แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ทั้งหลายทั้งหมดทั้งสิ้น บัดนี้และวันที่สมมุติกันว่า อ่า, เป็นวันปีใหม่ได้เวียนมาถึงเข้าอีก เอ่อ, รอบหนึ่งแล้ว นี่เรามีขนบธรรมเนียมประเพณีให้พรปีใหม่ปราศรัยปีใหม่ ทำบุญปีใหม่ และอะไรๆมันใหม่กว่าปีเก่า จนเป็นที่ยอมรับกันว่าจะต้องทำอย่างนี้ เราก็จะยังคงกระทำกันต่อไป ถ้าธรรมเนียมให้พรปีใหม่ก็คือ เอ่อ, ให้ความสุขปีใหม่ ส่งความสุขปีใหม่ เป็นที่รู้กันอยู่ดีว่าธรรมเนียมนี้ ยืมมาจากพวกฝรั่งในสมัยที่เราตื่นฝรั่ง เห่อฝรั่ง ทำอะไรตามๆฝรั่ง จึงมีการส่งบัตรส.ค.ส.ตามอย่างฝรั่ง แต่ถ้าเป็นธรรมเนียมไทยเราแท้ๆ เราก็มีการทำบุญให้ทาน วันปีใหม่อันมีความหมายอยู่ที่ว่าเราจะดำรงจิตใจกันใหม่ ตั้งใจกันเสียใหม่ ปรับปรุงอะไรกันเสียใหม่ อย่างน้อยก็เรื่องกาย วาจา ใจ ให้มันเกิดเป็นของใหม่กว่าปีเก่า ไม่ใช่นั่งส่งบัตรส.ค.ส. ถ้าว่ามันมีผลจริงตามบัตรส.ค.ส. เราก็รวยกันใหญ่ รวยกว่าเทวดา อ่า, ก็ได้ เดี๋ยวนี้ดูแล้วว่าความสุขมันไม่ได้เกิดขึ้นตามนั้น พิจารณาดูแล้วมันจะไม่คุ้มค่ากระดาษแผ่นเล็กๆนั้นด้วยซ้ำไป ทั้งที่กระดาษแผ่นเล็กๆนั้น มันก็ไม่กี่สตางค์ เราจะต้องทำอย่างอื่นประกอบกัน จึงจะได้รับความสุขปีใหม่ สมตามความปรารถนา ทีนี้ก็มาพิจารณากันถึงความหมายของคำว่าปีใหม่ คำว่าใหม่ก็ต้องดีกว่าเก่า ถ้าไม่ดีกว่าเก่าแล้วจะใหม่ไปทำไมให้เสียเวลา แต่คำว่าใหม่เกิดมีความหมายขึ้นมา ก็ตรงที่ว่ามันดีกว่าเก่า ทำไมเราจึงไม่มีความสุขมากกว่าเก่า ไม่มีความสงบเย็นมากกว่าปีเก่า บางคนพอปีใหม่จะมาก็ร้อน ร้อนดอกเบี้ย ร้อนอะไรกัน อ่า, หลายอย่างหลายประการน่ะ ต้อนรับปีใหม่ด้วยความร้อนอย่างนี้ ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรที่น่าชื่นใจเลย มันควรจะดีกว่า เย็นกว่า สงบกว่า อย่างน้อยก็มากกว่า ไปดูตัวอย่างตามธรรมชาติ พืชพรรณ ธัญญาหาร ที่มีหัวเช่น หัวบุก หัวกลอย หัวเผือก หัวมัน ขึ้นปีใหม่หัวมันใหญ่กว่าปีเก่า มากกว่าปีเก่า จำนวนก็มาก ขนาดก็มาก นี้เรียกว่ามันจริง ส่วนคนเราบางคนกลับลด มันก็น่าละอายแก่หัวเผือกหัวมันเหล่านั้น เราเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันก็ละอายแก่สิ่งเล็กๆน้อยๆ แม้แต่หัวเผือกหัวมันอย่างนี้ อาตมาจะพูดซ้ำๆซากๆไม่กลัวว่าท่านทั้งหลายจะเบื่อ ด้วยขอให้ระลึกนึกถึงความจริงของธรรมชาติข้อนี้ ที่ว่าปีใหม่มันต้องดีกว่าปีเก่าอย่างนี้ ทีนี้ก็ดูต่อไปว่า ทำอย่างไรหัวเผือกหัวมันมันจึงใหญ่กว่าปีเก่า พอถึงปลายปีมันก็เตรียมตัวสำหรับจะเกิดใหม่ คือต้นก็ตายหมดเหลือแต่หัวอยู่ใต้ดิน หัวนั้นก็เปลี่ยนสภาพทุกๆอณู เพื่อจะสร้างอณูใหม่ที่มากกว่าใหญ่กว่า มันก็สร้างหัวใหม่ขึ้นมาใหญ่กว่าหัวของปีเก่า ต้นก็ใหญ่กว่าต้นของปีเก่า และเพราะมันรู้จักเพิ่มแต่มันไม่รู้จักลด ไอ้คนเรามันไม่รู้จักเพิ่ม มันกินเหล้ามากกว่าปีเก่า เล่นการพนันมากกว่าปีเก่า อ่า, เสเพลอะไรมากกว่าปีเก่า จะทำบุญปีใหม่กลายเป็นเรื่องลดไปเสียอีกไม่กลายเป็นเรื่องเพิ่ม เพราะไปทำอบายมุขยิ่งขึ้นกว่าปีเก่า ไม่ๆเห็นโทษของอบายมุขที่ทำให้ความเป็นมนุษย์มันลดลงไป อบายมุข ก็คือ สิ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมแก่โภคทรัพย์ โภคทรัพย์นี่ไม่เพียงแต่เงินทอง ข้าวของที่เสื่อมไป โภคทรัพย์อย่างยิ่งอย่างใหญ่หลวง คือ ความเป็นมนุษย์ของเรา ความเป็นมนุษย์ของเรา อันนี้ก็เสื่อมลงไปเพราะอบายมุขเป็นต้น แทนที่จะมากมันก็ลด นี่จึงเป็นที่น่าละอายแก่พืชพรรณตามธรรมชาติทั้งหลาย ที่มันเพิ่มส่วนมนุษย์กลับลด มนุษย์จะต้องตั้งหน้าตั้งตาทำให้ปีใหม่มีความหมาย คือ ดำรงกาย วาจา ใจ ให้ดีกว่าปีเก่า เห็นอบายมุขเป็นของน่าขยะแขยง แล้วก็เว้นขาด แล้วก็บังคับจิตได้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ คือ เป็นไปในความถูกต้อง ทุกอย่างก็มีความถูกต้องมากขึ้นกว่าปีเก่า และความสุขมันก็มากขึ้นกว่าปีเก่า เรื่อง อ่า, บังคับจิตไม่ได้นี่เป็นมูลเหตุสำคัญของความเสื่อมเสีย จะละบุหรี่ก็ละไม่ได้ จะละสุรายาเมาก็ละไม่ได้ จะละการเที่ยวกลางคืนก็ละไม่ได้ นี่บังคับจิตไม่ได้ ถ้าบังคับจิตได้ก็ต้องละสิ่งที่ควรละได้ แล้วก็ทำสิ่งที่ควรทำอย่างสนุกสนานไปเลย ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ที่ดีที่สุดก็คือมีความสุขเมื่อทำการงาน ขอให้เข้าใจกันอย่างถูกต้องเสียทีว่า การทำการงานนั้น อ่า, เป็นการปฏิบัติธรรม การงานคือการปฏิบัติธรรม ถ้าใครไม่เข้าใจก็คือคนนั้นไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักกระทำ ไม่รู้จักธรรมะ ขอย้ำอยู่เสมอว่าธรรมะมีความหมาย ๔ ความหมาย ธรรมชาติก็เป็นธรรม ความหมายหนึ่ง กฎของธรรมชาติก็เป็นธรรมในความหมายหนึ่ง หน้าที่ตามกฎของธรรมชาตินี้ก็เป็นธรรมในความหมายหนึ่ง ผลที่ได้รับจากการทำหน้าที่ก็เป็นธรรมในความหมายหนึ่ง รวมเป็น ๔ ความหมาย ความหมายที่ ๓ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาตินี้เป็นธรรม สิ่งที่มีชีวิตทุกชนิดต้องทำหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ มิฉะนั้นมันจะต้องตาย อย่าว่าแต่จะเจริญงอกงามเลย มันจะต้องสูญเสียชีวิต มันต้องทำหน้าที่ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ เพื่อรอดชีวิตและเพื่อก้าวหน้าสูงยิ่งขึ้นไป