แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย รายการพุทธธรรมนำสุข ในครั้งนี้ อาตมาจะกล่าวโดยหัวข้อว่า เตรียมตัวมีพระเจ้ากันให้ถูกต้อง จงเตรียมตัวมีพระเจ้ากันให้ถูกต้อง นี่ก็เป็นโอกาสเนื่องด้วยว่าปีเก่ากำลังจะผ่านไปปีใหม่กำลังจะเข้ามา เราก็ยังจะต้องระลึกนึกถึงหน้าที่ที่ควรจะทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม เตรียมตัวมีพระเจ้ากันเสียให้ถูกต้องหมายความว่า ที่แล้วมาไม่ได้รับความผาสุกเต็มตามที่ควรจะได้รับเพราะไม่มีพระเจ้ากันอย่างถูกต้อง จึงต้องพูดจากันถึงเรื่องนี้ สิ่งที่เรียกว่า พระเจ้าคืออะไร สิ่งที่เรียกว่าพระเจ้าคือสิ่งที่จะช่วยได้จริง ไม่ต้องไปนึกถึงเทวดา ผีสาง พระอินทร์ พระพรหม พระอะไรต่าง ๆ ที่เขาเรียกกันว่า พระเจ้าเหล่านั้นให้เสียเวลา มานึกถึงแต่ว่าสิ่งใดที่จะช่วยให้รอดจากความทุกข์ได้นั้นแหละคือ พระเจ้าที่แท้จริง ช่วยให้รอดทางกาย คือไม่ตาย ช่วยให้รอดทางจิต คือไม่ต้องทนทรมานในทางจิต ขอระบุตรง ๆ ลงไปยังสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ หรือพระธรรม หรือธรรม นั่นเองคือพระเจ้าในทุกความหมาย ในครั้งที่แล้วมา ได้ระบุหน้าที่ว่าเป็นพระเจ้า หน้าที่การงานว่าเป็นพระเจ้า ในความหมายที่ว่าหน้าที่การงานแหละ มันช่วยได้จริงผู้มีหน้าที่ไม่บกพร่องแล้ว ย่อมได้รับผลเป็นความรอดทั้งทางกายและทางจิต เดี๋ยวนี้จะมาเรียกกันโดยนามว่า พระเจ้า โดยคำอธิบายที่มองกลับกันไปอีกทางหนึ่ง เพราะว่าทุกคนมีพระเจ้าด้วยความรู้สึกตามสัญชาตญาณเพราะไม่มีใครสอนไม่มีใครชักนำให้พูด จิตใจของคนทุกคนมันก็ยังรู้สึกว่ามีสิ่งสูงสุด ที่เราต้องเคารพกลัวเกรง มีสิ่งสูงสุดกว่าสิ่งใดที่จะบันดาลสิ่งทั้งปวงให้เป็นไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็เชื่อว่ามันมีสิ่งชนิดนั้นอยู่ ฉะนั้นจึงทุกคนมีพระเจ้า แม้แต่โดยคำพูด โดยคำพูด คนหนึ่ง คนหนึ่ง ก็พูดว่า ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า อยู่วันหนึ่งไม่รู้กี่ครั้ง เดือนหนึ่งไม่รู้กี่ครั้ง ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ตาม เป็นข้าของพระเจ้า ข้าพเจ้า เป็นข้าของพระเจ้า ก็หมายความว่าเขายอมรับว่ามีพระเจ้า เราจะต้องมีพระเจ้ากันให้ถูกต้อง คือให้ช่วยได้จริง พระเจ้าในที่นี้คือ ธรรมะ ธรรมะ หรือ ธรรม ในทุกความหมาย หรือหลาย ๆ ความหมาย ความหมายแรกที่สุด ธรรมะนี้จะหมายถึง กฎอิทัปปัจจยตา ซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาที่ว่าเพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมีซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน กฎอิทัปปัจจยตานั่นแหละคือเป็นพระเจ้าผู้สร้างให้เกิดสิ่งต่าง