แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายปาฐกถาธรรมในชุด พุทธธรรมนำสุขในครั้งนี้ อาตมาจะได้กล่าวโดยหัวข้อว่า การประพฤติธรรมนำมาซึ่งสุขภาพ สิ่งที่เรียกว่าสุขภาพนี้มีความจำเป็นมาก เพราะถ้าไม่มีความสุขและจะอยู่กันไปทำไม หรืออีกนัยหนึ่ง สุขภาพนั้นเป็นปัจจัยแห่งความสุข เราจะต้องมีสุขภาพทางกาย ทางจิต ทางวิญญาณ ชีวิตนี้จึงจะมีความสุข คือชีวิตนี้ประกอบอยู่ด้วยเรื่องทางกาย เรื่องทางจิต เรื่องทางวิญญาณ เรื่องทางกายคือเนื้อหนังร่างกายโดยตรง รวมระบบประสาท คือฝากอยู่กับกายด้วย และทางจิตนั้นคือสิ่งที่รู้สึกคิดนึกได้ เป็นระบบจิต หรือเรียกว่าฝ่ายจิต มีปัญญาก็ได้ ไม่มีปัญญาก็ได้ จึงมีอีกระบบหนึ่ง คือเรียกว่า ระบบวิญญาณ หรือระบบสติปัญญา ในที่นี้ขอเรียกว่าทางวิญญาณ เรามีทางกาย มีทางจิต มีทางวิญญาณ สามประการครบถ้วนแล้ว เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ มีสุขภาพดีทั้งสามทาง คือ สุขภาพทางกาย ร่งกายสบายดี สุขภาพจิต จิตมีสมรรถนะดี สุขภาพทางวิญญาณ มีความรู้สึกถูกต้องดี เขาเรียกว่ามีระบบสติปัญญาที่ดี
ดูให้ดีเถิด คนร่างกายสบาย จิตไม่ปกติก็ได้ จิตเป็นปกติแต่โง่ก็ได้ ฉะนั้นเราต้องมีความปกติขึ้นไปทางสติปัญญา ไม่โง่ ซึ่งเป็นเหมือนกับความหลับทั้งตื่นๆ รวมกันเรียกว่า มีสุขภาพดีทั้งสามทาง ที่จะมีสุขภาพดีทั้งสามทางนี้ตามหลักธรรมะ ตั้งต้นไปจากสุขภาพทางสติปัญญาดี แล้วสุขภาพทางจิตจึงจะดี สุขภาพจิตดีแล้วสุขภาพทางกายจึงจะดี ถ้ายังฟังไม่ถูก ก็ขอให้ทำความเข้าใจกันเสียแต่เดี๋ยวนี้ว่าทางกายก็สบายดี ทางจิตก็สบายดี ทางสติปัญญาก็สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ ทางสติปัญญานั้นเจ็บไข้ด้วยอำนาจความรู้ผิด เห็นผิด เข้าใจผิด เชื่อผิด เรียกว่าสติปัญญามันเจ็บไข้ มันเป็นอาพาธ สุขภาพทางวิญญาณไม่มี
นี่ถ้าว่าทางวิญญาณมีสุขภาพดี คือรู้จักผิดชอบชั่วดี อย่างถูกต้องแล้ว มีสัมมาทิฏฐิแล้ว ก็ทำจิตให้เป็นปกติได้ ทำจิตให้เข้มแข็งได้ เมื่อจิตเข้มแข็ง มีสุขภาพดี ร่างกายก็ดีไปตาม เพราะจิตมันควบคุมร่างกาย บังคับกายอยู่โดยทางระบบประสาท คนทั่วๆ ไปเขาคิดเอาเองว่า ถ้าร่างกายดีแล้วจิตก็จะดี อย่างนี้ไม่แน่เป็นเรื่องเดาของคนธรรมดา ร่างกายสบายดีแต่ไปโรงพยาบาลโรคจิตกันเต็มไปหมด แม้ว่าจิตปกติดี แต่ยังโง่ยังทำอะไรผิดพลาด ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่นกันอยู่ทั่วๆ ไป
