แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านครูบาอาจารย์ผู้มีหน้าที่บริหารการศึกษาทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดี ในการมาของท่านทั้งหลายสู่สถานที่นี้ ในลักษณะอย่างนี้ คือแสวงหาความรู้ทางธรรมะ เพื่อไปใช้ประกอบหน้าที่การงานของตน ให้มีความก้าวหน้ามั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป อาตมาขอแสดงความยินดีอีกทางหนึ่ง เพราะว่าในการที่ได้มีหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์ ซึ่งถ้าว่าโดยเกียรติแล้วก็สูงสุด ถือตามแบบโบราณของอินเดียคือมีวรรณะเป็นวรรณะพราหมณ์ วรรณะเคียงคู่กับวรรณะกษัตริย์ คือมีหน้าที่คุ้มครองในทางจิต ทางวิญญาณ เมื่อทางกษัตริย์มีหน้าที่คุ้มครองในทางวัตถุ บริหารร่างกาย ทรัพย์สมบัติ นี้ก็มีหน้าที่คุ้มครองทางจิต ทางวิญญาณ (เทปติดขัด นาทีที่ 01:40) อันสูงสุดนี้แล้วปฏิบัติหน้าที่ให้สมกัน คำว่าครู เคยแปลกันว่าผู้หนัก ผู้ควร บุคคลควรหนัก คือควรเคารพ แต่ปรากฎว่าการค้นคว้าที่ละเอียดขึ้นไปในทางศัพทศาสตร์นี้พบว่าเป็นผู้เปิดประตู คำว่าครู ครูนี้แปลว่า ผู้เปิดประตู คือเปิดประตูคอกแห่งความโง่เขลา มืดมน สกปรก เร่าร้อน ให้ออกมาสู่โลกภายนอกที่สะอาด สว่าง สงบเย็น นี่เรียกว่าเป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณ แล้วก็เป็นผู้นำในทางวิญญาณ ให้มีความก้าวหน้าโดยถูกทางเพื่อถึงจุดหมายปลายทาง นี่เรียกว่าความหมายของคำว่าครู ควรจะพอใจในการที่ได้ทำหน้าที่ครูในฐานะเป็นปูชนียบุคคล ไม่ใช่ลูกจ้างสอนหนังสือหากินไปวันๆ หรือทำกันแต่เพียงเท่านั้น เดี๋ยวนี้การศึกษาในโลกนี้บ้าบอที่สุด คือสอนแต่ให้ฉลาดๆๆ อย่างเดียว ฉลาดจนไม่รู้จะฉลาดกันอย่างไรแล้ว แล้วไม่มีอะไรควบคุมความฉลาด ไม่มีอะไรที่จะควบคุมความฉลาดให้มันเดินไปในทางที่ถูกต้อง คนเหล่านั้นก็ใช้ความฉลาดเพื่อความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวกันไปหมดแทบจะทุกคนในโลก ประเทศชาติที่มีอำนาจสูงสุดก็เห็นแก่ตัว ประเทศเล็กก็เห็นแก่ตัว นายจ้างก็เห็นแก่ตัว ลูกจ้างก็เห็นแก่ตัว ประชาชนก็เห็นแก่ตัว เกิดอาชญากรเต็มไปทั้งโลก เกิดปัญหาขึ้นมา มลภาวะทั้งโลก ทำลายธรรมชาติกันทั้งโลก นี่มันเพราะความเห็นแก่ตัว มีความฉลาดที่ควบคุมไว้ไม่ได้ การศึกษาที่ถูกต้องนั้นต้องควบคุมความฉลาด คือมีความถูกต้อง การศึกษาก่อนนั้นแฝดอยู่กับศาสนา มันมีศาสนาเป็นช่วยควบคุม เดี๋ยวนี้มันแยกออกจากกัน Secularization บ้าๆ บอๆ นั่นแยกศาสนาออกไปจากการศึกษา ประเทศเล็กๆ เช่นเราก็ไปตามก้นเขาในการแยกศาสนาออกไปจากการศึกษา มันก็มีผลอย่างนี้ ยอมรับว่ามันเก่งจริง สอนให้ฉลาด ฉลาด ฉลาดไปได้ทุกอย่าง ทุกทาง ทุกประการ มันไปเที่ยวโลกพระจันทร์ได้เหมือนกับไปเที่ยวหลังบ้าน แต่มันก็ทำให้โลกนี้มีสันติภาพไม่ได้ ท่านทั้งหลายก็มองดูเอาเองว่าสันติภาพมันอยู่ที่ตรงไหน ในมุมโลกทั้งหลายมันมีแต่การเบียดเบียนเพราะมันเห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น เห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น ยิ่งมีความเจริญรุ่งเรืองเท่าไรมันก็ยิ่งเห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น ยิ่งเห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น นี่ขอให้คิดดูนะ เจริญทางวัตถุนั่นแหละ ยิ่งเจริญเท่าไรจะยิ่งเห็นแก่ตัว เพราะมันไม่ได้เจริญทางจิตใจ มันเจริญแต่ทางวัตถุ มีแต่เครื่องมอมเมาให้มืดมัว เอร็ดอร่อย ไปตามเรื่องของมัน แม้แต่ครูบาอาจารย์ก็พลอยเป็นไปด้วยในเรื่องสตรีรสและเมรัยนั้น มันเป็นไปด้วย ก็แปลว่ามันไม่มีความถูกต้อง มันมีความเจริญที่ไม่ถูกต้อง มันมีการศึกษาที่ไม่มีอะไรจะช่วยควบคุมความฉลาด อาตมาเคยตะโกนไปพักหนึ่งว่านี่เป็นการศึกษาหมาหางด้วน เขากลัวกันทั้งกระทรวงแหละ บอกให้คุณรู้ว่าการศึกษาหมาหางด้วนมีแต่สอนให้ฉลาดๆๆ แล้วไม่มีอะไรควบคุมความฉลาด จึงขอให้มุ่งหมายถูกต้องเถิด ท่านผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการการศึกษา ให้การศึกษามันเป็น เป็นทั้งความฉลาด และเป็นทั้งความถูกต้อง คือบังคับความฉลาด ปัญญาที่ไม่มีธรรมะคุ้มครองควบคุมนั้น มันไปทางเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวมากขึ้น เห็นแก่ตัวมากขึ้น เดี๋ยวนี้เห็นความเห็นแก่ตัวเป็นเจ้าโลก ครอบครองโลก ควบคุมโลกทั้งโลก เป็นโลกของความเห็นแก่ตัวอย่างที่กล่าวแล้ว คนเห็นแก่ตัวคิดดูมันจะเป็นอย่างไร ไม่เห็นแก่ธรรมะ ไม่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ ไม่เห็นแก่ความถูกต้อง เพราะมันเห็นแก่ตัว สมมุติว่าถ้าเมื่อไรประชาชนทุกคนก็เห็นแก่ตัว