ๆ และก็ควบคุมสิ่งต่าง ๆให้เป็นไปตามกฎนั้นแล้วก็ทำลายเสียเป็นครั้งเป็นคราวเมื่อถึงคราวที่ควรจะทำลาย แล้วกฎเกณฑ์ของธรรมชาติอันนี้มีอำนาจสูงสุดเหนือสิ่งใดไม่มีสิ่งใดจะไปลบล้างมันได้ เป็นใหญ่กว่าสิ่งใด แล้วก็สามารถจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ทุกสิ่งแล้วยังมีอยู่ในที่ทั้งปวงไม่มีที่ไหน ที่ไหนสักอณูเดียวหนึ่ง ที่พระเจ้านี้ไม่เข้าไปสิงอยู่ พูดให้ง่าย ๆ ตามกฎธรรมดา ภาษาธรรมดาก็ว่า ไม่มีที่ไหนสักแห่งหนึ่งที่กฎของธรรมชาติไม่ได้เข้าไปสิงอยู่ ในเนื้อตัวเราทุก ๆ ปรมาณูก็มีกฎของธรรมชาติควบคุมกำกับอยู่ ในก้อนหิน ก้อนดิน ในทุก ๆ อณูทุก ๆ ปรมาณูของธรรมชาติเหล่านี้ก็มีพระเจ้าเข้าไปสิงควบคุมอยู่ ผู้ที่เขาอยากจะพูดให้หนัก พูดอย่างหยาบคาย ก็พูดว่าแม้แต่ในกองขี้หมาในทุก ๆ ปรมาณูของกองขี้หมาก็มีกฎของธรรมชาติอันนี้เข้าไปสิงอยู่ แล้วคนจะหลีกเลี่ยงจากพระเจ้าได้อย่างไร ก็เพราะว่าพระเจ้าสามารถจะเข้าไปควบคุมอยู่ได้ในทุก ๆ ปรมาณูของสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นจักรวาลนี้ แม้ที่สุดแต่ในกองขี้หมา ถ้าเป็นพระเจ้าอยู่บนสวรรค์นี้ก็ยังสงสัยว่าจะไปเข้า เข้าไปควบคุมอยู่ทุก ๆ ปรมาณูในกองขี้หมานี้มันคงจะเป็นไปไม่ได้ นี่พระเจ้า คือ กฎของอิทัปปัจจยตา โดยกฎนี้จึงเกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาตามหลักวิวัฒนาการ แล้วก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไป แล้วก็สิ้นสุดลงไปเป็นคราว ๆ กฎนี้ควบคุมอยู่อย่างนี้ในที่ทุกหนทุกแห่งจนพูดได้ว่าในทุก ๆ ปรมาณูที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นจักรวาลนี้ เนี่ยคือพระเจ้า รู้จักไว้ให้ดี อย่าไปขัด ทำอะไรขัดกันกับพระเจ้าจะวินาศเอง ในความหมายที่สอง พระเจ้าคือหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่นี่เมื่อทำแล้วมันช่วยให้รอด คือมีผลออกมาทำให้เกิดความรอด รอดชีวิตไม่ตาย เพราะประพฤติหน้าที่อย่างทางวัตถุ และก็รอดจากความทุกข์ทางจิตทางใจเพราะประพฤติหน้าที่ทางจิตทางใจ บรรดาสิ่งที่มีชีวิตต้องมีหน้าที่ จะเป็นคนก็ต้องทำหน้าที่ของคนเป็นสัตว์เดรัจฉานทำหน้าที่ของสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้นไม้ต้นไร่ก็ทำหน้าที่ของต้นไม้ต้นไร่ แล้วมันจึงรอดชีวิตอยู่ได้เพราะการทำหน้าที่นั้น ๆ นั่นพระเจ้า พระเจ้าใน ใน ในความหมายหนึ่งคือหน้าที่ ทีนี้ พระธรรม ในฐานะที่เป็นกฎอิทัปปัจจยตาอีกนั่นเอง อีกครั้งหนึ่งว่ากฎอิทัปปัจจยตา เมื่อปฏิบัติถูกต้องแล้วย่อมเกิดผลขึ้นมาตรงตามความมุ่งหมายของการปฏิบัติ ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ จึงเป็นไปตามกฎของอิทัปปัจจยตา