นี้เรียกว่าธรรม บางคนเข้าใจว่าปฏิบัติธรรม ต้องไปวัดหรือต้องใช้เงินเป็นรายจ่ายออกไป ที่ถูกแล้วเมื่อทำหน้าที่ของตน แม้จะเพื่อได้เงินมาก็ยังเป็นการปฏิบัติธรรม ต้นไม้ต้องปฏิบัติธรรม คือทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อให้มันรอดชีวิตอยู่ได้ นี้ธรรมะของต้นไม้ สัตว์เดรัจฉานก็ต้องปฏิบัติธรรม คือทำหน้าที่ของมันเพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้และเจริญยิ่งขึ้นไป นี้ธรรมะของสัตว์เดรัจฉาน อาตมานั่งดูไก่ อ่า, มันทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและ สนุกสนาน ในการเขี่ยอาหารกิน เลี้ยงลูก เลี้ยงเพื่อน เมตตาปราณีต่อกันและกันด้วย ไม่กินคนเดียว การทำหน้าที่ อ่า, ของสิ่งที่มีชีวิตเรียกว่าธรรมทั้งนั้น มนุษย์ก็ต้องประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อรอดชีวิตอยู่ได้ และเพื่อชีวิตนั้นเจริญงอกงาม อ่า, ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป นี่เราบังคับจิตได้ ให้ทำการงานสนุกสนาน ยิ่งเหงื่อออกมากก็ยิ่งเป็นสุข เพราะว่ามันมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีบุญมากขึ้น อ่า, คนขี้เกียจทำการงาน มันก็มีความเป็นมนุษย์ลดลง ก็ไม่น่าดีใจ เอ้อ, ที่ตรงไหน บางคนคิดว่า เป็นการได้เปรียบ มันไม่เป็นการได้อะไร มันมีแต่การเสียหาย คือมีความเป็นมนุษย์น้อยลงไป ทีนี้เราสนุกในการทำงาน ก็มีผลเกิดขึ้นมาก เพราะว่ามันสนุก ผลมันก็มาก เมื่อผลมันมาก เราก็กินก็ใช้แต่น้อย มันก็เหลือมากก็เอาไปช่วยเพื่อนมนุษย์กัน ไปช่วยเหลือผู้อื่น นี่ความรักผู้อื่นมันก็เกิดขึ้น อยู่กันอย่างมีเพื่อน ไม่มีศัตรู ความสามัคคี อ่า, ก็มีได้โดยง่ายเพราะว่าเรามันรักกัน จะทำอะไรก็ทำได้สำเร็จๆได้โดยง่าย อยู่กันอย่างที่เรียกว่า เรามีเพื่อนรอบตัวเรา ไม่มีศัตรูเลย เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรขอให้ท่านทั้งหลายคิดดู จนจะกล่าวได้ว่าทั้งโลกเลยมันอยู่กันด้วยความกลัว อยู่กันด้วยความหวาดกลัว ปิดประตูห้องแล้ว ใส่กลอนแล้ว เพื่อจะนอนแล้ว มันก็ยังอยู่ด้วยความหวาดกลัว กลัวคนจะบุกเข้าไปก็มี หรือว่ากลัวเหตุร้ายอย่างอื่นก็มี ที่กลัวกันเป็นถาวรนิรันดร ก็คือ กลัวการทำลายโลกด้วยการสงคราม ด้วยอาวุธมหาประลัยอย่างนี้เป็นต้น ยังมีความกลัวอย่างอื่น คือ ความไม่ปลอดภัย ความไม่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจน่ะ ก็อยู่กันด้วยความกลัว และคนรอบด้านก็ไม่เป็นมิตร นี่จะอยู่กันเป็นสุข อ่า, ได้อย่างไร อ่า, ขอให้คิดดู เดี๋ยวนี้เรามีหลักแล้วว่าถ้าปีใหม่ต้องทำให้มากกว่าปีเก่า มากสักเท่าไร