แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย โอกาสแห่งวันอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบครบรอบเข้าอีกครั้งหนึ่ง เราจะต้องต้อนรับให้ดีที่สุด อาตมาจะพูดเรื่องอาสาฬหบูชาที่เราต้องรู้จัก ธรรมดาเราก็รู้จักกันอยู่เป็น ๓ วัน วันวิสาขบูชา เป็นวันพระพุทธเจ้า สมมุติกันว่าเป็นวันที่ท่านตรัสรู้ ประสูติและนิพพาน เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า วันนี้จึงเป็นวันพระพุทธเจ้า ครั้นมาถึงวันอาสาฬหบูชาเป็นวันแสดงพระธรรมจักร ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย โอกาสแห่งวันอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบครบรอบเข้าอีกปีหนึ่งแล้ว เราจะต้องต้อนรับวันนี้กันให้ดีคือให้สำเร็จประโยชน์เต็มที่ ตามที่เรารู้กัน วันสำคัญมีอยู่ ๓ วัน คือ วันวิสาขบูชาเป็นวันพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ นิพพาน วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่ทรงแสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร เลยเรียกว่าเป็นวันพระธรรม ต่อมา...วันมาฆบูชา พระสงฆ์เป็นปึกแผ่น ประชุมสงฆ์เป็นมหาสังคสัตนิบาต ประกาศหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นการประดิษฐานพระสงฆ์คณะสงฆ์ เราได้เป็น ๓ วันคือ วันพระพุทธ วันพระธรรม และวันพระสงฆ์ แต่ขอให้เข้าใจว่า วันที่สำคัญที่สุดน่ะคือวันพระธรรม ที่ว่าวันพระธรรมมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเหตุไร เพราะว่าพระธรรมทำบุคคลให้เป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีพระธรรมก็ไม่เกิดพระพุทธเจ้า พระธรรมทำให้เกิดพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็เคารพพระธรรม ที่ตัวพระธรรมเองเป็นระบบศึกษาปฏิบัติ ได้รับผลของการปฏิบัติสูงสุดคือดับทุกข์สิ้นเชิงเป็นพระอรหันต์ นี่เป็นความสำคัญของตัวพระธรรมเอง ทีนี้พระธรรมนั่นแหละทำให้คนเป็นพระสงฆ์ในระดับไหนก็ตาม นี่เป็นพระสงฆ์ขึ้นมาได้ก็เพราะว่ามีพระธรรม พระธรรมจึงเป็นที่รวมหมด คือมันให้เกิดพระพุทธเจ้า ให้เกิดพระสงฆ์ และให้เกิดตัวเอง เป็นตัวเอง นี่คือธรรมมีความสำคัญ วันพระธรรมจึงควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ พระองค์ตรัสว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ก็ผู้นั้นเห็นธรรม ปฏิจจสมุปบาทคืออาการที่อาศัยการเกิดขึ้นและอาศัยการดับลง อาการอย่างนี้เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท มีอยู่ในสังขารทั้งปวงเรียกว่าทุกปรมาณูมีอาการของปฏิจจสมุปบาท ดูกันหยาบหน่อย แต่ว่าทุกขุมขนของเรานี้มีอาการแห่งปฏิจจสมุปบาท อาการที่อาศัยการเกิดขึ้น อาศัยการดับลง