แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านทั้งหลายที่กำลังจะไปเป็นครู อาตมาได้รับการขอร้องจากหัวหน้าของท่านทั้งหลาย ให้พูดอะไรบางอย่าง ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะไปเป็นครู เท่าที่นึกได้ก็คือ ค่าของความเป็นครู ที่เราจะต้องเข้าใจและทำไว้ในใจ เพื่อว่าจะได้ไปเป็นครูที่เต็มตามความหมายของคำว่า ครู ความหมายสูงสุด คือเป็นปูชนียบุคคล ที่ประกอบอาชีพที่ได้บุญ นี่, ความหมายสูงสุดของความเป็นครู คือ ครูเป็นปูชนียบุคคล ทำหน้าที่เป็นผู้นำในทางจิต ทางวิญญาณของมนุษย์
อาชีพที่ทำนั้น ทำให้ได้บุญ ผิดจากอาชีพอื่น ที่ได้รับผล เป็นเงิน เป็นทอง เป็นค่าจ้าง แล้วไม่ได้บุญ เช่น เป็นกรรมกรแบกกระสอบข้าวสาร อย่างนี้มันก็ได้เงิน แล้วก็ไม่ต้องได้บุญ นี่แหละ จึงจะเรียกว่าเป็นครูที่แท้จริง เต็ม ตามความหมายของคำว่าครู ซึ่งเป็นภาษาอินเดียดึกดำบรรพ์แต่โบราณ คำว่า ครู ก็แปลว่า ผู้เปิดประตู รากศัพท์มันแปลว่า เปิดประตู ที่ถามว่าเปิดประตูอะไร เปิดประตู คอก ที่กักขัง เขาถือว่า สัตว์นี่เสมือนหนึ่งถูกกักขังอยู่ในคอก ที่มืด ที่เหม็น ที่ทนทรมาน แล้วครูก็เป็นผู้เปิดประตูให้สัตว์เหล่านั้น ออกมาจากคอกที่มืด ที่เหม็น ที่ทรมาน เป็นสัตว์ที่มีความสุข เขาจึงถือว่าเป็นบุคคลสูงสุด เป็นปูชนียบุคคล อยู่เหนือเกล้า เหนือเศียรของคนทุกคน เมื่อทำหน้าที่ของตนก็ดูจะไม่เคยเรียกกันว่าเป็นอาชีพ แต่ถ้าถือว่าเป็นอาชีพก็ได้เหมือนกัน เป็นอาชีพพิเศษ เป็นอาชีพอย่างปูชนียบุคคล เหมือนพระเจ้าประสงค์จะทำอาชีพ อาชีพอย่างปูชนียบุคคล เป็นอาชีพของบุคคลผู้เป็นเจ้าหนี้ ทำตนเป็นเจ้าหนี้ มีคุณค่าแพง มากกว่าประโยชน์ที่ได้รับตอบแทน พูดตรงๆก็ว่า ครูก็ได้เงินเดือน แต่เมื่อประโยชน์ที่ครูทำให้แก่คนเหล่านั้น มันแพงมากกว่าเงินเดือนหลายเท่า เขาก็เรียกว่าอาชีพเจ้าหนี้ นี่ครูแต่ดึกดำบรรพ์มันเป็นอย่างนี้ เรียกว่าเป็นบุคคลชั้นสูงสุด ในความหมายชั้นสูงสุดของคำๆนี้
ต่อมา มันก็เปลี่ยนมาเป็นอาชีพจริงๆเสียด้วย รับจ้างสอนหนังสือ ไม่ให้เงินเดือนก็ไม่สอน ก็มีการประท้วงต่างๆนานา เป็นแบบการเมือง นี่เรียกว่าครู เป็นลูกจ้างสอนหนังสือ มันเป็นอย่างนี้ ไม่ได้มีจิตใจที่จะเป็นบุญ เป็นกุศลอะไร มันแลกแรงงานเหมือนกรรมกร นี่ครูชั้นลดลงมามันเป็นอย่างนี้ แล้วก็เป็นเรื่องไม่มี, ไม่เป็นบุญเป็นกุศลแล้ว สอนหนังสือไม่เป็นบุญไม่เป็นกุศลแล้ว ก็มันทำด้วยความจำใจที่จะเห็นแก่เงินเดือน ได้นิดได้หน่อย ก็ประท้วงกันอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งผู้ที่มีใจเป็นกุศลทำอย่างนั้นไม่ได้ ก็ได้ยินได้ฟังข่าวหนังสือพิมพ์ ครูมีประท้วงอย่างนั้นอย่างนี้บ่อยๆ หวังว่า ผู้ที่จะเป็นครูต่อไปนี้จะต้องคิดให้ดี ว่าครูมันมีค่ามากกว่านั้น เรามันคิดแต่เพียงจะเอาเงินเดือนมาเลี้ยงชีวิต เพราะครูนี้ก็บูชาเงินด้วยเหมือนกัน
ทีนี้ ยังมีครูชั้นเลวสุดอีกพวกหนึ่งในปัจจุบันนี้ ปรากฏในตามหน้าหนังสือพิมพ์ ครูข่มเหงเด็กนักเรียนในชั้น จนต้องมีคนช่วยอยู่บ่อยๆ นี่ หนังสือพิมพ์ก็เป็นพยานอยู่ เป็นครูชั้นเลวสุด ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาตัวอย่าง หรือไม่แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว
ขอให้คิดดูให้ดีเถิดว่า เราจะเป็นครูชนิดไหนกัน ถ้าเป็นครูตามอุดมคติของครู ก็ขอให้เล็งถึงว่า มันเป็นอาชีพบุคคลสูงสุด เป็นปูชนียบุคคล ได้บุญ ในการกระทำอาชีพนั้น แล้วเรามาลองคิดดูว่า จิตใจของเรากำลังน้อมไปอย่างนั้นหรือเปล่า เรากำลังจะทำตนให้เป็นครูตามอุดมคติหรือเปล่า
ถ้าเป็นครูตามอุดมคติ โดยแท้จริงแล้ว ครูทุกคนก็จะขึ้นสังก็ตรงไปยังพระพุทธเจ้า ไม่ใช่กระ, ไม่ใช่ขึ้นสังกัดต่อ กระทรวงศึกษาธิการ หรือรัฐบาล ที่จะให้เงินเดือน ข้อนี้หมายความว่าพระพุทธเจ้าเป็นบรมครู ทำหน้าที่ครู ตรง, ตรงตามอุดมคติของคำว่า ครู คือ เปิดประตูคอกเล้า อันมืดมิด และสกปรก ให้สัตว์ออกมาเสีย จากภาวะเช่นนั้น ถ้าใครเป็นครูจริงตามอุดมคตินี้ สังกัดมันไปขึ้นกับพระพุทธเจ้าหมด ไม่ได้ขึ้นแต่กระทรวงศึกษาธิการ ทั้งที่ว่ากระทรวงศึกษาธิการนั้นเป็นนายจ้าง เอาละโดยทางการงาน ทางภายนอก เราสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่ว่าหัวใจของเรา ขึ้นสังกัดต่อพระพุทธเจ้า ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร มันยิ่งจะดีเสียอีก มันได้ส่วนหนึ่ง คือบุญกุศลอันสูงสุด ในการที่ทำงานตามอุดมคติของพระพุทธเจ้า เป็นผู้เป็นประตูในทางวิญญาณของสรรพสัตว์
