี้มันดีประเทศชาติทั้งประเทศมันก็ดี มันตั้งต้นดีมาตั้งแต่บุคคลคนเดียวนั่นก่อน ช่วยนึกคิดกันให้ดีๆ ว่าบุคคลเดียวมันดี ทุกคนนะทุกคนๆ นะมันดี ครอบครัวนั้นก็ดี แล้วหมู่บ้านนั้นทั้งหมู่บ้านก็ดีมีความสุข ทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งอำเภอทั้งจังหวัดมันก็ดี บ้านเมืองดีทุกเมืองแล้วประเทศทั้งประเทศมันก็ดี เมื่อทุกประเทศดีแล้วทั้งโลกมันก็ดี โลกมันก็ดี เห็นมั้ยว่าเราสร้างโลกได้นะ ถ้าเราเป็นคนดีจริงเราก็ช่วยกันสร้างโลกได้ ครูคนแรกคือบิดามารดาสร้างโลกได้โดยสร้างเด็กให้ดี ครูที่โรงเรียนก็สร้างโลกได้โดยสร้างเด็กนักเรียนให้ดี พระเจ้าพระสงฆ์ก็สร้างโลกได้โดยสร้างคนที่มาบวชมาเรียนนั้นให้เป็นคนที่ดี รับช่วงต่อๆๆ กันไป ให้เป็นคนดีทุกๆ ขั้นตอน มันก็เป็นพ่อบ้านแม่เรือนที่ดี จนเป็นคนแก่คนเฒ่าที่ดีนำหมู่บ้านให้ถูกต้องเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งบ้านทั้งหมู่บ้าน เพราะคนแก่คนเฒ่าเป็นคนดี จงสอนให้มันเป็นคนดี ให้มันเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา บุตรที่ดีคือเกิดมาทำให้พ่อแม่สบายใจ จงสอนให้เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา แล้วก็สอนให้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ศิษย์ที่ดีนั้นคือครูนำไปได้ ครูนำไปได้ตามที่ครูต้องการจะนำไปนั่นเรียกว่ามันเป็นศิษย์ที่ดี เสร็จแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีของมันกันเอง แต่ละคนๆ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและกัน เพื่อนที่ดีคือพร้อมที่จะร่วมแรงร่วมใจกันทำทุกสิ่งที่เป็นหน้าที่ นี่มันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและกัน แล้วมันก็เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ พลเมืองดีคือสามารถสร้างชาติได้ แล้วมันก็เป็นมนุษย์ที่ดี มนุษย์ที่สมบูรณ์ในที่สุด อ้อมันเป็นสาวกที่ดีแห่งพระศาสนาด้วย เป็นพลเมืองที่ดี แล้วก็เป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา เป็นอุบาสกอุบาสิกาภิกษุสามเณรที่ดี สืบอายุศาสนาได้ เดินตามพระพุทธเจ้าได้ เรียกว่าเป็นสาวกที่ดี ถึงแม้มันจะเป็นมนุษย์ที่ดี คือมนุษย์ที่ไม่มีปัญหา ที่ไม่มีปัญหาเท่านั้นแหละควรจะพอใจ มันไม่มีความทุกข์ มันไม่มีความชั่ว มันไม่มีอะไรที่เป็นเหตุให้เดือดร้อน ไม่มีปัญหาเลย ไม่มีปัญหาทางสุขภาพอนามัย ไม่มีปัญหาทางเศรษฐกิจเงินทองข้าวของ ไม่มีปัญหาทางคบค้าสมาคม ไม่มีปัญหาในหน้าที่การงานหรืออะไรทุกอย่าง เป็นคนไม่มีปัญหา นี่คือเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องมนุษย์ที่ดี จบ ได้เป็นมนุษย์ที่ดี ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ไม่เสียชาติเกิด ถ้ามันได้เป็นมนุษย์ที่ดีอย่างว่านี้แล้วมันก็ไม่เสียชาติเกิด มันเกิดมาเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา แล้วก็เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ นี่เรียกว่า ไม่มีอะไรบกพร่อง เขาเรียกว่าเต็ม เป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ ก็ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ คือได้เป็นมนุษย์ที่ดีนั่นเอง ก็ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบกับพุทธศาสนา ดังนั้นขอให้เราทุกคนมองเห็นข้อเท็จจริงเหล่านี้ มองเห็นปัญหาที่มีอยู่ว่าเรายังมีความทุกข์ ยังมีเรื่องยุ่งยากลำบาก ยังมีการเบียดเบียน มีการเผลอไม่ได้ ทั้งที่ระวังตัวอยู่ยังถูกเบียดเบียน เผลอไม่ได้เพราะว่าอันธพาลมันมากนัก ขอให้ทุกคนที่เป็นนักเรียนก็ดี ที่เป็นบิดามารดาก็ดี ที่เป็นครูบาอาจารย์ก็ดี รู้จักหน้าที่ของตนของตน ทำตนให้ถูกต้อง คนแต่ละคนนะมันเต็มครบแหละ เช่นว่าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดานี่เป็นกันจนตาย เพราะคนแก่แล้วมันก็ยังมีบิดามารดาอยู่นั่นแหละ ต้องเป็นลูกที่ดีของบิดามารดาแม้ว่าตัวเองจะแก่หง่อมสักเท่าไรมันก็ยังมีบิดามารดาที่ตายไปแล้ว แล้วก็มีครูบาอาจารย์กันจนตลอดชีวิต แล้วก็มีเพื่อน เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันจนตลอดชีวิต แล้วก็เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ต้องเป็นพลเมืองไปตลอดชีวิต เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้าของศาสนาไปจนตลอดชีวิต นี่ขอให้ทำให้ได้อย่างนี้ อุตส่าห์มาที่นี่มาขอฟังมาขอศึกษา ก็บอกให้ฟังอย่างนี้ นี่คือเรื่องที่ต้องศึกษา เรื่องที่ต้องรู้ เรื่องที่จะต้องทำให้ได้ เลยรู้เรื่องที่ว่าเดี๋ยวนี้เรามีปัญหาเกิดความทุกข์ทั้งภายนอกทั้งภายใน ในจิตใจก็มีกิเลสรบกวน ภายนอกก็มีอันธพาลรบกวน แล้วจะมีความสุขได้อย่างไร ในภายในก็มีไฟราคะ โทสะ โมหะ รบกวน ภายนอกก็มีอันธพาล คนอาชญากรทั้งหลายคอยรบกวน มันก็มีความสุขไม่ได้ ช่วยกันกำจัดสิ่งเหล่านี้เสีย ประพฤติตนเป็นคนดี ก็ไม่มีกิเลสเกิดขึ้นเผาผลาญข้างในให้เร่าร้อน มันก็เย็นเป็นชีวิตเย็น เป็นคนที่เย็น เป็นครอบครัวที่เย็น เป็นบ้านเมืองที่เย็น
เอาละเป็นอันว่าเราได้พูดกันหมดจดแล้ว ครบถ้วนแล้วถึงปัญหาที่มีอยู่จริง แล้วเราจะแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร พูดกันง่ายๆ ก็ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตน ตนมีหน้าที่อย่างไรทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง มีหน้าที่เป็นบิดามารดาก็ทำหน้าที่บิดามารดาให้ถูกต้อง มีหน้าที่เป็นบุตรก็ทำหน้าที่ของบุตรให้ถูกต้อง มีหน้าทึ่เป็นศิษย์ก็ทำหน้าที่ของศิษย์ให้ถูกต้อง มีหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์ก็ทำหน้าที่ครูบาอาจารย์ให้ถูกต้อง เป็นพลเมืองดีให้ถูกต้อง เป็นพุทธบริษัทให้ถูกต้อง แล้วก็ยังมีหน้าที่ภายนอก เช่นว่าเป็นชาวนาก็เป็นชาวนาให้ดีให้ถูกต้อง เป็นชาวสวนก็ทำสวนให้ถูกต้อง เป็นพ่อค้าก็ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เป็นข้าราชการ กระทั่งว่าเป็นกรรมกรทำงานหนัก กระทั่งว่าเป็นขอทานเป็นคนขอทานก็เป็นขอทานที่ดีให้ถูกต้อง ไม่เท่าไรจะพ้นจากความเป็นคนขอทาน เป็นกรรมกรที่ดีอย่างถูกต้องไม่เท่าไรก็จะพ้นจากความเป็นกรรมกร อย่าเป็นกรรมกรชนิดที่โง่เขลา กินเหล้าเสียมากกว่าเงินที่ได้รับ ต้องไปยืมเงินคนอื่นมากินเหล้าอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิตแล้วมันจะเป็นรอดพ้นจากความเป็นกรรมกรได้อย่างไร ขอให้เป็นอันว่าในวันนี้เราได้ทำความเข้าใจกันถึงปัญหาอันมีอยู่จริงในบ้านเมืองของเราเกี่ยวข้องกับเรา คือมีอันธพาลเบียดเบียนอยู่ภายนอก ภายในก็มีจิตใจชนิดที่เศร้าหมอง มีกิเลสรบกวน ศึกษาธรรมะ รู้จักธรรมะ ประพฤติธรรมะ อย่าให้กิเลสรบกวนในภายใน อบรมสั่งสอนกันให้ดีๆ อย่าให้มีอัทธพาลรบกวนที่ภายนอก เรื่องมันก็จบ มีความสงบสุขได้โดยแท้จริง