แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายปาฐกถาธรรมในชุดพุทธธรรมนำสุขในครั้งนี้ เผอิญว่ามันเนื่องด้วยดิถีที่เกี่ยวเนื่องกับปีใหม่ อยู่ในระยะแห่งกาลเวลาที่ถือกันว่าปีใหม่ อาตมาก็เห็นว่าเราก็ควรจะพูดกันเรื่องปีใหม่ก็คงจะดี ก็เลยถือเป็นการพูดเพื่อปีใหม่ เป็นการปราศรัยในวันปีใหม่ ใช้หัวข้อว่า ปีใหม่ต้องมีอะไรใหม่ ถ้าไม่มีอะไรใหม่ก็ไม่ใช่ปีใหม่ ขอให้ทุกคนระวังให้ดี ทำให้ปีใหม่ของตนเป็นปีใหม่ อย่าให้เป็นปีเก่ามันจะน่าหัวเราะ และยิ่งกว่านั้นมันก็จะขาดทุนเพราะมันไม่ก้าวหน้า เพราะมันถอยหลัง
ควรจะตั้งปัญหาถามขึ้นมาว่า ปีใหม่นี่มาทำไมกัน ปีใหม่นี่มาให้เราโง่หรือให้เราฉลาด ปีใหม่นี่มาให้เราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ปีใหม่นี่มาเพื่อให้เราเสียเงินค่าบัตร ส.ค.ส. กันมากขึ้น ทั้งโลกนี้บัตรค่าบัตร ส.ค.ส. คิดว่าเป็นล้านล้าน ล้านล้านบาท นี่มันมาเพื่อให้เราเสียเงินค่าซื้อบัตร ส.ค.ส. กันมากขึ้น หรือว่าจะให้ทำอย่างไรกันดี อาตมามักจะลืมส่งบัตร ส.ค.ส. ความสุขจึงเหลืออยู่มากเพราะว่าไม่ค่อยจะได้ส่ง นี่จะคิดไกลไปถึงว่าปีใหม่มาเพื่อให้เราทำอะไรอะไรไปตามประเพณีเท่านั้น หรือว่าปีใหม่นี่มาเพื่อให้เราทำอะไรไปตามเหตุผลที่ควรจะทำ ถ้าทำตามประเพณีก็ทำไปตามประเพณี ซื้อบัตร ส.ค.ส. มาสักหอบหนึ่งแล้วก็ส่งกันทั้งวันทั้งคืน
แต่ถ้าว่าโดยเหตุผลแล้ว เราจะต้องทำให้เรามีความสุขหรือเป็นชีวิตที่มีค่ามีราคามากขึ้นกว่าปีเก่า เมื่อพูดกันอย่างลึกในธรรมะชั้นลึกชั้นปรมัตถ์แล้ว เวลาที่มาใหม่นี้เราจะรับหน้ามันอย่างไร คือว่าจะให้เรากินเวลา หรือให้เวลากินเราต่อไป เวลากินเรา เราก็เป็นทุกข์ เราก็ใกล้ตายหรือใกล้ความตายยิ่งขึ้นไปทุกที นี่เรียกว่าเวลากินเรา ถ้าเรากินเวลา มันก็ตรงกันข้าม เราไม่ต้องเป็นทุกข์ เราจะอยู่เหนือความเกิด แก่ เจ็บ ตายยิ่งขึ้นไปทุกที อย่างนี้เรียกว่าต้อนรับปีใหม่อย่างมีเหตุผลตามแบบของพุทธบริษัท
ถ้าจะให้อาตมาส่ง ส.ค.ส. กับใครบ้าง ก็ขอส่งเดี๋ยวนี้เลย ขอส่งแก่ท่านทั้งหลายทุกคนว่า อาตมาขอส่งบัตร ส.ค.ส. แก่ท่านทั้งหลายทุกคนว่า เรามากินเวลากันเถิด จงทำงานให้สนุก และมีสุขเมื่อกำลังทำงานนั่นเอง เรามากินเวลากันเถิด เราจงทำงานให้สนุก และเราก็เป็นสุขเมื่อกำลังทำงานอยู่นั่นเอง นี่บัตร ส.ค.ส. ของอาตมาส่งให้แก่ท่านทั้งหลายทุกคน
