แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาตมาภาพขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย สู่สถานที่นี้ ในลักษณะอย่างนี้ เพื่อแสดงความเคารพก็มี เพื่อแสวงหาความรู้ก็มี จึงมีความยินดีที่จะกล่าวธรรมะในลักษณะเป็นธรรมมะปฏิสันถารแก่ท่านทั้งหลายตามสมควรแก่เวลาและโอกาส ขอแสดงความยินดีเป็นสิ่งแรกในการที่ท่านทั้งหลายเป็นครูที่เรียกว่าครูบาอาจารย์มีหน้าที่ให้ความรู้ให้ความสามารถแก่ศิษย์เพื่อบรรลุผลอันสูงสุดตามที่แต่ละคนๆจะมีได้ ไม่เป็นหมัน ช่วยกันสร้างมนุษย์ให้มีสันติภาพสันติสุขและประโยชน์โดยไม่ต้องคิดว่าเขาเป็นคนชาติไหนภาษาไหน แม้กระทั่งว่าลัทธิอะไร ศาสนาอะไร เรามีแต่การที่จะให้สิ่งที่เรียกว่าธรรมะ คือสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุดแก่มนุษย์ทั้งปวง ในลักษณะที่เป็นความรู้เป็นการกระทำตามสมควรแก่ความรู้ให้ได้รับผลดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ ขอย้ำว่าที่สุดหรือสูงสุดเท่าที่จะมีได้ อย่าให้มันเป็นหมันหรือเสียเวลาเปล่าๆ นี่ขอหวังในการที่เป็นผู้มีคุณสมบัติของความเป็นครู คือช่วยให้เกิดความแสงสว่าง ความรู้ความเข้าใจและความสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนๆ
ครูมีความหมายสูงสุดคือเป็นผู้นำในทางวิญญาณ ไม่ใช่ลูกจ้าง รับจ้างสอนหนังสือหากินไปวันๆหรือว่าอะไรทำนองนั้น มันมีอะไรมากไปกว่านั้น ก็พูดกันมาแต่ดึกดำบรรพ์ว่าเป็นผู้นำในทางวิญญาณ ความหมายของครู ครูคำนี้สูงมากถ้าถือตามแบบโบราณตามที่เสาะหาได้จากประวัติศาสตร์ของคำที่เรียกว่า ศัพทศาสตร์ คำที่เป็นศัพท์เป็นคำมาแต่โบราณกาลนั่นน่ะ คำว่าคุรุ คุรุ แปลว่าผู้นำแต่ความหมายเป็นคำกิริยาโดยตรงก็แปลว่า ผู้เปิดประตู เปิดประตู เปิดประตู ให้สัตว์ทั้งหลายออกมาเสียจากคอกอันสกปรกเน่าเหม็นหรือเป็นอันตราย มีความหมายเท่าที่สืบมาสืบสาวกันมาได้ก็แปลว่าผู้เปิดประตูเป็นคำกิริยา รากของศัพท์แปลว่าเปิดประตู ไม่ได้แปลว่าของหนัก หรือหนักหัวกบาลใคร มันไม่มีอย่างนั้นมันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณ ให้สัตว์ออกมาเสียจากคอกและก็นำสัตว์ไปสู่ที่ๆควรจะไป ก็ได้รับประโยชน์เต็มที่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างทุกประการตามที่มนุษย์ควรจะได้รับ แต่ครูไม่ชอบคำว่าครู ไปชอบคำว่าอาจารย์อาเจินอะไรทำนองนั้น ไม่ๆ ชอบคำว่าครู ไม่รู้สึกว่าเป็นเกียรติยศอันสูงสุด ตามคำที่มีเรื่องราวมาในประวัติศาสตร์ คำว่าครูนี้เป็นคำสูงสุดไม่มีคำอะไรเสมอเหมือนเพราะว่าได้เป็นผู้นำในทางวิญญาณ สัตว์ทั้งหลายที่ได้รับการแนะนำอันถูกต้อง ก็มีที่มาที่ไปอันถูกต้อง ได้รับสิ่งสูงสุดคือประโยชน์ เป็นความสุขและเป็นความมีประโยชน์ ทำหน้าที่ให้เกิดความสุขแก่ทุกคนและเกิดความมีประโยชน์ให้แก่ทุกคน ไม่ใช่เป็นครูหมาหางด้วน มีความรู้ ไม่รู้ มีความรู้ที่ไม่รู้ๆ ว่าจะทำอะไรเป็นอย่างไร มีลักษณะเหมือนสุนัขหางด้วน ทำอะไรไม่เป็นทำอะไรไม่ถูก ลูกศิษย์ไม่ได้รับประโยชน์สมตามความมุ่งหมายหรือตามที่เขาควรจะได้ เพราะว่ามันเป็นครูหมาหางด้วน ครูที่สมบูรณ์มันจะต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้ที่สมบูรณ์สามารถกระทำถูกต้องในสิ่งที่ควรกระทำ และก็เป็นครูที่สมบูรณ์ขึ้นมามีความถูกต้องทุกอย่างทุกประการตามที่ควรจะถูกต้อง ถ้ามันเป็นครูหมาหางด้วน ก็มีแต่สิ่งที่ไม่พึงปรารถนาที่เรียกกันว่ากิเลสน่ะ มันเป็นคนที่เกรอะกรังอยู่ด้วยความรักทางเพศทางกามารมณ์ ความโกรธ ความเกลียดชัง ความหวาดระแวงหวาดกลัว ความตื่นเต้นในสิ่งที่ไม่มีความหมาย มันเป็นคนบ้าจี้ มันอ่อนตื่นเต้น อะไรๆ ก็ตื่นเต้นๆ และก็มีความรู้ในทางที่ว่าควรจะรู้กันอย่างไร อะไรควรรู้ อะไรควรละ อะไรควรระวัง อะไรต่างๆเหล่านี้ ความไม่มีความวิตก กังวล อาลัยอาวรณ์ อิจฉาริษยา ไม่มีความหึง ไม่มีความหวง สิ่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นครูที่สมบูรณ์ คำว่าสมบูรณ์ในที่นี้ หมายความว่าสมบูรณ์ด้วยคุณธรรม ไม่เป็นสุนัขหางด้วนที่กัดเจ้าของอย่างที่ว่ามาแล้วด้วยความรักความโกรธความเกลียดความกลัวความตื่นเต้นวิตกกังวลอาลัยอาวรณ์อิจฉาริษยาหวงหึงอย่างนี้เป็นต้น เป็นสุนัขกัดเจ้าของ สุนัขกัดเจ้าของมันต้องเลวกว่าหมาเพราะหมามันยังไม่กัดเจ้าของนี่ เพราะถ้าครูชนิดนี้มีอาการกัดเจ้าของโดยสิ่งที่ว่ารัก โกรธ เกลียด กลัว ตื่นเต้น วิตกกังวล อาลัยอาวรณ์ อิจฉาริษยา หึงหวง มันก็ว่าเลวกว่าหมา นี่พอให้ครูบาอาจารย์ทุกคนระวังสังวรไว้ว่าจะเป็นปูชนียบุคคล สามารถนำสัตว์ไปสู่ความสุขและความถูกต้องและความมีประโยชน์ ก็ได้ความว่าเราไม่เป็นสุนัขที่กัดเจ้าของ มีแต่การทำประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของหรือทุกๆคน มีความถูกต้อง ๆๆๆ ไปทุกอย่างทุกประการอยู่ในตน
