แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย รายการพุทธธรรมนำสุขในครั้งนี้ อาตมาจะได้กล่าวโดยหัวข้อว่า เตรียมการเลื่อนชั้นแห่งจิตใจกันเถิด
เตรียมการเลื่อนชั้นแห่งจิตใจกันเถิด
จิตใจเป็นสิ่งที่เลื่อนชั้นได้ จึงเตรียมการเลื่อนชั้นจิตใจให้สูงยิ่งขึ้นไปกว่าที่แล้วมาด้วยกันจงทุกคนเถิด เพื่อเป็นการต้อนรับปีที่สมมติเรียกว่าปีใหม่ มันจะก้าวหน้าแปลกออกไป แม้ว่าจะเรียกว่าปีใหม่ มันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปเช่นนั้นเองตามกฎของอิทัปปัจจยตามันก็คือเก่ายิ่งกว่าเก่า หมายความว่าการทำอย่างนี้แล้วได้รับผลอย่างนี้ มันมีมาแต่อนันตกาลโน้นแล้วยังคงเป็นอย่างนี้ ไม่มากกว่าความเป็นอย่างนี้ มีความสุข ไม่มีความทุกข์เลย คือไม่มีความทุกข์เลย หรือเรียกกันว่ามีความสุขถึงที่สุดน่ะ มันเป็นเพราะประพฤติถูกต้อง ตามกฎของธรรมชาติอันนี้ ซึ่งช่วยให้จิตใจมันเลื่อน เลื่อนขึ้นไปอยู่สูงเหนือความทุกข์ เหนือปัญหาโดยประการทั้งปวง ในชั้นแรกนี้ขอให้ทราบความจริงข้อหนึ่งก่อนว่าสิ่งที่เรียกว่าจิต จิตนั้นเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ จิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ คือเลื่อนชั้นได้ และเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาด้วย ไม่พัฒนาไม่ได้ ไม่พัฒนาแล้วจะให้โทษอย่างร้ายกาจยิ่งกว่าสิ่งใด การดำรงจิตไว้ผิดนั้น มันจะมีโทษร้ายเกิดขึ้นยิ่งกว่าศัตรูทั้งหมดรวมกันกระทำก็ยังไม่เท่ากับว่าจิตที่ตั้งไว้ผิด ถ้าจิตตั้งไว้ถูกแล้วจะได้รับความสุขสวัสดียิ่งกว่ามิตรสหายทั้งหลายทั้งโลกทั้งจักรวาลจะมาช่วยกันทำ ให้ผู้หวังดีทั้งโลกทั้งจักรวาลมาช่วยกันทำก็ยังไม่เป็นผลดีเท่ากับว่าจิตที่จะตั้งไว้ถูกต้อง ฉะนั้นขอให้เราเลื่อนชั้นของจิตขึ้นไปตามลำดับ จนไปอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าตั้งไว้อย่างถูกต้อง
พัฒนาจิต เลื่อนชั้นจิตได้อย่างไร ตอบ ด้วยการดำเนินไปตามกฎของอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ เรียกเป็นบาลีฟังยุ่งยากว่าอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ เรียกธรรมดาภาษาชาวบ้านเรียกว่าทางสายกลาง ทางสายกลางประกอบไปด้วยองค์แปด ทำงานทุกชนิดให้ถูกต้องตามกฎของทางสายกลาง ไม่มากไม่น้อย ไม่เคร่งไม่ครัด ไม่หย่อนไม่ยานแต่ถูกต้องและพอดี นี่เรียกว่าเดินตามทางของอริยมรรคมีองค์ ๘ แม้จะทำไร่ทำนา ค้าขายหรือจะเป็นงานกรรมกร งานราชการ แม้แต่จะเป็นคนขอทานสูงขึ้นไปถึงมหาจักรพรรดิสูงขึ้นไปถึงเทวดาในสวรรค์ทุกชั้น ทุกชั้น เขาก็ยังจะต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎของอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการจึงจะไม่เป็นทุกข์
