แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไม่มีอะไรนอกจากให้พร อนุโมทนายินดีที่ท่านมาที่นี่ มาเยี่ยมวัดเรา ก็เป็นธรรมเนียม เราให้โอวาทหรือให้พร ให้โอวาท ไม่มีไรมากไปกว่าแค่อยากจะบอกในเรื่องที่ควรจะทราบ เด็กๆ ควรจะทราบเรื่องอะไร เราคิดว่าเด็กๆ ควรจะทราบเรื่องสำคัญที่สุด ก็คือเรื่องเกิดมาทำไม
ท่านพุทธทาส: คนที่นั่งอยู่ที่นี่มีใครรู้บ้างว่าเกิดมาทำไม ลองยกมือซิ อ้าวไม่มีเป็นเรื่อง เกิดมาทำไม
นักเรียน: เกิดมาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นครับ
ท่านพุทธทาส: ใครอีกๆ เกิดมาทำไม
เกิดมาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่น ตัวเองก็ต้องบำเพ็ญเหมือนกัน บำเพ็ญประโยชน์ตนและบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่น ใครตอบได้อีก ยกมือซิ ตอบนอกไปจากนี้ เกิดมาทำไม เราขอตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย คนเราเกิดมาเพื่อได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ นี่เราพูดถึงว่าเราเป็นมนุษย์ ถ้าเป็นมนุษย์ก็ต้องยอมรับว่าเป็นมนุษย์ มนุษย์ต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ ถ้าเป็นแมวก็ต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดที่แมวควรจะได้ นี่เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่เป็นแมว มนุษย์ แปลว่าคนก็ดี ความเป็นมนุษย์มีจิตใจสูงเหมือนมนุษย์ คนที่มีจิตใจสูงถึงจะเรียกว่ามนุษย์ คนที่มีจิตใจสูงควรจะได้อะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์ ประโยชน์ควรจะได้ เราจะพูดว่าให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้เพราะการทำหน้าที่ เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ มนุษย์เกิดมาเพื่อได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้แล้วมนุษย์ต้องทำหน้าที่ของมนุษย์ มนุษย์ต้องทำหน้าที่ของมนุษย์นี่จำไว้ก่อน แล้วนี่อะไรคือหน้าที่ ภาษาไทยเรียกหน้าที่ ภาษาบาลีเรียกธรรม ธรรมะ ธรรมะคือกระทำนั่นแหละ ธรรมดาหรือพระธรรม ตามธรรมดาแปลว่าหน้าที่ โดยเฉพาะแปลตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ความดี ความถูกต้อง แปลโดยตรงก็ธรรมดาๆ แปลได้ต่างๆทั้งในทางศาสนาและในทางโลกแปลว่าหน้าที่ เราต้องทำหน้าที่ของมนุษย์ จึงจะเป็นมนุษย์ หน้าที่ก็คือธรรม หน้าที่ก็คือประพฤติธรรม เราประพฤติธรรมก็คือเราทำหน้าที่ แล้วก็หน้าที่ของมนุษย์ เราประพฤติธรรมได้อย่างไรบ้าง เราอยากจะระบุว่า หนึ่งเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน สี่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และห้าเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า เอาแค่ห้าข้อนี้ก็พอ ซึ่งจะพูดได้มากกว่าห้า แต่ก็ไม่จำเป็น ให้มันมากเยิ่นเย้อ เอาแค่ห้าข้อ ฟังอีกทีนะ หนึ่งเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน สี่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ห้าเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า