เราควรจะพูดให้กว้างขวางครบถ้วนตามวิธีของพุทธบริษัทเราว่า พระพุทธวัจนะทั้งสิ้น คำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาทั้งหมดทั้งปวงนั้น มันเป็นคำสอนเรื่องให้เรากินเวลา ให้เรากินเวลา และท่านก็ใช้คำว่าให้เราฆ่าตัณหา ผู้ใดฆ่าตัณหาผู้นั้นเป็นผู้กินเวลา ผู้ใดพ่ายแพ้แก่ตัณหา ผู้นั้นจะถูกเวลากินเอา ถ้าเราพ่ายแพ้แก่ตัณหาเวลามันก็กินเอา แต่ถ้าเราชนะตัณหา เรากลายเป็นผู้กินเวลา นี่หลักธรรมะลึกซึ้ง ซึ่งขอให้ตั้งใจฟังให้ดี
สิ่งที่เรียกเวลา เวลานั้นไม่ค่อยมีใครรู้จักกันกี่คน อย่าหาว่าอาตมาอวดดี อวดดีบ้างเล็กน้อยก็ได้ คือว่ารู้เท่าที่รู้แล้วก็จะพูดไป บางคนพูดถึงแต่ว่าพูดถึงแต่ว่าเวลาไม่มี เวลาไม่มีตัวมีตนแล้วจะมากินเราอย่างไร นี่มันหลับตาพูด เวลานั่นแหละที่มันกัดแทะหัวใจเราอยู่ทุกวัน เราเป็นห่วง เดือดร้อน กระวนกระวาย หวาดระแวงอยู่ ก็เพราะเกี่ยวกับเวลา คือเรายังไม่ได้รับอะไรตามที่เราต้องการทันแก่เวลา เพราะมีความไม่ทันแก่เวลานั่นแหละ คือเวลามันกินเรา เวลานั้นไม่ใช่ว่าหน้าปัดนาฬิกาสำหรับเข็มเดินไปบอกระยะเวลา นั่นมันเป็นเครื่องวัดเวลาตามประสาชาวโลก นั่นไม่ใช่ตัวเวลา
ตัวเวลาแท้ๆ นั้นมันอยู่ที่จุดสองจุด คือจุดที่ตั้งต้นจากความอยากของเรา จนกว่าจะไปถึงจุดที่เราอยากได้ตามความอยากความต้องการของเรา ในระหว่างที่เรายังไม่ได้ตามต้องการของเรานั้นแหละเรียกว่าเวลา พอเราได้ตามต้องการของเราแล้ว ก็นั่นแหละไม่เกี่ยวกับเวลาแล้วไม่มีเวลาแล้ว หรือว่าถ้าเราสิ้นหวังในการที่จะได้ ก็เลิกเวลาได้เหมือนกัน เวลามันมีค่ารุนแรงอยู่ตรงที่ว่ามันยังไม่ได้ตามที่เราต้องการจะได้ และเรากระหายอย่างยิ่งที่จะได้แล้วมันก็ไม่ได้ นั่นแหละเวลามันรุนแรงมีพิษมีฤทธิ์มีเดชมีอำนาจกัดกินหัวใจของมนุษย์เรา ผู้ทนทรมานอยู่ตรงที่ว่ายังไม่ได้สิ่งที่เราต้องการทันแต่เวลา
