แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย รายการพุทธธรรมนำสุข ได้เวียนมาถึงเข้า อีกรอบหนึ่งแล้ว เราก็จะได้พูดกันตามสมควรแก่โอกาส จะขอย้ำอยู่เสมอในข้อที่ว่า พุทธธรรมจะนำสุขมาให้ ก็เฉพาะต่อเมื่อเรามีพุทธธรรม ถ้าเราไม่มีพุทธธรรม มันก็ไม่มีอะไรจะนำสุขมาให้ ฉะนั้นเราจะต้องมีพุทธธรรม จะเพียงแต่รู้พุทธธรรมเฉย ๆ ก็ยังไม่พอ ต้องมีด้วย จะมีได้อย่างไร ก็ต้องด้วยการปฏิบัติ รู้แล้วปฏิบัติ แล้วก็มีพุทธธรรม
ทีนี้ข้อสำคัญมันอยู่ที่ว่า การที่จะมีพุทธธรรม หรือปฏิบัติพุทธธรรมได้นั้น เราจะต้องยอมให้พระธรรมเป็นผู้เผด็จการ บางคนชักสงสัย เพราะว่าคนเป็นอันมากเกลียดคำว่า เผด็จการ เข้ากระดูกดำ แต่อาตมา มาบอกว่า เราต้องยอมให้พระธรรมเผด็จการ เราจึงจะมีธรรมะ นี่แหละขอให้ฟังกันดูให้ดี ๆ ว่า จะต้องยอมให้พระธรรมเผด็จการอย่างไร เหมือนอย่างว่า เราเจ็บไข้ เราไปหาหมอ เราต้องยอมหมอทุก ๆ อย่าง แล้วแต่หมอเขาจะทำอย่างไร นี่ หมอเขาจะทำทุกอย่าง ตามที่เขาต้องการจะทำ เราจะไปโต้แย้งไม่ได้ นี้เรียกว่ายอมหมอทุกอย่าง หมอก็จะทำ ตามที่ควรจะทำ แล้วเราก็จะหายจากโรค พระธรรมนี้ก็เหมือนกัน เป็นสิ่งสูงสุด ถ้าเราจะให้ พระธรรมช่วย เราต้องยอมให้ พระธรรมเป็นผู้เผด็จการ คำว่า เผด็จการ ๆ นี่ ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ เหมือนที่คนเขารู้สึกกันอยู่ทั่วไป เดี๋ยวนี้คนทั่วไปเกลียดเผด็จการ เพราะเขาไม่รู้จักเผด็จการ ไอ้ที่เขาเกลียด เกลียดกันทั่ว ทั่ว ๆ ไปนั้น มันเป็นเผด็จการทุรราช เผด็จการโดยคนเลว เผด็จการโดยคนไม่มีธรรมะ พวกทุรราชทั้งหลายนี่ มันไม่มีธรรมะ แล้วมันก็เผด็จการไปโดยกิเลส เรียกว่ากิเลสเผด็จการ ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ไหว ใครก็ทนไม่ไหว เพราะกิเลสเผด็จการ แต่ถ้าธรรมะเผด็จการ มันตรงกันข้าม คือความถูกต้องเป็นผู้เผด็จการ ความถูกต้องทุกชนิดแหละคือธรรมะ ยอมทุกอย่าง ทุกประการ ตามความถูกต้อง ยอมให้ความถูกต้องเผด็จการ มันก็จะมีแต่ความถูกต้อง บ้านเมืองก็จะสงบสุข พอได้ยินว่า เผด็จการ ต้องนึกให้ได้ว่า เผด็จการนี้เป็นเครื่องมือ ที่สามารถทำให้สำเร็จประโยชน์ได้จริง ๆ แล้วแต่จะเอาไปใช้ผิด หรือเอาไปใช้ถูก ถ้าเอาไปใช้ผิด มันก็เกิดเผด็จการทุรราชขึ้นมา น่าเกลียด น่าชังที่สุด ถ้าใช้อย่างถูกต้อง ก็เป็นเผด็จการโดยธรรมะขึ้นมา ก็ได้รับประโยชน์เต็ม ตามที่ควรจะได้รับ