ของที่เป็นคู่ๆ เช่น สุขทุกข์ก็ดี อาศัยการเกิดขึ้นและดับลง การได้การเสียก็ดี อาศัยการเกิดขึ้นและดับลง บุญบาปอาศัยการเกิดขึ้นและดับลง แพ้ชนะอาศัยการเกิดขึ้นและดับลง อาการอย่างนี้เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท ดูให้ดี มีเต็มไปทั่วทุกหัวระแหง อาการเกิดขึ้นอย่างไร อาศัยการดับลงอย่างไร ดูให้ดีมีทั่วทุกหัวระแหง ในที่นี้ถือว่าธรรมคำเดียวเป็นคำสำคัญที่สุด ให้เกิดพระพุทธ ให้เกิดพระสงฆ์ ให้เกิดทุกสิ่ง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือว่า มันต้องมีความถูกต้องในการที่มันจะเกิด ถ้าถูกต้องแล้วมันก็จะเป็นผลดี ธรรมะคำนี้แปลว่าหน้าที่ แปลว่าหน้าที่ หน้าที่นี่สำคัญต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่ถูกต้องแล้วมันก็ไม่มีหน้าที่ ไม่มีหน้าที่มันก็ต้องตาย คนก็ตาย สัตว์ก็ตาย ต้นไม้ต้นไร่ก็ตาย ถ้ามันทำหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มีหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งจำเป็นยิ่ง เป็นตัวชีวิตเองขาดหน้าที่ ก็คือตาย เป็นตัวชีวิตนี่หมายความว่ายิ่งกว่าคู่ชีวิตนะ ไอ้คู่ชีวิตเป็นผัวเมีย บางทีไม่อยู่ด้วยกันตั้งหลายๆวัน หลายๆเดือนก็ยังได้ แต่ว่าธรรมะคือคู่ชีวิตนี้ ขาดเดี๋ยวเดียวก็ตายละ เช่นว่า แขน ขา มือตีน ไม่ทำหน้าที่ ไม่มีหน้าที่ที่ร่างกายก็คือตาย ถ้าในเซลล์ในร่างกาย ทุกหน้าที่ ทุกๆเซลล์ไม่ทำหน้าที่ มันก็คือตายลูกเดียว ดังนั้นความมีหน้าที่ ก็คือตัวชีวิต ธรรมะก็คือตัวชีวิตยิ่งกว่าคู่ชีวิต มันถึงต้องมีความถูกต้อง ถูกต้องในหน้าที่ ถูกต้องทุกวินาที คือทุกกาละเวลา ถูกต้องทุกกระเบียดนิ้วคือ ทุกเทศะ ทุกสถานที่ แล้วก็ถูกต้องทุกกรณี คือ การกระทำ ทุกๆการกระทำต้องมีความถูกต้อง ทุกๆเวลาต้องมีความถูกต้อง ทุกๆเนื้อที่พื้นที่ต้องมีความถูกต้อง ที่มันถูกต้องอย่างนี้ มันก็จะเป็นผลดี มีความรอด ผู้ที่มีความถูกต้องในทุกกรณีอยู่อย่างนี้เรียกว่าเป็นผู้ เป็นธรรมะชีวี คือมีชีวิตอยู่ด้วยธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ ถ้าแปลให้ดี ให้สมบูรณ์กว่านั้น ธรรมะนั่นก็แปลว่า การกระทำเป็นระบบ ที่ถูกต้องแก่ความรอด ทั้งทางกายและทางจิต และทุกขั้นตอน แห่งวิวัฒนาการทั้งของตนเองและผู้อื่น เหมือนยืดยาวไปหน่อยบางคนจะฟังไม่ได้ลืมแล้วก็ได้