ขอช่วยจำคำนี้ไว้สักคำหนึ่งเถิด คือคำว่าความถูกต้อง คำว่าถูกต้องๆ ที่เป็นภาษาธรรมะภาษาบาลีมันก็คือคำว่า สัมมา สัมมา สัมมาสัมพุทโธ สัมมาอรหัง สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ถ้าใครยังไม่รู้จักคำว่าสัมมาเหล่านี้อย่าเป็นครูชนิดนั้นเลย ขอให้รู้จักคำว่าสัมมา สัมมาคือความถูกต้อง ทิฏฐิความคิดความเห็นถูกต้อง สังกัปปะความปรารถนาถูกต้อง สัมมาวาจาการพูดจาถูกต้อง สัมมากัมมันโตการงานถูกต้อง สัมมาอาชีโวเลี้ยงชีวิตถูกต้อง สัมมาวายาโมพากเพียรถูกต้อง สัมมาสติระลึกสติได้สติถูกต้อง สัมมาสมาธิมีสมาธิถูกต้อง อย่างน้อยก็เป็นแม่บท ส่วนที่เป็นเหตุอยู่แปดประการแล้วในความถูกต้อง แล้วเหลือที่เป็นผลอีกสองประการ คือ สัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ คือมีญาณอันถูกต้อง และก็มีวิมุตติความหลุดพ้นอันถูกต้อง อย่างนี้มันก็พอแล้ว ถูกต้อง ๆ แต่ถ้าจะสรุปให้มันสั้นเข้ามาอีก เอาสักสามสี่อย่างก็ได้ว่าถูกต้องในทางร่างกายทุกส่วน ประกอบแห่งร่างกายมีความถูกต้อง ถูกต้องในทางจิตทางวิญญาณนั่นก็มีความถูกต้องทุกๆส่วน เมื่อถูกต้องในทางตัวตนคือความมีตัวตน เป็นตัวเป็นตนเป็นคนเป็นผู้ เป็นสิ่งที่เรียกว่าตัวตนๆ นั่นจะมีทางไหนก็ตามให้มันถูกต้องๆ และก็มีความว่างที่ไม่มีใครชอบ ที่แม้แต่พวกครูเองก็รู้สึกรังเกียจในคำว่า ว่างๆ สุญญตาความว่างนั่น คือว่าง คือมันๆๆ ไม่มีไอ้เรื่องผิดพลาดที่ต้องให้ตำหนิติเตียน แล้วมันก็ไม่มีเรื่องที่เป็นปัญหา ไม่ต้องมีความทุกข์ทนหม่นหมอง คือมันว่างไปจากสิ่งที่เป็นปัญหาเรียกว่าความว่าง ถ้าเอาสี่อย่างก็เรียกว่า มีความถูกต้องในทางร่างกายทุกส่วนสัด มีความถูกต้องในทางจิตทุกส่วนสัด มีความถูกต้องในเรื่องตัวตนๆ ตัวกูของกู หรือตัวตนหรือของตน ให้อัตภาพที่ประกอบกันเป็นตัวตนอันนี้มันถูกต้องและก็มีความว่างชนิดที่ถูกต้อง ไม่มีปัญหาใดๆเหลืออยู่ แต่คำนี้อธิบายยากขอเว้นไว้ก่อนก็ได้ เพราะว่าถ้ามันรู้จักว่างแล้วมันก็เหลือสูงสุดแล้ว มันเป็นสิ่งที่สูงสุด
นี่ขอให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายรู้จักความเป็นปูชนียบุคคลของตนๆว่าเป็นสิ่งที่มีเกียรติยศสูงสุดเหลือประมาณ พระพุทธเจ้าเป็นพระบรมครู เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความถูกต้องๆอยู่ในลักษณะสิบประการนี้ ถูกต้องโดยส่วนเหตุแปดประการโดยผลสองประการเรียกว่าสิบประการ มีความถูกต้อง อย่างนี้แล้วจะมีปัญหาอะไรล่ะ จะมีโอกาสไหนที่จะมาใช้คำพูดว่าหมาหางด้วน กับพระอริยบุคคลเหล่านี้ไม่มี มันมีแต่ความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง ไปเสียหมดทุกอย่างๆ มันไม่มีความผิดพลาดแม้แต่สักนิดหนึ่ง มันก็ไม่เกิดการขัดแย้ง ขัดแย้งคำนี้เป็นภาษาไทยแต่ถ้าเป็นภาษาบาลีก็แปลว่า อุปัทว อุปัทวถ้าเป็นภาษาสันสกฤตตามธรรมดาก็คือคำว่า อุบาทว์ๆ อุปัทวนั่นคืออุบาทว์ ถ้ามีความขัดแย้งอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมันเป็นลักษณะของความอุบาทว์ มันต้องไม่มี ต้องมีความถูกต้องๆๆ ไม่มีการขัดแย้ง แล้วก็เท่านั้นเรื่องมันก็จบ จบสิ้นสุดสูงสุด ถึงที่สุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ทั้งปวง มันมีแต่ความถูกต้องๆๆ ไม่มีอะไรส่วนไหนที่จะเป็นความขัดแย้ง มันก็ไม่เกิดการทุกข์ทนหม่นหมองมันมีแต่สันติภาพ ๆๆ มีความสุขทั้งส่วนบุคคลและส่วนสังคม สุขกันไปหมดและมีความเป็นประโยชน์ๆๆ แก่ทุกคนทุกฝ่ายทุกส่วน คือมีความถูกต้อง มีสันติภาพ สันติสุขและมีความเป็นประโยชน์ ๆๆ อยู่ในตัวความถูกต้องนั่นเอง นี่ก็หมดเวลาที่ท่านกำหนดแล้ว จะต้องขอให้ยุติเรื่องอันนี้ไว้แต่เพียงว่า ความถูกต้อง ขอให้รักษาความถูกต้อง และจะมีสันติภาพของสังคมมีแต่ความสุขและความมีประโยชน์ มีประโยชน์ ต้องมีความมีประโยชน์อยู่ด้วยไม่ใช่ความสุขเฉยๆ เป็นความสุขที่มีประโยชน์ อาตมาไม่สบายป่วยเป็นโรคที่ร้ายกาจที่สุด เขาเรียกว่า ความโลหิต โลหิตอุดตัน โลหิตแห้งกรัง และก็ลืมและก็อ่อนเพลีย แต่ก็ถือโอกาสสนองความประสงค์ของท่านทั้งหลายด้วยเวลาอันสั้น จึงขอให้สนใจแค่ว่าคำสูงสุดเพียงคำเดียวของเราก็คือความถูกต้อง ถูกต้องสี่ประการถูกต้องแปดประการถูกต้องทั้งโดยเหตุโดยผล มันเป็นเรื่องของความถูกต้อง เป็นสิ่งสูงสุดของสิ่งที่เรียกว่าธรรมะไม่มีความขัดแย้ง คำว่าประชาธิปไตยมันก็ยังไม่แน่ว่าจะไม่กัดกัน มันต้องมีความถูกต้องๆ มันจึงจะไม่มีโอกาสที่จะขัดแย้งกัน จึงขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย สู่สถานที่นี้ ในลักษณะที่ว่าต้องการธรรมะเป็นสิ่งสูงสุดของพระพุทธศาสนา เป็นเครื่องบำบัดความขัดแย้ง ความทุกข์ยาก ความลำบาก ความไม่เป็นประโยชน์ นี่ขอให้ประสบความสำเร็จความประสงค์ในการศึกษามีการศึกษา ไม่ใช่เป็นอย่างสุนัขหางด้วน แต่เป็นความถูกต้องๆๆๆๆ ทุกอย่างมีแต่ความถูกต้อง ไม่มีความขัดแย้งอะไรแล้ว ขอให้เป็นความสุขสวัสดี อยู่ทุกทิพาราตรีกาล เทอญ ขอแสดงความหวังอย่างนี้ ขอให้เจริญพรด้วยความถูกต้องๆๆ พรคือสิ่งที่ดีที่งามที่ถูกต้อง เอาความถูกต้องเป็นหลักปลอดภัยกว่าความเป็นอย่างอื่นหมด ก็ขอยุติการบรรยายด้วยการจำกัดเวลา