แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาตมาขอแสดงความยินดี ในการมาของท่านทั้งหลายถึงที่นี่ได้ทราบว่าเป็นครู ก็ยิ่งมีความยินดีเพิ่มขึ้นโดยที่อาตมาถือว่า ครูทุกคนมีสังกัดขึ้นอยู่กับพระพุทธเจ้า ที่เป็นพระบรมครู ควรจะได้พบปะกัน ปรึกษาหารือกัน เพื่อทำหน้าที่ของครู แต่ละคน ๆ ให้เต็มที่ เดี๋ยวนี้ มนุษย์เรา ยังไม่ได้รับประโยชน์จากพระศาสนาเท่าที่มีอยู่เท่าที่ควรจะได้ ดูเหมือนจะเป็นกันอย่างนี้ด้วยกันทุกศาสนา เรียกว่าทุกศาสนามีปัญหาร่วมกัน ในการที่ยังไม่ได้ทำให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ในโลก มันจึงมีแต่โลกที่เห็นแต่ประโยชน์ตน จนไม่เห็นแก่ผู้อื่น เราจึงได้เห็นการเบียดเบียนโดยตรง การเบียดเบียนโดยอ้อม ในระหว่างคน ในระหว่างหมู่คณะของคน ส่วนในแต่ละบุคคลเฉพาะคนก็ยังไม่ได้รับความสงบสุข เต็มตามที่ควรจะได้ พุทธบริษัทที่แท้จริง ควรจะได้รับอะไรมากกว่านี้มาก คือเป็นอยู่ด้วยความสุข มีลมหายใจอยู่ด้วยความสุข แล้วก็สามารถ บำเพ็ญประโยชน์อันใหญ่หลวง ทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น หรือจะต้องการกันเท่านี้ก็พอ โดยทุกคนไม่มีความทุกข์ และก็สามารถทำตนให้เป็นประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น คือส่วนรวมนั้นได้เต็มที่ด้วย เดี๋ยวนี้ในส่วนตน เราก็ยังเหมือนกับว่า ถูกเผาลนอยู่ด้วยกิเลส ด้วยความทุกข์ กระทั่งเป็นคนไม่สมประกอบ เป็นโรคประสาท เป็นโรคจิต ไปก็มี ฆ่าตัวเองตายก็มี ฆ่าพ่อแม่ลูกเมียก็มี นี่โดยส่วนตนมันก็ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทีนี้ในส่วนรวมระหว่างกัน ก็ยังมีการเบียดเบียนอยู่มากเกินไป ไม่สมกับความเป็นมนุษย์ และน่าละอายแก่สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งมันเบียดเบียนกันน้อยกว่ามนุษย์แห่งยุคปัจจุบัน นี่ถ้าที่ว่าพระธรรม หรือพระศาสนายังไม่คุ้มครองมนุษย์ ยังไม่สามารถจะควบคุมมนุษย์ เพราะมนุษย์ทิ้งศาสนา พากันทิ้งศาสนา เพราะว่าจะเป็นบาปกรรมของใครก็พูดยาก แต่ความนิยมของมนุษย์หันเหไป ในทางเป็นทาสของกิเลส ชอบความสุข สนุกสนาน เอร็ดอร่อย ทางวัตถุ ทางเนื้อทางหนัง จนไม่เห็นแก่พระศาสนา ไม่เห็นแก่พระเจ้า ไม่เห็นแก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เห็นแต่ประโยชน์สุขทางเนื้อทางหนังของตน เป็นยิ่งขึ้น มากขึ้น น่าสงสาร ลูกเด็ก ๆ ที่เขาเติบโตขึ้นมา ในท่ามกลางลัทธินี้ ของคนชั้นบิดามารดา ซึ่งกำลังหันเห ไปในทางนี้ เมื่อผู้ใหญ่ถือศาสนา ได้ศาสนาวัตถุ ศาสนาเนื้อหนัง แล้วก็ลุ่มหลงมัวเมาอยู่ เด็ก ๆ ก็เกิดขึ้นมา เขาก็ต้องทำตามแน่ โดยไม่ต้องรู้สึกตัวด้วย ดังนั้น น่าสงสารไอ้ลูกเด็ก ๆ ของเราสมัยนี้ เกิดมาไม่ได้เห็นบิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ชนิดที่เคร่งครัด ต่อพระศาสนา อย่างที่เคยมีมาแต่กาลก่อน เขาไม่ได้เห็นการเป็นอยู่อย่างสงบสุข เมื่อสักร้อยปีมานี้ ก็เรียกว่าอยู่กันอย่างสงบสุข กว่านี้ หาโจร หาขโมยยาก คนอาจจะนอนที่ไหนก็ได้ เจ้าของบ้านนอนใต้ถุนเรือนก็ได้ นอนกับวัวกับควายก็ได้ ไม่มีใครมาฆ่าตาย เหมือนเดี๋ยวนี้ แล้วก็ปล้นเอาควายเอาวัว เอาทรัพย์สมบัติไป การเป็นอยู่เหมือนกับว่าเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันนี่ มันหายไป หายไป กลายเป็นอยู่กันอย่างตัวใครตัวมัน ของมึงก็ของมึง ของกู ก็ของกู ก็เลยเห็นแต่ประโยชน์ของตนเอง ก็ปล้นเอาประโยชน์ของผู้อื่นมา โดยไม่ถือว่าเป็นสิ่งเลวร้าย คืออยู่กันอย่างไม่มีบาป ไม่มีความรู้สึกเรื่องบุญเรื่องบาป ก่อนนี้ มันมีความกลัวบาปอยู่ในบุคคล ที่เป็นบิดา มารดานั่นเอง เด็ก ๆ เกิดออกมา มันก็ได้เห็น การกระทำ หรือได้ยินคำพูดที่แวดล้อมให้กลัวบาป มันก็เลยกลัวบาปยิ่งกว่าสิ่งใด ไอ้เรื่องกลัวบาปนี่ ขอให้นึกถึงว่า แม้แต่เรื่องกลัวอย่างโง่เขลา กลัวผี กลัวไส้เดือน กลัวกิ้งกือ ทำไมกลัวกันอย่างสุดจิตสุดใจ เพราะมันได้รับการอบรม มาตั้งแต่เล็ก ๆ ฝังลงไปในนิสัยให้คนมันรู้จักกลัวผี ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหล กลัวกระทั่งจิ้งจก กิ้งกือ ไส้เดือน มันก็ยังกลัว ก่อนนี้เขาก็กลัวบาปกันขนาดนั้น หรือยิ่งกว่านั้น พอพูดว่าบาปแล้วก็ เด็ก ๆ มันสะดุ้ง เดี๋ยวนี้พอพูดว่าบาป เด็ก ๆ มันแลบลิ้นหลอก ลองคิดดูเถอะว่ามันต่างกันอย่างไร นี่ เดี๋ยวนี้ ไอ้ความกลัวบาปมันไม่มี ความกลัวพระเจ้ามันไม่มี ความเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันก็เกือบจะไม่มี มันจึงไม่กลัวบาป ทีนี้เมื่อไม่มีบาป ก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นที่กลัว มันก็เลยตามใจกิเลส ดังนั้น กิเลสก็ได้โอกาส เพราะว่าไม่มีการกลัวบาป กิเลสก็ลุกลาม นี้การแวดล้อมภายนอก ก็ช่วยส่งเสริม คือเมื่อคนเขาหลงไหลในเรื่องวัตถุ เอร็ดอร่อย ไอ้เรื่องอบายมุข เรื่องเฟ้อ เรื่องเกิน ก็มีคนที่ตั้งหน้าตั้งตาผลิตของอย่างนี้ขึ้นมา สำหรับขาย เราจะเห็นได้ว่าสินค้า ประเภทส่งเสริม กิเลส ส่งเสริมกามารมณ์นะ เขาผลิตได้อย่างงานอุตสาหกรรม มีโรงงานใหญ่โต ผลิตสิ่งเหล่านี้ออกมา ก็ให้ยั่วยวนมากขึ้นคนก็ต้องซื้อต้องหา แล้วก็นิยมเรื่องกามารมณ์มากขึ้น จิตใจมันก็ต่ำลง จะมีศิลปะอย่างเลวทราม ลามกอนาจาร การร้องเพลง การเต้นรำ ก็เลวลงกระทั่งลามกอนาจาร แล้วจิตใจของคนมันจะเป็นอย่างไร ก็เลย อ้า, เข้ากันไม่ได้ กับพระธรรม หรือพระศาสนา นี่เราจึงได้รับประโยชน์ จากพระศาสนาน้อยที่สุด จนเกือบจะไม่ได้รับประโยชน์ เพราะพูดว่าจะหาความสุข เขาก็เล็งถึงไอ้ ความบ้าหลังเรื่องอบายมุข เรื่องสนุกสนาน เรื่องเอร็ดอร่อย ทางกิเลสทั้งนั้น นั่นแหละเป็นความสุข พอชวนให้มาหาความสงบสุขที่แท้จริง เขาสั่นหัว เขาเบื่อล่วงหน้า ก็เลยไม่มีใครมาร่วมวงด้วย ในการที่จะหาความสุขอันแท้จริงตามแบบของศาสนา มันเป็นกันอย่างนี้ทุกศาสนา ก็คือทั้งโลก ดังนั้น เด็ก ๆ ทั้งโลก กำลังเป็นทาสของกิเลส กำลังตกเป็นเหยื่อของมาร ของซาตาน ของสิ่งเลวร้าย เราก็ควบคุมเขาไม่ได้ เขาก็จะเป็นบุคคลที่เป็นอันตราย มากขึ้นในอนาคต การศึกษาช่วยไม่ได้นี่ เขาบอกท่านที่เป็นครูบาอาจารย์ทั้งหลายว่าการศึกษาช่วยไม่ได้ เพราะการศึกษานะ มันเหมือนกับทำเล่น ๆ อย่างนกแก้ว นกขุนทอง คือพูดให้ฟังอธิบายให้ฟัง จำได้มาก เขียนไว้ก็มาก ท่องได้ก็มาก ตอบปัญหาก็ได้มาก สอบไล่ก็ได้ทุกที เรื่องศาสนา เรื่องศีลธรรม แต่ใจมันไม่กลัวบาป ไอ้ลูกเด็ก ๆ ของเราจิตใจมันไม่กลัวบาป ถ้าจิตใจยังไม่กลัวบาป ก็ยังไม่มีศาสนานะ แม้จะสอบวิชาศีลธรรม วิชาศาสนาอะไรได้มากมาย แต่เมื่อใจไม่กลัวบาป ก็เท่ากับยังไม่มีศาสนา มันไม่มีอะไรคุ้มครองเด็ก ๆ เหล่านั้นก็พร้อมที่จะทำบาป ทำชั่ว ยิ่งการศาสนาอย่างโลก ๆ ด้วยแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้กลัวบาป ดังนั้น ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาปริญญายาวเป็นหาง มันก็ทำคอรัปชั่นมากเท่ากับหางปริญญานั่นเอง นี่มันช่วยไม่ได้ไอ้การศึกษาชนิดที่ว่า ส่งเสริมกิเลสอย่างเดียวนั้น มันห้ามคนไม่ให้ทำบาป หรือไม่ให้ทำคอรัปชั่นไม่ได้ นี่เราจึงยังไม่ได้รับประโยชน์ที่ควรจะได้รับ จากพระศาสนาของเรา นี่คือหัวข้อที่อาตมาขอพูดกับท่านทั้งหลาย ขอช่วยจำเอาไปด้วย แล้วไปใคร่ครวญกันอยู่เสมอ วิจารณ์กันอยู่เสมอว่าเรากำลังไม่ได้รับประโยชน์จาก พระศาสนา เรายังไม่ได้รับประโยชน์อันแท้จริงจากพระศาสนาของเรา เมื่อเราก็ยิ่งเหินห่าง เลยเกลียดศาสนาของเรามากขึ้น เราจะเต็มไปด้วยปัญหาเช่นคอรัปชั่น