คนทุกคนล้วนแต่ได้รับประโยชน์จากเผด็จการ แล้วก็ไม่รู้บุญคุณของเผด็จการ อาตมาขอโอกาสที่จะเรียกเขาว่า เป็นคนเนรคุณ เป็นคนเนรคุณไม่รู้จักคุณของเผด็จการ แล้วก็ไปเกลียดเผด็จการ ข้อนี้หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า ทุกคนพอคลอดออกมาจากท้องแม่ เป็นเด็กขึ้นมา มันก็อยู่ใต้อำนาจเผด็จการของแม่โดยเฉพาะ พอโตขึ้นมา แม่เขาจะควบคุมให้ทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควร เขาไม่ยอมให้เด็กทำอะไรตามพอใจ อย่างเด็กจะไปกินอุจจาระ อย่างนี้ เขาไม่ยอม เขาต้องมีระเบียบ ที่จะต้องควบคุมเด็ก ให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ถ้าพูดกันแล้ว ฟังไม่ถูก เขาก็เผด็จการด้วยไม้เรียว ด้วยก้านมะยม คิดดูสิ แม่เขาจะเอาก้านมะยมมาหวดตัวลายพร้อยก็ได้ ฉะนั้น เด็กนั้นจะต้องทำตามคำบัญชาของแม่อย่างถูกต้อง เด็กทั้งหลายรอดตัวมาได้เพราะเหตุนี้ทั้งนั้น ถ้าปล่อยไปตามความต้องการของเด็กแล้ว เป็นวินาศหมด ไม่เป็นเนื้อเป็นตัวขึ้นมาได้ นี่แหละทุกคน มนุษย์ทุกคนตั้งแต่เป็นเด็ก รอดตัวมาได้เพราะการเผด็จการของแม่ โดยเฉพาะ ของพ่อ รวมด้วยตามโอกาส จนกระทั่งว่าได้รับการเผด็จการจาก ครูบาอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา ผู้ปกครอง ที่ดี ๆ ๆ เขาไม่ยอมให้เราทำผิด เขาเฉียบขาดในการที่จะไม่ยอมให้เราทำผิด เราก็เป็นเนื้อเป็นตัวขึ้นมา อุปัชฌาย์ อาจารย์เป็นผู้เผด็จการ ดั้งนั้น ลูกศิษย์ดีทั้งนั้นแหละ นี่ ไม่ใช่พูดเข้าข้างตัว ว่าตัวเองก็พูดเพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง ว่าเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ พูดในฐานะที่ว่า อุปัชฌาย์ อาจารย์ทั่วไป ที่อยู่ในร่องรอยของธรรมะวินัย จะไม่ยอมให้ ลูกศิษย์ ลูกหา ทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ
พระพุทธเจ้าเอง ท่านก็ปกครองสงฆ์อย่างเผด็จการ ท่านดำรงพระองค์อยู่เหนือวินัย ทุกอย่าง ทุกประการ ท่านเป็นผู้เผด็จการ ต่อเมื่อท่านนิพพานแล้วจึงอนุญาติให้ปกครองกันโดยวิธีที่เรียกว่า มติของทั้งหมด ของที่ประชุมเป็นใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแววแห่งเผด็จการ ในข้อที่ว่ามติของสงฆ์มีไว้อย่างไร แล้วจะต้องประพฤติกันอย่างเฉียบขาดที่สุด นี่ก็คือความหมายของคำว่า เผด็จการ เมื่อยังถือหลักเกณฑ์อันนี้อยู่ คณะสงฆ์ก็ตั้งอยู่ได้สืบต่อมาจนถึงบัดนี้ ถ้าไม่มีลักษณะเฉียบขาดเป็นเผด็จการ ก็จะโอ้เอ้ โลเล เถลไถล เลอะเทอะ ฟั่นเฟือน เลอะเลือนไป จนวินาศไปในที่สุด ความที่ต้องอยู่ในระเบียบอย่างเฉียบขาดนี้เราเรียกว่า เผด็จการ ทุกคนรอดตัวมา ด้วยการเผด็จการของแม่ ซึ่งเผด็จการต่อเราด้วยอำนาจของความรัก เผด็จการด้วยความรัก ไม่ใช่เผด็จการของทุรราช ทุรราชเผด็จการด้วยกิเลสของเขา เพื่อเอาประโยชน์ให้เขา อย่างนี้มันเผด็จการทุรราช ทีนี้พ่อ แม่ บิดา มารดา อุปัชฌาย์ อาจารย์ เขาเผด็จการ เพื่อประโยชน์แก่เรา ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แก่เขา จึงทำให้เรารอดตัวมาได้
ขอให้เราทั้งหลาย เข้าใจถูกต้องกันเสียทีว่า เผด็จการนั้น เป็นเพียงเครื่องมือ มีความหมายกลางๆ เอาไปใช้ถูก ก็ถูก เอาไปใช้ผิด ก็ผิด เอาไปใช้ดี ก็ดี เอาไปใช้ชั่วก็ชั่ว เผด็จการเป็นเพียงเครื่องมือ เราจะต้องใช้ให้ถูก และใช้เป็นเผด็จการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อสิ่งที่เรียกว่ากิเลสนั่น กิเลสของทุกคนนั่นแหละ ถ้าจะจัดการกับกิเลสแล้ว ต้องจัดการกับมันอย่างเผด็จการ อย่าไปไว้หน้ามันเลย อย่าไปทำประชาธิปไตยกับกิเลสเลย ต้องจัดการกับกิเลสทั้งหลายอย่างเผด็จการ หรือในบัดนี้ก็จะต้องพูดว่า ขึ้นชื่อว่าความชั่ว ทุกอย่างทุกชนิดนั้น เราต้องจัดการกับมันอย่างเผด็จการ อย่าไปไว้หน้า อย่าไปผ่อนผัน อย่าไปรอมชอม อะไรทำนองนั้นกันกับกิเลส จงใช้วิธีเผด็จการโดยส่วนเดียว ต่อสิ่งที่เรียกว่ากิเลส แล้วก็จะเหลือประโยชน์ตามที่ควรจะได้รับ
ธรรมะมีลักษณะเป็นสิ่งสูงสุด เป็นกฎของธรรมชาติ ที่จำเป็นจะต้องรู้จัก และจำเป็นที่จะต้องใช้อยู่ทั่ว ๆไปนั้นก็คือ กฎของธรรมชาติที่เรียกกันว่า อิทัปปัจจยตา กฎของอิทัปปัจจยตา ที่ว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ก็มี เมื่อสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้ก็เกิด เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็ดับ นั่นน่ะคือกฎอันเฉียบขาด กฎนี้เป็นผู้เผด็จการ ๑๐๐ เปอร์เซนต์ อยู่ในตัว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ กฎนี้พระพุทธเจ้าก็ทรงเคารพ คือท่านตรัสรู้ อิทัปปัจจยตา ที่เรียกกันว่า ปฏิจจสมุปบาท และท่านก็เคารพทันที เคารพในฐานะเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เคารพ คือเคารพกฎอิทัปปัจจยตา แล้วท่านก็ยังเอามานั่งทบทวน ทบทวนอยู่ เป็นเวลาอีกหลายวันหลังจากการตรัสรู้ ที่เรียกว่าทบทวนธรรมะ ในรัตนฆรเจดีย์ คือ ทบทวนกฎอิทัปปัจจยตา เรียกว่าเป็นสิ่งสูงสุด สูงสุดตรงที่ว่าเผด็จการต่อทุกสิ่ง
