แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันเด็ก เขาจัดให้เด็ก ๆ เพื่อประโยชน์อะไร ใครรู้บ้าง ใครตอบได้ยกมือ เขาจัดวันเด็ก ให้เด็ก ๆ เพื่อประโยชน์อะไร ใครรู้บ้าง ทั้งหมดนี้ใครรู้บ้าง ใครรู้ยกมือ ยกมือให้สูงหน่อยสิ อ้าว,ทำไมไม่มี ยังไม่กล้าหาญ ยังไม่กล้าหาญ ยังไม่เชื่อตัวเอง ก็เลยไม่กล้าพูด ละอายบ้าง กลัวบ้าง ไม่มีใครรู้สักคนเหรอ วันนี้เป็นวันเด็กเขาจัดให้เป็นวันเด็กเพื่อประโยชน์อะไร ให้เด็กได้รับประโยชน์เป็นพิเศษ ธรรมดาเราก็เรียนหนังสืออยู่แล้วเป็นประจำ พอถึงวันเด็กก็จัดให้เป็นพิเศษไม่ต้องเรียนหนังสือ ให้ไปเรียนจากสิ่งต่าง ๆ สิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติ หรืออะไรที่ควรจะได้เรียนโดยไม่ต้องเรียนในโรงเรียน ดังนั้นเธอจึงได้มาที่นี่ ก็ควรจะรู้ว่าที่นี่เขาทำอะไรกัน ควรจะได้รู้ว่าที่นี่เขาทำอะไรกัน ทำไมจึงต้องมีที่นี่ หรือต้องจัดนั่น จัดนี่ ลงทุนอย่างนั้นอย่างนี้ ลำบากมากอยู่เหมือนกัน ถ้าพูดสำหรับผู้ใหญ่ก็พูดง่าย ทำไมจึงมีที่นี่อย่างนี้ แต่ถ้าพูดสำหรับเด็ก ๆ ก็ยังพูดลำบากหน่อย เขาจัดให้เป็นที่ จัดขึ้นไว้เป็นที่สะดวกสำหรับเราจะเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจิตใจ เข้ามาเรียนเรื่องจิตใจสบาย พอมานั่งตรงนี้ สักว่ามานั่งตรงนี้ จิตใจเขาสบาย เขาไม่ยุ่ง ไม่วิตกกังวลด้วยเรื่องต่าง ๆ จิตใจของเขาก็เกลี้ยง ไม่รบกวน ไม่ยุ่งยากด้วยเรื่องต่าง ๆ เขาก็สบาย เพราะจิตใจมันเกลี้ยง สวนโมกข์นี้ก็แปลว่าเกลี้ยง คำว่า โมกข์ แปลว่าเกลี้ยง ถ้าจิตใจของเรา เร่าร้อนดิ้นรน กระวนกระวาย นี่มันไม่เกลี้ยง คนพอจิตใจไม่เกลี้ยงมันก็เป็นทุกข์ ทุรนทุราย พอจิตใจเกลี้ยง มันสบาย และถ้าจิตใจเกลี้ยง มันทำอะไรได้ดีทุกอย่าง
เมื่อเราจะเรียนหนังสือ ถ้าจิตใจของเรายุ่งหลายเรื่องทุรนทุราย เราก็เรียนไม่ได้ เรียนได้ก็ไม่ดี แม้แต่จะเรียนหนังสือในห้องเรียน เราก็ยังต้องการจิตใจที่เกลี้ยง ที่ปกติ ที่หยุด แล้วเราก็เรียนสนุก เรียนดี เรียนมีรสชาติ เรียนสนุก ก็เรียนได้มาก นี่เราบอกให้ทราบว่า ที่นี่มันจัดขึ้นเพื่ออะไร ไหน ๆ พวกเธอทั้งหลาย ก็ได้ตั้งใจมาที่นี่แล้ว ก็เลยถือโอกาสบอกให้รู้เสียเลยว่า ที่นี่เขาจัดขึ้นเพื่ออะไร เพื่อให้คนได้ศึกษาเรื่องทำจิตใจให้เกลี้ยง จิตใจเป็นอิสระ ไม่ถูกอะไรรบกวน คนเรามีความโลภ อยากได้ด้วยความโง่ นั่นนี่ด้วยความโง่ มันก็รบกวน คนเราก็โกรธคนนั้นคนนี้ โกรธด้วยความโง่ มันก็รบกวน คนเราหลง วิตกกังวล สงสัย อาลัยอาวรณ์ด้วยความโง่ มันก็รบกวน ระวัง ถ้าจิตของเราถูกรบกวน จิตของเราก็ยุ่งยิ่ง เรียนหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง แม้แต่นอนพักก็ มันยังนอนไม่ได้ ถ้าจิตมันยุ่งยิ่ง มันต้องหายยุ่งยิ่งมันจึงจะนอนพักได้