จะทำความดีให้มากสักเท่าไร อาตมาว่าสำหรับมนุษย์ในปัจจุบันนี้ ต้องทำความดีให้มากขึ้น ๑๕๐ เท่า เพราะเหตุไร เพราะเหตุว่าไข่มันแพงขึ้น ๑๕๐ เท่า เมื่อ ๕๐ ปีมาแล้ว ไข่ฟองละ ๑ สตางค์ เดี๋ยวนี้ไข่ฟองละ ๑๕๐ สตางค์ เราจะอยู่เท่าเดิมได้อย่างไร เราก็ต้องทำความดีให้มากขึ้น ๑๕๐ เท่า แล้วไข่จะแพงขึ้น ๑๕๐ เท่า มันก็ไม่มีปัญหา เราจะต้องประหยัดก็ประหยัด ๑๕๐ เท่า หรือเราจะลดกามารมณ์ ลดกิเลสลง ๑๕๐ เท่า ถ้าถือหลักอย่างนี้แล้ว ให้ของมันแพงสัก ๑,๐๐๐ เท่า เราก็อยู่ได้ เราก็แก้ปัญหาได้ นั้นในโอกาสแห่งปีใหม่นี้ จงเตรียมตัวที่จะต้องเพิ่มก็เพิ่ม ๕๐ เท่า ในสิ่งที่จะต้องลด ประหยัด ก็ประหยัดสัก ๑๕๐ เท่า อย่ากลัวว่าจะตาย ให้มันมีสติปัญญา มันก็ขยับขยายปรับปรุงกันได้ เราก็มีทั้งทางได้และทางจ่าย มันเปลี่ยนแปลง ๑๕๐ เท่า เราก็เปลี่ยนแปลง ๑๕๐ เท่า ทั้งในทางรับและทั้งในทางจ่าย ให้มันสมดุลกันพอดี อ่า, ต่อไปตามเดิม ทีนี้อยากจะพูดถึงไอ้สิ่งที่น่าขันต่อไปอีกสักเล็กน้อย คือ การเขียนบัตรส่งความสุขปีใหม่ หรือจะเป็นเรื่องเขียนหลอกๆกันทั้งนั้นแหละ ไอ้คนเขียนบัตรปีใหม่ก็เขียนให้ท่านมีความสุขอย่างนั้นอย่างนี้ อ่า, ซึ่งตัวเองก็ไม่มีความสุข แม้สักเท่าปีกลิ้นมันก็มี มีแต่ความร้อนใจกระวนกระวาย หาความสุขไม่ได้ แล้วก็จะเขียนความสุขส่งให้แก่ผู้อื่นในเมื่อตัวเองก็ไม่มี นี่มันน่าหัว เรียกว่าเขียนหลอกๆกันอย่างเดิมทุกปีทุกปี อยากจะขอให้เขียนลงไปในบัตรความสุขว่า การงานคือการปฏิบัติธรรม การงานคือการปฏิบัติธรรม ไอ้คนที่มันยังไม่รู้ มันจะได้รู้เสีย มันจะได้หายโง่ มันจะได้ฉลาด มันจะได้รู้ว่าไอ้ทำงานหน้าที่ของตนนั่นแหละ ทำให้สนุกสนานที่สุดนั้น คือการปฏิบัติธรรมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ก็ไม่เป็นไร เป็นชาวนาก็ทำนาดีที่สุด เป็นชาวสวนก็ทำให้ดีที่สุด เป็นคนค้าขายก็ทำให้ดีที่สุด แจวเรือจ้างก็แจวให้ดีที่สุด กวาดถนนก็กวาดให้ดีที่สุด ถีบสามล้อก็ถีบให้ดีที่สุด คือทำด้วยความสนุกสนาน อาตมาสังเกตเห็นว่าเมื่อ สี่ห้าสิบปีก่อน คนเหล่านี้ทำงานด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่บ่น ไม่ด่าผีสางเทวดาไปพลางทำงานไปพลาง เดี๋ยวนี้คนขนาดมีรถยนต์ขับแท็กซี่เลี้ยงชีวิต มันก็นั่งด่าเทวดาไปพลาง นั่งด่ารัฐบาลไปพลาง ด่าผีไปพลาง ทรมานตัวเองไปพลาง นี่มันไม่ได้สนุกในการทำงาน สู้คนแจวเรือจ้าง อ้า, สมัยนู้นก็ไม่ได้ แจวเรือไปพลาง แกว่งเท้าข้างหนึ่งไปพลาง ร้องเพลงไปพลาง สรวลเสเฮฮากับคนโดยสารไปพลาง แจวเรือชั่วโมงหนึ่งได้ ๒ บาทเท่านั้นแหละ เขายังพอใจสนุกสนานอย่างยิ่งในการทำงาน