ถ้าทำผิดจากกฎอิทัปปัจจยตาก็เกิดความทุกข์ ทำถูกตามกฎของอิทัปปัจจยตาก็เกิดความสุข เรามีกฎอิทัปปัจจยตาไว้เป็นหลักปฏิบัติเพื่อจะต่อสู้ป้องกันกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ถ้าหมอดู ดูแล้วบอกว่า โชคร้ายก็จงประพฤติกฎอิทัปปัจจยตาในฝ่ายที่ถูกต้องเถิด โชคร้ายมาไม่ได้ โชคร้ายนั้นจะเป็นฝ่ายหนีหายไปเอง ถ้าว่าผีสางเทวดาให้โทษ ถ้าหมอเขาบอกว่าอย่างนั้น เราก็อาศัยกฎอิทัปปัจจยตานี่แหละประพฤติให้ถูกต้องเถิดจะต่อต้านอำนาจของผีสางเทวดาทุกชนิดได้ ไสยศาสตร์ทุกชนิดจะมีผลเป็นอย่างไรที่เราไม่ต้องการ เราก็รับหน้าต่อต้านได้ด้วยการประพฤติให้ถูกต้องตามกฎของอิทัปปัจจยตาจะเป็นโชคชะตาอย่างไรเคราะห์ร้ายเคราะห์ดีอย่างไรหมอดูเขาจะว่าอย่างไร เราก็เอากฎอิทัปปัจจยตานี้เข้าไปต่อต้าน ต่อต้านได้แม้แต่ผลของกรรมเก่า ถ้าเชื่อว่าผลของกรรมเก่าในชาติก่อนให้เกิดสุขหรือเกิดทุกข์นี้ไม่ถูก ที่จริงมันเป็นเรื่องของกฎอิทัปปัจจยตา ถ้าสมมุติว่าผลกรรมเก่าในชาติก่อนมาในทางร้ายทางชั่วเราก็ประพฤติตามกฎของอิทัปปัจจยตาให้ถูกต้องในทางที่ดีในทางที่จะสลัดออกไป ไม่ยึดถือสิ่งนั้น ๆ โดยความเป็นตัวตนของตน ผลของกรรมเก่านั้นก็ไม่มีเหลือ นี้เรียกว่ามีอำนาจอยู่เหนือกรรมเสียอีก สามารถจะใช้เป็นเครื่องมือต่อต้านกรรม กรรมชั่วไม่ให้มาให้ผล ต่อต้านกรรมดี คือไม่ต้องเวียนว่ายไปตามอำนาจของกรรมดีไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น อาศัยกฎอิทัปปัจจยตาอย่างนี้ก็ได้พระเจ้าที่ดี สำหรับจะต่อสู้ป้องกันเอาชนะสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาโดยประการทั้งปวง ทีนี้ธรรมะตามกฎอิทัปปัจจยตา เป็นความถูกต้องสำหรับจะมีชีวิตอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าธรรมะ คือ การปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ทุกขั้นทุกตอนแห่งวิวัฒนาการของเขา มีชีวิตเหมาะสมสำหรับจะรอด ความรอดตามกฎของชีววิทยาว่าสิ่งใดมีความเหมาะสมสิ่งนั้นรอดน่ะ The fittest of the survival สิ่งใดมีความเหมาะสมสิ่งนั้นรอด ไม่มีความเหมาะสมอะไรจะยิ่งไปกว่ากฎของอิทัปปัจจยตา ประพฤติได้เป็นไปถูกต้องตามกฎของอิทัปปัจจยตาก็จะมีความเหมาะสมที่สุดสำหรับจะรอด นี้ก็เป็นพระเจ้าในความหมายแห่งพระเจ้าสำหรับจะช่วยให้รอด ทีนี้ความหมายสุดท้ายสักข้อหนึ่งก็ว่า ธรรมะนี่มีนิพพานเป็นยอดของธรรมะ มีนิพพานเป็นบรมธรรม เป็นบรมธรรมในข้อที่ว่า เมื่อเข้าถึงบรมธรรมนี้แล้ว มันก็ว่างจากตัวตน ไม่มีตัวตนเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ มีสภาพเป็นมหาสุญญตาว่างจากตัวตน แล้วเมื่อไม่มีตัวตน ก็ไม่มีความเห็นแก่ตน