ขอย้ำอีกหน่อย อีกที ตั้งใจฟังให้ดีว่า ธรรมะและหน้าที่คือระบบของการปฏิบัติ ที่ต้องพูดว่าระบบเพราะว่ามันไม่ได้ทำอย่างเดียว ทำหลายๆอย่างพร้อมกัน และถูกต้องเป็นระบบ โดยเรียกว่าระบบของการปฏิบัติ ปฏิบัตินี้คือการทำลงไปจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่เรียนรู้ ปฏิบัติทุกอย่างที่ต้องปฏิบัติ ถ้าถูกต้องครบถ้วนทุกอย่าง เรียกว่า ระบบของการปฏิบัติ ระบบปฏิบัตินี้ต้องถูกต้อง ถูกต้อง คือให้เห็นดี ถูกต้องๆ แต่อะไร ถูกต้องแต่ความรอดอย่างที่กล่าวมาแล้ว ไม่ถูกต้องก็คือตาย ถ้าถูกต้องก็เป็นไปเพื่อความรอด นี่มันก็มีความรอด แล้วก็รอดของอะไร…รอดของอะไร รอดทั้งทางกาย รอดทั้งทางจิตใจ จะแถมวัตถุด้วยก็ได้ แต่วัตถุนั้นมันรวมในเรื่องทางกาย และกายอาศัยวัตถุ วัตถุรวมอยู่ในกาย ก็เรียกว่าถูกต้องทางกาย การเป็นอยู่ทางกายถูกต้องมันถึงรอดทางกาย นี้ทางจิต รวมไปถึงสติปัญญาก็มีความถูกต้อง จิตถูกต้องก็เข้มแข็ง สติปัญญาถูกต้อง ก็ทำถูกต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี รวมสั้นๆก็ว่า เอาเพียงถูกต้องทั้งทางกาย และทั้งทางจิต ที่ถูกต้องกันสักเท่าไร ก็มีคำว่าถูกต้องทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ วิวัฒนาการทุกขั้นตอน จะเอาวิวัฒนาการไหนก็ได้ วิวัฒนาการตั้งแต่คลอดมาจากท้องแม่เป็นเด็กเล็กๆ เป็นเด็กโต เด็กวัยรุ่น หนุ่มสาว เป็นบิดามารดา พ่อบ้านแม่เรือน เป็นคนแก่คนเฒ่า เข้าโลงไป นี่ล้วนแต่เป็นระยะแห่งวิวัฒนาการ ให้มันถูกต้องทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ เช่นนี้ก็ได้ หรือว่าจะเอาขั้นตอนของโลก โลกในยุคที่ยัง ไม่มีคน หรือยุคที่มีคน ยุคที่มีคนป่า ไม่เจริญ ยุคค่อยๆเจริญ จนเจริญเต็มที่ ทุกขั้นตอนแห่งวัฒนาการของโลกเช่นนี้ก็ได้ มันสำเร็จมาได้ด้วยการประพฤติกระทำที่ถูกต้อง ดังที่กล่าวแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องพูดว่า ทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ ที่นี้ ทั้งของตนเองและผู้อื่น หมายความว่าเราจะถูกต้องแต่เราคนเดียวนั้นมันไม่ได้หรอก เพราะว่าเราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ทุกคนคิดดูให้ดีๆ อย่าได้อวดดีไปว่าจะอยู่คนเดียวในโลกได้ แม้ว่าเขาจะยกโลกทั้งหมดให้เราคนเดียวครอบครอง เราก็อยู่ไม่ได้และเราก็จะต้องตายด้วย ถ้าต้องอยู่คนเดียวในโลก ต้องอยู่อย่างพร้อมหน้ากัน มันจึงต้องมีความรอดทั้งของตนเองและผู้อื่นอย่างถูกต้อง แล้วก็ได้อยู่ด้วยกัน มันจึงอยู่ได้ จะเห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ผู้อื่นแล้ว มันก็วินาศหมด จะต้องมีความรักผู้อื่น ในฐานะเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ให้ประพฤติต่อกันและกันอย่างถูกต้อง แล้วก็อยู่ในโลกนี้ได้ นี้จึงเรียกว่ารอดทั้งตัวเอง รอดทั้งผู้อื่น ทบทวนอีกทีหนึ่ง ฟังให้ดีว่าต้องมีการประพฤติ กระทำมันที่ถูกต้อง และถูกต้อง เป็นระบบครบทั้งระบบ และก็ถูกต้องแก่ความรอด รอดทั้งทางกายและทางจิต รอดทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการคือการเจริญเติบโต และก็รอดทั้งของตนเองและรอดทั้งของเพื่อนมนุษย์นี่ เรียกว่า ธรรมะ ถูกต้องอย่างยิ่ง ถูกต้องถึงที่สุด ใครทำได้อย่างนี้คนนั้นเป็นธรรมะชีวี หากเขาอยู่ด้วยชีวิตที่เป็นธรรมะ มีธรรมะคือความถูกต้องแก่การกระทำ ที่ควรจะกระทำเพื่อความรอด รอดทุกเวลา หรือทุกวินาที มองดูวินาทีไหนก็มีความถูกต้อง คือมองดูทุกแห่งก็มีความถูกต้องไปทุกกระเบียดนิ้ว ทุกอย่างทุกชนิดของการกระทำ ถ้ามันมีความผิด ผิดพลาดไปมันก็ถือว่าเป็นครูมาสอนให้แก้ไขให้ถูกต้องกันเสียใหม่ คนโดยมาก ไม่ถือเอาความผิดว่าเป็นบทเรียน มันก็ทำผิดอยู่เรื่อยไป มันโง่จนตาย มันโง่จนตาย ถ้ามันไม่ถือเอาความผิดเป็นบทเรียน ถ้าถือเอาความผิดเป็นบทเรียน ไอ้ความผิดมันก็กลายเป็นความถูกต้อง สอนให้ถูกต้อง สอนให้มีประโยชน์ คนนั้นก็จะมีแต่ความถูกต้องยิ่งๆขึ้นไปทุกที ให้มันถูกต้องไปเสียทั้งหมด เอาเป็นว่าทำมาหากิน ที่สำนักงานก็ถูกต้อง บริหารชีวิตที่บ้านก็ถูกต้อง การคบหาสมาคมก็ถูกต้อง สามทิศทางหาเลี้ยงชีพในที่ทำการ ทำงาน ทำสวนทำนา ข้าราชการสำนักงานอะไรก็...ให้มันมีแต่ความถูกต้องไป ทุกกระเบียดนิ้วทุกเวลา เอ้า, ที่นี้ก็มาบริหารชีวิตอยู่ที่บ้าน อยู่ที่บ้านนี้กัน ให้กิน ต้องนอน ต้องอาบ ต้องถ่าย ต้องทุกอย่างให้มันมีความถูกต้อง ตื่นนอนขึ้นมาก็ถูกต้องในการล้างหน้าถูฟัน ในการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ในการอาบน้ำ แต่คนโง่มันไม่ระวัง มันระวังไม่เป็นเพราะมันเป็นคนโง่ ถ้าไม่โง่จะทำให้ดีที่สุดแม้แต่จะล้างหน้า ถูฟันก็ถูกต้องพอใจถูกต้องพอใจ จะถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ก็ถูกต้อง พอใจ ถูกต้อง พอใจ ทุกวินาทีทุกกระเบียดนิ้ว ทุกกิริยาอาการที่อยู่ในห้องถ่าย อาตมาอาบน้ำ อาบน้ำก็ถูกต้อง ทุกอิริยาบท ทุกกิริยาอาการ อาตมารับประทานอาหาร ก็ถูกต้อง ตักข้าวใส่จาน ตักข้าวใส่ปาก เคี้ยวกลืน ถูกต้อง พอใจ ถูกต้องพอใจ แล้วถ้าว่าจะล้างถ้วย ล้างจาน จะกวาดบ้าน จะถูเรือน ก็ถูกต้องพอใจ ถูกต้องพอใจ แต่คนโง่ทำไม่ได้แน่ เพราะมันไม่สนใจจะทำ อาตมาสนใจจะทำจิตเป็นสมาธิอยู่ที่ถ้วยชามที่สกปรก เอาน้ำราดรดถูเอาออกไป จุดสกปรกเป็นอารมณ์ของสมาธิ น้ำล้างหลุดออกไปก็เป็นอารมณ์ของสมาธิเมื่อปลายไม้กวาดจรดอยู่ที่ขี้ฝุ่นละอองที่พื้นเรือนจุดนั้นก็เป็นจุดของสมาธิ ราดไปกวาดไป สะอาดก็เป็นอารมณ์ของสมาธิ มันเลยทำสมาธิ ก็เวลาล้างถ้วยล้างจานกวาดบ้านถูเรือน และถ้ามันเกิดเห็นมากไปกว่านั้น คือเห็นความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงของการกระทำเหล่านี้ ก็เรียกว่าเป็นวิปัสสนาเลย เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้านถูเรือน ก็เป็นวิปัสสนาได้ เห็นความไม่เที่ยง และก็ไม่หลงในความไม่เที่ยง