แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาตมภาพขอแสดงความยินดีในการที่วันนี้เราจะได้มาพูดกันถึงเรื่องของธรรมะและเรื่องสันติภาพของโลก เรื่องนี้มีปัญหาอยู่มาก โดยเฉพาะก็คือมันไม่มีสันติภาพ แล้วความรู้ทางธรรมะก็ยังไม่พอ มันก็เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งที่ทำให้ไม่มีสันติภาพ เดี๋ยวนี้ในโลกนี้มันก็มีอะไรมากมายๆ เหลือเฟือๆ แต่สันติภาพก็ยิ่งขาดไปๆ หาไม่พบ ใครๆ ก็เห็นอยู่ว่า เดี๋ยวนี้เราก็มีเงิน มีเครื่องจักรและก็มีมนุษย์คนในที่สุด แต่แล้วมันยังไม่มีอะไรอยู่อย่างหนึ่ง แม้จะมีคน มีเครื่องจักร มีทุนรอน แต่มันยังขาดสิ่งสำคัญอยู่สิ่งหนึ่งซึ่งจะทำให้โลกนี้ประสบสันติภาพ แม้ว่าเราจะมีเงิน มีทุน มีเทคโนโลยี มีอะไรต่างๆ แต่ว่าในที่สุดมันก็ขาดคนหรือขาดมนุษย์คือความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง ฉะนั้นเราจะต้องทราบกันหรือเห็นโดยประจักษ์ชัดว่า ในคนมันต้องมีคน มีความเป็นคน ในความเป็นคนมันต้องมีจิต ในจิตมันต้องมีความเป็นสมาธิ ไล่กันมาตามลำดับอีกครั้งหนึ่งว่า เราจะมีอุปกรณ์ทุกอย่างๆ แล้วก็ต้องมีคน ในคนนั้นต้องมีจิตมีใจ ในจิตใจนั้นต้องมีความเป็นสมาธิ เมื่อได้ครบทุกอย่างเหล่านี้แล้วมันจึงจะสามารถสร้างสันติภาพ
สมาธิเป็นจุดศูนย์กลางของความสำเร็จ ถ้าไม่มีสมาธิแม้แต่การศึกษามันก็เป็นไปไม่ได้ ไม่มีการศึกษาแล้ววัฒนธรรมมันก็เป็นไปไม่ได้ ไม่มีสมาธิแล้วมันก็ไม่มีวิปัสสนา เพราะฉะนั้นเราต้องมีมาให้ถูกต้องตามลำดับว่า เรามีคน เรามีจิตใจ เรามีการศึกษา มีวัฒนธรรม แล้วก็มีวิปัสสนา ในโลกนี้ในปัจจุบันนี้มันมีแต่กลลวงหรือความหลอกลวงด้วยความเห็นแก่ตัว ในทางเศรษฐกิจ ในทางการเมือง ในทางการสังคม ทั้งหมดมันเป็นแต่เรื่องหลอกลวงไปเสียหมดเพราะความเห็นแก่ตัว ดังนั้นเราจะต้องดึงเอาสมาธิมาให้ได้ ให้มามีในมนุษย์ในจิตใจของมนุษย์เป็นประจำวัน เราจะทำเหมือนประหนึ่งว่าเรามีเบ็ด เบ็ดที่มีพุก แล้วก็จะดึงเอาความเป็นสมาธิมาให้ได้ คือทำให้โลกนี้มีความเป็นสมาธิ เมื่อนั้นแหละจึงจะประสบความสำเร็จ เพราะว่าสมาธิจะช่วยให้มีการศึกษาถูกต้อง ให้มีวัฒนธรรมถูกต้อง มีศีลธรรมถูกต้อง แล้วปัญหาต่างๆ มันก็จะไม่มี ก็จะมีแต่สันติภาพ เดี๋ยวนี้มันมีแต่ความล้มเหลวหรือความเหลวคว้างความมีเปล่าในทางสร้างสันติภาพ เปรียบเหมือนกับว่าตกปลา ยกขึ้นมาก็มีแต่เบ็ดกับน้ำ น้ำกับเบ็ด มันไม่มีปลา จะต้องมีความเป็นสมาธิให้สำเร็จอยู่ในชีวิตจิตใจ แล้วเราตกปลาก็จะได้ปลามาตามความปรารถนา ถ้าเรามีสมาธิแล้วเราจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง จะสนองความประสงค์ของสิ่งสูงสุด เช่น พระเป็นเจ้าเป็นต้นได้ตามที่ต้องการด้วยความมีสมาธิของเรา ขอให้สังเกตดูให้ดีว่า เดี๋ยวนี้แม้แต่การศึกษามันก็เป็นหมัน การศึกษาอันใหญ่โตกว้างขวางของเรายังเป็นหมันไม่นำมาซึ่งสันติภาพ ความเจริญทางวัตถุก็ยังไม่นำมาซึ่งสันติภาพ ความขวนขวายของเราก็มีแต่ความเห็นแก่ตัว เลยไม่ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าสันติภาพ