เดี๋ยวนี้เราพูดกันในที่อย่างนี้ ในเวลาอย่างนี้ ขอให้ถือว่าเป็นการพูดที่ดี เป็นการพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นการพูดที่ศักดิ์สิทธิ์คือไม่ได้พูดเล่น พูดจริง พูดเรื่องจริง พูดเรื่องดีที่สุด สูงสุดที่สุด จำเป็นที่สุด ถูกต้องที่สุด แล้วเราพูดกันเมื่อนั่งอยู่กลางดิน ท่านทั้งหลายทุกคนก็นั่งอยู่กลางดิน ไอ้ดินนี้มันศักดิ์สิทธิ์มันเป็นพยาน เราได้พูดกันด้วยเรื่องอะไรบ้าง แผ่นดินนี้จะเป็นพยานว่าเราได้พูดกันแล้ว แล้วเราก็จะต้องทำให้ได้ตามนั้น ทำไมจึงว่าดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ล่ะ แผ่นดินนี้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน พระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดิน พระพุทธเจ้าสอนสาวกกลางดิน ที่อยู่ก็กลางดิน แล้วพระพุทธเจ้าก็นิพพานกลางดิน ถ้ายังไม่รู้ก็รู้กันเสียบ้างสิทุกคนถ้ายังไม่รู้เรื่องนึ้ก็รู้กันเสียบ้างว่าดินมันศักดิ์สิทธิ์อย่างไร แผ่นดินนี้มันศักดิ์สิทธิ์อย่างไร พระพุทธเจ้าเป็นเจ้านายอยู่ในรั้วในวังแต่พอคราวประสูติ ประสูติกลางดินที่โคนต้นสาละ ต้นไม้ พอตรัสรู้ก็ตรัสรู้กลางดิน นั่งกลางดินที่โคนต้นโพธิ์ สอนทั่วไปไม่ว่าที่ไหน วัดวาอารามสมัยพระพุทธเจ้านั้นเป็นพื้นดิน อยู่กลางดิน นั่งกลางดิน กุฏิบนพื้นดิน แล้วในที่สุดพระพุทธเจ้าก็นิพพานคือตายกลางดิน ที่ใต้ต้นสาละอีกนั่นแหละ ต้นสาละคือต้นไม้ต้นที่อยู่หน้าตึกใหญ่ ใบใหญ่ๆ เขียนป้ายว่าต้นสาละนั่นละ ต้นไม้นี้พระพุทธเจ้าได้ประสูติที่โคน พระพุทธเจ้าได้นิพพานคือตายที่โคน มีความศักดิ์สิทธิ์ เก็บใบไปเป็นที่ระลึกดูบ้าง เก็บใบสาละไปนาบกระดาษรีดเตารีดร้อนๆ ให้มันผึ่งสวยดีแล้วก็ใส่กรอบไว้เป็นที่ระลึก บางทีจะมีความหมายมากกว่าพระพุทธรูปหรืออะไรก็ได้ หรือเท่ากันน่ะ ช่วยกันน่ะ ใบสาละนี่เป็นที่ระลึกแก่พระพุทธเจ้า ไม่ห้ามไม่หวง ใครจะเอาใบสาละไปเป็นที่ระลึกคนละใบๆ ก็ได้ เอาละเป็นอันว่าเราได้พูดกันกลางดินซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นพยานอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย มีธรณีนี้เป็นพยาน ว่าเราได้พูดกันอย่างนี้ เป็นพุทธบริษัทสาวกของพระพุทธเจ้า ได้ปรึกษาหารือกันอย่างนี้เพื่อทำหน้าที่ของตนของตน เพื่อจะแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งสิ้นของโลกมนุษย์
เรื่องมันก็สมควรแก่เวลาแล้ว ได้พูดเรื่องที่สำคัญที่จำเป็นครบถ้วนทุกเรื่องแล้ว การพูดนี้ก็พอสมควรแก่เวลาแล้ว มันควรจะยุติ แต่ไม่ใช่ยุติเลิกกัน มันต้องติดอยู่ในใจของท่านทั้งหลาย เอาไปประพฤติกระทำที่บ้านที่เรือนต่อไปอีกๆๆ ไม่มีจบ กว่าจะเป็นพระอรหันต์เข้านิพพานเท่านั้นจึงจะจบ ถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์ยังไม่เข้านิพพานเรื่องยังไม่จบ ต้องไปทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยให้กล่าวได้ว่าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนด้วยกัน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า และเป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ไม่บกพร่อง เป็นมนุษย์เต็ม เป็นคนเต็ม จบเรื่อง หวังว่าท่านทั้งหลายจะได้นำไปพินิจพิจารณา ประพฤติ กระทำ ให้สุดความสามารถของตนตามหลักเกณฑ์อันนี้ เป็นผู้มีศีลธรรมดี มีวัฒนธรรมดี แล้วก็อยู่ด้วยความสุขสำราญตลอดทุกทิพาราตรีกาลเทอญ