ที่เราควรจะรู้ต่อไป ถึงปัญหาของมนุษย์ ว่า มนุษย์ตกอยู่ในกองทุกข์ ความยากลำบาก เหมือนถูกกักขังนั้นคืออะไร แล้วเราก็ช่วยกันเปิดประตูนั้น สัตว์ตกอยู่ในกองทุกข์ ด้วยอำนาจของกิเลส คำว่า กิเลสนี้ก็คือ ความรู้สึกที่ผิด ความคิดที่ผิด เป็นเรื่องความโลภ ความโกรธ ความหลง กักขังสัตว์ไว้ให้อยู่ในกองทุกข์ ถ้าเปิดประตู ก็เปิดประตูแห่งกองกิเลส ให้ออกมาซะได้จากกองกิเลส ครูก็ต้องศึกษาเรื่องนี้ด้วย คือต้องศึกษาเรื่องธรรมะสำหรับจะปลดเปลื้องสัตว์ ออกมาเสียจากความทุกข์ หรือกิเลสนั้นด้วย จึงจะเรียกว่าเป็นครูที่แท้จริง
ที่นี้ ความเห็นส่วนตัวของอาตมาเอง จากการที่ได้มองอยู่ทุกวัน มองเห็นไกลไปกว่านั้น คือมองเห็นว่า ครูทั้งหลายเป็นผู้สร้างโลก คำว่า ครูนั้นคือผู้สร้างโลก เหมือนกับพระเจ้า ครูบางคนก็คงจะขยะแขยงตัวเอง เห็นว่ามันสูงเกินไป ทำไม่ได้ ทำไม่ไหว นี่เป็นครูโง่ที่มองเห็นไปอย่างนั้น ถ้าไม่โง่เกินไป ทุกคนจะมองเห็นว่า ไอ้โลกนี้นะมันประกอบอยู่ด้วยคนในโลก คนในโลกเป็นอย่างไร โลกนี้มันก็เป็นอย่างนั้น ทีนี้คนในโลกนี้จะเป็นอย่างไร มันแล้วแต่ครูสอนเขาใช่ไหม คนในโลกทั้งโลกนี้มันจะเป็นอย่างไร มันแล้วแต่ครูสอนเขา อบรมเขา เราเป็นครูสอนเขา อบรมเขาอย่างไร เขาก็เป็นพล, เป็นพลโลก แล้วพลโลกมันเป็นดีหรือเลวอย่างไร ไอ้โลกมันก็เป็นดีหรือเลวอย่างนั้น ดังนั้นเราจึงถือว่าครูนี้แหละคือ ผู้สร้างโลกให้ดีก็ได้ ให้เลวก็ได้ นับว่าเป็นงานที่ประเสริฐสูงสุด ไกลไปกว่าความสามารถของคนธรรมดา หรือครูที่มัวแต่จะเปิดแคตตาล็อกกางเกงยีนส์ ดูอยู่ทั้งวันทั้งคืน แทนที่จะเปิดดูตำราศึกษาที่เป็นหน้าที่การงานของตัว มัวแต่เปิดดูแคตตาล็อกกางเกงยีนส์ ครูชนิดนี้จะสร้างโลก คิดดูให้ดีเถอะ ครูชนิดนี้จะสร้างโลก มันจะต้องมี ความรู้ ความสามารถ เต็มบริบูรณ์ มันจึงจะสามารถสอนคนให้ถูกต้อง คนในโลกเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง แล้วโลกนี้ก็เป็นโลกที่ถูกต้อง น่าอยู่ น่าดู เป็นโลกที่สงบ
เดี๋ยวนี้ก็เห็นใจครูทั้งหลาย ว่าการศึกษาของเรามันไม่เพียงพอ ไม่เฉพาะประเทศไทย ครูทั้งโลก ทุกๆประเทศในโลกน่ะ มีการศึกษาไม่พอ ยังไม่, ไม่สามารถที่จะเป็นครูตามความหมายที่เป็นอุดมคตินี้ได้ ดังนั้นเราอย่าไปโทษรัฐบาล อย่าไปโทษกระทรวงศึกษาธิการ หรือโทษอะไรที่ไหนเลย เรารักตัวเรา เราอยากจะให้เรามีค่า ของความเป็นครูโดยสมบูรณ์ เราก็หาเพิ่มส่วนที่มันยังขาดอยู่ด้วยตนเองก็แล้วกัน ให้ความเป็นครูของเราสมบูรณ์
แจงออกให้เห็นชัดเจนง่ายๆว่า เดี๋ยวนี้เรามันเรียนกัน แต่เพียงสองอย่าง ไม่ครบสามอย่าง เราเรียนกันแต่ อย่างทีแรก ก็คือเรียนหนังสือ รู้หนังสือ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ตามที่วิชาหนังสือมันจะมีให้ได้ นี่เราเรียนแล้วเป็นคนฉลาด และสองเราก็เรียน อาชีพ สอนอาชีพ เป็นผู้มีควมรู้ในทางอาชีพเต็มที่ แต่อย่างที่สาม คือเรียนเพื่อความเป็นมนุษย์ มันไม่ได้เรียน นั้นน่ะคือธรรม เป็นลักษณะ มีลักษณะผิดไปจาก ความรู้สำหรับให้ฉลาดหรือความรู้ในทางอาชีพ เราต้องรู้เรื่องมนุษย์ เรื่องคน ว่ามีกิเลสอย่างไร มีความทุกข์อย่างไร มีปัญหาอย่างไร แล้วก็สามารถใช้ธรรมะนั้นแก้ปัญหาได้
เดี๋ยวนี้ โลกมันยิ่งเต็มไปด้วยปัญหา คือปัญหาการรบราฆ่าฟัน ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหายาเสพติด มันเป็นโลก ที่กำลังบ้าบอที่สุด คือมันเรียนกันมาก มาก แล้วมันก็ยังโง่ ไปบูชายาเสพติด มันยิ่งเป็นใหญ่ เป็นโต มันยิ่งคอรัปชั่น ใช้วิชาความรู้ ในทางที่จะเอาเปรียบผู้อื่น มันก็สะสมเรื่องการเข่นฆ่า สงคราม อะไรต่อกันและกัน โลกนี้ก็เลยไม่มีสันติภาพ เพราะว่าคน มันยังไม่เป็นคน ยังไม่เป็นมนุษย์ คนในโลกเวลานี้ เป็นเพียงสัตว์อย่างที่เราได้ยินมานานแล้วว่า มันเป็นสัตว์เศรษฐกิจ Economic Animal มันเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ทุกคนในโลกมันก็เป็น, กำลังเป็นสัตว์เศรษฐกิจ มันบ้าเศรษฐกิจ มันหลงเศรษฐกิจ มันบูชาเศรษฐกิจ แทนพระเจ้า แทนธรรมะ แทนศาสนา มันเป็นเพียงสัตว์เศรษฐกิจ จะเป็นอย่างไร เท่าไร ก็ไม่เป็นคนขึ้นมาได้ แล้วมันก็เป็นสัตว์สังคม เป็น Social Animal มันเป็นสัตว์สังคม มันชอบทำอะไรเห่อๆกันตามสังคมที่นิยมกันว่าดี มีเกียรติ มันจึงมีการกินอยู่เกิน นุ่งห่มเกิน ใช้สอยเกิน บำรุงบำเรอเกิน นิยมแฟชั่นเกิน จนได้แต่นั่งเปิดแคตตาล็อกกางเกงยีนส์อย่างที่ว่ามาแล้ว นี่มันเป็นสัตว์สังคมถึงขนาดนี้ มันเป็น Animal มันไม่ได้เป็นมนุษย์
ทีนี้มันยังเป็นสัตว์การเมือง เป็น Political Animal มันบ้าการเมือง มันหลงการเมือง มันถึงกับยอม เป็นผู้ทำลายความสงบ ไปก่อความวุ่นวายอย่างนั้นอย่างนี้ ลัทธินั้นลัทธินี้ จึงมีการต่อสู้กันระหว่างขวากับซ้าย ซ้ายกับขวา ไม่อยู่เป็นกลางได้ นี่มันเป็นสัตว์การเมือง ก็ไม่เป็นคนเหมือนกัน
มันจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจ สัตว์สังคม สัตว์การเมืองกันให้สุดเหวี่ยงอย่างไร มันก็เป็นคนไม่ได้ มันก็เป็นมนุษย์ไม่ได้ นี่, มันไม่มีมนุษยธรรม ไม่มีมนุษยธรรม ขอให้ผู้ที่จะเป็นครูทั้งหลายนี่ จงเข้าใจเรื่องนี้ แล้วตั้งปณิธานมั่นหมายไว้ว่า เราจะช่วยทำให้โลกนี้ มีมนุษย์ มีคน ที่สมกับความหมายของคำว่า มนุษย์ คือเป็นสัตว์ที่มีใจสูง
คำว่ามนุษย์นี่ มันแปลว่ามีใจสูง มนะ ใจ ???? (นาทีที่18.00) สูง แปลว่า ผู้มีใจสูง อย่างนี้ก็ได้ ทีนี้บางคนเขาถือว่า สัตว์นี้มันแปลว่า เป็นเทือกเถาเหล่ากอของ มนู มน มาจากมนู เทือกเถาเหล่ากอของมนู มันก็ยังมีใจสูงอยู่นั่นแหละ เพราะว่า คำว่ามนูนี้ ก็หมายถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ หรือนอกเกินประวัติศาสตร์ก็ตาม เป็นผู้มีสติปัญญาสูงสุด มีจิตใจสูงที่สุด ในทางธรรมะ เป็นผู้วางบท ระเบียบ ธรรมะ สำหรับมนุษย์ ได้ชื่อว่า พระมนู ดังนั้นคำว่ามนุษย์นี่ อย่างไรเสีย มันก็ต้องหมายถึง ผู้มีจิตใจสูง
การจะเป็นมนุษย์ ต้องมีจิตใจสูง สูงข้อแรกคือ ไม่โง่ ถ้าโง่มันต่ำทันที มันลดลงไปทำสิ่งต่ำๆ จนเกิดความทุกข์ แล้วมันก็เป็นคนมีจิตใจต่ำ กิเลสครอบงำ มันก็มีความทุกข์ อย่างนี้เรียกว่าจิตใจต่ำ ถ้าจิตใจสูงก็ไม่มีกิเลส กิเลสเหมือนกับน้ำสกปรก มันท่วมจิตใจที่สูงไม่ได้ ความชั่วท่วมจิตใจไม่ได้ ความทุกข์ท่วมจิตใจไม่ได้ อย่างนี้จึงจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ คือ ผู้มีใจสูง ดังนั้น เราจะทำให้เขาเป็นมนุษย์ เราต้องรู้เรื่องความมีใจสูง แล้วเราก็ปฏิบัติตนให้มีจิตใจสูงเสียก่อน จึงจะสามารถสอนคนเหล่านั้น คือลูกศิษย์ให้มีจิตใจสูงให้จงได้ ดังนั้น ถ้าครูมีจิตใจเพียงแต่จะสนใจ เรื่องกางเกงยีนส์ เรื่องทรงผม เรื่องเสื้อผ้า สีสันแปลกๆอย่างนี้ มันจะไปสอนคน ให้มีจิตใจสูงได้อย่างไร
จึงขอร้อง วิงวอนเลยก็ได้ ว่าผู้ที่จะเป็นครูทั้งหลายนี่ จงตัดสินใจเสียใหม่ ให้มันแน่นอนว่า เราจะเป็นครูกันโดยแท้จริง และต้องเสียสละ ความสนุกสนาน เอร็ดอร่อย ชนิดที่เป็นเรื่องของกิเลสนั้นเสียให้มาก ถ้าไปบูชากิเลสเแล้วใจมันต่ำซะเอง มันก็ทำใจให้สูงไม่ได้ เมื่อเราตั้งใจจะยึดอาชีพครูเป็นหลัก ก็ขอให้นึก ให้เด็ดขาดลงไปเลยว่า เราสมัครด้วยการเสียสละไอ้ส่วนที่มันเป็น ?? (นาทีที่ 20.55 ) ของอาชีพครู คือความรู้สึกต่ำๆ ที่เรียกว่า ไปหลงส่วนเกิน ขอฝากไว้สักคำหนึ่ง จำไว้ให้แม่นๆว่า จะไม่บูชาส่วนเกิน ถ้าบูชาส่วนเกินแล้วไม่มีความเป็นครูเหลือ ถ้าจะเป็นครู เป็นครูที่เลว นำไปสู่ความเลว เรียกว่าครูสำหรับความเลว ไม่ใช่ครูสำหรับความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง
ส่วนเกินนี่ ก็แจกไปตามปัจจัยเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ข้อแรกก็เรียกว่า อาหาร ครูอย่าบูชาอาหารส่วนเกินเลย คืออย่ากินอร่อยเลย อย่ากินมากเลย อย่ากินแพงๆเลย มันจึงจะรักษาความเป็นครูอยู่ได้ ไม่อย่างนั้น มันก็เป็นสัตว์ตะกละ เป็นสัตว์สังคม เป็นสัตว์การเมือง เป็นสัตว์อะไรก็แล้วแต่จะเรียกน่ะ อย่าต้องกิน ที่แพง ที่ดี ที่เกิน ที่บ่อยเลย จะนอนอยู่แล้ว ยังต้องไปหามากินอีก อย่างนี้มันเป็นครูบรมโง่แหละ นี่พูดกันตรงๆอย่างลูกหลาน โกรธก็ได้ ไม่เป็นไร แช่งก็ได้ ว่าเราอย่ามีส่วนเกินในเรื่องกิน
ทีนี้เราก็ อย่ามีส่วนเกินในเรื่องแต่งเนื้อ แต่งตัว พยายามใช้เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มที่ประหยัด คือว่าที่มันทน แล้วมันก็ไม่ต้องแพง ด้วยเรื่องสีสัน สวยงาม ประดับประดา ปุปะ อย่างนั้น อย่างนี้ เหมือนกับเสื้อของคนบ้า เสื้อที่สวยงาม ไปคิดดูเถอะ มันแพงเพราะว่ามันต้องทำให้เป็นสี เป็นลาย มันก็ต้องแพงในส่วนนั้น แล้วก็ไม่ค่อยจะเป็นผ้าที่ทนทาน เพราะมันต้องการให้ทำสีง่าย มีลักษณะเหมือนสีของสัตว์ที่โง่เขลา เช่นผีเสื้อเป็นต้น ผีเสื้อ เป็นสัตว์ที่อ่อนแอและโง่เขลาที่สุด ที่ปีกของมันสวยๆอย่างนั้นน่ะ เสื้อตัวที่ลายสวยๆเหมือนปีกผีเสื้อน่ะ มันใส่สำหรับให้โง่ เรียกว่ามันเป็นการนุ่งห่มส่วนเกิน อย่าไปเอากะมันเลย อย่าไปซื้อหาเสื้อผ้าอย่างนั้นมาอีกเลย เอาแต่อย่างที่มันเรียบร้อย แล้วก็ทนทาน นี้เรียกว่าไม่เอาส่วนเกิน ในเรื่องเครื่องนุ่งห่ม
แล้วก็มาถึงที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไม้สอย เราไม่ต้องไปใช้เครื่องใช้ไม้สอยที่มันแพง มันเพียงแต่สวยงามหรือว่าเป็นเรื่องแฟชั่นนิยมกัน เราเอาความแข็งแรง ความสะอาด ความเรียบร้อย เครื่องใช้ไม้สอยที่ใช้อยู่กระทั่งบ้านเรือนที่จะอยู่ เดี๋ยวนี้คนเขาเป็นทาสของส่วนเกิน เขาสร้างบ้าน แข่งกับเทวดา บ้านราคาเป็นล้านๆ รถยนต์คันเดียวไม่พอ ต้องมีหลายคัน รถยนต์ราคาหมื่นแสนใช้ไม่ได้ก็มี รถยนต์ราคาล้าน อันนี้มันเป็นส่วนเกิน เรื่องเครื่องใช้ไม้สอยที่อยู่อาศัย เราอย่าไปบูชาส่วนเกินในเรื่องนี้ จิตใจมันจะต่ำ