เดี๋ยวนี้เราก็เป็นนักเรียน เราก็เรียนทุกอย่างที่จะให้เราได้รับประโยชน์มากที่สุด หนังสือเราก็เรียน ให้รู้หนังสือ ให้ฉลาด โตขึ้นวิชาชีพเราก็เรียน เพื่อให้ทำมาหากินได้ ทีนี้ธรรมะเราก็เรียน คือให้ทำจิตใจให้ปกติ ให้เกลี้ยง ให้สดชื่น แจ่มใส มั่นคง เราก็เรียน ดังนั้นก็ถือว่ามานี่ มาที่นี่ มานี่ คราวนี้ ก็มาเพื่อดู เพื่อเรียน ว่ามันยังมีวิธีทำจิตให้สบายที่สุดได้ พอเธอเข้ามาสู่สถานที่นี้ หรือมานั่งลงตรงนี้ ก็พอจะรู้สึกได้เองว่า มันสบายใจ ๆ นี่เก็บเอาไปสิ เก็บความรู้สึกที่สบายใจเพราะมานั่งตรง เพราะมานั่งตรงนี้ สบายใจนี่ ว่ามันเป็นอย่างนี้ แล้วขอให้เราได้สบายใจ เป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ ไป เรื่อย ๆไป เราก็จะมีความสุข อย่างน้อยมีความสุขตลอดเวลา และเราก็สามารถทำการงานทุกอย่างได้ดี มันก็ได้ประโยชน์เต็มที่ ถึงที่สุด ที่มนุษย์เราควรจะได้ ฉันก็ไม่พูดเรื่องเรียนหนังสือแล้ว เพราะว่ามันเรียนอยู่แล้ว และก็ไม่พูดเรื่องเรียนอาชีพ เพราะไม่มี ยังไม่ถึงโอกาส ก็จะพูดเรื่องว่าเรียนธรรมชาติ เพื่อทำจิตใจให้เกลี้ยงให้เย็น นี่เป็นส่วนสำคัญ ฉะนั้นเราเลิกเสียสิ ไอ้ที่มันเร่าร้อน กระวนกระวาย เพราะความอยากได้ เกินที่จะต้องอยาก มันก็เป็นความอยาก เพราะความโง่เขลา ความอยากเพราะความโง่เขลา เราก็ต้องมีความทุกข์มาก ถ้าเราอยากแต่พอดี พอดี เราก็ไม่ต้องมีความทุกข์มาก และเราก็อย่าอยาก อยากจนมันทรมานหัวใจ ถ้าเด็กคนไหนเคยได้รับคำสั่งสอน ว่าให้อยู่ด้วยความหวัง ให้อยู่ด้วยความหวังแล้วก็ ต้องเข้าใจเสียใหม่ ถ้าความหวังอย่างโง่เขลา แล้วมันทรมานหัวใจ มันเหมือนกับคนหิว คอแห้ง กระหายอยู่เสมอ เรารู้ว่าอะไรควรจะได้ แล้วก็กระทำแล้วกัน อย่าไปหวังให้มันกัดหัวใจเรา แล้วอย่าไปหวังเลยเถิด เป็นเด็กไปหวังเรื่องของผู้ใหญ่ เขาเรียกว่าเลยเถิด เขามีคำกล่าวว่าชิงสุกก่อนห่าม คือไม่เหมาะสมกับเวลา อายุนี่ อย่างนั้นมันให้โทษ ฉะนั้นเราอย่าทรมานใจ ด้วยความหวัง คืออย่าหวังชนิดที่ทรมานใจ เราเรียนให้รู้ว่าเราควรจะได้อะไร แล้วเราก็ทำไป ๆ ๆ ให้ถูกต้อง มันก็ได้ ตามที่ควรจะได้ ควรจะต้องการ