มันก็เลือกได้ผู้แทนที่เห็นแก่ตัว ผู้แทนเห็นแก่ตัวไปตั้งรัฐบาล ก็ได้รัฐบาลที่เห็นแก่ตัว มันเป็นอย่างนี้ แล้วมันจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้คิดดูเถิดว่าความเห็นแก่ตัวนี่เป็นภัยอันร้ายกาจ แล้วก็นำไปสู่ความยุ่งยากลำบาก ปัญหานานาประการ เพราะว่าคนเห็นแก่ตัวนั้นขี้เกียจ ไม่ทำงาน แต่เรียกร้องสิทธิ มันไม่ทำหน้าที่ มันขี้เกียจ แต่มันเรียกร้องสิทธิเอาผลประโยชน์ คนเห็นแก่ตัวนี้มันเอาเปรียบ เอาเปรียบ เอาเปรียบอย่างที่หน้าชื่นตาบานเอาเปรียบ แล้วมันอิจฉาริษยา แล้วมันก็ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ทำลายประโยชน์ของผู้อื่น เราสร้างคุก สร้างตารางกันไม่หวาดไหวแล้ว เราสร้างตำรวจกันจนไม่พอ ยังไม่พอ เราสร้างศาลกันยัง ยังไม่พอ สร้างโรงพยาบาลบ้ามันก็ยังไม่พอ คิดดู รัฐบาลไม่มีงบประมาณแล้วที่จะสร้างคุกตาราง สร้างตำรวจ สร้างศาล สร้างโรงพยาบาลบ้า นี่เพราะความเห็นแก่ตัวมันเพิ่มขึ้นในโลก เพิ่มขึ้นในโลกสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด แล้วใครจะช่วยแก้ความเลวร้ายอันนี้นอกจากธรรมะ คือความถูกต้อง ความถูกต้อง ซึ่งมีรากฐานอยู่บนการศึกษา ถ้าการศึกษาไม่ถูกต้อง ประชาชนจะมีธรรมะไปไม่ได้หรอก ดังนั้นขอให้ดูเถิดว่าสิ่งที่เรียกว่าการศึกษานั้นมันมีความสำคัญมากน้อยเท่าไร มันเป็นรากฐานของความถูกต้อง ของความเจริญรุ่งเรืองเป็นสันติภาพ เมื่อมีหน้าที่จัดการอันนี้ก็ถือว่าเป็นผู้มีหน้าที่อันเลิศ อันประเสริฐ อันสูงสุดนะ ขอให้ทำให้สมตามหน้าที่ คือมันเป็นไปด้วยธรรมะ ให้มันประกอบไปด้วยธรรมะ เรียกว่าเป็น ธรรมมิกะ แปลว่าประกอบอยู่ด้วยธรรมะ ทีนี้อยากจะขอพูดเรื่องธรรมะกันสักหน่อย ครูในโรงเรียนนะตัวสอนผิดแหละ ธรรมะ ธรรมะคืออะไร ครูในโรงเรียนสอนว่า ธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่มันหลับตาพูด มันไม่เคยรู้เรื่อง ในอินเดียธรรมะของศาสนาไหน ลัทธิไหน ศาสนาไหน ธรรมะ คำสั่งสอนเขาเรียกธรรมะเหมือนกันหมดแหละ ทุกศาสนาแหละ ไม่ใช่เฉพาะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าหรอก ไอ้ตัวธรรมะแท้ๆ คำนี้มันแปลว่าหน้าที่ หน้าที่ ปทานุกรมเด็กๆ อินเดีย ธรรมะแปลว่า Duty Duty ธรรมะแปลว่า Duty คือหน้าที่ ศาสนาไหนก็สอนเรื่องหน้าที่ หน้าที่ แล้วก็ลุล่วงประโยชน์ไปตามแบบของตน ของตน มันไม่เหมือนกันนะ แต่ว่าเรียกว่าธรรมะเหมือนกัน ธรรมะของพระพุทธเจ้าเขาเรียกว่า ธรรมะของพระสมณโคดม ธรรมะของนิครนถนาฏบุตร เดียรถีวิกรม ธรรมะของมักขลิโคศาล สญชัยเวลัฏฐบุตร อชิตะเกสกัมพล (นาทีที่ 09:41) ศาสดาคู่แข่งขันกับพระพุทธเจ้าทั้งนั้นแหละ แล้วคำสั่งสอนของคนพวกนั้นมันก็เรียกธรรมะเหมือนกัน ประชาชนก็เดินสวนทางกัน พบกับท่าน ชอบใจธรรมะของใคร ถามว่าชอบใจธรรมะของใคร เพราะว่าธรรมะเป็นของศาสดาที่ต่างๆ กัน ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ตามตัวหนังสือในตัวภาษาอินเดียโบรมโบราณ แปลว่าหน้าที่ มันเกิดก่อนศาสนาซะอีก สิ่งที่เรียกว่าธรรม ธรรมะคำนี้ เป็นคำพูดที่เกิดก่อนศาสนาเสียอีก เมื่อมนุษย์คนหนึ่งมันได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ ในคำพูดคำนี้ยังไม่มีพูดนะ โอ้, ไอ้สิ่งนี้มันไม่ทำไม่ได้นี่ ไม่ทำคือตายนี่ มันก็เรียกสิ่งสำคัญนี้ว่าธรรมะ ธรรมะ คำว่าธรรมะในภาษาบาลีแปลว่ายกขึ้นไว้ ชูขึ้นไว้ ยกขึ้นไว้ ตรงกับคำว่าหน้าที่ หน้าที่ มันจะยกผู้มี ผู้ปฏิบัติหน้าที่ขึ้นไว้ไม่ให้พลัดตกลงไป คือช่วยให้รอด ช่วยให้รอด ธรรมะที่ทรงคนไว้ให้รอด ไม่ให้ตายลงไปนั่นนะเรียกว่าธรรมะโดยภาษาบาลี เรียกโดยภาษาไทยว่าหน้าที่ หน้าที่ แต่เราก็ไม่ค่อยจะใช้คำว่าหน้าที่เป็นเครื่องหมายของธรรมะ ในเมืองไทยใช้คำสั่งสอน ใช้แปล ใช้แปลว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพียงแต่รู้แคบๆ แล้วก็รู้อย่างว่าเอาเองไม่ตรงตามความจริง คำว่าธรรมะในโลก เกิดขึ้นก่อนศาสนา แล้วค่อยสูงขึ้น สูงขึ้น รู้มากขึ้น รู้สูงขึ้น จนได้รู้กระทั่งว่าทางจิต ทางวิญญาณ พวกฤๅษี พวกมุนีรู้ธรรมะมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่งเป็นพระพุทธเจ้า ตรัสรู้ รู้ธรรมะถึงที่สุด หลุดจากความทุกข์ทั้งปวงนั้นแหละคือธรรมะ ธรรมะไม่มีอะไรจะสูงสุดไปกว่านั้นแล้ว คือช่วยให้รอด คำว่ารอดนี้ขอให้รู้ไว้เถิดว่ามันมีอยู่สองรอด รอดทางกายคือไม่ตาย รอดทางจิตคือไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกข์ เพราะว่ารอดทางกายอยู่ทางกายอย่างเดียวก็ แต่เป็นทุกข์นี่ไปตายเสียดีกว่า อยู่เพื่อความทนทุกข์จะดีอะไร มันต้องรอดทั้งทางกายและก็รอดทั้งทางจิตใจ คือไม่มีความทุกข์ ธรรมะนี้เพื่อความรอด