แล้วก็อย่าไปบูชา เรื่องบำรุงบำเรอที่เป็นส่วนเกิน ที่เป็นการกระตุ้นจิตใจ ให้หลงใหล ในความสนุกสนาน เอร็ดอร่อย ตามหลักในทางศาสนานี้ ก็ระบุเป็นเรื่องฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม ดีด สี ตี เป่า ประดับประดา ลูกทา ของหอม เครื่องประดับตกแต่ง เหล่านี้ เรียกว่าสิ่งประเล้าประโลมใจในส่วนที่เกิน มันทำให้ มีจิตใจเหมือนกับคนบ้า ที่ลุกขึ้นรำป้ออยู่นั่นน่ะ มันคืออาการของคนบ้า แล้วจิตใจมันก็ต้องบ้าพอที่จะลุกขึ้นมารำป้ออยู่ได้ คำ, คำสอนของพระพุทธเจ้าว่า อาการเต้นรำ มันเป็นอาการของคนบ้า ร้องเพลง เป็นอาการของคนร้องไห้ หัวเราะ เป็นอาการของเด็กอ่อนนอนเบาะ นี่มันอยู่ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา ส่วนอังคุตรนิกาย เอ่อ,คนที่ คนที่เขาแต่งหนังสือกามนิตน่ะเขาไปยืมเอามา แต่งรวมเอาไว้ในหนังสือกามนิต เข้าใจว่า นักเรียนครูนี่เคยอ่านหนังสือกามนิตกันมาแล้วนะ ไม่รู้ว่านั้นเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านก็สอนตรงกันแหละ เมื่อท่านบอกว่า ไอ้เต้นรำมันอาการของคนบ้า ก็บัญญัติในศีล อุโบสถศีล ว่าห้ามการฟ้อนรำ ขับร้อง ดีดสีตีเป่า ประโคมดนตรี ลูกทา ของหอม ประดับประดาตกแต่ง เสื้อผ้าที่มันเกินจำเป็น สิ่งเหล่านี้เกินจำเป็น ไม่จำเป็นสำหรับมนุษย์ แล้วก็ย้อมจิตใจให้เป็นไปในทางกิเลส เป็นทาสของกิเลส เราก็อย่าเอาส่วนเกิน
พูดง่ายๆก็ว่า อย่าไปหลงเรื่องสนุกสนานเอร็ดอร่อย ทางอายตนะ นับตั้งแต่เรื่องกิน เรื่องนุ่งห่ม เรื่องเครื่องใช้ไม้สอย แม้แต่เรื่องบำบัดโรคภัยใข้เจ็บ ก็ยังเป็นเรื่องส่วนเกิน เดี๋ยวนี้ไปบูชาส่วนเกิน จนเงินเดือนไม่พอใช้ มันต้องคอรัปชั่น ไอ้พวกคอรัปชั่นนั้นหน่ะ เพราะมันกินเหล้า เพราะมันสูบบุหรี่ เพราะมันเที่ยวกลางคืน ในสถานเริงรมย์ แล้วเงินมันไม่พอใช้ มันก็ต้องคอรัปชั่น มันก็เป็นคนเลว มันอยากจะเลิกงานเร็วๆ แล้วก็ไปเที่ยวในสถานที่เริงรมย์ อย่างกรุงเทพนั้น มันมีสถานเริงรมย์มาก ไปกันจนไม่มีเวลาพักผ่อน พอสิ้นเวลางาน เอ้า, ปิ๊ด มันก็ไปสถานเริงรมย์ มันก็ไม่มีการพักผ่อน จิตใจมันก็เลวลง เลวลง มันไปบูชาความเอร็ดอร่อย คือกิเลส
นั้น ขออภัยใช้คำมันค่อนข้างจะ โสกกะโดก (นาทีที่ 28.25) หยาบคาย ว่าความเอร็ดอร่อย นั่นน่ะ อย่าไปบูชามันเพราะมันเป็นที่ตั้งของกิเลส เราจะบูชาความเอร็ดอร่อย พร้อมกันกับบูชาธรรมะ หรือศาสนา หรือพระเจ้านั้น มันไม่ได้ มันทำพร้อมกันไม่ได้ ถ้าบูชาพระธรรมแล้ว มันก็ไม่อาจจะไปบูชาความเอร็ดอร่อยได้ ถ้าไปหลงในความเอร็ดอร่อยแล้วมันจะถือธรรมะ บูชาธรมะไม่ได้ ไปเลือกเอา ไปเลือกดูให้ดีๆ
แล้วก็ความเอร็ดอร่อยนั้นแหละ ที่ทำให้เราทำอะไรเกิน กินเกิน นุ่งห่มเกิน ใช้สอยเกิน บำรุงบำเรอร่างกายเกิน ก็เพื่อความเอร็ดอร่อย ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางผิวกายบ้าง ทางจิตใจโดยตรงบ้าง เป็นความผิดพลาด คือเกิน พอเกินแล้วเกิดกิเลส ถ้ายังไม่เกิน ยังไม่เกิดกิเลส ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าพอเกินแล้วจะเป็นกิเลส เป็นความโลภ เป็นกิเลสตัณหา เป็นความโลภ ความอยาก ที่เป็นกิเลส พอไม่ได้อย่างที่มันอยาก มันโลภ มันก็เกิดกิเลสที่สอง คือความโกรธ มันมัวแต่อยาก มัวแต่โกรธอยู่อย่างนี้ มันก็เกิดกิเลสที่สามคือความโง่ คือความหลง คือโมหะ
นี่คือโลภะ โทสะ โมหะ มันมีอยู่อย่างนี้ มันจะเป็นเรื่องลึกเกินไปหรือสูงเกินไปหรือไม่ ก็คิดดูเอาเอง นักเรียนฝึกหัดครูหรือผู้ที่จะเป็นครู อายุน้อยๆอย่างนี้จะรับอุดมคตินี้ได้ไหม ผู้พูดเองก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นคนบ้า เอาเรื่องที่สูงเกินไป มาพูดให้ลูกเล็กๆเหล่านี้ฟัง แล้วฟังไม่ถูก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพูด คือพูดว่า อย่าไปหลงส่วนเกิน มันจะทำให้หมดความถูกต้อง หมดความเป็นธรรม มันก็จะไปบูชากิเลส ตัณหา พญามาร เป็นคนของพญามารแล้ว มันจะเป็นครูที่ดีไม่ได้ เราจะต้องรักษาเกียรติยศ เหลี่ยมครู ท่าทางของครู ผู้มีจิตใจสูงไว้ให้ได้
มนุษย์เริ่มมีปัญหา เมื่อไปบูชาส่วนเกิน ซึ่งมีความเอร็ดอร่อย ถ้าส่วนเกินหรือจะเพื่อเอร็ดอร่อย ที่เกิน ที่เกินจำเป็นทั้งนั้นน่ะ ช่วยจำคำนี้ไว้ด้วย ถ้าเรียกว่ามันเกิน จนเป็นอันตราย แล้วมันมาจากความเอร็ดอร่อย อยากจะแนะ ให้ถือเป็นหลักว่า ไอ้สิ่งที่เราเรียกว่ามันเอร็ดอร่อยนั้นแหละ ระวังให้ดี มันจะเป็นศัตรูอันร้ายกาจขึ้นมาทันที ยกตัวอย่างเรื่อง กิน เคยบอกมาหลายครั้งหลายหนแล้ว หลายพวกแล้ว ว่าให้ระวัง ไอ้น้ำจิ้มถ้วยเล็กๆ น้ำส้ม น้ำปลา น้ำพริก ถ้วยน้ำจิ้ม ถ้วยเล็กๆหน่ะ ระวัง อันนั้นน่ะเป็นเครื่องทำให้กินเกิน ไอ้น้ำจิ้มที่รสแปลกๆ มันทำให้เรากินได้มากกว่าที่ควรจะกิน คือว่าเราอิ่มแล้ว แต่น้ำจิ้มรสแรงๆนั้น ช่วยทำให้กินได้อีก จนเกินกว่าที่ร่างกายมันควรจะกิน