เราเห็นแม่ไก่ฟักไข่กันมาแล้วเกือบทุกคนก็ว่าได้ แม่ไก่มันฟักไข่ มันฟักให้ถูกวิธี มันกกให้ร้อนพอ มันเขี่ยให้กลับไปกลับมาพอ พอถึงเวลามันก็ออกเป็นตัว แม่ไก่ไม่ต้องไปคิดให้ทรมานใจว่า ลูกไก่จงออกมา ลูกไก่จงออกมา แม่ไก่ไม่ต้องคิดถึงขนาดนั้น ถ้าแม่ไก่ตัวไหนมันไปมัวคิดห่วงว่าลูกจงออกมา ลูกจงออกมา มันก็จะเป็นแม่ไก่บ้า ถ้าเป็นแม่ไก่ธรรมดา มันก็ฟักให้ถูกวิธีลูกไก่มันก็ออกมา เหมือนกับว่าเราเรียนหนังสือให้ถูกวิธี ให้ถูกวิธี ตามลำดับเราก็รู้ รู้โดยไม่ต้องหวัง ไม่ต้องหวัง ให้คอแห้งเหมือนกระหายน้ำ หวังมากเกินไปจนเจ็บป่วย ถ้าเพื่อนของเราคนใด หวังเกินไปแล้วเจ็บป่วย บางทีตายเลยก็มี เราถือเอาเป็นตัวอย่างว่าเราต้องไม่ทำผิดถึงขนาดนั้น เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ต้องเรียนอะไร อย่างไร เราก็ทำไปให้สนุก นี่ฉันบอกว่าจงทำให้สนุก แม้แต่เรียนหนังสือ อย่าให้เป็นเรื่องทรมานใจ เราเป็นชาวนากันเป็นส่วนมาก พ่อแม่ของเราก็ทำนากันเป็นส่วนมาก เขาก็ทำนาให้สนุก เมื่อไถนาก็ไถให้สนุก เมื่อทำดินก็ทำให้สนุก เมื่อปลูกก็ปลูกให้สนุก เอาน้ำเข้านาให้สนุก ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องว่าข้าวจงออกมา ข้าวจงออกมา ข้าวจงออกมา ข้าวจงออกรวง ข้าวจงออกรวง ไม่ต้องหวังให้มันทรมานหัวใจ เขาก็ดูแลอยู่เฉย ๆ ไม่เท่าไรข้าวมันก็ออกรวง ไม่มีใครเป็นทุกข์ ถ้าไปห่วงวิตกกังวลร้อนใจ มันก็เป็นทุกข์ นั่นคือไม่ถูกต้อง
ฉะนั้นจึงหวังว่า นักเรียนทุกคนจะเรียนหนังสือ ด้วยความรู้สึกที่สนุกเป็นสุข แล้วก็เรียนได้มาก มันเรียนได้มากเกินกว่าที่คนธรรมดาเขาคิดนึก ถ้าใครเรียนไม่สนุก มันก็ไม่เรียน มันก็ขี้เกียจเรียน แล้วบังคับให้มันเรียน เดี๋ยวมันก็เป็นโรคประสาทแหละ ดังนั้นขอให้เด็ก ๆ ทุกคน รู้จักเรียนให้สนุก เมื่อรู้ว่าจะต้องเรียนอย่างไร และก็เรียนให้สนุก อย่าได้มีความทุกข์เพราะการเรียนนั้นเลย ทำอย่างนี้แหละเขาเรียกว่าเรียน หรือนักเรียน นักเรียน ถ้าไม่อย่างนั้น มันไม่รู้หรอก มันไม่รู้เพราะมันไม่ใช่นักเรียน ถ้าเรียนจนเจ็บไข้ได้ป่วยยิ่ง มันก็ยิ่งไม่ใช่นักเรียนใหญ่ไปอีกแหละ นี่ขอให้นักเรียนทุกคนเรียนหนังสือให้สนุก
การทำหน้าที่ของตนเขาเรียกว่าปฏิบัติธรรมะ ธรรมะ นี้แปลว่าหน้าที่ นักเรียนทุกคนจำไว้ หรือใครทุกคน ตามใจใคร เราบอกเดี๋ยวนี้เลยว่าคำว่า ธรรมะ แปลว่าหน้าที่ ฉะนั้นจงทำหน้าที่นี่ ที่มีอยู่ของตน ๆ นั่นให้สมบูรณ์ เขาเรียกว่าเรามีธรรมะ เรามีธรรมะมันเป็นของประเสริฐ มีของประเสริฐอย่างยิ่งของมนุษย์ ก็มีธรรมะ ธรรมะ แปลว่าหน้าที่ ถ้าครูเขาบอกว่าธรรมะแปลว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี่ยังไม่ถูก ยังไม่ถูกหมด ยังถูกนิดเดียว ถูกนิดเดียวเพราะไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร สอนอย่างไร คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นั่นคือท่านสอนให้ทำหน้าที่ ท่านสอนเรื่องหน้าที่ ให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ธรรมะ แปลว่าหน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิต เธอก็มีชีวิต ดังนั้นเธอก็ต้องทำหน้าที่ ทุกอย่างแหละ ที่เพื่อประโยชน์แก่ชีวิต ที่มันเป็นอย่างสำคัญ ๆ ก็ว่า กินอาหาร เราหาอาหารกิน เราก็หาอาหารกิน แล้วกินอาหาร อาบน้ำ ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ รักษาความสะอาดเสื้อผ้า ร่างกาย เหล่านี้เรียกว่าหน้าที่ทั้งนั้น ใครไม่ทำ มันก็อยู่ไม่ได้ บางทีมันตายเลย ลองไม่ทำหน้าที่ เช่น ไม่กินอาหาร ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ มันก็ตายเลย มันก็ตายเลย ดังนั้นหน้าที่ทุกอย่างแหละต้องทำ เมื่อทำหน้าที่ก็เรียกว่าประพฤติธรรม หรือธรรมะตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ว่าให้ทุกคนประพฤติธรรม ที่โรงเรียนเรามีหน้าที่เรียน เราก็เรียนให้ดีที่สุด หน้าที่อื่น ก็เป็นหน้าที่ เช่นว่า จะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดของโรงเรียน ต้องกวาดโรงเรียน ถ้ามีส้วมก็ช่วยล้างส้วม หรือมีอะไรที่เราจะช่วยทำได้ แล้วก็ขอให้ทำ นี่เรียกว่าหน้าที่ เธอจงรู้สึกยินดีเป็นสุข เมื่อได้ทำหน้าที่ เมื่อได้กวาดโรงเรียน ก็ได้ทำหน้าที่ ที่เรียกว่า ธรรมะ หรือหน้าที่ของมนุษย์ ดังนั้นเราจึงไม่ขี้เกียจ เราไม่เกี่ยงงอนให้คนอื่นกวาด เราจะเป็นผู้กวาดมากกว่าคนอื่นเสียดีกว่า
เมื่อทำหน้าที่ก็มีธรรมะ มีธรรมะก็พอใจ พอได้ทำหน้าที่นั้น เธอสังเกตดูซักอย่างว่า จะมีความพอใจ ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ เราขี้เกียจ เราเอาเปรียบผู้อื่น เราหลีกเลี่ยงเสีย เราไม่ทำหน้าที่มันก็ได้เหมือนกันแหละ แต่มันก็นึกละอายอยู่แก่ใจ แล้วมันไม่เป็นสุขหรอก ลองดูก็ได้ เธอลองขี้เกียจหลีกเลี่ยงไม่ทำหน้าที่ ไม่ช่วยกวาดโรงเรียน ไม่ช่วยล้างส้วม ไม่ช่วยอะไร พอถึงคราวที่จะทำก็ไม่ทำ นี่เธอก็จะเป็นคนที่ต้องนึกลำบากยากใจ เกลียดตัวเอง ว่ามันไม่มีอะไรที่ดี ลองไปทำหน้าที่ มันจะเกิดความคิดขึ้นมาว่าเราเป็นคนมีประโยชน์ ได้ทำสิ่งที่ดี แต่นี่ถ้ายังบกพร่องอยู่แต่ก่อน ขอให้ทำเสียใหม่ อย่าให้บกพร่อง อะไรเป็นหน้าที่ ทำให้สนุก ที่โรงเรียนทำให้หมดเลย นอกจากหน้าที่เรียนหนังสือแล้วก็ ทำให้หมดเลยหน้าที่อะไรจะช่วยทำได้บ้าง อยากปลูกต้นไม้ หรือว่าจะกวาด หรือจะล้าง จะเก็บอะไรก็ช่วยกันให้สนุกไปเลย มันเป็นธรรมะ เพราะว่าทำหน้าที่ ครั้นมาถึงบ้าน ครั้นมาถึงบ้าน ก็มีหน้าที่ ทำที่บ้านก็ทำอีก ถ้าครูให้การบ้านมา ก็ทำให้ดีที่สุดเลย ทำด้วยจิตใจ ที่เต็มใจ เป็นสุข สนุก พอใจ ทำการบ้านเสียให้เสร็จให้ดี เมื่อเสร็จแล้วจะต้องช่วยพ่อแม่ ทำอะไรก็ทำทุกอย่างเลยที่จะช่วยได้ จะช่วยตักน้ำ จะช่วยหยิบฟืน จะช่วยถูเรือน