นี่ขอให้ทุกคนมีความสุขเมื่อทำการงาน ความสุขของเราคือการทำงานด้วยความพอใจ ด้วยสติปัญญาด้วย อย่าไปมีความสุขในสถาน อ่า, กามารมณ์ ในสถานเลี้ยงกิเลสให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป ความสุขของเราอยู่ที่ได้ทำการงาน ด้วยความรู้สึกว่านี้ถูกต้องตามธรรมะ มีความเป็นมนุษย์ยิ่งๆขึ้นไป เพราะการทำงานนี้เราได้ประพฤติธรรมะแล้ว เราก็มีความยินดี ปีติในดัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองได้ แล้วจะไม่มีความสุขอย่างไง นี่ขอให้คิดดูกันตอนนี้ เพราะถ้าเราทำอะไรจนยกมือไหว้ตัวเองได้ มันต้องมีความสุข อ่า, เต็มที่อยู่ในนั้น การทำการงานทำให้ทุกอย่างมันก้าวหน้าไป ล่วงไปด้วยดี พูดได้เลยว่า การทำการงานนี้คือ การเดินทางไปสวรรค์ ถือปฏิบัติก้าวหน้าเพื่อบรรลุนิพพาน ถ้าเราสนุกในการทำงาน เราก็จะไม่ยากจน เราจะฉลาดเพราะทำการงานเป็น เราจะมีสติมากขึ้น เพราะเราฉลาดในการทำงาน เราจะมีวิริยะมากขึ้น เพราะเราขยันในการทำงาน มีสมาธิ มีปัญญามากขึ้นเพราะการทำงาน ปัญญานั้นจะช่วยให้รู้จักเลื่อนชั้น จนถึงขนาดที่เรียกว่าเบื่อหน่ายในวัฏสงสาร ต้องการจะไปนิพพาน การทำงานก็คือการเดินทางไปสวรรค์ ไปนิพพาน ตามลำดับอย่างนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขปีใหม่ ด้วยการทำงานให้ดีให้มากยิ่งๆขึ้นไป ก็จะเป็นของจริง ไอ้ของที่ทำลายเช่น อบายมุขเป็นต้น อย่าไปข้องแวะเลย ปีใหม่นี้อย่าดูวิทยุ เอ้ย, อย่าฟังวิทยุ อย่าดูโทรทัศน์ ไอ้โปรแกรมที่มันทำให้จิตทราม วิทยุบางโปรแกรม โทรทัศน์บางโปรแกรม ทำให้จิตของเด็กๆทราม เสียเวลาก็มี สอบไล่ตกก็มี ปีใหม่นี้อย่าฟังวิทยุโปรแกรมชนิดนี้ อย่าดูโทรทัศน์โปรแกรมชนิดนี้ นี่จะเป็นความสุขปีใหม่ ขอช่วยกันระวังสังวรให้ดีๆ ทำเป็นความสุขปีใหม่ขึ้นมาให้ได้ พระเจ้าอวยพรเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่ของมนุษย์ อย่าไปอ้างพระเจ้าให้ป่วยการ(นาทีที่ 21.12-นาททีที่ 21.14 ตัวเทปมีปัญหา ไม่สามารถรับฟังได้) อย่าไปอ้างพระเจ้าให้ป่วยการ พระเจ้าจะอวยพรเฉพาะผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของมนุษย์เท่านั้น เราตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของมนุษย์เท่านั้น พระเจ้าก็จะอวยพรเอง ไม่ต้องไปง้องอนอะไรกับพระเจ้า พระเจ้านั้นยุติธรรมอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าสิ่งใดแหละ นั้นขอให้เราทำสิ่งที่ตรงตามความประสงค์ อ่า, ของพระเจ้า พระเจ้าก็อวยพรเอง พระเจ้าต้องการให้เราทำหน้าที่ของมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่ดี เป็นบุตรของพระเจ้าโดยตรง