ท่านพุทธทาส:ใครจำได้บ้างยกมือซิ ที่พูดไปทั้ง 5 ข้อ ไหนว่ามาซิ
นักเรียน: หนึ่งเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน สี่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ห้าเป็นพุทธมามกะของพระพุทธเจ้า
ท่านพุทธทาส: ใครอีก ใครจำได้อีกยกมือซิ
นักเรียน: หนึ่งเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา สองเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน สี่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ห้าเป็นพุทธมามกะขององค์พระพุทธเจ้า
ดี มีคนจำได้อย่างน้อย 2 คน ไม่เหนื่อยเปล่า นี่เรา เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาข้อที่หนึ่ง ทุกคนมีบิดามารดา เพราะว่าเราเกิดมาจากบิดามารดา หรือมีใครไม่ได้เกิดจากบิดามารดาบ้าง ใครถ้ามียกมือซิ ไม่มีใครเถียงไม่มีปัญหา เพราะเราเกิดจากบิดามารดา เพราะฉะนั้นต้องเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา
ท่านพุทธทาส: การเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาเป็นอย่างไร ใครตอบได้ว่าเป็นอย่างไร ใครตอบได้ ยกมือยกให้สูงๆ อ้าวใครเป็นบุตรที่เลวของบิดามารดายกมือ อ้าวก็ไม่มี ใครเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดายกมือ ที่นี้มี อ้าวยก ตามเพื่อน ตอนแรกมีแค่คน สองคน ยกตามเพื่อนเลยยกหมด ต้องตอบได้ว่าเป็นอย่างไร อย่างน้อยหนึ่งคน
นักเรียน: ต้องเชื่อฟังบิดามารดา
นี่ตอบถูกที่สุด เชื่อฟังบิดามารดาอย่างเดียวพอ เพราะบิดามารดาย่อมรักลูก และคงจะสั่งสอนแต่ในทางที่ดีจะให้ดี ดังนั้นเราทำตามคำสั่งของบิดามารดาเป็นดีได้แน่ แต่จะตอบให้ชัดเจนหมายความว่าช่วยบิดามารดาให้สบายใจเพราะมีเรา อย่าทำความร้อนใจให้บิดามารดา บุตรที่ดีไม่ทำความร้อนใจให้บิดามารดา เชื่อฟังบิดามารดาแล้วแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรจะไม่ทำความร้อนใจให้บิดามารดา พูดเป็นคำเปรียบอุปมา เหมือนกับยกบิดามารดาออกจากนรกแล้วก็ความร้อนใจ เราไม่ทำให้บิดามารดาร้อนใจ ก็เหมือนยกบิดามารดาออกจากนรก บุตรคนใดทำให้บิดามารดาร้อนใจ บุตรคนนั้นชื่อว่าจับบิดามารดาใส่ลงไปในนรก เป็นบุตรที่เลว บุตรคนใดทำบิดามารดาร้อนใจ บุตรคนนั้นใส่บิดามารดาลงไปในนรก ถือเป็นบุตรที่เลว แล้วจะถามว่าบุตรคนไหนทำให้บิดามารดาให้ร้อนใจบ้างที่นั่งอยู่ตรงนี้ เด็กคนไหนทำให้บิดามารดาร้อนใจบ้าง เวลาเราดื้อ พ่อแม่ร้อนใจ ว่าเราใช้เงินเปลือง พ่อแม่ร้อนใจ เราขี้เกียจ ขี้คร้านการงานการเล่าเรียน พ่อแม่ร้อนใจ บางคนทำตัวเป็นเจ้าชู้ตั้งแต่เด็ก บิดามารดาก็ร้อนใจยิ่งกว่าไฟเผา นี่เรียกว่าทำความร้อนใจให้บิดามารดา จับบิดามารดาใส่ลงในนรก นี่ไม่ใช่บุตรที่ดี ต้องละเสีย ต้องเชื่อฟังแล้วทำตามบิดามารดาต้องการ ซึ่งคือไม่ขี้เกียจขี้คร้านในการเล่าเรียนการงาน อย่าใช้เงินเปลือง อย่าดื้นรั้น อย่าเหลวไหล อย่าให้บิดามารดาร้อนใจ
เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ก็คล้ายๆ กัน ต้องเชื่อฟัง คำว่าศิษย์แปลว่าผู้เชื่อฟัง ผู้ศึกษาหรือผู้เชื่อฟัง ถ้าไม่เชื่อฟังก็ไม่เป็นศิษย์ ปฏิญาณว่าเป็นศิษย์ จดทะเบียนว่าเป็นศิษย์ ก็ไม่เป็นศิษย์ถ้าไม่เชื่อฟัง เด็กๆ ปฏิบัติต่อครูเหมือนปฏิบัติต่อบิดามารดา คือเชื่อฟัง แล้วปัญหาก็จะหมด นี่ไม่เชื่อฟัง แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ฟัง ชอบเถียง เป็นต้น พวกนี้ไม่เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เราดีเองไม่ได้ ต้องศึกษาเล่าเรียนต้องเป็นศิษย์ที่ดีต่อครูบาอาจารย์ ไม่ว่าใครดีเองไม่ได้ ต้องศึกษาเล่าเรียน ต้องมีครูบาอาจารย์ เราดีเองไม่ได้นะ เราจึงเป็นหนี้บุญคุณของครูบาอาจารย์ เพราะฉะนั้นต้องนับถือ ต้องกตัญญู ถ้าไม่มีบุคคลผู้เป็นครูบาอาจารย์ เราก็โง่เป็นควาย ไม่ว่าใครที่ไหนก็ตามต้องศึกษาเล่าเรียน ดีขึ้นมาได้เพราะครูบาอาจารย์
สามเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เราทุกคนก็มีเพื่อน เกิดมาในโลกนี้เหมือนทั้งโลกเลยเพราะว่าทุกคนเกิดมาเหมือนกัน เกิดมาอย่างเดียวกัน มีปัญหาอย่างเดียวกัน ที่ต้องเล่าต้องเรียน ต้องต่อสู้ ต้องทำหน้าที่เหมือนกันหมดทั้งโลก เราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน คืออย่าเบียดเบียนเพื่อนและต้องทำประโยชน์ต่อเพื่อน เราต้องบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นเพราะเราทุกคนเป็นเพื่อน แล้วเราก็ไม่เบียดเบียนเพื่อน ถ้าเราทำประโยชน์ผู้อื่น แล้วเราก็ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ถ้าเราเกิดชกกัน ทะเลาะกัน ในเรื่องนี้เราลืมไปแล้ว ใครในที่นี้ไม่เคยชกเพื่อนบ้าง ยกมือซิ อ้าวไม่มีหรอ ใครไม่เคยทะเลาะไม่เคยโกรธเพื่อน ไม่เคยชกเพื่อน ไม่เคยว่าเพื่อน นี่เรายังไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เราเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ใช่เพื่อนที่ดีของเพื่อน พระพุทธเจ้าสอนว่าให้ถือว่าเราทุกคนเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีปัญหาอย่างเดียวกัน ที่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน มีปัญหาอย่างเดียวกัน เราต้องรักใคร่กัน ช่วยกันต่อสู้ความทุกข์ มีเท่านี้ เราอย่าทำอันตรายเพื่อน ทำประโยชน์ต่อเพื่อน รายละเอียดมีมากมายคือสอนได้ทุกวันๆ
ข้อที่สี่ เราต้องเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ รวมทั้งพระเจ้าแผ่นดินด้วย เพราะประเทศบางประเทศมีพระเจ้าแผ่นดินรวมอยู่ด้วย บางประเทศก็ไม่มี แต่ว่าเรารวมอยู่ในประเทศชาติ มีพระเจ้าแผ่นดินรวมอยู่ด้วยถ้ามี เหมือนประเทศเราก็มี ประเทศชาติต้องรวมพระเจ้าแผ่นดินด้วย เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ
ท่านพุทธทาส: คุณครูเคยสอนกันแล้ว ไหนลองอธิบายให้ฟังสิ เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติเป็นอย่างไร ใครอธิบายได้ยกมือ อ้าวขี้ขลาด ขี้ขลาดกันหมด ใครอธิบายได้ว่าเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติเป็นอย่างไร ให้เวลาอธิบายสามนาที
นักเรียน: เป็นพลเมือง ให้แก่ราชการ สองไม่ก่อความวุ่นวายให้เกิดแก่ประเทศ ได้แก่การวิวาทะ สามช่วยกันพัฒนาประเทศด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ[นาทีที่ 18]
ได้สามข้อ มีใครอีกมั้ย ไม่มีใคร ก็ถูกนั่นแหละ สิ่งใดทำให้ประเทศชาติปลอดภัยแล้วก็เจริญ เราก็ทำนะทุกตอน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือนอยู่แล้ว ให้ประเทศปลอดภัย ให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองต่อไป เราจะได้มั่งคั่งสมบูรณ์ มีกินมีใช้ มีเกียรติ มีกำลัง มีอะไรทุกๆ อย่าง ข้อสุดท้าย เราควรจะพูดอย่างยิ่งก็เพราะเราพูดกันในวัด
ครูบาอาจารย์ก็เป็นพระสงฆ์ แล้วจะเป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร
ท่านพุทธทาส: พุทธมามกะแปลว่าไร ใครตอบได้ยกมือ เร็วๆ พุทธมามกะแปลว่าอะไร
นักเรียน: พุทธมามกะแปลว่าผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาครับ
เราเป็นพุทธมามกะ ถ้าว่าไม่ใช่เดี๋ยวจะโกรธเอา พุทธะแปลว่าพระพุทธเจ้า มามกะแปลว่าปฏิญญาว่าของเรา มามะแปลว่าของเรา มามกะแปลว่าผู้กล่าวว่าเป็นของเรา พุทธมามกะแปลว่าผู้กล้าปฏิญาณว่าพระพุทธเจ้าเป็นของเรา ตามตัวหนังสือ นี่ก็คือนับถือพระพุทธเจ้านั่นแหละถูกแล้ว นี่ว่าตามตัวหนังสือพุทธมามกะ ผู้ยืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นของเรา ถ้าเราทำชั่วทำตัวไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ แล้วเรายืนยันว่าพระพุทธเจ้าว่าเป็นของเรา ฉะนั้นพูดจริงหรือพูดไม่จริง คนปฎิญญายืนยันว่าฉันเป็นพุทธมามกะ แล้วทำความไม่ดีทำความชั่วอย่างใดอย่างหนึ่งนี่เรียกว่าพูดจริงหรือพูดเท็จ ใครตอบได้ยกมือ ไม่กล้า คนกระทำไม่ดีคือ ไม่ทำตามความต้องการของพระพุทธเจ้า คนๆ นั้นไม่ควรจะพูดว่าพระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า ไม่ทำตามคำของพระพุทธเจ้า ฉะนั้นเวลาเราทำเรื่องไม่ดี เราก็จะไม่เป็นพุทธมามกะนะ ถ้าเมื่อไรเราเหลวไหลไม่เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ไม่เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ก็หมดเลย นี่ไม่ได้เป็นพุทธมามกะ พระพุทธเจ้าต้องการให้ทุกคนเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ถ้าเราไม่เป็นสิ่งเหล่านั้นก็เลยไม่เป็นพุทธมามกะของพระพุทธเจ้าด้วย เราจะต้องปฏิบัติตนให้สมกับเป็นพุทธมามกะ นับถือพระพุทธเจ้า รวมถึงพระธรรม พระสงฆ์ อันนี้แน่นอน เพราะถ้าเรานับถือพระพุทธเจ้า เราก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เลยนับถือพระธรรมไปด้วย เราก็ถือปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วย เราต้องเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ถูกต้อง ปฏิบัติให้ได้ อย่าเอาแต่ท่องได้ นี่เอาแต่ท่องได้แต่ปฏิบัติไม่ได้ก็เท่ากับปฏิบัติไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนหรือต้องการให้เราปฏิบัติอย่างไร