ธรรมะนี้ถูกต้องเพื่อความรอด คำว่าถูกต้องเพื่อ คำว่าถูกต้อง ถูกต้องนี้ มันมีความหมายว่า มันเป็นประโยชน์ที่ช่วยให้รอด ไม่วินาศ และไม่มีใครเดือดร้อนเสียหาย มีแต่ผู้ได้รับประโยชน์ นี้เรียกว่าถูกต้อง คำว่าถูกต้อง ถูกต้องตามภาษาธรรมะ อย่าไปเอาคำถูกต้องอย่างพวกฝรั่งเขาวินิจฉัยกันเลย ทาง logic ว่าอย่างนั้น ทาง Philosophy ว่าอย่างนี้ จนไม่รู้ว่าถูกต้องอย่างไรกัน ป่วยการ ถูกต้อง ถูกต้อง ตามหลักของธรรมะกันในศาสนา มันไม่เป็นโทษแก่ใคร มันเป็นประโยชน์แก่ทุกคน นั่นแหละคือถูกต้อง ขอให้ธรรมะได้ให้เกิดความถูกต้อง คือความรอดทั้งทางกายและทางจิต ตลอดวิวัฒนาการแห่งชีวิต ตั้งแต่เกิดจนเข้าโลง ยังเพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่นด้วย ค่อนข้างจะยาวสักหน่อยนะบทนิยามของมัน ธรรมะ คือระบบการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ ทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการทั้งตนเองและผู้อื่น ธรรมะ คือระบบการปฏิบัติ เพราะมันไม่ใช่มีข้อเดียว มันต้องปฏิบัติเป็นระบบหลายๆ ข้อพร้อมกัน เรียกว่าระบบหนึ่ง จึงใช้คำว่าระบบแห่งการปฏิบัติ การปฏิบัตินั้นต้องถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถูกต้องอย่างที่ว่ามาแล้วแก่ความเป็นมนุษย์ ถูกต้องแก่ความรอด ถูกต้องแก่ความรอดของมนุษย์ รอดทั้งทางกายและทางจิต ให้มันทั้งสองรอดมันจึงจะมีค่า คือมีประโยชน์ทุกขั้นตอนแห่งชีวิต ตั้งแต่ออกจากท้องแม่จนเข้าโลง แล้วมีความสุขกันทั้งตนเองและผู้อื่น นี้คือคำว่า ธรรมะ ธรรมะ หน้าที่เพื่อความรอด เลิกพูดสั้นๆ ห้วนๆ ว่าธรรมะ คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากันเสียที ช่วยบอกครูบาอาจารย์ทั้งหลายว่า นั่นพูดผิด ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ธรรมะมันคือหลักปฏิบัติเพื่อความรอด ถูกต้องแก่ธรรมชาติ ตามกฎของธรรมชาติ แล้วก็รอด ขอให้เรารู้จักธรรมะ ในภาษาไทยก็แปลว่าหน้าที่ ในภาษาบาลีก็เรียกว่า ธรรมะ ภาษาฝรั่งน่าหัว ตามที่ทราบมา พวกฝรั่งเคยพยายามจะแปลคำว่า ธรรมะ ธรรมะ เป็นภาษาฝรั่ง แปลขึ้นมาตั้งสามสิบกว่าคำมันก็ไม่หมด ไม่หมดความหมายของคำว่าธรรมะ ไม่ตรง ไม่หมด ก็เลยยอมแพ้ ยอมแพ้ ฝรั่งเลยยอมใช้คำว่าธรรมะ คือภาษาอินเดียโบราณว่าธรรมะ ธรรมะ เดี๋ยวนี้คำว่าธรรมะเข้าไปอยู่ในปทานุกรมของพวกฝรั่ง เพราะมันแปลไม่ได้ แปลให้หมดมันไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้เราจะแปลกันตามภาษาอินเดียแท้ๆ คำว่า ธรรมะ ธรรมะ นี่แปลได้ถึงสี่ สี่ สี่ระดับ สี่ขั้นตอนหรือระดับ มันแปลว่า ตัวธรรมชาติ ตัวธรรมชาติโดยตรงก็ได้เรียกว่า ธรรมะ ธรรมะ แปลว่าธรรมชาติ นี้ตัวกฎ กฎหรือสัจจะ กฎเกณฑ์หรือสัจจะของธรรมชาติ มันก็เรียกว่าธรรมะ กฎธรรมชาติมันเรียกว่าธรรมะ ทีนี้หน้าที่ตามกฎ หน้าที่ตามกฎเกณฑ์นั้นๆ ก็เรียกว่าธรรมะ แล้วก็ได้ผลออกมา ได้ผลออกมาก็เรียกว่าธรรมะ เลยเป็น ๔ ความหมาย ตัวธรรมชาติก็ดี กฎของธรรมชาติก็ดี หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติก็ดี ผลอันเกิดจากหน้าที่ก็ดี เรียกว่าธรรมะหมด คุณลองคิดดู ฝรั่งยอมแพ้ ไม่รู้จะใช้คำอังกฤษ คำฝรั่งว่าอะไร ต้องใช้คำว่าธรรมะ ธรรมะ แม้แต่คำว่า ธรรมิก ธรรมิก ที่แปลว่าประกอบอยู่ด้วยธรรมะ ก็เข้าไปอยู่ในปทานุกรมของพวกฝรั่ง นี่คำว่าศักดิ์สิทธิ์ของธรรมะ ทีนี้มันมีถึง ๔ ความหมาย ๔ความหมาย ตัวธรรมชาติ ตัวกฎธรรมชาติ หน้าที่ตามกฎธรรมชาติ ผลอันเกิดจากหน้าที่ ความหมายที่ ๓ นะสำคัญที่สุด หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือตัวธรรมชาติ เราก็ไม่ได้ มันไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง กฎของธรรมชาตินั้นนะ มันก็เกี่ยวกับเราโดยตรง เพราะเราต้องปฏิบัติตามกฎ มันจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ขึ้นมา หน้าที่แล้วก็ต้องได้รับผลของหน้าที่ ธรรมะคือทุกสิ่ง ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรมะ คำถามทั้งหมดมีในโลกเท่าไร ตอบได้ด้วยคำพูดคำเดียวว่าธรรมะ ธรรมะ ธรรมะที่มี หรือธรรมะที่ขาด หรือธรรมะที่ไม่มี ในตัวบุคคลคนหนึ่ง ตัวใครก็ตาม มันมีตัวธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ นี่เป็นธรรมชาติ แล้วก็มีกฎของธรรมชาติว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ หรืออะไรนี่ ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นไปอย่างนี้ ต้องเป็นไปอย่างนี้ มิฉะนั้นมันจะตาย นี่คือกฎของธรรมชาติ แล้วก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ แขน ขา มือ ตีน ตับ ไต ไส้ พุง