นี่ขอให้ดำเนินหน้าที่เกี่ยวกับสุขภาพนี้ให้ถูกต้อง ในทางสติปัญญาด้วยทิฏฐิ ความคิด ความเห็น ความเชื่อ นี่มีสุขภาพเสียก่อน คือดี ถูกต้องเสียก่อน กระทั่งรู้ว่าความทุกข์เป็นอย่างไร มาจากไหน ทำอย่างไร จึงจะดับทุกข์ได้ ให้มีความรู้อย่างนี้ เรียกว่า สุขภาพทางสติปัญญามันดี มันจะได้มีความคิดนึกไปในทางที่ถูกต้อง และจิตก็มีความเป็นอิสระ ไม่ถูกกิเลส ไม่ถูกความทุกข์เบียดเบียน มันก็เป็นจิตที่เข้มแข็ง และมีกำลัง เรียกว่าจิตมีสุขภาพดี ระบบกายก็พลอยดี เช่น มันนอนหลับดี ถ้าระบบจิตไม่ดี ระบบประสาทไม่ดี คนก็นอนไม่หลับ ร่างกายมันนอนหลับไม่ได้ถ้าจิตมันไม่ปกติ มันนอนไม่หลับหนักเข้า หนักเข้ามันก็เป็นโรคประสาท ให้ละอายแมว เพราะว่าแมวมันไม่เป็นโรคประสาท ไม่เคยมีใครเห็นแมวเป็นโรคประสาท แมวไม่ต้องกินยานอนหลับ แมวทุกตัวในโลกไม่รู้กี่ล้านล้านตัว มันก็ไม่ต้องกินยานอนหลับ ยานอนหลับมากมายคนทั้งนั้นแหละกิน คนที่นอนหลับยากนั้นแหละกิน ต้องกินเพราะว่าจิตมันไม่ดี มันนอนหลับไม่ได้ ถ้าจิตมันปกติดี มันก็นอนหลับได้
ดังนั้นสุขภาพทางกายนั้น มันขึ้นอยู่กับสุขภาพทางจิต สุขภาพทางจิตนั้นก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพทางสติปัญญา ขอท่านทั้งหลายจงได้พิจารณาดูตามที่เป็นจริงเถิด ไม่ต้องเชื่ออาตมาหรือไม่ต้องเชื่อใคร ดูเอาเองจากเรื่องที่เป็นอยู่แก่ตนโดยแท้จริงในภายใน ตามหลักที่ท่านเรียกกันว่า สันทิฏฐิโก มองเห็นได้ด้วยตนเอง โดยประจักษ์จากภายในว่าอะไรเป็นอย่างไร อะไรเป็นอย่างไรนี่เรียกว่า “สันทิฏฐิโก” ความรู้ที่เป็นสันทิฏฐิโก นี่มันเป็นความรู้ที่ถูกต้องอาศัยได้ พึ่งพาได้ อย่าได้เข้าใจว่า กินดีอยู่ดีแล้วร่างกายจะมีสุขภาพ คือระวังให้ดี กินดีอยู่ดีเสียอีก จะทำให้กินเกิน จนร่างกายไม่มีสุขภาพ ถ้ากินอยู่แต่พอดีนั่นแหละ เรียกว่าร่างกายจะมีสุขภาพ การที่จะกินอยู่แต่พอดีนั้นต้องมีสติปัญญา คือมีสุขภาพทางสติปัญญา มีความรู้อย่างถูกต้องว่า กินดีอยู่ดีนั้น นำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บก็ได้ กินอยู่แต่พอดีนั้นจะไม่มีปัญหาอะไรเลย เรียกว่ามันขึ้นอยู่กับความปกติทางจิต ทางวิญญาณ ทางสติปัญญา ทางวิชาความรู้มากกว่า อย่าไปคิดว่าร่ำรวยแล้ว กินดีอยู่ดีแล้ว ปัญหาจะหมด เพียงปัญหาร่างกาย ทางกาย ก็แก้ไม่ได้เพราะกินดีอยู่ดีนั้นทำให้กินเกินจนเป็นโรค กินดีอยู่ดีนั้นทำให้เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ผู้อื่น แล้วก็เกิดกิเลสมากขึ้น มากขึ้นเพราะความเห็นแก่ตัว โลภะ โทสะ โมหะ ก็เจริญ เพราะความเห็นแก่ตัว เลยไม่มีอะไรเหลือ คือไม่มีความสุขเหลือ ไม่มีสุขภาพเหลือทั้งทางกาย ทั้งทางจิต และทั้งทางวิญญาณ