จะมากขึ้น คอรัปชั่นอย่างเลวร้าย อย่างเอาเป็นเอาตายกัน นี่มันจะมากขึ้น ก็หาความสงบสุขไม่ได้ ไม่มีอะไรจะคุ้มครองได้ เพราะว่าบูชาการได้ กันเสียหมด ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่จะรักษาความถูกต้อง เขาซื้อเจ้าหน้าที่ไปได้ด้วยเงิน ซื้อผู้ที่จะรักษาความถูกต้อง ได้ด้วยเงิน มันก็เลยไม่มีใครที่จะพิทักษ์รักษาความถูกต้อง แล้วว่าที่จริงนี่คนเราก็ เก็บพิทักษ์ความถูกต้องกันไม่ค่อยได้หรอก ถ้าจะได้มันต้องพิทักษ์ของตนเอง คือในตัวเองในตนเอง มันมีความละอายบาป เกลียดบาป กลัวบาป มันก็ป้องกันบาปได้ ป้องกันความชั่วได้ไม่ให้กระทำ ที่จะให้คนอื่นหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ มาช่วยคอยป้องกัน มันก็ทำไม่ได้ ครูบาอาจารย์ก็ยากที่จะทำได้ ถ้าว่าในตัวลูกศิษย์นั่นนะมันเลวซะแล้ว มันบูชากิเลส บูชาความชั่ว บูชาไอ้เรื่องกิเลส เสียแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้ ฉะนั้น เราจะทำกันอย่างไรดี ที่เป็นครูบาอาจารย์ ก็นับว่ามีหน้าที่รับผิดชอบมาก ที่จะต้องทำให้ลูกเด็ก ๆ ดี เมื่อเขาโตขึ้นจะเป็นพลเมืองที่ดี บ้านเมืองจะมีความสุข แล้วที่โต ๆ กันแล้ว นี่ก็มีมาก ที่ยังไม่ยึดหลักความดี ยึดเอาแต่ได้ แล้วก็เป็นดี อย่างนี้ก็เป็นอันตรายเหมือนกัน จะทำอย่างไรกันดี ผู้ที่มีหน้าที่ปกครอง เป็นผู้ปกครองจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้านอะไรก็ตาม มีภาระที่จะปกครอง นี่เราปกครองคนที่ไม่บังคับตัวเอง ไม่ปกครองตัวเอง ไม่มีศีลธรรม ไม่กลัวบาปนี่ มันก็ปกครองยาก ดังนั้น ปัญหาจะมากขึ้นทุกที มันจะเป็นไปทางไหน มันจะเป็นไปในทางแรงขึ้น ๆ หรือจะค่อยยังชั่ว ค่อยยังชั่วลง มันก็อยู่ที่เราอีกเหมือนกัน อย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัสนั่นแหละ ก็มันแล้วแต่สิ่งแวดล้อมที่เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ถ้ามีเหตุปัจจัยดีมาแวดล้อมมันก็เปลี่ยนไปในทางดี ถ้ามีเหตุปัจจัยเลวร้ายมาแวดล้อม มันก็เปลี่ยนไปในทางชั่ว หรือไม่มีเหตุปัจจัยอะไรเสียเลย มันก็คงอยู่เหมือน ๆ เดิม เดี๋ยวนี้เราต้องการจะให้มันดีขึ้น จะหาสิ่งแวดล้อมที่ดีมาจากไหน ก็ขอให้ช่วยกันคิดดู ถ้าไม่รับผิดชอบ มันก็แล้วไป แต่เป็นมนุษย์ที่ไม่รับผิดชอบนี้ลองคิดดูเถอะมันจะเป็นอะไร เป็นมนุษย์แล้วไม่รู้จักรับผิดชอบอะไร นี่มันจะเป็นอะไร มันจะเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานมากกว่า ดังนั้น เราต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องรับผิดชอบ เช่นว่าเราทุกคนจะต้องช่วยกันทำบ้านเมืองของเรา หรือที่มันเกี่ยวข้องกับเราให้มันดีขึ้น ให้มันสงบอยู่ ให้มันมีความสบาย ก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องไปช่วยกันคิด ว่าจะทำอย่างไร ให้เรามันเป็นอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก อาตมาก็พูดได้คำเดียวแต่ว่า พระธรรมกลับมา ศาสนากลับมา ศีลธรรมกลับมา อยู่ในตัวคน เดี๋ยวนี้ศีลธรรมมันหายไปจากตัวคน ถ้าศีลธรรมกลับมาสู่ตัวคน คนมันก็เปลี่ยนเป็นคนมีศีลธรรม มันก็ ถูกกับเรื่อง ที่จะอยู่กันอย่างเป็นผาสุก ขอได้โปรดทราบไว้เลยก็ได้ โดยไม่ต้องคิดต้องนึก ว่าไอ้ศีลธรรม แต่ละอย่าง ๆ เกิดขึ้นมาในโลกโดยการ แต่งตั้ง บัญญัติ ของใครก็ตาม มันมาจากปัญหา ที่มันเบียดเบียนกัน อยู่กันไม่เป็นผาสุก ดังนั้น จึงมีกฎศีลธรรม ข้อนั้น ข้อนี้ ข้อโน้นขึ้นมา ทุกข้อมันเป็นไปเพื่อให้อยู่กันเป็นผาสุก นับตั้งแต่ไม่ลัก ไม่ขโมย ไม่ฆ่า ไม่ล่วงละเมิดของรัก ของใคร่ ไม่หลอกลวงไม่มึนเมาอย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น ศีลธรรม คือสิ่งที่ทำความสงบสุข เมื่อมันหายไปมันก็เกิดความวุ่นวาย