แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย รายการบรรยายพุทธธรรมนำสุขในครั้งนี้ อาตมาก็จะกล่าวด้วยหัวข้อเดียวกันกับครั้งที่แล้วมาว่า บวชอยู่ที่บ้าน โดยการประพฤติตามแนวแห่งฆราวาสธรรม ๔ ประการ ฆราวาสนั้นก็แปลว่าผู้ครองเรือน ผู้อยู่เรือน มีทรัพย์สมบัติ บุตร ภรรยา สามี อยู่ที่บ้านที่เรือน ทำอย่างไรจะให้เป็นเสมือนการบวชอยู่ที่บ้าน หรือเป็นการประพฤติพรมจรรย์อยู่ที่บ้าน คำว่าพรมจรรย์นั้นมีความหมายว่า
ประพฤติพิเศษยิ่งกว่าธรรมดาเท่านั้นเอง ถือว่าประพฤติปฏิบัติยิ่งกว่าธรรมดาก็เรียกว่าพรหมจรรย์ เดี๋ยวนี้ฆารวาสธรรมทั้งหลายนั่นแหละ ขอให้ฆารวาสทั้งหลายตั้งใจฟังให้ดี เพราะว่าสามารถที่จะบวชอยู่ที่บ้านโดยมีฆารวาสเป็นพรหมจรรย์
ข้อที่ ๑. สัจจะ เป็นผู้มีความจริงใจต่อตัวเอง ต่อมนุษย์ภาวา คือความเป็นมนุษย์ของตนเอง คนโดยมากมักไม่เคยคิดถึงข้อนี้ คือไม่ซื่อสัตย์ตรงต่อความเป็นมนุษย์ของตนเอง ปล่อยไปตามกิเลส เป็นคนเกเร เป็นคนเกเร ไปเสียทุกอย่าง ไม่จริง ไม่จัง ไม่ทำให้ดีที่สุดในส่วนที่คิดว่าจะทำได้ ปล่อยไปตามสบายก็เกเร แต่เดี๋ยวนี้จะมีสัจจะ ซื่อตรงต่อความเป็นมนุษย์ของตนเอง จะรักษาไว้ให้เป็นอย่างดี เมื่อตรงต่อตัวเองแล้ว มันก็เป็นเหตุให้ตรง ซื่อตรงต่อผู้อื่น ต่อหน้าที่การงาน ต่อเวลา หรือต่อทุกอย่างที่จะต้องซื่อตรง เลยกลายเป็นคนมีสัจจะ คนที่มีความเป็นอยู่อย่างซื่อตรงต่อความเป็นมนุษย์ของตนเองนี้ เขาเป็นคนกบฎต่อกิเลสอยู่โดยทุกวิถีทาง เมื่อเขาเป็นคนตรงต่อตนเอง เขาก็จะเป็นกบฎต่อกิเลสอยู่ทุกวิถีทาง คือว่าการกระทำนั้นจะเป็นข้าศึกแก่กิเลส จะขับไล่กิเลส จะเพิกถอนกิเลสอยู่เป็นปรกติ ดังนั้นขอให้ทุกท่าน สังเกตความข้อนี้ดีๆ ว่าซื่อตรงต่อตนเอง เป็นยอดสุดของการซื่อตรงต่อสิ่งอื่น ผู้อื่น ถ้าไม่ซื่อตรงต่อตนเองแล้ว ไม่มีหวัง ไม่มีหนทาง ไม่มีโอกาส ที่จะซื่อตรงต่ออะไรได้ เป็นผู้เคารพนับถือต่อตัวเองอย่างซื่อตรงต่อตัวเองแล้ว จะซื่อตรงต่อทุกสิ่งทุกอย่าง นี้เป็นข้อแรก และมีสัจจะเป็นจิตใจ
ข้อที่ ๒ . มีธรรมะบังคับกิเลส คือบังคับตนเองนั่นเอง บังคับตนก็คือบังคับกิเลส บังคับกิเลสก็คือ บังคับตน แต่ว่าทำด้วยสติปัญญา อาศัยความซื่อตรงต่อตนเองด้วยเหมือนกัน จึงจะมีความเข้มแข็งในการที่จะบังคับกิเลส เป็นการบังคับกิเลสด้วยสติปัญญา ไม่ใช่บังคับกิเลสด้วยโมหะ หรือความโง่อย่างพวกคนโง่เขาตั้งใจจะทำ ใช้ความบ้าบิ่นทำอย่างนี้ไม่สำเร็จประโยชน์แก่การที่จะบังคับกิเลส เขาจะต้องมีสติปัญญาสามารถมากพอ เปรียบเสมือนว่านายควานช้างชั้นพิเศษ ชั้นเลิศ ชั้นหมอ สามารถจะบังคับช้างที่ตกมันอาละวาดได้ด้วยสติปัญญา ความสามารถของตน จิตนี้ก็เป็นอย่างเดียวกันกับช้างที่ตกมัน พร้อมที่จะทำอันตรายให้แก่ผู้บังคับ ที่บังคับอย่างโง่เขลา คนที่โลเลด้วยแล้วก็ยิ่งไม่มีทางจะทำได้ เราจึงถือเสมือนหนึ่งว่าเป็นควานช้างบังคับจิต จิตคือช้างที่ตกมัน มันบ้า มันอาละวาด มันเกเร มันเป็นอันตรายด้วยในที่สุด
