แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรม ทั้งหลาย ธรรมะบรรยายในวันนี้ จะกล่าวโดยหัวข้อว่า พวกเรายังใช้ชีวิตไม่สมค่าและศักดิ์ศรี พวกเรายังใช้ชีวิตไม่สมค่าของมัน และไม่สมศักดิ์ศรี จะต้องดูกัน ให้ดีในข้อที่ว่า เราไม่ได้รับประโยชน์ จากชีวิตของเรา หรือจากความเป็นมนุษย์ของเรา เออ, จนสมกับ ความหมายของคำว่า มีชีวิตอย่างมนุษย์
ในข้อนี้จะขอให้พิจารณากัน เป็นลำดับทีละอย่าง คำที่ว่า ใช้ชีวิตไม่สมค่าของธรรมะ หมายความ ว่า ชีวิตนี้ ต้องประกอบอยู่ด้วยธรรมะ เราเอาธรรมะมาประกอบกับชีวิต น้อยเกินไปบ้าง ไม่ถูกเรื่องไม่ตรง เรื่อง ของธรรมะบ้าง จึงได้ประโยชน์ ไม่สมค่า ของธรรมะ ตามที่ธรรมชาติ จัดให้มา กำหนดให้มา ธรรมชาติจัดให้มา คือ จัด ธรรมชาติ จัดธรรมชาติให้เกิดมา เป็นมนุษย์ เป็นต้นนี้ มันจัดมาให้สูงมาก กำหนดมาให้สูงมาก คือให้เป็นมนุษย์ ที่มีค่าสมกับความหมายของคำว่า มนุษย์ มีจิตใจสูง อยู่เหนือปัญหา เหนือความทุกข์ เหนืออันตราย เหนือทุกทุกอย่างอันไม่พึงปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ปัญหาของ มนุษย์ นั่นแหละ
ถ้ายังไม่อยู่เหนือปัญหาของมนุษย์ ก็ยังไม่เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่มี ค่าสมกับที่ธรรมชาติกำหนด มา พูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็ว่า ธรรมชาติจัดให้มาหรือกำหนดให้มานี้ ให้มนุษย์ไปไกลได้ ถึงความเป็น พระอรหันต์ มนุษย์ปุถุชน ปฏิบัติตนดีขึ้นจนเป็นพระอริยเจ้า และเป็นขั้นสุดท้ายของพระอริยเจ้า คือ การเป็นพระอรหันต์ หรือถ้าจะพูดกันอย่างลัทธิอื่นหรือศาสนาอื่น เขาก็ใช้คำพูดว่า มนุษย์จะต้องถึง พระเจ้า เข้าถึงพระเจ้าหรือก็ว่าเป็นพระเจ้าเสียเอง แล้วแต่เขาจะใช้ความหมายสำหรับคำว่า พระเจ้านั้น อย่างไร
โดยทั่วไปที่จะใช้ได้กับหลักทั่วไปศาสนาทั่วไป ก็ขอให้ถือ เอาความหมายของคำว่า พระเจ้านี้ ว่าสิ่งสูงสุดเหนือสิ่งใด ซึ่งใครใครต้องเคารพและเชื่อฟัง และถือเอาเป็นที่พึ่ง นั่นแหละคือ สิ่งที่เรียกว่า พระเจ้า ความรู้สึกว่ามีพระเจ้านี้รู้สึกได้เองตามธรรมชาติ คือว่าธรรมชาติทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีสิ่งสูงสุด ที่เราต้องเกรงกลัว แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน มันก็ยังรู้สึกว่ามีสิ่งสูงสุดที่มันต้องกลัว คนเรารู้สึกได้ว่ามีสิ่งสูงสุด ที่ต้องกลัว ตามประสาสติปัญญาที่จะมีอยู่มากหรือน้อยอย่างไร แม้แต่คนป่าสมัยที่ยังเป็นคนป่า มันก็ยัง รู้สึกได้ว่ามีสิ่งสูงสุด แต่เข้าใจไม่ได้ เมื่อเข้าใจไม่ได้ก็ถือเอาทั้งที่เข้าใจไม่ได้ว่าเป็นพระเจ้า ที่เราเข้าใจไม่ได้ เรากลัว เราถือเอาเป็นที่พึง