เมื่อไม่มีความเห็นแก่ตนก็รักผู้อื่นโดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงเป็นมหากรุณา ธรรมะที่เป็นบรมธรรมนั้นเป็นมหากรุณา เมื่อมีแต่มหากรุณาโดยอัตโนมัติอย่างนั้นแล้ว โลกนี้ก็มีสันติ สันติสุข เป็นมหาสันติ เหมือนกับว่าพระเจ้าโปรดปรานให้อยู่กันอย่างเป็นสุขถึงที่สุดตลอดกาลนาน หรือตลอดกาล ตลอดกาลอันไม่มีที่สิ้นสุดนี่คือพระเจ้า ที่เรียกชื่อว่า ธรรม หรือธรรมะ มีนิพพานเป็นบรมธรรมเป็นยอดสุดของธรรมะ อาศัยกฎของอิทัปปัจจยตาซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งพระเจ้าอันเฉียบขาดควบคุมอยู่ทุก ๆ ปรมาณูที่ประกอบกันขึ้นเป็นจักรวาล ประพฤติให้ถูกต้องตามกฎอันนี้อย่างเดียวเท่านั้นปัญหาก็จะไม่มี นี่มีพระเจ้ากันให้ถูกต้องตามนี้ มีความหมายแห่งพระเจ้าให้ถูกทุกความหมายทุกแง่ทุกมุมของความหมาย พระเจ้า คือผู้ที่ช่วยให้รอดโดยประการทั้งปวง จุดหมายปลายทางอยู่ที่นั่น ถ้าจะมองดูที่การกระทำก็คือเป็นผู้สร้าง เป็นผู้ควบคุม เป็นผู้ทำลาย เป็นผู้สร้าง เป็นผู้ควบคุม เป็นผู้ทำลาย เป็นผู้สร้าง เป็นผู้ควบคุม เป็นผู้ทำลายหมุนเวียนอยู่อย่างนี้คือหน้าที่ของพระเจ้า ก็ควบคุมอยู่ในที่ทั่วไปไม่มีอะไรที่จะรอดไปจากกฎของธรรมชาติอันนี้ ซึ่งมีฤทธิ์มีเดชเรียกว่า พระเจ้า หวังว่าในโอกาสที่จะเปลี่ยนจากปีเก่าสู่ปีใหม่นี้ ขอให้เราได้รู้จักพระเจ้าให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปกว่าที่แล้วมา ที่แล้วมาเรารู้จักพระเจ้าน้อยเกินไปเราจึงมีความรอดน้อยมีความยุ่งยากลำบาก มีความทุกข์ทรมานมากอยู่ เพื่อจะบรรเทาสิ่งเหล่านั้นเสีย เราจงมีพระเจ้าให้ถูกต้องยิ่งกว่าที่แล้วมา มีพระเจ้ากันเสียใหม่ให้ถูกต้องยิ่งกว่าที่แล้วมา โดยอาศัยกฎอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาที่เรียกว่ากฎอิทัปปัจจยตามาเป็นหลักปฏิบัติ ถ้ายังไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ก็อุตส่าห์ไปหามาศึกษา ตำรับตำรามีอยู่เรื่องอิทัปปัจจยตาเป็นพระเจ้าสูงสุดเหนือพระเจ้าทั้งปวง และก็แก้ปัญหาได้ทั้งหมด ช่วยได้ทั้งหมด ช่วยได้โดยเด็ดขาดเป็นนิรันดร หวังว่าท่านผู้ฟังทั้งหลายคงจะได้พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง พระเจ้ากันเสียใหม่ให้ถูกต้องยิ่งกว่าที่แล้วมา กล่าวคือ พระเจ้าอิทัปปัจจยตา ดำรงชีวิตอยู่ให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์อันนั้น แล้วก็มีความสุขสวัสดี เจริญอยู่ในหน้าที่การงานซึ่งเป็นตัวพระเจ้านั่นเอง เจริญอยู่ในหน้าที่ก็คือพระเจ้านั่นเอง มีพระเจ้าเพื่อเจริญอยู่ในพระเจ้า แล้วก็อยู่ที่ชีวิตซึ่งเต็มไปด้วยพระเจ้าหรือเต็มไปด้วยหน้าที่ แล้วก็มีความสุขสวัสดีอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