ที่นี้ข้อต่อไป ก็ต้องมีขันตีคือความอดกลั้นอดทน ความอดกลั้นอดทนนี้ ไม่มีความอดกลั้นอดทนไหนจะยิ่งไปกว่าการอดกลั้นอดทนต่อการบีบคั้นของกิเลส กิเลสเกิดขึ้นบีบคั้นจิต ก็เป็นสิ่งที่มีอำนาจสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด สู้ไม่ได้ก็ต้องยอมแพ้ทำไปตามอำนาจของกิเลส โดยเฉพาะกิเลสประเภทตัวกู ประเภทของกู ที่นี้มันบีบคั้นให้เป็นไปในทางที่เป็นโทษ เป็นทุกข์ เป็นภัย เป็นอันตราย กิเลสประเภทตัวกูบีบคั้นต้องทนได้ ถ้าทนต่อการบีบคั้นของกิเลสได้ ก็จะทนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สอนกันแต่เพียงว่าอดทน อดทนต่อความลำบาก เจ็บไข้ อดทนต่อการตรากตรำเมื่อทำการงาน อดทนต่อคำด่าทอกล่าวร้ายของผู้อื่น ๓ อย่างนี้ยังไม่ร้าย ยังไม่เป็นการอดทนที่สูงสุดเหมือนการอดทนต่อการบีบคั้นของกิเลส และกล่าวได้ว่าการอดทนทุกอย่างขึ้นอยู่กับการอดทนต่อการบีบคั้นของกิเลส ถ้าทนต่อการบีบคั้นของกิเลสได้แล้ว ย่อมทนต่อการบีบคั้นของสิ่งทั้งปวงได้ เช่นว่าเจ็บไข้ มันอยากจะร้องครางขึ้นมา อยากจะกระวนกระวาย เอ๊ะอ๊ะขึ้นมา นั้นมันก็เพราะ ไม่ทนต่อการบีบคั้นของกิเลสประเภทตัวกู ของตัวกู บางคนถือทิฐิมานะว่ากูต้องคราง อย่างนี้ก็มี บางคนมีความรู้ว่าได้ครางแล้วมันหายเจ็บ อย่างนี้ก็มี นี่มันอยู่ใต้อำนาจของกิเลสประเภทโมหะ หรือตัวกูของกูมากเกินไป หรือว่าจะอดทนต่อความเหน็ดเหนื่อยตรากตรำในทำงาน กิเลสบีบคั้นให้ทิ้งงานไปเที่ยวเสีย ถ้าอดทนต่อการบีบคั้นของกิเลสไม่ได้ ก็ทิ้งงานไปเที่ยวเสียจริงๆด้วยเหมือนกัน ก็เลยไม่อดทนต่อความตรากตรำ เพราะไม่อดทนต่อการบีบคั้นของกิเลสนั่นเอง ข้อที่เขามาด่าว่า กล่าวร้าย ดูหมิ่น สบประมาทแล้วอดทนไม่ได้ ก็เพราะตัวกูของกูมันไม่อดทน มันทนไม่ได้ กิเลสประเภทตัวกูของกู มันต้องการให้ด่าตอบ ตีตอบ โกรธตอบ ทนอยู่ไม่ได้ มันก็ต้องทำไปอย่างที่เรียกว่ากิเลสบ่งการให้ทำ มันจึงเกิดการ ด่าตอบ ตีตอบ กระทำตอบ อย่างนี้เรียกว่าไม่มีขันตี ข้อนี้จำเป็นเนื่องกันกับข้อต้นคือว่า การที่เราจะบังคับตัวเองได้นั้น ต้องพร้อมที่จะอดทน ถ้าไม่พร้อมที่จะอดทนก็ยากที่จะบังคับตัวเอง เพราะว่ามีความแน่ใจในการที่จะอดทน ก็บังคับได้โดยไม่ยากเลย ดังนั้นเราจึงรับภาวะอดทนเพื่อบังคับตัวเองให้สำเร็จประโยชน์