ก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ ไอ้เซลล์ล้านๆ เซลล์ทุกเซลล์ ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ไม่ทำหน้าที่มันก็ตายลูกเดียว นี่ก็เป็นผลออกมาเป็นความสุขบ้าง เป็นความทุกข์บ้าง นี่ก็เป็นธรรมะ ลองคิดดูใน ๔ หน้าที่ ใน ๔ ความหมายนี่ ความหมายไหนมันสำคัญเล่า ก็ความหมายที่ ๓ คือหน้าที่ หน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ที่สำคัญที่สุด เกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรง มนุษย์ต้องมีหน้าที่ หน้าที่ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วใหม่ๆ ท่านทรงฉงนขึ้นมาว่าต่อไปนี้จะเคารพอะไร เดี๋ยวนี้เป็น ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ต่อไปนี้จะเคารพอะไร ทบไปทบมานี่ก็ โอ้, เคารพธรรมะ เคารพธรรมะ คือหน้าที่ของพระพุทธเจ้านั่นเอง แม้สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ หน้าที่นั้นจะได้ตรัสรู้เอง คิดขึ้นมาได้เอง มองเห็นเอง ให้ถูกต้องตามธรรมชาติก็ยังต้องเคารพ ท่านเลยประกาศไปว่า เคารพหน้าที่ เคารพธรรมะ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทุกพระองค์เคารพหน้าที่ ก็เลยเป็นอันว่า พระพุทธเจ้าสูงสุดก็เคารพหน้าที่ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือพระพุทธเจ้ายังมีสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ สิ่งนั้นคือหน้าที่ แล้วท่านก็ปฏิบัติหน้าที่จริง สูงสุด ตามคำตกลงในพระทัยของท่าน ท่านเป็นบรมครู ท่านทั้งหลายเป็นลูกครู เป็นศิษย์ครู เป็นสังกัดพระบรมครูกันบ้าง อย่าสังกัด อย่าสังกัดแต่กระทรวงศึกษาธิการกันนักเลย สังกัดพระบรมครูคือพระพุทธเจ้ากันบ้าง เอาอย่างท่าน คือเคารพหน้าที่ เคารพหน้าที่ หน้าที่ของพระพุทธเจ้า มันก็คือช่วยสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์ มันก็หน้าที่เดียวกับเรื่องของครู คำว่าครูก็ช่วยคนทั้งหลายให้พ้นจากปัญหา ให้พ้นจากความทุกข์ เป็นความหมายเดียวกัน เพราะฉะนั้นสนใจกันบ้าง พระพุทธเจ้าทำหน้าที่ด้วยความเสียสละ ท่านไม่มีเงินเดือน ไม่ได้รับเงินเดือน แล้วทำหน้าที่สูงสุด หน้าที่ทุกกระเบียดนิ้ว ลองพูดกันดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรว่า พระพุทธเจ้าท่านเคารพหน้าที่อย่างไร พูดสรุปความแล้วก็ท่านเคารพหน้าที่ครบวงจร วันคืน วันคืน วันคืน จนกระทั่งนาทีสุดท้าย ที่เรียกว่านิพพาน ก่อน ก่อนสว่างนะ ก่อนหัวรุ่ง ก่อนรุ่งเรียกว่า ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ นี่คือทรงใคร่ครวญว่า วันนี้สว่างแล้วจะไปที่ไหน จะไปทำอะไรที่ไหนนั้น ท่านก็ใคร่ครวญไปตามที่ท่านเห็นๆ อยู่ ที่นั่นมีนั่น ที่นี่มีนี่ ที่นั่นมีนั่น ในที่สุดตกลงพระทัยว่าวันนี้สว่างแล้วจะไปที่นั่น พอสว่างก็ไปที่นั่นจริงๆ ไปในฐานะไปบิณฑบาต ไปหาโอกาสให้ได้พบคนนั้น ได้พูดจากับคนนั้น ได้โปรดคนนั้นจนบรรลุธรรมะสำเร็จไปในรูปที่เรียกว่าไปบิณฑบาต แต่ที่แท้ก็คือไปโปรดสัตว์ จนเที่ยง จนสาย บางทีท่านฉันท์ที่นั่น จนเที่ยง จนสายคุยกัน คือทำทุกอย่างให้สำเร็จประโยชน์ตามที่ท่านคาดไว้ เที่ยงมันก็พักผ่อนบ้าง พอบ่ายก็มาที่วัด ก็สอน สอนผู้ที่ไปหาถึงวัด ประชาชนไปหาถึงวัดท่านก็สอนตอนบ่ายจนเย็น พอค่ำลงก็สอนภิกษุสามเณรประจำวัด ปโทเส ภิกฺขุโอวาทํ จนกระทั่งเที่ยงคืนก็สอนพวกเทวดา อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนํ เที่ยงคืนแก้ปัญหาเทวดา ข้อความมีอยู่อย่างนี้ เทวดาจากบนฟ้าบนสวรรค์ หรือเทวดาคือพระราชา มหากษัตริย์ เขาก็เรียกว่าเทวดา ล้วนแต่มาเฝ้าพระพุทธเจ้าเวลาเที่ยงคืน เทวดา ราชา มหากษัตริย์ มนุษย์เราก็ไปเฝ้าเวลาเที่ยงคืน ไปอ่านดู พระเจ้าอชาตศัตรูนี่ยกกองทัพถือคบเพลิงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเวลาเที่ยงคืน มันเป็นเวลาของพวกเทวดา ท่านก็สอนเขา หลังจากเที่ยงคืนไปแล้วต้องไปเฝ้าแล้วเที่ยงคืน ก็สอนกันเลยเที่ยงคืน เอ้า, พักผ่อนนิดหน่อยเดี๋ยวก็จะหัวรุ่งอีกแล้ว พอจะหัวรุ่งก็คิดอีกว่า วันนี้จะไปที่ไหน พรุ่งนี้จะไปที่ไหน ท่านทำงานครบวงจรวันคืน พวกเราทำงานอย่างนี้กันบ้างเถอะ แม้กระทั่งทำงานที่เรียกว่าเสียสละ ท่านเป็นศาสดาเท้าเปล่า อย่าเข้าใจว่าพระพุทธเจ้ามีร่ม มีรองเท้านะ พระพุทธเจ้าไม่มีร่ม ไม่มีรองเท้านะ นับประสาอะไรจะมีกล้องถ่ายรูปเหมือนพระเดี๋ยวนี้เล่า นี้ท่านก็ไม่เดิน ไม่ ต้องเดิน เพราะท่านไม่นั่งไอ้ยานพาหนะที่มันเทียมด้วยรถม้า เทียมด้วยม้า เทียมด้วยวัวนี้ไม่ ไม่ ไม่ ไม่นั่ง ยานพาหนะที่เทียมด้วยสัตว์มีชีวิตไม่นั่ง เอ้า, ไม่นั่ง ไม่มีรถยนต์ ก็เดินซิ ท่านก็ต้องเดินๆๆ เท้าเปล่า ไม่มีร่ม