ดังนั้นเวลามันมีอยู่จริงคือระยะที่ไม่ได้ตามที่เราอยากหรือเราต้องการ จะสั้นจะยาวนั้นไม่แน่ แต่ถ้ามันมีระยะที่เราไม่ได้ตามความต้องการหิวกระหาย อยู่อย่างจะขาดใจ นั่นแหละเรียกว่าเวลา และดูให้ดีเถอะว่ามันกินเราหรือไม่ มันกัดกินหัวใจของเราหรือไม่ พระบาลีมีอยู่ในเรื่องนี้ว่า กาโล ฆสติ ภูตานิ สัพฺพา เนว สหตฺต นา เวลาย่อมกัดกินสรรพสัตว์และทั้งตัวมันเอง มันกัดกินสรรพสัตว์ให้เจ็บปวด เพราะสัตว์นั้นมันตกอยู่ใต้อำนาจของเวลา และเวลามันกินตัวเอง คือว่ามันล่วงไปล่วงไป ถ้าจะมีการวัดก็เรียกว่าเวลาเอง ตัวเวลาเองมันก็ล่วงไปล่วงไป นี่เรียกว่ามันกินตัวเอง พร้อมกับที่มันกินตัวเองนั้นมันกัดกินเรา หัวใจของเราผู้มีความอยากความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
คนที่มีความอยากอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ คนนั้นเป็นผู้มีเวลาที่กำลังกัดกินหัวใจของตนเอง รู้สึกว่าเวลาไม่พอ นาฬิกาเดินเร็วเหลือเกิน นาฬิกาเดินเร็วเหลือเกิน คนมันจะบ้าเองแล้วมันก็ว่านาฬิกาเดินเร็วเหลือเกิน เพราะว่าคนมันหิวอยู่ทุกเวลานาที ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก มันหิวต่อสิ่งที่มันรักหรือมันอยากจะได้ เทียบดูกันง่ายๆ ก็พอเราไม่อยากได้อะไรเราก็นอนหลับสบาย นาฬิกาไม่เดิน แต่พอเราอยากอะไรขึ้นมาเท่านั้นแหละ นาฬิกามันเหมือนกับวิ่งเลย ทำอะไรแทบไม่ทัน
นี่เรียกว่าเป็นอยู่ด้วยตัณหา ตัณหานั่นแหละกินเวลา นั่นแหละเป็นเวลาที่กัดกินเรา ถ้าเราฆ่าตัณหาได้กลายเป็นเวลาถูกกินเวลาถูกกัดโดยบุคคลผู้ละตัณหาได้ อย่าโง่ไปอยากอะไรด้วยกิเลสตัณหา รู้ว่าควรอะไรทำอะไรควรทำก็ทำไปทำไปตามสติปัญญาพอดีพอดี อย่าหิวอย่าอยาก ถ้าหิวหรืออยากขึ้นมาเมื่อไรมันก็เป็นเปรตขึ้นมาเมื่อนั้น คือมันทรมานใจ นี่เรียกว่าอย่าอยู่ด้วยความหวัง อย่าอยู่ด้วยความหิว ซึ่งทำให้เวลามันรุนแรง ให้เวลามันเข้มแข็งแก่กล้า กัดกินหัวใจเรา ยกตัวอย่างง่ายๆ ซึ่งจะเป็นกันได้ทุกคนว่า ไปซื้อลอตเตอรี่มาใบหนึ่ง แล้วก็มาหิว หิวอยู่ว่ามันจะถูก มันจะถูกทุกวันทุกคืน ทั้งกลางวันและกลางคืน มันก็หิวโดยหวังว่าจะถูก นี่มันทรมานอยู่ตลอดเวลา ไอ้เวลาระยะที่กว่าจะออกลอตเตอรี่มันกัดกินหัวใจคนนั้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าคนหนึ่งมันซื้อลอตเตอรี่มาแล้วเก็บไว้ ถึงวันออกค่อยสอบก็แล้วกัน กูไม่รู้ไม่ชี้กับมัน อย่างนี้เวลาไม่มีเวลา ไม่มีที่จะกัดกินหัวใจของบุคคลนั้น เรียกว่าเขามีสติปัญญา มีศิลปะที่จะมีชีวิตอยู่อย่างที่ไม่ถูกเวลากัดกิน นี่เราเป็นผู้ที่กินเวลา เวลาไม่ถูกกินเรา