ทุกคนทำตนให้เป็นที่พอใจของพระเจ้าได้ ด้วยการทำหน้าที่ของตนให้ยิ่งขึ้นไป ให้ยิ่งขึ้นไป เอ่อ, ของแพงอีกกี่ ๑,๐๐๐ เท่า คนนี้ก็ไม่เดือดร้อน เอ่อ, คนที่ทำจนถูกใจพระเจ้านี่ จะไม่มีอะไรที่จะทำให้เดือดร้อน เมื่อไม่ทำให้ถูกใจพระเจ้านั่นแหละจะเป็นทุกข์ จะเป็นทุกข์ แล้วก็จะต้องละอายแม้แก่แมว แมวไม่เป็นทุกข์ ดูความที่แมวไม่เป็นทุกข์ แมวไม่ได้คิดว่าพรุ่งนี้จะกินข้าวกับอะไร ลูกจะมีเงินเสียค่าเทอมหรือไม่ ไอ้เหล่านี้มันไม่มีแต่แมว เรียกว่าแมวไม่เป็นทุกข์ ถ้ามนุษย์เป็นทุกข์ มันก็ต้องละอายแก่แมว ขอให้ระวังให้ดีว่าไอ้ความสุขปีใหม่นี้ ต้องทำไม่ให้ละอายแก่แมว ดำรงจิตไว้ให้ถูกต้อง ไม่มีร้องไห้ ไม่มีหัวเราะ มันเป็นบ้าทั้งสองอย่าง ร้องไห้ตั้งใจไว้ไม่ถูก หัวเราะก็ดำรงใจไว้ไม่ถูก มันโง่มันหลง อ้า, มันหลงยึดมั่นถือมั่น มันหัวเราะ ยึดมั่นทางหนึ่งมันก็ร้องไห้ ยึดมั่นอีกทางหนึ่งก็หัวเราะ ทางที่ดีที่สุด จงอยู่ระหว่างกลาง อย่าต้องร้องไห้ อย่าต้องหัวเราะ อยู่ในระหว่างร้องไห้และหัวเราะ ที่ตรงนั้นแหละมีความสงบสุขที่สุด เรียกว่าเป็นการดำรงจิตไว้ถูกต้อง ปีใหม่นี้เราต้องดำรงจิตไว้ถูกต้องกว่าปีเก่า อย่าต้องหัวเราะ อย่าต้องร้องไห้ อยู่ตรงกลาง การอยู่ตรงกลางเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา บางคนไม่รู้ก็จะว่าหาว่าเอาเอง พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เองว่า มัชฌิมาปฏิปทา นี่ตถาคตไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อน ไม่ได้รับความรู้นี้มาจากใคร เป็นความรู้ขึ้นมาเองว่า มัชฌิมาปฏิปทา อยู่ตรงกลาง ถ้าอยู่ตรงกลางแล้วก็จะเป็นนิพพาน ไม่มีความทุกข์เลย อย่าไปหลงชั่ว อย่าไปหลงดี อยู่ที่ตรงกลางระหว่างชั่วกับดี ไม่ดี ไม่ชั่ว อยู่เหนือชั่วเหนือดี ตรงนั้นเป็นนิพพาน ชั่วมันก็ทำให้ยุ่งไปตามแบบชั่ว ดีก็ทำให้ยุ่งไปตามแบบดี ไม่ต้องการจะยุ่งอะไร ก็จงอยู่ตรงกลางระหว่างชั่วกับดี นี่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา หรือว่าขาดทุนกับกำไร หัวใจอย่าไปหลงกำไร อย่าไปกลัวขาดทุน ตั้งใจทำให้มีจิตใจปรกติ ไม่ยึดถือกำไรไม่ยึดถือขาดทุน จิตก็ปรกติหรือนอนหลับ มิฉะนั้นจะวิตกกังวล ปวดศีรษะเป็นโรคประสาท และเป็นบ้าในที่สุด เพราะไปหลงยึดมั่นถือมั่นเรื่องกำไรเรื่องขาดทุน เรื่องแพ้เรื่องชนะนี้ก็เหมือนกัน ระมัดระวังให้ดี อยุ่ตรงระหว่างกลาง เราไม่แพ้และเราก็ไม่ชนะ เราก็ไม่หมายมั่นเรื่องความชนะ ทำไปตามหน้าที่จิตใจไม่ยึดถือ เอ่อ, แพ้ก็นอนไม่หลับ ชนะก็ถูกจองเวร ก็ระแวงนอนไม่หลับเหมือนกัน อยู่ระหว่างกลางไม่แพ้ไม่ชนะ ที่สูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปอีก ใหม่มากขึ้นไปอีก เพราะว่าอยู่ระหว่างบุญกับบาป บาปมันก็เผารน ไอ้บุญมันก็หลอกล่อ ให้ยึดถือ เอ่อ, เราอยู่ตรงกลางระหว่างบุญกับบาป เป็นที่ว่างตรงนั้น เป็นที่ว่างเป็นที่หลบซ่อนไม่มีกิเลส ไม่มีวัฏสงสาร มีแต่ความว่างเป็นพระนิพพาน อยู่ระหว่างบุญระหว่างบาป ทีนี้จะพูดให้ขบขันสำหรับท่านทั้งหลายว่า จะอยู่ระหว่างสุขกับทุกข์ สุขก็ไม่เอากับมัน ทุกข์ก็ไม่เอากับมัน อยู่ตรงระหว่างกลาง ที่ว่างตรงนั้นไม่เป็นสุข ไม่เป็นทุกข์ นั่นแหละเป็นพระนิพพาน เดี๋ยวนี้มันหลงความสุขปีใหม่ นี้มันเห่อๆตามๆกันทั้งที่ไม่รู้ว่า ไอ้ความสุขนั้นคืออะไร ไปยึดถือมันเข้า มันก็ขบกัดเอาเหมือนกันแหละ เราไม่สุขไม่ทุกข์กันดีกว่า มีชีวิตชนิดที่ไม่เป็นทาสของอะไร ไม่เป็นทาสของความสุข ไม่เป็นทาสของความทุกข์ และเดี๋ยวนี้ก็จะพูดถึงเรื่องความสุขปีใหม่กันทำไม อาตมายังไม่ทันบอกนะ จะบอกว่าไอ้ความสุขปีใหม่นั้นคือ อยู่ระหว่างกลางทั้งความสุขกับความทุกข์น่ะ จึงจะเป็นความสุขปีใหม่ ท่านเคยถูกความสุขปีเก่ากัดเอาเจ็บปวด หรือความทุกข์เก่ากัดเอาเจ็บปวด เดี๋ยวนี้เรามาหาความสุขใหม่กันก็คือ อยู่ระหว่างกลางตรง ระหว่างความสุขกับความทุกข์ ไม่มีอะไรกัดเพราะมันว่าง มีอะไรๆก็ขอให้เป็นพระพุทธศาสนาเถิด คือ มัชฌิมาปฏิปทา อยู่ตรงกลาง อย่าไปยึดถือความมั่งมีมันก็กัดเอา หัวใจปวดร้าว อย่าไปยึดถือความยากจน มันทนไม่ไหว อยู่ระหว่างความมั่งมีและความยากจน คือในจิตใจของเราไม่มีความหมายแห่งความมั่งมีหรือยากจน นี้เป็นจิตว่าง ไม่ยึดถืออะไรก็สบายดี ว่างอย่างยิ่งนั้นท่านเรียกว่า พระนิพพาน เรายังไม่ถึงพระนิพพานแท้ ก็เป็นพระนิพพานน้อยๆ เป็นนิพพานชั่วคราวอ่า, ไปก่อนก็แล้วกัน จึงหวังว่าท่านทั้งหลาย จะสามารถถือเอาได้ ซึ่งความสุขปีใหม่ อ่า, ที่ยิ่งไปกว่าปีเก่า คือไม่ให้มีความทนทรมานอะไรเจือปนอยู่เลย มีแต่ความสงบเย็น ตรงตามความหมายของคำว่านิพพาน นิพพานแปลว่า เย็น เย็นกาย เย็นใจ เย็นสติปัญญา เย็นความคิดความเห็น เย็นหมดนี่เรียกว่า พระนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านค้นพบว่าสิ่งนี้มันอยู่ตรงกลาง ระหว่างซ้ายระหว่างขวา ระหว่างสุดโต่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันอยู่ตรงกลาง จงดำรงตนให้อยู่ในทางสายกลาง ยิ่งๆขึ้นไปทุกปีก็จะได้พบความสุขปีใหม่โดยแท้จริง ขอให้เราได้พบธรรมะข้อนี้ ตั้งตนอยู่ในธรรมะข้อนี้ ด้วยความพอใจ ด้วยความกล้าหาญ มีความสุขสงบเย็นอันเป็นความหมายของ พระนิพพาน อยู่ อ่า, ทุกคน ทุกแห่ง ทุกหน ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