นี่ขอให้พิจารณาดูให้ดี อ่า, กันในข้อนี้ก่อนว่า ธรรมชาติกำหนดให้เรา ดีได้เจริญได้ สูงได้ จนถึง ขนาดสูงสุดที่มนุษย์จะเป็นได้ พวกเราชาวพุทธก็ถึงความเป็นพระอรหันต์อยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวง แม้ยังไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ก็ดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้น ตามลำดับ คือ มีความทุกข์น้อยลง น้อยลงตามลำดับ จนกระทั่งไม่มีความทุกข์เหลืออยู่เลย พวกที่เขาถือพระเจ้า เขาก็ว่าเจริญขึ้นจนพระเจ้าโปรดปรานให้ไปอยู่ เป็นอันเดียวกันกับพระเจ้า อย่างนี้ก็มี ถ้าว่าธรรมชาติไม่ได้กำหนดมาให้ถึงขนาดนี้แล้ว การที่ใคร ๆ จะถึง ความเป็นพระอรหันต์ก็มีไม่ได้ การที่ใคร ๆ จะถึงพระเจ้าก็มีไม่ได้ ถ้าธรรมชาติไม่ได้กำหนดไว้ ให้มนุษย์มี คุณสมบัติที่จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงระดับสูงสุด
ธรรมะ เออ, มีอยู่สำหรับช่วยให้มนุษย์สูงขึ้นไปจนถึงสิ่งสูงสุด เรื่องของธรรมะนี้ เคยพูดกันมา หลายครั้ง หลายหนแล้ว ว่ามีอยู่หลายความหมา ยต้องเอามาสัมพันธ์กัน ธรรมะ คือ ตัวธรรมชาติ ได้แก่ ตัวเรา พวกเราธรรมะได้แก่ กฎของธรรมชาติ คือ กฎของธรรมชาติที่ควบคุมสิ่งทั้งปวงอยู่ รวมทั้งตัวเรา ธรรมะ คือ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ซึ่งสิ่งที่มีชีวิตจะต้องประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องจึงจะเจริญ และธรรมะ คือ ผลที่จะได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติดังนี้
เดี๋ยวนี้เรายังไม่รู้จักใช้ธรรมะให้สัมพันธ์ต่อกัน เราจึงไม่เจริญขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุด ที่มนุษย์ ควรจะได้รับ นี่แหละคือข้อที่พูดว่า ใช้ชีวิตยังไม่สมค่าของธรรมะ เอาธรรมะมาใช้กับชีวิต แต่ได้ผล ไม่สมค่าของสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ คือ ทำให้บรรลุ ขั้นสูงสุด การที่ใช้ชีวิตไม่สมค่าของธรรมะ นี่ยังเรียก ได้อีกอย่างหนึ่งว่า ใช้ชีวิตยังไม่สมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ถ้าเรา รู้ว่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มีเท่าไหร่ ควรจะมีเท่าไหร่ ก็จะเป็นการดี หากศักดิ์ศรีของ มนุษย์นั้นธรรมชาติกำหนดมาว่า เป็นสัตว์ที่ สูงสุดกว่าสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัตว์พิเศษ เป็นสัตว์ประเสริฐ คือ จะเป็นอะไรก็ได้ จะไปเป็นเทวดาก็ได้ เป็นพรหมก็ได้ แล้วแต่การประพฤติปฏิบัติของมนุษย์นั่นเอง
มนุษย์มีศักดิ์ศรีสูงกว่าสัตว์ เพราะว่ามนุษย์สามารถจะมีธรรมะได้ มนุษย์มีมันสมองสูงกว่า สัตว์มากนัก จึงแก้ปัญหาได้มากกว่าสัตว์ ถ้าว่าไม่มีธรรมะแล้วก็ไม่มีมนุษย์ ที่จะสูงกว่าสัตว์ ก็จะมีมนุษย์ ในระดับเดียวกับสัตว์ นี่ศักดิ์ศรีของมนุษย์มี เพราะว่ามีธรรมะที่สามารถทำให้มีความสูง กว่าสัตว์ คำว่า สูงนี้สูงแห่งจิตใจ และสูงกว่า อะไร ที่เป็นปัญหาของมนุษย์นั้นเอง เหมือนกับว่าเราสูงพ้นน้ำ น้ำก็ท่วม ไม่ถึง ถ้าเรามีธรรมะอย่างมนุษย์จริง ปัญหายุ่งยากลำบาก หรือความทุกข์ของมนุษย์ก็ท่วมทับเราไม่ได้ นี่เรียกว่าสูง มีความสูง มีศักดิ์ศรีสูง เออ, ถึงขนาดที่ปัญหาหรือความทุกข์ อ่า, ท่วมทับไม่ได้
