แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การพูดกันครั้งนี้อาตมาจะ พูดโดยหัวข้อว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ เป็นสิ่งที่พัฒนาได้และยังต้องพัฒนา มิฉะนั้นเราจะสูญเสียสิ่งที่เรียกว่า ชีวิต หรือคุณค่า ของชีวิต ฟังดูก็น่าหัว อ่า, ที่ว่าชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ใคร ๆ ก็น่าจะรู้สึกเองได้ แต่มันมีปัญหาอยู่ที่คำว่า พัฒนา ถ้าพัฒนา ไปผิดทางผลมันก็ ผิดทางไม่ ไม่ ไม่พึงปรารถนา คำว่า พัฒนา เป็นคำที่เป็นปัญหา เราต้องถือ เอาความหมายของคำว่า พัฒนาให้ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแต่ตัวหนังสือ ในภาษาบาลีนั้นคำว่า พัฒนา หมายแต่เพียง ว่าทำให้มากขึ้น ความรกรุงรังมากจนไม่ที่น่า จนเป็นที่น่าหากปรารถนาก็เรียกว่า พัฒนา
ในภาษาต่างประเทศคำว่า พัฒนาหรือเจริญ ก็มีความหมายมาจากคำดั้งเดิม ที่ว่ามันบ้า มันปั่นป่วน เป็นบ้า ก็หมายความว่า มันล้น เกินระดับที่ควรจะมี นี่พัฒนา หมายความได้ถึงอย่างนี้ ความหมายที่แท้จริง จะต้อง จำกัดไว้อย่างถูกต้อง คืออย่าให้ถึงกับว่า มันไม่มี ขอบเขต ความเจริญที่ไม่มีขอบเขต อือ, มันก็กลายเป็น ความไม่เจริญ เช่นว่า มันดีเกินไป ก็ใช้ไม่ได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าที่ดีเกินไปนั้นมันใช้ไม่ได้ มันต้องดีเท่าที่มันควรจะดี พัฒนาจึงมีความหมายแท้จริงว่า เจริญ เท่าที่ควรจะมี ด้วยสิ่งที่ควรจะมี เพียงเพื่อสันติสุข นั่นจึงจะเรียกว่า เจริญ ถ้ามันเกินสันติสุข มันก็เป็นบ้า
เดี๋ยวนี้เรา ส่วนมาก เอาสิ่งที่ส่งเสริมกิเลสว่าเป็นความเจริญ เพราะเราเป็นคนมีกิเลส เราตกอยู่ใต้ อำนาจของกิเลส ก็พอใจในสิ่งซึ่งเป็นเหยื่อของกิเลส ถ้ามีเหยื่อของกิเลสมาก เราก็เรียกว่า ความเจริญ นั่นแหละระวังให้ดี มันจะดีเกินไป มันจะมากเกินไป มันจะเจริญเกินไป มันก็เลยดีสำหรับกิเลส หรือดีสำหรับ อวิชชา ความโง่ ความหลง หลงจนเป็นบ้า คำว่า พัฒนา มันหมายความไปได้ถึงอย่างนั้น
เดี๋ยวนี้ที่ว่า เอาสิ่งส่งเสริมกิเลสเป็นความเจริญนั้น คือ ความเอร็ดอร่อย สนุกสนาน เพลิดเพลิน มัวเมา ทางอายตนะ ๖ คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ติดมาแต่กำเนิด แล้วก็ได้รับ การแวดล้อมให้ได้รับสิ่งที่พอใจ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จนทุกคนล้วนแต่พอใจในความสุขสนุกสนาน เอร็ดอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันก็รู้สึกขึ้นมาเองว่านี่คือ ความเจริญหรือดีกว่าเก่า แม้ว่ามันจะมากมาก จนกลายเป็นการทนทุกข์ทรมาน มันก็ไม่รู้สึกว่าเป็นการทนทุกข์ทรมาน คือ ไม่รู้สึกว่าเราเป็นทาสของมัน มันเป็นนายของเรา นี่ความเจริญทำให้ คนกลายเป็นคนตาบอด หูหนวก กระทั่งเป็นคนบ้าในที่สุด