มนุษย์สมัยโบราณโน้น สมัยดึกดำบรรพ์โน้น มันกินเนื้อดิบๆ มันจะกินได้เท่าไหร่คิดดูเถอะ ลอง, ลองฟังดูให้ดี คิดดูให้ดี คำนวณกันดูว่า ไอ้มนุษย์ดึกดำบรรพ์นั้น มันกินเนื้อดิบๆ มันจะกินได้เท่าไรหล่ะ เดี๋ยวมันก็อิ่มเสียก่อน ต่อมาบังเอิญ มันรู้จักทำให้สุก มันหล่นในกองไฟสุก กินอร่อยกว่า มันจน, มันจึงกินเกิน โดยปริมาณที่มากกว่ากินเนื้อดิบ ทีนี้มันจึงรู้จักย่าง รู้จักเผา รู้จักทำให้สุก ก็กินได้มาก ก็เป็นผู้กินอาหารมากกว่าแต่ก่อน ทีนี้ต่อมามันบังเอิญไปจิ้มเกลือ จิ้มน้ำจิ้ม แต่งรสอะไรเข้า มันอร่อย มันเลยกินมากกว่า ที่เมื่อยังไม่, ไม่รู้จักน้ำจิ้ม หรือเครื่องแต่งรส เครื่องปรุงรส พอรู้จักเครื่องปรุงรสให้อร่อย มันก็กินมากกว่าที่เมื่อยังไม่รู้จัก เดี๋ยวนี้เรามีเครื่องปรุงรสมากเหลือเกิน เข้าใจว่าทุกคนคงรู้จักดี ไอ้พวกน้ำจิ้มทั้งหลาย ผงชูรสทั้งหลาย นี่เราชอบมัน แต่ไม่ดูว่ามันทำให้เรากินเกิน กินมากกว่าที่ควรจะเป็น มันก็ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เพราะว่ากินเกินที่ร่างกายต้องการ แล้วก็ทำให้เราเสียเงินมาก เราก็โง่เสียเงิน เพื่อไปกินสิ่งที่จะทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเสียประโยชน์ ในทางอนามัยและทางอื่นๆ ฉะนั้นระวังให้ดี สิ่งชูรส ตกแต่งรส ในทางไหนก็สุด สุดแท้แหละ มันทำให้กินเกิน เราก็โง่ และต่อนี้ไปเราก็ทำอะไรอย่างโง่ๆ เงินเดือนไม่พอใช้ เราก็โกง เราก็คอรัปชั่น
เรื่องเหล้า เรื่องบุหรี่ เรื่องยาเสพติดทั้งหลายนี่ ทำให้เกิน ทำให้หลงบูชาส่วนเกิน ชอบเหล้า คือชอบเรื่องเกิน ที่เกินจำเป็นสำหรับมนุษย์ ชอบบุหรี่ ก็ชอบเรื่องเกินสำหรับมนุษย์ ยาเสพติดนั้นไม่ต้องพูดถึง มันไม่จำเป็นสำหรับมนุษย์ มันเกินยิ่งกว่าเกิน คนที่เป็นนักเรียน นักศึกษา จากโรงเรียน จากวิทยาลัย มันก็ยังไปเป็นทาสของยาเสพติด
จงตั้งใจที่เป็นอิสระ ดีก็ว่าดี ชั่วก็ว่าชั่ว แล้วก็หลีกที่มันชั่ว เอาแต่ที่มันดี บุหรี่เป็นของเกินไหม ใครว่าบุหรี่เป็นของเกิน ยกมือที ขอความกรุณายกมือที ใครว่าบุหรี่เป็นของเกิน นี่, เกือบหมดเห็นไหม ก็ช่วยขอร้องครูบาอาจารย์ว่า คุณครูคะ เลิกสูบบหรี่เถอะ เพราะเป็นของเกิน นี่คุณครูครับ เลิกสูบบุหรี่เถิด มันเป็นของเกิน แล้วครูก็คงจะช่วย คงจะอำนวยความประสงค์อันนี้ให้ มันอยู่ในพวกกินเกิน กินเหล้านะ กินให้ตัวเองฉิบหาย สูบบุหรี่น่ะ เอาควันไฟไปรุมปอด มันโง่หรือฉลาดน่ะ คนที่เอาควันไฟเข้าไปรุมปอด นี่มันโง่หรือมันฉลาด คิดดูเถอะ นี่มันยิ่งกว่าเกิน มันเป็นอันตราย เหล้าก็ดี บุหรี่ก็ดี ยาเสพติดอย่างอื่นๆก็ดี จงเกลียดอย่างขยะแขยงเถิด ผู้ที่จะเป็นครูทั้งหลายจงเกลียดสิ่งเหล่านี้อย่างน่าขยะแขยงเถิด ถ้ากำลังสูบบุหรี่อยู่บ้างก็ ช่วยไปละกันเสียเถิด ข้างหลังภูเขาน่ะมีที่ทิ้งบุหรี่ มีที่ทำพิธีทิ้งบุหรี่ ลองไปใช้ประโยชน์ดูบ้าง เพียงแต่ไม่สูบบุหรี่อย่างเดียว คุณครูก็จะมีเงินเหลือ เดือนละหลายสิบบาทหรือหลายร้อยบาท แล้วแต่สูบบุหรี่ดีหรือเลว ไม่กินเหล้าอย่างเดียว ก็มีเงินเหลือ เดือนละหายร้อยบาท เงินก็พอใช้
เดี๋ยวนี้มันชอบส่วนเกินกันทั้งพ่อทั้งแม่ แม่ก็ต้องช่วยออกทำงานเหมือนพ่อ พ่อทำงานคนเดียวเงินไม่พอใช้ แม่ต้องออกไปทำงานด้วย แล้วก็ปล่อยลูกเด็กๆให้มันเป็นลิงทะโมน เมื่อแม่มันไปทำงานเสียด้วย ไม่มีใครดูแลเด็กๆ เด็กๆมันก็ถูกปล่อยปละละเลย มีจิตใจเป็นลิงทะโมนไปเลย พูดกันฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็ไม่เคารพพ่อแม่ ไม่รักพ่อแม่ ไม่ซื่อตรงต่อพ่อแม่ เพราะว่าเขาถูกทอดทิ้งตั้งแต่เล็กๆ ดังนั้นอย่ามีใช้จ่ายให้มันมาก พ่อหาคนเดียวก็พอใช้กันทั้งครอบครัว แล้วแม่ก็จะได้เลี้ยงลูก จะได้ทำงานหลายๆอย่าง แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คืออบรมลูก รับประกันให้ได้ว่าลูกนี้จะไม่มีผิดพลาด จะไม่เป็นลิงทะโมน นี้, เขาพูดว่า เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจมันบีบคั้น พ่อหาคนเดียวไม่พอ แม่ต้องออกไปหาด้วย นั้นน่ะ มันเป็นแม่ที่เป็นทาสของส่วนเกิน มีมากที่แม่ที่แก้ตัว อย่างนั้นน่ะ เพราะมันเป็นแม่ ที่เป็นทาสของส่วนเกิน ขอให้คิดดูให้ดี ใคร่ครวญด้วยจิตใจ ที่เป็นธรรม ดีว่าดี ชั่วว่าชั่ว อย่าเห็นแก่คนนั้นคนนี้อยู่เลย
ส่วนนี้เหละ คือส่วนที่เรียกว่า ความรู้เรื่องที่สาม คือธรรมะ ศีลธรรม จริยธรรม มนุษยธรรม คือธรรมที่ทำความเป็นมนุษย์ ให้มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เดี๋ยวนี้ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยทั่วไปทั้งโลก เขาให้เรียนหนังสือ ให้ฉลาดปราดเปรื่อง แล้วไปมีอาชีพ ความรู้วิชาชีพ เทคโนโลยีสูงสุดของอาชีพแขนงนั้นๆ มันมีเท่านั้น มันมีสองแขนงเท่านั้น ส่วนที่จะให้เป็นมนุษย์ให้ดีที่สุดกันอย่างไร ไม่ได้สอน