กฎอิทัปปัจจยตา ฝ่ายให้เกิด ก็จะทำให้เกิดทุกสิ่ง กฎอิทัปปัจจยตา ฝ่ายให้ดับ ก็ให้ดับทุกสิ่ง ไม่มีใครขอร้อง อุทรณ์ อ้อนวอน ต่อรองอะไรได้ นี่สิ่งสูงสุดอย่างนี้มีอยู่ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็เคารพ แล้วท่านก็ปฏิบัติตามสิ่งนี้ โดยไม่มีข้อแม้ เรียกว่ายอมให้เผด็จการ แล้วท่านก็นำสิ่งนี้มาสอนแก่พวกเรา ให้ปฏิบัติต่อสิ่งนี้ ในลักษณะที่ยอมให้สิ่งนี้เผด็จการ คือยอมให้ธรรมะเผด็จการ ปฏิบัติธรรมะด้วยการมอบชีวิตจิตใจ ทุกอย่างทุกประการ ปฏิบัติธรรมะให้สำเร็จประโยชน์ จนเป็นที่พึ่งได้
อาตมาจึงขอร้องให้ท่านทั้งหลาย กำหนดจดจำไว้เป็นอย่างดี ว่า การที่พุทธธรรมจะนำสุขมาให้นั้น เราต้องมี พุทธธรรม และการที่เราจะมีพุทธธรรมได้นั้น เราต้องยอมให้พุทธธรรมเผด็จการ ถ้าไม่ยอมให้เผด็จการ ไม่มี จะเกิดทะเลาะกันระหว่างเรากับพุทธรรม แล้วเราสู้ไม่ได้ เราก็พ่ายแพ้ เราก็วินาศเอง ถ้าเราจะมีพุทธธรรม จะให้พระธรรมอยู่กับเนื้อกับตัวของเรา เราก็ต้องยอมให้พระธรรมนั้นเป็นผู้เผด็จการ ตัวอย่างง่าย ๆ เช่นว่า ท่านไปหาหมอ ให้รักษาโรคอะไรของท่าน ท่านจะไปสอนหมอ บังคับหมอ อย่างนี้ เขาก็ไม่เอาด้วย ต้องแล้วแต่หมอ ต้องยอมให้หมอเผด็จการกับโรคนั้น ตามความพอใจของหมอ หมอก็ช่วยเราได้
เดี๋ยวนี้เราก็เป็นคนเจ็บ ที่มีความทุกข์ ทนทรมานในวัฏสงสารในโลกนี้ จะขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปก็ต้องเอาธรรมะมา ธรรมะจะมาก็ต่อเมื่อเรายอมให้ธรรมะเผด็จการ ธรรมะจะมีกับเรา ก็ต่อเมื่อเรายอมให้ธรรมะเผด็จการ คือ ยอมตามธรรมะทุกอย่าง ปฏิบัติตามอย่างดีที่สุด จนมีลักษณะเหมือนกับว่าธรรมะเผด็จการ ได้ทุกอย่างแล้ว เราก็มีพุทธธรรม พุทธธรรมก็นำความสุขมาให้สมตามที่ปรารถนา
ขอให้ท่านผู้ฟังทุกคน จงมองเห็นความจริงข้อนี้ แม้ว่าจะเป็นการพูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่า ต้องรู้พุทธธรรม ต้องปฏิบัติพุทธธรรม ต้องมีพุทธธรรม จะมีพุทธธรรมได้ ก็เพราะยอมให้พุทธธรรมเป็นผู้เผด็จการ หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะมีความเข้าใจในเรื่องนี้ ประพฤติ ปฏิบัติถูกต้องในลักษณะนี้ จนมีพุทธธธรมเป็นผู้เผด็จการ อยู่เหนือจิตเหนือวิญญาณของท่านทั้งหลายแล้ว มีความสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาล เทอญ