นี่ขอให้เราประพฤติธรรมะให้ถูกต้อง แล้วจะได้มีสุขภาพดี ทั้งทางกาย ทั้งทางจิต ทั้งทางวิญญาณ ขอให้พวกเราทุกคน จงมีความรู้ความเข้าใจในข้อเท็จจริงอันนี้ของธรรมชาติ ว่าธรรมชาติมันมีอยู่อย่างนี้ มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องรู้ธรรมชาติอย่างถูกต้อง แล้วประพฤติให้สมคล้อยกัน อณุโลมกันกับกฎของธรรมชาติ จึงจะมีความสงบสุขอยู่ได้ แต่ถ้าอวดดี พออวดดีเมื่อไหร่มันก็เป็นเรื่องของกิเลส เป็นเรื่องของกิเลสมันก็รู้ผิด พูดผิด ทำผิด มันก็ฆ่าตัวเอง เรื่องความอวดดี อวดดีของคนไม่รู้นี้ มันเป็นเรื่องฆ่าตัวเอง ศึกษาให้รู้ความจริงข้อที่ว่า สุขภาพที่มีอยู่เป็นสามชั้นอย่างนี้ แล้วก็ระวังอย่าให้เสียสุขภาพส่วนใดไป แล้วให้มีสุขภาพนี้ให้ครบทั้งสามอย่าง หรือสามส่วน
อาตมาสรุปความว่า ถ้ามีธรรมะแล้ว สุขภาพก็จะดี และมีครบทั้งสามอย่างหรือสามส่วนจะมีธรรมะนี้ ไม่ใช่ทำได้หวัดๆ หรือง่ายๆ ขอให้สังเกตดูที่มันมีอยู่ทั่วๆ ไป มันเป็นปัญหา คือเขาเรียนธรรมะ เรียนธรรมะ เรียนธรรมะกันเต็มโรงเรียน เรียนธรรมะ แต่ไม่รู้ธรรมะ เพียงแต่จำได้ พูดได้ ท่องได้ และก็ลืม จำได้แล้วก็ลืม พูดจ้อไปเท่านั้นเอง มันไม่รู้ธรรมะอันแท้จริง อีกทีหนึ่งคือรู้ธรรมะ รู้ธรรมะจนพูดจ้อ ไปได้แล้ว แต่ก็ไม่มีธรรมะ ไม่มีธรรมะอยู่ในตัวบุคคล ที่พูดจ้ออยู่ด้วยธรรมะ นี่เรียกว่ารู้ธรรมะแต่ไม่มีธรรมะอยู่ในเนื้อในเนื้อตัวเลย ทีนี้อีกชั้นหนึ่งสูงขึ้นไป มันก็มีธรรมะ แต่มันใช้ให้เป็นประโยชน์ไม่ได้ เหมือนกับมีเงิน มีอาวุธมีอะไรนี่ ไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ เรียกว่ามีธรรมะ แต่ใช้เป็นประโยชน์ไม่ได้ เพราะเขารู้ธรรมะหรือมีธรรมะไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปอย่าง ที่เรียกว่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ เพราะมันไม่มี โยนิโสมนสิการ ฉะนั้นผู้ใด จะรู้ธรรมะ ก็ต้องให้มีธรรมะ มีธรรมะก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ นี่เรียกว่ามีธรรมะที่ใช้ประโยชน์ได้ จำกัดความชัดลงไปว่า มีธรรมะชนิดที่ใช้เป็นประโยชน์ได้ เมื่อใช้ธรรมะให้เป็นประโยชน์อยู่ได้ สติปัญญาก็มี สุขภาพ จิตก็มีสุขภาพ ร่างกายก็มีสุขภาพ มีสุขภาพพครบทั้งสาม
รู้ธรรมะ มีธรรมะนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องสวดร้องท่องบ่น อย่างที่สวดร้องท่องบ่นกันอยู่ระงมไป นั้นมันเป็นเรื่องท่องธรรมะ มันไม่รู้ธรรมะก็ได้ ไม่มีธรรมะก็ได้ แต่ปากมันท่องได้ หรือว่าเราจะอัดเทปบันทึกเสียงให้สวดธรรมะก็ได้ มันก็ไม่มีธรรมะ หรือไม่รู้ธรรมะ เพราะว่ามันว่ากันแต่ปาก หรือว่ากันแต่เพียงเสียงอย่างนี้ เรียกว่าไม่รู้ธรรมะด้วย ไม่มีธรรมะด้วย ไม่อาจจะใช้ธรรมะให้เป็นประโยชน์ด้วย แล้วจะมีสุขภาพดีมาแต่ไหนเล่า สติปัญญาก็เจ็บไข้ไปเสียแล้ว จิตก็เจ็บไข้ไปเสียแล้ว ร่างกายก็เจ็บไข้ไปเสียแล้ว ไม่มีสุขภาพเลยทั้งสามส่วน เพราะไม่มีธรรมะ ไม่มีการศึกษาอย่างแท้จริง มีธรรมะจริง ใช้ธรรมะจริง ใช้ธรรมะให้เป็นประโยชน์ได้จริง ก็เลยไม่ได้รับประโยชน์อะไร ไม่สมกับที่เรียกว่าพุทธบริษัท คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันไม่รู้อะไร มันไม่ตื่นจากหลับ คือกิเลส แล้วมันก็เบิกบานไปไม่ได้ มันก็ซบเซา หดหู่ ไปตามอำนาจของกิเลสนั่นเอง
ขอให้พวกเราทุกคนมารู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะนี้ให้ถูกต้อง คือหน้าที่ ที่จะบริหาร สิ่งที่เรียกว่าชีวิตนี้ให้ถูกต้อง ชีวิตนี้ประกอบไปด้วยร่างกายจิตใจและสติปัญญา ต้องบริหารให้มีความถูกต้อง ทางกาย ทางจิตใจ ทางสติปัญญา เรียกว่ามีธรรมะ คือ กระทำหน้าที่สำหรับสิ่งที่มีชีวิตอย่างครบถ้วนแล้ว เราเป็นถึงมนุษย์ เราต้องมีธรรมะจนถึงขั้นมนุษย์ ธรรมะในขั้นสัตว์เดรัจฉานนั้น มันก็เป็นสัตว์เดรัจฉาน ธรรมะในขั้นพฤกษาชาติ มันปฏิบัติไปเพื่อรอดชีวิตอยู่ได้ มันก็เป็นธรรมะขั้นพฤกษาชาติ ต้นไม้ต้นไร่หญ้าบอน มันไม่ใช่คน มันไม่มีภาระหน้าที่มากเหมือนคน มันก็เป็นของมันได้ โดยที่มีธรรมะหรือมีหน้าที่แต่เพียงเท่านั้น
เดี๋ยวนี้เรามันเป็นคน และเป็นยิ่งกว่าคน คือเป็นมนุษย์ เป็นคนชั้นดี เป็นคนชั้นเลิศ เป็นคนชั้นยอดสุด จนถึงกับเป็นพระอรหันต์ ถ้าเป็นแต่เพียงคนก็ประพฤติธรรมะพอดีพอร้ายก็ได้ รอดชีวิตอยู่ได้ พอสุขสบายก็พอแล้ว แต่ถ้าจะเป็นมนุษย์ต้องใจสูงกว่านั้น ใจดีกว่านั้น มีความสะอาด สว่าง สงบมากกว่านั้น นี่จึงจะเป็นมนุษย์ที่มีใจสูง สูงธรรมดาไม่พอ สูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปอีกจนอยู่เหนือกิเลส เหนือความทุกข์ เรียกว่าอยู่เหนือปัญหาแห่งการเกิดแก่เจ็บตายโดยประการทั้งปวง ไม่มีความทุกข์เลย นี่เป็นมนุษย์ชั้นสุดยอด คือเป็นพระอรหันต์ มีสุขภาพสมบูรณ์เต็มที่ทั้งทางกาย ทั้งทางจิต ทั้งทางวิญญาณ ไม่มีปัญหาอะไรอีกต่อไป ในเรื่องที่เกี่ยวกับความสุข
ขอให้ท่านทั้งหลายทุกคน จงได้รู้จักชีวิตของตน ของตนว่า ประกอบอยู่ด้วยส่วนทั้งสามคือ ส่วนกาย ส่วนจิต และส่วนวิญญาณ หรือสติปัญญา และจงแสวงหามาซึ่งสุขภาพให้ครบทั้งสาม คือสุขภาพทางกาย สุขภาพทางจิต สุขภาพทางวิญญาณหรือทางสติปัญญา แล้วดำรงตนให้ถูกต้องตามหน้าที่ ที่จะพึงกระทำแก่ส่วนใดแล้ว มีความสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