ทำหน้าที่ด้วยการเดิน ไปที่ไหนก็ได้ เสร็จที่แคว้นนี้ก็ไปที่แคว้นโน้น จนไปทั่วทุกแคว้นที่ต้องไป ทำอย่างนี้จนนาที จน จนวันสุดท้าย จนวันสุดท้าย วันสุดท้ายที่จะนิพพานอยู่แล้วนี่ก็ ตอนกลางวันยังเดินอยู่เป็นโยชน์ๆ ค่ำลงนี่นิพพาน คิดดูให้ดี ท่านทำงานเสียสละสุดเหวี่ยงจนวันสุดท้าย นี้อย่างวันสุดท้ายนี่ยัง ยังไม่เท่าไร จนนาทีสุดท้าย ค่ำลงแล้ว ค่ำลงแล้ว มีการตระเตรียมเพื่อนิพพานที่นี่ กลางดินนี่ ก็ยังมีนักบวชในศาสนาอื่นมาขอ ขอทูลถามปัญหา ท่านจะนิพพาน จะนิพพานอยู่หยกๆ นี่ ยังมีนักบวชในลัทธิอื่นมาทูลถาม ขอทูลถามปัญหา พระสงฆ์ทั้งหลายว่า นี่บ้าแล้ว นี่เกินไปแล้ว พระพุทธเจ้าจะนิพพานยังมาถามปัญหา ไปๆๆ ไล่ พระพุทธเจ้าท่านได้ยิน โอ้, อย่าไล่มัน อย่าไล่มัน บอกมันมา บอกมันมา เอาเข้ามา เข้ามาถาม ให้ถาม ถามก็ตอบ จนไอ้คนนี้รู้ธรรมะพอที่จะเป็นพระอรหันต์ ต่อมาไม่กี่นาที ท่านก็นิพพาน ท่านนิพพานอย่างปิดสวิตช์ รู้สึกอยู่อย่างนี้ เข้าฌานอย่างนี้ แล้วเข้าฌานอย่างนี้ เลื่อนไปตามลำดับ เข้าฌานมาอย่างนี้ลงมาตามลำดับ พอถึงจุดที่เหมาะท่านก็นิพพาน เหมือนกับปิดสวิตช์ไฟนะ พระพุทธเจ้าท่านทำงานอย่างนี้ เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้านี่ทำงานอย่างนี้บ้างหรือเปล่า ทำงานด้วยเสียสละ ทำงานเพื่องาน ทำงานเพื่องาน เพื่อหน้าที่ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ นี่พระพุทธเจ้าท่านทำ จริยธรรมสากลเพิ่งพูดกันหยกๆ นี่ คำว่าจริยธรรมสากล Ethics Ethics Ethics Philosophy of morality เพิ่งพูดกันไม่กี่วันนี้ ว่าทำหน้าที่เพื่อหน้าที่เหมือนกัน มีความสงบสุข แล้วก็มีความเต็มแห่งความเป็นมนุษย์ แล้วทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ แล้วก็มีความรักสากล พระพุทธเจ้าเคยพูดถึงคำว่าหน้าที่เพื่อหน้าที่ มาตั้งแต่สองสามพันปีมาแล้ว ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ เพราะหน้าที่นั้นเป็นธรรมะ เป็นสิ่งสูงสุดที่ท่านเคารพ ท่านเคารพหน้าที่ ท่านทำหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่หน้าที่ ที่คนสมัยนี้มันทำหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่เงินเดือน แก่เงิน มันถือประโยชน์เป็นศาสนา มันไม่ได้ถือหน้าที่เป็นศาสนา มันทำหน้าที่เพื่อเงิน หรือเพื่ออะไรก็ตามซึ่งไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่หน้าที่ ขอให้พวกเราสนใจกันให้ถึงที่สุดในข้อนี้ว่า ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ Duty for duty’s sake ถ้าใช้คำจริยธรรมสากลเป็น Summum Bonum หนึ่งในสี่ Summum Bonum ของจริยธรรมสากล ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อันที่หนึ่งว่า Happiness นี่ตรงกันแล้วมีความสุข สะอาด สว่าง สงบเย็น อันที่สองเป็นมนุษย์ที่เต็ม Man Perfected อันที่สาม Duty for duty’s sake ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่หน้าที่ อันที่สี่ Universal love รักสากลไม่ยกเว้นอะไร ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ไม่ใช่ทำหน้าที่เพื่อเงิน ที่คนเขลาๆ มันก็ว่า โอ้, มันทำหน้าที่เพื่อหน้าที่แล้วเราจะได้อะไร เงินเอามาแต่ไหน นั่นนะ มันเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวทำให้คิดเป็นอย่างนั้น คือเขาให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ แล้วเงินไม่ไปไหน เงินมันก็วิ่งมาอยู่ใต้ฝ่าเท้า ถ้าเราทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ เมื่อเราทำหน้าที่เพื่อเงิน เงินก็มาอยู่บนหัวแล้ว มันเป็นทาสเงิน เงินมาอยู่บนหัว ทำหน้าที่เพื่อเงิน เงินมาอยู่บนหัว ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่หน้าที่ เงินก็มาอยู่ใต้ฝ่าเท้า มันไม่ไปไหนเสีย แต่ได้บุญได้กุศลสูงสุด สูงสุดนั้นด้วย แล้วเงินก็ได้ด้วย ถ้าทำหน้าที่เพื่อเงินมันก็ได้แต่เงิน และมาอยู่บนหัวด้วย ไม่ได้บุญได้กุศลอะไรด้วยนะ ถ้าจิตใจมันทำหน้าที่เพื่อเงิน จิตใจต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ คือบริสุทธิ์ แล้วเงินมันไม่ไปไหนเสีย