สมัยโบราณ ยังแฝดกันอยู่กับวัดวาอาราม มันก็มีส่วนที่สอน การศึกษาในระยะแรก เขาเล็งเรื่องทางจิตใจกันมาก คนที่เขาเคยไปเรียนเมืองนอกสมัยแรก รุ่นแรก รุ่นน.มส. กลับมาเมืองไทยแล้ว มาบรรยายให้ฟัง ที่สามัคยาจารย์ ตั้งแต่อาตมายังแรกบวช รุ่นๆ ไปฟังได้ความว่ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์สมัยนั้น นิยมสิ่งสูงสุด คือความเป็นสุภาพบุรษ ไม่ได้เรื่องเทคโนโลยี ไม่ได้เรื่องกีฬา ไม่ได้เรื่องอะไร เป็นสิ่งสูงสุด เขาก็มีสอนเหมือนกันน่ะวิชาชีพ แต่เขาไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งสูงสุดเหมือนสมัยนี้ เขาถือว่าความเป็นสุภาพบุรษ คือมีธรรมะอย่างมนุษย์นั้นน่ะเป็นสิ่งสูงสุด แล้วมันรวบหมดเลยว่าอะไรๆที่ทำไป สอนไป ประกอบไป เพื่อความเป็นสุภาพบุรุษ เล่นกีฬาเพื่อความเป็นสุภาพบุรุษ วิชาชีพก็เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ได้ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ วิชาอะไรก็เพื่อให้ เกิดสติปัญญา เฉลียวฉลาด เพื่อความเป็นสุภาพบุรุษ คนเรียนจบแล้วก็มีความเป็นสุภาพบุรุษ เรื่องก็หมดปัญหา พอทิ้ง ทิ้ง พอทิ้งหลักอันนี้ ทิ้งอุดมคติอันนี้ มันก็เห็นแต่ เรื่องปาก เรื่องท้อง ใครๆก็เรียน ก็เพื่อรายได้ บูชารายได้ ไม่, ไม่บูชาความเป็นสุภาพบุรุษ มันก็ลดลงมาเป็นอันธพาลบุรุษ มันต่างกันอย่างนี้ มันลดลงมาเป็นอสุภาพบุรุษ หรือว่า อันธพาลบุรุษ เห็นแก่ตัว พอมีโอกาสก็โกง กินเกิน อยู่เกิน จนบูชาสิ่งเสพติด นี้ในโลกมันจึงบูชาสิ่งเสพติด แม้ชนิดที่ไม่รุนแรง จนเกิดเป็นปัญหา ทางเศรษฐกิจ ทางสังคมอะไรขึ้นมา เสียเวลาเปล่าๆ
ถ้าสมมติว่า เราไม่ดื่มกินสิ่งเสพติด เช่น กาแฟ เช่นน้ำอัดลม ที่กินแล้วชวนติดนี่ เราจะตายไหม ก็คงไม่มีใครตาย แล้วมันจะประหยัดอะไรได้บ้าง มันจะประหยัดความวุ่นวาย ที่ต้องทำนี่ ทำตัวน้ำอัดลมก็ดี ทำน้ำแข็งก็ดี ขนส่งไปมา เป็นภูเขาเลากาก็ดี มันก็ไม่ต้องทำ มันก็มีความสงบกว่าที่จะ ต้องยุ่ง ต้องทำ ในสิ่งที่ไม่ต้องทำ นี่ก็ทำกัน เอ่อ, จนยุ่งไปหมดทั้งโลก เพื่อประโยชน์อย่างเดียว เช่นเรื่องน้ำอัดลมอย่างนี้ ก็มีกิจกรรมครอบไปทั้งโลก เรียกว่า ขึ้นรถไฟ ขึ้นเรือ บินไปมา ขนส่งนี้ เพื่อประโยชน์ แก่กิจกรรมน้ำอัดลมนี้มันก็มี มันก็เกิน แล้วมันก็ได้รับอุบัติเหตุมากรายขึ้น เพราะมันทำสิ่งที่ไม่จำเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นขอให้เรา ช่วยกันพิจารณาดูให้ดี ด้วยความรักตัว อะไรเกินไม่เอา อะไรเกินแล้วก็ไม่เอา ถือหลักอย่างนี้ อะไรเกินแล้วก็ไม่เอา ก็ไล่ไปตั้งแต่ นี่,บุหรี่ เรื่องกิน แล้วก็เครื่องนุ่งห่ม แล้วก็เรื่องเครื่องใช้ไม้สอย หรือสิ่งประเล้าประโลมใจ ที่นี่ ต้องการให้ใช้ธรรมะ เป็นสิ่งประเล้าประโลมใจ นับตั้งแต่ ความสงบเยือกเย็นของธรรมชาติ นี่เราจะใช้เป็นสิ่งประเล้าประโลมใจ แทนที่จะไปสูบบุหรี่ กินเหล้า เต้นรำ เพื่อประเล้าประโลมใจ เรามาหาความสงบเยือกเย็นของธรรมชาติ เป็นสิ่งประเล้าประโลมใจ เราหาการศึกษาแปลกๆ ศึกษาธรรมะ อย่างวิธีที่สนุกสนานเป็นสิ่งประเล้าประโลมใจ จึงได้เรียกตึกหลังนี้ว่า โรงมหรสพทางวิญญาณ รูปภาพในนั้นจะให้ความประเล้าประโลมใจ ในระดับสูง คือทางวิญญาณ นี่เพื่อป้องกันการประเล้าประโลมใจชนิดที่เป็นกิเลส หรือเป็นอันธพาล ฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายจะได้ศึกษาให้เข้าใจ ใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็จะคุ้มค่าที่อุตส่าห์มาที่นี่ จะคุ้มค่าเหนื่อย คุ้มค่าเวลา คุ้มค่าลงทุน อะไรต่างๆที่มาที่นี่ ขอให้เข้าใจสิ่งประเล้าประโลมใจในทางจิต ในทางวิญญาณ ซึ่งไม่ต้องเสียเงินอะไรมากมาย จิตใจก็ได้รับความสงบ เยือกเย็น และก้าวหน้า สูงขึ้นไปในทางจิต ทางวิญญาณ คือมีจิตใจที่ประเสริฐในทางธรรมะ ถ้าเรียกตามภาษาโบราณก็ว่า ใกล้มรรคผลนิพพาน คือจะเป็นเดินทางสงบสุขยิ่งๆขึ้นทุกที จนถึงระดับสูงสุด ดังนั้นขอให้ผู้ที่จะเป็นครูในอนาคตนี่ สำนึกข้อนี้ไว้ด้วย