องค์ที่ ๑ คือมีสัมมาทิฐิ รู้จักว่าสิ่งที่ทำนั้นคืออะไร มาจากอะไร เพื่อประโยชน์อันใดและโดยวิธีใด เช่นจะทำนาอย่างนี้ ก็รู้ว่าทำนานี้มันคืออะไร ทำนานี้มาจากอะไร เพื่อประโยชน์อะไร โดยวิธีใด มันก็รู้ได้ทำนานี้คือทำให้มันมีอาหารกิน ที่มันเกิดขึ้น เกิดการทำนาขึ้นเพราะไม่มีอาหารจะกิน หรือว่ามันเป็นวิธีที่สะดวกกว่าอย่างอื่นที่จะมีอาหารกิน ก็เพื่อประโยชน์อันนี้แหละ เพื่อจะให้อยู่สะดวกสบาย ก็โดยวิธีใด ก็คือโดยวิธีที่มันถูกต้อง พอดี พอเหมาะ พอสมแก่หน้าที่การงานนั้น ๆ นี่เรียกว่าเป็นองค์มรรคที่ ๑ เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเห็นความจริงข้อนี้ อย่างนี้แล้ว มันก็เกิดความอยาก ปรารถนาที่จะกระทำ ความปรารถนาที่จะกระทำนี่เป็นองค์มรรคที่ ๒ เรียกว่าความดำริถูกต้อง ทีนี้ก็กระทำ การกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา มีการกล่าววาจาถูกต้อง มีการกระทำทางกายถูกต้อง มีการดำรงชีวิตอย่างถูกต้อง ชนิดที่มีความหมายเป็นการทำนาที่ดี แล้วจึงจะเรียกว่ามีวาจาถูกต้อง การงานถูกต้อง ดำรงชีพถูกต้อง เป็นองค์ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ต่อไปนี้ก็มีความพากเพียรเต็มที่ในความถูกต้องอันนี้ เรียกว่ามีความพากเพียรถูกต้องเป็นองค์ที่ ๖ และก็มีสติควบคุมไว้ให้มันถูกต้องอยู่ตลอดไป เรียกว่ามีสติถูกต้อง เป็นองค์ที่ ๗ และก็มีสมาธิแน่วแน่อยู่ในการกระทำอันนั้น เรียกว่ามีความถูกต้อง ในส่วนสุดท้ายสมาธิปักใจมั่น ตั้งใจมั่นในการกระทำ ก็กระทำไปได้ด้วยดีจนกระทั่งได้รับผลสุดท้าย มีตัวสมาธิเป็นตัวยืนหยัดอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องประพฤติอย่างนี้ในการทำไม่ว่าที่จะกระทำอะไร กระทำให้ถูกต้องตามหลักของอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือรู้สิ่ง รู้จักสิ่งนั้นอย่างถูกต้องจนอยากจะทำสิ่งนั้นจริง ๆ มีความพอใจที่จะกระทำสิ่งนั้นจริง ๆ และก็กระทำลงไปโดยวาจา โดยร่างกาย โดยการดำรงชีวิต และก็มีความพากเพียรเต็มที่ มีสติเต็มที่ มีสมาธิเต็มที่ในการกระทำนั้น เนี่ยเป็นการท้าทายได้เลยว่าไม่ว่ากระทำอะไรจะสำเร็จหมดทุกอย่าง จะกระทำเรื่องมันโลกโลก อยู่ในโลกนี้ จะกระทำการค้าขายก็ได้ หรือจะบรรลุมรรคผลนิพพานไปเหนือโลกก็ยังได้ นี่เป็นหลักที่ประเสริฐ สำคัญ อย่างนี้คือจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้
จิตได้รับการพัฒนาให้สามารถทำหน้าที่อยู่ด้วยความถูกต้องทั้ง ๘ ประการนี้อยู่ตลอดเวลา ทำได้ทุกอิริยาบถ ทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอนหรืออยู่ในอิริยาบถไหนก็ทำได้ทุกอิริยาบถแหละความถูกต้อง และทุกสถานที่ไม่ว่าที่นี่หรือที่ไหน ในที่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกไหน จึงกล่าวได้ว่าสามารถจะทำได้ทุกวินาทีและทุกกระเบียดนิ้ว โดยกาลเวลาก็ว่ากระทำได้ทุกวินาทีถูกต้อง โดยเทศะ กระทำได้ทุกกระเบียดนิ้ว มี การกระทำถูกต้อง มีจิตที่ตั้งไว้ถูกต้อง มันก็ง่ายที่จะกระทำอย่างถูกต้อง ท่านจึงยกเอาจิตที่มันบริสุทธิ์คือ ไม่ยึดมั่นด้วยตัวกู ของกู จนจิตกระสับกระส่าย ที่เราทำอะไรแล้วเป็นทุกข์ก็เพราะมันมีความยึดมั่นเป็นตัวกู ของกู ว่ากูจะทำไม่สำเร็จ กูจะไม่ได้ กูจะขาดทุน กูจะประสบความวิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างนี้มันมีตัวกูเข้ามาแทรกแซง จิตอย่างนี้มันให้เกิดความรู้สึกที่เป็นทุกข์ หนัก เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เต็มไปด้วยความวิตกกังวล หวาดระแวงว่ามันจะไม่ถูกต้อง ว่ามันจะไม่ได้ตามที่เราต้องการ เอาตัวกู ความรู้สึกอย่างนี้ที่เรียกว่าความรู้สึกว่าตัวกู ของกูออกไปเสียให้เหลือจิตเกลี้ยง ให้เหลือจิตที่ว่าง คือจิตที่บริสุทธิ์ คือจิตที่มันสะอาด จิตที่มันเข้มแข็ง จิตที่มันว่องไวในหน้าที่เพราะมันไม่มี ตัวกู ของกูมาเกะกะอยู่ นี้เรียกว่าเป็นการเลื่อนชั้นแห่งจิตใจอยู่เหนือปัญหาทั้งปวง ไม่มีความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความวิตกกังวล ความอาลัยอาวรณ์ ความอิจฉาริษยา ความหึงความหวงอะไรต่าง ๆ นานา ซึ่งกัดกินจิตใจของมนุษย์ให้กร่อนอยู่ตลอดเวลานั้น มันไม่มี ฉะนั้นก็เลยจิตใจนี้ก็เจริญ งอกงาม รุ่งเรือง เบิกบาน เป็นอิสระอยู่ เรียกว่าความหลุดพ้น ในพระบาลีใช้คำว่าความหลุดพ้น คือเป็นจิตที่ไม่มีปัญหาใด ๆ ไม่มีความรัก โกรธ เกลียด กลัวเป็นต้น เป็นอิสระ คือไม่มีอะไรมาบีบบังคับจิตได้ เป็นจิตที่สงบเย็นเพราะไม่มีไฟคือ กิเลส และเป็นจิตที่เรียกว่าสูงสุด ถึงที่สุดที่จิตของมนุษย์จะเข้าถึงได้ แล้วก็เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าบรรลุพระนิพพาน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีการอธิบายสั่งสอนกันให้เป็นที่เข้าใจว่าพระนิพพานคืออะไร คนจึงกลัวพระนิพพาน คนธรรมดามีแต่เรื่องตัวกู มีแต่เรื่องของกู พอได้ฟังคำว่านิพพาน นิพพานก็กลัว วิ่งหนีหมด ไม่อยากจะสนใจเรื่องนิพพาน ที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เพราะว่าพระนิพพานนี้มันดับตัวกู มันดับของกูเสียจนหมดสิ้น เหลือแต่จิตใจที่บริสุทธิ์สะอาดอย่างเดียว มันก็น่ากลัว คนธรรมดาจึงกลัวต่อนิพพาน ไม่ต้องการพระนิพพาน พระนิพพานจึงเป็นหมันสำหรับคนเหล่านั้น แต่ไม่เป็นหมันสำหรับคนเหล่าโน้น คนที่เขารู้จักพระนิพพานอย่างถูกต้อง กอบโกยประโยชน์จากพระนิพพานได้อยู่ตลอดเวลา ก็ไม่เป็นหมัน แต่เป็นหมันสำหรับคนที่ไม่รู้จักพระนิพพาน แล้วก็กลัวพระนิพพาน กลัวว่ามันจืดชืด มันไม่สนุกสนาน มันไม่มีรส มีชาติใด ๆ ตายซะยังดีกว่า นี่มันเข้าใจผิดกันอย่างนี้ แต่ถ้ามีการเลื่อนชั้นจิตใจที่ถูกต้อง คือจะรู้จักเข้าใจในความหมายของพระนิพพานหรือของความหลุดพ้น ความเป็นอิสระแห่งจิต ความบริสุทธิ์แห่งจิตเนี่ย รู้มากขึ้น มากขึ้นก็ไม่กลัว ก็ต้องการที่จะให้มีอย่างนั้น และก็กระทำให้ได้อย่างนั้นอยู่เป็นประจำ อย่างนี้เรียกว่าเตรียมการเลื่อนชั้นแห่งจิตใจกันเสียให้ถูกต้อง โอกาสที่ปีเก่าจะสิ้นไป จงตั้งใจเตรียมการเลื่อนชั้นแห่งจิตใจให้สูงกว่าจิตใจของปีเก่าไม่มากก็น้อยเถิด สักนิดหนึ่งก็ยังดี ถ้าได้มากก็ไม่ต้องพูดถึง เป็นอันว่า เราจะเตรียมการเลื่อนชั้นจิตใจกันในโอกาสนี้ด้วยกันทุกคน อย่าให้ต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนที่แล้วมา มีความสูงแห่งจิตใจ ก้าวหน้าแห่งจิตใจแล้ว มีความสงบเย็นแห่งจิตใจ มีความสุขทางจิตใจอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