แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายในชุดพุทธธรรมนำสุขในครั้งนี้ อาตมาจะได้กล่าวโดยหัวข้อว่า พุทธบริษัทต้องทำงานสนุก นี่หมายความว่าคนทั่วไปสามัญธรรมดานั้นทำงานไม่สนุก เพราะเขาคิดว่ามันเหนื่อยและก็ไม่สนุก ไม่มีใครอยากทำงาน แต่ว่าจำเป็นจะต้องทำงาน มิฉะนั้นจะไม่มีอะไรรับประทาน ทำด้วยความฝืนใจ มันก็ไม่สนุก เขาไม่รู้เลยว่าไอ้การงานนั้น คือ การประพฤติธรรม ธรรมะ คือ หน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิต ทำหน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตก็คือการประพฤติธรรม ดังนั้น การงานก็คือตัวชีวิตนั่นเอง เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด มีเกียรติสูงสุด เขาไม่รู้สึกในข้อนี้ จึงไม่มีความปีติยินดีในการที่จะทำงาน ก็เหมือนกับว่าทนทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลาที่ทำงาน การงานก็เลยกลายเป็นการทนทุกข์ หรือว่าตกนรกเมื่อทำงาน พุทธบริษัทต้องไม่เป็นอย่างนี้ พุทธบริษัทต้องทำงานให้สนุก เราควรจะมีศิลปะของการทำงานให้สนุก แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อย ท่านลองคิดดูว่าทำไมกีฬา ซึ่งก็เหนื่อยเหมือนกันแต่เป็นความสนุก จับปูจับปลาก็สนุก ยิงสัตว์ก็สนุก ทั้งที่แทบทุกกรณีก็เป็นการงานที่ทำเพื่อเลี้ยงชีวิต ที่มันรู้สึกสนุกก็เพราะว่ามันไม่รู้สึกว่าเป็นการทำงาน มันกลายเป็นการเล่นไปเสีย ทำไมบางคนเรียนหนังสือสนุก สร้างวิมานในอากาศด้วยความเพ้อฝันก็สนุก นี่ก็เพราะว่ามันมีความหวังอันแรงกล้า มากลบเกลื่อนความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นเสีย ทำไมกิจกรรมทางเพศจึงสนุก ไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะว่ามันเป็นเรื่องของกิเลสที่ออกมารับหน้า รับเหยื่อ พอใจ หลงใหลในการที่มันได้เหยื่อ มันจึงไม่รู้สึกว่าทนทุกข์ทรมาน เราจะเอาอะไรมาทดแทนสิ่งเหล่านั้น เพื่อทำงานให้สนุกโดยไม่ต้องใช้กิเลสเป็นต้นนั้นเลย ข้อนี้เห็นอยู่อย่างเดียวก็คือว่า จะต้องมีอุดมคติ ต้องได้รับการศึกษาเล่าเรียนมาในรูปแบบที่ทำให้เกิดความรู้สึกคิดนึก หรือความเชื่อ หรือที่จะเรียกว่าเหตุผลทางปรัชญาก็ได้ ว่าการงานนั้นมีค่าสูงสุดอย่างไร เป็นตัวชีวิตของมนุษย์ซะเองอย่างไร ในบรรดาสิ่งที่มีเกียรติของมนุษย์แล้วก็ไม่มีอะไรมากเท่าการงาน ถ้าคนเหล่านั้นมีอุดมคติอย่างนี้ เขาก็จะทำงานสนุก เมื่อเราเห็นผีเสื้อ หรือแมลงผึ้ง เป็นต้น เที่ยวทำงานด้วยการดูดน้ำหวานจากดอกไม้ โดยเฉพาะผีเสื้อ เที่ยวบินไปมาตามดอกไม้สวยงามดอกนั้นทีดอกนี้ที อย่างไม่รู้สึกว่ามันเป็นการงานที่หนักและเหน็ดเหนื่อย ทำไมเราจึงจะมีการงานชนิดที่ไม่รู้สึกว่าหนักหรือเหน็ดเหนื่อยเช่นนั้นบ้าง แต่เราก็มองไปในทางอื่นเสียว่าไอ้ผีเสื้อจะดูดน้ำหวานจากดอกไม้นั้นมันเป็นเรื่องเที่ยวเล่น มันไม่ใช่เรื่องทำงาน มันจึงไม่ต้องเป็นทุกข์ หรือว่าคิดว่าไอ้งานมันไม่เหมือนกันกับงานของเรา ไอ้งานของเราต้องเป็นทุกข์ งานของเราของมนุษย์นี่ไม่อาจจะทำให้เป็นสุขหรือสนุกเหมือนงานของผีเสื้อได้ ก็ไม่สนใจ นั่นแหละคือข้อที่ว่าเราจะต้องมาศึกษากันเสียใหม่ให้รู้ว่าการงานนั้นคืออะไร ขอให้ใช้สติปัญญาละเอียดละออสุขุมสักหน่อย คือ ขวนขวายกันสักหน่อยในการศึกษาให้รู้ว่าการงานนั้นคืออะไร ทำไมจึงเรียกว่าธรรมะ