ขยายความไม่เที่ยงออกไปถึงทุกๆสิ่งก็ไม่มีความหลงในอะไร คนนั้น คนๆนั้นก็กำจัดกิเลสของตนได้ ก็เขารู้จักกระทำให้ถูกต้อง ถูกต้องทุกขั้นตอน ทุกขั้นตอน ไม่ว่าของอะไร คือของงานอาชีพก็ดี ของงานบริหารชีวิตอยู่ที่บ้านก็ดี ต้องการคบหาสมาคมก็ดี มีแต่ความถูกต้องพอใจ ถูกต้องพอใจ ตลอดวันตลอดคืนก็ถูกต้องพอใจ จะนอนหลับลงไปก็หลับไปด้วยความถูกต้องและพอใจ หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข พอใจไปเสียทุกอย่างทุกประการ มันก็ชื่นใจตัวเอง เคารพตัวเอง และในที่สุดมันก็ยกมือไหว้ตัวเองได้เป็นสวรรค์อันแท้จริง หากคนโง่มันทำไม่ได้ พอนึกถึงตัวเองแล้วมันเกลียดน้ำหน้า มัวแต่คอยสะสมความไม่ถูกต้องความน่าเกลียด น่าชัง ความหน้าด้าน ความไม่น่าละอายของมันอะไรเอาไว้เรื่อย พอดูตัวเองแล้วเกลียดตัวเอง ยกมือไว้ตัวเองไม่ลง อย่างนี้เรียกว่ามันไม่เป็นธรรมะชีวี ถ้ามันเป็นธรรมะชีวี มองดูที่ตัวเองเมื่อไหร่ก็ยกมือไหว้ตัวเองได้เมื่อนั้น และมีชีวิตชนิดที่สูงสุดตามรอยพระอรหันต์โดยไม่ต้องสงสัย เอาล่ะเป็นอันว่าวันนี้วันสำคัญคือวันพระธรรม เวียนมาถึงเข้าอีกแล้ว เราจะต้องปฏิบัติต่อวันนี้อย่างไร ขอให้ตั้งใจฟังดูให้ดีๆ อันที่จริงเราก็ทำกันอยู่แล้ว แต่พอมาถึงวันนี้ทำให้ดีเป็นพิเศษ ให้สมกับที่ว่าวันนี้มันเป็นวันพระธรรม วันนี้เราจะต้องศึกษาพระธรรม ที่ยังไม่เคยศึกษาก็ศึกษา ที่ศึกษาแล้วก็ศึกษาให้ยิ่งๆขึ้นไป ให้รู้ธรรมะกว้างขวางถูกต้องสิ้นเชิง ถ้าศึกษาพระธรรมเห็นประโยชน์ เห็นอานิสงส์ของธรรมะ ก็ชอบใจธรรมะก็บูชาธรรมะ นับถือธรรมะ ถือเอาธรรมะว่าเป็นสรณะของตน...ของตน นี่เรียกว่าบูชาพระธรรม เมื่อบูชาพระธรรมนั้นไม่บูชาเปล่าแต่ว่าปฏิบัติ ปฏิบัติ ตามลำดับ ปฏิบัติธรรมตามลำดับ มีปัญญานำหน้า ศีลสมาธิตามหลัง การปฏิบัติธรรมทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ต้องมีปัญญานำหน้า มิฉะนั้นไอ้ศีลที่ตามหลังมันเข้ารกเข้าพง สมาธิที่ตามหลังมันก็เข้ารกเข้าพงไม่เป็นไปอย่างถูกต้องได้ทำอะไรจึงต้องให้ปัญญานำหน้า เรียกว่าเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง คนโง่ๆมักจะไปเน้นเอาศีลก่อน โดยไม่รู้ว่าทำอย่างไร คือไม่มีปัญญา ศีลนั้นก็กลายเป็นสีลัพตปรามาส เป็นศีลยึดมั่นถือมั่นเคร่งเครียด เป็นสีลัพตปรามาสโง่มากไปกว่าเดิม เลยต้องมีปัญญานำหน้าจึงจะเป็นศีล และศีลวิสฺทธิสามารถที่จะเป็นรากฐานของสมาธิปัญญา ต่อไปอีก เป็นวนเวียนกันอยู่อย่างนี้ นี้เรียกว่ามีการปฏิบัติธรรมะอย่างถูกต้องและก็ได้รับผล ได้รับผลของศีลเป็นความสงบสุขทางกายทางวาจา ได้รับผลของสมาธิเป็นความสงบสุขทางจิตใจ ได้รับผลของปัญญาเป็นความถูกต้อง ถูกต้อง ในทางสติปัญญาหรือความรู้นั้นเอง มันได้รับผลดีอย่างนี้ เป็นผลของการปฏิบัติที่ได้ศึกษามาด้วยความเคารพ ที่ได้รับผลของธรรมะ อย่างนี้ประเสริฐสูงสุด ดับทุกข์ได้ทั้งของตนเองและทั้งของผู้อื่น ช่วยกันทำโลกนี้ให้งดงาม เมื่อตนได้รับผลอย่างนี้แล้ว ยังจะควรทำอย่างไรต่อไป ตามหลักที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนก็คือช่วยกันเผยแผ่ต่อๆกันไป คือช่วยสอนผู้อื่นให้รู้ธรรมะสำหรับดับทุกข์ของตนด้วย ดับทุกข์ของตนเองแล้วช่วยสอนผู้อื่นให้ดับทุกข์ได้ด้วย นี่เป็นพุทธประสงค์ ทรงหวังว่าพุทธบริษัททั้งหลายจะช่วยยังกันและกัน ให้มีความรู้ในทางธรรมะนี้ จนสามารถทำที่สุดแห่งความทุกข์ได้เป็นลำดับ ๆ ไป นี้ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันเผยแผ่ธรรมะให้ทั่วไปหมดในบรรดาหมู่สัตว์ที่มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถือว่าเขาเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายของเรา ก็สอนเขาให้เอาชนะความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้ได้ และยังมีอีกนิดหนึ่ง เมื่อสอนเขาแล้วเขาตั้งใจปฏิบัติอยู่ก็ช่วยเหลือ ช่วยเหลือให้เขาปฏิบัติได้ง่าย ปฏิบัติได้สำเร็จ ปฏิบัติได้สะดวก ช่วยเหลือให้เขาปฏิบัติจนสำเร็จ ผู้ใดปฏิบัติธรรมก็ช่วยเหลือให้เขาได้รับความสะดวก ความง่ายดาย ความเข้าใจ ความอะไรแจ่มแจ้งไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถปฏิบัติได้สำเร็จ ต้อนรับวันนี้กันอย่างนี้เถิด วันนี้เป็นวันพระธรรม พระธรรมทำให้เกิดพระพุทธเจ้า ทำให้เกิดพระสงฆ์ ตัวธรรมะเองนั้นดับทุกข์ได้ทุกประการสิ้นเชิง
วันพระธรรมจึงมีความหมายมากเหลือประมาณ ต้อนรับวันพระธรรมกันให้ดีที่สุดด้วยการศึกษาธรรม ด้วยการบูชาพระธรรม ด้วยการปฏิบัติพระธรรม ด้วยการรับผลของพระธรรม และก็แจกจ่ายสั่งสอนพระธรรมสืบต่อไป และก็ช่วยเหลือเมื่อผู้ใดปฏิบัติธรรมก็ให้เขาปฏิบัติได้สำเร็จประโยชน์โดยแท้จริง เสร็จแล้วก็พอใจ พอใจ ถูกต้องพอใจ ยกมือไหว้ตัวเองได้ เป็นสวรรค์อันแท้จริงอยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ขอยืนยันให้ทราบว่าสวรรค์ที่แท้จริงนั้นอยู่ตรงที่ยกมือไหว้ตัวเองได้กันที่นี่และเดี๋ยวนี้ ถ้าได้สวรรค์ชนิดนี้ และย่อมได้สวรรค์หมดทุกอย่างถ้ามันจะมีอยู่ จะสำคัญที่สุด ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ขอให้มีสวรรค์ชนิดที่ทำให้ยกมือไหว้ตัวเองได้เทอญ ก็จะไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา ธรรมเทศนาโอกาสแห่งอาสาฬหบูชา สมควรแก่เวลาที่ท่านทั้งหลายจะพึงใช้ในการต้อนรับวันอันสำคัญคือวันนี้ให้สำเร็จประโยชน์สมแก่ความเป็นพุทธบริษัทของตน มีความสุขสวัสดี สุขสวัสดีอยู่ในหน้าที่การงานทั้งของตนเองและผู้อื่นอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