ที่นี้ก็ข้อสุดท้าย คือจะสละทุกสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตน คำว่าจาคะ จาคะนี้ เรามักจะรู้จักกันแต่เรื่องทำบุญ ทำทาน แต่มีจาคะสูงสุดกว่านั้นมาก คือจาคะ สละในทางจิตใจ สละสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในจิตใจ อะไร จะเป็นกิเลสโดยตรงก็ดี จะเป็นนิวรณ์ก็ดี จะเป็นกรรมกิเลส คือการกระทำออกมาทางกาย วาจาก็ดี ถ้ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตนแล้ว รีบสละ รีบละ กรรมกิเลส การกระทำชั่ว ละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ละนิวรณ์ ๕ ประการ คือ กามฉันทะ พยาปาทะ ถีนมินธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา อย่างนี้ได้ชื่อว่า ละสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตน เป็นจาคะในด้านจิตใจ ตามที่จริงจาคะทางวัตถุ ให้สิ่งของ ให้ปันสิ่งของนั้นมันก็เพื่อจะละความตระหนี่ถี่เหนียวในด้านจิตใจ เป็นเรื่องที่สอนกันได้ง่ายๆ ทำกันได้ง่ายๆ เป็นเรื่องทางวัตถุ ก็มักจะคิดกันแต่เพียงเท่านั้น หาได้คิดไม่ว่า ถ้าสละสิ่งของนั้นออกไปได้แล้ว ก็เป็นการสละความตระหนี่ หรือมัจฉริยะ ซึ่งเป็นกิเลสประเภทเหนียวแน่นอย่างหนึ่งด้วย เราจะต้องผ่อนคลายความบีบคั้นของกิเลส หรือความที่จะต้องอดทนของกิเลส เป็นเหมือนกับรูรั่วคอยระบายความกดดันอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้เกิดความกดดันจนถึงขั้นระเบิดตูมตามออกมา
นี่ก็เรียกว่ามีลิ้นระบาย เหมือนลิ้นระบายความกดดันของเครื่องจักร เครื่องยนต์ ทุกเครื่องที่สมบูรณ์จะต้องมีลิ้นที่ระบายความดันที่สูงเกินขอบเขต คงเอาไว้แต่ที่พอดี จาคะแปลว่าสละออกไป ใจความสั้นๆ ก็คือว่าสละสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตน แล้วก็ประพฤติกระทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี จารีตประเพณี ให้ทำบุญ ทำทาน สวดมนต์ภาวนา รักษาศีลอย่างไรก็ทำ และสูงขึ้นไปจนกระทั่ง ทำสมาธิ ทำวิปัสสนา ก็เพื่อจะสละเสียซึ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตนในอันดับสูง คือกิเลสอันละเอียดนั่นเอง ขอให้เป็นผู้สละสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในตนเป็นประจำ เป็นนิสัย ก็จะเป็นการบวชอย่างยิ่งอยู่ในบ้านเรือนนั่นแหละ เป็นการบวชที่ดีที่จริงๆ ยิ่งไปกว่าพวกที่ไปบวชอยู่ตามวัด แต่ยังเหลวไหลโลเลอยู่ อยู่ที่บ้านก็สามารถที่จะประพฤติพรหมจรรย์กันได้อย่างเคร่งครัด สามารถทำความเข้าใจกันได้ ปรองดองกันได้ระหว่างบุตรภรรยาสามี หรือคนข้างเคียง ให้ทุกคนพากันประพฤติธรรมะ แม้ที่เรียกว่า ฆาราวาสธรรม ๔ ประการนี้ เป็นอย่างขั้นอุกฤต เป็นอย่างชั้นที่เรียกว่าสูงสุดที่จะทำได้ เพราะมีความตั้งใจจริง มีกำลังใจที่เข้มแข็ง เป็นฆราวาสที่ไม่ยอมแพ้ เมื่อออกบวชไปอยู่วัดอยู่ป่าไม่ได้ ก็บวชเป็นนักบวชชั้นเลิศอยู่ที่บ้าน ที่เรือนนั่นเอง หวังว่าท่านทั้งหลายจะรู้จักใช้ประโยชน์อันนี้ คือประโยชน์จากการบวชที่อยู่บ้านเรือน
การบวชที่อยู่บ้าน การบวชที่อยู่บ้านได้ด้วยกันทุกคน แล้วแล้วประสบความสุขสวัสดี จากการกระทำอันนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ทุกผู้ทุกนามเทอญ.