ระส่ำ ระสาย ถ้าศีลธรรมกลับมา มันก็มีความสงบสุข นี้ก็เป็นหน้าที่ของทุกคน จะช่วยให้ศีลธรรมกลับมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดามารดา ครูบาอาจารย์ นี่สำคัญมาก ถ้าบิดามารดาเอาจริง ครูบาอาจารย์ เอาจริง ไอ้ลูกเด็ก ๆ ก็จะกลับมาชนิดที่มีศีลธรรม มันก็จะมีผลดีในอนาคต ถ้าว่าเราตายเสียก่อน ไม่ได้รับประโยชน์อันนี้ ก็ชั่งมันเถอะ ขอให้คนข้างหลังเขาได้รับประโยชน์อันนี้ คือเป็นอยู่กันอย่างผาสุก สมกับที่ว่าเป็นมนุษย์ จะผาสุกกันได้อย่างไรนี่ ให้มันผาสุกกันได้อย่างนั้น คือมีธรรมะเข้าไปอยู่ในจิตใจ บังคับบุคคลนั้นให้อยู่ในร่องรอยของศีลธรรม ไอ้อย่างนี้นะกฎหมายมันช่วยไม่ได้ กฎหมายมันเข้าไปบังคับกันอย่างนั้นไม่ได้ มันได้แต่บังคับกันข้างนอก แล้วคนเขาก็ซื้อกฎหมาย ซื้อความยุติ เอ้อ, ความอยุติธรรม อะไรต่าง ๆ นั้นได้ด้วยเงิน ดังนั้น คนทำผิดก็ไม่ต้องถูกลงโทษ ก็เห็น ๆ กันอยู่ แต่ถ้าเขามีธรรมะอยู่ในใจแล้ว มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้ นี่มนุษย์จะรอดได้ก็เพราะมีธรรมะ ไม่ใช่มีกฎหมาย ไม่ใช่มีกฎอะไร เต็มไปทั้งโลก แล้วก็ยิ่งยุ่ง เดี๋ยวนี้กฎบัตร กฎอะไรต่าง ๆ ระหว่างชาติ ก็ยิ่งมีมากขึ้น ผลก็คือโลกมันยิ่งยุ่งมากขึ้น เพราะคนแต่ละคนเหล่านั้น มันล้วนแต่เห็นแก่ตัว มันก็ใช้กฎบัตร กฎหมายอะไรเพื่อประโยชน์แก่ตัว หรือแก่พวกของตัว มันก็ยุ่งมากกว่าเดิม ขอให้สังเกตดูเถอะว่า ไอ้กฎบังคับ หรือว่ากฎอะไรก็ตามที่มนุษย์ตั้งขึ้นนั่นมัน มันช่วยไม่ได้ เพราะว่าไอ้มนุษย์มันมีกิเลส มันตั้งกฎขึ้นมา แล้วมันก็ใช้กิเลสนั่นแหละที่จะลบล้างกฎหรือว่ากลบเกลื่อนกฎ แล้วก็ใช้กฎไปตามอำนาจของกิเลส เราอย่าไปหวังว่าจะได้รับสันติภาพ หรือความคุ้มครองจากองค์การระหว่างชาติ องค์การโลกอะไรทำนองนั้น มันพิสูจน์ยิ่งขึ้นทุกทีว่ามันไม่มีหวัง มีหวังอย่างเดียวแต่ว่าพระเจ้ากลับมา ศาสนากลับมา ศีลธรรมกลับมา ทีนี้ฝรั่งมันก็เริ่มจะรู้สึกอย่างนี้กันขึ้นบ้างแล้ว แต่มันยังน้อยเกินไป ถ้าโชคดีมีมาก พวกฝรั่งมันมองเห็นอย่างนี้กันมาก มันช่วยกันจัดการศึกษาเสียใหม่ จัดองค์การ อ้า, กิจกรรมระหว่างชาติเสียใหม่ ให้มันมีศีลธรรม มีศาสนา เมื่อนั้นแหละโลกมันก็จะกลับไปมีศีลธรรม และดีขึ้น ทำไมต้องอ้างฝรั่งเพราะมันเป็นชาติที่มีกำลัง ประเทศเล็ก ๆ อย่างรานี่ มันเป็นสัตว์ตามก้น พูดให้ถึงที่สุดก็เป็นสุนัขรับใช้ ชาติใดชาติหนึ่งเสียมากกว่า นี่ประเทศเล็ก ๆ มันจะเป็นอย่างนี้ เราจึงหวังว่าไอ้ชาติใหญ่ ๆ ที่มันมีอำนาจของโลกนะ ถ้ามันหมุนไปทางไหนแล้วก็ ไอ้โลกมันก็จะเป็นไปทางนั้น เดี๋ยวนี้ชาติใหญ่ ๆ เหล่านั้นมันจัดการศึกษาอย่างหมาหางด้วน เรียนรู้แต่หนังสือกับอาชีพ ไม่มีศีลธรรม โลกมันจึงเป็นอย่างนี้ ประเทศเล็ก ๆ ก็เดินตาม พลอยตัดหาง ตามหมาตัว ตัวแรก คือไม่สอน ไม่อบรม ไม่ปลูกฝัง ธรรมะ ศาสนา วัฒนธรรมลงไปในจิตใจ ประเทศใหญ่ ๆ บางประเทศเดี๋ยวนี้เขามีกฎหมายห้ามสอนศาสนาในโรงเรียน ถือว่าผิด ผิดกฎหมายด้วย เอาศาสนาเข้าไปสอนในโรงเรียน คือผิดระเบียบ ผิดหลักสูตร ผิดกฎหมาย เขากันเอาศาสนาออกไปเป็นของส่วนตัวบุคคล ใครอยากได้อยากมี ก็ไปเรียนไปหาเอา ในโรงเรียนไม่ต้องสอน เขาสอนหนังสือ สอนวิชาชีพ บูชาเทคโนโลยี ว่าโลกนี้มันจะรอดได้ด้วยเทคโนโลยี แล้วก็คอยดู ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ก็เห็น ๆ กันอยู่ เดี๋ยวนี้ฝรั่งเองมันก็ชักจะสงสัยเสียแล้วว่า หลักการอันนี้มันจะทำลายโลกมากกว่า แต่แล้วมันก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะมันหลายประเทศด้วยกัน มันกลัวเสียเปรียบ ถ้าประเทศใหญ่ประเทศนี้หมุนมาทางธรรม ทางศาสนา ก็กลัวว่าไอ้ประเทศใหญ่ประเทศอื่นนะมันจะเล่นงานเอา มันจะเอาเปรียบ มันจะฉวยโอกาส เอาเปรียบ คือทำลาย มันก็เลยไม่กล้าหันมาหาศาสนา ก็คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ มันเป็นเรื่องโชคร้าย ของโลกมนุษย์ ที่กำลังเป็นอย่างนี้ ถ้าโชคดีก็หมายความว่า ทุกคนมันหวังไปในทางศาสนากลับมา แล้วก็จัดให้กลับมา มันก็รักกันอย่างเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย และศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย์ ก็มา แล้วก็ปรากฏขึ้น ศรีอาริยเมตไตรย์ นั้น แปลว่าความรักผู้อื่น สูงสุด ดีที่สุด และสูงสุด เมตไตรย คือความเป็นมิตร ความรักผู้อื่น ทั้ง ศรี ทั้งอาริย ศรีอาริย เมตไตรย นี่ รักผู้อื่นอย่างดีเลิศ อย่างสูงสุด นั่นศาสนาพระศรีอารย์ ถ้าเราในโลกนี้ เวลานี้ไม่ต้องเวลาอื่น เกิดรักซึ่งกันและกัน อย่างสูงสุด มันก็กลายเป็นโลกพระศรีอารย์ ขึ้นมาทันที ไม่ ไม่ลึกลับอะไร พอมองดู ก็เห็นได้ เข้าใจได้ พอรักผู้อื่นมันก็ฆ่ากันไม่ได้ โลกนี้ก็ไม่มีการฆ่าเพราะมันรักผู้อื่น มันก็ไม่มีขโมยได้ เพราะมันรักผู้อื่นโลกนี้ไม่มีขโมย โลกนี้ไม่มีล่วงละเมิดของรักของผู้อื่น คือผิดกาเมเพราะมันรักผู้อื่น โลกนี้ก็ไม่มีใครพูดโกหก เพราะว่ามันรักผู้อื่นแล้วมันจะโกหกทำไม เพื่อประโยชน์อะไร แล้วก็ไม่มีใครกินเหล้าให้ผู้อื่นรำคาญ นี่เรียกว่ามันรักผู้อื่น เท่านี้มันก็พอแล้ว มีผลของศีลห้าประการครบถ้วนเต็มที่ มันก็เป็นโลกที่อยู่กันอย่างผาสุก สงบสุข เพราะความรักผู้อื่นนั่นแหละ มันทำให้ช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกันในทางที่จะต้องทำ ไม่ต้องตีฆ้องร้องป่าวให้ฆ้องแตก แล้วก็ไม่มีใครมาช่วยเหมือนที่กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้ นี่เราต้องการความสามัคคี จะเรียกมาก็ไม่มา ก็ทุกคนเห็นแก่ตัวไม่มีใครเห็นแก่ผู้อื่น แต่ถ้ามันมีความรักผู้อื่นแล้วมันก็เรียกร้องมาโดยง่าย ความสามัคคีเกิดขึ้นได้โดยง่าย ช่วยกันขจัดปัญหาของมนุษย์ให้หมดไป ขอให้เราภาวนาที่จะให้ พระศาสนากลับมา พระธรรมกลับมา ให้รักซึ่งกันและกัน ตามความมุ่งหมายของศาสนาทุกศาสนา ท่านไปศึกษาให้ดีจะพบว่าทุกศาสนา มีจุดมุ่งหมายตรงกันอยู่ข้อหนึ่งคือให้รักผู้อื่น อย่างพุทธศาสนาเรานี่ก็ให้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่นก็ยังได้ เรียกว่าอุดมคติของโพธิสัตว์ ศาสนา คริสต์เตียนก็เหมือนกัน ย้ำแต่เรื่องรักผู้อื่น ศาสนาพราหมณ์ ถ้าตามหลักแท้ ๆ ก็เรียกว่า อหิงสา ก็รักผู้อื่น ศาสนาอิสลามก็มีเรื่องเห็นแก่สังคม ไม่ใช่ว่าถือดาบ เป็นศาสนาถือดาบ นั่นมันบางกรณี และถ้าเขาถือดาบ ก็ถือให้คนมันรักกัน เมื่อคนมันไม่ช่วยเหลือกัน ไม่รักกัน มันถือดาบมาเพื่อให้มันรักกัน อย่างนี้ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าทุกศาสนา หัวใจอยู่ที่ให้รักผู้อื่น เราถือศาสนาอะไรก็ได้ มันจะอยู่ที่การรักผู้อื่น เราไม่เป็นอันตรายแต่ ต่อใคร ต่อผู้ใด นี่เรารู้ ข้อเท็จจริงอันนี้ แล้วเราก็ต้องประพฤติ กระทำ ต้องอดกลั้น อดทน เอ้อ, ในการกระทำ เดี๋ยวนี้เราขาดความรู้ เราไม่รู้จักแม้แต่ตัวเอง ว่าเรานี้คืออะไร เกิดมาทำไม เราก็ไม่รู้ เราต้องรู้จักตัวเอง ว่าเรามีหน้าที่อย่างไร ต้องรับผิดชอบอย่างไร เรียกว่ารู้จักตัวเองกันเสียทีก่อน ทีนี้เราก็เชื่อตัวเอง เชื่อว่าเราทำได้ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ เราต้องทำได้อย่างมนุษย์ เราเชื่อแน่ แน่ใจอย่างนี้ เรียกว่าเชื่อตัวเอง พอเราเชื่อตัวเองว่าอย่างนี้ หน้าที่อย่างนี้ต้องทำ เราก็ เคารพตัวเอง อย่าให้เสียทีที่ว่าเราเป็นมนุษย์ เราก็ทำหน้าที่ด้วยการบังคับตัวเอง ให้ทำ บังคับตัวเองให้ทำแต่ที่ถูก ที่ดี ที่ควร ไม่ทำตามอำนาจของกิเลส พอเราทำได้เรายิ่งรักตัวเอง ยิ่งนับถือตัวเองมากขึ้น