ท่านพุทธทาส: พระพุทธเจ้าทรงพระประสงค์ให้เราปฏิบัติอย่างไรใครตอบได้ ใครตอบได้ ตอบเลย
นักเรียน: พระพุทธเจ้าสอนให้เราปฏิบัติตนเป็นคนดีครับ
ท่านพุทธทาส: ตอบแค่นั้น รายละเอียดล่ะ รายละเอียด
นักเรียน: พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จักบาปบุญ [นาทีที่ 25]
ท่านพุทธทาส: ไรอีก ใครอีกยกมือ
นักเรียน: เช่น การสอนให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น การสอนให้เรายึดมั่นในศาสนา ทำให้จิตใจเราสบายเป็นต้นค่ะ
โดยหัวข้อ ขอให้จำไว้เป็นหลักให้มั่นคงคือ อย่าทำความชั่ว คือไม่ทำบาป ให้ทำความดี คือบุญกุศล แล้วทำจิตให้ผ่องแผ้วไม่มีกิเลส ไม่มีความทุกข์ สามหัวข้อนี้สำคัญจำมาพูด จำมาฏิบัติ ให้ได้รับผลของการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ เรียกว่าความชั่ว ทำสิ่งที่ควรทำเรียกว่าความดี จิตใจต้องผ่องแผ้วไม่เดือดร้อน คนทำความดีบางทีกำลังเดือดร้อนอยู่ก็มี ยากลำบากในการทำไม่เท่าไหร่ เดือดร้อนอยู่ก็มี คนทำความดีอยู่ แล้วเกิดอะไรสูญหาย เกิดอะไรขึ้นเป็นตายขึ้นมา นี่ก็เลยร้อนเป็นทุกข์ร้อน นี่เรียกว่าจิตใจไม่สะอาด เราต้องไม่มีจิตใจที่เศร้าหมองหรือเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์ บางคนทำความดี ยังไม่ทันได้สมหวังนี่ก็เป็นทุกข์ซะแล้ว นี่ก็ยิ่งไม่ได้ การเล่าเรียนก็ต้องเรียนด้วยใจที่ปกติต้องมีจิตใจผ่องแผ้ว อยากมากเกินไป ใจคอก็มืดมัวเหมือนกัน ต้องทำใจให้ผ่องแผ้วอยู่เสมอ อยากสอบไล่ได้ก็ต้องตั้งใจให้พอดี ถ้าหย่อนไป ขี้เกียจขี้คร้านมันก็ตก ขมวดมากเกินไปจนเกิดความขี้ขลาดขี้กลัวความยึดถือมากเกินไปก็ทำไม่ได้ เรียนไม่ได้ ทั้งนั้นแหละ ต้องพอดี ใจคอต้องผ่องแผ้วพอดีสำหรับเด็กๆ ก็ยังมีสูงกว่านั้นอีก คือว่าไม่มีกิเลส ไม่มีความทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งรบกวนจิตใจ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร ให้ละเว้นความชั่ว ให้ทำแต่ความดี ให้ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ท่านพุทธทาส: ให้ละเว้นความชั่วมีอะไรบ้าง ใครตอบได้ยกมือ ไม่มีใครตอบได้เลย เรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์มากี่อาทิตย์แล้ว ตอบไม่ได้ก็ตลกแล้ว เว้นความชั่วคือเว้นอะไรบ้าง
นักเรียน: ความชั่ว คือ หนึ่งการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สองการลักทรัพย์ สามการพูดเท็จ สี่ดื่มน้ำเมา ห้าประพฤติผิดในกาม