แต่เดี๋ยวนี้ดูแล้วมันน่าเศร้า คือว่าเรายังอยู่ในสภาพที่น่าละอายแมว ขอยกตัวอย่าง เอาแมว มาเป็น เครื่องเปรียบเทียบ แมวไม่ต้องปวดหัว แมวไม่ต้องเป็นโรคนอนไม่หลับ ไม่ต้องกินยานอนหลับ แมวไม่ เป็นโรคประสาทหรือเป็นบ้าเหมือนมนุษย์ ทำไมมนุษย์จึง ต้องเป็นไอ้โรค หรือประสบปัญหาชนิดที่ น่าละอายแมว เรายังอยู่ในสภาพอย่างนี้ เปรียบเทียบสักอย่างหนึ่งว่า มนุษย์กินยาแก้ปวดหัว หรือนอน ไม่หลับ กันวันหนึ่งนะทั้งโลกคงจะเป็นตัน ๆ ทีเดียว แต่แมวในโลกไม่ต้องกินสักเม็ดหนึ่ง นี่เราอยู่ใน สภาพที่ว่า ดูแล้วก็น่าละอายแมว หรือจะไปเทียบกับสัตว์เดรัจฉานอย่างอื่นก็ได้ อาตมาพูดเทียบกับแมว ค่อยยังชั่วหน่อย อย่าให้มันต่ำไปกว่านั้นเลย
ดูให้ดี ต่อไปนี้ก็ดูว่า ไอ้ชีวิตนี้เป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ ธรรมชาติกำหนดมาให้ ปรับปรุงได้ ให้เปลี่ยนแปลงได้ ให้ดีขึ้นไป ให้สูงขึ้นไป จนถึงสภาพสูงสุดที่มนุษย์จะ ดีได้ เกี่ยวกับข้อนี้ อาตมาสรุป ความสั้น ๆ ว่า ชีวิตนี้เติมธรรมะลงไปได้ ถ้าชีวิตนี้ยังไม่เต็มด้วยธรรมะ ก็เติมธรรมะลงไปได้ ในชีวิตนั้น ชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เติมธรรมะลงไปได้ ขอให้พวกเราเติมธรรมะลงไปในชีวิตของตนของตน ให้เป็นชีวิตที่เต็ม เสียโดยเร็วเถิด
รู้เรื่องของธรรมะในฐานะที่เป็นธรรมชาติอย่างไรก็ดี รู้เรื่องในฐานะที่เป็นกฎของธรรมชาติ อันเฉียบขาด เราจะดื้อดึงไม่ได้ก็ดี รู้เรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาตินั้น ๆ ให้ครบถ้วนแล้วประพฤติ ปฏิบัติอยู่ จนได้รับผลจากหน้าที่นั้น ๆ นี่เรียกได้ว่า ให้ธรรมะนำชีวิตไป ชีวิตถูกนำไปโดยธรรมะ ให้ชีวิตมนุษย์ถูกนำไปโดยธรรมะ อย่าให้ชีวิตของมนุษย์ถูกนำไปตามความต้องการของปาก ของท้อง ของเนื้อหนัง สรุปแล้วก็คือ กิเลส จงจัดให้ชีวิตนี้ ถูกธรรมะนำไป อย่าให้ถูกกิเลสนำไป ให้ธรรมะเป็น เครื่องนำชีวิต ถ้ายังไม่เต็มก็เติมลงไป ชีวิตก็จะสูงขึ้น สูงขึ้น ตามอำนาจของธรรมะนั้น
เดี๋ยวนี้เราปล่อยให้ความต้องการ ของปาก ของท้อง ของเนื้อหนัง ของไอ้เรื่องของกิเลสนำไป บูชาเหยื่อของกิเลส เป็นพระเจ้า บูชาเหยื่อของกิเลสเป็นสิ่งสูงสุดกว่าสิ่งใด ทำอะไรอะไร ก็เพื่อได้มาซึ่ง เหยื่อของกิเลส คือ ความเอร็ดอร่อย สนุกสนาน เพลิดเพลินทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย คือ ผิวหนัง อย่างนี้แล้วมันจะสูงได้อย่างไร มันจมอยู่ใต้อำนาจของเหยื่อแห่งกิเลสนั้น
เป็นอันว่าเรา มาพิจารณาดูกันเสียใหม่ ให้เห็นตามที่เป็นจริง ว่าบัดนี้พวกเรายังใช้ชีวิตไม่สมค่า ของธรรมะ เรายังใช้ชีวิตไม่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของเรา เรามาทำความเข้าใจกันใหม่ ปรับปรุงกันใหม่ จงใช้ชีวิตหรือมีชีวิตนี้ ให้คุ้มค่าหรือให้สมศักดิ์ศรีของคำว่า เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วโลก ของเราซึ่งประกอบกันขึ้นด้วยพวกเรา ก็จะเป็นโลกที่น่าอยู่น่าดู ไม่เต็มไปด้วยวิกฤตการณ์อันเลวร้าย ดังที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้
หวังว่าท่านทั้งหลาย ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ท่านผู้สนใจในธรรมทั้งหลายจะได้พินิจพิจารณาดูให้ดี ๆ รีบปรับปรุง เพื่อใช้ชีวิตนี้ให้สมกับค่าของธรรมะ และสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ให้มีความสะอาด ความสว่างและความสงบอยู่ อย่างเป็นสุข ทุกทิพาราตรีกาล เทอญ