นี่คำสอนแต่โบราณมันก็มีอยู่อย่างนี้ รู้จักตัวเอง เชื่อตัวเอง เคารพนับถือตัวเอง บังคับตัวเอง เป็นตัวเองที่ดีมีประโยชน์ แล้วก็รักนับถือตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองได้ นั่นคือความดีที่สุดของมนุษย์ เป็นสวรรค์สูงสุด อยู่ตรงที่ยกมือไหว้ ตัวเองได้ ทีนี้ทุกคนไปสอบไล่ตัวเองดูว่าเรามีอะไรบ้างที่เราอยากจะยกมือไหว้ตัวเราเอง ถ้ามันพบแต่ความน่าเกลียด ขยะแขยงมันก็ไหว้ไม่ลง ขอให้ทุกคนไปหาที่สงบเงียบเป็นอิสระดี แล้วก็ตรวจสอบดูว่ามีอะไรนะที่เราจะไหว้ตัวเองได้สัก ข้อหนึ่ง หรือสองข้อหรือสามข้อ ถ้าไอ้ความเคารพตัวเองไม่กลับมา มนุษย์ก็ยังไม่มีความเป็นมนุษย์ คือมันไม่ถูกต้องตามหน้าที่ของมนุษย์ นี่อาตมาขอเสนอแก่ท่านทั้งหลายว่าเป็นหน้าที่ ที่จะต้องทำ เพื่อให้เราได้รับประโยชน์จากพระศาสนาเต็มตามที่ควรจะได้รับ เดี๋ยวนี้เรามัน มันหลง ไปในทางความเอร็ดอร่อย ทางอายตนะ อายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หกอย่างนี้เรียกว่า อายตนะ เราหลงความอร่อยทางตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์ เราหลงความเอร็ดอร่อยทาง อายตนะ เรามอบตัวเองให้เป็นทาสของอายตนะ เราเอาพระเจ้าไปทิ้ง เอาศาสนาไปทิ้ง เอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไปทิ้ง เพื่อมาเป็นทาสทางอายตนะ เอร็ดอร่อย สนุกสนาน กันอย่าให้มีที่สุดในทางอายตนะ เราจึงรักขวดเหล้ามากกว่ารักพระพุทธเจ้า จริงไม่จริง ไปคิดดูเอา คนจำนวนมากรักขวดเหล้ายิ่งกว่ารักพระพุทธเจ้า เพราะว่ามันเป็นทาสทางอายตนะมากเกินไป แล้วก็ แก้ไขอันนั้นเถอะ เรารักสถานเริงรมย์ กามารมณ์นั่นนะยิ่งกว่าสิ่งใด ยิ่งกว่าพระเจ้า ยิ่งกว่าพระศาสนา ยิ่งกว่าวัดวาอาราม ยิ่งกว่าตัวเอง ยิ่งกว่าพ่อแม่ ของตัวเอง คนวัยรุ่น คนหนุ่มคนสาว กำลังจับพ่อแม่ใส่ในนรก น้ำตานองหน้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อไปบูชา ไอ้กามารมณ์ เด็ก ๆ ขโมยทอง ขโมยเพชร ของแม่ไปขาย เพื่อเอาเงินไปซื้อเฮโรอีน ไปเล่นการพนัน ไปกินเหล้า นี่มีมากขึ้นทุกที อาตมาอยู่ที่นี่ก็ยังรู้ เพราะมันมีคนมาบอก มาอธิบาย หลายรายต่อหลายรายแล้ว เพราะเด็ก ๆ มันเลวถึงขนาดว่า เรียนก็ไม่สำเร็จ เกเหลือประมาณ และคอยจ้องแต่จะ ขโมยทองบ้าง เพชรบ้างของแม่นะ เพื่อที่จะเอาไปขายเอาเงินไปทำอย่างนั้น นี่ก่อนนี้มันหายาก หาทำยาหยอดตาก็ยังไม่ได้ เดี๋ยวนี้มันจะเต็มไปหมด เพราะการศึกษาไม่พอ การปกครองคุ้มครองไม่พอ เด็กมันเลวลง มันเป็นทาสทางอายตนะ นี่ถ้าพ่อมันเป็นด้วย แม่มันเป็นด้วยแล้วมันจะไปถึงไหนกัน ถ้าพ่อมันบูชากินเหล้า แม่มันบูชาเล่นไพ่ อร่อยทางอายตนะกันอยู่อย่างนี้ แล้วลูกมันจะเป็นอย่างไร ขอให้บิดามารดานี่ควบคุมลูกเล็ก ๆ ให้ดี อย่าให้พลัดตกไปฝ่ายนั้น เป็นความโง่ของพ่อแม่ ส่งลูกออกไปจากอก ไปอยู่ไกล เพื่อให้มันได้เรียนดี เรียนเร็ว อยู่ในท้องนามัน มันไม่ดี มันเรียนช้า มันก็ส่งเข้าไปในเมือง ให้ไปอยู่กับคนในเมืองเพื่อว่าจะได้เรียนดี เรียนเร็ว แล้วมันไปตกหลุมนี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่ารีบส่งลูกเด็ก ๆ ไปเรียนดี เรียนเร็วในบ้าน บ้านไกล บ้านอื่น เมืองอื่นนัก จงเอาไว้กับตัว ดูแลทั้งวันทั้งคืนให้ดี จนกว่ามันจะไม่มีที่เรียนจริง ๆ นะ มันจึงจะส่งไปเรียนจังหวัด หรือไปเรียนกรุงเทพฯ แล้วก็ต้องติดตามให้ดี อย่าให้มันเป็นคนเลวหลอกลวงพ่อแม่ จับพ่อแม่ใส่นรก นี่เด็ก ๆ ของเรามันไปตกหลุม เป็นทาสอายตนะ คือความเอร็ดอร่อยทางอายตนะ กันตั้งแต่เล็ก ๆ มันก็เลยวินาศ เพราะเหตุนี้ อบรมให้ลูกเด็ก ๆ อ้า, เขาบังคับความรู้สึกไม่หลงในความเอร็ดอร่อย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น เป็นต้น เช่นว่ามีหนัง