ครบแต่ไม่ถูกต้องตามลำดับ ถ้าจะตอบ เราตอบคงจะตอบได้กันทุกคน ถ้าให้นึกก็คงนึกได้ ห้าข้อนี้น่ะสำคัญ ถือเอาความหมายถูกต้อง ก็กว้างขวางดี แต่ฟังให้ดีนะ ถ้าพูดตามตัวหนังสือ พยัญชนะไม่ได้สำเร็จประโยชน์ แต่อรรถะสำเร็จประโยชน์ อรรถะคือความหมาย ข้อที่หนึ่งไม่ให้ประทุษร้ายชีวิตและร่างกายของสัตว์อื่นๆ ไม่ว่าทั้งคนทั้งสัตว์เดรัจฉานได้หมด ไม่มีข้อแก้ตัว ไม่ประทุษร้ายชีวิตและร่างกายของสัตว์อื่น ของผู้อื่น ไปฆ่าถึงตาย หรือทำให้เจ็บก็รวมอยู่ในข้อนี้ด้วย เมื่อรู้ความหมาย ควรจะจำให้ได้แล้วควรจะตีความหมายได้เอง ไม่ต้องถามใคร มีอะไรบ้าง ไม่ประทุษร้ายชีวิตและร่างกายของสัตว์อื่น ผู้อื่นด้วยวิธีใดก็ตาม ข้อที่สอง อทินนาทาน ไม่ให้ประทุษร้ายทรัยพ์สมบัติของผู้อื่น จะลักด้วยวิธีไหน เท่าไร มากน้อยอย่างไร โดยตรงโดยอ้อมอย่างไร ผิดหมดเลย ผิดศีลข้อนี้หมดเลย อย่าประทุษร้ายทรัยพ์สมบัติของผู้อื่น ข้อที่สาม กาเมสุมิจฉาจาร อย่าประทุษร้ายของรักของผู้อื่น ข้อนี้ยังคิดเห็นผิดกันอยู่ว่า สอนแต่ว่าอย่าให้ทำชู้ นั่นสอนผิด พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าเท่านั้น กาเมสุในของรักทั้งหลาย มิจฉาจารคือประพฤติผิด ห้ามประพฤติผิดในของรักทั้งหลายของผู้อื่น นี่เรายังเป็นเด็กๆ ยังไม่มีภรรยาสามี ยังมีแต่ดินสอ ปากกา ตุ๊กตา สิ่งใดที่เรารัก มีความหมายยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติ มีความหมายคนละชนิดกับทรัพย์สมบัติ เรารักตุ๊กตา เด็กๆ เล็กๆ รักตุ๊กตา ของรักของเขา ประทุษร้ายตุ๊กตาของเด็กด้วยกัน ก็ผิดศีลข้อนี้โดยสมบูรณ์ไม่ต้องทำชู้สาวอะไร ชู้สาวนั่นให้ผู้ใหญ่ ภรรยาสามีหรือว่าอะไรก็เป็นของรักเหมือนดวงใจอยู่ในข้อนี้ ถ้าเด็กๆ ตุ๊กตานั่นก็เหมือนดวงใจเหมือนกัน ของใช้ธรรดาเป็นทรัพย์สมบัติ แต่ถ้าของรักนี่มันรักพิเศษ ก็ต้องถือเป็นของรัก ถ้าเป็นปากกา เมื่อเขียนหนังสือแล้วมันพิเศษ มีความหมายพิเศษ กลายเป็นของรักไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ จึงแยกออกมาอีกข้อหนึ่ง ห้ามประพฤติผิด ประทุษร้ายในของรัก ไม่มีทางแก้ตัว เด็กเล็กๆ อนุบาล ก็ถือศีลข้อนี้ได้ ไม่ใช่โตเป็นผู้ใหญ่มีภรรยาสามีจึงจะถือได้ ไม่ใช่ ข้อสามจึงห้ามประทุษร้ายของรักของผู้อื่น ข้อที่สี่ ไม่ให้ประทุษร้ายความเป็นธรรม ความถูกต้องของผู้อื่นด้วยวาจา ถ้าเราพูดเท็จไปกระทบกระเทือน ความถูกต้อง ความชอบธรรมของผู้อื่น เท่ากับเราประทุษร้ายความถูกต้องของผู้อื่นด้วยวาจา ข้อที่ห้าสุราเมรัย นี่เราประทุษร้ายสติสมปฤดี สติปัญญาของเราเอง สมปฤดีคือความรู้สึกตัวดี ไม่บ้า ไม่สลบ ไม่เลอะเลือนนี่เรียกว่าสมปฤดี สติปัญญา เราศึกษาเล่าเรียน มีสติอยู่กับปัญญา นั่นเรียกสติปัญญา ถ้าเรากินของเมาเข้าไปทำให้สมปฤดีเสียไปหรือทำให้สติปัญญาเสียไป ผิดศีลข้อนี้ เขาจึงว่าประทุษร้ายสมปฤดีหรือสติปัญญาของตนเอง ทีนี้สุราเมรัยต้องว่าถึงของเมาทุกชนิด ที่มันประทุษร้ายต่อสมปฤดีหรือสติปัญญา ของเมาเรียกแตกต่างออกไปหลายสิบชื่อ หลายร้อยชื่อ โลกเจริญขึ้น สิ่งใดกินเข้าไปแล้ว แล้วทำอันตรายก็ประทุษร้ายสมปฤดีของเรา สติปัญญาของเรา ศีลข้อนี้หมด ไปดูหนังเลวๆ เกี่ยวกับกามารมณ์ จนติดจนการงานเสีย สติปัญญาเสีย ยั่วกิเลส มีความมึนเมา ทำให้สมปฤดีเสีย