เมื่อตะกี้พูดแล้ว ว่าถ้ากระทรวงเขาไม่จัดให้ หรือทั้งโลกเขาไม่จัดกัน เรานี่ จะจัดเพื่อตัวเราเอง จะศึกษาวิชาที่สาม ที่ยังขาดอยู่ คือวิชาสำหรับความเป็นมนุษย์ ที่ดีที่สุด ที่ถูกต้องที่สุด เรียนหนังสือเฉลียวฉลาดเป็นเรื่องที่หนึ่งก็ดีไป เป็นพื้น เป็นพื้นฐาน เป็นรากฐานขั้นต้น แล้วก็เรียนวิชาชีพถึงระดับเทคโนโลยี เพื่อเป็นอาชีพที่ดี นี้ก็เป็นเรื่องที่สอง ก็ถูกแล้ว แต่เรื่องที่สาม คือความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ที่สุด นี้ยังไม่ได้เรียน เพราะเขายังไม่ได้สอน เขาเอาไว้เป็นหน้าที่ ที่จะต้องหาเอาเอง เรื่องนี้พวกฝรั่งที่เป็นผู้นำเขาก็ยอมรับนะ เขาว่าเขาแยกออกเสีย แยกเรื่องศาสนาออกเสีย เสียจากการศึกษา เพราะให้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล บุคคลไหนอยากมี อยากได้ ก็ไปหาเอาเอง เดี๋ยวนี้เขาขอแยก ออกจากการศึกษา เพื่อจัดเรื่องการศึกษาให้สุดเหวี่ยง ทีนี้ความสุดเหวี่ยงนี้ มันเกิดเป็นพิษขึ้นมา คือคนเรียนแล้วไม่มีศีลธรรม เราไม่ให้เสียในส่วนนี้ เราจะเรียนเรื่องศีลธรรม ผนวกเข้าไปเป็นเรื่องที่สามตามลำพังเรา แล้วเราก็จะเป็นครูที่สามารถเปิดประตู ทางจิต ทางวิญญาณของมนุษย์ เป็นครูในความหมายที่สูงสุด ขึ้นสังกัดอยู่กับพระพุทธเจ้า ซึ่งทำให้หลายคนง่วงนอนเต็มทีแล้ว
เมื่อพูดว่าเป็นครู ที่จะสังกัดอยู่กับพระพุทธเจ้านี่ หลายคนตาปรือแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่จะเป็นครูผู้ชาย รู้สึกว่าตาปรือหลายคนแล้ว เมื่อจะต้องเป็นครูสังกัดพระพุทธเจ้า แต่อาตมาก็ยังยืนยันอย่างนี้ ยังยืนยันอยู่อย่างนี้ ขอให้ ให้ความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรม แก่ความเป็นครู แล้วก็เป็นครูให้ถูกต้อง เป็นครูชนิดที่ว่า เป็นปูชนียบุคคล เป็นอาชีพที่ได้บุญ อย่าชอบเปลี่ยนอาชีพเลย ได้อาชีพเป็นครูนี้ ให้ถือว่าได้บุญ เป็นกุศลที่ได้มา, มาได้อาชีพนี้ เพราะว่าได้อาชีพ ที่ได้บุญด้วย พร้อมกันไปในตัว อย่าคิดเปลี่ยนไปหาอาชีพชนิดที่ว่า ได้แต่เงินเดือนอย่างเดียวไม่ได้บุญเลย
นี่, ข้อนี้คือข้อที่หวังมากที่จะพูดจาในวันนี้ สำหรับผู้ที่เรียนปีสุดท้าย กำลังจะออกไปเป็นครูอยู่แล้ว ขอให้มีความเคารพนับถือตัวเอง ว่าเรามีความถูกต้อง ในตัวเรามีความถูกต้อง มีความดี มีธรรมะ จนไหว้ตัวเองได้ อย่างนี้เรียกว่าเคารพตัวเอง แล้วก็มีความเชื่อตัวเองว่า ด้วยการทำอย่างนี้ เรารอดได้ ไม่ต้องกลัว เราไม่ต้องกลัวจน เราไม่ต้องกลัวอะไรอื่น แต่ว่าเราจะต้องบังคับตัวเอง ถ้าเราไม่บังคับตัวเอง มันจะไม่มาในรูปนี้ มันจะเป็นไปในรูปอื่น
ดังนั้นขอฝากไว้เป็นคำสุดท้ายว่า จงเชื่อตัวเอง จงเคารพตัวเอง และจงบังคับตัวเองให้เป็นไปในลักษณะอย่างนั้น แล้วความเป็นครูในชาตินี้ ในชีวิตนี้ จะเป็นไปในระดับสูงสุด เป็นปูชนียบุคคล เป็นเจ้าหนี้ มีบุญคุณอยู่เหนือศีรษะของคนทั่วๆไป
สถาบันครู เป็นสถาบันสูงสุดอยู่เหนือศีรษะของบุคคลทั่วไป เพราะว่าครูเป็นผู้สร้างโลกดังที่กล่าวแล้ว เราเป็นครู สร้างเด็กๆขึ้นมาอย่างไร เป็นพลเมืองในโลกอย่างไร โลกนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น ถ้าเราสร้างเด็กๆดี ให้มีพลโลกดี โลกนี้ก็เป็นโลกที่ดี นี่คือความที่ครูเป็นผู้สร้างโลก ขอย้ำอีกทีหนึ่ง อย่าอ่อนแอ อย่าท้อแท้ โดยปฏิเสธแก้ตัวว่ามันยากเกินไป มันดีเกินไป เราไม่เอา เราจะเอาอย่างธรรมดา นี้มันเป็นข้อแก้ตัวของคนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ถึงที่สุด จึงขอร้องว่าทุกคนจงเป็นคนกล้าหาญ กล้าตั้งเป้าหมายไว้ให้สูงสุด และพยายามให้บรรุผลอันสูงสุดนั้น
นี่จะจบแล้วก็ขอให้พร เอ้า,ขอให้พร ทุกๆคนจงเป็นผู้กล้าหาญ เป็นคนพอใจ ร่าเริง ในการที่จะทำให้ชีวิตนี้ ชาตินี้ของเรานี่ มันมีค่ามากที่สุด คือมีความเป็นครูชนิดที่เป็นปูชนียบุคคล มีอาชีพที่ได้ประโยชน์เลี้ยงชีวิตและได้บุญพร้อมกันไปในตัว แล้วมีความสนุกสนานในการทำงาน มีความสุขในการทำงาน อย่าแสวงหาความสุขจากเงินที่เอาไปกินไปเล่น หาความเอร็ดอร่อยทางเนื้อหนังนั้น มันเป็นอันตราย หาความสุขจากการงาน มีความสุขเมื่อกำลังทำงาน เมื่อกำลังทำงานให้มีความสุข ก็พอใจในการทำงาน แล้วก็นับถือตัวเองได้ แล้วก็ไหว้ตัวเองได้ ก็มีความสุขอยู่ทุกๆลมหายใจเข้าออก ทุกๆทิพาราตรีกาลเทอญ
(โฆษก)
ได้พาครูประทีป อึ้งทรงธรรมมาด้วย นี่ครับ ยืนอยู่ข้างผม (เสียงปรบมือ) เอ่ยชื่อนี่คิดว่านักศึกษาทุกคนคงรู้จักดีนะครับ เธอเป็นผู้หญิง รูปร่างเล็กนิดเดียว แต่มีผลงานที่ยิ่งใหญ่ ผมถือว่าการที่คนต่างชาติเขายกย่องเรานั้นเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่นะครับ แล้วเขาต้องมองด้วยความเป็นธรรม อันเนื่องจากเวลาเรามันนัอยนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวจะต้องพระอาจารย์ขึ้นไปทำพิธีเทศน์ที่บนภูเขาพุทธทอง ในโอกาสอันสั้นนี้ผมก็จะไม่รบกวนเวลามาก ให้ครูประทีปได้เล่าย่อๆถึงชีวิตที่ทำมาจนกระทั่งว่าได้ผลงาน ผลงานอย่างไรที่ทางฟิลิปปินส์เขามอบรางวัลให้ นะฮะ ผมขอเชิญครูประทีป
(ครูประทีป)
ขอบคุณมากค่ะ ต้องสวัสดีท่านเพื่อนร่วมอาชีพต่อไปในอนาคต แล้วก็แขกผู้มีเกียรติที่อยู่ ณ บริเวณที่นี้นะคะ คือถ้าบอกว่าจะมาพูดถึงเรื่องคลองเตยคงจะใช้เวลานาน แต่ว่าจะใช้พูดถึงตัวเองก่อน ที่จริงไม่อยากจะพูดถึงตัวเอง เพราะว่าเราทำอะไรเพื่อตัวเองหรือพูดถึงตัวเองบ่อยๆนั้น เป็นสิ่งที่น่าเกลียด แต่สิ่งที่ดิฉันอยากจะพูดถึงชีวิตตัวเองนั้น เพราะว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เราเกิดมาท่ามกลางสังคมอย่างไหน สังคมนั้นจะกำหนดเรา สภาพแวดล้อมเหล่านั้นจะกำหนดเราด้วย ในหนังสือเขาว่าไว้อย่างนั้น ทีนี้อยากจะขอค้าน เพราะว่าถ้าเกิดคนที่มีความคิด มีจิตใจที่มั่นคง สภาพของสังคมจะมากำหนดเราไม่ได้ เพราะดิฉันเกิดมาในท่ามกลางน้ำครำ เพื่อนๆรุ่นเดียวกันเป็นผู้หญิงโสเภณี เด็กผู้ชายที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมา ติดยาเสพติด ยังมีปัญหาอีกหลายๆอย่าง แต่ดิฉันเกิดความรู้สึกว่าในเมื่อเราอยู่ในสังคม เราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาของสังคมนี้ แต่ทำไมเราถึงจะยอมให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้น แล้วมันจะมากลืนเราได้ ทำไมเราถึงไม่ไปกลืนมัน บางคนเห็นความกลัว บางคนเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วเกิดความกลัว ขยะแขยง และวิ่งหนี แต่ดิฉันเกิดความรู้สึกว่าเราจะต้องวิ่งเข้าใส่มัน วิ่งเข้าใส่ปัญหาเหล่านี้ เพราะว่าถ้าเผื่อเรากลัว เราจะต้องกลัวไปตลอด ถ้าเผื่อว่าเราจะวิ่งหนี เราจะต้องวิ่งหนีไปตลอด เราจะไม่กลัวมัน และดิฉันก็เห็นว่าอาชีพครู การให้การศึกษาคือการสร้าง สร้างคน สร้างมนุษย์ และการศึกษา ถ้าเผื่อให้อย่างถูกวิธีจะช่วยแก้ปัญหาได้ แล้วดิฉันก็ลงมือทำ เริ่มจากเด็กเล็กๆในคลองเตย ดิฉันก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องมีใครมายกย่อง แม้แต่จะมีใครมาสรรเสริญ ไม่ต้องการทั้งสิ้น แม้แต่คนเขาที่เขาไม่ทำ แม้แต่คนที่เขาจะต้องมีหน้าที่ทำแต่เขาไม่ทำ เขายังมาว่าเราอีกว่ายัยคนนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรเลยแต่เราใช้ความสามัญสำนึกในการเป็นมนุษย์ ว่าเราเป็นมนุษย์ด้วยกันทำไมเราจะช่วยเหลือกันไม่ได้หรือ เข้าช่วยเลือเขา แต่คนซึ่งพูดง่ายๆว่าตาเขาบอดด้วยกิเลส เขามองไม่เห็น เขาพยายามใส่ร้าย เขาพยายามป้ายสี ว่าอย่างนู้นอย่างนี้ แต่เมื่อเราคิดว่าเราให้อภัยเขา สงสารเขาที่เขาคิดอย่างนั้น สงสารเขาที่เขามองไม่เห็นปัญหาของสังคม เขามองไม่เห็นแม้แต่กระทั่งตัวเขาเองคือใคร แล้วก็ทำงานของเราต่อไปโดยที่จะบอกว่าไม่หวั่นไหวนั้นไม่จริงค่ะ หวั่นไหว และเสียใจ แต่เมื่อความหวั่นไหวและเสียใจมันเข้ามาครอบงำเราซักพักหนึ่ง ความอ่อนไหวและความไม่มั่นคงในจิตใจนั้นมันกลับ มันเพิ่มให้เรานี่เข้มแข็งมากขึ้น ทำให้จิตใจเรานี่กล้าต่อสู้มากขึ้น แล้วก็มองดู มองถึงปัญหาของสังคมอย่างถ่องแท้ และเอาสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงตัวของตัวเองให้มากขึ้นว่า เราทำอะไรผิด เราทำอะไรอยู่ เรามีผิดตรงไหนหรือ เราก็ทบทวนตัวของเราเองเรื่อยๆ และการที่ได้รับรางวัลนั้น เราธรรมดาค่ะ เราเกิดความรู้สึกดีใจเพราะเราเป็นมนุษย์ ความดีใจหรือความเสียใจนี้มันต้องมีอยู่ ดีใจขึ้นมาซักพักนึงว่า เออแหมเราได้รางวัล แหมเงินตั้งสี่แสนแหน่ะ แต่พอย้อนกลับไปมองอีกทีหนึ่งว่า โอเราทำงานเพื่อไอ้แค่สี่แสนนี่เหรอ เป้าหมายของเราแค่นี้หรอ ถ้าเผื่อเราไม่ได้สี่แสนนี้เราทำได้ไหม เราก็ยังคงทำได้อยู่ นั่นเป็นส่วนเกิน นะคะ อย่างเมื่อกี๊นี้ท่านพุทธทาสท่านบอกไว้ว่านั่นมันส่วนเกิน เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เราถึงให้กับสังคมไป ขอบคุณมากค่ะ ให้กับสังคม แต่เราก็ยังคงอยู่ได้ แล้วเราก็ยังคงทำงานของเราต่อไป ดิฉันอยากจะฝากสิ่งเหล่านี้ให้กับเพื่อนร่วมอาชีพในอนาคตว่า ท่านจะเป็นครูอยู่ในสังคมอย่างนี้ได้อย่างไร ขอขอบพระคุณมากค่ะ (ปรบมือ)
(โฆษก)
เอ่อคุณครูประทีปนี่นะครับ แกไม่ได้ศึกษาธรรมมากเหมือนกับพวกผม แต่ผลงานที่ออกมาปรากฎว่าพวกผมนี่อายกันไปตามๆ คือไม่แน่ใจว่า ถ้าผมได้สี่แสนจะเอาไว้บ้างสักแสนหนึ่งหรือไม่ ปรากฏว่าคนที่ได้รางวัลแมกไซไซทุกคนในประทเศไทยเราก็รู้สึกจะเก็บไว้หมดนะครับ แต่ครูประทีป ทั้งที่แกเป็นเด็กยากจน เกิดในสลัม แกไม่รับเลยครับ ยกให้มูลนิธิหมดเลยนะฮะ นี่ผมอยากจะให้นักศึกษาทั้งหลายเห็นเป็นตัวอย่างว่า ถ้าเราได้อย่างครูประทีบอย่างนี้มากๆนะครับ ผมคิดว่าสังคมไทยเราที่เหลวแหลกทุกวันนี้จะต้องดีขึ้นได้ แกยอมรับแล้วว่าสิ่งแวดล้อมนั้นไม่สามารถที่จะเอาชนะจิตใจคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็งที่มีคุณธรรมได้นะครับ
เพื่อไม่ให้เสียเวลานะครับ ก็รู้สึกว่าเดี๋ยวจะต้องย้ายเครื่องไปข้างบนนะครับ ประเดี๋ยวเวียนเทียนเสร็จถ้ามีเวลาก็จะเชิญคุยหรือสัมภาษณ์อีกทีนะครับ ตอนนี้สำหรับอาจารย์นะฮะ ผมมีหนังสือที่ผมเขียนขึ้นสิบเล่มจะมอบไว้ให้อาจารย์ให้ห้องสมุดนะฮะ ลัทธินอกพุทธศาสนาเปรียบเทียบกับพุทธศาสนา