จะช่วยล้างหม้อ ล้างจาน ทำให้สนุก ทำให้สนุก แล้วเราก็จะรู้สึกว่าเรามีอะไรดี เรามีอะไรที่ควรจะ บอกให้เขานั่งตรงที่ร่ม เว้นที่แดดเสียสิ นั่งให้มันได้ยินทั่วไป มันได้ยินทั่วไปไม่ว่าจะนั่งตรงไหน นี่ความที่เป็นมนุษย์ที่ดี มันต้องมีความรู้สึกพอใจตัวเองอยู่เสมอ นักเรียนบางคนไม่เข้าใจก็มี ฟังไม่ถูกก็มี ง่วงเสียก็มี ถ้าเราเป็นมนุษย์ที่ดี เราต้องมีอะไรที่เราพอใจตัวเองอยู่เสมอ ที่โรงเรียนเราก็พอใจ ที่ได้เรียน ได้ทำงานทุกอย่าง แล้วก็พอใจ อิ่มใจ ๆ ๆ ๆ มาที่บ้านก็ทำทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกอิ่มใจ ๆ ๆ ทำแล้วก็อิ่มใจ หน้าที่ของพ่อแม่ก็ช่วยทำ ที่ทำได้ ของเราก็ทำ ก็ต้องทำ ที่ทำได้ เมื่อทำแล้วก็พอใจ แล้วก็เป็นสุข มีความสุขใจ คนขี้เกียจนั้นต้องคอยหลบหน้าเสมอแหละ แล้วคนขี้เกียจนั้นจะไม่รู้สึกชอบใจตัวเอง มันเกลียดตัวเองอยู่เรื่อย เพราะมันไม่ได้ทำอะไรที่มันรู้สึกว่าดี ฉะนั้นพยายามทำทุกอย่างที่รู้สึกว่าดี ถึงกับชิงกันทำเลย ช่วยพ่อแม่เลี้ยงควาย เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู ช่วยกันทำสวนครัว ช่วยกันเก็บผัก ช่วยกันทำสวนครัวนะมันก็มีหลายเรื่องก็ทำได้ ถ้าเราจะปลูกตะไคร้ไว้รอบรั้วบ้านเรา ซึ่งเด็ก ๆ ก็ทำได้ แล้วเราก็จะขายตะไคร้ ซื้อเสื้อผ้า ซื้อหนังสือ ซื้ออาหารกลางวัน กระทั่งเสียค่าเทอมก็ได้ เพราะว่าถ้าเราปลูกตะไคร้รอบรั้วบ้านเรา มันได้หลายสิบกอ หลายร้อยกอ แล้วแต่บ้านจะกว้างหรือแคบเท่าไหร่ แต่ถ้าปลูกตะไคร้ได้รอบรั้วบ้านแล้วมันก็ได้หลายร้อยกอ ที่นี่เขาขายกันสามต้นห้าสิบสตางค์ คิดดูสิ ของเรามีไม่รู้กี่พันต้น ดังนั้นเพียงแต่ขายตะไคร้อย่างเดียว เราก็มีเงินซื้อเสื้อผ้า ซื้อหนังสือ ซื้ออาหารกลางวัน เสียค่าเทอมอะไรได้หมด ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ แล้วเราก็พอใจ พอใจตัวเอง ว่าเราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด คือไม่ต้องรบกวนใครให้ลำบาก เราก็ไม่ลำบาก เราก็ไม่เป็นทุกข์ และนั่นคือปฏิบัติธรรมะ
เด็ก ๆ ปฏิบัติธรรมะโดยทำหน้าที่ ทำการงานทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองสบายใจ สบายใจแล้วมันก็จะพอใจ พอใจก็จะเป็นสุข แล้วมันก็จะรักตัวเองได้อย่างถูกต้อง คนที่ขี้เกียจคือคนทำลายตัวเอง ไม่ได้รักตัวเอง มันทำให้ตัวเองลำบาก ถ้าคนขยันอย่างว่า นี่มันก็ทำให้ตัวเองไม่ลำบาก แล้วก็เป็นสุข ก็เรียกว่ารักตัวเอง มีความดีในตัวเอง จนพอใจตัวเองได้ นี่ฉันจะบอกอะไรสักอย่าง ให้คนที่นั่งง่วง ๆ ฟังให้ดี ว่าเราพอใจตัวเอง จนถึงกับยกมือไหว้ตัวเองได้ เมื่อนั้น เป็นสวรรค์ สวรรค์อยู่ที่ตรงนี้ อยู่ใกล้ ๆ เรา เมื่อเราทำดี ถูกต้อง จนเราพอใจตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองได้ เมื่อนั้นเป็นสวรรค์ ฟังให้ดี ถ้าได้สวรรค์อย่างนี้แล้วก็มันได้จริง ได้อยู่แก่ใจ รู้สึกอยู่แก่ใจ มันแน่นอน ถ้าได้สวรรค์อย่างนี้แล้ว ตายไปมันก็ได้สวรรค์หมดทุกอย่างแหละ ไม่ว่าสวรรค์อย่างไหนจะได้หมด นั้นยังไม่รู้นะ ยังไม่เห็น ยังไม่รู้นะ แต่มันก็ได้นะ ถ้าทำ ได้สวรรค์ที่รู้ที่เห็นอยู่ที่นี้ เดี๋ยวนี้ ทำอะไรจนยกมือไหว้ตัวเองได้ พอใจตัวเอง ชื่นใจตัวเอง อิ่มใจตัวเอง จนยกมือไหว้ตัวเองได้ นั่นคือสวรรค์ที่แท้จริง ของจริงของพระพุทธเจ้า ท่านกล่าวว่ารู้สึกอยู่แก่ใจ ถ้าเป็นสวรรค์มันก็ต้องเป็นสวรรค์ที่รู้สึกอยู่แก่ใจของเรา นั่นจึงจะเป็นสวรรค์จริง สวรรค์อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เขาว่าตายแล้ว นู่นมันยังอีกเรื่องหนึ่งไม่พูดถึง เอาสวรรค์จริง ๆ ที่รู้จักแก่ใจตัวเองกันดีกว่า คือเราทำหน้าที่ทุกอย่างให้ครบถ้วนถูกต้อง จนพอใจตัวเอง นับถือเคารพตัวเอง แล้วยกมือไหว้ตัวเองได้ เอ้า,ใครเคยยกมือไหว้ตัวเองบ้าง ใครเคยยกมือไหว้ตัวเองบ้าง ยกมือให้สูงสิ ยกมือขึ้นให้สูง ใครเคยพอใจจนไหว้ตัวเองได้บ้าง ไม่เคย ทีนี้ใครอาจจะทำได้ ใครอาจจะทำให้ดีที่สุด จนยกมือไหว้ตัวเองได้ ใครทำได้ ยกมือ ๆ ทีนี้ก็มีหลายคน เราอาจจะทำดีให้เป็นที่ถูกใจตัวเรา จนเรายกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้าใครเกลียดน้ำหน้าตัวเอง นั่นเป็นนรก ใครเกลียดชังตัวเองเพราะไม่มีอะไรดี รู้สึกเกลียดตัวเองเมื่อนั้นเป็นนรก ระวังถ้าเกลียดตัวเอง ไม่เห็นว่าตัวเองมีอะไรดี นั่นเป็นนรก นรกก็จะไม่สบายใจ มันไม่มีทางที่จะสบายใจ มันทรมานใจ เป็นนรก เพราะมันทำผิดหมดแล้ว ถ้ามันตกนรกอย่างนี้กันที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว ตายไปมันก็ตกนรกทุกชนิดแหละ มันจะตกนรกทุกอย่างเลย นี่ขอให้พวกเธอ นักเรียนทั้งหลาย ลูกเด็ก ๆทั้งหลายนี้ อย่าได้ตกนรกเลย คืออย่าได้ทำอะไรลงไปที่ไม่น่าดู ไม่น่าชื่นใจ ดูแล้วมันก็เกลียดตัวเอง นั่นคือนรก อย่าได้ทำอะไรที่ทำให้มันติเตียนตัวเองได้ จงทำแต่สิ่งที่ทำให้พอใจตัวเองได้ แล้วมันก็เป็นสวรรค์ นี่ขอให้เธอรู้จักกันไว้เสียอย่างนี้ อุตส่าห์มาจากที่ไกลทั้งที ให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่ามา ถ้ามาแล้วไม่ได้ประโยชน์คุ้มค่ามาก็เรียกว่าใช้ไม่ได้เหมือนกันแหละ มารู้เรื่องว่าเรามีหน้าที่ที่จะต้องทำให้พอใจตัวเอง ให้ยกมือไหว้ตัวเองได้เสมอยิ่ง ๆ ขึ้นไป เรียนหนังสือดี มีผลดี จนชอบใจตัวเอง การงานทุกอย่างดี ที่บ้านก็ดี ที่โรงเรียนก็ดี ทำดีจนชอบใจตัวเอง จนยกมือไหว้ตัวเองได้