สติปัญญาเสีย ผิดศีลข้อนี้ ง่ายที่สุดก็เรื่องบุหรี่ เรื่องน้ำชา กาแฟ ถ้ากินเข้าไปแล้วมันทำให้จิตใจผิดปกติ ศีลข้อนี้เหมือนกัน มันหลายอย่าง ไม่ใช่เฉพาะสุราเมรัยในขวดไม่ใช่ เราเคยว่าพยัญชนะไม่สำเร็จประโยชน์ อรรถะคือความหมายสำเร็จประโยชน์ ตัวหนังสือเอาทั้งอรรถะทั้งพยัญชนะ เรื่องศีลห้าข้อนี้ให้มีความหมายเหมือนที่เราว่ากว้างๆ นี่ว่า ไม่ประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายของสัตว์อื่น ไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ไม่ประทุษร้ายของรักของผู้อื่น ไม่ประทุษร้ายต่อความเป็นธรรม ความชอบธรรมของผู้อื่นด้วยวาจา ไม่ประทุษร้ายต่อสมปฤดีสติปัญญาของตนเอง นี่ห้าข้อ เมื่อรู้ความหมายนี้แล้วจะไม่มีข้อแก้ตัว ไม่หนีรอดไปได้ ความชั่วใดอยู่ในนี้หมด ที่นี้ว่าทำความดีแล้ว ละเว้นทำความชั่ว ให้ทำความดี เราวกกลับไปว่า เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า นั่นแหละคือทำความดี ระวังจิตใจ อย่าให้โง่ อย่าให้โลภ อย่าให้โกรธ อย่าให้หลง ทำใจให้ผ่องแผ้ว รวมสามอย่างเลยสามหมวด ไม่ทำชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องแผ้ว นี่คือคำสอนความต้องการของพระพุทธเจ้า เมื่อเราทำได้ เราก็เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า มีสิทธิอันชอบที่จะพูดว่า พระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า ถ้าไม่อย่างนั้นจะเป็นการพูดเท็จด้วยถ้าเธอเหลวไหลในหน้าที่การงาน การเรียนแล้วเธอพูดว่าเธอเป็นพุทธมามกะ พูดเท็จขึ้นมาทันทีเลย ติดอยู่ที่เวลามันมีน้อย หลวงพ่อว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ จะได้สิ่งที่ดีที่สุดต้องทำหน้าที่คือประพฤติธรรม ประพฤติธรรมคือเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า เราก็เป็นมนุษย์ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ ไปตามลำดับ ตามลำดับ ตามลำดับจนเค้าเรียกว่าบรรลุมรรคผลนิพพานในอนาคต ฟังให้ดี แต่ถ้าจำติดในใจนั่นน่ะคือสิ่งที่เราให้พร ให้โอวาทให้พร คือประโยชน์คืออานิสงส์ในการที่มาสวนโมกข์ สวนโมกข์นี่มีความหมายว่า ป่าไม้ส่งเสริมความหลุดพ้นจากความทุกข์ โมกขะคือหลุดพ้น พลแปลว่ากำลัง อารามแปลว่าป่าไม้ ป่าไม้ที่เป็นกำลังจากความหลุดพ้นจากความทุกข์ ก็คือว่าสิ่งที่จัดทำขึ้นต่างๆ ก็เพื่อไว้ช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าพระธรรม เรียกว่าช่วยให้รู้รสในพระธรรม เช่น ความสงบ เป็นต้น พวกเธอจึงได้สิ่งเหล่านี้กลับไปตามสมควร ถ้าเรามาทัศนาจร ก็ให้เติมคำว่าธรรมะเข้าไปข้างหน้า มานี้มาธรรมทัศนาจร คือทัศนาจรตามทางธรรม ได้สิ่งที่เป็นธรรม สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่จิตใจ แก่วิญญาณ หวังว่าพวกเราทุกคนควรจะได้รับสิ่งนี้กลับไป มีความผาสุข ทุกทิพาราตรี เพราะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นพุทธมามกะที่ดีของพระพุทธเจ้า ทุกคนเทอญ สวัสดีทุกคน