ครั้งหนึ่งอาตมาไปแสดงธรรมที่ชุมนุมใหญ่ของครูแห่งหนึ่ง จังหวัดหนึ่ง อย่าบอกชื่อเลย เขามาเถียงกันเรื่องสหกรณ์ของครูที่ตกลงกันไม่ได้ เรื่องงบประมาณ เรื่องหน้าที่ ไม่มีใครฟังสักคนเดียว เอ็ดตะโรอึ้งไปหมดจนฟังเทศน์ไม่รู้เรื่อง จนผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาขอร้อง พอที พอที ขอให้ฟังที ฟังที นี่ทำหน้าที่เพื่อเงินมันเป็นอย่างนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก เป็นเรื่องจริง ประสบมาด้วยตนเอง มาเล่าให้ฟังว่า สหกรณ์ครูเขามาเถียงกันตรงที่มาพร้อมกันเพื่อจะฟัง วันนั้นเกือบพันคน ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่เถิดแล้วเงินจะมาอยู่ใต้ฝ่าเท้า ลูกจ้าง กรรมกร พนักงานของบริษัทที่กรุงเทพมากันเสมอ มากันเป็นประจำ อาตมาก็สอนเขาอย่างนี้ คุณอย่าคิดว่าคุณเป็นลูกจ้างเลย คุณคิดว่าคุณเป็นผู้ทำงานร่วมกัน เป็นสหกรณ์กับนายจ้าง เพื่อทำโลกนี้ให้งดงาม คุณทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ นายจ้างจะยิ่งรักคุณมากกว่าคุณทำหน้าที่เพื่อเงินเดือนเสียอีก ขอให้ทำงานเพื่อหน้าที่ จะทำงานดี หรือทำงานสนุก เป็นสุขตลอดเวลาที่ทำงาน นั่นแหละ อย่าเข้าใจผิดว่าถ้าทำงานเพื่อหน้าที่แล้วเงินไม่รู้ไปไหนหมด ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่เถิด เงินจะมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าเต็มที่ หรือจะมากกว่าเก่าเสียด้วย แล้วยังได้บุญ บุญกุศลอีกมหาศาล ขอให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจงได้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ประพฤติธรรมะเพื่อธรรมะ ถึงจะไม่มีความเห็นแก่ตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่งั้นจะมีความเห็นแก่ตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าทำหน้าที่เพื่อเงินเดี๋ยวก็คอรัปชั่น ไม่ต้องสงสัย ถ้าทำหน้าที่เพื่อหน้าที่มันไม่รู้จะคอรัปชั่น คอรัปชั่นกับใคร มันเป็นไปไม่ได้ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่เถิด จะไม่มีคอรัปชั่นเข้ามาเกี่ยวข้องโดยประการทั้งปวง แล้วก็จะเป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณได้โดยแท้จริง ลูกศิษย์ทุกคนเดินถูกทาง ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้อง นี่ครูจึงเป็นปูชนียบุคคล เพราะเปิดประตูทางวิญญาณ ครูจึงไม่ใช่ลูกจ้าง รับจ้างสอนหนังสือ หากินไปวันๆ เหมือนที่ ดูเหอะยังมีอยู่มาก ไม่ได้สนใจเรื่องอะไร เรียนก็เพื่อได้ทำหน้าที่หาเงินเดือนเท่านั้น ก็มีเท่านั้น อย่างนี้เงินเดือนมาอยู่บนหัวหมด ทีนี้ทำงานอะไรก็เถอะ ไม่เฉพาะครู จะเป็นทหาร เป็นผู้พิพากษา ตุลาการ เป็นพ่อค้า เป็นอะไรก็ตาม ขอให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ แล้วเงินจะมาอยู่ใต้ฝ่าเท้า แล้วเราจะได้บุญกุศลมหาศาล ความเห็นแก่ตัวไม่เข้ามาเยี่ยมกรายมนุษย์ มนุษย์ก็มีสันติภาพ มิฉะนั้นจะเปิดโอกาสให้กิเลสคือความเห็นแก่ตัว มันก็เข้ามาครอบงำมนุษย์ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวจนเป็นบ้า เข้าไปอยู่ อยู่โรงพยาบาลบ้า ข้อนี้ขอท้านะ ไปตรวจดูที่โรงพยาบาลบ้า คนบ้าทุกคนมีมูลเหตุมาจากอะไรจึงได้บ้า เพราะความเห็นแก่ตัวมันหลงทางทั้งนั้นแหละ มันเห็นแก่ตัวจนทำไม่ถูก หรือว่ามันฆ่าตัวเองตาย ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ตาย ฆ่าลูก ฆ่าเมีย แล้วฆ่าตัวเองตายตาม นี่มันก็เพราะความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ อาการเหล่านี้จะไม่มีในหมู่คนผู้ไม่เห็นแก่ตัว เราก็เป็นที่พึ่งกันได้จริง เกิดมานี้ก็ได้รับประโยชน์สูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ เป็นปูชนียบุคคล ไม่ได้เป็นลูกจ้าง หรืออย่างน้อยก็เป็นสหกรณ์ ช่วยกันสร้างโลกให้งดงาม สร้างโลกให้งดงาม เงินเดือนเป็นเพียงค่าใช้สอยไม่ใช่ค่าจ้าง เงินเดือนเป็นค่าใช้สอย ร่วมมือกันสร้างโลกนี้ให้งดงาม โลกมีสันติภาพนี้มันก็ได้บุญเหลือประมาณแล้ว ถ้ายิ่งอุทิศว่าทำงานนี้เพื่อหน้าที่ เพื่อเคารพบูชาพระพุทธเจ้า ถ้าเพื่อหน้าที่ เพื่อบูชาหน้าที่ มันก็วิเศษ ประเสริฐสูงสุดอย่างที่กล่าวแล้ว ก็ได้รับสิ่งสูงสุดจริง คือว่าชีวิตของเรามีสิ่งสูงสุดอยู่ที่สองคำพูด ชีวิตสูงสุดอยู่ที่สองคำพูด ข้อที่หนึ่ง มีความสงบเย็น ข้อที่สอง มีความเป็นประโยชน์ อาตมาพูดกับพวกฝรั่งเยอะแยะนี่ก็พูดอย่างนี้ เรามีสองสุด สูงสุดหน้าที่ เมื่อสูงสุดแล้ว มันก็มีผลอานิสงส์คือว่า มีชีวิตสงบเย็น มีชีวิตสงบเย็น ไม่เป็นทุกข์ เป็นพระอริยบุคคล พระอริยเจ้าชั้นไหนก็ตามใจเถอะ มันเป็นชีวิตสงบเย็น แล้วข้อที่สองมันเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่ใช่สงบเย็นอยู่คนเดียว แล้วก็มีความสงบเย็นและมีความเป็นประโยชน์ มันไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้แล้ว ในชีวิตนี้จะไม่มีการ อาการที่กัดเจ้าของ ถ้าไม่มีธรรมะนี้ชีวิตนี้มันจะกัดเจ้าของนั่นแหละ เดี๋ยวความรักกัด เดี๋ยวความโกรธ เดี๋ยวความเกลียดกัด เดี๋ยวความกลัวกัด เดี๋ยวความวิตกกังวลกัด เดี๋ยวอาการความอิจฉาริษยากัด เดี๋ยวความหวงกัด เดี๋ยวความหึงกัด