ขอให้สนใจในคำ ในความหมายของคำว่า พัฒนา หรือความเจริญ กันให้ดี ๆ ให้เป็นพัฒนา ที่ปลอดภัย พัฒนาอย่างไรเรียกว่า ปลอดภัย คือ พัฒนาที่อยู่ในขอบเขตของศีลธรรม และประกอบอยู่ด้วยศีลธรรม ถ้าไม่มี ศีลธรรม หรือเกินขอบเขตของศีลธรรม ซึ่งเท่ากับความไม่มีศีลธรรมแล้ว อ่า, ความเจริญชนิดนั้นแหละ คือ ความวินาศ จึงกล่าวได้อย่างท้าทายเลยว่า ความเจริญนั่นแหละ คือ ความวินาศ ถ้ามันขาดศีลธรรม ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจฟังให้ดีอีกครั้งหนึ่ง อาตมากล่าวว่า ความเจริญนั่นแหละ คือ ความวินาศ ถ้ามันขาด ศีลธรรม ต่อเมื่อเมื่อไม่ขาดศีลธรรม มีศีลธรรมเทียบส่วนเท่ากับอัตราของความเจริญ ความเจริญนั้นจะเป็น ความเจริญ จริง คือ ไม่สร้างความวินาศ ขึ้นมา
เดี๋ยวนี้โลกเราทั้งโลกกำลังมีความเจริญ ชนิดที่ไม่มี ศีลธรรมควบคุม หมายความว่า เราช่วยกันสร้าง ความเจริญทางวัตถุ กันตะพรึด หล่อเลี้ยงกิเลสของคนทั้งโลก แต่ศีลธรรมไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่ากับความเจริญ ทางวัตถุ โลกเราจึงมีความเจริญชนิดที่ไม่ควบคุมด้วยศีลธรรม ปราศจากศีลธรรม แล้วมิหนำ ซ้ำ ทำลาย ศีลธรรมเสียอีกด้วย ศีลธรรมที่เราเคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ถูกทำลายไปเสียด้วยความเจริญชนิดนี้ ความเจริญ ใหม่ ๆ ที่ ไม่ประกอบด้วยศีลธรรมนี้ ได้ทำลายศีลธรรมที่เราเคยมีกันแต่กาลก่อน ศีลธรรมก็หมดไปหมดไป กระทั่งในขนบธรรมเนียมประเพณี ก็ไม่มีศีลธรรมเหลืออยู่ จึงเกิดวิกฤตการณ์ ความเป็นอันธพาล สิ่งเลวร้าย นานาชนิด ก็เกิดขึ้นใน สังคมมนุษย์ เพราะบูชาความเจริญ ที่ไม่ประกอบไปด้วยศีลธรรม
วิกฤตการณ์ คือ ภาวะที่ ทนทุกข์ทรมาน ยุ่งยาก ลำบาก ระส่ำระสาย นี่เรียกว่า วิกฤตการณ์ เรามีความ ยุ่งยากชนิดนี้เป็นการถาวร ในโลกนี้มากไปด้วยการเบียดเบียน แม้ว่าจะจัด จะจัดบ้านเมือง ให้เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า แต่ก็ไม่สามารถควบคุมวิกฤตการณ์ ที่เกิดมาจากอันธพาล คนเรา เป็นโรคประสาท กันมากขึ้น ทั้งที่เจริญ ด้วยการแพทย์ มีคนอันธพาลมากขึ้นทั้งที่เจริญด้วยการศึกษา มันเป็นความเจริญ ที่ไม่มีศีลธรรม ไม่ประกอบอยู่ด้วยศีลธรรม จึงมีความยุ่งยาก เกิดขึ้นอย่างนี้ วิกฤตการณ์เลยผสมกับความเจริญ
ขอให้ดูให้ดีเถิด ว่าเรากำลังมีความเลวร้าย ปนอยู่ในความเจริญ มันผสมกันอยู่ ยิ่งเจริญทางวัตถุ ยิ่งมีความเลวร้าย ไม่มีศีลธรรม ซึ่งเป็นความเจริญในทางจิตใจ นี่พัฒนาอย่างนี้ พัฒนาเพื่อความวินาศ จะเรียกว่า พัฒนา อย่างหลับหูหลับตา ก็ถูกที่สุด เรากำลังได้รับโทษจากการพัฒนาอย่างหลับหูหลับตา ตามรายงานทางการแพทย์ที่โฆษณา ว่าคนได้รับอันตราย เพราะการใช้ผงชูรสอาหาร อันนี้มากขึ้น หรือว่า เราใช้ยากำจัดแมลง มากจนกระทั่งว่า คนก็พลอยถูกกำจัดไปด้วย เวลานี้ก็กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับยาฆ่าแมลง หรือยาทำนองนั้น ที่ว่าทำให้ปลาตาย เป็นเหตุให้ปลาอ่อนแอจนเกิดเชื้อโรคโรคร้ายขึ้นในปลา อย่างนี้ เป็นต้น