จะบอกสักครั้งหนึ่งว่า บอกสักอย่างหนึ่ง ข้อหนึ่งว่า ยกมือไหว้ตัวเองนั่นเขาหมายถึงชอบใจตัวเอง รู้สึกสบายใจอย่างบริสุทธิ์ ถ้าเราไปลักไปขโมยไปอะไรได้มา มันก็พอใจอย่างหลอกลวง มันก็ไม่เป็นสุข ไม่เป็นสวรรค์ที่แท้จริง มันเป็นสวรรค์หลอก เช่น คนชั่ว เด็กชั่ว อันธพาล ไปขโมย ไปอะไรมาก็ตาม ได้ของขโมยมาก็พอใจ นี่มันพอใจหลอกลวง พอใจปลอม ความสุขมันก็ปลอม มันก็ใช้อะไรไม่ได้ เราจงทำแต่ชนิดที่เราพอใจตัวเองได้ ถ้าเราทำจนเราพอใจได้ พอใจตัวเองได้ ก็เป็นที่พอใจผู้อื่นได้ ถ้าเธอทำอะไรจนเป็นที่พอใจของตัวเองได้ ก็จะต้องเป็นที่พอใจของพ่อแม่ด้วย พ่อแม่ก็พลอยสบายใจด้วย พ่อแม่ก็พลอยสบายใจด้วย ใครไม่ต้องการให้พ่อแม่พลอยสบายใจด้วย คนนั้นเป็นคนที่ยังไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่าผู้ที่เป็นลูก เป็นบุตร เป็นลูก เป็นอะไร ลูกคืออะไรใครตอบได้ เอ้า,ทีนี้ต้องตอบแล้ว คำถามนี้ไม่ลึกซื้งอะไร ใครตอบได้ ทุกคนเป็นลูกหรือเปล่า คงไม่มีใครเกิดจากโพรงไม้ เอ้า,ใครเกิดจากโพรงไม้ยกมือ ไม่มีใครยกมือ เห็นไหม เอ้า,ใครเกิดจากโพรงไม้ ทางนี้ยกมือ ใครเกิดจากแม่ ยกมือ ใครไม่ยก ทำไมเกิดจากแม่ทุกคนเล่า เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีแม่ ทีนี้เป็นลูก เป็นลูกคืออะไร เป็นลูกนั้นคืออะไร ใครตอบได้ เอ้า,คืออะไร เอ้อ, นี่ฟังมาจากไหนหว่า ฟังมาจากไหน ดีมาก คุณครูเป็นแสงสว่างที่ดีแล้ว ที่บอกให้เด็ก ๆ ทุกคนรู้ว่า ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,ว่าพร้อมกันหน่อย ทุกคนว่าลูก ลูก ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาทำให้พ่อแม่สบายใจ ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาเพื่อทำให้พ่อแม่สบายใจ ใครไม่ว่าหรือใครว่าเบา ๆ คนนั้นมันไม่ได้ทำให้พ่อแม่สบายใจ ใครไม่ว่าออกเสียง หรือว่าเบา ๆ คนนั้นมันไม่ได้ทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,ว่าเองพร้อมกัน ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,ว่าเอง ทีนี้เราไม่นำแล้ว ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาทำให้พ่อแม่สบายใจ บางคนไม่ว่า บางคนไม่ว่า ว่าไม่พร้อมกันก็ไม่ดี เอ้า,ว่าใหม่ ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่สบายใจ ว่าใหม่ ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาแล้ว ทำให้พ่อแม่สบายใจ ทางนี้เขาไปใส่คำว่าแล้วเข้าไป ทางนี้มันไม่แล้วเลยไม่พร้อมกันเลย ลูกคือผู้ที่ ลูกคือผู้ที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่สบายใจ ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าไม่อย่างนั้น ว่าสิ ถ้าไม่อย่างนั้น ไม่ใช่ลูก ถ้าไม่ได้ทำให้พ่อแม่สบายใจ มันไม่ใช่ลูก เอ้า,ว่าใหม่ ยังไม่เรียบร้อย ลูกคือผู้ที่เกิดมาแล้ว ทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,ว่าลูกคือผู้ที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่สบายใจ ว่าสิ ลูกคือผู้ที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,อีก ลูกคือผู้ที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่สบายใจ อีกที ลูกคือผู้ที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่สบายใจ ถ้ามิเช่นนั้น ไม่ใช่ลูก เอ้า,ใครเป็นลูกยกมือ ใครได้ทำให้พ่อแม่สบายใจอย่างไร ใครทำให้พ่อแม่สบายใจอย่างไร เอ้า,ใครยกมือ ใครได้ทำให้พ่อแม่สบายใจอย่างไรว่ามา ทำไมไม่มีเล่า แล้วก็บอกว่าเป็นลูกเล่า ก็บอกแล้วเมื่อตะกี้ว่ามันต้องทำหน้าที่ที่โรงเรียนดีที่สุด ทำหน้าที่ที่บ้านดีที่สุด แล้วก็สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้เพราะว่าเราเป็นสุขตลอดเวลา นี่มันมีว่าเราต้องทำให้ตัวเราพอใจ ตัวเราอยู่เสมอ เราต้องทำให้พ่อแม่ของเราพอใจอยู่เสมอ นี่เป็นลูกที่ดีเขาเป็นอย่างนี้ เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ ถ้าแม้เมื่อยังอยู่ในท้อง พ่อแม่เขารู้มีอยู่ในท้องแล้วเขาก็เริ่มสบายใจ เกิดมาเขาก็เริ่มสบายใจแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรที เดี๋ยวนี้เราเป็นผู้เรียนดี ปฏิบัติดี ทำงานดี รับผิดชอบดี พ่อแม่เขาก็สบายใจที่สุด เอ้า,เดี๋ยวนี้ก็ขอให้จำไปได้สักอย่างหนึ่ง สรุปความให้สั้น ๆ ว่า ลูก คือ ผู้ที่เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ เอ้า,จะแนะให้สักอย่างหนึ่ง จะแนะให้สักอย่าง จะแนะอีกสักอย่างหนึ่ง เป็นมรรยาทสูงสุดในพระพุทธศาสนา ถ้าจะแสดงความเคารพนะ จงออกไปในลักษณะที่มือขวาอยู่ข้างผู้ที่เราแสดงความเคารพ อย่างเดี๋ยวนี้มีพระพุทธรูปและก็มีเรานั่งอยู่ตรงนี้ เธอต้องเดินออกไปในลักษณะที่มีมือขวาอยู่ข้างนี้ ตลอดระยะหนึ่งก่อน พอพ้นออกไปพอสมควรแล้ว จึงจะกระจัดกระจายกันไปตามที่ต้องการ นี่คือมรรยาทของพุทธบริษัท เข้าใจว่ายังไม่เคยปฏิบัติ เอ้า, ลุกขึ้นยืน ซ้ายหัน ซ้ายหัน เดินออกไป จนกว่าจะพ้นนี้ก่อน เดินไปทางนั้น เดินไป ตรงหน้านั่น เดินไป ๆ ๆ เดินลงไป เรียกว่าขวามืออยู่ทางนี้ก่อน เวลาออกไป จึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีมรรยาท ที่ได้ฝึกฝนดีแล้ว ไม่เป็นคนป่า ไปเที่ยวทั่วแล้วเหรอ ให้เด็กมันรู้จักวัดให้ทั่ว ตรงไหนมีอะไร ทำอะไร ตรงไหนทำอะไร ตรงไหนทำอะไร ปล่อยหมดแล้ว ถ้าจะให้พูดอะไรก็มาพร้อม ๆ กัน