แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลายการบรรยาย เรื่อง พุทธธรรมนำสุข ในครั้งนี้ อาตมาจะกล่าวโดยหัวข้อว่า “สิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวพุทธควรได้รับ” สิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวพุทธควรจะได้รับ เพื่อไม่ให้เสียทีที่เป็นชาวพุทธ เราเป็นชาวพุทธกันแต่ชื่อ ไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ที่ชาวพุทธควรจะได้รับ มันก็ต้องน่าละอาย จะต้องลงไปถึงกับว่าละอายแมว แมวมันเป็นแมว มันชื่อว่าแมว มันก็ทำหน้าที่ของแมว ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วชาวพุทธเรียกตัวเองว่า เป็นชาวพุทธ ทำหน้าที่ของชาวพุทธ ไม่ได้ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ หรือไม่เป็นเอาเสียเลย ก็น่าละอายแมว หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะได้สำนึกในข้อนี้กันให้มาก อย่าให้เสียทีที่เป็นชาวพุทธ แล้วก็ไม่มีเกียรติแห่งความเป็นชาวพุทธเอาเสียเลย สิ่งที่ชาวพุทธควรต้องได้ ต้องมีนั่นแหละ เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายจะต้องสนใจ เราจะใช้คำว่า สิ่งที่ชาวพุทธต้องมีให้ได้ หรือสิ่งที่ชาวพุทธอาจจะมีได้ หรือว่าสิ่งที่ชาวพุทธควรจะมีได้ นี่จะระบุลงไปโดยชื่อที่ค่อนข้างจะประหลาด ๆ ว่า ความเป็น อริยเศรษฐี เชื่อว่าท่านทั้งหลายคงไม่เคยได้ยิน ไม่มีใครเคยได้ยิน คำว่าอริยเศรษฐี เคยได้ยินแต่คำอื่นเช่นว่า อริยทรัพย์ อริยบุคคล เป็นต้น เดี๋ยวนี้มาเรียกว่า อริยเศรษฐี ก็คือเศรษฐีที่เป็นอริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง
ชาวพุทธคืออะไร นี้เป็นปัญหาแรก ชาวพุทธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เพราะว่าเขาได้รู้สิ่งที่ควรรู้ คือสิ่งที่ดับทุกข์ได้ แก้ปัญหาได้ เขาจึงตื่นจาก หลับแห่งความโง่ หลับแห่งอวิชชา หลับแห่งกิเลส เขาตื่นอยู่ด้วยความรู้ดังนี้แล้ว เขาก็เป็นผู้เบิกบาน คือมีความสุข อันแท้จริงที่มนุษย์ควรจะต้องมี เขาต้องรู้สิ่งที่ควรรู้ก่อน คือหนทางที่จะเอาตัวรอดให้ได้ รอดตนเองแล้วก็รอดของผู้อื่น เรียกว่าเขามีหน้าที่ ที่จะช่วยตนเองและช่วยผู้อื่น นี้คือสิ่งที่เขาควรจะรู้ คือรู้ว่าช่วยตัวเองอย่างไร ช่วยผู้อื่นอย่างไร เขาจึงมีความตั้งใจไว้อย่างกว้างขวางว่าจะช่วยทั้งตัวเองและผู้อื่น จึงทำงานมากพอสำหรับจะช่วยทั้งตัวเองและผู้อื่น และความรู้ที่ครบถ้วนของเขานั่นเอง ทำให้เขารู้ว่า เขาจะต้องทำงานอย่างไร มีจิตใจอย่างไรในการทำงาน มีความรู้ในเรื่องทำการงานถูกต้องแล้ว ก็ทำงานสนุก เพราะว่างานนั้นคือธรรมะสูงสูดของมนุษย์เรา