ชีวิตนี่มันกัดเจ้าของในเมื่อไม่มีธรรมะ ขอให้มีธรรมะ ธรรมะอย่างนี้แล้ว ชีวิตนี้จะสงบเย็น สงบเย็น แล้วจะเป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ ไม่มีอาการที่เรียกว่ากัดเจ้าของ อานิสงส์อันประเสริฐสูงสุดของธรรมะคือให้ได้พบสิ่งสูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้ เป็นความสงบเย็น เป็นความเป็นประโยชน์แก่กันและกัน เรียกว่าช่วยกันสร้างโลกนี้ให้ดีถึงที่สุด ให้ประเสริฐที่สุด ให้เต็มไปด้วยสันติภาพ เดี๋ยวนี้มันไม่เป็นนี่ มันกำลังมีวิกฤตการณ์ความเลวร้ายไปเสียทุกมุมโลก ทุกหัวระแหง มีการเอาเปรียบ มีการเบียดเบียน มีการรบกันโดยตรงก็ยังมีอยู่หลายแห่ง แล้วยังคิดที่จะทำลายล้างกันอยู่ในจิตใจของส่วนลึกกันอยู่ทุกชาติ นี่เรียกว่าสงครามร้อน สงครามเย็น สงครามใต้ดิน สงครามในใจมันก็มีอยู่เรื่อยอย่างนี้เพราะไม่มีธรรมะ แล้วก็ไม่เห็นทางอื่นนอกจากมีธรรมะกลับมา มีการศึกษาถูกต้อง มีจิตใจเหมาะสมที่จะมีธรรมะ ถ้าไม่ได้ปรับปรุงจิตใจให้เหมาะสมที่จะมีธรรมะ มันมีไม่ได้ มันมีไม่ได้ นี้ใครล่ะจะช่วยปรับปรุงหัวใจของคนในโลกให้มันมีความเหมาะสม ก็พวกครูบาอาจารย์ทั้งนั้น เขาจึงได้ยกวรรณะพราหมณ์ขึ้นเป็นวรรณะสูงสุดในระดับเดียวกับวรรณะกษัตริย์ เพราะมันจะแก้ปัญหาทางจิตทางวิญญาณ ในเมื่อวรรณะกษัตริย์จะแก้ปัญหาทางวัตถุทางกาย แต่วรรณะพราหมณ์กับวรรณะครูบาอาจารย์นี่จะช่วยแก้ปัญหาทางจิต ทางวิญญาณ สูงสุดกันมาอย่างนี้ ไม่ใช่ลูกจ้างสอนหนังสือหากินไปวันๆ หนึ่ง นี้ขอวิงวอนให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายพยายามทุกวิถีทาง ที่ให้มันกลับไปสู่ความมุ่งหมายที่ถูกต้อง ให้ ให้กิจการของครูกลับไปสู่ความมุ่งหมายที่ถูกต้อง คือเปิดประตูทางวิญญาณ ยกสถานะทางวิญญาณ เป็นผู้นำในทางวิญญาณ ให้สัตว์ทั้งหลายเดินไปในทางที่ถูกต้อง แล้วโลกนี้ก็หมดปัญหา แล้วโลกนี้ก็มีหนี้บุญคุณอยู่แก่ครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ก็เป็นผู้หนักอยู่บนศีรษะคนทุกคนด้วยอำนาจคุณที่ได้กระทำไป ในความหมายไหนก็ได้ ครูเป็นผู้ที่มีบุญคุณหนักอยู่บนศีรษะคนทุกคนก็ได้ แต่นั่นมันต้องเป็นเพราะเปิดประตูทางวิญญาณ เรายังได้เห็นครูเป็นอันมากอุ้มไก่ อุ้มขวดเหล้า ยังมีอยู่เป็นอย่างนี้ มันก็จะเป็นผู้นำทางวิญญาณได้อย่างไร ช่วยจัดการให้ครูเป็นครู เป็นคุรุ เป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณ มีพระคุณหนักอยู่บนศีรษะคนทั้งหลายทุกคน นี้คือสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ธรรมะ มีความจำเป็นที่สุดที่จะต้องมีธรรมะเป็นหลักพื้นฐาน จำเป็นที่สุดที่ต้องมีธรรมะเป็นหลักพื้นฐาน คือเราเป็นมนุษย์กันให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะเป็นครู ก่อนที่จะเป็นทหาร ก่อนที่จะเป็นผู้พิพากษาตุลาการ ก่อนที่จะเป็นอาชีพไหน ระดับไหนก็ตาม จงมีความเป็นมนุษย์ที่เป็นแกนกลางให้ถูกต้องเสียก่อน ให้ในอัตภาพนั้นมีแกนกลางเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องเสียก่อน แล้วจึงเพิ่มความเป็นครู เพิ่มความเป็นผู้พิพากษาตุลาการ เพิ่มทุกๆ ชนิด หน้าที่การงานนั้นมันข้างนอก แกนในให้เป็นมนุษย์ให้ถูกต้องเสียก่อน นั่นสำเร็จเพราะมีธรรมะ มีธรรมะไปสร้างแกนกลางของความเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่ถูกต้องก่อนแล้วต่อไปนี้จะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา เป็นข้าราชการ เป็น แม้แต่จะเป็นกรรมกร ก็ขอให้มีแกนกลางเป็นความเป็นมนุษย์ให้ถูกต้อง มันสำเร็จได้เพราะธรรมะ ต้องมีธรรมะ จึงจะมีแกนกลางที่ถูกต้อง ใช้เป็นอะไรก็ได้ เหมือนเราจะต้องมีดินที่ดีจึงจะปั้นภาชนะได้ทุกอย่างตามที่เราต้องการ นี้เราจะมีอะไรที่มันเป็นแกนกลางที่ดีเสียก่อน ถูกต้องเสียก่อน มันก็จะมีอะไรถูกต้องตามไปหมด ขอให้มีธรรมะไปสร้างความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง ถูกต้อง เป็นแกนกลางอยู่ในอัตภาพนี้ก่อน แล้วจึงทำหน้าที่ครู หรือหน้าที่อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะมันเป็น เอ่อ มันมีแกนกลางเป็นความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง สิ่งนั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ก็ด้วยธรรมะ ด้วยธรรมะคือปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ยอมรับพระพุทธเจ้าเป็นบรมครู เป็นผู้นำ เป็นตัวอย่าง ที่จะทำหน้าที่ในการเกิดการทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ มีความสงบเย็น มีความสงบเย็น เมื่อโลกนี้ จักรวาลนี้มีความสงบเย็นปัญหามันก็หมด มันยังมีกิเลสเห็นแก่ตัว เบียดเบียนกันอยู่ ปัญหามันก็ไม่รู้สิ้นสุด และปัญหามันกำลังจะเพิ่ม มันมีลักษณะส่อเค้ามันจะเพิ่ม เพราะความเห็นแก่ตัวเพิ่ม เพิ่มมาจากการก้าวหน้าทาง ทางวัตถุ เจริญทางวัตถุ เจริญทางเหยื่อล่อให้หลงแก่ความสุข สนุกสนาน เอร็ดอร่อยด้วยอุตสาหกรรม ระวังอุตสาหกรรมนะ มันจะสร้างเหยื่อมาล้วง มามอมเมาคนทั้งโลก สร้างด้วยมือมันนิดเดียวมันทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้ามันสร้างด้วยระบบอุตสาหกรรมแล้วก็ อุ้ย, สู้มันไม่ไหวหรอก มีของใหม่มา มันก็ต้องทิ้งของเก่าซื้อของใหม่ มันก็หลอกยายแก่ขี้เหนียวขี้ตืดให้ซื้อตู้เย็นได้ นี่ระบบมันมีอย่างนี้ ระบบหลงใหลในวัตถุ ในความเจริญทางวัตถุนั่นแหละจะสร้างความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว แล้วมันก็ ก็ทำร้ายกันเอง ทำลายกันเองในหมู่มนุษย์ แล้วก็วินาศเป็นมิคสัญญีลงวันหนึ่งเป็นแน่นอน ทีนี้จะปะทะปะทังไว้ได้ ป้องกันไว้ได้ ก็ด้วยบุคคลประเภทหนึ่งที่เรียกว่าครูบาอาจารย์ สอนให้มีความรู้ที่ถูกต้องให้มาแต่ต้น ฉลาด ฉลาดไปในทางที่จะทำสิ่งที่เป็นสันติภาพ อย่าให้ฉลาด ฉลาดไปในทางที่จะคดโกงหรือคอรัปชั่นแต่ประการใด ขอแสดงความหวังว่าท่านครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่มีหน้าที่จัดการศึกษา ขอให้เป็นกัปตัน ถือหางเสือของการศึกษาให้ดำเนินไปถูกทิศ ถูกทาง ลดความเห็นแก่ตัว ลดความเห็นแก่ตัว แล้วมันก็ไม่เกิดกิเลสประเภทราคะ โทสะ โมหะใดๆ ถ้ามันลดความเห็นแก่ตัว กิเลสก็ไม่ครองโลก ธรรมะก็ครองโลก โลกนี้ก็สงบเย็น เราก็เป็นปูชนียบุคคลของโลกได้จริง นี่คือใจความสำคัญที่ว่าครูบาอาจารย์จะต้องทราบ จะต้องยึดถือไว้เป็นหลักพื้นฐาน พื้นฐานสำหรับรองรับหลักเกณฑ์อื่นๆ คือมีธรรมะที่ถูกต้องสำหรับความเป็นมนุษย์ แล้วก็บำเพ็ญหน้าที่พิเศษออกไปตามหน้าที่ของตน ของตน ให้เหมาะสมแก่การงานนั้นๆ โลกนี้ก็จะมีความสงบสุข เพราะอำนาจของครูบาอาจารย์ที่เป็นปูชนียบุคคลนั้นเอง ขอให้ถือว่าเป็นโชคดีที่สุดแล้ว ที่ได้เผอิญมามีหน้าที่การงานอย่างนี้ แม้จะเรียกว่าอาชีพก็ได้ แต่ถ้าเรียกอาชีพมันลดลงไปมาก โชคดีที่ได้มาประสบหน้าที่การงานอย่างนี้ ได้มีโอกาสทำหน้าที่การงานอย่างนี้ มีหน้าที่อย่างนี้ มีหน้าที่อย่างเดียวกับพระพุทธเจ้า จะไม่เรียกว่าอาชีพหรอก แต่จะเรียกว่าอาชีพก็ยังได้ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้เป็นธรรมะ เพื่อธรรมะ มีธรรมะ ปัญหาก็หมด ฉะนั้นขอให้รีบใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ไม่กี่ปีก็จะต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ขอให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ให้ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง อย่างถูกต้องสำเร็จประโยชน์มหาศาลก่อนแต่ที่จะจบชีวิต มันก็ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา เป็นครูของพระพุทธ เป็นครูที่ขึ้นอยู่กับ ขึ้นสังกัดอยู่กับพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรดีกว่านี้ ไม่มีอะไรดีกว่านี้ ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ที่ออฟฟิศ ที่โรงเรียนก็ให้ถูกต้อง ที่บ้านที่เรือนก็ให้ถูกต้อง คบหาสมาคมก็ให้ถูกต้อง นี่ในทางฝ่ายสังคมก็ถูกต้อง ตัวเองก็ถูกต้อง ให้มันบอกได้แต่ว่าถูกต้อง ถูกต้อง หน้าที่ถูกต้อง ไม่มีคอรัปชั่นใดๆ นึกถึงตัวเองทีไรก็ยกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้ายกมือไหว้ตัวเองได้ย่อมหมายความว่ามีความถูกต้อง ก็พอใจ เป็นสวรรค์ น่าชื่นใจอยู่ที่นั่น ถ้าเกลียดตัวเองเมื่อไหร่เป็นนรกที่นั่นแหละ เพราะว่าความเกลียดตัวเองนั่นคือความเลว ความเป็นนรก ขอให้ทำหน้าที่ถูกต้องตลอดทุกเวลาจนยกมือไหว้ตัวเองได้ ถูกต้อง ถูกต้องไปทุกกระเบียดนิ้ว ทุกวินาที ที่ออฟฟิศก็ดี ที่บ้านเรือนก็ดี ที่สมาคมกันก็ดี มีแต่ความถูกต้อง ถูกต้อง มิมีอะไรที่บอกว่าเป็นความผิด เป็นความผิด เป็นความทุจริต หรือเป็นความโง่เขลา ไม่มี ไม่มี นี่ก็เป็นครูบาอาจารย์อันประเสริฐบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นปูชนียบุคคลของสัตว์ทั้งปวง อาตมาขอแสดงความหวังว่า เราจะช่วยกันสร้างโลกนี้ให้งดงาม ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ในการช่วยกันสร้างโลกนี้ให้เป็นที่ปลอดภัย ปลอดภัย ไม่มีทนทุกข์ทรมาน มีแต่สภาพที่น่าพอใจ น่าเคารพบูชา จนกระทั่งเคารพตัวเองก็ได้ ยกมือไหว้ตัวเองได้ทุกเมื่อ เมื่อมองดูตัวเอง ขอให้สิ่งนี้เป็นจุดประสงค์มุ่งหมายของท่านทั้งหลาย แล้วก็จะได้มีการก้าวหน้า มีความสุข เจริญในหน้าที่การงานอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