ปีใหม่มาแล้ว ปีใหม่มาแล้ว ปีใหม่มาแล้ว ความปีใหม่จะต้องมีอะไรใหม่หรือดีกว่าเก่า คืออย่าให้เวลากินเรา ให้เรากินเวลา อย่าให้ปีใหม่มาทรมานหัวใจเรา แต่ให้เราควบคุมเวลาของปีใหม่ ให้มันเป็นชีวิตที่สงบเย็น ถ้าเราอยากจะกินเวลามีหัวข้อง่ายๆ พอเข้าใจได้ว่า เราทำงานให้ทันเวลา มีแผนงานที่ดี ทำงานให้ทันเวลาโดยไม่ต้องร้อนอกร้อนใจ ทำงานทันเวลาไม่กระหืดกระหอบอะไร นี่ก็เรียกว่าทำงานสนุก ไม่เป็นทุกข์เพราะเวลา และอย่าอยากอะไร มีชีวิตอยู่ด้วยสติปัญญา ทำอะไรไปตามที่ควรทำ อย่ามีความหวังความอยากอะไร ความคิดที่ต้องการอะไรมีได้ แต่พอคิดแล้วลืมเสีย คงทำไปตามแผนการว่าจะทำอย่างไร อย่าให้ร้อนอกร้อนใจเพราะสิ่งนั้น อย่างนี้เรียกว่าไม่อยากอะไร อย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความอยาก แต่มีชีวิตอยู่ด้วยสติปัญญา และการกระทำที่ถูกต้อง เมื่อรู้เรื่องว่าทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมันเอง คือตามกฏอิทัปปัจจยตา อย่าไปทำให้ผิดกฎนั้น เราต้องการอะไรที่มันเป็นเช่นนั้นเอง ก็ต้องทำให้ถูกกับความเป็นเช่นนั้นเองของมัน นี่เราก็จะมีความสุขดีกว่าปีเก่า
เราทำบุญปีใหม่กันด้วยการกินเวลาให้มากกว่าปีก่อน ปีใหม่มาเราจะทำบุญปีใหม่ เราจงทำบุญด้วยการชวนกันกินเวลาให้เข็ดหน้ามันเลย กินเวลาเสียให้มากกว่าปีก่อน ไม่ใช่เลี้ยงกันใหญ่ เอาเหล้าเอาปลาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงกันใหญ่ กินกันใหญ่ แล้วทำบุญปีใหม่นั้น ระวังเถอะ มันจะถูกเวลากัดกินเอาเหลือแต่กระดูก เรากินเวลาต้อนรับปีใหม่ อย่าไปเลี้ยงกันใหญ่ด้วยอบายมุข และเราจงส่งบัตร ส.ค.ส. ให้แก่กันและกันว่า ทำงานให้สนุก เป็นสุขอยู่ในการทำงาน นี่เป็นการกินเวลา เราจะมีความสุขอย่างยิ่ง ทำงานให้สนุก เป็นสุขอยู่ในการทำงาน นี่เป็นการกินเวลา เป็นสุขอย่างยิ่ง
ขอให้ท่านทั้งหลายทุกคน จงเข้าใจในเรื่องของชีวิตว่าถูกเวลากัดกิน เพราะเราโง่ เราไปหลงอยาก หลงหวัง เราจะเลิก เลิกอยาก เลิกหวัง มีแต่การกระทำที่ถูกต้องตามทางของธรรมะ แล้วเวลาก็จะล่วงไปในลักษณะที่ไม่กัดกินเรา แต่เราเป็นผู้กัดกินซึ่งเวลา ดังนี้ด้วยกันทุกคน แล้วอยู่ด้วยความเป็นผาสุก ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