ครั้นทำงานสนุก ก็เป็นสุขในการงาน เป็นสุขในการงานแล้ว มันก็ไม่ต้องไปจ่ายเงินหาความสุขที่ไหนอีก มันก็มีผลงานเหลืออยู่มาก เขากินผลงานนั้น แต่พอดี เก็บผลงานนั้นไว้ แต่พอดี มันก็มีเหลือสำหรับจะช่วยผู้อื่นอยู่นั่นเอง นั่นแหละคือการทำให้โลกของพระศรีอารยเมตตรัยมาอยู่แค่ปลายจมูก ถ้าอยู่ในโลกของพระศรีอารยเมตตรัยแล้ว ก็ยิ่งกว่าเบิกบาน ชาวพุทธเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยอาการอย่างนี้
โลกของพระศรีอารยเมตตรัยนั้นไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่า ทุกคนรักซึ่งกันและกัน เรียกว่า รักผู้อื่นก็แล้วกัน เมื่อทุกคนรักผู้อื่น มันก็ไม่มียกเว้นว่าใครจะไม่ถูกรัก ทุกคนได้รับความรัก หันหน้าไปทางไหนก็พบแต่คนรัก พบแต่มือที่ยื่นออกมาสลอนไปหมดว่า จะให้ช่วยอย่างไร ๆ นี่ ความเบิกบานจะเกิดขึ้นสักเท่าไร ถ้าว่าเรามีแต่มิตรสหาย ยื่นหน้า ยื่นมือมาสลอนว่าจะให้ช่วยอย่างไร อย่างนี้ ก็เป็นชีวิตที่เบิกบาน เป็นชีวิตที่เย็น เรียกว่าสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์ก็ได้ คือชีวิตเย็น เย็นทั้งตนเอง เย็นทั้งผู้อื่น แล้วก็เย็นกันทั้งโลก ใคร มีความสุขอะไรที่ดีกว่านี้ ท่านทั้งหลายมีอะไรที่ดีกว่านี้ ขอถามหน่อย มีกิน มีกาม มีเกียรติ อย่างนั้นหรือ พูดกันนักเรื่องกิน เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องกาม ยิ่งใหญ่ไปอีก เรื่องเกียรติ ยิ่งใหญ่ไปอีก มัวเมากันแต่ เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ แล้วก็ได้เอาเปรียบกัน ฆ่าฟันกัน เพราะเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ ฆ่าตัวเองตายก็มาก เพราะเรื่องไม่พอกิน เรื่องไม่มีกาม เรื่องไม่มีเกียรติ
ขอให้ดูให้ดีจะเห็นได้ว่า ไอ้เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรตินั้น มันมีรสชาติต่อเมื่อได้เป็นทาสของกิเลส ต้องเอากิเลสเข้ามาด้วยแล้วคนนั้นก็เป็นทาสของกิเลส เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ จึงจะมีรส มีชาติ ถ้าไม่มีกิเลสเข้ามาช่วย เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ ก็ไม่มีรสชาติอะไร เป็นเรื่องยุ่ง เป็น เรื่องฟุ้งซ่าน เป็นเรื่องรำคาญ หยุดเป็นทาสของกิเลสเสียเถิด กิน กาม เกียรติ ก็จะไม่มาเป็นภาระหนักสุมอยู่บนศรีษะของท่านอีกต่อไป มันก็จะลดลงมา กลายเป็นของสำหรับแจกแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้มีปัญญาเป็นชาวพุทธที่แท้จริง จึงไม่ได้ยึดมั่น หลงใหลในเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ มีแต่จะเฉลี่ยให้ผู้อื่น