มีอะไร มีละครอะไร ไอ้ที่ ตลาดนี่ เราก็ต้องชี้ให้เขาเห็นว่า เราไม่ต้องไป หรือเราไม่ต้องไปทุกครั้ง มันเลวอย่างนั้น มันเสียหายอย่างนี้ บางอย่าง บางคราวไม่ต้องไป ส่วนมาก ไม่ต้องไป อย่างนี้ดีกว่า ให้เขาได้มีโอกาส บังคับความรู้สึกอย่างนี้มากขึ้น ๆ จนเขาบังคับความรู้สึกได้ ไม่ตกเป็นทาสของความเอร็ดอร่อยทางเนื้อ ทางหนัง เป็นอย่างนี้แล้ว ส่งไปเรียนกรุงเทพฯ ก็ยังพอจะได้ปลอดภัย ถ้ามันยังเลวมากมันเป็นทาสของความเอร็ดอร่อยแล้ว ส่งไปแค่จังหวัดนี่ก็ไม่ได้ มันไปเอาความเลวใส่ในสันดานของมัน แล้วมันก็ จับพ่อแม่ใส่นรกเป็นแน่นอน เพราะฉะนั้น สอนลูกเด็กๆ ของเราให้กินง่าย อยู่ง่าย ให้สันโดษ ไม่ใช่ให้ขี้เกียจ สันโดษนะ ให้หาให้มาก แต่กินแต่ แต่น้อย หาให้มาก แล้วก็ไม่ใช้เกิน ไม่กินเกิน นั่นหลักของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า อุโบสถศีล ในเรื่องกิน อย่าให้มันเกิน ไม่กินมากเกิน บ่อยเกิน ดีเกิน แปลกเกิน ไม่ ไม่เอาทั้งนั้น แล้วเครื่องประเล้าประโลม นี้ก็ ฟ้อนรำ ขับร้อง ดนตรี เพลง ลูบทา ของหอมประดับ ประดานี้ อย่าให้มันเกิน เอาแต่เท่าที่มันจำเป็น แล้วเรื่องเครื่องใช้เครื่องสอย ที่นั่งที่นอนนะ ก็อย่าให้มันเกิน ความสนุกสนานนั่น อยู่ในขอบเขตจำกัด ไม่มีเกิน แล้วเขาก็ มีนิสัยดี กิเลสครอบงำยาก พอชอบเกิน มันก็เป็นกิเลส กินเกิน นุ่งห่มเกิน แต่งตัวเกิน อะไรเกิน มันก็เป็นกิเลส ชอบของอร่อยเกิน มันก็คือโง่ แล้วมันก็เป็นกิเลส กินอาหาร อ้า, จนไม่มีประโยชน์แก่ร่างกาย เพราะมันชอบอร่อย ชอบแต่งรส แต่งสี น้ำจิ้มหลายหลาก หลากชนิด มาให้มันกินอร่อย แล้วก็ไม่มี ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรแก่ร่างกาย เพราะมันไปชอบอร่อยจนเกิน มันก็บ้าที่สุด บ้าบอที่สุด ที่ว่าไปชอบกินอาหารแพง ๆ มื้อละพันบาท มื้อละหมื่นบาท นี่ มันจะบ้าเท่าไหร่ แต่เด็ก ๆ เขายังทำกันได้ ดังนั้น ถ้าว่าพ่อแม่มันเป็นพุทธบริษัท มันก็ต้องสอนลูกมันให้รู้เรื่องนี้ ให้ลูกมันรู้จักถือศีลอุโบสถเสียบ้าง ไม่ ไม่ ไม่กินเกิน ศีลข้อหกไม่บำรุงบำเรอ สนุกสนาน แต่งเนื้อแต่งตัวเกินนะศีลข้อที่เจ็ด ไม่ต้องมีเครื่องใช้ไม่สอย สวยเกิน ดีเกิน แพงเกิน งามเกิน นี้ก็ข้อที่แปด นี้พ่อ พ่อมันยังไม่ถือ ลูกมันจะถือได้อย่างไร ไอ้พ่อมันก็ไม่รู้ว่านี่คือเครื่องควบคุม ส่วนเกิน ดังนั้น เราแสวงหามาก ได้ ไม่ห้าม ทำงานให้สุดกำลัง หามาได้ให้มาก ที่สุด แต่พอถึงทีกินทีใช้แล้วอย่าให้มันเกิน กินใช้เท่าที่จำเป็นแล้วมันจะได้เหลือ เหลือนะจะเอาไปช่วยผู้อื่นก็ได้ ช่วยศาสนา ช่วยประเทศชาติก็ได้ เก็บไว้เป็นหลักทรัพย์ก็ได้ ดังนั้น ขอให้ทำงานสุดความสามารถ สุดฝีไม้ลายมือ แต่เมื่อได้ผลงานมาแล้วอย่ากินเกิน อย่าใช้เกิน กินใช้แต่เท่าที่จำเป็นแล้วมันจะเหลือ จะไปช่วยผู้อื่น จะเกิดความรักผู้อื่น รักประเทศชาติ ศาสนา อะไรขึ้นมา และเก็บไว้เป็นหลักทรัพย์ก็ได้ ให้เขายินดี การเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ต่ำ ๆ เหมือนพระพุทธเจ้า เดี๋ยวนี้พ่อแม่ มันก็ไม่ชอบ เป็นอยู่อย่างต่ำ มันยุ มันสนับสนุน ส่งเสริม ให้ลูกมันสุรุ่ยสุร่าย นี่มันผิดหลักธรรมะ ผิดหลักศาสนา ไปเสียตั้งแต่แรกแล้ว คือความสุรุ่ยสุร่าย ท่านทั้งหลายมานั่งอยู่ตรงนี้ อาตมาขอฝากไปสักอย่างหนึ่งว่า เรากำลังนั่งอยู่กลางดิน นี่นะเรานั่งกลางดิน แล้วนึกถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นประสูติกลางดิน เป็นกษัตริย์แต่มาประสูติกลางดิน ที่โคนไม้ ที่สวนลุมพินี พอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็นั่งกลางดิน นั่งตรัสรู้กลางดินโคนต้นไม้ ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง ที่ท่าน ที่นิพพานก็นิพพานกลางดิน