สมาธิในที่นี้ เราหมายถึงองค์ประกอบทางจิตใจที่จำเป็นอย่างยิ่ง เช่น Concentration อย่างหนึ่ง และ Mindfulness อย่างหนึ่ง และก็ Wisdom เราจะต้องมีสมาธิชนิดที่ทำให้ประกอบอยู่ด้วยธรรมะ ๓ อย่างนี้ เมื่อมีสมาธิได้ตามความต้องการแล้ว มนุษย์ก็จักเป็นผู้มีประโยชน์คุ้มค่า คือมีทั้ง Peacefulness and Usefulness ดังนั้นจึงอยากจะขอให้สนใจให้ศึกษาเรื่องสมาธิให้มีความเข้าใจในการที่จะใช้สมาธิอย่างที่เรียกว่า well worth ในการที่ว่าจะมีสมาธิในทุกแง่ทุกมุม
สำหรับผู้ที่ไม่เคยสนใจในเรื่องสมาธิ ก็อยากจะขอให้สนใจในหัวข้อสำคัญบางอย่างที่จำเป็นเกี่ยวกับสมาธิ ข้อแรกนั้นจะต้องมีความถูกต้อง ซึ่งขอให้ใช้คำเอาเองว่าความถูกต้องจะเป็น Rightness หรือเป็น Correctness หรืออะไรก็แล้วแต่เถิด แต่ขอให้มันเป็นความถูกต้อง มีความถูกต้องข้อแรกคือความถูกต้องในทางกาย ร่างกายถูกต้อง แม้แต่ลมหายใจ ลมหายใจสั้นลมหายใจยาวก็ถูกต้อง จัดให้ลมหายใจบำรุงร่างกายอยู่เป็นอย่างดี และก็ทำให้เกิดการสงบระงับลงที่ร่างกายนั้น
ความถูกต้องอันที่สอง ก็เป็นเรื่องความถูกต้องทางจิต,ทางจิตใจ โดยเฉพาะกับทางสิ่งที่เรียกว่า Feeling คือจะต้องมีปีติปราโมทย์พอใจในความมีชีวิต และก็มีความสุขสงบเย็น และก็รู้เรื่องที่ว่าจิตนี้มันถูกปรุงแต่งอยู่ด้วยความพอใจหรือความสุขอันจะช่วยให้ลดความพอใจลดความเป็นสุขนี้เสียบ้าง จะได้พอดี ก็ทำให้เกิดการสงบระงับในสิ่งที่จะมากระตุ้นจิตใจให้มีปีติหรือมีความสุข
ความถูกต้องหมวดที่สาม ก็เกี่ยวกับเรื่องจิตโดยตรง คือเราจะต้องมีความรู้สึกควบคุมพฤติของจิต จิตเป็นอย่างไร จิตเป็นอย่างไรจะต้องมีความรู้สึกควบคุมให้ได้ แล้วก็จะต้องรู้ทำจิตให้บันเทิงโดยถูกต้องโดยชอบธรรม ให้มีจิตบันเทิงปีติปราโมทย์โดยชอบธรรม แล้วก็ทำจิตให้มีสมาธิ แล้วก็ทำจิตให้ปล่อยสิ่งทั้งปวงที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ ขอสรุปความสั้นๆว่า รู้จักจิตทุกอย่าง แล้วก็ทำจิตให้ปราโมทย์บันเทิงได้ตามลำพัง แล้วก็ทำจิตให้เป็นสมาธิได้โดยอิสระ แล้วก็ทำจิตให้ปล่อยวางสิ่งเหล่านี้
หมวดที่สี่ของความถูกต้อง ก็คือจะต้องมองเห็นรู้จักชัดเจนในความไม่เที่ยงคือความเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลง ความไม่เที่ยง ความเปลี่ยนแปลงของจิตของสิ่งที่มันยึดมั่นถือมั่นอยู่เสมอ แล้วก็จะต้องควบคุมความเปลี่ยนแปลงนี้ให้คลายความยึดมั่นถือมั่น คลายความยึดมั่นถือมั่นในความเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งสิ้นสุดความยึดมั่นถือมั่น แล้วก็จะกล่าวได้ในที่สุดว่าเดี๋ยวนี้ได้สลัดคืนปัญหาต่างๆ หมดสิ้นแล้ว สรุปความสั้นๆ ก็ว่า เราจะศึกษาเรื่องความยึดมั่นถือมั่นให้รู้จักความยึดมั่นถือมั่นซึ่งยึดมั่นถือมั่นอยู่แล้วก็มีความทุกข์ จะต้องศึกษาเรื่องความยึดมั่นถือมั่นให้ถูกต้องให้เพียงพอ จนเห็นโทษของความยึดมั่น จนมันจะปล่อยความยึดมั่นออกไปได้โดยอัตโนมัติ ในที่สุดเราก็จะรู้จักจิตที่มันว่าง Vacant Mind or Void Mind จิตที่มันว่างคือไม่จับยึดอารมณ์อะไรเอาไว้ เป็นจิตฟรี เป็นจิตอิสระ