ธรรมะในภาษาบาลีที่ใช้อยู่ในอินเดียแปลว่าหน้าที่ คือ หน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีชีวิตต้องทำหน้าที่เพื่อให้อยู่รอด การทำให้อยู่รอดนั่นแหละเรียกว่าธรรมะ การงานทำให้อยู่รอด การงานจึงได้ชื่อว่าธรรมะ ความอยู่รอดของมนุษย์เรานี้มีอยู่เป็น 2 ชั้น คือ ว่ารอดชีวิต หน้าที่เพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้นี้อย่างหนึ่ง หน้าที่เพื่อให้ชีวิตที่รอดอยู่แล้วนั้นมันสูงขึ้นไปกว่าจะถึงที่สุด ที่เรียกกันว่าบรรลุมรรคผลนิพพาน นี่ธรรมะก็คือการงาน คือ หน้าที่เพื่อความรอดของมนุษย์ทั้ง 2 ระดับ คือรอดชีวิต และก็รอดจากปัญหาต่างๆ สูงขึ้นไปเหนือปัญหาทั้งปวง เรียกว่าบรรลุมรรคผลนิพพาน ถ้ารู้จักการงานในลักษณะอย่างนี้ ก็จะรู้สึกเป็นสุขสนุกสนานในการทำการงาน หรือจะรู้อีกอย่างหนึ่งว่า การงานคือสิ่งที่ตรงกับความประสงค์ของสิ่งสูงสุดคือพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้ากำหนดมาให้ว่ามนุษย์จะรอดอยู่ได้ ก็ด้วยการทำการงาน คือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ การทำให้ตรงตามความประสงค์ของพระเป็นเจ้าก็เป็นที่น่ายินดี คนก็ยินดีทำการงาน หรืออยากจะมองดูอย่างหนึ่งว่า การงานเป็นการสอบไล่ และเป็นการเลื่อนชั้นชีวิต การงานมาสอบไล่ว่าคนนี้มันสามารถหรือไม่ มันควรจะให้เป็นมนุษย์อยู่ได้หรือไม่ ทดสอบดูได้ด้วยการงาน ถ้ามันไม่ทำการงาน หรือไม่สามารถจะทำการงานใดๆ เลย มันก็ควรตายและก็ให้มันตาย หรือว่าเลื่อนชั้นก็หมายความว่าถ้ามันดีกว่าเดิม การทำการงานทำให้คนเราดีขึ้นกว่าเดิมตามการงานที่ทำ การงานสูงขึ้นไปมันก็เป็นการเลื่อนชั้นที่ดีกว่าเดิม ถ้าจะดูขึ้นอีกทีหนึ่งก็จะพูดว่าการงาน คือ สิ่งที่ทำแล้วจะเกิดสิทธิของความเป็นคน ถ้าเขาไม่ทำหน้าที่คือการงานนี่แล้ว เขาไม่มีสิทธิที่จะอยู่อย่างคน ไม่มีสิทธิที่จะเป็นคนอยู่ในโลกนี้ ถ้าเขาไม่ทำการงาน จึงถือว่าการงานนั่นแหละ คือ สิ่งที่ทำให้เกิดสิทธิในการที่จะอยู่เป็นคน ดังนั้น การงานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต ชีวิตจะต้องมีการงานจึงจะรอดอยู่ได้
ทำไมเราจึงจะมีความรู้สึกอย่างนี้แล้วทำงานสนุก ก็ดังที่กล่าวมาแล้วว่ามันสำคัญอยู่ที่จิตใจ ถ้าเราจะต้องปรับปรุงจิตใจให้สูงขึ้นไปจากความเป็นคนโง่ คนเขลา คนหลง คนปุถุชน คนดิบ คนไม่รู้จักอะไร เห็นการงานเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย จะต้องปรับปรุงจิตใจให้สูงขึ้นไป จนรู้จักสิ่งทั้งปวงอย่างถูกต้องตามที่เป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็นชัดลงไปว่า การงานนั้นคือธรรมะ คือสิ่งที่จะช่วยให้รอด เป็นสิ่งที่จะทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ตามแบบวิสัยของพุทธบริษัท ซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถ้าผู้ใดยังไม่รู้สึกสนุกในการทำงาน ผู้นั้นยังไม่ใช่พุทธบริษัทเลย เขาจะต้องปรับปรุงตัวเองในด้านสติปัญญาให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าการงานอย่างถูกต้อง แล้วพอใจอย่างยิ่งในการที่จะทำการงาน เมื่อมีความพอใจในการทำงาน การงานมันก็สนุก ไม่ว่าสิ่งใดถ้าเป็นสิ่งที่เราพอใจแล้ว ก็จะเป็นสิ่งที่ง่ายดายและสนุกสนานในการกระทำอยู่เสมอไป นี่แหละจึงยืนยันว่าถ้ายังทำงานไม่สนุก ก็ยังไม่ใช่ผู้รู้ ยังไม่ใช่ผู้ที่เป็นพุทธบริษัท จึงหวังว่าท่านทั้งหลายผู้ปฏิญญาณตัวเองว่าเป็นพุทธบริษัท โดยจดทะเบียนก็ดี โดยอะไรก็ดีว่าเป็นพุทธบริษัทแล้ว จงทำตนให้สมกับที่เป็นพุทธบริษัท คือ ทำการงานให้สนุก โดยที่รู้สึกว่าการทำงานนั้นคือการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมนั้นก็เพื่อความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง และเจริญในหน้าที่การงานของมนุษย์ กว่าจะถึงระดับสูงสุดคือการบรรลุมรรคผลนิพพานดังที่กล่าวมาแล้ว นี่คือข้อที่ท่านทั้งหลายจะต้องสำนึกหรือสำเหนียกเอาไว้ในใจ ว่าพุทธบริษัทต้องทำงานสนุก แล้วท่านทั้งหลายก็ทำงานสนุกเป็นสุขสำราญอยู่ทุกๆ ทิพาราตรีกาลเป็นแน่นอน