มันเป็นการพัฒนาที่เดินสวนทางกับการเจริญ ก็เพราะว่ามันไม่มีความรู้ที่ถูกต้องหรือเพียงพอที่จะมา ควบคุมความเจริญ มันเป็นการพัฒนาอย่างหลับหูหลับตา จะกินให้อร่อย ใช้สิ่งชูรสอาหาร แต่สิ่งนั้นกลับเป็น โทษ ที่จริงก็มีอยู่มากมายหลายอย่าง และนมนานมาแล้ว ที่ตั้งใจว่า จะทำให้มันดี แต่มันกลายเป็นอันตราย ต่อมนุษย์ นั่นเอง การกินอยู่แต่พอดีเป็นความถูกต้อง แต่ว่ากินดีอยู่ดีของกิเลสชนิดไม่มีขอบเขตนั้น เป็นความผิดพลาดอย่างยิ่ง
เมื่อก่อนบรรพบุรุษของเรา ท่านกินอยู่แต่พอดี กินอยู่กันแต่พอดีพอเหมาะพอสม โดยประการทั้งปวง
เดี๋ยวนี้กลายเป็นกินดีอยู่ดีที่ไม่มีขอบเขต ใช้วิชาความรู้ อันมากมาย ของสมัยใหม่ ผลิตสิ่งที่ ส่งเสริมกิเลส คือ ความเอร็ดอร่อย เพลิดเพลิน สนุกสนาน จนไม่มีขอบเขต มันก็เกิดความเป็นทาสของกิเลส กิเลสกลายเป็นคน คนนั้นไป อ่า, คนคนนั้นไม่มีตัวตน แห่งสติปัญญาของตน เพราะว่ากิเลสมันครอบงำบุคคลนั้น กิเลสนั่นแหละ มันมาเป็นตัวชีวิตเสียเอง แล้วใครจะไปพัฒนาได้ มันก็ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ไปไปนอกทางของกิเลส มันก็มีแต่ จะพัฒนา ไปในทางของกิเลส ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งวินาศ เพราะว่ามันสวนทางกับศีลธรรม มันเดินสวนทางกันกับ ศีลธรรม คือ มันเดินสวนทางกันกับ ความสงบ
นี่ชีวิตมันเป็นไปได้ถึงอย่างนี้ ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ คือ พัฒนาให้รกรุงรังหรือพัฒนาให้เป็นบ้า ไปก็ได้ พัฒนาให้มีความสุข ความสงบ อยู่เย็นเป็นสุข ก็ได้ เราจึงต้องมีความรู้เรื่องการพัฒนา พัฒนาชีวิตซึ่ง เป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ให้เป็นไปแต่ในทางที่ถูกต้อง ชีวิตมีเหตุมีปัจจัยของมัน ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการ เปลี่ยนแปลงเหตุปัจจัย แต่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงเหตุปัจจัยนั้นให้ถูกต้องตามสัจจะ สัจจะ คือ ธรรมสัจจะ คือ ความจริงเฉพาะสิ่งนั้น ๆ คือ ความจริงของการพัฒนา ให้มีความถูกต้อง ต่อจุดหมายที่ถูกต้อง คือ ความสงบ สุข หรือสันติภาพ แล้วก็พอดีสำหรับชีวิต พอดีที่จะให้ชีวิตมีอิสระ มีอิสระในทางที่ถูกต้อง อย่าให้เป็นชีวิต ของกิเลส มีอิสระที่จะทำไปตามทางของกิเลส แล้วก็สร้างความวินาศขึ้นมา เป็นผล ในที่สุด
เวลาสำหรับจะ พูดก็หมดแล้ว ขอสรุปความว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ จะต้องพัฒนาไปในทางของ ความสุข ความสงบ ความเยือกเย็น อย่าให้กลายเป็นเรื่องรกรุงรัง แล้วก็กลายเป็น เรื่องบ้า ชีวิตพัฒนาได้นั้น เป็นสิ่งที่แน่นอน จะต้องรู้ว่าพัฒนากันอย่างไร มิเช่นนั้นแล้ว การพัฒนานั้นจะกลายเป็นความวินาศ ความเจริญนั่นแหละ คือ ความวินาศ ถ้าขาดศีลธรรม อาตมาขอยุติการบรรยาย ในครั้งนี้ไว้เพียงเท่านี้