คำที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนาที่เรียกว่านิพพานะนั้น มันหมายถึงทำให้จิตให้ void ให้ vacant ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ใดๆ เรียกโดยคำที่เป็นเทคนิคก็เรียกว่าไม่มีอารมณ์ Voidness -ไม่มีอารมณ์ vacant คือไม่มีอารมณ์ที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ว่าอะไร ไม่มี attachment ในสิ่งใดในอารมณ์อะไร ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไม่มีอารมณ์อะไร
ขอให้ท่านทั้งหลายทุกคนพยายามทำความเข้าใจคำคำนี้ คือคำว่าไม่มีอารมณ์ คำว่าไม่มีอารมณ์คือไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอันใดอยู่แม้แต่อย่างใดอย่างหนึ่งในอารมณ์หกอย่าง รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ คำจำกัดความที่มันยากมากขึ้นไปอีกหน่อยก็คือว่า มันไม่มีการตั้งอยู่ แล้วมันไม่มีการเป็นไป แล้วมันก็ไม่มีอารมณ์ มันมิได้ตั้งอยู่ แล้วมันมิได้เป็นไป แล้วมันก็ไม่มีอารมณ์ Factor ทั้งสามนี้เป็น Factor ความหมายของคำว่านิพพาน,นิพพานะ ด้วยอำนาจของสมาธิคือความเป็นสมาธิ เราสามารถที่จะมีสิ่งสูงสุดคือสิ่งที่เรียกว่านิพพานะ มิได้ตั้งอยู่ มิได้เป็นไป และก็ไม่มีอารมณ์
เป็นอันว่า ในจิตของคนธรรมดานั้นไม่มีความเป็นสมาธิ ไม่มีความเป็นสมาธิ ไม่มีความมั่นคง ไม่หยั่งรากลงไปในสิ่งที่ควรจะหยั่งราก เหมือนกับเมล็ดผลไม้เมล็ดหนึ่ง พอใส่ลงไปในดิน เมล็ดมันก็แตก แตกเมล็ดออกมาเป็นหน่ออ่อนๆ ก่อน แล้วก็เป็นราก แล้วก็เป็นรากฝอย เป็นรากทุกๆ รากจนสมบูรณ์ ต้นไม้ต้นนี้ก็ตั้งอยู่ได้โดยแน่นแฟ้นแน่นหนาได้มั่นคงได้สมบูรณ์ นี้เรียกว่ามันมีความสมบูรณ์แห่งการตั้งมั่น ความสมบูรณ์แห่งการตั้งมั่นก็คือความเป็นสมาธินั่นเอง เราลองนึกถึงต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง มันสมบูรณ์แล้ว มันออกรากแล้ว ออกทุกๆ อย่างครบถ้วนแล้ว มันก็มีความมั่นคง ดั่งต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนี้ นี่คือความที่มีสมาธิมั่นคงครบถ้วนทุกอย่างๆ
เดี๋ยวนี้เรามีแต่สมาธิเด็กเล่น ไม่มีความมั่นคงอะไร มันไม่มีความเป็นสมาธิ-Concentration ไม่มี Mindfulness แล้วก็ไม่มี Wisdom ขอให้ครบทั้งสามอย่างนี้ก็จะมีความมั่นคง แสดงถึงความถึงที่สุดแห่งความมีสมาธิโดยประการทั้งปวง ถ้าไม่มีสมาธิอย่างแท้จริงที่ถูกต้องแล้ว การศึกษาทั้งหมดก็ไม่มีราก วัฒนธรรมก็ไม่มีราก แล้วจริยธรรมศีลธรรมก็พลอยไม่มีรากไปด้วย มันก็เลยล้มกันหมด เพราะฉะนั้นขอให้นึกถึงสิ่งสำคัญที่สุดคือความที่จิตเป็นสมาธิ แล้วก็มีบุคคลที่ถูกต้องซึ่งจะบันดาลให้เกิดสันติภาพได้ คือมีทั้งความสันติภาพและความถูกต้องทั้ง useful และ peaceful peaceful และ useful นี้คือความหมายของการที่มีสมาธิสมบูรณ์
ขอให้เรามีจิตเป็นสมาธิอย่างที่กล่าวแล้วนี้ มี Concentration มี Mindfulness มี Wisdom เป็นองค์ประกอบ เพียงสักสามร้อยคน หรืออย่างมากก็ห้าร้อยคน โลกนี้ก็จะมีสันติภาพ ไม่ต้องมีเป็นร้อยๆ ล้านคนหรอก มีมนุษย์ที่ถูกต้องคือมีสมาธิเพียงสามร้อยคนหรือห้าร้อยคนเท่านั้น โลกนี้จะมีสันติภาพได้ โดยอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าสมาธิ จะบังคับให้คนไม่กี่ร้อยคนมีสันติภาพได้ เดี๋ยวนี้เราไม่มีบุคคลที่มีจิตเป็นสมาธิ มันก็ไปบูชาสิ่งที่ไม่ใช่สมาธิ ไปพอใจ ไปบูชา ไปยกย่องสิ่งที่ไม่ใช่สมาธิ เช่น เรื่องกาม เรื่องกิเลส เรื่องความเห็นแก่ตัว มันพอใจในการแสวงหาเครื่องมือเพื่อเห็นแก่ตัวแล้วก็เอาเปรียบผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งกาม มันเป็นสิ่งสูงสุดอยู่ที่กาม มันพอใจในกาม ก็สูญเสียความเป็นสมาธิหมดสิ้นไม่มีอะไรเหลือ
ความเป็นสมาธิทำให้มีวิปัสสนาหรือWisdom ถ้ามันมีวิปัสสนาหรือWisdom แล้ว มันกำจัดความเห็นแก่ตัวให้หมดสิ้นไป ความเห็นแก่ตัวจะหมดสิ้นไป ไม่มีผู้เห็นแก่ตัว มันก็มีสันติภาพได้โดยง่าย ผู้ที่มี Wisdom แล้ว มีวิปัสสนาแล้ว เขาไม่เห็นแก่ตัว ไม่แสวงหาเครื่องมือที่จะเอาเปรียบหรือได้เปรียบ มันก็ไม่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ทางการสังคม เพราะไม่เห็นแก่ตัว,ไม่เห็นแก่ตัว
เดี๋ยวนี้เขามีกันแต่จิตใจที่เห็นแก่ตัว มี Supply มี Demand สองอย่างนี้กลุ้มไปหมดไม่มีเวลาว่างเว้น ด้วยความเห็นแก่ตัวของแต่ละคนๆ โลกนี้ก็ไม่มีสันติภาพ เดี๋ยวนี้มันมีแต่ความเห็นแก่ตัว มันจึงเต็มไปด้วย Supply และ Demand ที่เป็นความเห็นแก่ตัว Supply และ Demand ที่เป็นความเห็นแก่ตัว เป็นความเห็นแก่ตัว แสวงหาเครื่องมือที่จะเห็นแก่ตัวแล้วก็แสดงบทบาทแก่กัน ดังนั้นการเศรษฐกิจก็เห็นแก่ตัว การเมืองก็เห็นแก่ตัว การสังคมก็เห็นแก่ตัว โลกจึงไม่มีสันติภาพ ขอให้สมาธิกลับมา สมาธิกลับมาแล้วก็มีวิปัสสนา มี Wisdom แล้วก็หมดความเห็นแก่ตัว โลกนี้ก็จะมีแต่สันติภาพและความเป็นประโยชน์ สันติภาพและความเป็นประโยชน์โดยส่วนเดียว เป็นอันว่าหมดปัญหา
ดังนั้นขอให้เราทุกคนสมบูรณ์ไปด้วยสมาธิ แล้วก็จะนำไปสู่วิปัสสนาหรือWisdom ปัญหาทั้งโลกนี้ก็จะหมดไป ขอให้ทุกคนมีจิตเป็นสมาธิ แล้วก็มีความเป็นวิปัสสนา แล้วก็มีแต่ความถูกต้อง แล้วก็จะมีแต่สันติภาพโดยประการทั้งปวงโดยแน่นอน ขอให้โลกประสบความสำเร็จในการใช้สมาธิเป็นเครื่องมือ มีแต่สันติภาพสันติสุขอยู่ทุกๆ ทิพาราตรีกาลเทอญ