ในสวนต้นไม้สาละ เมื่อสอนก็โดยมากก็นั่งกันกลางดิน เพราะว่าอยู่กันกลางดิน ทำอุโบสถสังฆกรรมกลางดิน นี่ไปดูกุฏิของพระพุทธเจ้าที่เหลือซากอยู่ มันก็พื้นดิน เอาเป็นว่าพระพุทธเจ้าเกิดกลางดิน ตายกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน อยู่กลางดิน ทายก ทายิกา มันอยากจะอยู่บนวิมาน มันทำบุญตักบาตรสักช้อนหนึ่ง มันอยากได้วิมานหลังหนึ่ง มันอยากไปอยู่บนวิมาน ในเมื่อพระพุทธเจ้าเอง ประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน นิพพานกลางดิน สอนกลางดิน ดังนั้น เราจำไอ้ความรู้สึกอันนี้ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ว่านี่มันนั่งอยู่บนที่ของพระพุทธเจ้า ที่เกิด ที่ตาย ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือกลางดิน เราพอใจกลางดิน เราทำให้ลูกเด็ก ๆ ของเราพอใจกลางดินคือธรรมชาติ อย่าทิ้งธรรมชาติ ถ้าทิ้งธรรมชาติ มันก็จะเป็นไปในทางให้เกิดกิเลส ดังนั้น เอาธรรมชาติเป็นหลักไว้เสมอ เป็นพื้นฐานที่มั่นคงไว้เสมอ ดังนั้น ขอให้เป็นอยู่อย่างต่ำ เหมือนพระพุทธเจ้า มีชีวิตอยู่อย่างต่ำ แต่จิตใจนั้นสูง มุ่งอย่างสูง การเป็นอยู่ทางกายเป็นอยู่ต่ำ แต่การกระทำนั้นเป็นไปสูง นี่ เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าต้องเป็นอย่างนี้ พ่อแม่ไปทำตัวอย่างที่ดีให้ลูก สอนลูกมันให้เป็นอยู่ต่ำๆ แล้วมุ่งกระทำอย่างสูงสุด ให้สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และพบพระพุทธศาสนา และเราก็จะได้รับทุกอย่างที่เราควรจะได้รับ ในการที่ได้เกิดมาและเป็นมนุษย์ มนุษย์ควรจะได้รับอะไร เราจะได้รับสิ่งนั้น และหมดปัญหาของความเป็นมนุษย์ มีธรรมะเป็นเครื่องอยู่อาศัย ไม่ต้องมีกฎหมาย ไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีเรือนจำ ไม่ต้องมีอะไรอย่างที่มันมี ๆ กันแล้วก็ ไม่มีประโยชน์อะไร เราอยู่ด้วยธรรมะ ก็มีความผาสุกอย่างยิ่ง ให้เหมือนกับที่ว่า ผู้ที่ ผู้ที่ประพฤติธรรมะแล้ว เขาได้รับผลกันอย่างไรในทุก ๆ ศาสนา มันเพิ่งมาเปลี่ยนแปลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ เปลี่ยนแปลงในเมื่อโลกมันหันมานิยมวัตถุ บูชาวัตถุ เป็นทาสของวัตถุที่เรียกว่า วัตถุนิยม นี้กลับไปหาธรรมะนิยม บูชาธรรม ยึดถือธรรม มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรม อ้า, เป็นที่ระลึก ให้ถูกต้องตามเดิม เอาละอาตมาก็ต้องขอจบการพูดจา เท่าที่ มีเวลาจำกัด ขออภัยด้วยที่พูดอย่างอื่นไม่เป็น พูดเป็นแต่อย่างนี้ จะชอบฟังหรือไม่ชอบฟังก็เหลือที่จะรับ จะรับผิดชอบได้ พูดอย่างอื่นไม่เป็น มันพูดเป็นแต่อย่างนี้ แล้วก็เตือนกันอยู่แต่อย่างนี้ ก็ขอให้พุทธบริษัทจงได้รับประโยชน์ ของความเป็นพุทธบริษัท ขอให้ประชาชนในแผ่นดิน ที่ได้รับพุทธศาสนามาตั้งพันกว่าปี สองพันปีนี้ อย่าได้ทำให้เสีย เสียทีที่ได้รับพุทธศาสนามาตั้งพันกว่าปี เขตไชยา นครศรีธรรมราช พัทลุง พวกนี้นะมันมีพระพุทธศาสนามาตั้งเกินพันปีแล้ว แผ่นดินมันเคยศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีพุทธศาสนามาพันกว่าปีแล้ว ในเลือดในเนื้อของคนมันก็มีพุทธศาสนา เดี๋ยวนี้กำลังจะหมดไป ขอให้เรียกกลับคืนมา เราเป็นมนุษย์อยู่ในแผ่นดินที่มีพุทธศาสนามาตั้งพันกว่าปีแล้ว เมื่อกรุงเทพฯ ยังอยู่ใต้ทะเล ไอ้คนแถวไชยา นครฯ พัทลุง นี่มันมีพุทธศาสนาแล้ว ขอให้ช่วยกันรักษาเครดิตอันนี้ไว้ให้ดี ๆ แล้วปัญหาต่าง ๆ จะหมดไป อาตมาขออวยพรให้ท่านทั้งหลายว่า จงมีความพอใจ มีความกล้าหาญ มีความเด็ดเดี่ยวในการที่จะจัด จะทำกันเสียใหม่ ให้เราและลูกหลานของเรา มีธรรมะ มีพระศาสนามาเป็นเครื่องคุ้มครอง แล้วอยู่กันเป็นผาสุก เจริญงอกงาม ในทางพระศาสนา ทุกทิพา ราตรีกาลเทอญ