นี้เรียกว่าชีวิตที่อยู่เหนือกิน เหนือกาม เหนือเกียรติ ไม่เป็นทาสของกิเลสอีกต่อไป มันก็เย็น ไม่ร้อน กิเลสเป็นของร้อน ไม่มีกิเลสก็เป็นของเย็น คำว่าเย็นนี่เรียกในบาลีว่า นิพพาน เป็นสิ่งที่ดีที่ประเสริฐสุดสำหรับมนุษย์ คำว่า ดีที่สุดนี้ดีในความหมายของธรรมะ ไม่ใช่ดีในความหมายของชาวบ้าน ชาวบ้านว่า ดี ๆ ๆ ๆ นั่นเป็นเรื่องกิเลสทั้งนั้น ดีของกิเลสทั้งนั้น แล้วเอามาเป็นดีของตัวกู คำว่าเย็นในที่นี้ ก็ไม่ใช่เย็นอย่างน้ำแข็ง เย็นอย่างน้ำแข็งใครจะทนได้ มันเย็นทางจิตใจ เพราะไม่มีกิเลสที่เป็นไฟเป็นของร้อน แล้วก็เรียกว่าเย็น ดีอย่างนี้ หรือว่าเย็นอย่างนี้ เรียกว่า เย็นในภาษาธรรมะ ไม่ใช่ภาษาชาวบ้าน ภาษาชาวบ้าน เขามีเท่าที่ชาวบ้านรู้สึก ภาษาธรรมะนั้นชาวบ้านไม่ค่อยรู้สึก รู้สึกได้แต่คนที่มีธรรมะ ยกตัวอย่างคำว่า นิพพาน ๆ ๆ นี่เอง ภาษาชาวบ้านก็พูดกันอยู่ แม้ที่ในครัว ว่านิพพานนะ พูดกันอยู่ในครัวว่า เดี๋ยวนี้ข้าวต้มนิพพานแล้วมากินได้ แกงกับนิพพานแล้วมากินได้ หมายความว่ามันเย็นกินได้ มันไม่ร้อน แต่ถ้านิพพาน ๆ ในภาษาธรรมนั้น ไม่ร้อนเพราะไม่มีกิเลส ๆ ภาษาคนนั้น ไม่ร้อนเพราะว่ามันเย็น มันเอาน้ำรดให้เย็น ถ้ากล่าวโดยหลักของภาษาบาลี ก็จะมีว่า ร่างกายนิพพาน เพราะอาบน้ำ แต่จิตเย็นเป็นนิพพาน เพราะหมดกิเลส หรือพูดว่า ถ้าอาบน้ำก็ทำให้ร่างกายเย็นเป็นนิพพาน ถ้าหมดกิเลสก็ทำให้จิตเย็นเป็นนิพพาน มีอยู่เป็น ๒ ชนิด หรือ ๒ โวหาร สำหรับจะพูดจา คำนวณดูก็จะเห็นได้ว่า แช่อยู่ในน้ำก็มีกิเลสได้ คนเเช่อยู่ในน้ำเย็นใส่น้ำแข็งด้วยก็ได้ แช่น้ำอย่างนั้นอยู่ก็ยังมีกิเลสได้ เราจึงมีเย็น ๒ ชนิดหรือ ๒ ชั้น ถ้าว่าเราเย็นทั้งกาย เย็นทั้งใจ ก็เรียกว่าดีที่สุด แต่เรื่องเย็นหรือนิพพานในทางธรรมะนั้น หมายถึงเย็นใจ คำว่า ดี ๆ นี่ก็ต้องระวังให้ดี ท่านผู้ฟังทั้งหลายทุกคนจงฟังให้ดี ๆ คำว่า ดี ๆ นั้น มันดีของกิเลสก็ได้ มันดีของธรรมะก็ได้ ดีของคนโง่ก็ได้ ดีของคนฉลาดก็ได้
คำว่าดี มีอยู่ ๒ ดี คือ ดีชนิดหนึ่งเมาได้ ดีชนิดหนึ่งเมาไม่ได้ ดีชนิดแรกนั้นใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับมันแล้ว เมาได้ เมาดี เมาสวรรค์ เมาความสุข เมาดี จนตายเพราะดี ตายเพราะความดีที่คนที่ตนเมา ดีชนิดนี้มันไม่ใช่ดีจริงหรือไม่ใช่ดีตามภาษาธรรมะ เป็นดีที่เมาได้ และเป็นดีที่หมดได้ และเป็นดีที่ทำให้เจ้าของต้องฆ่าตัวตายก็ได้ มีอยู่มากมายในประวัติศาสตร์ ดีอีกชนิดหนึ่งเมาไม่ได้ ทำยังไง ๆ ก็เมาดีไม่ได้ ยิ่งดียิ่งไม่เมา ยิ่งดียิ่งไม่เมาอะไรเลย นี่ต้องเอาดีชนิดที่เมาไม่ได้ จึงจะตรงกับคำพูดที่ว่า นิพพานนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เย็นที่สุด ประเสริฐที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ อุปมาดีที่เมาได้ ดีชนิดที่เมาได้เหมือนเฮโรอีน ถ้าไปเกี่ยวข้องกับเฮโรอีน มันก็ติดเฮโรอีน และระวัง ติดเฮโรอีนแล้วเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายก็ควรจะรู้ได้ ให้ได้ดีที่เป็นของจริง ดีที่ไม่เมาได้ ดีที่ไม่รู้จักหมดไม่รู้จักสิ้น ไม่ทำให้เกิดความยึดมั่น ถือมั่นว่า กูดี หรือดีของกู กูมีดี กูมีดีของกู เหมือนคนอันธพาลเขาพูดกัน อันธพาลทั้งหลายเขาก็ว่าเขามีดี มีดีเป็นของเขา เขาตะโกนอยู่ว่า กูดี กูมีของดี ดีของกู ดีชนิดนี้เมาได้ และทำให้เป็นอันธพาลก็ได้ พุทธบริษัททั้งหลาย อย่าได้มีดีชนิดนี้เลย
ขอให้มีความดีตามความหมายในภาษาธรรม คือดีของความถูกต้อง ตามกฎของกระทำ คือทำให้ร้อนไม่ได้ ทำให้โง่ไม่ได้ ทำให้หลงไม่ได้ และเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดสำหรับมนุษย์ ใครมีแล้วเรียกว่าผู้ประเสริฐที่สุดคือเป็นเศรษฐี แล้วก็เป็นชั้นประเสริฐจึงเรียกว่า อริยเศรษฐี คือเป็นเศรษฐีอริยสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา ขอให้ท่านผู้ฟังทั้งหลายทุกคนจงได้เป็นอริยเศรษฐี คือมีความประเสริฐที่สุด ชนิดที่ประเสริฐจริง อันเป็นสิ่งที่พุทธบริษัทต้องได้รับ ถ้าไม่ได้รับก็ไม่ใช่พุทธบริษัท สิ่งนี้ไม่อยู่เหนือวิสัย คืออยู่ในวิสัยที่อาจจะได้รับ จึงพูดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่อาจจะได้รับ และมันควรจะได้รับ เมื่อมันรับได้แล้ว มันก็ควรจะได้รับ สิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวพุทธต้องได้รับ สิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวพุทธอาจจะได้รับ สิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวพุทธควรได้รับ ครั้นได้รับแล้วก็เป็นอริยเศรษฐี
หวังว่าท่านทั้งหลายทุกคนจงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ให้สมกับความเป็นพุทธบริษัทของตน แล้วก็ทำงานให้สนุก มีความสุขในการงาน ได้ผลงานมาเท่าไหร่ กินไว้ เก็บไว้ แต่พอดี เหลือก็ไปช่วยผู้อื่น ทำให้โลกพระศรีอาริย์อยู่แค่ปลายจมูก แล้วก็เป็นโลกที่เบิกบาน ไม่มีความทุกข์ หวังว่าท่านทั้งหลายทุกคนจะได้มองเห็นความจริงข้อนี้ แล้วพยายามทำตนให้เป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้อง ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับความเป็นมนุษย์ ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เป็นสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาล เทอญ